สมถกรรมฐาน2

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย poom076, 22 มกราคม 2008.

  1. poom076

    poom076 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +689
    (sing)
    ในอดีตที่ผ่านมาในสมัยพุทธกาลนั้นมีเจ้าลัทธิศาสนามากมายที่ประกาศทิฎฐิความเชื่อความรู้ที่ตนเองเชื่อถือและบรรลุว่าเป็นที่สุดของทุกสิ่งเที่ยงแท้ควรยึดถือเป็นทางเดินของชีวิตซึ่งพระพุทธองค์จำแนกออกได้ถึง 62 ทิฏฐิซึ่งล้วนเป็นมิจฉาทิฎฐิทั้งสิ้น มีบางกลุ่มที่กล่าวถึงระดับของฌานที่ตนบรรลุว่าเป็นที่สุดของทุกสิ่ง( นิพพาน) ผู้ที่บรรลุเพียงปฐมฌานก็ถือว่าปฐมฌานคือนิพพาน ผู้บรรลุเพียงทุติยฌานก็ถือว่าทุติยฌานคือนิพพาน ผู้บรรลุเพียงตติยฌานก็ถือว่าตติยฌานคือนิพพาน ผู้บรรลุเพียงจตุตถฌานก็ถือว่าจตุตถฌานคือนิพพาน คือพวกทิฎฐิธัมมนิพพาน 5 ส่วนกลุ่มที่ไม่รู้จักฌานก็ยึดถือว่าการเพียบพร้อมด้วยกามคุณห้าคือนิพพาน สัมมาทิฎฐิในพุทธศาสนานั้นอยู่นอกเหนือทิฎฐิเหล่านี้

    <O:p</O:p

    <O:p</O:p

    จิตไม่ใช่ใจใจไม่ใช่จิต<O:p</O:p

    จิตไม่ใช่ผู้รู้ <O:p</O:p

    ผู้รู้คือวิญญาณธาต<O:p</O:p







    <O:p</O:p


    เมื่อมาถึงปัจจุบันสำหรับผู้ที่เคยได้ฝึกฝนทางจิตมาบ้างและมีประสบการณ์ทางจิตเกิดขึ้นจึงควรได้พิจารณาถึงภูมิธรรมของตนเองที่ได้เข้าถึงจากการฝึกปฏิบัติที่ผ่านมาโดยเฉพาะผู้ที่ฝึกทำจิตให้สงบนิ่งที่ฐานต่างอาจเข้าใจว่าสภาวะที่เกิดขึ้นกับเราเป็นการได้เห็นธรรมะทำให้พ้นทุกข์ได้เป็นความจริงหรือไม่หรือแท้จริงภูมิจิตของเรายังอยู่กับอารมณ์ของฌานอยู่เพราะภาวะของตติยฌานกับจตุตถฌานนั้นง่ายต่อการที่จะหลงเข้าไปยึดถือว่าเป็นธรรมเป็นนิพพานซึ่งมีข้อควรพิจารณาดังนี้(kiss)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2008
  2. poom076

    poom076 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +689
    กรณีที่หนึ่ง<O:p</O:p
    ในตติยฌานแสงสีเหลืองที่ปรากฏแสงนี้ได้เรียกกันว่าเป็นความสว่าง แสงสีขาวที่ปรากฏได้เรียกกันว่าเป็นความสะอาดเป็นความบริสุทธิ์ในจตุตถฌาน ความว่างที่ปรากฏก็เรียกกันว่าเป็นความสงบจึงสรุปกันว่าธรรมะนั้นคือความสว่างสะอาดสงบซึ่งธรรมะนั้นไม่ใช่ภาวะเหล่านี้สภาวธรรมนั้นเป็นภาวะจิตที่ไม่ยึดเกาะปรุงแต่งพลังงานใดทั้งเป็นอิสระจากขันธ์ห้า ความสว่างความสะอาดความสงบเป็นพลังงานที่อยู่ภายในอะตอมเป็นอาการของวิญญาณธาตุที่ละเอียดอันเป็นหนึ่งในขันธ์ห้า การที่จิตยังยึดเกาะวิญญาณขันธ์อยู่แล้วจิตจะหลุดพ้นได้อย่างไร

    <O:p</O:pกรณีที่สอง<O:p</O:p
    ในตติยฌานเมื่อภาพนิมิตเกิดขึ้นโดยเฉพาะภาพที่เราเข้าใจมาก่อนว่าเป็นภาพที่ดีเช่นภาพพระพุทธรูปพระพุทธองค์ภาพพระที่เราคิดว่าเป็นพระอรหันต์ปรากฏขึ้นมาเราก็เข้าใจว่าการเห็นเช่นนี้คือการเห็นธรรมเห็นนิพพาน ความเข้าใจเช่นนี้ยังห่างจากความจริงมากนักเพราะจิตที่เข้าถึงสภาวธรรมนั้นเป็นจิตที่ไม่ยึดเกาะปรุงแต่งพลังงานใดๆทั้งเป็นอิสระจากขันธ์ห้า ภาพนิมิตเหล่านี้แท้จริงก็คือพลังงานแสงพลังงานแสงก็คืออนุภาคโฟตอน (Photon) ที่อยู่ในวงโคจรในอะตอมการที่จิตยังยึดเกาะอนุภาคโฟตอนอยู่แล้วจิตจะหลุดพ้นได้อย่างไร
    (sing) (kiss)
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2008
  3. poom076

    poom076 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +689
    กรณีที่สาม<O:p</O:p
    ในตติยฌานธาตุรู้จะมีกำลังเต็มที่ทำงานเต็มที่เราสามารถขยายขอบเขตความสามารถในการรู้เห็นสิ่งต่างได้หากอยากรู้อยากเห็นสิ่งใดกำหนดนึกไปภาพสิ่งที่เราอยากเห็นจะมาปรากฏสามารถรู้ความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นสัตว์อื่นรู้อดีตอนาคตรู้เห็นภพภูมิอื่นภาวะที่เกิดขึ้นเช่นนี้เป็นเพราะจิตรวมกับธาตุรู้ตลอดเวลาทำให้เราเข้าใจว่า จิตคือผู้รู้ซึ่งจิตนั้นไม่ใช่ผู้รู้แต่มาอาศัยผู้รู้อยู่ผู้รู้นั้นคือธาตุรู้(วิญญาณธาตุ) หากเรายังเข้าใจว่าจิตคือผู้รู้แล้วเราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสภาพจิตที่หลุดพ้นจากธาตุรู้เป็นอย่างไร<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    กรณีที่สี่<O:p</O:p
    การฝึกจิตให้รวมเป็นหนึ่งกับธาตุรู้ที่ใจเกิดภาวะเป็นความสว่างสะอาดสงบจะทำให้เราสรุปว่าการได้ธรรมะได้กันที่ใจและจะเกิดความเข้าใจว่าจิตกับใจคือสิ่งเดียวกันเพราะวิธีการฝึกอย่างนี้เราต้องทำจิตให้อยู่กับใจตลอดเวลาจึงเป็นไปไม่ได้ที่จิตกับใจจะแยกจากกัน โดยปกติใจก็มีอนุสัยกิเลสรักชังส่งแรงตัณหาไปร้อยรัดจิตอยู่แล้ว ดังนั้นหากฝึกจิตเช่นนี้ต่อไปเราจะไม่เห็นความแตกต่างระหว่างจิตกับใจและไม่ได้ธรรมะที่จริงแท้ การจะได้ธรรมะนั้นจิตต้องหลุดพ้นออกจากใจที่เป็นอายตนะเป็นมโนวิญญาณขันธ์
    (sing) (kiss) (smile)
    <O:p</O:p
     
  4. poom076

    poom076 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +689
    กรณีที่ห้า<O:p</O:p
    ก่อนที่พระพุทธองค์จะตรัสรู้ท่านก็ได้ไปศึกษาการเข้าฌานจากสำนักต่างหากภาวะฌานระดับใดระดับหนึ่งสามารถนำท่านพ้นทุกข์จากเกิดแก่เจ็บตายได้ท่านคงไม่ต้องไปค้นหาเพิ่มเติมและพุทธศาสนาก็คงไม่อุบัติขึ้นในโลกสมัยนั้นการฝึกจิตมีเฉพาะวิธีการสมถะกรรมฐานทำจิตให้สงบที่ฐานใดฐานหนึ่ง แต่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่มีการฝึกจิตด้วยวิธีวิปัสสนากรรมฐานและวิธีการนี้เองที่แสดงถึงความเป็นพุทธ เพราะเป็นวิธีการทำให้จิตแยกออกมาจากใจได้

    <O:p</O:pแต่ถึงอย่างไรการรู้เรื่องของฌานก็เป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์มากหากเรารู้จักการนำมาใช้กับชีวิตประจำวัน เพราะฌานนอกจากจะใช้เพื่อเป็นเครื่องมือเพื่อให้ถึงความพ้นทุกข์แล้วยังสามารถเป็นที่อยู่เป็นที่พักของจิตได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นความสงบระดับไหนก็ใช้พักได้ทั้งนั้นเนื่องจากในชีวิตประจำวันเราต้องเหนื่อยกับการงานการคิดการนึกกิจกรรมต่างเหล่านี้ จะทำให้จิตเสียพลังความสงบความสว่างความบริสุทธิ์และความว่างไป นอกเหนือจากการนอนหลับแล้วการฝึกฝนจิตให้สงบเป็นวิธีให้จิตได้รับการพักผ่อนที่ดีที่สุดเพื่อให้จิตได้ฟื้นฟูกำลังเพื่อไปทำกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นต่อไป

    (sing) (kiss) (smile) (good) <O:p</O:p
     
  5. poom076

    poom076 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +689
    ฌานทั้งสี่ระดับดังกล่าวข้างต้นเรียกว่ารูปฌาน ระดับชั้นของความสงบละเอียดของจิตที่ละเอียดกว่ารูปฌานคืออรูปฌานเป็นอารมณ์ของฌานที่เพิกถอนออกจากระดับพลังงานของรูปในขณะที่การพัฒนาทางปัญญาที่ยอดเยี่ยมของมนุษย์ ทางโลกตะวันตกก็ถูกผลักดันด้วยคำถามอะไรคือที่สุดของทุกสิ่งเช่นกันและนำไปสู่การค้นพบอะตอม (Atom) โครงสร้างของอะตอม(Atomic structure), ระดับพลังงานในอะตอม(Energy level) และการให้พลังความร้อนและพลังแสงโดยมิได้ต่อเนื่องกันที่มีจังหวะละเอียดมากของอะตอมที่เรียกว่าควอนตัม (Quantum) อะตอมนั้นคือส่วนที่เล็กที่สุดอย่างหนึ่งของสสารที่ประกอบกันขึ้นเป็นสิ่งต่างในเซลล์ประสาทก็เช่นกันมีอะตอมจำนวนมหาศาลที่เรียงร้อยถักทอเชื่อมโยงต่อกันเป็นเซลล์ประสาทขึ้นมาและธาตุรู้-วิญญาณธาตุก็สถิตย์อยู่ในอะตอมนี้ ทุกสิ่งที่อยู่ในจักรวาล ไม่ว่าจะมีโครงสร้างขนาดใหญ่หรือเล็กย่อมมีจุดศูนย์กลางที่เป็นแก่นหรือแกนกลางอยู่เสมอและพยายามปรับตัวให้มีความสมดุลของรูปทรง และพลังงานที่สุดรูปทรงดังกล่าวก็คือทรงกลมอะตอมก็เช่นกันเป็นทรงกลมของระดับชั้นของพลังที่อยู่ภายใน

    (sing) (kiss) (smile) (f) (good) <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...