ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จร่างพระธรรมพระเจ้าซ้อนเงา(ภาคหล่อเลี้ยงพ่อจักรพรรดิเงา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    พลังงาน

    วันนี้จะสรุปเรื่องพลังงาน ที่พ่ออาจารย์กล่าวสอนไว้ให้ฟัง

    พวกเราจะเชื่อมั่นกัน ว่าวัตถุมงคลนั้นมีพลังงานบางอย่างแฝงอยู่ภายใน และการที่เราบูชาก็เพื่อจุดมุ่งหวังของเเต่ละท่านที่มีความประสงค์แตกต่างกันออกไป เพื่อโชคลาภเงินทอง เพื่อความสำเร็จในชีวิตในหน้าที่การงาน เพื่อความรัก

    พลังงานเหล่านี้ปราศจากรูป เป็นพลังงานที่มีทั้งด้านบวกและด้านลบอยู่ในตนเอง บวกเช่นไรลบอย่างไร เช่นเรื่องความรักประสบความสำเร็จมีชีวิตคู่ที่รักเราอย่างงดงาม นี่ก็ในเเง่บวก แต่ถ้าเป็นพวกร่านราคะมั่วสุมอยู่ในกองกิเลสตัณหานี่ก็เเง่ลบ

    เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า พลังงานเเละความเชื่อเหล่านี้มีมาเนิ่นนานเเล้ว มีมาก่อนเกิดพระพุทธศาสนา หยั่งลึกฝังรากปะปนอยู่กับคติการใช้ชีวิตของมนุษย์ คนเเต่ละท้องถิ่น แต่ละเเคว้นแต่ละทวีปก็จะมีความเชื่อเเละคติการนับถือที่ต่างกัน เเต่โดยรวมเเล้วก็มีการเชื่อถือสิ่งที่เหนือกว่าธรรมชาติ ซึ่งจริงๆเเล้วนั้นอะไรที่จะอยู่เหนือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นี้ย่อมไม่มี

    พลังงานต่างๆที่อยู่ในวัตถุมงคลนั้นก็เกิดมาจากการฝึกจิตของคนๆหนึ่ง ที่จะผสมผสานใส่ธาตุหนุนธาตุทำวิชาต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมา ทีนี้พลังงานที่อยู่ภายในคืออะไร มันก็หนีไม่พ้นหลังงานจากธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นี้อยู่ดี ตัวผู้สร้างผู้เสกเป็นเสมือนสื่อเท่านั้น

    หลายคนพอได้ยินคำว่าไสยศาสตร์ ก็มักจะคิดออกกันแค่คาถาอาคมยันต์ต่างๆอักขระขอม ความจริงไสยศาสตร์นั้นเกิดมานานเเล้ว นานกว่าสมัยขอมจะมีอำนาจรุ่งเรืองประดิษฐ์ตัวอักษรออกมาใช้กันเสียอีก รากเหง้าของไสยศาสตร์ความเชื่อก็สืบเนืองมาจากคติเทวะนิยมของพราหมณ์ฮินดูโบราณ ไทยเราเรียกไสยศาสตร์แต่ชื่อเดิมนั้นคือไศวะศาสตร์หมายถึงศาสตร์ของพระศิวะ ศาสตร์ในการบูชาเทพเจ้า เราก็เอามาแปลงให้ความหมายผิดไปเลอะเทอะเปรอะเปื้อนถึงขนาดเอาตำราพุทธาคม ยันต์ที่เป็นหมวดหมู่การจัดวางพระพุทธพจน์ต่างๆไปเรียกปนเปว่าเป็นไสยศาสตร์ ซึ่งมันเป็นคนละเรื่องเเค่รากเหง้าก็ผิดกันเเล้ว ทั้งนี้เนื่องจากไม่มีใครสอนหรือบอกกล่าวเขาเรื่องความเชื่อความหมายของสิ่งเหล่านี้

    มาย้อนทบทวนกันใหม่ คำว่าไสยศาสตร์หรือไศวะศาสตร์นั้นก็คือศาสตร์บูชาพระศิวะซึ่งก็อีกนั่นเเหละ เทพเจ้าที่สูงย่อมไม่ปรารถนาอะไรนอกจากกำลังใจน้ำลายไอปากของผู้บูชา เเต่พอผ่านยุคสมัยมากเข้ามากเข้า พิธีกรรมวิจิตรพิศดารที่สนองตัณหาเเละกิเลสของตัวมนุษย์เองที่ต่อเติมลงไปคิดว่าเทพเจ้าจะพอใจก็กลายเป็นการดูถูกเหยียดหยามเทพเจ้าของตนเสียอีก มีการฆ่าสัตว์การรวมประเวณีหมู่เพื่อบูชาเทพเจ้า สิ่งนี้เรียกว่าดึงฟ้าลงต่ำ ส่วนตัวเราก็ไม่เคยเห็นใครได้ดีนอกจากจะหมกมุ่นเเละดำเนินไปสู่ทางฉิบหายเสียเท่านั้น

    ทำไมพระพุทธเจ้า ถึงไม่เเสดงพระพุทธวินิจฉัยลงไปเรื่องเทพเจ้าของพราหมณ์ ทำไมท่านถึงไม่เเตะต้องไม่ปฏิเสธ เพราะเทพเจ้าของเขานั้น เป็นเหมือนรูปกายที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ พลังงานลมก็เรียกว่าพระพาย พลังงานไฟก็เรียกพระอัคนี พลังงานธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ต่างๆเกี่ยวกับฤดูกาลเกี่ยวกับดวงดาวถูกจัดเเบ่งเป็นหมวดหมู่เป็นเทวราชของเขาทั้งหมด ก็จะไปเถียงเขาได้อย่างไรก็เพราะเทวะเหล่านั้นก็คือพลังงานธรรมชาติทั้งหลายนั่นเอง สิ่งนี้ก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาเอาว่าพลังงานธรรมชาติเหล่านี้มีอยู่จริงหรือไม่ เมื่อมีรูปเปรียบเป็นเทพยดาเเล้ว ผ่านพิธีกรรมความเชื่อบูชามานับพันปีก็ย่อมจะมีตัวรู้เป็นพลังงานธรรมชาติที่มีพฤติกรรมสนองตอบเเก่ผู้ศรัทธาเเละบูชา

    ตัวเราเองเปรียบวัตถุมงคลไว้เป็นเสมือนสื่อ ที่เราจะเลือกใช้พลังงานต่างๆออกไปในรูปแบบไหน สิ่งเหล่านี้ครูบาอาจารย์สอนว่าอย่าหมกมุ่น เป็นเสมือนของเล่นของพระอริยะไม่ใช่หนทางให้พ้นทุกข์หรือออกจากการเวียนว่ายตายเกิดเเต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความจำเป็นกับชีวิตมนุษย์ที่ยังปากกัดตีนถีบเพื่อเอาตัวรอดในสังคมปัจจุบัน

    โลกนี้ดำเนินมาถึงจุดๆหนึ่ง เข้าสู่ยุคที่มนุษย์มีการเเข่งขันเเย่งชิงเเละกระทำการโหดร้ายหนักกว่าเเต่ก่อนมาก มันเปลี่ยนเเปลงไปตามยุคเเละวันเวลา เพราะฉะนั้นวิชาที่ครูบาอาจารย์ในอดีตนำมาใช้มันจึงยังไม่พอ เพราะว่าเทียบโลกวันนี้ กับซัก50ปีที่เเล้ว มันต่างกันจนเราประมาณไม่ได้ พฤติการณ์ของมนุษย์ปัจจุบันนี้ ทีดีก็ดีไปเลย ที่้พอมีดีบ้างก็เสมอตัว ที่เลวก็เลวระยำกว่าเดรัจฉาน เพราะฉะนั้นถ้าจะทำวัตถุมงคลมาช่วยคนจริงๆนั้นก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ ครูบาอาจารย์เเต่โบราณใช้ยันต์ตัวเดียวก็ได้ผลเเล้ว เเต่กับสมัยนี้ของอย่างเดียวต้องเสกเพิ่มไปเสียไม่รู้กี่อย่าง วิชาที่กำลังจะถูกลืมจะจางหายไปก็ต้องเอากลับมาใช้ ที่ว่าเป็นของสูงสมัยก่อนทำให้กับจักรพรรดิกับพระเจ้าเเผ่นดินก็ต้องเอามาทำให้คนธรรมดา เพราะอะไร อย่างเราทำธุกิจโลกธุกิจเรามันก็เหมือนเมืองๆหนึ่งมีประชากรมีพนักงานที่จะต้องคอยดูเเล แถมยังมีคู่เเข่งมากมายประมาณไม่ได้ที่ชิงไหวชิงพริบกันไม่ต่างจากสงครามประสาท สำหรับโลกณ.ปัจจุบันนี้ ไม่มีอะไรที่เกินความจำเป็นเลย มีเเต่จะไม่พอเสียด้วยซ้ำ

    การเข้าสู่ยุคเสื่อมถอยของศีลธรรม ยุคเสื่อมของพระพุทธศาสนา เเม้เเต่พราหมณ์เขายังเรียกยุคนี้ว่ากลียุค จะศาสนาไหนยุคนี้ก็เหมือนยุคทมิฬ มันก็เป็นความโชคดีบนความโชคร้าย ที่ว่าดีคือยังไม่มาก เพราะอนาคตจะหนักหนาสาหัสกว่านี้จนประมาณไม่ได้ เอาง่ายๆความคิดของมนุษย์ไม่สามารถหยั่งถึงกันเลย ที่ว่าร้ายคือถ้าต้องมาเกิดในยุคที่หนักหนาสาหัสกว่านี้ก็ไม่เห็นหนทางที่จะมีความสุขเลย เราจึงย้ำให้เจริญสติทำความดีให้มากรู้จักการเเบ่งปันการให้อภัย เวลาทำบุญก็อธิษฐานไปเลย ว่าเราขอไปเกิดเป็นเทวดาชั้นต่ำที่สุดคือดาวดึงษ์ไม่ขอลงมาบนโลกมนุษย์นี้อีก จนกว่าจะถึงยุคพระศาสนาของพระศรีอาริย์ ยุคที่มนุษย์มีใจเอื้อเฟื้อโอบอ้อมอารีย์มีน้ำใจไมตรีต่อกัน ศีลธรรมเจริญงอกงาม ระหว่างนี้ก็ขอให้ได้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภูมิสุคติโลกสวรรค์

    สิ่งที่สวยงามทุกวันนี้มองพิจารณาจริงๆเเล้วก็มีเเต่โทษ ที่ว่าตึกใหญ่ติดไฟประดับเจริญหูเจริญตาเมื่อใช้สติพิจารณาให้เห็นรากเหง้าของมัน ก็จะกลับคืนสู่ความว่างเปล่าเเละธรรมชาติ จะรูปสวยเป็นนางงามดาราเกาหลีญี่ปุ่น สุดท้ายใช้ตาในมองไปก็คือหัวกระโหลกกับโครงกระดูกไม่เเตกต่างจากคนหน้าตาอัปลักษณ์เเต่อย่างใด ให้เราเลือก เราขออยู่ป่าอยู่กับธรรมชาติยังดีเสียกว่า เเต่ในข้อเสียก็มีข้อดีมหันต์ ที่เเม้เเต่ในสมัยพระพุทธเจ้ายังไม่มี นั่นก็คือเเค่เราก้าวขาออกจากบ้านหากเราเจริญสติในทุกย่างก้าวเเล้วทุกอย่างรอบตัวล้วนเก็บมาพิจารณาได้หมด ไอ้สิ่งที่สวยงามฟุ้งเฟ้อรูปลักษณ์นี้มันเป็นประโยชน์กับการพิจารณาของผู้ประพฤติธรรมทั้งนั้น

    ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่นี้ มีพลังงานแฝงรูปซ่อนเร้นอยู่ในตัวเอง มีพลังงานที่อยู่เหนือกฏธรรมชาติขึ้นไปอีกก็มี การดึงเอาพลังงานเหล่านี้มาใช้มาปรุงเเต่งก็เหมือนการทำอาหารที่ต้องถามคนกิน ว่าชอบกินอะไรต้องการอะไร ก็ทำรสชาติไปให้ถูกปากถูกคอนั้น เเต่สุดท้ายเมื่อกินเมื่อเสพย์เเล้วมันก็ยังหมุนไปตามวงจรกฏเเห่งกรรมอยู่ดีชีวิตก็ต้องคืนสู่เถ้าธุลี ถ้าจะถามเราว่าเเล้วจะใช้วัตถุมงคลทำไมในเมื่อต้องอยู่ในวงจรกฏเเห่งกรรม ก็ตอบได้เลยว่ามีพ่อที่ไหนที่อยากให้ลูกตกต่ำที่สุดบ้าง เมื่อกรรมสนองเธออย่างน้อยของที่เราทำลมหายใจน้ำลายไอปาก พลังงานพลังจิตคุณงามความดีที่เราประมวลสั่งสมอัญเชิญมาทั้งของเราของครูบาอาจารย์ก็จะเป็นเสมือนไม้เท้าคอยค้ำเธอไว้ ตกก็ไม่ให้ตกลงมามากไม่ให้เธอเจ็บ ถ้ามีช่องทางมีโอกาสก็จะช่วยเสริมให้ประสบความสำเร็จได้ง่าย เราก็ไม่ได้ขออะไรมากนอกจากให้คนใช้รักษาศีลไหว้พระสวดมนต์ รู้จักการนั่งสมาธิเจริญสติเเละหัดเป็นคนที่ให้เเละคอยช่วยเหลือสังคมบ้าง เพราะเมื่อรู้จักการให้เเล้วเธอย่อมได้รับกลับมาเเน่นอนวัตถุมงคลจะเสริมจะเร่งให้ไวขึ้นก็เป็นอีกส่วนนึง

    อ่านไว้ ถ้าจดจำได้นำไปพิจารณาก็ดี ถ้าเบื่อก็PM แจ้งมา เป็นครูบาอาจารย์เราความเชื่อท่านก็สั่งสอนถ่ายทอดเรา ที่ไม่่อยากพิมพ์เพราะกลัวคนจะมองเเตกต่างเเละมีอคติกับครูของเรา และเราก็เชื่อว่า ครูของเราจะไม่พูดสิ่งที่เปล่าประโยชน์แน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2014
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    มนต์มหาจืด(ธรรมจืด) วิทยาทาน

    อนิจจา วต สังขารา อุปปาทวยธัมมิโน

    อุปปัชชิตวา นิรุชชันติ เตสัง วูปสโม สุโข


    คาถาบทนี้แปลเป็นพระพุทธพจน์ว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีอันเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา บังเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป การเข้าไประงับสังขารเหล่านั้นเสียได้ เป็นความสุข

    เมื่อจะใช้เป็นคาถานั้น ให้ภาวนาไปเรื่อนๆจนเหลือเพียงคำๆเดียว อันนี้เป็นเคล็ดวิชาไม่ถ่ายทอด ท่านว่าธรรมเเละวิชาทั้งหลายของครูของอาจารย์ในเเถบถิ่นนั้นไม่ว่าจะเก่งกล้าสามารถมาเเต่ไหน ที่เราดำเนินเข้าไป เป็นอันจืดชืดเงียบสนิทใช้ไม่ขึ้น คล้ายๆกับลดทอนอานุภาพคาถาความศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายตรงข้าม ใช้กับวัตถุมงคลก็ได้ ถ้ากลัวใครเค้ามีของดีกว่าเราเเสดงอานุภาพทับข่มเราบทนี้ภาวนาไปก็ใช้ได้เช่นกันจืดชืดเงียบสนิท ส่งผลให้ตนเองมีอำนาจเหนือกว่าบุคคลอื่นในทุกถิ่น ทุกที่เเละทุกโอกาส เสมอๆ
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    การทำบุญให้ทาน ง่ายนิดเดียว อยู่ที่ไหน ใครก็ทำได้

    เคล็ดการให้ทานง่ายๆแบบพ่ออาจารย์พล

    กายกรรม3 วจีกรรม4 มโนกรรม3 การกระทำบุญให้ได้อานิสงค์ถึงพร้อมจะต้องประกอบไปด้วยสามสิ่งเหล่านี้

    หลายคนคิดว่าการทำบุญจะต้องออกจากบ้าน ไปวัดบ้าง ไปสถานสงเคราะห์เด็กบ้าง พูดง่ายๆคือต้องก้าวขาถึงจะทำได้

    เเต่การทำบุญภายในนั้นก็มี นอกจากการเลี้ยงดูบิดามารดา บุตรภริยาเเล้ว การทำบุญที่สามารถทำได้เสมอในส่วนของการให้ทานก็ยังมี

    เมื่อเราจะรับประทานอาหาร ข้าว น้ำ นม หรืออื่นๆ วันนึงปกติเราบริโภคกัน3มื้อ ไหนจะน้ำจะนมเเละอื่นๆอีกจริงมั๊ย ก่อนเราจะทานสิ่งเหล่านั้น เราสามารถทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดเเก่ตัวเราเองได้ เมื่อมีอาหาร น้ำดื่มหรือนมต่างๆ อยู่ตรงหน้าเเล้ว ให้เราตั้งจิตให้ดี ให้เป็นสมาธิซักครู่หนึ่ง

    กล่าวคาถาถวายข้าวพระพุทธว่า
    อิมัง สูปพยัญชนะ สัมปันนัง สาลีนัง โภชนานัง อุทกังวะรัง พุทธัสสะ ปูเชมิ

    หลังจากนั้นก็นั่งนิ่งซักครู่กำหนดจิตเรา นึกคิดเอาเองนี่เเหละว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้สัพพัญญู ทรงเปิดบาตรรับอาหารเราและเเสดงอนุโมทนา นี่คือกำลังใจล้วนๆ
    หลังจากนั้นก็มานั่งพิจารณาอาหาร ว่าอาหารหรือน้ำหรือนมที่เรากำลังจะกินนี้ เรากินเพื่อความอยู่รอด เพื่อสุขภาพของร่างกาย ไม่ได้กินเพื่อรสชาติความอร่อย ไม่ได้กินเกินความจำเป็น เรากินเพื่อประทังชีวิต ให้ชีวิตนี้มีแรงสามารถต่อสู้กับปัญหาเเละอุปสรรคต่างๆ กินเพื่อให้ขันธ์ทั้ง5ดำรงค์อยู่ไม่เสื่อมโทรม เราจะใช้ประโยชน์จากอาหารนี้เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานการดำรงค์อยู่ของเรา รวมไปถึงการเผื่อแผ่ช่วยเหลือสรรพสัตว์อื่นโดยรอบ
    ทีนี้เมื่อพิจารณาเสร็จเเล้ว ก็กล่าวลาว่า เสสัง มังคลัง ยาจามิ นำมาทานได้เลย ถ้าปฏิบัติให้ชำนาญขั้นตอนเหล่านี้ไม่ถึง1นาทีด้วยซ้ำไม่เป็นที่ผิดสังเกตุหรือจับตาของคนรอบข้างเเน่นอน ขึ้นอยู่กับกำลังใจอย่างเดียวเท่านั้น

    การให้ทานเช่นนี้ทำได้ง่ายวันหนึ่งทำได้ตก6-8รอบเพราะเเม้เเต่น้ำเปล่าเเก้วเดียวก็สามารถทำได้ เเล้วถ้าจะอคติว่าเลยเพลไปทำได้หรอ การให้ทานนั้นทำได้ตลอดเพื่อเป็นอุบายในการกล่อมเกลาสันดานเดิมของตัวเอง ไม่ต้องไปเกี่ยงว่าพระพุทธเจ้าจะลงมาฉันหรือรับเเล้วจะฉันอย่างไร เพราะนี่คือการให้ด้วยกำลังใจ การพิจารณาด้วยวาจา และก็เป็นการกระทำที่ตั้งใจ ดังนั้นจึงถือว่าเป็นการให้ที่สมบูรณ์พร้อม เเม้พระศาสนาจะล่วงมาสองพันกว่าปีพระพุทธเจ้าจะปรินิพพานไปแล้ว เเต่พระธรรมเเละธาตุรู้ของพระองค์ยังดำรงค์อยู่ ดังนั้นไม่ต้องกลัว เราจึงมักกล่าวเสมอว่าการทำทานกับพระพุทธเจ้านั้นง่ายนิดเดียว

    ที่สอนนี้ ใครปรารถนาจะทำก็ย่อมทำได้ไม่เสียเวลาอะไรมากนักเเละยังดีกับตนเอง อาหารที่ทานน้ำหรือนมที่ดื่มก็เปรียบเสมือนได้กินของที่เหลือจากพระพุทธเป็นสิริมงคลแก่ตนเองเเละยังอธิษฐานใช้เป็นยารักษาโรคได้ด้วย
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    คำขอขมาครู (วิทยาทาน)

    โยโทโส โมหะจิเตนะ อาจาริยัสมิง ปะกะโตมะยา ขะมะขะเมกะตังโทสัง สัพพะปามังวินาสสันติ อะตีตังโทสัง ปัจจุปันนังโทสัง อนาคตังโทสัง กายะกิริยากัมมัง วจีกัมมัง ผัสสะวัตถุ วัตถาโทสัง อนุเสสะโทสัง ภันเต ขมามิ

    พ่ออาจารย์ท่านให้ท่องให้สวดไว้ทุกคน เพราะคนเราอาจจะกล่าววาจาพลาดพลั้งล่วงเกินครูบาอาจารย์เเละประพฤติผิดกับท่าน ทั้งที่รู้เท่าถึงการณ์ก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี อาจเคยทำไว้เเต่อดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี และเเรงครูนั้นก็จะส่งผลให้เขาตกต่ำทำอะไรไม่เจริญ

    ท่านให้สวดพระคาถาบทนี้ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เพื่อขอขมาครูบาอาจารย์ที่เราอาจจะเผลอหรือตั้งใจสบประมาทล่วงเกินท่านไว้ เพื่อจะลดทอนเเรงพิโรธโกรธเกรี้ยว อย่างน้อยเมื่อผู้ทำรู้สึกผิดเเละกล่าวคำขอขมาเเล้วครูผู้ประเสริฐเปรียบดั่งพ่อแม่คนที่สองของลูกก็จะเมตตาให้อภัย คลายเรื่องราวเเละวิกฤติต่างๆที่ท่านดลบันดาลให้เกิดขึ้นกับชีวิตของผู้ที่ล่วงเกินเเละจาบจ้วงท่านลงมาบ้าง

    หมั่นสวดบ่อยๆ เป็นประโยชน์แก่ตัวเองนักหนา ท่านว่าไว้เช่นนี้ เพราะชีวิตเราวันๆหนึ่ง ไม่รู้ไปพูดล่วงเกินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนมาบ้าง จะได้ไม่ต้องติดบ่วงมีปัญหาเเละอุปสรรคเข้ามาขวางทางเยอะ
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    คาถาวันละนิด คาถาขอนิมิตรดี(ฝันดี)

    อิรัมมะตัญญานุภาเวนะสะตะยุปุคุอิวะ

    พระคาถาบทนี้ให้ภาวนาไว้เพื่อจะได้มีนิมิตรที่ดี ต้องการขอนิมิตรจากเทวดาก็ใช้บทนี้ได้เลย อยากรู้อะไรก็ตั้งความปรารถนาไว้ หลวงปู่ยิ้มท่านกำหนดให้ท่อง 84,000จบ ถึงจะสำเร็จ

    เเต่สมัยนี้คนหามีความเพียรเเบบนั้น พ่ออาจารย์ท่านให้ท่องบ่อยๆท่องสะสมไปเรื่อยๆได้ไม่เหนื่อย เอาว่าเราท่องไปจนเราหลับนั่นเเหละ ถ้ากำลังใจถึงใช้ได้เหมือนกัน อย่าเอาไปขอให้ฝันเห็นหวยเห็นเลขเพราะมันไร้สาระ เจอครูบาอาจารย์ท่านลองเเกล้งจะหมดเนื้อหมดตัวได้ อุปเท่ห์ใช้ได้เยอะตามชื่อขอนิมิตรเลย นึกถึงหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวเเละพ่ออาจารย์พลเป็นที่สุดก็พอ
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    พระคาถา เรียกคาถาที่คนมีของดีสูบออกจากตัว

    สะเรมัดธะอาบุตรตะเม

    สำหรับใครที่มีวัตถุมงคลของพ่ออาจารย์พลจดกันไปเลย ท่องให้ขึ้นใจใช้ให้มั่นพระคาถานี้ใช้เรียกคาถาอาคมที่ถูกคนมีของดีทั้งหลายสูบออกจากตัว คาถาเเละวิชาเหล่านั้นไม่ได้ไปไหน สมัยนี้คนลองวิชาคัดของถอนของกันเยอะ ว่างๆเราก็นั่งเรียกสูบเข้ามาใส่ของพ่ออาจารย์พลของเรา พูดง่ายๆก็เหมือนเพิ่มฤทธิ์ให้วัตถุมงคลสูงขึ้นเรื่อยๆไม่มีจำกัดยิ่งทำยิ่งได้ ใช้กับวัตถุมงคลในสายนี้เท่านั้น

    ไม่มีผลกับพลังเเละพุทธคุณของวัตถุมงคลโดยรอบ ใช้เรียกใช้สูบเฉพาะวิชาเเละคาถาที่ล่องลอยอยู่ในอากาศเท่านั้น นึกถึงหลวงปู่เฒ่ายิ้ม วัดหนองบัวผู้ปรมาจารย์เป็นที่สุดก่อนใช้จะสัมฤทธิ์ผลยิ่ง

    * คาถาอาคมทั้งหลายที่ค่อยๆพิมพ์ให้เพื่อสืบตำราครูบาอาจารย์เท่านั้น หากคิดว่างมงายไร้สาระก็เปิดข้ามไปหรือPM มาบอกกล่าวผมว่าไม่สมควรเป็นการส่วนตัวก็ได้
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    คาถาวันละนิด หัวใจพระอิติปิโสดถอดหัวใจอิติปิโส

    อะสังสุ สังสุสุ (ตำรับปู่ยิ้ม)

    พระคาถานี้เป็นยอดธงไชยของพระพุทธเจ้า แลเป็นหัวใจที่ถอดจากหัวใจพระอิติปิโสอีกทีหนึ่ง เป็นที่สุดของพระคาถาอิติปปิโสแล
    ให้จำเรฺญภาวนาไว้ไม่ตายด้วยอาวุธหอกดาบเลย ใช้เสกน้ำมันให้เดือดทาตัวเป็นคงทนทรหดอยู่คงหอกดาบปืนไฟทำอันตรายมิได้เลย
    เสกขมิ้นเสกว่านกินก็ได้ ผู้ใดได้บริกรรมไว้ผู้นั้นจะมีปัญญาดังพระพุทธโฆษาจาริย์แล ท่านตีค่าไว้เป็นค่าควรเมือง เมืองหนึ่ง
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    วิชาเมฆกระซิบ

    เป็นวิชาตำรับหลวงปู่ยิ้ม คนทำควรจะได้เรียนเเละมีกำลังใจที่สูงพอสมควร

    สุสิสุสัง อรหังสุคโต อรหัง พุทธสังมิ


    วิชาเมฆกระซิบนี้ ให้ใช้นำมัน นำมาเสกด้วยพระคาถาข้างต้น เก็บไว้ใช้หยอดหู ปรารถนารู้สิ่งใดในโลก อาจจะรู้สิ้น(ถ้าผู้ทำทำได้มีกำลังใจถึง ไม่มีอะไรที่เป็นความลับเลย) ด้วยคุณเเห่งบูรพาจารย์มีหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวเป็นที่สุด คล้ายๆพรายกระซิบ เเต่นี้ไม่ใช่ผี เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างกันตรงนี้
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    คาถา ประกาศิตพระร่วง (พระร่วงเปิดปาก)

    ง่ายๆใช้ให้เป็น คนปากพล่อยไม่ควรใช้

    อิมัง สัจจวาจัง อธิฏฐามิ
    ทุติยัมปิ อิมัง สัจจวาจัง อธิฏฐามิ
    ตะติยัมปิ อิมัง สัจจวาจัง อธิฏฐามิ

    เมื่อจะทำการสิ่งใด ให้ภาวนา3หน เอานิ้วชี้มือขวาสีปากไปข้างขวา3หน ทำประสิทธิแล

    เมื่อจะถอนให้ว่า

    อิมัง สัจจวาจัง ปัจจุทรามิ
    ทุติยัมปิ อิมัง สัจจวาจัง ปัจจุทรามิ
    ตะติยัมปิ อิมัง สัจจวาจัง ปัจจุทรามิ

    เอานิ้วชี้มือขวาย้อนมาทางซ้าย 3 หน ถอนหมด ถ้าไม่ถอน อย่าไปด่าเเช่งใครเป็นไปตามปากทั้งนั้น

    ถ้าจะให้ยืนอยู่กับที่ไปไหนมิได้ ให้เอาคาถานี้ภาวนา

    อิติปิโสพุทโธโลเก

    แล้วร้องตวาดไปให้ได้ยินว่า มึงจงอยู่กับที่เถิด อย่าไปเลย ไปมิได้เเล
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    คาถาถอนโบสถ์ ถอนเสมา

    เห็นมีลงกันทั่วไปในเน็ต จะลงวิธีใช้เเบบหลวงปู่ยิ้มเต็มๆให้ลงคาถาใช้ไม่เป็นก็เท่านั้น

    สมุหเนยยะ สมุหะนะติ สมุหะคะโต สีมาคะตัง พัทธเสมายัง สมุหนิตัพโพ เอวังเอหิ นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อนหลุดหาย

    พระคาถานี้ใช้เสกน้ำมนต์รดอาบกิน แก้กระทำทุกชนิด ทั้งคุณผีและคุณคน แก้คุณเสน่ห์ยาแฝด แก้ลมเพลมพัด แก้อาถรรพ์ฝังรูปฝังรอย (ใครสงสัยว่าแฟนตัวเองโดนทำเสน่ห์จดบทนี้ไว้นะครับรับรองหลุดหมด)

    ใช้เสกผงแป้งก็ได้ถอนคุณออกสิ้น ถอนแก้กระทำได้ทุกประการ จะถอนด้วยการเรียกคุณไสยเข้าไข่ หรือเรียกใส่ใบบอนได้ทั้งสิ้น

    เสกไพลฝนทาแก้ปวดบวมได้สารพัด

    แม้ว่าจะกินสิ่งใดๆก็ดี ถ้าสงสัยว่าจะใส่วิทยาคมมาให้กิน ให้เสกด้วยพระคาถานี้ เสื่อมหายคลายสิ้นแล

    ภาวนาไปในสถานที่ใดๆก็ดี แม้มีอาคมใดๆกระทำเอาไว้ก็เสื่อมสูญหายสิ้น(ไปนอนที่แปลกๆจดไว้ท่องนะ) พระคาถานี้เป็นยอดของคาถาถอนแก้ มีฝอยใช้มากมายเเล
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    วิธีดูเมฆ แบบที่1

    ยกเมฆ

    การพิจารณาดูเมฆนั้น เป็นวิชาเกี่ยวกับการเดินทางเวลาไหนจะได้สวัสดิมงคลประสบความสำเร็จหรือไม่อย่างไร ตามตำรับหลวงปู่เฒ่ายิ้ม ให้พิจารณาดูดังนี้

    ถ้าเมฆที่เคลื่อนอยู่บนอากาศ จับกลุ่มกันอยู่ มีรูปแสดงให้เราเห็น คล้ายกับเมรุเผาศพอย่าเดินทางไปเลย

    ถ้าเห็นเป็นรูปจรเข้2ตัวซ้อนกันอยู่ไปเถิดมีชัยได้สมประสงค์แล หรือเห็นเมฆเกลื่อนฟ้ามาจากทิศเหนือมาจรดทิศใต้แล้วเข้าปิดดวงอาทิตย์ไว้มืดมัวอย่าเดินทางไปไหนเลยมิดี

    เเต่ถ้าเมฆที่เกลื่อนเเบบนั้นเเล้วเคลื่อนหายไปหมดมิทันบังดวงอาทิตย์ ไปเถิดดีนัก

    หรือมาจากตะวันตกเคลื่อนไปตะวันออกเข้าปิดดวงอาทิตย์ ก็ห้ามมิให้ไปดุจกัน เเต่ถ้าเคลื่อนมาเเล้วหายไปหมด ให้เร่งไปเถิด ดีนักเเล

    อีกประการหนึ่ง ถ้าเมฆนั้นเคลื่อนมาจากทิศใต้ไปสู่ทิศเหนือ แล้วปิดบังดวงอาทิตย์ไว้ อย่างนี้เดินทางไปได้ แต่ถ้าเคลื่อนมาเเล้วเเต่มิทันบังดวงอาทิตย์กลับถอยไปทางเดิมที่มาอีก อย่างนี้ท่านไม่ให้รับแขก ไม่ดี
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    วิธีดูเมฆ แบบที่ 2

    เมฆฉาย

    ท่านให้ทอดตาพิจารณาดูเงาของเราเสียก่อน ภาวนาด้วยพระคาถานี้ อรหัง สุคโต ภควา บริกรรมเพ่งเงาของเราจนใจแน่วแน่ดีเเล้ว

    พึงค่อยแหงนขึ้นไปมองท้องฟ้า พยายามนึกโน้มใจ ดูดดึงเอาภาพเงาของเรานั้นนึกให้ปรากฏในท้องฟ้า แล้วพิจารณาดู นิมิตที่เห็นเป็นเงานั้น

    ถ้าเห็นเงาคล้ายสิ่งของที่ดีทั้งหลาย เช่นเห็นเป็นรูปพระนารายณ์ขี่ครุฑ ไปเถิดดีนักแล เเต่ถ้าเห็นเงานั้นไม่มีหัว อย่าไปเป็นอันขาดเลย

    อนึ่ง จะออกจากบ้าน เพื่อไปหาลาภสักการะนั้น ให้สวดคาถานี้เสียก่อน แล้วไปหาลาภคล่องนัก ทั้งคลาดแคล้วโรคภัยอันตรายทั้งมวลด้วย คาถานี้ให้เปลี่ยนว่าเป็นวันๆ วันอาทิตย์ก็ว่าพระอาทิตย์ วันจันทร์ก็ว่าพระจันทร์ ตามวันที่จะไปนั้นๆ

    อิติปิโสภควา ยาตรายามดี พระอาทิตย์เรืองศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    วิธีดูเมฆ แบบที่ 3

    เมฆดั้น

    ถ้าจะดูเมฆดั้น ท่านให้จัดข้าวตอก ดอกไม้ ธูปเทียน เอาสิ่งละ 7 เท่านั้น

    ให้ทำวัตรพระเสียก่อน ให้อธิษฐานใจเสียให้ดี จึงให้บริกรรมภาวนาพระคาถานี้ จนกว่าจะเห็นสิ่งที่เราปรารถนา

    นะมะพะทะ พุทโธ โลกะทีปัง อากาสะกสินัง วิโสทะยิ ธัมโมโลกะทีปัง อากาสะกะสินัง วิโสทะยิ สังโฆโลกะทีปัง อากาสะกะสินัง วิโสทะยิ

    ถ้ายังไม่เห็นให้ทำน้ำมนต์อาบอีก 3 วัน 7 วัน เห็นเเล (ไม่ควรเอาไปใช้ดูหวย)
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    คาถาวันละนิด หัวใจอิติปิโส

    หัวใจอิติปิโสนี้ ท่านอาจารย์ได้วางแบบการถอดออกเป็นหัวใจไว้หลายนัยด้วยกัน คือถอดออกเป็น

    อะสังวิสุโลปุสะพุภะ

    และบางแบบก็ถอดออกเป็น
    หังโธโนโตทูโรถินังติ

    บางแบบก็ถอดออกเป็น
    อิสะวิระมะสาพุทเทวา

    บางแบบก็ถอดออกเป็น
    อิอะสังวิสุอะสะพุติ

    หัวใจอิติปิโสทุกๆแบบ มีอุปเท่ห์วิธีใช้ต่างๆกันและยังถอดเเยกออกเป็นกลบทต่างๆอีก เช่นอะสังวิสุโลปุสะพุภะ ท่านถอดเป็นกลบทโดยอนุโลมและปฏิโลมดังนี้
    ถอดเป็นนารายณ์กลึงจักร * อะภะสังพุวิสะสุปุโล
    ถอดเป็นนารายณ์คลายจักร * โลปุสุสะวิพุสังภะอะ

    บทนารายณ์กลึงจักรนั้นใช้ภาวนาเป็นมหาอุตม์ปิดทวารทั้ง9 กันอาวุธและกันกระทำคุณไสยทั้งปวง ภาวนาผูกภูติผีปีศาจได้ทุกประการ ภาวนากันคนสะกดคัดถอนก็ได้ เสกด้ายดิบทำมงคลผูกเดด็กตายในท้องก็ได้ แม้จะสะเดาะด้วยอาคมใดๆก็ดี ถ้าคาถาบทนี้ผูกสะเดาะมิออกเลย

    บท หังโธโนโตทูโรถินังติ นั้นท่านถอดเป็นบทโดยอนุโลมปฏิโลม ไว้ดังต่อไปนี้
    หังตินังโธโนถิโรโตทู
    ทูโตโรถิโนโธนังติหัง
    พระคาถาหัวใจอิติปิโสบทนี้ทั้ง 9 อักขระ อุปเท่ห์ที่ใช้มีมากมาย ถ้าจะเสดาะโซ่คาขื่อตรวน ให้ว่า 11 คาบ ถ้าถูกขังในตารางเเละกรงเหล็กก็ดี ให้ภาวนา 108 คาบ แยกออกไปได้เเล ถ้าจะนอนป่าให้เอาฟืน 7 ดุ้น มาเสกกองไฟขึ้น 7 กอง แล้วให้เสกใบไม้ปูนอน กันโรคภัยอันตรายต่างๆ ถ้าเดินภาวนาไปเห็นเป็นคนหลายคน
    ส่วนบทที่ถอดเป็นอนุโลมปฏิโลมนัน้ ท่านให้ใช้ภาวนาเมื่อถึงเวลาอับจน เขาล้อมกันไว้เมื่อจะหลบไปให้ภาวนาบทถอดทั้งสองบทนั้น เดินออกไปเถิดมิเห็นตัวเลย ถึงเห็นก็จำมิได้ เสกแป้งหอมน้ำมันหอมทาตัว เขาเห็นเราเข้าดั่งพระนารายณ์แปลงรูปแล

    บท อิสะวิระมะสาพุทเทวา ท่านวางอุปเท่ห์วิธีใช้ไว้ดังนี้ ให้เสกหมากกินเสกน้ำหอมทา คงแก่หอกหล่ออยู่ทั้งปืนและเหล็กแหลม คงทั้งในน้ำคงทั้งบนบก แม้กระทำผิดท่านจะฆ่าเรามิได้เลย ถึงเเม้จะใให้ช้างแทง ช้างก็มิอาจจะเเทงได้

    บท อิอะสังวิสุอะสะพุติ พระคาถานี้ใช้เสกน้ำมันดิบทาตัวอยู่คงทนจับมิได้เลย เสกน้ำมนต์ถอนแก้อาถรรพ์ทั้งปวง เสกปัดพิษแมลงก็ได้ ภาวนาไว้จำแลงตัวเป็นช้างเป็นเสือก็ได้แล
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    คาถา น้ำตาแห้ง

    เขอะสะสุ สุสะอะเข อะสะเขสุ สุสะเข

    คาถานี้ชื่อว่าน้ำตาแห้ง ใหซื้อน้ำมัน3เจ้า อย่าต่อราคาได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น นำมาผสมยาประดอกรัก1 เถ้ากลางป่าช้า1 ไครเสมา1 ผสมลงเสก3-7คาบ ถ้าดีดต้องสัตว์หรือผู้ใดผู้นั้นรักเราแล (บาปกรรมอย่าทำดีที่สุด)
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    คาถา พระจันทร์เข้าตัว

    สันติปักขา อะมาคะนา สันติปานาอะวัญจะนา มาตาปิตตาจะนิคันธา ชาตะติมัง หะเวเขยยะ เขยยะธัมมะสังขาอนิจจา สัมปะเทชะสา เรโสนะปะมะ

    ให้ภาวนา 3 คาบ เชิญพระจันทร์เข้าตัวเราเเล เป็นเสน่ห์เเก่สตรีเพศอย่างมาก เปรียบดั่งพระจันทร์ที่มีรูปงามเป็นที่น่าหลงใหลในหมู่สตรี อยู่ที่ไหน สาวงามต่างก็แย่งกันหมายปอง ฉันใดก็ฉันนั้น
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ความเพียร

    วันนี้ขอยกคำสอนเรื่องความเพียร หรือวิริยะบารมีมาเล่าสู่กันฟัง

    ความเพียรนี้ถือเป็นคุณธรรมข้อใหญ่ หากปราศจากความเพียรเเล้ว มนุษย์ย่อมไม่พบความสำเร็จแน่นอน

    พ่ออาจารย์กล่าวไว้ว่า การปฏิบัติทุกสายทางนั้น ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความเพียรพยายามเป็นพื้นฐาน นอกจากนั้น มนุษย์ที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ล้วนเป็นผู้เพียรพยายามไม่งอมืองอเท้าทั้งสิ้น

    อุปสรรคปัญหาทั้งใหญ่น้อยไม่ว่าจะเรื่องงานหรือความรักเเม้เเต่เรื่องกรรมฐาน มันมาจากไหนพวกเธอรู้มั๊ย ไม่มีใครเลยที่จะไปสร้างปัญหาต่างๆให้เรานอกจากตัวเราเอง มันคือกฏแห่งกรรมที่ไม่มีวันสิ้นสุดหากไม่ทำให้ถึงที่สุดแห่งการดับทุกข์ แล้วกฏเเห่งกรรมที่ว่ามันก็สนองให้เราเจอเรื่องลำบากไปสู่ความสำเร็จได้ยาก ดูอย่างพระพุทธเจ้าสิ กว่าจะตรัสรู้ได้ต้องหลงผิดทรมานพระวรกายใช้เวลาตั้งเท่าไหร่กว่าจะตรัสรู้ นั่นก็เพราะกฏแห่งกรรมไม่เลือกปฏิบัติ สนองกับทุกผู้ทุกนามที่ได้สร้างเเละผูกมันขึ้นมา ของพระพุทธเจ้านี่ท่านเเค่พลั้งปากเท่านั้นนะยังส่งผลให้ใช้เวลาขนาดนี้

    บุคคลผู้จะสำเร็จประโยชน์ยิ่งใหญ่ได้ ต้องก้าวล่วงอุปสรรคด้วยความเพียร เมื่อเราตั้งจุดหมายที่จะทำอะไรเเล้วให้ถือสิ่งนั้นเป็นที่สุด อุปสรรคปัญหาเราถือว่ามันเป็นตัวทดสอบกำลังใจ ทำให้เธอรู้ว่า ความสำเร็จนั้นมันมีค่าเเละน่ายินดีขนาดไหนเท่านั้น ถือว่าเป็นข้อดีในเรื่องร้ายๆก็ได้นะ มองให้มันดี มันสวยงามไม่ต้องไปโทษเทวดาอินทร์พรหม โทษกรรมที่เราก่อเราก้าวล่วงนี่แหละ ทำเองรับเองมันคือกฏแห่งกรรม ผจญกับมันด้วยความเพียรพยายามของเรา เพียงเท่านี้เเหละ คนที่มีความมุมานะอุตสาหะเพียรพยายามอย่างที่สุดเเล้ว หนทางย่อมเปิด ถ้าวันไหนมานั่งทอดถอนใจว่าเราทำดีเเล้วทำไมมันถึงยังซ้ำๆซากๆอีกทำไมมันถึงยังอยู่จุดเดิมอีก แบบนี้ อันนี้เริ่มโทษตัวเองเเละผู้อื่นเเล้ว เหมือนเดินไปตกหลุมขนาดใหญ่เลยทีเดียว

    1จุดประสงค์ ก็มีหนทางไปถึงได้หลายทิศทาง ความเพียรความมุมานะนั้นไม่ใช่การกระทำเเบบสุดโต่งเราต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาให้เข้ากับสถานการณ์ ตัวอย่างเราจะยกง่ายๆ การบำเพ็ญทุกรกิริยาของพระพุทธเจ้านั่นไง ท่านมุมานะท่านทำแบบสุดโต่งชนิดที่ว่าไม่มีมนุษย์คนไหนจะทำได้เสมอท่าน แล้วอย่างไร เมื่อมันไม่ใช่ทางออกใช่มั๊ย มันก็ต้องมาเริ่มต้นใหม่

    คนเราบางครั้งการเริ่มต้นใหม่ มันก็ยังไวกว่าไปเสียเวลาย่ำอยู่กับที่ด้วยวิธีเดิมๆที่ไม่พัฒนา จริงมั๊ย แค่พุทธประวัตินี้มีใครไม่รู้ไม่เคยศึกษาบ้าง หากเราขบคิดเราจะเห็นเเนวทางอะไรมากมายหลายอย่าง ที่แฝงอยู่ในประวัตินั้น

    คนเราทุกวันนี้ หากมีเวลาเหลือจากการพักผ่อน ก็ควรเร่งทำความเพียรในเรื่องต่างๆ หากเราปรารถนาฤทธิ์ทางใจ และคุณธรรมทั้งหลาย แต่ไม่สนใจการปฏิบัติเลย แบบนี้ มันไม่เหมือนกันนะ ไม่ใช่ว่าเดินๆไปจะไปตกบ่อเงินบ่อทอง ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความเพียรเป็นรากฐานทั้งนั้น หากไม่ปฏิบัติก็ไปไม่ถึง ถ้าไม่รู้รสชาติของความทุกข์ มันก็มองไม่เห็นคุณค่าของความสุข พวกเธอคิดกันมั๊ยว่าชีวิตคน คนหนึ่งนี้สั้นนัก จะตายวันตายพรุ่งนั้นก็ไม่รู้ การที่จะมางอมืองอเท้าผลัดวันประกันพรุ่งไปเสียแบบนั้นไม่ดีเเน่ ทั้งรูปรสกลิ่นเสียง โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ สิ่งเหล่านี้ พึงสังวรณ์เอาไว้ ว่ามันคือบ่วงมารบ่วงกรรม เป็นเครื่องมือล่อลวงเราออกจากคุณธรรมขั้นสูงทั้งปวง หากยังยึดติดอยู่กับบ่วงเหล่านี้ ผู้นั้นย่อมได้ชื่อว่าผู้ไม่รู้ผู้ไม่เจริญ จะต้องเวียนว่ายตายเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในภพทั้งหลายทั้งมนุษย์ สวรรค์ นรก เดรัจฉาน เปรต อสูรกาย และภพภูมิปลีกย่อยนอกหนือจากสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ยังมีอยู่อีกมาก เห็นมั๊ยว่าการเป็นมนุษย์นั้นไม่ง่ายเลย เหมือนถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่1ก็ได้ ถ้าจะพูดให้เข้าใจ ดังนั้น เวลาอย่าให้เสียไปในเเต่ละวัน เร่งความเพียรของตัวเองขึ้นมา ใช้หนทางไหนจะทำอย่างไร อย่ามัวเเต่ให้มันอยู่ในความคิด ลงมือปฏิบัติเลย ไม่มีอะไรยากเกินกว่าความพยายามของมนุษย์แน่นอน

    เปรียบมนุษย์ ใจนั้นเหมือนคนกุมบังเหียน ร่างกายเรานี้เหมือนเกวียนเล่มหนึ่ง ความเพียรพยายามก็คือโคที่ลากเกวียนนั้นเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย หากวัวหยุดมันก็อยู่กับที่ ใจเรานี่เเหละที่จะกุมบังเหียน ทำอย่างไรให้โคเดินต่อรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบามั๊ย แบบนี้ ค่อยๆไปอย่างน้อยมันก็ยังไปถึง เเต่หากเกวียนเล่มนี้ไม่มีโคเลยมันก็อาจจะไปถึงเช่นกันเเต่ยากเสียมากหน่อยเท่านั้น โคนี้ก็เปรียบกับความเพียรที่ใจเราควบคุมบังคับได้ เปรียบเช่นนี้พอจะเข้าใจกันมั๊ย
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ตะกรุดทองคำ มหาบุรุษแปดจำพวก

    ดอกนี้ขอลงเป็นวิทยาทาน

    ผู้ศรัทธาได้รีดเเผ่นทองคำเเท้มาเป็นจำนวนเงิน22,000บาท ให้พ่ออาจารย์ลงตะกรุดมหาบุรุษแปดจำพวกเต็มสูตรให้ แล้วมีช่องว่างเหลืออีกช่องหนึ่ง เลยขอให้ท่านลงยันต์ครูหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ให้ ซึ่งท่านก้เมตตาทำให้ตามนั้น

    นอกจากนี้ ยังใส่ผงพรายกุมารล้วนๆเพียวๆของหลวงปู่ทิม ซึ่งได้จากอาจารย์สาครไว้ภายในให้ด้วย ดูแล้วสวยงามดีมาก น้ำหนักพอม้วนเเล้วตึงมือน่าจะถึงบาทหรือบาทกว่า ตอกโค้ดหัวท้าย

    ถือเป็นตะกรุดในตำนานอีกดอกหนึ่งเลยก็ว่าได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_4018.JPG
      SAM_4018.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      357
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    คาถาวันละนิด ท้าวกำพร้า

    อมอะหัง นิรเท สัตสวาสัง วะสะตัง ขณาเถกะยะเน อินทะเทวินโท กรุณามะยิสุอะ นิอะเทอรัญเญนะนาเถ กุลละปุตตัสสะ นิเทสัตตะวาสัง วะสันตังขะณา อุปปันโนอิทาวินเท กรุณามะยิ

    คาถานี้สืบมาเเต่เมืองลังกา พระอินทราธิราชเจ้า ให้สวดสาธยายทุกวันคืนดีนัก สุดจะใช้ได้ทุกประการตามแต่ความต้องการ เจริญในยศถาบรรดาศักดิ์มีสมบัติข้าวของมาก ท่านว่าผู้สวดจะมีเดชานุภาพมากเหมือนดั่งพระอินทราธิราชเจ้านั้นแล
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,116
    ค่าพลัง:
    +16,533
    คาถาฟังความ

    กะยะมะอะ อักขาจุเจรุนิ กุสะลา

    คาถานี้มีคุณหนักหนาใช้ภาวนาเวลาเราจะสั่งสอนมนุษย์เขาจะตั้งใจฟังเราเเล หรือแม้เวลาผีเข้าก็ใช้คาถานี้ภาวนาก่อนคุยกับเขา ผีที่เข้าก็ยอมฟังความเราแล
     

แชร์หน้านี้

Loading...