ไลน์ในไทยสั่งถอดสติ๊กเกอร์พระพุทธเจ้า

สิ่งที่เราทำคือพยายามปกป้องพระพุทธศาสนาไม่ให้ถูกคนที่ไม่มีความศรัทธามาลบหลู่หรือปรามาส การที่มีบริษัทผลิตสติ๊กเกอร์ไลน์รูปล้อเลียนพระพุทธเจ้าถือเป็นการปรามาสจะถือว่าไม่ควรอย่างยิ่ง และการที่องค์กรที่เกี่ยวข้องได้สั่งห้ามนั้นก็ถือว่าทำถูกต้องแล้วครับ

ถึงบางคนอาจจะคิดว่าใครปรามาสก็ได้รับผลกรรมของตัวเองไปสิทำไมต้องเดือดร้อนด้วย ผลกรรมนั้นผู้กระทำได้รับแน่นอนครับ แต่มันมีผลถึงคนที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ที่ไม่อยากให้ใครมาลบหลู่พระบรมครู หรือพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เคารพ ก็ต้องมีการห้ามปรามตักเตือนกันเป็นเรื่องธรรมดา
ถึงแม้ผมจะนับถือพระพุทธศาสนา และมองว่าศาสนานี้ดีที่สุดแล้ว ผมก็ไม่เคยลบหลู่ศาสนาอื่นๆที่เราไม่ได้ศรัทธา

ชาวพุทธที่แท้จริงนั้นปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกคนครับ เพียงแต่จะทำได้ระดับสูงต่ำแค่ไหนเท่านั้น เหมือนที่ท่านบอกว่าทำเท่านี้เป็นผู้มีไตรสรณคมณ์ เท่านี้เป็นโสดาปัตติมรรค ไล่ไปยันอรหัตผล หรือใครปรารถนาพระโพธิญาณก็ว่าไปตามนั้น ก็ว่ากันแล้วแต่กำลังใจใครเป็นอย่างไร เพราะสุดท้ายของการปฏิบัติก็คือพระนิพพานด้วยกันทั้งนั้น จะช้าหรือเร็วชาวพุทธแท้ต้องถึงแน่ครับ

 

สมมุติคือสมมุติ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ ถึงตั้งอยู่ได้ก็เป็นของตั้งอยู่มีอยู่ชั่วคราว พระพุทธรูปสร้างขึ้นเพื่อสอนเด็ก สอนคนไม่รู้จักพระพุทธเจ้าให้รู้จักพระพุทธเจ้าในรูปสมมติ รูปอะไรก็ตามที่มีที่เกิดขึ้นในโลกล้วนเป็นสมมติคือเป็นของไม่แน่นอน แม้รูปร่างกายของเราก็เป็นของเราชั่วคราว ถึงเวลาปวดท้องมันปวดของมันไม่เห็นท้องมาขอเราว่า ขอปวดท้องสักหน่อยนะ รูปร่างกายมันเจ็บมันแก่ไม่เห็นมาขอเรา องค์พระนั้นใครมากราบไหว้ใครมาขอพรขออะไรๆ องค์พระทำได้คือนั่งเฉยอยู่อย่างนั้น พอนานวันท่านพุพังแตกสลายไปตามอายุของวัตถุ คนที่ยึดคือคนที่ทุกข์ คนถูกหนามแหลมตำเท้าทุกคนเจ็บเหมือนกัน คนที่มีอุปาทานจะเจ็บเป็นสิบเท่าร้อยเท่าของคนไม่มีอุปาทาน คนมีอุปาทานไม่ได้เหยียบหนามแหลมธรรมดาแต่เป็นหนามแหลมที่อาบยาพิษ คนยึดสติกเกอร์พระพุทธเจ้าใส่อุปาทานว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้านั่นแหละภพชาติชรามรณะฯ เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นแล้วจะเกิดขึ้นอีก ทุกครั้งที่มีการทำลักษณะนี้กับวัตถุหรือรูปอะไรๆ ชาวพุทธจะตกใจ จะหวั่นไหว จะทุกข์ไม่มีสิ้นสุดจนกว่าจะหมดอุปาทานหรือตายกันไป เกิดตายอีกกี่ชาติกี่แสนชาติกี่ภพกี่กัลป์ถ้ามีอุปาทานก็จะเป็นอย่างนี้ . เพราะอุปาทานมีภพจึงมี เพราะอุปาทานไม่มี ภพจึงไม่มี.

 

ขอถาม ท่าน นามกาย พระพุทธรูป ในสายตาท่าน มีค่าแค่ไหนครับ

(จากจอมมารตัวจริง)

 

เถียงกันเอาถ้วย

 

สติ๊กเกอร์ที่ทำออกมา ถ้าทำในรูปที่สวยงามให้ความเคารพในพระพุทธองค์จะดีมาก

แต่นี้ทำมาในรูปของตัวตลก ตัวการ์ตูน ... พระพุทธเจ้าไม่ใช่ของเล่น ไม่ควรดูหมิ่น ปรามาส

เราจำเป็นต้องคัดค้าน ... สั่งถอด ถูกต้องแล้ว


.

 

39 อานิสงส์ปิดทองพระพุทธรูป

...... นัยว่าพระเจ้ามหารถราช เสวยสมบัติ ในสักกราชาวดีนคร ท้าวท่านเป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล
คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับ พระเจ้าปัญจาลราช กษัตริย์กรุงปัญจาลราชนคร
เป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคล คือไม่นับถือพระพุทธศาสนา กษัตริย์ทั้งสองเป็นสหายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย

ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้ารัตนกัมพลผืนหนึ่งไปถวายพระเจ้ามหารถราช
พระเจ้ามหารถราช ทอดพระเนตรเห็นผ้ารัตนกัมพล แล้วจึงตรัสว่าสหายเราส่งผ้าอันมีค่ามากมาให้เรา
เราก็ควรจัดส่งแก้วอันประเสริฐไปให้ตอบแทนพระสหาย ดังนี้ พระเจ้ามหารถจึงคิดว่า เราจะส่งแก้วสิ่ง
ใดหนอซึ่งมีค่ามากเหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาแล้วเห็นว่า แก้วใดๆจะประเสริฐกว่าพุทธรัตนะย่อมไม่มี
จึงตกลงใจจะส่งพุทธรัตนะไปถวาย จึงสั่งให้ช่างนำแผ่นทองคำตีเป็นแผ่นบางแล้วให้เขียนรูปพระพุทธเจ้า
ลงไปในแผ่นทองคำด้วยชาตหรคุณมีขนาดองค์ประมาณ 1 ศอก
แล้วสั่งให้อำมาตย์เชิญพระพุทธรูปทองนั้นลงสู่สำเภาเพื่อนำไปถวายพระเจ้าปัญจาลราช ก่อนที่จะส่งราชทูตไป

พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายนมัสการ โดยทรงระลึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

"ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย พระองค์มีความประสงค์จะสั่งสอนเวไนยสัตว์ในประเทศใดๆ
ขอพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเทศนั้นๆ แล้วยังประโยชน์ให้เกิด แก่สัตว์จำพวกนั้นเถิด
พระเจ้าปัญจาลราชสหายของหม่อมฉันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มีความเห็นผิดจากทำนองครองธรรม
มิได้มีความเชื่อความเลื่อนใสในพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จไปยังพระนครนั้นแล้ว
ขอพระองค์ได้โปรดแสดงปาฎิหาริย์ทรมานพระเจ้าปัณจาลราชให้ละซึ่งมิจฉาทิฎฐิด้วยเถิด"

อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำประมาณพระศอ(พระพุทธเจ้าอยู่บนเรือ
ท่านจึงลงไปในน้ำซึ่งต่ำกว่า) เพื่อส่งรูปพระพุทธเจ้านั้นไปยังเมืองปัญจาลนคร
ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทรมีสีต่างๆก็ผุดขึ้นจากท้องมหาสมุทรลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบูชา
พระพุทธรูปนั้น พื้นน้ำงามวิจิตรด้วยแก้ว 7 ประการประหนึ่งพื้นแห่งภาชนะทอง ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดขึ้น
เหนือพื้นน้ำพญานาคทั้งหลายก็ได้พานาคบริษัทออกจากนาคพิภพขึ้นมาสักการบูชาด้วยสุคันธมาลา เทวดาทั้งหลายก็เรี่ยราย ดอกไม้ทิพย์ลงมาจากอากาศ
เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาลนครแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าปัญจาล แล้วกราบทูลเหตุอัศจรรย์ ให้
ทราบโดยตลอด ท้าวเธอทรงโสมนัสปรีดาในเครื่องบรรณาการเป็นยิ่งนัก ได้เสด็จออกพร้อมจตุรงคเสนารับสั่ง
ให้ชาวเมืองประโคมแตรสังข์ กังสดาล เสด็จไปยังท่าน้ำ ถวายนมัสการสักการบูชา แล้วเสด็จลงไปในน้ำประมาณพระศอ
ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปแล้วทรงยินดีทรงแสดงตนเป็นพุทธมามกะ


แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพระเจ้าปัญจาลราช และด้วยอำนาจอธิษฐานของพระเจ้ามหารถราช
พระพุทธรูปนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเปล่งรัศมี 6 ประการ
จับพื้นปฐพีตลอดจนถึงพรหมโลก กลบแสงแห่งอาทิคย์ กลบแสงรัศมีเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ณ กาลนั้น
ในคราวนั้นพระอินทร์ ได้เสด็จลงมาถวายนมัสการพร้อมด้วยเทพบริษัท มนุษย์ก็เห็นเทวดา เทวดาก็เห็นหมู่มนุษย์
พระเจ้าปัญจาลราชเห็นปาฎิหาริย์เช่นนั้น ทรงโสมนัสยินดียิ่งนักได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระมนเทียร
แล้วบูชาด้วยประทีปธูปเทียนชวาลา ทรงแสดงองค์เป็นอุบาสก

ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่างแกะรูปพระพุทธเจ้าด้วยแก่นจันทน์แล้วประดิษฐานไว้ในศาลาไม้บุณนาค
แล้วรับสั่งให้ชาวเมืองพากันมาปิดทองพระพุทธรูป ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็นคนเข็ญใจในเมืองนั้น
เมื่อได้ยินเสียงโฆษณาดังกล่าวแล้วตัดสินใจ อำลาลูกอำลาเมียเพื่อไปขายตัวให้เป็นทาส
แล้วจะได้เงินมาซื้อทองปิดพระพุทธรูป แต่ด้วยความเห็นใจของภรรยา ภรรยาจึงยอมขายตนและลูกเป็นค่าทอง
พระโพธิสัตว์นำลูกเมียไปขายในตระกูลที่มั่งคั่งแล้วนำไปซื้อทอง
ปิดพระพุทธรูป

เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน "
ในครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชได้เสด็จลงมายืนอยู่ตรงหน้าแสดงตนเป็นช่างทอง ต่อพระโพธิสัตว์
เมื่อทราบว่าช่างทองนั้นสามารถทำเนื้อให้เป็นทองได้จึงประกาศแก่เทพเทวดาขออาวุธเชือดเลือดเนื้อตกลงมา
เมื่อได้ ศัสตราวุธแล้วพระโพธิสัตว์ก็เชือดเนื้อของตนจนตราบเท่าปิดทองสำเร็จ
เกิดความยินดีโสมนัส สลบลงแทบเท้าพระพุทธรูป
พระอินทร์ได้เยียวยาให้หายเป็นปรกติ แล้วเป็นผู้มีกายดุจสีทอง พระอินทร์ตรัสพยากร "

ท่านจัดได้เป็นพระศรีสรรเพชญ์
ในอนาคต " แล้วพระอินทร์ก็กลับสู่วิมาน
พระเจ้าปัญจาลราชพร้อมชาวเมือง ได้ทำการสักการบูชาแก่พระโพธิสัตว์ และแบ่งสมบัติให้พระโพธิสัตว์
เป็นอันมาก ครั้นดับขันธ์แล้วพระโพธิสัตว์ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเสวยสมบัติอันมโหฬาร

39

 

ความจริงมีหนึ่งเดียวแต่มองได้ต่างกันไป อยู่ที่มุมมอง ความสูงต่ำ ความแตกต่างของใจทีวางไว้ ถ้ายอมรับถึงความแตกต่างในแต่ละบุคคลแล้วจะไม่มีความขัดแย้งเลย เป็นที่น่าสงสารที่เวลานั้นเขาคิดได้แค่นั้น ซึ่งเราเกิดมานับชาติไม่ถ้วนก็คงผ่านภาวะนั้นมาบ้างแล้ว เราว่าใครเลวเราก็เคยเลวอย่างเขา เราก็เคยโงอย่างเขา(เพราะเราเกิดมานับชาติไม่ถ้วน) เมื่อวานนี้เราโต้เถียงกันไม่ยอมกันจากความคิดความเห็นของเรา วันนี้เรารู้ความจริงรู้มากขึ้นเราแสดงออกโดยการขอโทษ ขออภัย ในสิ่งที่เราทำผิดเห็นผิดไปในวันก่อน (ผมเคยมาแล้ว) นี่แหละคือเรายังเห็นความจริงไม่หมด ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ เพราะทุกดวงจิตต้องการความสุข หลายดวงจิตต้องการเป็นที่รักและพอใจของทุกคน แต่การกระทำขัดแย้งกับความต้องการ ความทุกข์จีงเกิดขึ้น ผู้ที่เดินไปก่อนหน้าผมก็ดีใจด้วย ผู้ที่เดินตามหลังผมก็กวักมือเรียกครับ(เมื่อก่อนเคยดูถูกทำไมช้าจังต่ํากว่ามาตรฐาน )

 

คุณนามกายนี่นามกายจริงๆ คือคนบางคนเขาบุญไม่พอที่จะปฏิบัติธรรม เข้าสู่ธรรมเบื้องสูง
มีอะไรให้เขายึดเพื่อเข้าสู่ทาน ศีล เเล้วค่อยภาวนาสายโหดเถอะครับ

จะให้มันเป็นนามธรรมเเต่เเรก มีไม่กี่คนที่จะเข้าถึงได้นะ

 

ผ่านมาหลายวัน ยังเถียงกันไม่จบอีกเหรอครับ ... 55+ นานาจิตตัง ครับ แล้วแต่จะคิด..มีดำก็ต้องมีขาวมันเป็นเรื่องธรรมดา...

 

บุคคลผู้ไม่รักษาศีลย่อมแตกต่างจากบุคคลผู้รักษาศีล ผู้ไม่รักษาศีลย่อมขาดสติ เพราะความแตกต่างของบุคคลความขัดแย้งจึงมี ผู้มืดมาแล้วมืดไปจะผิดจะถูกเขาไม่ยอมรับฟังไม่คิดไม่พิจารณา เขาทิ้งทันทีเพราะตั้งทิฐิไว้แล้ว ผู้สว่างมาแล้วสว่างไปจะผิดจะถูกเขายอมรับฟัง ฟังแล้วคิดพิจารณา เห็นว่าจริงจึงถือไว้ เห็นว่าไม่จริงจึงวางทิ้ง ผมไม่ดีใจ ผมไม่เสียใจ ผมไม่ต้องการความสุข ผมไม่ต้องการความทุกข์ ผมให้กำลังใจและให้อภัยทุกคนครับ

 

หาเรื่องลงไปอยู่ข้างล่างซะจริงๆ

 

สมควรคับ

 

เพิ่งรู้ว่ามีสติกเกอร์ไลน์ แบบนี้ด้วย คิดได้ไงคะเนี๊ยะ น่าจะทำตัวการ์ตูนรูปแบบอื่นมากกว่า เพราะว่าพระพุทธเจ้าก็เป็นสิ่งที่เราเคารพบูชาไม่น่านำมาล้อเลียนเลยนะคะ

 

เมื่อพิจารณาได้ว่าทุกอย่างเป็นอนัตตาแล้ว ก็วาง ไม่จำเป็นต้องแสดงความเห็นอะไรอีก

 

ดวงจิตของสัตว์มีหลายระดับดังบัวสี่เหล่า การเดินทางหากเริ่มต้นด้วยการปรามาสหรือทำให้คำสอนผิดเพี้ยน แทนที่จะทำให้สัตว์โลกเดินตามธรรมที่ถูกต้อง กลับเป็นการปิดกั้นโอกาสผู้อื่นอย่างน่าเสียดาย ทำให้เกิดการหลงทงซึ่งน่าเสียใจหากยังมีการบ่อนทำลายการหลุดพ้นของชาวพุทธด้วยการจดจำคำสอนชั้นละเอียดมาเข้าข้างความเห็นของตน ควรพิจารณาตามภูมืจิตภูมิธรรมเถอะ

 

เห็นด้วยครับ
ชาวพุทธประเทศไทย ที่เรียกตัวเองว่าเป็นเถรวาท และมองนิกายอื่นว่าไม่น่าเชื่อถือ ต้องนิกายนี้ถึงจะดูขลัง ดูศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหารู้ไม่ว่าเหล่านี้คือรูปแบบของพราห์มล้วนๆ มีพุทธแค่บทสวดมนต์ แบบนกแก้วนกขุนทอง เรานับถือพุทธกันแบบนี้ จึงได้มีข่าวแบบทุกๆวันนี้ไงล่ะครับ ผมเองก็ถูกเสี้ยมสอนในรูปแบบพราห์มนี้มาตลอดตั้งแต่เด็ก ถูกขู่เข็น ห้ามสงสัย ห้ามนินทา บาป นรก แต่ผมก็ยังสงสัยลึกๆอยู่ จนกระทั่งได้ค้นหาความจริงด้วยตัวเอง สัมผัสเอง เชื่อเองตามความเป็นจริง กาลามาสูตร 10 ข้อใช้ได้ดีครับ สำหรับผู้แสวงหาความจริง
ผมเข้าใจว่า การขู่เข็นให้กลัว จนหมอบกราบสิโรราบ เหล่านี้เป็นอิทธิพลการเมืองการปกครองมากกว่า ซึ่งกษัตริย์ เป็นผู้ปกครองและมีพราห์มเป็นที่ปรึกษา ฉะนั้นจึงมาการใช้รูปแบบของพราห์ม กับประชาชน และทำให้ผู้คนนับถือพุทธ แบบเป็นตัวเป็นตนกันทั้งนั้น ซึ่ง ตรงกันข้ามกับคำสอนในบทสวดมนต์อย่างสิ้นเชิง
ไม่มีอะไรหรอกครับผมแค่สงสารเด็กๆรุ่นใหม่ที่ต้องถูกเสี้ยมสอนในรูปแบบเดียวกันกับที่ผมเจอมา
กึ่งพุทธกาล พุทธล่มสลายเพราะ สาวกนับถือแบบเพี้ยนๆ นี่เอง ดูแค่ข่าวตอนเช้าสิ มีให้ดูเกือบทุกวัน
และเทียบดูกับนิกายอื่นเช่น เซน ในทิเบตสิ ประชากรต่อคนในประเทศเป็นนักบวชมากที่สุดในโลกแล้ว มีข่าวแบบบ้านเราไหม ?

 

คัดค้านสติ๊กเกอร์ LINE พระพุทธเจ้า [[ Stop Buddha LINE Sticker ]]


http://www.change.org/p/line-coporation-%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-line-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2-stop-buddha-line-sticker?share_id=NVlqlZcXTG&utm_campaign=share_button_action_box&utm_medium=facebook&utm_source=share_petition


.

 

เด็กยุ่นมันทำเล่นกัน
ดูลักษณะภาพและอักษรกำกับแล้ว
เพราะแนวการสอนการปฏิบัติทาง
ศาสนาของยุ่นต่างจากบ้านเรา....
แม้จะเคารพในพระพุทธฯองค์เดียวกัน