การปราถนานิพพาน ทำให้ทรัพย์สินเราในปัจจุบันหมดลงไปด้วยหรือไม่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nongnewinbkk, 8 สิงหาคม 2014.

  1. anan2099

    anan2099 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +473
    นิพพานอยู่ต่อหน้าทุกๆคนแต่ไม่เห็นเพราะว่าจิตไม่มีคุณภาพพอ คุณภาพของจิตที่จะเห็นนิพพานคือจิตที่ไม่มีตัณหาไม่มีการปรุงแต่ง พูดให้ง่ายคือกิเลสเป็นศูนย์ แต่จิตเป็นอนัตตาสั่งให้กิเลสเป็นศูนย์ไม่ได้ การที่คิดถึงใคร่ครวญเสียดาย อยากมีอยากได้หวงและห่วงทรัพย์สินเงินทอง นี่คือกำแพงขวางกั้นอย่างหนาไม่ให้เห็นนิพพาน ถ้าต้องการเห็นนิพพานจริงๆทางหนึ่งคือเรียนรู้
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=WV6yckpRDQg]หลวงพ่อปราโมช ปราโมชโช ตอนที่ 1 - YouTube[/ame]
     
  2. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ห้ามรับรอง มรรค ผล นิพพาน อะไรเลย
    อย่าเชียว

    ปราถนาก็ปราถนาไป
    รับรองต้องพระพุทธเจ้าเท่านั้น

    ยืนยันใครดันทุรังจะรับรองกันให้ได้ ก็สมน้ำหน้า
     
  3. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    รับรองผมว่า
    ผมมีอุปปาทานในอวิชชา อวชิชาประกอบด้วย ฉันทะ กับ ราคะ
    ผมมีอุปปาทานในอวิชชา รับรองมาเลย มาเยอะๆ เท่าไหร่เท่ากัน
    ผมทุกข์เพราะอุปปทานในในอวิชชา รับรองมาเลย

    ผมและผมเป้นเพื่อนทุกข์กันเอง

    ถ้าพวกนี้ไม่แก้กรรมรังรองมรรคผลนิพพานกันเอง
    ก็รอไปเถอะ นิจนิรันดร์

    วิญญาณขันธ์ไม่เคยรู้ถูก และ ไม่เคยถูกรู้
     
  4. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    จะมีกระดูกเป็ฯพระธาตุ จะมีเกจิรับรองสืบๆกันมา
    จะมีนิมิตเครื่องหมายอะไร ห้ามเด็ดขาด

    จะเถียงหาพระแสง อะไรวะ
     
  5. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เนียะๆๆ
    ในทางไสยเวทย์ เนียะเค้าเรียกคนโดนพราย
    จะเป้ฯน้ำมันพรายหรือ พรายกลืนจิต หมากินความคิดอะไรก็เถอะ

    ถ้าเป้ฯไสยศาสตร์ ก็ต้องเอาออกก่อน

    ดันเอาไอ้พรายนี่มารับรองมรรคผลนิพพาน

    โถ่ เอ้ย
    ท่าเลยไอ้พวกห่านี้ภาวนา ๆได้แม้เศษเสี้ยวใจ
    ผมจะไปนอนคาบฟุตบาท ให้แม่งกระทืบท้ายทอย

    ท้าเลย

    กระดูเป็ฯพระธาตูก็ห้าม

    ใครจะทำนาย จะรับรองทำไป เราไม่ทำ
    อย่าโง่
     
  6. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ท้าเลย ทำของ ทำห่าไรใส่มาเลย

    แม่งแค่กรรมแม่งรับรองมรรคผลนริพพาน

    ก็โลกันตะโลก ไปแล้ว

    ผมเตือนนะถ้ารู้ว่านี่คือกรรมรับรองมรรคผลนิพพาน
    ไปขอขมาพระ
    แล้วไปหาทาง ลบออกจากสมองให้หมด

    โลกนี้มีพระอรหันต์หรือไม่ เป้ฯที่พระพุทธเจ้า ท่านทำนาย
    มีคึนถามอีกว่าพระสงฆ์ทำนายได้หรือไม่


    ผมให้ทำนายว่าผมมีอุปปาทานในอวิชชา
    ทำนายหรือยัง
    สั่งก็ทำนะ

    ไอ้พวกอุบาทว์
     
  7. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เจอะหน้าผม ชกเลยก็ได้นะ
    มาเยอะๆก็ได้

    ไม่ชอบหรอกไสยศาสตร์หนะ ชอบก่อคดี
     
  8. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ตราบที่มีกรรม รับรองมรรค ผล นิพพานอยู่

    ไม่เคยมีรูปนามใดในสากลจักรวาลใดจะภาวนาได้เลย

    เพราะวิญญาณขันธืไม่เคยรู้ถูก และไม่เคยถูกรู้

    ท่าเลยทำของมาเลย

    ท่าเลย พิสูจน์เลย

    และกรรมรับรองมรรคผลนิพพานจะติดตัวไปนิจนิรันดร์

    ไม่มีใครเลย รูปนามในในสากลจักรวาลใดๆ
    จะสามารถภาวนาได้ แม้แต่ฌานโลกีย์
    ถ้ามีกรรมรับรองมรรคผลนิพพาน เป็ฯวิบากขวางอยู่
     
  9. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    งั้นผม ขอถามท่านบุญยง ว่า
    ถ้าปัจจุบัน ไม่มีพระพุทธเจ้า ก็แสดงว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ก็แสดงว่า ไม่มีพระอรหันต์เลย ไม่มีใครสอนหรือนำพากันไปนิพพานได้ ไม่มีใครรู้นิพพานได้จริง ตามที่ท่านยกเหตุผลมาไช่มั้ยครับ

    แล้วถ้าอย่างงั้น หลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพาน ก็ไม่ควรมีการพูดถึงเรื่องนิพพาน ไม่ควรสอนกันเรื่องนิพพาน ไช่มั้ยครับ เพราะคุณบุญยงกล่าวเองว่า ไม่มีรูปนามใด ภาวนาได้
     
  10. kachangwa

    kachangwa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +33
    เฮ้อ!!! ประเทศไทย เอาอะไรมาสอนกันก็ไม่รู้ ผมคนนึงกว่าจะเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนอะไร ? ก็อายุเกือบ 40 แล้ว มัวสับสนแต่คำศัพท์ คำๆเดียวกันแต่คนละความหมาย ระหว่างพุทธ กับ พราห์ม ซึ่งที่เราเอามาสอนกันกลายเป็นความหมายของพราห์มไปหมด เช่น นิพพาน บางคนก็ทำให้เข้าในว่าเป็นการไปเกิดอีกภพนึง หรือ วิญญาณ คือ เจตภูติ ที่ออกจากร่างกายเมื่อตายไปแล้ว ล้วนแล้วไม่ได้มีความหมายแบบพุทธเลย นรก สวรรค์ บาป บุญ ล้วนแล้วเป็นการสอนของพราห์มทั้งนั้น นำมาข่มขู่กันให้เชื่อเพื่อการปกครองทางการเมืองกันมากกว่า
    พุทธ ไม่เคยสอนเรื่องเหล่านี้เลย สอนเพียงเรื่องเดียวสั้นๆ คือ ทางพ้นทุกข์ เท่านั้นเอง ส่วนในตำราไตรปิฎกเป็นเพียงนิทานปรำปรา ปริศนาธรรมเท่านั้น เช่น พระพุทธเจ้าเกิดมาเดินเจ็ดก้าว จริงๆการเกิดนี้ไม่ได้เกิดตอนคลอดเป็นการเกิดตอนรู้แจ้งเท่านั้นเอง และพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ม่แสงบนหัวเหมือนในรูปตามผนังด้วย และก็ไม่ได้มีหัวแหลมแบบที่ปั้นตั้งกันอยู่ตามวัดอีก
    ในไตรปิฎก แก้ไขแล้วแก้ไขอีก เพิ่มเติมเข้าไปจนคนศึกษามากเกินไปจนลงทะเลไป เป็น เพ้อเจ้อ ถกเถียงกันไปเลยก็มี แต่จริงๆแล้ว มีเพียงกำมือเดียวเท่านั้นแหละที่พระพุทธเจ้าสอน รู้เพียงกำมือเดียวก็รู้้งหมด
    จริงๆแล้ว พุทธ เป็นวิทยาศาสตร์ มีเหตุผลทั้งหมด แต่บางขั้นบางตอนมุษย์ยังไม่สามารถหาภาษาเข้ามาสื่อสารกันให้เข้าใจกันได้ จริงๆแล้วเรื่องของการเกิดของจิต ก็คือการเกิดของเซลส์สมองอีก 1 เซลส์ ซึ่งเซลส์เหล่านี้ทำงานอิสระต่อกัน 1 เรื่อง 1 เซลส์ 1 ภพ 1 ชาติ หมื่นล้านเซลส์ ที่ตายไป นั่นแหละ หมื่นล้านชาติ 1 เซลส์นิ่งสงบระงับ 1 เซลล์ มองดูเซลส์อื่นๆที่เกิดและตายมา 1 เซลส์ไม่อยากเกิดไม่อยากตาย 1 เซลส์สู่ความว่าง 1 เซลส์คือนิพาน
     
  11. กราบ123

    กราบ123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +158
    เรื่องเกิดที่วัดไหนสักแห่งก็ไม่รู้ มีพระสองกลุ่มทะเลาะกันอย่างรุนแรง
    กลุ่มนึงเป็นพระที่ประฏิบัตดีปฏิบัติชอบ ส่วนอีกกลุ่ม เป็นพระเกเรอันพาล
    พระที่ประฏิบัตดีปฏิบัติชอบจึงได้เอาเรื่องที่ทะเลาะกันไปบอกเจ้าอาวาส ให้ไล่พระ
    เกเรอันพาลออกไปจากวัด หลังจากเจ้าอาวาสได้ฟังก็ได้กล่าวว่า ท่านทั้งหลายก็เป็นพระดีกันแล้วท่านก็ออกไปจากวัดเราเถิด ส่วนอีกกลุ่ม ที่ เป็นพระเกเรอันพาลเราขออณุญาติให้เค้าอยู่ต่อเถิดเราจะขัดเกลาเค้าเองจะได้ไม่ออกไปทำให้ไครเดือดร้อน...............
    ................................เป็นเรื่องสั้นๆที่ผมประทับใจเผื่อจะมีประโยชน์นะครับ
     
  12. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239

    รู้น่ะรู้อยู่คะ คือรู้ แต่ไม่สนใจ ที่ไม่สนใจ เพราะเขาคุยเรื่องดารา เรื่องละคร เมื่อเรารู้เรื่องแล้ว แต่เราไม่สนใจ หลังจากนั้น สิ่งที่เขาคุยกันก็จะไม่เข้ามาให้เรารับรู้เลย เขาถามเรา เรายังไม่รู้เลยคะว่าเขาถาม พอเขาสะกิด เราถึงรู้ว่าเขาถามเรา เพราะเขาไม่ได้เอ่ยชื่อเรา พอเขาถามว่าได้ดูหรือเปล่า เราก็ตอบเขาว่าไม่ได้ดู เท่านั้นแหละเขาก็ไม่คุยด้วยอีก

    เราสนใจ เฉพาะ เรื่องที่สนใจ และรับรู้ในสิ่งที่สนใจอยู่
    เราไม่สนใจ ในเรื่องที่เราคิดว่าหาสาระไม่ได้ และเราก็ไม่รับรู้ คือเฉย เมื่อเฉย ก็ไม่รับรู้ว่าเขาพูดว่าอะไร
     
  13. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    น้องนิว เฉยเฉพาะเรื่องที่ควรจะเฉย
    และสนใจในเรื่องที่ควรจะสนใจคะ
    เพราะรู้สึกว่าไปสนใจ หรือไปรับรู้อะไรมากๆ ที่หาสาระไม่ได้ กลับไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย รับรู้มาเป็นภาระแก่จิตเปล่าๆ
    ยังไงรบกวนแนะนำได้นะคะ
    ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งคะ
     
  14. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    บางสิ่ง รู้ แต่ อยากถาม

    บางสิ่ง ถาม เพราะ อยากรู้

    ทั้งสองอย่าง ทำให้ รู้ รู้ชัด แยกได้ 2 อย่าง สาระ และ ไร้สาระ
     
  15. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239

    ขอบคุณสำหรับคำอวยพร จากคุณกลายแก้ว เป็นอย่างยิ่งคะ

    พรใดที่ท่านปราถนาให้เกิดแก่ฉัน ขอพรนั้น จงบังเกิดแก่ท่านด้วยเช่นกันคะ
     
  16. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    ความทุกข์ บอกกล่าวแก่ผู้อื่น ผู้อื่นก็ไม่สามารถรับรู้ รสชาติ ของความทุกข์นั้นได้หรอก ผู้อื่นก็แค่รับรู้ว่าเกิดทุกข์ ผู้ที่รับรู้ได้ดีที่สุดคือตัวเราเองอันมีทุกข์นั้นอยู่

    และผู้ที่จะสามารถดับทุกข์ นั้นได้ดี คือตัวเราเองนั้นแหละ ย่อมรู้เหตุแห่งทุกข์เป็นอย่างดี และแก้ไขได้ตรงจุดที่สุด

    ที่ผ่านมา ตัวฉันเกิดทุกข์ ตอนนี้ ฉันไม่เสียใจเลย ที่เคยได้เกิดทุกข์นั้น

    ทุกข์ ทำให้ฉันเห็น ธรรม แล้วอย่างนี้ ฉันจะมัวแต่เสียใจไปทำไมกัน

    เมื่อทุกข์ ทำให้เห็น ธรรม แล้ว เมื่อทุกข์เกิด ฉันยังไม่รู้สึกเลย ว่าทุกข์เกิด ฉันสุข เพราะฉันสุขอยู่กับ ธรรม

    นี่เป็นความคิดของฉัน มันเป็นอย่างนี้
     
  17. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ผมคือคนที่ใช้ชื่อกลายแก้วนะครับ ตอนนี้ชื่อผม เลิกโดนแบนแล้ว แต่บอกให้ทราบว่าผมคือ กลายแก้ว แต่ไม่ใช้ชื่อกลายแก่้วแล้วครับ

    ทั้งหมดที่คุณเข้าใจได้นั้น ถูกต้องแล้วครับ เพราะทุกข์เกิดที่เรา ต้องดับที่เรา เราเป็นคนดับครับ
     
  18. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    อนุโมทนาสาธุธรรมคับ คุณ nongnewinbkk ^__^ ​
     
  19. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    จิตจะมีพลัง มีอำนาจ ในการขจัดเชื้ออาสวะน้อยใหญ่ ต้องเป็นจิตที่ได้รับการฝึกฝน

    เป็นจิตที่ตั้งอยู่ในฐานแห่งความสงบ ไม่เป็นจิตที่ฟุ้งขจรศักดิ์!! ไปตามสกลกาย สกลจิต สกลนคร

    ทุกข์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น นั่นเพราะจิตไปรับเอาผัสสะ เอาเวทนา มาเป็นเรา

    เมื่อทุกข์เกิดขึ้น สติต้องรับรู้ รู้สึกในความรับรู้ กับสังขารเหล่านั้น

    สุขเกิดขึ้น เพราะความเป็นจิตที่มีสติ ย่อมต้องรับรู้ในสุขเหล่านั้น

    สติเมื่อมีความชำนาญ ต่อธัมมารมณ์เหล่านั้น และมั่นพิจารณาใคร่ครวญ ในความเป็นไตรลักษณ์

    ย่อมเป็นปัญญาสอดแทรก พิจารณาด้วยความเป็นสัจจะญาณ
    เห็นด้วยว่าสิ่งเหล่านั้น ไม่ใช่ของๆเรา สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น แล้วก็ดับไป

    แม้ความคิดที่แล่นไป สติย่อมต้องรับรู้ในความคิดเหล่านั้น

    สิ่งใดที่ ขจร ขจาย ย่อมสามารถ รวบอำนาจของความ ฟุ้งศักดิ์.!!!
    เข้ามาเป็นหนึ่ง ด้วยการรับรู้นั่นคือ กิจ ที่ต้องทำของคนๆนั้น

    ดังนั้น จิตและสติ ของผู้เมื่ออยู่ในความสงบตั้งมั่น กับผัสสะอายตนะทั้งหลาย ที่เข้ามากระทบ

    จิตย่อมเป็นจิตที่มีพลัง มีอำนาจ มีความเป็นกลาง เป็นจิตมัธยัสถ์ มีญาณเกิดขึ้นต่อสังขารทั้งหลาย

    จึงจะเข้าสู่หนทางการถ่ายถอนกิเลส ละตัณหา นิวรณ์ ย่อมเห็นหนทางประตูสู่นิพพาน

    ทุกข์เกิดขึ้นก็ต้องรู้ สุขเกิดขึ้นก็ต้องรู้ ไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ใช่ไม่รู้สึก!! อย่าสนองไปด้วยความคิดที่ไม่รับรู้ในสิ่งใดๆ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2014
  20. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    ทุกข์เกิดขึ้นก็ต้องรู้ สุขเกิดขึ้นก็ต้องรู้ ไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ใช่ไม่รู้สึก!! อย่าสนองไปด้วยความคิดที่ไม่รับรู้ในสิ่งใดๆ

    [​IMG][/QUOTE]

    เมื่อทุกข์ ทำให้เห็น ธรรม แล้ว เมื่อทุกข์เกิด ฉันยังไม่รู้สึกเลย ว่าทุกข์เกิด ฉันสุข เพราะฉันสุขอยู่กับ ธรรม

    เมื่อทุกข์เกิด (รู้ว่าทุกข์เกิดแล้ว) ฉันยังไม่รู้สึกเลย ว่าทุกข์เกิด(คือการปล่อยวาง) ฉันสุข เพราะฉันสุขอยู่กับ ธรรม

    สรุป = รับรู้ แต่ ปล่อยวาง
     

แชร์หน้านี้

Loading...