ทำไมนั่งสมาธิแล้วเหมือนตัวหมุน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กัญจานรี, 11 กรกฎาคม 2014.

  1. กัญจานรี

    กัญจานรี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +18
    สวัสดีค่ะ หนูเริ่มนั่งสมาธิมาได้สักพักแล้ว แต่ช่วงหลังๆนี้เหมือนเวลานั่งแล้วตัวเราหมุน เหมือนเรานั่งไม่เที่ยงแต่ก็ตั่งสติดีๆแล้วเราก็นั่งตรงดีแล้วบางทีก็เหมือนสิ่งรอบกายมันหมุนเหมือนเรานั่งอยู่ตรงกลางพายุ แล้วพอรองเพ็งกสินไฟ (เปลวเทียน) มันรู้สึกหนักบ่าสองข้าง แล้วพอเลิกทำมันรู้สึกปวดตรงกลางหัวมากเลยปวดแบบจิ๊ดๆ
    ที่หนูรู้สึกแบบนี้เป็นเพราะเราตั้งใจเกินไปหรือเคลียดเกินไปรึป่าวค่ะ แล้วต้องแก้ยังไง

    ขอบคุณค่ะ
     
  2. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เป็นอาการที่ ความยึดมั่นว่ารู้ คือรู้ตัว รู้สึก สุข ทุกข์ ปวดเมื่อย
    โดนรู้ เข้าอบรม มันจะทำให้เราสับสนว่า ความยึดมันว่าเรา ของเราหนะ
    อันไหน

    คือถ้าเราไม่ทำสมาธิ ไม่ทำให้จิตตั้งมัน
    เรามักจะอยู่กะยึด ว่ารู้
    และพอเราทำสมาธิจิตตั่งมัน ตัวที่เรายึดว่ารู้ โดนรู้ ตัวจริงเสียงจริงขโมยซีน

    เราจะมึนงง สับสน
    ต้องทู้ซี้ทำไป สับสนไปเรื่อยๆ ถ้าเห็ฯว่ายิ่งทำยิ่งทุกข์แสดงว่า กุศลเกิด
    ให้อุทิศกุศล ที่ทนทุกข์นั้นแหละ ขันติ ได้บุญ
     
  3. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เราของเรา คือผมเนียะ
    จะมีตัวผมของผมอยู่ ตอนนี้สองชุด
    คือชุดแรก ยึดว่าคือผม
    กะชุดที่สอง รู้ว่าคือผม
    ถ้าจิตสงบสองตัวนี้จะพบกัน ตัวไหนแข็งแรงกว่า อาหาร กินเยอะนอนเยอะกว่าชนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2014
  4. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ที่ชาวพุทธอยากได้คือ นิพพาน คือดับไม่มีเชื้อ หมดกิเลศ พ้นทุกข์

    วิธีคือพยานามให้ตัวยึดว่ารู้แพ้ มันจะเป็ฯพระ ตัวรู้จะชนะมันจะเป้ฯมาร
    คนทำสำเร็จจะทุกข์ จะสมุทัย จะนิโรธ จะมรรค

    คือมันจะทุกข์ เพราะว่าตัวที่เรายึดว่าเรารู้ มันแพ้ มันเลยทุกข์
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ไม่ได้เครียดหรือเคร่งเกินไปครับ..กำลังสมาธิสะสมยังไม่เพียงพอ
    ให้มาเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่องนะครับ จะนับร่างกาย
    หรือตามลมหายใจสุดแล้วแต่ความเหมาะสม.เพื่อสร้างกำลัง
    สมาธิแบบเล็กๆน้อยๆที่จะได้จากช่วงนี้เพื่อมาหนุนและให้ปรับระบบการ
    หายใจให้ละเอียดขึ้น.ด้วยการฝึกหายใจเข้าและออกให้ลึกถึงท้อง
    แทนการหายใจถึงหน้าอกแบบปกติทั่วๆไปครับ..

    และในช่วงที่หายใจนี้ให้ทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมกระทบปลายจมูก
    เวลาหายใจด้วยครับเพื่อสร้างกำลังสติทางธรรมเพิ่มขึ้นเพื่อมา
    หนุนกิริยาที่เกิด ณ ตอนนี้..

    สมาธิสะสมตรงนี้จะใช้ช่วยแก้อาการปวดศรีษะตรงกลาง
    กระโหลกแบบจี๊ดๆได้.ถ้าชอบเพ่งไฟ ตอนนี้ให้เพ่งพอที่จะ
    เกิดนิมิตรเป็นวงกลม ๓ สีตรงนี้ก่อนคือที่ขอบเล็กๆ ๒ สี
    ตรงกลางเนื้อสีมากหน่อย.แล้วให้ใช้สายตาปกติมองลง
    มาที่กลางลิ้นปี่ หรือ โน้มสายตาลงต่ำ สังเกตุสายตาพระพูทธรูปดูนะครับ
    เพื่อตัดระบบการทำงานของสมอง ทั้งด้านหน้าและตรงกลางกระโหลก
    และให้หนดจิตมาไว้ตรงกลางระหว่างคิ้วให้เสมอว่าเป็นอีกสายตาในการ
    มองภาพนิมิตรผ่านการใช้สายตาปกติมองไม่งั้นจะกระตุ้น
    ให้สมองทำงานจะไปหนุนอาการปวดศรีษะได้
    และถ้าหากว่าภาพนิมิตรหายไป
    ให้มาตามลมหายใจ และสายปกติมองกลับไปที่กลางลิ้นปี๋
    ประมาณ ครั้งที่ ๓ และ ๔ ภาพนิมิตรจะปราฏกขึ้นมาได้..

    ให้มองผ่านระหว่างคิ้วอย่างที่บอก ภาพนิมิตรจะค่อยๆเปลี่ยนไป
    สีเดียวได้..ถ้าถึงตรงนี้ได้ และทำอย่างที่บอกอาการปวดจี๊ดถึง
    จะหายไปได้ครับ...ส่วนกำลังสติทางธรรมจะช่วยควบคุมอาการ
    ที่รู้สึกว่าตัวเองๆหมุนได้ จะทำให้สามารถควบคุมเพื่อให้อาการ
    นี้ปล่อยไปถึงที่สุดได้ต่อไปจะไม่เป็นอีก
    .ซึ่งก็รวมกับกำลังสมาธิสะสมอย่างที่กล่าวมา
    แล้วข้างต้นมาร่วมด้วยช่วยกันหนุน..

    ต่อไปอาการจี๊ดตรงศรีษะจะกลายเป็นอาการคล้ายๆ
    ว่ามีลมหมุนๆวนขวาแต่ไม่ปวดและจะหมุนถึงท้ายทอยได้.
    ..ตรงกลางกระโหลกของเราจะสามารถเปิดถ่าย
    พลังงานในตัวเองไปสู่ภายนอกได้..ตรงจุดนี้เป็นจุดที่สามารถเชื่อม
    กับระดับเทพมีฤิทธิ์ หรือระดับพรหมได้ครับไม่ต้องกังวล
    ทำให้เชื่อมพลังงานภายนอกจากตรงนี้ได้
    ถึงจะไม่เกิดการจุกตัวเนื่องจากกำลังสมาธิไม่พอในการออกไปเชื่อม
    ภายนอก ที่ทำให้กระแสพลังงานภายในกายมันขึ้นไปกลางกระโหลก
    แต่ออกไปภายนอกไม่ได้แล้วมันย้อนกลับมา
    ให้ปวดบ่าเหมือนที่เคยเป็นมาด้วยครับ

    ปล. ประมาณนี้ลองอ่านดูนะครับ..
     
  6. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844

    ตัวหมุนเป็นปิติชนิดหนึ่ง เป็นแบบโลดโผนเรียกว่าอุเพ็งปิติ เป็นปกติ
    อาการหนักบ่าออกมาก็นวดได้เป็นผลจากการเพ่งนาน ปวดกลางหัวนี้ ใช่กระหม่อมหรือเปล่า จุดนี้เชื่อมโยงกับประสาทตาผลก็มาจากเพ่งมากเกิดไป แต่ตรงนี้เป็นแล้วจะหายยากสักหน่อย หรืออาจไม่หายเลยไปตลอดชีวิตก็ได้ แต่ไม่เป็นอันตรายอะไรครับ
     
  7. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ตัวรู้จะรู้ผิด ตลอดเวลา
    ตัวยึดว่ารู้จะรู้สึกว่าเรานั่งสงบ สำรวม กายวาจา ใจ อยู่
    แต่ตัวรู้มันหมุน
    ถ้าอยากทุกข์ สมุทัย นิดรธ มรรค ให้ตัวหมุนมันชนะ ตัวที่ยึดว่าไม่หมุน

    ตัวยึดว่ารู้ กับ ตัวรู้จะทำหน้าที่สลับกันไปมา
    ตัวหนึ่งจะแย่งเข้าใน หรือ แย่งออกข้างนอก

    เช่นตัวยึดว่ารู้เวลามันทุกข์ มันจะแย่งหนีทุกข์ไปข้างนอกทุกข์
    มันจะเป็นตนละตัวกะรู้ ถ้ามันเป็ฯพเื่อนทุกข์กัน มันจะ สงสารกันกรุณา
    พอมันนิโรโธ มันจะมุทิตากัน และมันก็จะอุเบกขาในที่สุด

    เค้าเรียกว่า ใจ กันธรรมารมณ์ มันจะแย่งกันเข้าข้างใน แย่งกันออกข้างนอก
    ทั้งๆที่คำภีร์เขียนว่า ธรรมารมณืจะอยู่ข้างนอก จิตจะอยู่ข้างใน

    ลมหายใจก็เหมือนกัน
    ตัวยึดว่ารู้ลมหายใจ กะตัวรู้จะทำการกันคนละที่
    เหมือนกับที่กายเนื้อเรานั้งนิ่งๆ แต่ ตัวรู้ของเราคิดว่ากายหมุน หรือหมุนรอบกาย
    ลมหายใจถ้าเรายอมให้ตัวรู้ ชนะตัวยึด
    มันจะมีการแย่งกันยเข้าข้างใน แย่งกันออกข้างนอก

    ลมหายใจเราควบคุม ยึดว่ารู้ได้ แต่ให้ตัวรู้ชนะ
     
  8. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ถ้าเพ่งเทียน ผมชอบคาถาจักรพรรดิ์ตามแบบวัดถ้ำเมือนนะมาก
    ก็ให้ภาวนา คาถาจักรพรรดิ์ ไปเรื่อยๆไม่ต้องกำหนดรู้อะไร

    ดูว่าตัวยึด กะตัวรู้มันแยกออกจากกัน เราจะรู้เอง
    ก็เพราะตัวยึด กะตัวรู้ แยกออกจากกัน
    ให้มันรู้ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

    พอมันเป็นเพื่อนทุกข์กัน มันเป็นคนสงสารเห็นอกเห็นใจกัน มันยิดดีเมื่อทุกข์ดับ มันวางเฉยๆ
    ก็ให้กำหนด ด้วยคาถาจักรพรรดิ์ขอให้เห็ฯภาพ เปลวเทียน
    ถ้าไม่เห้นก็ดูทุกข์ที่ไม่เห็น
    ภาวนาคาถาจักรพรรดิ์และอธิฐานขอดูภาพเปลวเทียน เมื่อ ตัวรู้ แยกออกจากตัวยึด

    กรรมฐานทั้งแบบมีภาพและไม่มีภาพ จะมีฉันทะ และราคะในนั้นเสมอ
    ภาวนาคาถาจักรพรรดิ์ แล้วรอตัวรู้ แยกออกจากตัวยึด
    แล้วอธิษบาฯด้วยคาถาจักรพรรดิ์ ขอดูภาพเปลวเทียน

    ถ้าอยากได้กรรมฐานที่ไม่มีรูป ขอคาถาจักรพรรดิ์ ให้ภาพเปลวเทียนหายไป
     
  9. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ถ้าเป็ฯผมผมไม่ไปนั้นจ้องเปลวเทียนให้เกร็ง ให้เหมื่อย

    ไม่ต้องไปจับภาพเลย
    ภาวนาคาถาจักรพรรดิ์ รอตัวยึด กะตัวรู้แยกออกจากกัน
    เราจะรู้เลย มันชัดเจนมาก เช่น นั้งนิ่งๆ แต่รู้สึกว่ากายหมุน

    ถ้าชอบจับลมหายใจ ให้ตัวยึดว่ารู้ัลมหายใจ แยกออกจากตัวรู้ลมหายใจ

    จะมีข้างในข้างนอก

    ภาพเปลวเทียนหนะ จะมีข้างในข้างนอก
    ผมว่านะนั่งมืดๆไปแหละดี กรรมฐานมีภาพหนะ มันเกิดภาพหลอน เสียงหลอนง่าย เวลาป่วยขึ้นมาก็ต้องไปหาหมอ หมอก็วินิจฉัยไปตามที่หมอ ยึดว่ารู้

    ต้องไปนั้นรอตัวยึดว่ารู้ กะตัวรู้ของ หมอ แยกจากกันแล้วพิจรณาทุกข์
     
  10. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    นั่งสมาธิแล้วเกิด กลัว ขึ้นมา
    หรือสงสัยขึ้นมา
    อันนี้ ปรกติ ถ้าเป็ฯบ่อยๆ ให้ถือว่าเพราะเราไม่ ชิน
    พอเราชินเราจะปรงได้ ว่าสงสัยไปก็เท่านั้น
    คำตอบจะเหมือน เรานั่งร่างกายเราก็นิ่งๆ แต่เรารู้สึกว่าหมุน
    ตอบแบผมเหมือนไม่ให้ความรู้

    แต่มันเป็ฯงั้นจริงๆ ยิ่งหาคำตอบ ตัวยึดว่ารู้ กับตัวรู้ จะยิ่งแยกจากกัน
    ยิ่งมีคำตอบมาก ยิ่งแยกกันแรง
    ยิ่งกลัวแรง ยิ่งสงสัยแรง

    ถ้าชอบแนวถามตอบ ให้กำหนดรู้ว่าตัวยึดว่ารู้ กะตัวรู้ มันไม่ยอมเป็นเพื่อนกัน
    ต้องให้มันเป็นเพื่อนทุกข์

    ทำยานอยากที่จะรู้ กับทะยานอยากที่จะพ้นจากความยึดว่ารู้
    ถ้ารู้ ถ้าตัวรู้กะตัวยึดแยกออกจากกัน
    ให้อุทิศกุศล
    ในอวิชชาจะประกอบด้วย พอใจ ผัสะที่เรียกว่าเวลา จะกลืนกินทุกสัตว์

    เราจะทะยานให้ตัวที่อยู่ถัดมา แซงตัวที่อยู่ก่อนหน้า
    หรือ จะให้ตัวที่อยู่ข้างในออกมาข้างนอก
    หรือจะให้ตัวข้างนอกหลบเข้าข้างใน
    ถ้าเรารู้ว่าเราทะยานอยาก ฉันทะและราคะจะอ่อนกำลัง

    ราคะเกิดจาก ฉันทะหนะ มันจะให้ตัวหลังแซงตัวหน้า จะให้ตัวหน้ารอตัวหลัง
    จะให้ตัวในออกมานอก จะให้ตัวนอกมุดเข้าใน
    ฉันทะในฉันทะ แรงที่มันไม่ทำตามเวลาที่กลืนกินสรรพสัตว์ ทำให้เกิดราคะ

    เหมือนเราคิดว่าน้ำมันพืชจะหล่อลื่น แต่ถ้าเอาสารเคมี หยดลงไป
    น้ำมันพืชก็จะกลายเป็นโพลิเมอร์
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อาการ ปิติ ครับ แนะนำว่า อย่าไปสนใจ มันจะรู้สึกหมุนขนาดไหน ก็ให้ตั้งสติ รับรู้ แล้วปล่อยวาง ครับ

    ไม่ต้องไปตามดู ตามรู้อารมณ์หมุนๆ ใดๆ ทั้งสิ้นครับ ที่เล่าๆมานั้นละ

    นั่งใหม่เจออาการแบบนี้อีก ให้ มีสติ อยู่กับกรรมฐานที่ปฏิบัติ ไม่ต้องส่งจิตออกนอก หรือ ไปตามไปดู ไปเสวยอารมณ์ อาการต่างๆ ที่เข้ามากระทบในการปฏิบัติใดๆ ทั้งสิ้นครับ

    ผ่านตรงนี้ไปได้ เดี่ยวก็จะเจอด่านอื่นๆ ต่อไป ^^


    ส่วนกสิณนั้น เค้าให้ ดูภาพ จำภาพ แล้วหลับตา จำภาพให้ขึ้นใจครับ ถ้าภาพหายไป ก็ลืมตาดูใหม่ครับครับ

    .
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    <center>
    [​IMG]

    ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๖)
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)</center>
    หลวงพ่อครับ กสิณนี่เป็นมโนภาพใช่ไหมครับ…?
    กสิณไม่ใช่มโนภาพนะ กสิณนี่ต้องใช้นิมิตตรง ต้องใช้ดูวัตถุแล้วจำภาพ ไม่ใช่มโนภาพ ถ้าเราจะตั้งก็ได้ แต่เป๋ ถ้าดูวัตถุยังไม่ค่อยจำ นี่เล่นมโนภาพ ระวังกสิณโทษจะเกิด อย่างเราเจริญปฐวีกสิณ จะต้องเอาจิตจับไว้เฉพาะปฐวีกสิณอย่างเดียว ถ้าภาพอื่นข้ามาแทรกต้องตัดทิ้งทันที นั่นเขาถือว่าเป็นกสิณโทษ จนกว่ากสิณกองนั้นเข้าถึงฌาน ๔ แล้วก็คล่องตัว จึงจะย้ายไปเป็นกสิณกองอื่นต่อไป
     
  13. กัญจานรี

    กัญจานรี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +18
    บางที่ตอนเพ่งภาพกสิณหรือสมาธิอ่ะค่ะ จะเห็นเป็นรูปเทพฮินดู ชัดเเจ๋วเลย แต่หนูเพ่งที่เปลวเทียนน่ะค่ะ แล้วจิตก็ไม่ได้ไปอะไรกับเทพหรืออะไรเลย หรือว่าเป็นเพราะหนูเหนื่อยเกินไปจากการเพ่ง หรือสมาธิไม่ดีเลยจิตคิดเห็นไปทั่วค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2014
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    ตามปรกติคนเรา ถ้ายังไม่ชำนาญในกรรมฐาน สติ สมาธิ ยังไม่มีกำลังเพียงพอ

    ปฏิบัติกรรมฐานไป สติตามไม่ทัน เผลอหลุดจากคำภาวนา หลุดจากกรรมฐาน ส่งออกไม่รู้ตัว

    ก็ย่อมที่จะมีอารมณ์อื่น มาแทรกได้ครับ

    ถ้าสติตามไม่ทัน เผลอหลุดจากกรรมฐานที่เราปฏิบัติ ฟุ้งซ่าน ส่งออกไปดู สิ่งต่างๆเล่านั้น ก็คือการเผลอสติ หลุดจากกรรมฐาน

    บางคนไม่รู้ตัว นึกว่าเป็นของดี ก็ดันไปตามดู ตามรู้ บลาๆๆ ต่างๆนาๆ

    แต่แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นอาการ จิตส่งออกนอก นั้นเอง แต่ไม่รู้ตัวเอง

    เมื่อไหร่ที่สติตามทัน ก็จะรู้ตัว ว่า เอ๋ ตัวเองลืมกรรมฐาน ไปซะแล้ว

    ดังนั้น พอรู้ตัวแล้ว ปฏิบัติกรรมฐานไหนอยู่ ก็ให้กลับมากรรมฐานเดิมที่เราปฏิบัติครับ

    จขกท ฝึกกรรมฐานกสิณ ก็ต้อง จดจ่ออยู่กับกรรมฐานกองนั้นๆ ครับ
     
  15. กัญจานรี

    กัญจานรี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +18
    หนูภวานาพุท โธตลอดค่ะ เเล้วมีสติอยู่ดี พยายามถึงภาพเปลวเทียนกลับมาน่ะค่ะ แต่บางทีรูปเปลวเทียนก็ยังไม่กลับมาเป็นรูปเหล่านั้นแทน หนูต้องแก้ตรงไหนบ้างอ่ะค่ะ
     
  16. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819


    ถ้าไม่ต้องการ มุ่งไปทาง รูปเหล่านั้นนะ




    ต้องเรียกว่า หัด ครับ

    มีนิมิตอื่นมาแทรกกรรมฐานที่เราปฏิบัติอยู่

    ต้อง ตัดทิ้ง เท่านั้นครับ


    แทรกปุบ ตัดปับ เรียกนิมิตกรรมฐานเดิมกลับมาครับ

    ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะแก้ได้ครับ


    ถ้าช่วงแรกๆ ยังไม่ชำนาญ ก็จะใช้เวลานานหน่อย ค่อยๆเป็นค่อยไปครับ

    ให้ฝึกไปบ่อยๆ ตัดนิมิต ที่ไม่ต้องการออก บ่อยๆ

    ต่อไปในอนาคต ก็จะชำนาญ เองครับ นิมิตอื่นจะมาแทรกยากครับ


    แนะนำว่า ส่วนใหญ่ พวกนี้ จะชอบมาแทรก เวลาหลับตาทำสมาธิ ครับจะหลุดจากกรรมฐานเดิม ง่ายมาก ฟุ้งซ่านง่ายละกันครับ

    การปฏิบัติ มี ยืน เดิน นั่ง นอน ครับ


    ท่องคำสอนของ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง) ให้ขึ้นใจครับ

    เอาจิตจับไว้เฉพาะกสิณอย่างเดียว ถ้าภาพอื่นข้ามาแทรกต้องตัดทิ้งทันที นั่นเขาถือว่าเป็นกสิณโทษ



    ถ้าภาพอื่นข้ามาแทรกต้องตัดทิ้งทันที

    ถ้าภาพอื่นข้ามาแทรกต้องตัดทิ้งทันที

    ถ้าภาพอื่นข้ามาแทรกต้องตัดทิ้งทันที



    กสิณโทษ ก็คือ พวกนิมิตต่างๆ ที่จะเข้ามาขวางผลของการปฏิบัติ นั้นเองครับ ทำให้ขวางผลกรรมฐานที่เราฝึกนั้นเองครับ
    ทำให้เสียเวลา ละเสียผลในการปฏิบัติครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2014
  17. กัญจานรี

    กัญจานรี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +18
    ขอบคุณค่ะ ^_^
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เห็นเป็นพระศิวะหรือพระแม่มาลีครับ..คือถ้าเห็นใสแจ๋ว มีโอกาสเป็นไปได้ว่าเคยมีสัมพันธ์กันมา
    บางคนก็เห็นเป็นองค์อื่นๆก็มีครับตามแต่สัญญาเดิมที่เคยติดจิตเรามาพวกนี้จะ
    ขึ้นมาได้หากเข้าถึงสมาธิระดับหนึ่ง
    แม้ว่าเราไม่เคยคิดมาก่อนหรือเคยเห็นมาก่อนเลยในชาตินี้ก็เกิดขึ้นได้
    แสดงว่าจิตดวงนี้ต้องเคยมีสัญญาในจิตมาก่อนแน่นอนไม่งั้นต่อให้สมาธิ
    สูงแค่ไหนก็จะไม่มีทางเกิดเป็นภาพขึ้นมาได้เลย..
    ..ถ้าจะฝึกกสิณไฟต่อกรณีที่มองเปลวไฟแบบ
    ลืมตาแล้วตาไม่แฉะถึงจะไม่เป็นไรครับ.
    จะโน้มไปทางทิพยจักขุได้.และสามารถเกิด
    เครื่องรู้พิเศษได้ในช่วงนี้หากว่ามีแสงสว่างจร้ารอบห้อง รอบบริเวณที่ตัวเองนั่ง
    แต่ตอนนี้ ควรมองแล้วหละ แล้วไปตามนิมิตรอย่างที่บอกก่อนนะครับ
    หรือถ้าจะตรวจสอบว่าสิ่งที่เห็นจะจริงหรือไม่
    ในสมาธิตอนหลับตาต้องพยายามมองไปยัง
    ภาพที่เห็นให้นานพอสมควรถึงจะพอบอกได้ว่านิมิตรนั้นจริงหรือไม่จริง

    โดยปกติแล้วผู้ปฏิบัติบางคน เวลานั่งสมาธิก็มักจะได้พบเจอกับ เทพ พรหม
    เทวดา หรือ พระโพธิฯ หรือพระพุทธฯ พระสงฆ์ได้เช่นกัน..แต่ของคุณ
    ประเด็นนี้ฟังหูไว้หูนะครับ.ด้วยเหตุว่าจิตเดิมตอนนี้ของคุณในอดีต
    มันเคยฝึกถึงขั้นที่เคยมีฤิทธิ์มาก่อนแถมยังมีความสามารถใน
    การรักษาโรคได้จึงไม่แปลกที่จะเห็น
    แต่กรณีนี้.แม้ว่าจะจริงหรือไม่จริง ยังไม่ต้องไปสนใจนิมิตรตรงนี้
    ให้สนใจเฉพาะนิมิตรที่เราฝึกอยู่ก็พอครับ เพราะจะขวาง
    การปฏิบัติเราได้..และโดยรวมๆจะปลอดภัยกว่าครับ
     
  19. กัญจานรี

    กัญจานรี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +18
    เป็นพระศิวะค่ะ แต่เห็นแค่ครึ่งตัว ตอนแรกไม่เป็นน่ค่ะแต่พอฝึกกสิณจะเริ่มเห็นแม้แต่สมาธิปกติก็เห็น
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    อนาคตมีสิทธิ์สำเร็จในระดับที่ใช้งานได้นอกจากทางมือครับ
    ส่วนเครื่องรู้พิเศษมันเกิดได้ปกติระหว่างฝึกครับ
    อย่าไปให้ความสำคัญนะครับเด่วจะทำให้ฝึกถึงขั้น
    ใช้ได้จริงจะช้า ไม่งั้นจะทำได้แค่
    ในนิมิตร ประมานนี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...