ประสบการณ์มโนมยิทธิ กรรม และเรื่องยุ่งๆของผม

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย softkid9, 18 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    สงสัยน้องเฟมจัดการไปแล้วมั๊ง เห็นเงียบกริ๊บไปแล้ว อิๆ สงสัยกำลังคิดชื่อสมัครยูสเซอร์ใหม่มาป่วนอีก

    ปกติสวดมนต์นี่เมื่อก่อนพี่นี่ขอออกตัวก่อนเลยว่าขี้เกียจสุดๆเลยทีเดียว แปลกตรงที่ตั้งแต่ไปเรียนมโนมยิทธิมา ก็เริ่มสวดมาเรื่อยๆตั้งแต่ตอนนั้น ปกติพี่สวดนะโม3จบ-บทขอขมาพระรัตนตรัย สมาทานศีล 5 (สำหรับศีล 5 นี้สมาทานทุกวันละครับ ตอนก่อนนอนเราไม่ได้ไปผิดศีลกะใคร เผื่อหลับแล้วไม่ตื่น ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ไม่ทันตั้งตัว ถ้ากำลังใจยังไม่พอที่จะไปพระนิพพาน ขาดเหลือนิดหน่อย อย่างน้อยๆก็มีบุญทั้งทาน ศีล ภาวนาติดตัวไปกันตกนรกครับ) บทของสมเด็จพระพุทธกัสปะ บทของสมเด็จองค์ปัจจุบัน แล้วก็สุดท้ายคาถาเงินล้านของหลวงพ่อ แล้วก็อุทิศบุญแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรเรา เทวดาที่คุ้มครองตัวเรา ฯ เป็นปกติทุกวัน อนุโมทนากับน้องๆทุกท่านนะครับ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2014
  2. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    [​IMG]

    วันนี้ขอโม้เรื่อยเปื่อยไปตามเรื่องตามราวนะครับ ผมว่าการที่เราได้เกิดมาในผืนแผ่นดินไทยนั้นเป็นโชคดีอย่างที่สุด 2 อย่างคือ

    1. เรามีในหลวงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนทั้งชาติ

    2. ประเทศไทยเรามีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ และไม่ได้จำกัดการนับถือศาสนา ถึงแม้จะไม่ได้นับถือศาสนาพุทธก็ตาม

    พูดถึงข้อ 2 ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ผมก็จำไม่ได้ว่าเคยอ่านที่ไหนมา แต่จำได้ขึ้นใจ คือมีฝรั่งผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ต่างประเทศ ถ้าผมจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเป็นออสเตรเลีย เป็นด็อกเตอร์อายุประมาณ 50 ปี เค้ามีความสนใจศึกษาศาสนาพุทธจนถึงขั้นบินมาศึกษาที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ 1 ปี แล้วก็บินกลับประเทศไป แกกล่าวว่าคนไทยมีบุญที่เกิดมา ก็เห็นวัดอยู่ใกล้ๆบ้านแล้ว แต่โชคร้ายที่ไม่ได้สนใจศึกษาพระพุทธศาสนา ที่ต่างประเทศนั้น สื่อธรรมะที่เป็นภาษาอังกฤษนั้นหาไม่ได้ง่ายนักและมีราคาพอสมควร แกถึงต้องบินมาเพื่อศึกษาพุทธศาสนาที่เมืองไทย

    เป็นไงครับ อ่านแล้วรู้สึกยังไงกับบ้าง นี่ชาวต่างชาติเค้าดั้นด้นข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อศึกษาศาสนาพุทธ นิสัยฝรั่งนี่ถ้าเค้าสนใจอะไรแล้วละก็ เค้าจะศึกษา ค้นคว้า จนกว่าเค้าจะพอใจ เค้าไม่สนใจเวลาหรือทรัพย์สินที่เสียไปเลย แล้วเราๆท่านๆซึ่งเกิดมาก็เห็นวัดอยู่ข้างๆบ้านแล้ว เวลาในแต่ละวันเรามีเท่าๆกัน
    ยังปล่อยเวลาให้หมดไปเรื่อยๆ เสียไปในแต่ละวินาทีทำไม คำสอนของหลวงพ่อท่านซึ่งท่านได้ขยายความธรรมะของพระพุทธองค์ให้เข้าใจง่ายๆแล้ว เคยมีคนกล่าวไว้ว่า เวลาและสายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ ชีวิตมนุษย์เราเปรียบเหมือนนาฬิกาทรายที่ทรายเหลือน้อยลงทุกที เปรียบเหมือนใยไหมที่สาวใยจนตัวตาย เหมือนเทียนที่ไหม้กินไส้ตัวเองจนหมด

    สาธุสวัสดี ขอความถึงที่สุดแห่งความพ้นทุกข์จงมีแด่ทุกท่าน

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2014
  3. อุดม

    อุดม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +11
    วันนี้ผมนำพระไปเลี่ยมขึ้นคอแล้วครับ ขอบคุณ คุณเก่งมากครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    อนุโมทนาและยินดีกับคุณอุดม อย่าลืมพุทธานุสสติกรรมฐานเห็นพระแล้วระลึกถึงองค์สมเด็จและหลวงพ่อท่านด้วยนะครับ ขอให้มีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปครับ สาธุ
     
  5. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743

    สาธุ เท่าที่พูดคุยกันมาพี่ว่าพี่ขี้เกียจที่สุดแล้วล่ะ(แบบไม่ได้ถล่มตัวเองนะ ห้ามเข้าใจผิด อิอิ) คือตั้งแต่พี่ฝึกมโนมยิทธิมา พี่กลับมานั่งสมาธิเองที่บ้านนับครั้งได้เลย ตีซะว่าเริ่มฝึกตั้งแต่อายุ 14 จนมาถึงอายุ 21 เฉลี่ยนั่งสมาธิเองแค่ 3 ครั้ง/ปีเอง เพราะส่วนตัวพี่เป็นคนขี้เกียจอ่ะ แต่ถ้าให้ไปฝึกกรรมฐานพร้อมคนอื่นๆอันนี้ทำ

    ฉะนั้นส่วนใหญ่พี่จะเป็นประเภททำทีละนิดทีละหน่อย สะสมไปเรื่อยๆแบบไม่เป็นทางการซะมากกว่า(ซึ่งบางทีพี่ก็คิดนะว่าพี่มั่วไปเรื่อยๆด้วยหรือเปล่า) ยิ่งถ้าเป็นการสวดมนต์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะชอบทำสมาธิมากกว่าสวดมนต์ เพิ่งจะมาเริ่มสวดคาถาเงินล้านแบบจริงจังบ้างก็ตอนนี้แหละ (พูดแล้วก็อายมั่กๆ)

    บางทีพี่ก็คิดนะว่าเราโชคดีมากเหลือเกินที่ได้มาเจอกับหลวงพ่อ พบคำสอนของท่าน แม้จะยังเอาดีไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าอะไรคืออะไร แล้วจะหาทางหนีจากทุกข์นี้ยังไง ซึ่งมันต่างกับคนอื่นๆที่เค้าไม่รู้ไม่เห็นนะ ว่าคนเรานั้นหากยังไม่เป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันเพียงใด ก็เปรียบเหมือนเท้าข้างหนึ่งแหย่อยู่ในนรกตลอดเวลา ถ้าเกิดตายโดยไม่ทันตั้งตัว จิตอยู่ในอกุศลขณะนั้น ก็ต้องไปสู่อบายภูมิ ๔ อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเตรียมตัวเสียตั้งแต่วันนี้ พยายามฝึกฝนให้ใจเรามีแต่กุศลตลอดเวลา เพื่อจะได้ไปยังภพภูมิที่ดีอันเหมาะแก่การลงมาเกิดเพื่อสร้างบุญบารมีต่อไปจนกว่าจะเต็ม

    แถมจังหวะของกุศลกรรมและอกุศลกรรมในแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก คิดแล้วก็น่าหวาดเสียวเป็นที่สุด ใครอยู่ในช่วงกุศลกรรมดีส่งผลแนะนำให้รีบทำความดีให้อยู่ตัวให้มากที่สุดเลย เพราะบางทีอกุศลกรรมก็เข้ามาขัดขวางทำให้ยากแก่การทำความดีเหมือนกัน ดังนั้นจังหวะไหนดีรีบหนีได้ต้องรีบทำ โกยกันทุกรูปแบบ ทุกวินาที ทุกขณะจิตที่นึกขึ้นได้เลย (ประสบการณ์ส่วนตัวเลย บ่องตง นี่ถ้าเกิดตอนออกจากการปฏิบัติธรรมแล้วดันไปซี้แหง๋แก๋ตอนเมาเหล้าเมาเบียร์แล้วล่ะก็ ตายไม่สวย หลังตายก็ไม่สวยอีกต่างหาก นรกเป็นที่ไปชัวร์ๆ)


    ผลจากการอ่านคำสอนของหลวงพ่อ


    ส่วนคำสอนของหลวงพ่อ เท่าที่ทึกทักเอาเองนะ ส่วนตัวเชื่อว่าท่านคล่องในกรรมฐาน ๔๐ และ มหาสติปัฎฐานสูตรจริงๆ เพราะจากการที่ทึกทักเอาเองมาเป็นระยะเวลาหนึ่งพอสมควร ที่ท่านเคยกล่าวว่ากรรมฐานทุกกองสามารถทำจนถึงฌาน ๔ ได้นั้น ส่วนตัวมองว่าหลวงพ่อท่านเก่ง เพราะท่านสามารถพลิกแพลงเอากรรมฐานกองต่างๆมาจับเป็นกสิณอันเป็นเหตุให้เกิดฌานได้

    และในส่วนของอรูปฌานนั้น หลวงพ่อท่านเก่งที่สามารถจับเอากรรมฐานต่างๆยกตัวอย่างเช่น พุทธานุสติ มาเป็นอรูปฌานได้ ซึ่งจุดนี้อ่านแล้วทึกทักเอาเองล้วนๆเลยว่าท่านมีทริคหรือวิธีการที่ยอดเยี่ยมในการนำจิตเข้าสู่อรูปฌานโดยอาศัยพุทธานุสติ

    และสุดท้ายคือวิปัสสนาญาณ หลวงพ่อท่านก็สามารถอธิบายวิธีการพิจารณาวิปัสสนาญาณ ๙ โดยอาศัยพุทธานุสติได้เหมือนกัน อ่านแล้วทึกทักว่าผลที่ได้นั้นไม่ต่างจากการพิจารณาในวิปัสสนาญาณ ๙ เลย

    อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างของกรรมฐานเพียงหนึ่งกอง คือพุทธานุสติ ที่ท่านได้อธิบายตั้งแต่ อารมณ์อุปจารสมาธิ รูปฌาน อรูปฌาน และวิปัสสนาญาณ ๙

    ส่วนในมหาสติปัฏฐานสูตรนั้น ยอมรับว่าไม่เคยอ่าน แต่ตอนที่ยังปฏิบัติธรรมอยู่นั้น มองว่าสุดท้ายน่าจะเน้นที่ตัวจิตอย่างเดียวซึ่งน่าจะคล้องกับจิตตานุปัสสนา(หรือเจโตปริยญาณ หรือการดูจิตของตนนั่นเอง) ซึ่งสุดท้ายได้อ่านเจอที่หลวงพ่อท่านสอนท่านก็เน้นย้ำว่าให้ดูที่จิต(จิตตานุปัสสนา)เป็นสำคัญ

    คิดว่าคำสอนของหลวงพ่อในหมวดสุขวิปัสสโกและมหาสติปัฎฐานสูตรน่าจะมีอะไรดีๆอีกหลายอย่างแต่ยังไม่มีโอกาสอ่าน แต่เท่าที่นำมหาสติปัฏฐานสูตรมาเทียบกับมโนมยิทธิแล้วพบว่า ในการฝึกมโนมยิทธินั้นประกอบไปด้วยกรรมฐานหลายกองที่อยู่ในมหาสติปัฏฐานสูตร โดยนำมาร้อยเรียงให้จิตของผู้ฝึกเกิดทั้งสมถะและวิปัสสนาญาณกรรมฐาน และยังมีผลให้เกิดทิพจักขุญาณอันเป็นการรองรับพื้นฐานที่สำคัญของผู้ฝึกในสายวิชชาสามและอภิญญา เพียงแต่ว่ารูปแบบภายนอกที่เห็นนั้นอาจสร้างความข้องใจแก่ท่านที่ปฏิบัติในสายสุขวิปัสสโกและผู้ที่ปฏิบัติในสายสติปัฏฐานเท่านั้นเอง

    ซึ่งส่วนตัวทึกทักเอาเองว่าหลวงพ่อท่านน่าจะเข้าใจในหลักสูตรกรรมฐาน ๔๐ และมหาสติปัฏฐานสูตรทั้งหมด โดยรู้ถึงหัวใจหลักหรือแก่นแท้ของอารมณ์ต่างๆตั้งแต่อุปจารสมาธิ รูปฌาน อรูปฌาน และวิปัสสนาญาณ จึงทำให้เข้าใจและสามารถพลิกแพลงกรรมฐานกองต่างๆให้ถึงสภาวะต่างๆที่กล่าวมาได้ อีกทั้งยังเข้าใจอารมณ์กรรมฐานในแต่ละกองเป็นอย่างดี จนสามารถนำเอาหลักของกรรมฐานกองต่างๆมาประกอบกันเป็นวิธีการใหม่คือมโนมยิทธิ เพื่อสอนให้พุทธศาสนิกชนสามารถเข้าถึงธรรมคือพระกรรมฐานกองต่างๆได้ง่าย และสามารถเกิดทิพจักขุญาณได้ง่ายนั่นเอง

    ตรงนี้อาจเรียกได้ว่าท่านมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ จนสามารถแยกแยะ(วิเคราะห์)แล้วนำมาประกอบกันเป็นสิ่งใหม่(สังเคราะห์)ได้นั่นเอง

    ทั้งหมดนี้คือการทึกทักและวิแคะเอาเอง ยังไม่ได้ปฏิบัติเพื่อพิสูจน์นะคะ
    :p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2014
  6. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    เป็นอย่างที่น้องเฟมเข้าใจครับ หลวงพ่อท่านมีความคล่องตัวในกรรมฐาน 40 กอง พระโพธิสัตว์นั้นจะต้องคล่องตัวในกรรมฐานทั้งหมดซึ่งเป็นวิชาครู เรียนเพื่อไปสอนคนอื่นเค้า ซึ่งเวลาหลวงพ่อท่านจะเทศน์สั่งสอนผู้ใดก็ตาม องค์สมเด็จท่านจะเป็นผู้สั่งและดลใจให้เทศน์เอง และท่านจะรู้ใจผู้ที่รับคำสอน ดังนั้นในกลุ่มลูกศิษย์ที่ทันหลวงพ่อด้วยกันจะรู้ว่าท่านรู้ใจคน ต้องระวังใจตัวเองไม่ให้คิดสิ่งที่ไม่ดีเป็นอันขาด

    หลวงพ่อถ่ายที่ลานเจ้าแม่จามเทวี จังหวัดลำพูน แต่ไม่ทราบปีพ.ศ.ครับ


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1511706n.jpg
      1511706n.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.5 KB
      เปิดดู:
      1,905
  7. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    วันนี้นำเอาธรรมะที่องค์สมเด็จท่านตรัสกับหลวงพ่อมาลงให้พี่ๆน้องๆได้อ่านกันครับ

    ฉันเข้าไปหาพระใหญ่ท่านยิ้มแล้วพูดว่าคุณ...ชีวิตเราเรียกร้องทวงคืนไม่ได้ เมื่อเราเกิดมาและแก่เพียงนี้แล้ว เมื่อเห็นเด็กหรือพวกหนุ่มสาวที่เขามีกำลังกายดีเขาสนุกสนานกัน เราอยากทำอย่างนั้นบ้างแต่ทำไม่ได้เพราะความแก่ขัดขวาง อยากจะหันหลังกลับไปเป็นเด็กอีก หรือเป็นหนุ่มสาวอีก เราก็กลับหลังหันไม่ได้ ไม่เหมือนสถานที่ที่เราอาศัย ไปสถานที่อื่นแล้วกลับมาที่เดิมได้ สำหรับชีวิตเดินทางไปหาความตายเป็นปกติในที่สุดก็ตาย

    ทรัพย์สินที่เรามีอยู่เหมือนกัน ส่วนที่เราหามาได้แล้วและเราใช้ไป มันก็หมดไปแล้ว ส่วนที่ยังปรากฏอยู่มันเป็นทรัพย์ที่เรายังไม่ได้ใช้หรือทรัพย์สินที่หามาได้ใหม่ ไม่ใช่ทรัพย์สินที่เราใช้ไปแล้วกลับคืนมา สำหรับทรัพย์สินแตกต่างกับชีวิตอยู่หน่อยหนึ่ง คือเมื่อชีวิตสลายทรัพย์สินมันคงอยู่กับโลก เราหามาด้วยความเหนื่อยยากมันไม่มีประโยชน์กับเราเลย เมื่อเราตายไปแล้วมันไม่ตามเราไป และกลับเป็นประโยชน์แก่คนอื่น เราจะเมาชีวิตเพื่ออะไร จงคิดว่าเธอจะต้องตายและตายในไม่ช้านี้หรือตายเดี๋ยวนี้ ปล่อยอารมณ์เสีย อย่ายึดถือ ทำงานตามหน้าที่ หามาตามหน้าที่ แต่อย่าเมา อย่าติดในทรัพย์หรือการงาน อาคารสถานที่ที่เธอสร้างไว้ เมื่อเธอตายคนใหม่มาอยู่ เขาจะไม่ทำอย่างเธอ เธออย่าห่วงมัน ต่อไปหาทางอบรมลูกศิษย์ลูกหาทางใจให้มาก สอนอารมณ์ให้มาก จะสุขใจเมื่อมีชีวิตอยู่ และตายแล้วจะมีความสุข



    ประวัติหลวงพ่อปาน โสนันโท(พระครูวิหารกิจจานุการ) โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) หน้า 54


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 104880921n.jpg
      104880921n.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.8 KB
      เปิดดู:
      3,582
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2014
  8. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    สาธุครับพี่เฟม อ่านจากที่เฟมว่าไปแล้วเรื่องการทำกรรมฐานเองที่บ้าน เฉลี่ยปีละสามครั้ง ทำไปทำมาผมรู้สึกว่าผมเองไม่ได้ขี้เกียจเท่าพี่เลยครับ ฮ่าๆ ตอนนี้ผมปฎิบัติกรรมฐานเหลือเพียงสัปดาห์ละวันเท่านั้นเองครับ น่าเสียดายมาก เนื่องจากช่วงนี้มีปัญหามากวนใจนิดหน่อย เลยไม่สามารถทำจิตให้สงบได้ แต่ก็จะพยายามหาวันสักวันนึงในหนึ่งสัปดาห์พยายามทำมันให้สำเร็จ เพราะอย่างน้อยๆเราก็ยังได้ทำ เสาร์นี้ว่าจะไปฝึกญาน๘ ที่บ้านซอยสายลม ตอนแรกก็คิดไว้อย่างนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ไปรึเปล่า เพราะ อย่างที่ผมว่าอ่ะครับช่วงนี้มีเรื่องกวนใจนิดหน่อย กลัวว่าถ้าไปแล้วฝึกไม่ได้มันจะเสียเวลาเปล่า เลยยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
     
  9. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    วันละนิดกับธรรมะของหลวงพ่อครับ ท่านใดที่ต้องการแชร์สามารถนำไปเผยแพร่ได้เลยนะคร้าบ

    เมื่อฉันใคร่ครวญพระนิพพานตามกำลังของอานาปานุสสติช่วยประคับประคอง อาการเคลิ้มปรากฏ เมื่อมีอาการเคลิ้มปรากฏ ฉันก็ฝันรอบ 2 คราวนี้ฝันว่าฉันลอยไปบนอากาศไปพบพระที่นิพพาน ท่านเป็นพระพุทธเจ้า เมื่อไปไหว้กราบท่าน ท่านบอกว่า คุณ...จงตามฉันมา แล้วท่านก็เดินนำหน้า ฉันเดินตามหลัง ไปถึงวิมานหลังหนึ่ง มีอาคาร 3 หลัง มีหอระฆังตั้งอยู่ข้างหน้า มีพื้นเป็นแก้วสวย วิมานก็สวยมาก พระท่านนั่งที่หอระฆัง ฉันนั่งข้างล่างตรงหน้าท่าน ฉันนั่งพนมมือ พระท่านสวยเหลือเกิน สว่างไสวมาก ท่านบอกว่าวิมานหลังนี้เป็นวิมานของคุณ เพราะผลที่สร้างวัด สร้างที่สาธารณประโยชน์ คุณชักชวนชาวบ้านทำเขาก็พลอยมีวิมานไปตามๆกัน แต่ที่นี้เป็นวิมานของคุณ มันสวยงามมาก แพรวพราวทั้งหลัง แม้แต่พื้นที่เดินก็ดีกว่าห้องนอนฉันในชาติปัจจุบันอย่างเทียบกันไม่ได้"

    ท่านเตือนว่า คุณ...ตัวคุณใสเหมือนเพชร ฉันก้มมองตัวมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่แก่เหลาเหย่เหมือนที่กำลังคุยอยู่นี่ ฉันนึกชอบใจตัวฉันมาก มีรัศมีสุกสว่างมาก ท่านบอกว่า ที่นี้คุณเคยมาแล้วจำได้ไหม มองมามองไปก็จำได้ว่าเมื่อตายวาระที่ 3 เคยมาจริง ท่านชี้ให้ดูท่อนไม้เสี่ยงทายก็จำได้ เรื่องนี้เอาไว้พูดกันละเอียดเมื่อถึงตอนตายวาระที่ 3 แล้วท่านบอกว่า คุณจะเอาแก้วมณีหรือเพชรสีน้ำมันก๊าดไปคลุกเปือกตมเพื่ออะไร คุณมองดูคนที่หลงอยู่ในกามคุณ ท่านพูดแล้วท่านก็ชี้มาที่เมืองมนุษย์เห็นสกปรกโสโครก น่าสะอิดสะเอียน ท่านว่ามันมีสภาพเป็นทุกข์ ทุกคนมีแต่ความเร่าร้อน มีความทุกข์ประจำ ร่างกายก็โสโครก จิตใจก็ไม่สะอาด ความปรารถนากามารมณ์ หมายถึงการหลงในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส ไม่ใช่อารมณ์ใคร่เพื่อร่วมรักอย่างเดียว

    คำว่ากามแปลว่าความใคร่ รมณ์มีคำเต็มว่าอารมณ์ แปลว่าความคิด คนที่คิดว่ารูปสวยทนทานไม่เปลี่ยนแปลง เสียงเพราะ เพราะฟังแต่เสียงประจบเอาใจ ลืมฟังเสียงด่า กลิ่นหอมคือดมแต่ที่หอม ตรงที่เหม็นแกไม่ยอมดม รสอร่อยดูกันตรงอร่อย ของร้อนยังไม่บูดไม่เน่า ตอนที่บูดเน่าจริงๆแกไม่ดื่มไม่กิน สัมผัสถูกต้องก็เลือกแต่ตอนที่นุ่มนวล แข็งแรง ตอนเหลาเหย่ไม่มีใครสนใจ ท่านว่าพวกที่หลงใหลในกามารมณ์มีสภาพเหมือนคนที่ถูกขังในเรือนจำ ต้องถูกลงโทษทรมานด้วยประการทั้งปวง มีกิเลส ตัณหา เป็นผู้บัญชาการ ลงโทษตามกฎของกรรมชั่ว ที่หลงเพ้อละเมอฝันว่ามันเป็นของดี ทำไปแล้วเขาก็ลงโทษ
    จงอย่าเมาชีวิตเลยคุณ อารมณ์ใดที่เคยมาที่นี้ได้เมื่อ 15 ปีมาแล้ว เธอจงรักษาอารมณ์นั้นให้ปกติ เธอจะไม่มีทางได้รับทุกข์อย่างชาติปัจจุบันอีก

    ประวัติหลวงพ่อปาน โสนันโท(พระครูวิหารกิจจานุการ) โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) หน้า 57



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88 KB
      เปิดดู:
      1,415
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2014
  10. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    วันนี้ผมได้มีโอกาสไปฝึกญาน๘มาครับผม ที่บ้านสายลม ไว้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ใหัฟังกันนะครับ :cool:
     
  11. choto

    choto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +330
    วันนี้ผมก็ไปฝึกมโนมยิทธิมาเหมือนกันครับ
     
  12. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    แฮ่ๆ รออ่านประสบการณ์ทั้งของน้องกฤษณ์และน้องต๋องอยู่นะครัาบ
     
  13. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    deeja__aฝึกห้องไหนกันอ่ะ วันนี้แอบไปฝึก + ทำบุญมาเหมือนกันอ่ะ แฮ่ :p

    มีโอกาสไปฝึกชั้นผู้ฝึกใหม่ ได้ฝึกกับครูฝึกท่านนึง ท่านใจดีมากๆเลย ประทับใจฝุดๆค่ะ เนื่องจากแม้ว่าท่านจะมีอายุแล้ว แต่ก็สนทนาอย่างเป็นกันเองกับทุกๆคน โดยเฉพาะกับเด็กๆวัยสะรุ่นที่มาฝึกด้วยกัน ทำเอาหัวเราะครื้นเครงกันเป็นระยะๆเลย ;aa50

    ตอนเริ่มจะฝึกชอบมากๆเวลาอาจารย์ท่านถามเกี่ยวกับร่างกาย รู้สึกเป็นการตัดร่างกายแบบสบายๆและเป็นธรรมชาติมากๆ จุดที่สะดุดใจมากเกี่ยวกับอสุภะก็คือ พอเราเห็นร่างกายว่ามีแต่ความสกปรก มีสภาพตายและเป็นซากศพเน่าเหม็นนั้น อ.ท่านให้คิดต่อว่าร่างกายของคนอื่นๆก็เป็นเหมือนกันกับเรา ไม่มีใครดีกว่าใครเลย ใจตอนนั้นรู้สึกจริงๆว่าไม่มีใครดีกว่าใครเลย ทุกคนเป็นเหมือนๆกันกับเรา ไม่ว่าเค้าจะเป็นคนยังไง ดีหรือไม่ดี สุดท้ายก็ไม่ต่างกัน (แหวะอกออกมาดูแล้วเหมือนกัน) -- อันนี้เป็นอสุภะและการตัดมานะกิเลสที่โดนใจสุดๆจริงๆ

    หลังจากนั้นก็ตั้งใจฟังเสียงหลวงพ่อด้วยความเคารพ หูไปสะดุดอยู่ตรงช่วงหนึ่งที่หลวงพ่อท่านพูดในทำนองว่าการฝึกในพระพุทธศาสนานั้นมีหลายแนวทาง มิใช่มีแต่เฉพาะแนวทางสุขวิปัสสโกเท่านั้น แต่คนมักจะเข้าใจว่ามีแบบเดียวคือสุขวิปัสสโก โดยการฝึกมโนมยิทธินี้ถือเป็นการฝึกในแนวทางวิชชาสามและอภิญญา อันเป็นการหลุดพ้นที่ผู้ฝึกจะมีทิพจักขุญาณ สามารถรู้เห็นสิ่งต่างๆได้ ซึ่งถือเป็นหลักสูตรอีกหลักสูตรหนึ่งในทางพระพุทธศาสนาเฉกเช่นเดียวกับสุขวิปัสสโกนั่นเอง

    ในขณะสมาทานพระกรรมฐาน + นั่งหลับตาภาวนาอยู่นั้น ใจก็เห็นภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านท้าวจตุมหาราช พรหม เทวดา และทุกๆพระองค์แน่นขนัดไปหมด (ไม่รู้ว่าตาฝาดไปหรือเปล่า รู้แต่ว่าสวยงามจับจิตจับใจเป็นอย่างมาก) โดยจิตในขณะนั้นทราบว่าทุกพระองค์ท่านมาสงเคราะห์ ทำให้รู้สึกดีใจและปีติอย่างยิ่ง -- อันนี้เป็นพุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ เทวตานุสติที่จับใจสุดๆ จะพยายามจำไม่ลืมเลือน


    [​IMG]


    หลังจากนั้นก็มาถึงการพิจารณาในวิปัสสนาญาณให้เห็นความสกปรกของร่างกาย แล้วกราบขอบารมีพระท่านไปยังพระจุฬามณี + พระนิพพาน โดยที่พระจุฬามณีวันนี้ได้กราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์ทุกๆพระองค์ พรหมและเทวดาทุกๆพระองค์ ที่ชอบมากคือได้กราบพรหมและสัมผัสว่าท่านมีสภาวะอย่างไร ซึ่งส่วนตัวไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน และได้ดูสภาพของพระจุฬามณีว่ามีอะไรบ้าง -- อันนี้ชอบมากที่ได้สัมผัสกับสภาวะพรหมว่าท่านมีบุญบารมีไปตามกำลังฌาน ดังนั้นกายท่านจึงมีความสว่างแตกต่างกัน

    ส่วนที่พระนิพพานนั้น อ.ท่านได้ให้อธิษฐานตั้งมั่นว่าจะมาที่พระนิพพานในชาตินี้ และให้กราบขอบารมีพระท่านดูสภาวะพระนิพพานให้จิตมีความสุข ทำให้รู้สึกรักพระนิพพานมากขึ้น และพยายามจดจำอารมณ์พระนิพพานไว้ -- อันนี้ชอบมากตรงตั้งใจมั่นว่าจะมาพระนิพพานชาตินี้ และรักอารมณ์พระนิพพานมากๆค่ะ แม้ว่าตอนนี้จะนิวรณ์ 5 กินใจเยอะตามเดิมก็ตาม แต่ยังไงขอให้ใจเราจำอารมณ์ให้มั่นไว้ไม่เปลี่ยนแปลง (อันนี้ย้ำกับตัวเอง ขอกับตัวเอง T^T)


    [​IMG]


    และจากพระนิพพานก็ได้กลับมายังพระจุฬามณีเจดีย์สถานอีกครั้ง โดยได้กราบทุกๆพระองค์ และท่านปู่พระอินทร์และท่านย่า ที่ประทับใจสุดๆก็คือได้กราบทุกๆพระองค์ที่ท่านเคยเป็นพ่อแม่ และผู้มีพระคุณกับเรา โดยได้กราบแทบเท้าของทุกๆพระองค์ และได้อุทิศบุญกุศลที่เคยทำมาทั้งหมดแก่ท่าน อันเป็นกตัญญูกตเวทิตา และจากนั้นก็ได้ทิ้งท้ายด้วยการกราบขอบารมีสมเด็จองค์ปฐมถามข้อธรรมจากท่านว่าเราควรจะปฏิบัติอะไรบ้าง ซึ่งเราก็ต้องพยายามกลับมาทำให้ได้ค่ะ (ด้วยบุญบารมีน้อยๆของเรา)


    [​IMG]


    หลังจากกลับมาแล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร เทพเจ้าที่คุ้มครองเรา เทพเจ้าทั่วสากลพิภพ และท่านพระยายมราช แล้วก็ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี รู้สึกอิ่มใจมากๆค่ะ


    *** การฝึกในครั้งนี้อ.ท่านดีมากๆค่ะ รู้สึกประทับใจมาก ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เรารู้สึกชื่นชมในความดีของท่านจริงๆ ทำให้หลังจากการฝึกครั้งนี้เราตั้งจิตระลึกถึงคุณของอาจารย์ตั้งแต่เราฝึกมโนมยิทธิครั้งแรกรวมถึงอ.ท่านนี้ด้วยค่ะ โดยขอบพระคุณในความดีของท่านที่ได้สั่งสอนเรามา

    *** การฝึกในครั้งนี้สมาธิไม่ได้ดีมาก แต่อาศัยขอบารมีพระท่านให้เห็นภาพตามความเป็นจริง โดยกราบท่านอีกครั้งในการดูแต่ละอย่าง ซึ่งช่วยให้เราเห็นสภาพตามความเป็นจริงได้แจ่มชัดมากขึ้นค่ะ

    *** ขณะที่ฝึกอยู่นั้นจิตได้นึกขอดูสภาวะของตัวเอง แล้วเราก็เห็นเลยว่าจริงๆแล้วสภาวะจิตเราไม่ได้ดี ยังมีกิเลสต่างๆอยู่มาก เพียงแต่ขณะนั้นอาศัยสมาธิ(สมถะ)และวิปัสสนาญาณให้จิตมีความสะอาดชั่วขณะ และอาศัยอาราธนาบารมีพระท่านไปยังภพภูมิต่างๆและพระนิพพาน จุดนี้ทำให้รู้เลยว่าสิ่งต่างๆที่เราไปรู้ไปเห็นมาก่อนหน้านั้น เป็นเพราะอาศัยบารมีพระท่าน(และท่านอื่นๆ)สงเคราะห์ให้เห็นภาพแท้ๆเลยเชียว ซึ่งส่วนตัวก็เพิ่งไปอ่านเจอจากหนังสือหลวงพ่อว่า ถ้าท่าน(พระท่านและท่านอื่นๆ)อยากจะให้เราทราบเรื่องใดก็ตาม ภาพต่างๆจะปรากฎขึ้นให้เรารับรู้โดยอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าตัวเราเองขณะนั้นสมาธิจะไม่ดีก็ตาม




    และสำหรับการทำบุญในวันนี้ เนื่องจากว่ากำลังทรัพย์น้อยและได้อ่านคำสอนของหลวงพ่อเกี่ยวกับการอนุโมทนาบุญสามารถทำให้บารมีเต็มเร็ว เลยตั้งใจไปทำบุญและอนุโมทนาบุญเต็มที่ โดยวันนี้ได้หยอดเหรียญทำบุญต่างๆทั้งสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน ชำระหนี้สงฆ์ สร้างพระ ฯลฯ ตามตู้ที่มี และถวายน้ำชาเขียว กาแฟ และเครื่องดื่มบำรุงกำลังเป็นสังฆทาน

    จากนั้นก็อนุโมทนาบุญกับท่านต่างๆที่หยอดเหรียญลงตู้บ้าง ถวายสังฆทานบ้าง ทำกรรมฐานบ้าง ช่วยงานต่างๆที่บ้านสายลมบ้างจ้า catt9



    อนุโมทนาบุญแล้วได้บุญ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)​



    [​IMG]


    ผู้ถาม : มีคนฝากให้มาถามหลวงพ่อว่า พ่อแม่ไม่ค่อยทำบุญแต่เป็นคนดี คนซื่อ ถ้าบุตรหลานทำให้แล้วจะใส่ชื่อเขาด้วย อยากทราบว่า ท่านจะได้หรือไม่ครับ

    หลวงพ่อ : เขาโมทนาด้วยหรือเปล่า ถ้าลูกไปบอกว่า "พ่อ(หรือแม่) ฉันทำบุญให้แล้ว ถ้าท่านยินดีด้วย ท่านได้แน่นอน ถ้าบอก กูไม่รู้โว้ย ด่าตะเพิด อันนี้ไม่ได้แน่


    ผู้ถาม : อย่างเวลาเลิกพระกรรมฐานแล้ว ก็มีคนไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ แต่หนูไม่มีของก็ยกมืออนุโมทนาด้วย อย่างนี้จะมีอานิสงส์ไหมคะ...?

    หลวงพ่อ : อานิสงค์ที่จะพึงได้ก็คือ ปัตตานุโมทนามัย เป็นผลกำไรจากการเจริญพระกรรมฐานไม่ต้องลงทุน ถ้าตั้งใจจริงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เจ้าของได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เราได้ครั้งละ 90 ผ่านไป 10 คนเราได้ 900 มากกว่าเจ้าของ เอ้า! เยอะจริงๆ มันทำบารมีให้เต็มเร็ว เร็วมาก

    การโมทนา เขาแปลว่า ยินดีด้วย ต้องยินดีด้วยความจริงใจนะ สักแต่ว่า สาธุ มันไม่ได้อะไร คำว่า "สาธุ" ไม่จำเป็นต้องออกเสียง ไม่จำเป็นต้องยกมือไหว้ก็ได้ เอาใจยินดีใช้ได้เลย
    และการแสดงความยินดีมันก็คือ มุทิตา เป็นตัวหนึ่งใน พรหมวิหาร 4 นี่บุญตัวใหญ่ ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า "จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา" ถ้าก่อนตายจิตผ่องใส ก็ไปสู่สุคติ หมายถึง สวรรค์ ก็ได้ พรหมก็ได้ นิพพานก็ได้ สุดแล้วแต่กำลังใจเรา

    และการโมทนานี่ทำให้ชุ่มชื่นใจ ใช่ไหม....เขาทำดีเรายินดีด้วย ยินดีกับความดีของเขา ไม่ช้าเราก็ดีตามเขา เพราะเราเห็นเขาดี เราก็ชอบดีใช่ไหม... แต่อย่าไปชอบดีเฉยๆ นะ ต้องทำดีด้วยนะ ทำบุญด้วยตนเองบ้าง


    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ ปัตตานุโมทนามัย กับ ไวยาวัจจมัย นี่เหมือนกันไหมครับ

    หลวงพ่อ : ไวยาวัจจมัย เขาแปลว่า ขวนขวายในกิจการงาน เช่น เขาส่งสตางค์มาทำบุญ เราช่วยส่งต่อ หรือพวกที่ช่วยขนสังฆทานนี่ ก็พลอยได้บุญไปด้วย มีอานิสงส์ต่ำกว่าบวรเณรนิดหนึ่ง ไม่เบานะ

    แต่ ปัตตานุโมทนามัย ไม่ต้องลงทุน แต่พวกถือมานี่ ยังต้องออกแรงนะ พวกโมทนานี่ไม่ต้องออกแรงเลย แต่อย่าลืมนะเอาแค่โมทนาอย่างเดียวไม่ดีนะ ต้องอาศัยคนต้นตลอด ถ้าไม่ได้อาศัยคนต้นจริงๆ จะสำเร็จมรรคผลไม่ได้ เช่นเดียวกับ พระนางพิมพา ต้องอาศัยพระพุทธเจ้าตลอด



    ปล. พอดีเห็นประกาศในบอร์ดที่บ้านสายลม เรื่องการรวบรวมรูปหลวงพ่อเพื่อจัดทำภาพประวัติศาสตร์ โดยขอภาพที่จัดเก็บในรูปแบบของอิเล็คทรอนิคส์ และเรื่องการขอบริจาคหนังสือธรรมะของหลวงพ่อ เพื่อแจกจ่ายให้กับรร.และห้องสมุดต่างๆ เนื่องจากขอมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งทั้ง 2 ประกาศนี้ลงเมื่อเดือนพฤษภาคม 2556 อันนี้ถ้าใครสนใจลองติดต่อดูได้นะคะ


    สาธุกับทุกๆท่าน และพี่เก่ง น้องต๋อง น้องกฤษณ์ ด้วยจ้าาาา / พี่เก่งคะเฟมขอเอากระทู้ไปแชร์ในเพจ "มโนมยิทธิ (ผู้มีฤทธิ์ทางใจ)" ในเฟซบุ๊คนะคะ อิอิ ;20
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2014
  14. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    ผมอยู่ชั้น2ครับพี่เฟม ห้องญาน๘ แหะๆ คนเยอะมากมากมากมาก น่าจะเกือบๆสามร้อยคนได้ มีครูสอนเพียงคนเดียวนั่งกลางวง มีทั้งผู้เก่าและผู้ใหม่ ผู้ใหม่วันนี้เยอะมากครับ เนื่องด้วยจำนวนคนที่มากด้วยกระมังครับ ผมจึงรู้สึกว่าอาจารย์สอนเร็ว ไปแบบเร็วๆ บางทีผมก็แอบตามไม่ทันเช่นกัน ประกอบด้วยกับการที่สมาธิจิตไม่ค่อยดีนัก มีนิวรณ์มากวนใจอยู่เสมอๆ แต่คราวนี้มันน่าแปลกมากครับ เพราะถึงแม้ว่าจะมีนิวรณ์มากวนใจเท่าใด จิตก็ยังรู้สึกว่ายังอยู่ข้างบนอยู่ตลอด คือ ยังเห็นตัวเองอยู่ข้างบนอยู่ตลอด (อันนี้ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองรึเปล่าเหมือนกันครับ แหะๆ)

    การฝึกก็เริ่มต้นจากการนั่งจับคำภาวนาว่า "นะมะ พะธะ" หลังจากภาวนาได้สักพักนึงครูก็แนะนำให้ตัดร่างกายและเห็นสภาพความเป็นจริงของการมีร่างกายหลังจากนั้นครูจึงนำพาพวกเราขึ้นไปบนวิมานของสมเด็จองค์ปัจจุบัน ผมเห็นสมเด็จท่านในรูปลักษณ์พระสงฆ์ก่อนก่อนที่ท่านจะเปลี่ยนเป็นพระวิสุทธิเทพ ครูได้ขอบารมีพระอันเชิญพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ และ พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย พอท่านพูดจบ ภาพก็เปลี่ยนไป พระสงฆ์ พระพุทธเจ้าในรูปลักษณ์พระวิสุทธิเทพเต็มไปหมด พระปัจเจกพุทธเจ้าในรูปลักษณ์พระสงฆ์ที่มีความสง่างามเป็นที่สุด และ พระอริยสงฆ์ที่ผมเห็นชัดเจนที่สุดคือหลวงปู่แหวน กับ หลวงพ่อของเรา หลังจากนั้นจึงเริ่มการฝึกสอนการใช้ญาณ (ผมพอจับหลักได้ จึงคิดว่าจะฝึกต่อเองที่บ้าน เพราะอยู่ที่นั้นท่านสอนแบบเร็วๆทำให้บางญาณผมก็จำไม่ค่อยได้นักว่าไปที่ไหนหรือทำอะไรมาบ้าง) โดยเริ่มจากการใช้ปัจจุบันสังญานและจุตูปปาตญานดูว่า เทวดาและพรหมที่เกิดใหม่นั้นมีจำนวนมากเพียงใด ภาพก็เปลี่ยนไปครับ เห็นเทวดาและพรหมจำนวนมาก มีแสงสว่างมาก หลังจากนั้นจึงไปที่อนาคตสังญาน เพื่อซ้อมอารมณ์ตาย ก็เห็นตัวเองนอนอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งไม่แน่ใจนักว่าเป็นโรงพยาบาลหรืออะไร แต่สภาพร่างกายที่ชัดเจนที่สุดคือมีความแก่เข้ามาเยือน และสุดท้ายก็สิ้นลมอย่างสงบ การจับอารมณ์นั้นทำให้ช่วงที่ฝึกและหลังฝึกรู้สึกไม่เกรงกลัวความตายอีกแล้ว หลังจากนั้นพวกเราจึงกราบลาสมเด็จท่านและไปที่วิมานของหลวงพ่อของเรา ก่อนจะเข้าไปข้างใน ครูได้ให้พวกเราดูว่าวิมานบนนี้มีลักษณะอย่างไร และมีมากแค่ไหน ภาพที่เห็นคือมีมากมายนัก โดยที่มีวิมานของหลวงพ่ออยู่หัวแถวและต่อๆกันไปอีกมากมาย เมื่อเห็นดังนั้นจึงได้เข้าไปวิมานของหลวงพ่อ เมื่อเข้าไปก็เจอสมเด็จองค์ปัจจุบัน ท่านแม่ทั้งสาม และ หลวงพ่อ ผมจึงกราบท่านทั้งหมด และขอบารมีของท่านทั้งหลายเพื่อฝึกญานต่อ ฝึกกันอีกหลายญานเลยล่ะครับ ผมจำรายละเอียดไม่ค่อยได้ซะด้วย แหะๆ แต่มีอันสองอันที่จำได้ดี คือ อดีตังสญาน กับ ปุพเพนิวาสานุสติญาน อดีตสังญานเหมือน หนังสงครามมากเลยครับ ช่วงที่ใช้ญานย้อนดูในชาติที่เกิดเป็นชาวบ้านที่วิ่งหนีขอมที่รุกรานเห็นตัวเองวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนโดยที่มีขอมไล่หลังมา (เหมือนหนังสงครามชัดๆเลยครับ ฮ่าๆ) หลังจากนั้นก็ลองใช้ปุพเพนิวาสนุสติญาน ลองย้อนอดีตดูอดีตชาติของตนเอง เห็นตัวเองเคยเกิดมามากมาย เป็นมนุษย์ก็ดี ทั้งชายและหญิง เป็นสัตว์พาหนะที่ออกรบเป็นช้างศึก ม้าศึก เป็นสัตว์นรก เป็นพรหม เทวดา อะไรอีกมากมาย ความเบื่อในการเกิดเริ่มเกิดขึ้นในจิตใจทันที...

    จากนั้นจึงกราบลาท่านทั้งหลายและไปหาท่านปู่ท่านย่าที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ กราบท่านทั้งสอง และ ขอบารมีพระเพื่อย้อนดูอดีตของตนเอง ก็เห็นตัวเองว่าเป็นเทวดาที่กำลังกราบลาท่านทั้งสองก่อนที่จะจุติ จากนั้นจึงใช้อดีตสังญานในการใช้ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันอาสฬหบูชาอีกด้วย เห็นพระพุทธองค์เห็นฤาษีปัญจวัคคีย์กำลังฟังปฐมบรมเทศนา เมื่อเหตุการณ์เหล่านั้นสิ้นสุดลง ภาพจึงตัดกลับมาเป็นรูปพระและท่านปู่ท่านย่าอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพูดถึงปฐมเทศนาของพระพุทธองค์แล้ว ครูจึงได้เชิญท่านอาฬรดาบส และ ท่าน อุถกดาบส ตอนนี้ท่านก็ยังอยู่บนอรูปพรหมเช่นเดิม ท่านอาฬรดาบสนั้นอยู่ที่อรูปพรหมชั้นที่4 ส่วนท่านอุถกดาบสนั้นอยู่ที่อรูปพรหมชั้นที่3 อรูปพรหมนั้นไม่มีอะไรเลย มีเพียงแสงสว่างลอยไปลอยมาเพียงเท่านั้นครูจึงให้พวกเราขอบารมีพระเพื่อให้เห็นรูปลักษณ์ท่านตอนที่ยังเป็นมนุษย์ก็เห็นเป็นภาพฤาษีซ้อนลงมาครับ หลังจากนั้นจึงใช้อดีตสังญานอีกครั้งหนึ่ง การใช้อดีตสังญานนั้นเหมือนการที่เรานั่งดูหนังเลยล่ะครับ หลังจากนั้นจึงลาท่านปู่ท่านย่า และ เสร็จสิ้นการฝึกครับ
     
  15. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    อนุโมทนากับน้องกฤษณ์ น้องต๋อง และน้องเฟมทั้งสามท่านครับ เป็นกุศลและโอกาสอันดียิ่งที่น้องทั้งสามได้ไปฝึกมโนมยิทธิที่บ้านซอยสามลม รู้สึกว่าตอนก่อนจะไปนั้นน้องทั้งสามก็มีมารมาผจญพร้อมๆกันเลย
    เนอะ ทั้งกิเลสมาร ขันธ์มารหรือสังขารมาร (ไม่รู้ว่ามีทรัพย์จางด้วยรึเปล่า เพราะอันนี้พี่เป็นอยู่ครับ อิๆ) อันนี้ต้องเรียกว่าไปสถานที่เดียวกันโดยไม่ได้นัดหมายน่าจะได้

    ประสบการณ์ที่น้องๆได้เอามาเล่าแบ่งปันประสบการณ์นั้น น่าจะเป็นกำลังใจและเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง และน้องทั้งสามเป็นคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะทำความดีอยู่เสมอ มีความเห็นตรงเห็นจริงว่าทุกสิ่งในโลกนี้มีความเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่เสมอ ไม่มีอะไรคงที่ ฉะนั้นเรามาปฏิบัติเพื่อพระนิพพานกันดีกว่าครับ ตอนนี้พี่โรคเบื่อเริ่มจะกำเริบอีกแล้ว เมื่อก่อนเบื่อผู้คน ตอนนี้เบื่อตัวเอง ดูตัวเองในกระจกทั้งกลม ดำ เหลือแต่หัวกะตัว คอเริ่มหายไป เมื่อก่อนทำไมมันหล่อกว่านี้ว้า ทั้งที่พีี่สูง 180 ซม. แต่ทำไมดูตันจังว้าตู สงสัยโรคเบื่อของพี่นี่น่าจะหายตอนย้ายไปอยู่บ้านใหม่ละคร้าบ

    ปล.ที่น้องเฟมจะเอากระทู้ไปแชร์ในเฟ๊ซนั้น อย่าบอกใครเค้านะครับว่าเจ้าของกระทู้ไม่ค่อยปกติ แต่บ๊องส์ๆบวมๆเป็นปกติอันนี้แน่นอน
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2014
  16. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    วันนี้ออกใจอยากจะฝอยซะหน่อย พี่ๆน้องๆท่านใดเคยคิดแบบนี้มั๊ยครับว่าเราเกิดมาทำไมในช่วงที่สมเด็จองค์ปัจจุบันท่านได้ปรินิพพานแล้ว ทำไมมาเกิดในช่วงยุคที่ต้องปากกัดตีนถีบ ต้องต่อสู้ชีวิตกับสภาพสังคมที่มีแต่การต่อสู้ดิ้นรน แล้วอายุของมนุษย์ก็สั้นเสียเหลือเกิน ผมเคยคิดแบบนี้นะครับ แล้วก็คิดต่อว่าทำไมเราไม่มาเกิดในยุคศาสนาของพระศรีอาริย์ท่าน จะได้ไม่ต้องทำมาหากิน มีอายุยืนยาว มีแต่ความสุข ไม่มีความทุกข์ จะได้มีเวลาปฏิบัติธรรมเต็มที่ และหลงไปปรามาสพระอริยเข้าโดยคิดว่าทำไมพระอานนท์ท่านไม่ทูลขอให้พระพุทธองค์อธิฐานโดยอาศัยอิทธิบาท 4 ให้มีอายุ 1 กัปเพื่อที่เราจะได้พบพระพุทธองค์ในขณะที่ทรงดำรงพระชนชีพอยู่ จะได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ และจะได้สำเร็จอรหันต์ นั้นเป็นความคิดก่อนที่จะมาศรัทธาหลวงพ่อฤาษีท่านนะครับ

    แต่หลังจากผ่านความทุกข์และมีเหตุการณ์แปลกๆซึ่งเกิดขึ้นก็คือเมื่อช่วงปี 2554 ช่วงนั้นผมไปวิ่งงานอยู่ที่ชลบุรี ซึ่งมีแต่ความทุกข์ที่เกิดขึ้นทุกวัน และช่วงปลายปีก็เกิดน้ำท่วมแถวนครสวรรค์เรื่อยมาจนถึงอยุธยาและกรุงเทพ ก็เลยตัดสินใจบวชเดือนธันวาคม 2554 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพราะบ้านผมอยู่ที่นั่น พอบวชแล้วก็ไปจำวัดที่อยู่ติดกับบ้านสวนของผมที่แถวชานเมืองเชียงใหม่ ตอนนั้นผมบวชเป็นเวลา 7 วัน ด้วยความที่ส่วนตัวเป็นคนชอบอ่านหนังสือจึงได้หาหนังสือธรรมะติดมือไปไว้อ่าน ตอนว่างจากการปฏิบัติธรรมะ แต่ผมเป็นคนอ่านหนังสือเร็วมาก หนังสือที่เตรียมไปก็ดันอ่านจบหมดทุกเล่ม ไม่มีอะไรอ่านแล้ว ทำไงดีว้า เลยไปค้นหาหนังสือที่ศาลาการเปรียญ ผมค้นเจอหนังสือหลวงพ่อฤาษีตอบปัญหาธรรมะ 3-4 เล่ม พออ่านจบก็รู้สึกแปลกใจกับคำสอนของท่าน เพราะข้อธรรมะที่เราคิดว่ายาก ท่านกลับตอบและอธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจได้ง่ายและไว เลยเริ่มรู้สึกศรัทธาท่าน

    [​IMG]

    หลังจากที่ผมบวชครบ 7 วัน ก็สึก และขับรถเดินทางกลับพร้อมกับรถของน้องอีกคันที่ขับมาเที่ยวเชียงใหม่พอดี ก็เดินทางกลับโดยใช้ถนนสายพหลโยธินหรือสายเอเชีย พอผ่านมาถึงแถวนครสวรรค์ ตอนนั้นน้ำเริ่มลดลงบ้างแล้ว น้องผมซึ่งเป็นคนขับรถเร็วมาก เค้าโทรมาบอกผมว่ามีทางลัดไม่ต้องผ่านสะพานเดชาติวงศ์ ผมก็เห็นป้ายบอกทางลัด ก็นึกว่าเป็นเส้นนี้ละมั๊ง ก็เลี้ยวขวาเลยครับ พอผ่านไปเรื่อยๆ ก็งงว่าเมื่อไหร่จะถึงถนนใหญ่ซะที โน้นครับรู้ตัวอีกที ไปโผล่ที่หน้าวัดท่าซุง ย้ำ!ครับว่าหน้าวัดท่าซุงจริงๆ เวลานึกถึงเหตุการณ์นี้ผมยังงงตัวเองอยู่เลยว่าหลงไปได้ไงว้า 6โมงเย็นผมยังอยู่ที่หน้าวัดท่าซุงอยู่เลย ก็ต้องถามทางคนแถวนั้นละครับว่าจะไปโผล่ถนนพหลโยธินได้ยังไง สรุปว่ากว่าผมจะขับรถไปถึงชลบุรี โน้นครับ 4 ทุ่ม ขับรถซะลิ้นห้อยเลยตรู แต่ยอมรับว่าเป็นการขับรถหลงทางที่คุ้มที่สุดในชีวิตล่ะครับ เพราะโดยปกติแล้วผมเป็นคนขี้เกียจ ไอ้เรื่องจะให้ขับรถดั้นด้นไปหาวัดท่าซุงนั้นไม่มีทางซะล่ะครับ ขนาดขับผ่านวัดหลวงพ่อจรัญซึ่งอยู่ติดถนนก็แล้ว ผ่านป้ายบอกทางลัดไปวัดท่าซุงก็แล้ว ไม่สนใจซักกะอย่าง สงสัยคงจะถึงเวลาของผมที่จะได้พบหลวงพ่อท่าน ท่านเลยดลใจให้หลงไปเจอถึงหน้าวัดท่าซุงซะเลย ไม่งั้นไอ้ลูกหลานคนนี้มันดื้อด้านและเอาแต่ใจตัวเองนัก ต้องดัดสันดานมันซะหน่อย

    [​IMG]


    พอรู้ทางลัดไปวัดหลวงพ่อแค่นั้นละครับ พออีกเดือนก็ขับรถไปเชียงใหม่ ทีนี้ละได้เรื่องเลย รู้ทางลัดไปวัดหลวงพ่อขึ้นใจแล้ว สบายมาก เลี้ยวจากถนนใหญ่สายพหลโยธินแค่ 15 นาทีก็ถึงหน้าวัดท่าซุงแล้วคร้าบ ทีนี้ก็แวะเที่ยวเล่นวัดท่านเลย แต่ช่วงแรกๆวัดยังได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม วิหารแก้ว 100 เมตรยังปิดปรับปรุงอยู่ สรีระหลวงพ่อท่านก็ยังอยู่ตึกขาว ผมเลยไปเดินเล่นที่วัด รู้สึกอบอุ่นเหมือนกับเราได้กลับบ้านไปหาพ่อหลังจากเราได้จากไปนาน ทีนี้ผ่านทุกครั้งก็แวะทุกครั้งละครับ

    [​IMG]

    หลังจากได้ไปกราบและฟังธรรมะของหลวงพ่อฤาษีท่านแล้ว ผมถึงเข้าใจว่าเพราะตัวเรานั้นมีวาสนากับหลวงพ่อพระราชพรหมยานหรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่าน พอท่านลาพุทธภูมิและตัดเข้านิพพานแล้วนั้น ลูกหลานที่เคยสร้างบารมีและเป็นผู้ที่เกื้อกูลกับท่านมาก่อนจึงต้องลงมาเกิดเพื่อตามท่านเข้านิพพานครับ เกิดมายุคนี้มีข้อดีนะครับ คือเห็นคนตายทุกวัน เห็นความทุกข์เกิดขึ้นกับทุกผู้ทุกตัวตน ตั้งแต่ผมเกิดมานี่ไม่เคยเห็นใครที่ไม่มีทุกข์เลยสักคน นอกจากพระอริยเจ้าท่านเท่านั้น นอกจากอายุของมนุษย์จะสั้นแล้วยังมีโรคภัยไข้เจ็บต่างๆมาเบียดเบียนอีก มีเรื่องทุกข์ร้อยแปดพันเก้า เฮ่อ!ตอนนี้ก็รอเวลาอย่างเดียวละครับว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาของเราซะที จะได้ย้ายบ้านไปอยู่บ้านใหม่เป็นการถาวร เบื่อบ้านเช่าเต็มทนแล้วก๊าบ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2014
  17. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    *เจตนาในการเผยแพร่บทความนี้เป็นเพียงความต้องการที่จะแบ่งปันประสบการณ์จากการฝึกสมาธิกรรมฐานแต่เพียงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญานในการเสพสื่อ*

    วันนี้ผมได้มีโอกาสลองใช้อนาคตสังญาณดูครับ หลังจากไปฝึกมาแล้วที่บ้านสายลม แต่ก่อนจะลองใช้ญาณผมได้ทูลถามพระก่อนเพื่อกันการอุปาทานไปเอง โดยผมทูลถามท่านเรื่องเกี่ยวกับการรับน้องที่จะกำลังจะเกิดขึ้นนี้ ท่านก็ทรงแย้มพระโอษฐ์แล้วทรงตรัสให้ระวังเรื่องอุบัติเหตุเอาไว้ หลังจากนั้นผมจึงกราบลาท่านไปที่วิมานของตนเอง และ ภาวนา รวมถึงจับภาพพระให้ใสที่สุดและลองใช้ญาณดู ภาพที่ปรากฎเป็นภาพน้องผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจะจมน้ำ และ น้องผู้ชายคนหนึ่งที่หกล้ม


    เมื่อเห็นดังนั้นผมจึงรีบโทรไปเตือนเพื่อนเพื่อให้เพื่อนช่วยเตือนน้องอีกทีหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องการรับน้องว่าให้ระมัดระวังให้มาก

    ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นความจริงหรือไม่ บางครั้งมันอาจจะเป็นเพียงอุปาทานไปเองก็ได้ แต่อย่างน้อยที่สุดผมก็ได้ลองใช้สิ่งที่ฝึกฝนมา ตอนนี้คงทำได้เพียงแค่สร้างความปลอดภัยให้มีมากขึ้น และ รอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ในสิ่งที่ผมเห็นต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2014
  18. เปาชุนไหล

    เปาชุนไหล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +2,240
    สวัสดีครับท่าน พอดีได้อ่านกระทู้ท่าน แล้วเห็นว่าท่านอยู่เชียงใหม่
    ไม่ทราบว่า สถานที่ฝึกมโนมยิทธิในเชียงใหม่ มีที่ไหนบ้างครับ
    ใกล้ๆ อ.เมือง

    ขอบคุณครับ
     
  19. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    แฮะๆ อนุโมทนากับคุณเปาชุนไหลนะครับ ที่ฝึกมโนมยิทธิในเชียงใหม่นั้นผมขอตอบที่พอรู้นะคร้าบ แถมที่ลำพูนให้ด้วยก็แล้วกันเผื่อพี่ๆน้องๆท่านใดสนใจที่จะฝึกครับ ใกล้และสะดวกที่ไหนก็ไปที่นั่นละกัน

    1. วัดแม่สะลาบ อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ อันนี้ต้องโทรไปเรียนถามหลวงพ่อวิชัยท่านเองนะครับว่าท่านว่างช่วงไหน (แฮ่ๆ ถ้าท่านใดจะถามเบอร์โทรหลวงพ่อวิชัยท่าน มีอยู่หน้าแรกๆของกระทู้ครับ)

    2. วัดโขงขาว อันนี้ติดไว้ก่อน เพราะผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเค้าฝึกวันไหนบ้าง รู้แต่ว่ามีลูกๆหลานๆ หลวงพ่อ หรือก็คือพี่ๆน้องๆพวกเรานั่นเอง รวมกลุ่มกันฝึก เดี๋ยวจะไปหาข้อมูลมาให้ครับ

    3. วัดป่าซางงาม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน วัดอยู่ติดถนนลำพูน-ป่าซาง เดินทางจากตัวเมืองลำพูนประมาณ 8 กิโล ฝึกทุกวันเสาร์ ฝึก 2 รอบ รอบเวลา 16.00น.สำหรับผู้ที่เคยฝึกแล้วและรอบ 18.00น.สำหรับผู้เริ่มฝึกใหม่ (ถ้าจะไปให้เตรียมชุดขาวไปด้วยนะคร้าบ)

    4.
    วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ใช้เส้นทางถนนลำพูน-ลี้ ระยะทางจากตัวเมืองลำพูนถึงวัดประมาณ 95 กม. หลวงพ่อพระมหาสิงห์ วิสุทโธ เจ้าอาวาสหรือตุ๊พ่อสิงห์ท่านเมตตามากครับ

    5.
    วัดพระธาตุห้าดวง พระอาจารย์อนันต์ อานันโท เจ้าอาวาส วัดอยู่ติดถนนลำพูน-ลี้ เลยวัด
    พระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ไปอีก 3-4 กิโลครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2014
  20. wat2510

    wat2510 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +634
    ถ้า กทม ก็ที่ซอยสายลมใช่ไหมครับ คนที่บ้านเค้าอยากไปมาเห็นผมอ่านในเว็บเมื่อกี้นี้ ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...