ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ช่วงเย็น ๆ จะมาต่อเรื่องประสบการณ์การปฏิบัติธรรมที่วัดป่าชลิตานุสร์มาเล่าสู่กันฟัง ช่วงนี้ขอเชิญท่านที่ร่วมทริปนี้ แชร์ประสบการณ์ได้เลยค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

น้องขาล ขอเล่า ประสบการณ์ เป็นคนแรกค่ะ
มี 2 เรื่อง

1. พบพระพุทธเจ้าขณะเดินจงกรม ณ พระมหาเจดีย์พระอนันตพระบรมสารีริกธาตุ

เช้าวันอาทิตย์ ที่ 22 ขาลขึ้นเขาไปเดินจงกลมที่พระมหาเจดีย์คนเดียว ขณะเดิน ก็มี ผึ้งมาตอม มีชะนี 2-3 ตัว ส่งเสียงโหนต้นไม้อยู่รอบๆ ก็แผ่เมตตา แล้วเขาก็จากไป

จิตเป็นสมาธิเร็วมาก เดินไปครึ่งรอบ เห็นดวงแก้วจุลจักรพรรดิ์ ปรากฏในท้องเหนือสะดือ 2 นิ้ว ใส แต่ไม่มีแสง ทรงภาพนั่นไว้ ขณะยังรับรู้การ ยกส้นหนอ ยกหนอ ย่างหนอ ลงหนอ ถูกหนอ กดหนอ

พิจารณาว่ากายไม่ใช่สิ่งที่เราปรารถนา ไม่ใช่ของเรา ขาลเห็นตัวเองเป็นโครงกระดูกสีขาว เดินได้ มีดวงแก้วลอยอยู่ในท้อง จากนั้นพระพุทธเจ้าก็ปรากฏขึ้น พระองค์ยืน ยกพระหัตต์ซ้าย วรกายสูงใหญ่เท่าตึก ผิวเป็นสีทองละเอียด งดงามมาก มองอะไรไม่เห็นอีกเลย เพราะเป็นสีขาวเจิดจ้าไปหมดราวกับมองดวงอาทิตย์เที่ยงวันแต่ไม่แสบตานะค่ะ มัวแต่ดีใจ เลยไม่ได้ขอพร


2. พระธาตุปรากฏในดวงแก้วจุลจักรพรรดิ์

ปกติเวลากลางคืนจะเปิดบันทึกเสียงเทศน์ของท่านจิตโตให้ดวงแก้วและตัวเอง ฟังจนหลับไป ตื่นเช้ามาก็ปิด ร่วมบุญครั้งใด หรือในการเดินทางไปทำบุญ ขาลจะเอ่ยบอก เทวดาประจำธาตุกายสิทธิ์เสมอ ให้อนุโมทนา หรือ ติดตามขาลไปงานบุญต่างๆ ด้วยกัน ดวงแก้วจุลจักรพรรดิ์ทุกดวง ทั้งดวงเล็ก และขนาดเท่าแผ่น CD ปรากฏพระธาตุขึ้นอย่างน่าประหลาด ดวงแก้วเล็กสีชมพูที่บูชาจากพี่น้ำใส กับสีแดงที่บูชามาหลายปี ก็ปรากฏพระธาตุเช่นกันค่ะ

ขาลพาจักรแก้วสีชมพู กับเหลืองติดตัวไปด้วยห่อผ้าอย่างแน่นหนากลับถึงบ้าน นำออกมาวาง สีของจักรเข้มขึ้นด้วยค่ะ ดีใจที่ได้ไปร่วมบุญครั้งนี้ อบอุ่น เหมือนได้เจอญาติเลยทีเดียว @^_^@

************************************************

 

ขอโมทนาสาธุบุญกับคุณขาลคนสวยกับธรรมทานด้วยค่ะ
และขอสาธุบุญกับพี่น้ำใสด้วยนะคะ ของตาลไม่มีประสบการณ์อะไรเลยค่ะ
ชาวเมืองขึ้นไปฝึกที่พระเจดีย์แต่ตาลแอบไปนอน อิอิ
คุณยายปีนขึ้นภูเขาแต่ไม่ปวดขาสักแอะ แต่ตาลปวดขาชะมัดค่ะ แหะๆ


ทราบแต่ว่าไม่เคยไปที่ไหนแล้วมีกระแสดีๆปกคลุมเยอะขนาดนี้มาก่อนค่ะ
กระแสที่เป็นมิตรและอบอุ่นบอกไม่ถูกค่ะ
ใครมีธรรมทานดีๆ มาเล่าให้ฟังด้วยนะคะ รอฟังอยู่ค่ะ

 

..สัตยาธิษฐาน...

(นะโม ๓ จบ)​

ขอนอบน้อมแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งได้ทรงปรินิพพานนานแล้วทุกๆ พระองค์ โดยมีสมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลที่ ๑ เป็นประธาน

ขอนอบน้อมต่อองค์พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา..

ขอได้โปรดสงเคราะห์แก่ลูกหลานให้เจริญด้วยปัญญา มีความรู้แจ้งแทงตลอดในพระสัจธรรมของพระพุทธองค์ ผู้ใดที่มีความศรัทธาแล้ว ขอจงมีความศรัทธายิ่ง ๆ ขึ้นไป

ขอผลบุญแห่งการถวายดวงแก้วมณีก็ดี การถวายธาตุกายสิทธิ์ต่าง ๆ การถวายแสงไฟ แสงสว่าง การสร้างวิหารธรรม และการให้ธรรมทานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของข้าพเจ้ามีเพียงใด

ขอพึงบังเกิดแก่ท่านทั้งหลายที่เคยเกื้อกูล อนุเคราะห์ หรือเป็นผู้มีคุณแก่ข้าพเจ้า แม้เพียงครั้งเดียวในชีวิตก็ตาม

ขอผลบุญแห่งอำนาจศาสตราวุธทุกชนิด ที่ข้าพเจ้าได้สร้างมาแต่อดีต จงช่วยปกป้องคุ้มภัยแก่ท่านทั้งหลาย อย่าให้อกุศลต่าง ๆ วิบากกรรม วิบากมาร สรรพเคราะห์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัย อุปัทวอันตรายใด ๆ อย่าได้บังเกิดแก่ท่านทั้งหลายเหล่านั้น

ขอกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้ากระทำมาด้วยความบริสุทธิ์ บารมีทั้ง ๓๐ ทัศ จงปกป้องคุ้มภัยอันตรายแก่ท่านทั้งหลาย ดุจแสงมณีแห่งจักรวาลที่สลายมิจฉาทิฐิ สลายเงามืดในใจท่านเหล่านั้น ขออย่าให้นิวรณ์ ๕ พญามาร เสนามาร หรือเหล่ามารทั้งหลายครอบงำท่านได้

ขอให้จิตของท่าน พึงเป็นภาชนะอันบริสุทธิ์ รองรับพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เข้าถึงไตรสรณคมเป็นอย่างน้อย

ขอให้ท่านเหล่านั้นเจริญด้วยโภคทรัพย์และอริยทรัพย์ และปรารถนาสิ่งใด ขอให้จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จโดยอัศจรรย์ด้วยเถิด...สาธุ..

______________________________

หมายเหตุ สัตยาธิษฐานนี้ เป็นการตั้งจิตอธิษฐานเฉพาะกิจ ไม่สามารถใช้ทั่วไปได้ เป็นคำอธิษฐานต่อเบื้องบนให้รับรู้ทั้ง ๓ ภพ

ผู้จะนำคำอธิษฐานนี้ไปใช้ ต้องมั่นใจในบุญกุศลที่ตนสร้างมาอย่างเพียงพอ และมั่นใจในคำอธิษฐานแห่งตน

ขอให้นำไปใช้ในเวลาที่จำเป็น และต้องการเกื้อกูลหมู่คณะที่กำลังประสบเคราะห์ด้วยโดนกลั่นแกล้งจากเทวบุตรมารทั้งหลาย..

ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญต่อท่านเหล่านั้นด้วยใจอันบริสุทธิ์...

 

..การบำเพ็ญพระพุทธสิกขีทศพล โดยสมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลที่ ๕..

ก่อนจะเล่าการปฏิบัติธรรมที่วัดป่าชลิตานุสรณ์ ขอนำโอวาทจากพระอาทิพุทธเจ้า หรือพระพุทธสิกขีทศพลที่ ๕ บางส่วนมาเพื่อเป็นธรรมทานค่ะ..

******************************
"การบำเพ็ญบารมีเป็นพระพุทธสิกขีทศพลแต่ละพระองค์นั้น ย่อมมีความต่างตามความปรารถนาในรายละเอียด เช่นให้เลิศด้วยด้านใด สงเคราะห์ด้านใดเป็นหลัก จากนั้นทรงอธิษฐานที่จะบำเพ็ญแต่ละพระองค์ทรงบำเพ็ญนานไม่ต่ำกว่า ๑๕๐ อสงไขย และยังคงมีอยู่ต่อไป ผู้ที่จะรู้เรื่องนี้ในเชิงลึกนั้น จะต้องเป็นผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธสิกขีทศพลเท่านั้น จึงจะทราบเรื่องโดยละเอียด

การได้รับพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าในอดีตจะต้องเป็นพระพุทธเจ้าที่เคยอธิษฐานแบบพิเศษมาแล้วเท่านั้น แม้ว่าบางพระองค์อาจจะลาประเภทพิเศษก็ตาม ถือว่ายังมีคุณสมบัติจะพยากรณ์ได้
หากพบพระพุทธเจ้าที่ไม่ได้อธิษฐานแบบพิเศษมา ก็จะไม่มีรายละเอียดของการพยากรณ์ แต่จะบอกว่าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าประเภทพิเศษพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล
ดังนั้น การอธิษฐานแบบพิเศษนั้นจะสำเร็จได้ยากมาก พระโพธิสัตว์หลายพระองค์ได้ลาไป เพราะช่วงท้าย ๆ จะมีอุปสรรคขัดขวางเป็นจำนวนมาก จึงอธิษฐานลดกำลังลงมา เหลืออยู่ใน ๓ ประเภทที่สมเด็จองค์ปฐมทรงจัดไว้
แต่หากพระโพธิสัตว์องค์ใดมีกำลังใจมั่นคงในการเดินทาง ไม่หวั่นไหว เหล่าพรหมเทวดาทั้งหลายจะคอยช่วยเหลือ ประคับประคองท่านเหล่านั้นให้สำเร็จได้เช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าเป็นประเภทใดก็ตาม ล้วนแต่มีศักดิ์ศรีเสมอกันทุกพระองค์ ทรงสอนในเรื่อง..
๑. งดเว้นจากการทำชั่ว
๒. การทำความดี
๓. ทำใจให้บริสุทธิ์
โดยประกอบไปด้วยทาน ศีล ภาวนา ส่วนสิ่งปลีกย่อยในความรู้ต่าง ๆ นั้น อาจจะมีต่างกันบ้าง แต่หาใช่เป็นสาระไม่ สาระนั้นอยู่ที่การตัดกิเลส
สำหรับเธอเอง หากค่อย ๆ เรียนรู้ พร้อมการเจริญสติจะทำให้เธอมีปัญญาแตกฉานในเรื่องต่าง ๆ โดยที่เธอไม่ต้องแสวงหา ความรู้นี้เป็นความรู้ที่เธอเคยเรียนมาแต่อดีต ผลมาปรากฏในปัจจุบัน เป็นความรู้ที่ข้ามภพข้ามชาติ

เหตุที่ยุคนี้มีเหล่าพุทธภูมิ หรือเหล่าพระโพธิสัตว์ พระมหาโพธิสัตว์ก็ตามลงมาเกิดกันเยอะ เนื่องจากอายุขัยมนุษย์นั้นสั้น เร่งสร้างบารมีจะง่ายกว่ายุคอื่น ๆ
ดังนั้นเธอจงมีจิตที่เมตตาต่อผู้อื่น ที่เขาไม่รู้

แม้เขาจาบจ้วงแก่เธอก็อย่าได้ถือสา อันเนื่องจากความไม่รู้ของเขา แต่กฎของกรรมก็ยังคงทำงาน นั้นเป็นเรื่องของเขาในอนาคต อย่าเอาใจไปจดจ่อ จะทำให้การเชื่อมต่อกับพระมหาโพธิสัตว์มีอุปสรรค

ใจที่ขุ่นจะทำให้ท่านรับรู้ได้ และท่านจะเป็นทุกข์ไปกับเธอ ดังนั้น สิ่งใดที่ไม่ชี่หน้าที่ของเรา พระพุทธองค์ไม่ได้สั่งก็ไม่ต้องไปยุ่ง ส่วนคนที่มีความทุกข์มา ให้สงเคราะห์ตามโอกาสทึ่เป็น ถามครูอาจารย์ก่อนดีที่สุด เอาละคงมีเพียงเท่านี้ หากเธอปรารถนาจะพบฉันก็ไปพบได้ที่วิมานของฉันนะ”


ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ขออนุโมทนาบุญครับ

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ สำหรับโอวาท หรือคำสอนต่าง ๆ ที่ลงในกระทู้นี้ ขอความกรุณาอย่านำไปเผยแพร่ในเว็บอื่น ๆ นะคะ เนื่องจากเป็นเรื่องเฉพาะกิจ และเป็นความรู้เฉพาะตน

หากศีล ศรัทธา ปัญญา และจาคะ ไม่เสมอกัน อาจจะนำไปซึ่งการปรามาสกันได้ ผลจะตกอยู่ที่ผู้นำไปเผยแพร่ พระท่านอนุญาตเฉพาะในเว็ปพลังจิตเพียงเท่านั้นค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

​

​

 

..การรวมบุญอธิษฐานจิตให้เป็นผลสำเร็จ...

ในวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๗ ได้ทำวัตรสวดมนต์ และฟังธรรมจาก พระอาจารย์เปรา โสภโณ เจ้าอาวาสวัดป่าชลิตานุสรณ์ท่านได้สอนเรื่องการทำทาน รักษาศีล การภาวนา และการเจริญสติ (ขออนุญาตนำเสนอภายหลัง)

จากนั้นพวกเราส่วนหนึ่งได้ไปนั่งสมาธิบริเวณหน้าพระเจดีย์อนันตพระบรมสารีริกธาตุ ขอกราบอนุโมทนากับท่าน widya ที่เมตตาให้น้ำใสได้มีโอกาสได้นำประสบการณ์ปฏิบัติของตนเองมาเป็นธรรมทานแก่เพื่อนสมาชิกที่เดินทางไปร่วมบุญครั้งนี้

เดิมทีตั้งใจว่า จะฝึกมโนมยิทธิก่อน แต่เมื่อไปถึงพระเจดีย์ปรากฏมีเสียงกำกับว่า ..

“วันนี้เธอจงนำเรื่องการรวมบุญ การแผ่เมตตา และการอธิษฐาน เพื่อเป็นธรรมทานแก่ผู้ปฏิบัติ เป็นวิธีที่รวบรัด และได้ผลเร็ว”


จากนั้นจึงได้สวดมนต์แบบสั้น ขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว จึงมีแสงสว่างมากไปทั่วบริเวณ พร้อมเสียง ดิฉันจึงได้กลั่นใจให้ใสรองรับคำสอน และถ่ายทอดไปยังผู้ปฏิบัติว่า....

“วันนี้การปฏิบัติจะขอนำการรวมบุญอธิษฐานให้สำเร็จ เพื่อใช้งานได้ง่ายสำหรับฆราวาส เนื่องจากคำสอนเพื่อตัดกิเลสนั้น มีพระภิกษุต่างก็แนะนำการปฏิบัติแล้ว

สำหรับฆราวาสนั้น เป็นเรื่องที่ยาก ที่จะต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ พร้อมกับการตัดกิเลสไปในตัว บางท่านปฏิบัติแล้วยังมีอุปสรรคในการงาน การเงิน มีปัญหาความคล่องตัวในเรื่องต่าง ๆ

ทำให้เกิดความท้อแท้ในการสร้างบุญหรือการปฏิบัติธรรม อันเนื่องจากไม่เห็นผลในการปฏิบัตินี้ อาจจะคิดว่าบุญไม่ส่งผล กลายเป็นปรามาสพระไปโดยไม่รู้ตัว”


-----------------------
ความเจริญก้าวหน้าทั้งทางโลกหรือทางธรรมก็ตาม อันมีผลมาจากความผ่องใสของจิตเป็นหลัก หากจิตเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ความคล่องตัวในทรัพย์ก็มีน้อย เมื่อไม่คล่องตัวในทรัพย์ ก็จะทำให้การเงิน การงานไม่ดี เมื่อมีปัญหาเรื่องการงานการเงิน ทำให้จิตตก ส่งผลให้คิดฟุ้งซ่าน และวิบากกรรมอื่น ๆ เข้ามาง่าย ดังนั้น จะต้องเคลียร์ใจตนเองให้ใส ให้เร็ว เป็นจิตที่พร้อมใช้งาน

อันดับแรก (๑.)เราจึงต้องสลัดความรู้สึกเป็นกังวลต่าง ๆ ออกไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูก สามี ภรรยา การเงิน การงาน และครอบครัว ขอให้วางทุกเรื่อง

ต่อมา(๒.) ให้ทำความรู้สึกว่า เราอยู่คนเดียวในโลกไม่มีใคร เพราะก่อนมาเกิด เราก็มาคนเดียว เวลาตายไป เราก็ไปคนเดียว ไม่สามารถแบกลูกสามี ทรัพย์สมบัติไปได้

จากนั้น (๓.) ให้นึกถึงบุญที่เราทำมา ไม่ว่าจะเป็นบุญที่สร้างในพระพุทธศาสนา หรือคุณความดีที่เราทำ การดูแลพ่อแม่ หรือการช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ก็ตาม หรือนึกถึงบุญที่เราปลื้มใจที่สุด เช่น บุญสร้างพระ บุญบวช หรืออะไรก็ได้ ให้จิตโปร่งโล่งสบายใจเย็น ๆ

การนึกถึงบุญจัดเป็นพระกรรมฐานกองหนึ่งใน ๔๐ กอง คือ จาคานุสติกรรมฐาน อานิสงส์แห่งการนึกถึงบุญนั้น ทำให้จิตเราร่าเริงแจ่มใส ปราศจากความกังวลใจ

อีกทั้งการนึกถึงบุญในแต่ละครั้งส่งผลให้เราได้เกิดในสุคติภูมิ ๑ ครั้ง ยิ่งนึกมากขึ้น ก็จะส่งผลให้มีพบแต่สุคติภูมิตามจำนวนครั้งที่เรานึกถึงบุญนั้น

หากนึกบ่อย ๆ ส่งผลให้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตตวสวัตตี(ชั้น ๖)

เมื่อเคลียร์จิตให้สบาย ๆ แล้ว (๔.) ให้นึกถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของเราในอดีต ตั้งจิตระลึกถึงอัญเชิญท่านมาประทับตรงหน้า และกราบขอพรท่าน



เอาละทุกท่าน ขณะนี้พ่อแม่ในอดีตได้มาปรากฏต่อหน้าทุกท่านแล้ว บางท่านจะสัมผัสได้ว่า ท่านอยู่ตรงหน้า บางท่านจะสัมผัสได้ว่า มีคนลูบศีรษะของเรา บางท่านจะรู้สึกมีกระแสเย็น ๆ ผ่านให้เรารู้สึกโปร่งโล่งสบาย ให้นึกขอพรอะไรก็ได้ ต่อท่านเหล่านั้น ๓ ข้อ..จะให้เวลาท่านขอพร...



-----------------------

 

..การแผ่เมตตา และรวมบุญอธิษฐานจิต..

จากนั้น (๕.) ให้แผ่เมตตาให้กับตนเองก่อนอันดับแรก นำความรู้สึกปิติใจ ชุ่มฉ่ำเย็นไปทั่งร่างกาย ท่านที่เคยเดินกายานุสติกรรมฐานให้นำความชุ่มฉ่ำเย็นใจนั้นไปทั่วร่างกายก่อน ให้เรามีความสุขก่อน ๆ ที่จะแผ่ความสุขนี้ไปโดยรอบ

เมื่อเรามีความสุขแล้ว (๖.) เราปรารถนาจะให้ผู้อื่นมีความสุขด้วย จากนั้นเราจะค่อย ๆ แผ่ความสุขเหล่านี้ไปโดยรอบ แบบช้า ๆ สบาย ๆ ใจเย็น ๆ ไปให้แก่เพื่อน ๆ ที่นั่งปฏิบัติด้วยกันกับเรา

**จำไว้ว่า หากจิตเราไม่ดี หรือจิตขุ่นมัว แต่แผ่ความรู้สึกนี้ออกไปให้ใคร เมื่อจิตดีแล้ว มีความสุขความสบายใจแล้ว จึงค่อยแผ่เมตตาออกไป***

จากนั้นค่อย ๆ แผ่ให้เพื่อน ๆ ของเรา แผ่ออกไปเป็น ๓๖๐ องศาโดยรอบเจดีย์ ค่อยๆ แผ่ไปทั่ววัด แบบช้า ๆ สบาย ๆ

หากผู้ใดได้ทิพยจักขุญาณจะมองเห็นกระแสจิตคล้ายไอเย็น ๆ แผ่ไปโดยรอบ หรือผู้ใดได้เจโตปริยญาณจะรู้สึกสัมผัสกระแสเย็นดังกล่าว

ตั้งจิตอธิษฐานขอแผ่ความสุขนี้ไปยังมนุษย์ อมนุษย์ พรหมเทวดาทั้งหลาย สรรพสัตว์ทั้งหลายน้อยใหญ่ ขอให้ผู้ใดก็ตามที่มีจิตอนุโมทนาบุญนี้ จงมีผลแห่งความสุขเช่นเดียวกับที่เราได้รับ

ค่อย ๆ แผ่ให้กว้างขึ้นไปทั่วหัวหิน แผ่ไปทั่วจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แผ่ไปทั่วภาค แผ่ไปทั่วประเทศไทย ค่อย ๆ ขยายไปทั่วทวีปเอเชีย

หากมองดูเราจะเห็นตัวเราเริ่มเป็นตัวเล็ก ๆ แต่กระแสความชุ่มฉ่ำเย็นนั้น แผ่ออกจากตัวเราเป็นไอหมอก ค่อย ๆ แผ่ไปทั่วโลก แผ่ไปทั่วสุดขอบจักรวาล


เมื่อเรามีใจหุ้มโลกแล้ว (๗.) ให้เรารวบรวมความสุขที่เราแผ่ออกไปนั้นกลับมายังตัวเรา ให้เรามีความสุขสดชื่น ความรู้สึกของเราที่ได้รับนั้นจะมีความรู้สึกมีพลังมหาศาลกลับเข้าหาตัวเรา

(๘.) ให้อธิษฐานในสิ่งที่เราต้องการ ๓ ข้อ อาจจะซ้ำจากการขอพรจากพ่อแม่ หรือไม่ซ้ำก็ได้ เป็นการสร้างอธิษฐานบารมีให้เต็ม...”

เมื่ออธิษฐานเรียบร้อยแล้ว ผู้ปฏิบัติออกจากสมาธิ ...

หลังจากนั่งสมาธิแล้ว ให้แผ่เมตตา จากนั้นต่างคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน หลังจากเข้าที่พักเวลา ๒๓.๔๙ น. ดิฉันได้นอนไปถึงตี ๒ มีเสียงปลุกกลางดึก ในใจคิดว่าใครมากวนกลางดึก เพิ่งจะนอนเอง เห็นหญิงสาวจำนวนมาก แต่งกายชุดไทยใส่เสื้อแขนกระบอก กล่าวว่า...

"ท่านเจ้าขา ๆ พวกเราขอโอกาสท่านได้อนุโมทนาบุญกุศลในครั้งนี้ด้วย พวกเราเป็นนาคกัลยาคอยรับใช้นาย ช่วงท่านนั่งสมาธิบอกเราต้องทำงานไม่มีโอกาสได้มาร่วมโมทนาสาธุการ ขอท่านช่วยแผ่บุญกุศลให้ด้วยเจ้าข้าฯ "


จึงตั้งจิตว่า "ผลบุญของเรามีเพียงใด ขอพึงมีผลแก่พวกเธอทั้งหลายเพียงนั้น"

จากนั้นภาพนางเหล่านั้นก็หายไป

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ขออนุโมทนาบุญและขอขอบคุณพี่น้ำใสด้วยครับที่ได้นำความรู้ต่างๆ(ซึ่งอาจไม่เคยมีใครโพสที่ไหนเคยโพสแต่ถ้าใครเข้าถึง.....ก็เป็นเรื่องปัจจัตตังของแต่ละบุคคล) มาโพสบอกด้วยนะครับผมก็เป็นคนนึงที่ได้รับความรู้จากกระทู้นี้มามาก

 

ผมขอขอบคุณ พี่น้ำใส ในการอธิษฐานจิตเพื่อเป็นเกราะคุ้มกันภัยในการสร้างบารมีของหมู่คณะเราต่อไปนะครับ

และอนุโมทนาในธรรมทานต่างๆ ที่นำมาลงไว้ให้อ่านนะครับ
สำหรับเรื่องการสร้างบารมีของพระสิกขีทศพล นี่คงเป็นความรู้พิเศษจริงๆ นะครับ
ได้มีโอกาสไปคุยกับพี่แสน ที่เขาปรารถนาเป็นพระสิกขีทศพลที่ 10 ในเฟส นะครับ
พี่เขาบอกว่า หลังจาก อ. ไก่ ตายก็มีพี่น้ำใส นี่แหละ ที่ยังพูดถึงเรื่องพระสิกขีทศพลนะครับ
เขาได้แวะมาอ่านที่พี่น้ำใสโพสไว้แล้ว พี่เขาดีใจมากครับ ฝากขอบคุณพี่มาด้วยนะครับ

-ส่วนเรื่องการแผ่เมตตา ผมก็ลองน้อมจิตตามก็รู้สึกถึงกระแสเย็นๆ นะครับ
แต่การที่เรานึกถึงบุญแล้วแผ่บุญกุศลให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย นี่ถือว่าเป็น จาคานุสสติกรรมฐานหรือเปล่าครับ
แล้วมันต่างยังไงกันครับ กับการแผ่เมตตา แล้วจิตเรามีเมตตาในพรหมวิหาร 4 นะครับ

แล้วอย่างจิตเรามีจาคานุสสติกรรมฐาน ที่นึกถึงบุญกุศล นี่เราไปเกิดเป็นพรหมได้ไหมครับ พี่น้ำใส

อนุโมทนาครับ พี่น้ำใส

ธรรมวิวัฒน์

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ mooom ด้วยค่ะ พูดจากใจจริงค่ะ พี่เองหากไม่ได้มาทำหน้าที่นี้ คงไม่ได้พบกัลยณมิตรที่ดีอย่างคุณ mooom และอีกหลาย ๆ ท่านที่เคยอนุเคราะห์เกื้อกูลกันทั้งทางตรง และทางอ้อม

หลายครั้งที่ได้ความรู้จากการฝึกวิปัสสนา การดูอารมณ์ขั้นละเอียดของคุณ mooom ทำให้พี่ได้ความรู้ และเจริญปัญญา พี่ต้องขอขอบคุณมา ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ ค่ะ

สำหรับเรื่องราวที่ลงในกระทู้นี้ ล้วนแต่เป็นผลของการปฏิบัติแต่ละท่าน นำมาเพื่อเป็นธรรมทาน เป็นเรื่องเฉพาะตน

การสร้างบุญกุศลของเราที่ผ่านมา เป็นบุญอันบริสุทธิ์ที่เราตั้งใจบำรุงพระศาสนา เป็นกำลังแก่พระภิกษุที่ประพฤติดีทั้งใน และต่างประเทศ

เป็นเหตุให้พระ พรหม และเทวดา ตลอดทั้งครูบาอาจารย์ทั้งที่มีสังขาร และละสังขารไปแล้ว ท่านจึงสงเคราะห์เป็นพิเศษ สิ่งใดจะเป็นอุปสรรคในชีวิต อันเนื่องจากอกุศลกรรมส่งผล ท่านทั้งหลายก็ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา

พี่เพียงหวังว่า ธรรมทานที่ให้ไปจะมีประโยชน์แก่ท่านที่สนใจไม่มากก็น้อย

ส่วนท่านที่อ่านแล้ว ไม่เห็นประโยชน์ที่ได้จากกระทู้นี้ โปรดวางอุเบกขา เพราะวิธีการปฏิบัติเหล่านี้ อาจจะเหมาะแก่ผู้ปฏิบัติเฉพาะกลุ่ม

อายุขัยของมนุษย์ในยุคนี้ สั้นนัก เฉลี่ยไม่ถึง ๗๕ ปี แม้ตัวพี่เองก็ยังไม่แน่ว่า จะมีอายุขัยยืนยาวไปอีกกี่ปี

ดังนั้นเราควรไม่ประมาท เร่งสร้างทั้งทาน ศีล ภาวนา เพื่อชำระจิตให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น จนกว่าจะละโลกนี้ไป

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ mooom และทุกท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ขออนุโมทนาบุญในทุก ๆ บุญของน้องธรรมวิวัฒน์เช่นกันค่ะ

การนึกถึงบุญเป็นจาคานุสติกรรมฐานค่ะ แต่การแผ่เมตตาเป็น ๑ ในพรหมวิหาร ๔

ความจริงหลักการนี้ ก็คล้ายการปฏิบัติตามแนวโพธิจิต เพียงแต่ต่างตรงที่นำผลของการแผ่เมตตาไปใช้เรื่องใด

พระโพธิสัตว์แผ่เมตตา เพื่อปรารถนาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นสุข ปราศจากทุกข์โดยใช้บุญบารมีของพระองค์ ล้วน ๆ เพื่อประโยชน์สุขของสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยไม่สนใจว่า พระองค์จะต้องลำบากอย่างไร

ส่วนการแผ่เมตตาที่พี่นำเสนอนั้น เป็นการแผ่เมตตา เพื่อตัวเราเอง ต่างกันตรงนี้ แม้จะขั้นตอนการปฏิบัตินั้นจะมีการแผ่แบบไม่เจาะจง เพื่อให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่สุดท้ายคือ การรวมความสุขนั้นกลับมาหาตน เพื่ออธิษฐานให้ตนสำเร็จ

หากเราไม่มีความสุข ยังมีปัญหาในการดำเนินชีวิต เราจะเอาความสุขจากที่ไหนไปแผ่ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดังนั้นเราจะต้องแก้ทุกข์ในใจของเราให้ได้ก่อน จึงจะมีพลังแห่งความสุขแผ่ขยายไปให้แก่ผู้อื่น

นี้คือสิ่งที่พี่ได้เรียนรู้จากครูบาอาจารย์ที่สอนในปัจจุบัน การฝึกสติให้มีความรู้ตัวตลอดเวลาเท่าที่ทำได้ ดูทั้งความสุข และความทุกข์ที่เกิดขึ้นในอารมณ์ปัจจุบัน โดยไม่ต้องปรุงแต่งอารมณ์เหล่านั้น

หากมีสติ เราจะเห็นว่าทั้งสุข และทุกข์ ไม่มีอะไรอยู่กับเรานาน สุดท้ายทั้งสองอย่างย่อมสลายไป

การรวมบุญนั้น ความจริงเป็นสมถะกรรมฐาน เพื่อปรับจิตให้ใสได้เร็ว ชั่วคราว เพื่อให้จิตมีความแจ่มใส อธิษฐานอะไรก็จะสำเร็จ แต่สิ่งที่จะทำให้เราพ้นทุกข์ได้ถาวร คือการเจริญสติ เพื่อให้เกิดปัญญา พิจารณาธรรมตามความเป็นจริง

เมื่อมีปัญญา ก็สามารถแก้ปัญหาชีิวิตได้ นำมาซึ่งความเจริญทั้งทางโลก และทางธรรม ทำให้เรามีความสุข จากนั้นเราจึงจะสามารถแผ่เมตตาให้แก่ผู้อื่น หรือสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ได้ ดุจเดียวกับพระโพธิสัตว์ทั้งหลายค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับน้องธรรมวิวัฒน์ด้วยค่ะ

Numsai

 

..ธรรมทานจากพระมหาโพธิสัตว์องค์หนึ่ง...

วันนี้ขออนุญาตนำบันทึกส่วนหนึ่งของการปฏิบัติมาเพื่อเป็นธรรมทานค่ะ

-----------------------------------------
วันนี้(๒๖ มิย.๕๗) เวลา ๑๒.๓๔ น. ได้ นั่งสมาธิรวมบุญแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย อธิษฐานกราบเทวดารักษาดวงแก้ว

ปรากฏภาพเทวดาองค์หนึ่ง มีกายสีแดงอ่อน ๆ คล้ายอาทิตย์ใกล้อัสดง นั่งห้อยพระบาทข้างหนึ่ง ในมือถือศาตราวุธ ๒ ชนิดคือ พระขรรค์และวัชระ รัศมีกายแผ่กว้างเป็นสีแดง

“ความจริงแล้วยังไม่ถึงเวลาที่เราจะปรากฏ แต่เนื่องจากเราต้องรักษากำลังใจของเธอเอาไว้ เพื่อให้เธอมั่นใจในหน้าที่ ที่ทำ เราจึงออกจากสมาบัติมา”(ตั้งจิตขอขมา)

ในการดูแลดวงแก้วนั้น เทวดาที่รักษาดวงแก้วสามารถเนรมิตวิมานของตนไว้ในดวงแก้วได้ ขณะเดียวกัน วิมานบนสวรรค์ก็ไม่ได้หายไปไหน บางครั้งอาจจะประจำอยู่ที่สวรรค์ หรือหากอยากมาสัมผัสโลกมนุษย์ก็มาประจำดวงแก้ว ซึ่งมีทิพยวิมานอยู่ภายในเรือน(ดวงแก้ว)

มนุษย์ที่จะสามารถมองเห็นเทวดารักษาดวงแก้วได้นั้นจะต้องได้ทิพยจักขุญาณขั้นสูง หรือเป็นผู้ที่เจริญวิปัสสนาเป็นปกติ หรือผู้สำเร็จเป็นพระอริยเจ้า และได้ทิพยจักขุญาณขึ้นไป


ส่วนผู้ที่ได้ทิพยจักขุญาณเพียงเล็กน้อย ก็ไม่สามารถสัมผัสได้ ไม่ว่าจะฝึกในสายวิชาใดก็ตาม

เนื่องจากเทวดารักษาดวงแก้วแต่ละองค์ เป็นผู้มีบุญบารมีมากกว่าเทวดาทั่ว ๆ ไป ส่วนใหญ่จะได้รับคัดเลือกจากการประชุม ณ.เทวสภา

ผู้ใดมีดวงแก้วมณีจงรักษาให้ดี และควรมีความศรัทธา หากไม่ศรัทธาเทวดาที่รักษาดวงแก้วก็ไม่สามารถจะคุ้มครอง หรืออำนวยพรแก่ผู้นั้นได้

มนุษย์ในยุคนี้เกิดมา เพื่อใช้กรรม และสร้างบุญบารมี ผู้ที่มีบุญเก่าเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ที่ได้ครอบครองดวงแก้วมณี อันล้ำค่ำ แต่หากอกุศลกรรมบังตา ทำให้ไจไม่เปิดรับ แม้สัตตบุรุษจะกล่าววาจาอันไพเราะอ่อนหวาน เพียงใด ก็ไม่สามารถโน้มน้าวจิตใจได้ ยังคงมีอัตตามานะ ถือความเห็นของตนเป็นใหญ่

พระพุทธสมณโคดม ทรงแผ่เมตตา และตรวจดูด้วยญาณทัสสนะ ก่อนจะโปรดมนุษย์ทั้งหลายด้วยเหตุนี้

ผู้ใดที่มีจิตอ่อนโยน หรือบุญกุศลเก่าที่เคยกระทำมาส่งผลให้บรรลุธรรมได้ พระองค์จะไปโปรดผู้นั้น ส่วนผู้ใดยากที่จะเข้าใจในธรรมของพระองค์ ทรงอุเบกขาเสีย เนื่องจากเวลามีน้อย



หากเราพิจารณาแล้ว ขณะนี้ในเทวโลก ยังมีเทวดาที่บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคมี พระอนาคามีเป็นจำนวนมาก ที่รอการตรัสของพระศรีอารียเมตไตรย และเข้าสู่อรหันตภูมิ

เพราะเหตุใด อันเนื่องมาจากเมื่อใดบุญบารมียังไม่เต็มเปี่ยม ก็ยากที่จะเข้าใจคำสอนของพระพุทธองค์ได้ หรือบางครั้งอาจจะเกิดจากเหตุที่ติดการอธิษฐานติดตามพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลเบื้องหน้า เช่น ขอบรรลุธรรมในยุคพระศรี ฯ ขอได้ฟังธรรมจากพระศรีฯ หรือพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น เป็นเหตุใดยังไม่บรรลุธรรมทันที

เหล่านี้ เป็นเหตุปัจจัยจากความปรารถนาแห่งตนทั้งสิ้น บางท่านปฏิบัติมาทั้งชีวิต กลับรู้สึกไม่ก้าวหน้า ย่อมมาจากอธิษฐานเดิมแห่งตนทั้งสิ้น ดังนั้นจึงต้องละความปรารถนาที่ไม่จำเป็นนั้นก่อน จึงจะสำเร็จ

ดังนั้น การที่เราอยากรู้อะไร ควรฝึกฝนด้วยตนเอง มีขันติ วิริยะในการฝึก แต่เป็นคนใจโลเลไม่เข้มแข็ง ผู้ที่มีกำลังใจเข้มแข็งไม่ว่าอะไรก็จะสำเร็จโดยอัศจรรย์

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=GZZ-pFa7MJM](白度母心咒) White Tara Mantra (Very Relaxing) - YouTube[/ame]​

ผลบุญใดที่ได้จากการให้ธรรมทานครั้งนี้ ขอน้อมถวายแด่พระมหาโพธิสัตว์ พระองค์นั้น พร้อมบริวารทั้งหลายด้วยเถิด สาธุ..



ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai
________________________________

หมายเหตุ การนำธรรมทานครั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินท่านใด อันเนื่องมาจากเบื้องบนต้องการสงเคราะห์ ทำความเข้าใจแก่ท่านผู้มาใหม่ ยังไม่ทราบข้อมูลบางประการ

พระมหาโพธิสัตว์พระองค์นี้ จะสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ หลังจากยุคของพระศรีอารียเมตไตรย เป็นองค์ที่ ๑๕ ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านค่ะ

Numsai

 

๒๗ มิย.นี้ ๑๘.๐๐ น.-ประมูลดวงแก้วบรมภพไตรจักร ขนาดกว่า ๑๐ กก...

​

ดวงแก้วบรมภพไตรจักร อธิษฐานโดยพระปรมัตถฤาษี ก่อนในสมัยพุทธกาลสมเด็จพระสุมังคละพุทธเจ้า อัญเชิญจากถ้ำพวงในเทือกเขาภูพาน

ดวงแก้วนี้ มีกายสิทธิ์ ๖๓,๘๘๐,๐๐๐ องค์ พระปรมัตถตาปะโพธิราช เป็นผู้ดูแลดวงแก้ว พร้อมเทวดาชั้นนิมมานรดีอีก ๑๐ องค์

เริ่มต้นประมูลที่ ๑๘,๘๘๘ บาท ​

กติกาในการประมูล

๑. ประมูลวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ ภายใน ๑๘.๐๐ น. ตามฤกษ์พรหมสิทธิ์-อมฤตโชค ตรงกับวัน ๑ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะเมีย

๒. รายการประมูลจะมอบแด่ท่านที่ประมูลราคาสูงสุดภายในเวลาที่กำหนด (ตามเวลาเว็บพลังจิต.org) และหากเวลาเท่ากัน ๒ ท่าน จะตัดสินด้วยผู้ที่ทำการโพสต์ก่อนเป็นอันดับแรก

๓. หลังจากปิดการประมูล โอนปัจจัยภายใน ๒ วันหลังจากโอนปัจจัยแล้ว กรุณาแจ้งชื่อ-ที่อยู่ใน PM-Numsai ค่ะ

กรุณาโอนปัจจัยไปที่......

ชื่อบัญชี พุทธารา โรจนฤทธิกร
เลขที่ 080-252647-2
ธนาคาร ไทยพาณิชย์
สาขา ถนนศรีนครินทร์ (กรุงเทพ – กรีฑา)
ประเภท ออมทรัพย์-แบบสะสมทรัพย์

ปัจจัยหลังหักค่าใช้จ่าย ปัจจัยส่วนหนึ่งร่วมบุญดังนี้

๑.๑๐ % ร่วมสร้างสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภครัศมีโชติ ขนาดหน้า ๔ ศอก สร้างด้วยหินทรายขาว

๒. ๑๐% ร่วมบุญทาสีโบสถ์ วัดโพธิญาณรังสี จ.สุรินทร์

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

​

ขออนุญาตนำบุญทาสีโบสถ์แจ้งแก่ทุกท่าน ร่วมบุญตามกำลังศรัทธาค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ขอร่วมประมูลดวงแก้วบรมภพไตรจักร19000บาทครับ

 

ขอร่วมประมูลดวงแก้วบรมภพไตรจักร 21480บาทครับ

 

ขอร่วมบุญประมูลดวงแก้วบรมภพไตรจักร 22,000 บาท

ขออนุโมทนาบุญครับ