สยามมหารัฐ.........จะเป็นได้อย่างไร

ทั้งหมดที่ท่านกล่าวมานั้น

เป็นชะตากรรมของบ้านเมืองในแต่ละยุคแต่ละสมัย
จริงๆไทยเรายังมีคนดีมีฝีมืออยู่มาก
แต่สิ่งแวดล้อมยังไม่เอื้ออำนวยให้พวกเค้าไปสำแดงพลังกัน

คงต้องรอยุคหน้าและยุคต่อๆไป ครับ

ส่วนตัวยังเชื่อว่า "ความศิวิไลซ์" คงต้องมาถึงสักวันหนึ่ง

 

สยามมหารัฐ ผมคิดว่าตามสภาวะการณ์ของโลกปัจจุบันนี้ คงจะเกิดขึ้นไมได้แน่
สยามมหารัฐจะเกิดขึ้นมาได้หลังจากโลกเกิดสภาวะสงครามใหญ่ และภัยพิบัติ
ใหญ่...ที่มีคนล้มตายจำนวนมาก...
เท่าที่ผมจำได้ คำทำนายของคนโบราณซึ่งค่อนข้างแม่นยำมาก พอจำได้คร่าวๆ
ว่า ต่อไปจะเกิดสงครามใหญ่ คนล้มตายจำนวนมาก ผู้ชายต้องเข้าสู่สนามรบ
และเสียชีวิตเกือบหมด...เหลือแต่ผู้ชายที่เคร่งครัดในการปฏิบัติธรรม และสตรี
ที่อยู่เฝ้าบ้านรวมทั้งเด็กและคนแก่
สตรีขี่ม้าขาวก็จะเกิดขึ้นช่วงนี้ มาเป็นกองทัพครับ มาจากทางทิศตะวันออก เก่งมาก ไม่มีใครสู้ได้ ชนะหมด
พอสงครามสงบ สตรีท่านนี้แหละครับที่ฟื้นฟูประเทศขึ้นมาใหม่...

 

วันนี้ไปดูพรรคพวกถอดท่อก๊าสส่วนสำคัญที่เป็นส่วนของการวัดค่าปริมาตรที่ก๊าสใหลผ่านท่อช่วงนี้ ก๊าสส่วนนี้เป็นการร่วมกันระหว่างไทยกับมาเลเซีย ก็ไปตรวจสภาพภายในท่อให้เขา สภาพภายในที่ใช้งานมาสามปีก็ยังคงสภาพดี ก็จะทำการขัดทำความสะอาด วัดความเรียบของผิวด้านใน วัดความกลมของท่อด้านในเพื่อให้ได้มาตรฐานตรงไปตรงมาในการซื้อขายกัน

ก็ขอบอกเล่าความรู้สึกในช่วงเวลานี้ว่าดีใจมันเหมือนว่าฝันไป ที่เรามีก๊าสมีน้ำมันปริมาณขนาดตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกไว้

เมื่อสามสิบกว่าปีมาแล้วขณะที่ทำงาน ที่ตะวันออกกลางเห็นความมั่งคั่งของเขาก็ได้แต่ทอดถอนใจ เหมือนคนจนบ้านหลังคามุงแฝก ที่ไปยืนมองบ้านของมหาเศรษฐี เหมือนคนชาวนา ไปยืนมองสถาปัตยกรรมบวกวิศวะกรรมมันเกินฝันมันไกลเกินความสามารถที่จะให้คนทำนาไปออกแบบสร้างตึกระฟ้า หรือออกแบบสร้างโรงงานอุตสาหกรรม คนเป็นชาวไร่ชาวนาการศึกษาวิชาการน้อยลักษณะอย่างผมมันก็ได้แต่ยืนก้มหน้ายอมรับในชะตากรรมของตัวเองเท่านั้น มันหมดทางสู้ นั่งถอนใจดูความเจริญมั่งคั่งของตะวันออกกลางที่บางบ้านเขาปูพรมจากในบ้านออกมาจนถึงฟุตบาทถนนหน้าบ้านของเขาเลย เขาทำบุญอย่างไรมา เราทำบุญมาอย่างไรทำไมมันไกลกันขนาดนี้ ก็คิดมันส่งเดชไป

มาวันนี้เมื่อบ้านเราเมืองไทยเราความจริงมีมากกว่าที่ใดๆในโลกนี้ซะอีก เรานั่งนอนอยู่บนขุมทรัพย์เพียงแต่เราไม่รู้ เมื่อรู้เราก็ยังไม่สามารถครอบครองได้ ก็ไม่เป็นไรถือว่าเรายังเด็ก แต่นี้ไปก็ขอให้ตั้งใจเป็นเด็กดี ตั้งใจขยันหมั่นเพียร ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และจงเป็นคนดีจะได้รักษาทรัพย์ไว้ได้

สำหรับผมก็ดีใจมาก ดีใจที่เมืองไทยก็มีในสิ่งที่คนอื่นเขามีกัน สิ่งที่เคยเป็นความฝันมันกลายเป็นจริงขึ้นมาก็ดีใจบอกไม่ถูก

ก็ขอเอารูปที่ไปตรวจงานท่อส่งก๊าสไทย มาเลเซียมาฝาก ทีมชุดที่ทำความสอาดจะทำงานกันตลอดทั้งคืนในคืนนี้ และอีกหลายวันจนกว่าจะตรวจสอบเสร็จสิ้นขบวนการ ผมแค่ไปเยี่ยมและซื้อโอเลี้ยงไปฝากเป็นกำลังใจให้เขา


<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>








</FIELDSET>

 

สภาพภายในท่อที่ใช้งานมาสามปีสภาพยังดีอยู่มากจะทำความสะอาดขัดผิวท่อด้านในก็จะยังใช้งานได้อีกนาน แต่นี่เป็นแค่ดูด้วยสายตาเบื้องต้นต้องขัดต้องวัดจริงกันอีกทีจึงจะรู้ค่าที่แท้จริง

ความรู้เหล่านี้แต่ก่อนเป็นต่างชาติทั้งสิ้น แต่ ณ วันนี้ชุดที่ทำนี้เป็นคนไทยทั้งหมด ทั้งไทยอาวุโสที่ผ่านงานด้านนี้มากว่าสามสิบปี และไทยรุ่นใหม่ที่เพิ่งหัดเดินที่ทุกคนมีความมุ่งมั่น ทำงานกันอย่างไม่กลัวความยากลำบาก เห็นพวกเขาทำงานกันแล้วมันมีความสะบายใจ

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>







</FIELDSET>

 

พลิกปูมบ่อน้ำมันไทย 6,000 หลุม ถูกต่างชาติขโมยขุดจริงหรือไม่
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 มิถุนายน 2557 19:49 น.

ย้อนสำรวจแหล่งน้ำมันดิบในไทย หลังทหารลงหาข้อมูลลักลอบขุดเจาะน้ำมันที่เพชรบูรณ์ เชื่อเหนือ-อีสานแหล่งใหญ่ ไม่น้อยหน้าอ่าวไทย

จากกรณีมีการเสนอข่าว พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส นายทหารประจำกองบัญชาการกองทัพไทยและนักวิชาการอิสระเชี่ยวชาญด้านพลังงาน พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารเริ่มปฏิบัติภารกิจตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้า คสช. โดยได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบในจังหวัดเพชรบูรณ์ ภายหลังทราบมาว่า บริษัทต่างชาติ ได้ร่วมมือกับ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) แอบลักลอบขุดน้ำมันของประเทศไทย จากทั้งหมดเกือบ 6,000 หลุมขุดเจาะทั่วประเทศ

ทั้งนี้ พ.ท.รัฐเขต ตั้งคำถามว่า "ไหน ปตท.บอกว่าน้ำมันประเทศไทยเหลือน้อย แต่เฉพาะที่ อ.ศรีเทพ และ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ มีบ่อน้ำมันมากถึง 95 หลุม"

ขณะที่ ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อมูลของ เสธ.น้ำเงิน ที่ระบุว่า โรงกลั่นน้ำมันของประเทศไทย ที่มีจำนวน 7 โรง แต่ละโรงต่อท่อตรงจากอ่าวไทย ซึ่งจะเห็นได้ว่า แหล่งน้ำมันดิบทั่วประเทศไทย ทั้งบนบกและในทะเล มีมากมายมหาศาลเทียบเท่าซาอุดิอาระเบีย

แหล่งหลุมแอบเจาะแถวนั้นยังมีอีกเพียบ เช่น พิจิตร กำแพงเพชร เท่าที่ทราบจากผู้รู้ น่าจะหลักร้อยหลุม และแถวอีสานก็มีแหล่งน้ำมันอีกเพียบ คิดดูว่าแถวอีสานบน เราเจอซากไดโนเสาร์ตั้งหลายแห่ง แผ่นดินนี้เคยอุดมสมบูรณ์มาก่อนและเก่าแก่ขนาดไหน

ภาคเหนือแถวเชียงแสน เชียงรายเคยเป็นปล่องภูเขาไฟมาก่อน แร่ธาตุพวกถ่านหินเพียบ ลำปางก็แม่เมาะ และคนเชียงใหม่ จะรู้ไหมว่ามีถ่านหินเพียบ ในจังหวัดตัวเอง ลองถามคน อ.เวียงแหง และ กฟผ.ดูซิ ว่าจริงหรือไม่ เต็มร่องเขาเพชรบูรณ์ มีหลักฐานว่าเคยอยู่ไต้ทะเลลึกมาก่อน ปัจจุบันมีเหมืองทองทำใหญ่โตมโหฬารมาก และขยายพื้นที่ไปเรื่อยๆ ขนาดบนยอดเขา ยังมีซากปะการังเป็นหิน พื้นที่ขนาดใหญ่หลายสิบไร่ มีแมงกระพรุนขนาดเล็กเท่าเหรียญห้าในแอ่งน้ำจืด และหลักฐานอื่นๆ อีกมากมาย ประเทศไทยเรามั่งคั่งด้วยทรัพยากร ถ้ารัฐบริหารจัดการดีๆ คืนประโยชน์นั้นกลับมาให้คนไทยส่วนรวม คนไทยจะสุขสบายกว่านี้อีกมาก ซึ่งคงจะได้เห็นในยุค คสช.นี้ เพราะมีการตั้งบอร์ดพลังงานแห่งชาติไปแล้ว

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าว “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ได้สืบค้นข้อมูลประเด็นจำนวนบ่อน้ำมันจากทั้งหมดเกือบ 6,000 หลุมขุดเจาะทั่วประเทศนั้น พบว่าเรื่องนี้ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อดีตอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา และนักวิชาการอิสระเคยได้ให้สัมภาษณ์ นิตยสาร WHO ฉบับวันที่ 1 กันยายน 2555 โดยระบุว่า "น้ำมันกับก๊าซเป็นเรื่องเดียวกัน รวมเรียกว่า ปิโตรเลียม ที่เกิดจากการย่อยสลายของซากพืชซากสัตว์ด้วยจุลินทรีย์ในที่ที่ไม่มีอากาศ (Anaerobic Digestion) ซากสิ่งมีชีวิตก็จะแตกตัวเป็นสารปิโตรเลียมเอง ดังนั้นปิโตรเลียมก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบนบกและในทะเล

"ทุกวันนี้หลุมผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติมีมากถึง 2,768 หลุม แบบนี้บอกว่าไม่มีน้ำมันคงไม่ได้ บนบกมีทั่วประเทศ เช่น แหล่งน้ำมันสิริกิติ์เป็นแหล่งที่ใหญ่มาก ครอบคลุม จ.กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก และนครสวรรค์ ขุดขึ้นมาปีละ 2,000 ล้านลิตร เพชรบูรณ์ปีละ 94 ล้านลิตร สุพรรณบุรีปีละ 90 ล้านลิตร เชียงใหม่ปีละ 60 ล้านลิตร ส่วนในทะเลแหล่งใหญ่ ๆ เช่น แหล่งบงกชสามารถขุดขึ้นมาปีละกว่า 1 หมื่นล้านลิตร เราอาจไม่ใช่ประเทศผลิตพลังงานอันดับหนึ่งหรือสองของโลกก็จริง แต่จากข้อมูลของกระทรวงพลังงานเอง ไทยจัดเป็นประเทศที่มีแหล่งพลังงานมากอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้"

ม.ล.กรกสิวัฒน์ ได้อธิบายถึงเรื่องนี้เพิ่มเติมว่า ประเด็นที่ว่าประเทศไทยมีบ่อน้ำมันเกือบ 6,000 หลุมขุดเจาะทั่วประเทศนั้นแบ่งออกเป็นบ่อน้ำมัน 3 ประเภท คือ บ่อน้ำมันเพื่อการผลิต บ่อน้ำมันเพื่อการสำรวจ และบ่อน้ำมันเพื่อการพัฒนา ตัวเลข 2,768 หลุม เป็นหลุมผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้ได้งานได้เพื่อแปรสภาพให้เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปชนิดต่างๆ

แหล่งฟอสซิลตามยุคต่างๆ ที่อุดมไปด้วยพลังงานทั่วประเทศไทย โดยเชื้อเพลิงซึ่งเปลี่ยนสภาพมาจากซากของสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ในยุคต่าง ๆ ด้วยกระบวนการเกิดทางธรณีวิทยาต้องอาศัยระยะเวลายาวนาน จึงจัดเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่สามารถทดแทนได้ เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์เป็นเชื้อเพลิงที่มนุษย์เรานำขึ้นมาใช้อย่างกว้างขวาง ซึ่งก็คือพลังงานประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบหรือก๊าซธรรมชาติ

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000068720

***ผมเคยอ่านข่าวนี้และติดตามเรื่องน้ำมันนี้ตามที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานเคยบอกครับ เลยหาข้อมูลมาให้อ่านตามแต่วิจารณญาณแต่ละท่านครับ

 

คุณโพธิทาส ครับ ทำไมไม่บอกความจริงให้หมดล่ะครับ ?

บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด
สัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ 3/2546/60 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L44/43
เลขที่ 5/2546/62 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L33/43
วันออกสัมปทาน 17 กรกฎาคม 2546 (มติ ครม. 26 พฤษภาคม 2546)
วันสิ้นสุดระยะเวลาสำรวจ 16 กรกฎาคม 2555
วันสิ้นสุดระยะเวลาผลิต 16 กรกฎาคม 2575
ผู้รับสัมปทานเริ่มแรก บริษัท แปซิฟิค ไทเก้อร์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด 100%
ผู้รับสัมปทานปัจจุบัน บริษัท อีโค่โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด 100%
(เดิมชื่อบริษัท แปซิฟิค ไทเกอร์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ต่อมาขายหุ้นให้กับ
บริษัท แพน โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด)
ประวัติการผลิตน้ำมันดิบของบริษัทฯ ผลิตในอัตราสูงสุด 12,500 บาร์เรลต่อวัน ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2551
และอัตราการผลิตลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการผลิตน้ำมันดิบของหลุมในแหล่งส่วนใหญ่ได้มาจากชั้นหินกักเก็บปิโตรเลียมที่เป็นหินภูเขาไฟ ซึ่งธรรมชาติของแหล่งกักเก็บชนิดนี้จะผลิตน้ำมันดิบได้ในปริมาณสูงในช่วงแรกเท่านั้น เนื่องจากในหินภูเขาไฟมีคุณสมบัติที่สามารถกักเก็บน้ำมันดิบได้น้อย จึงผลิตหมดไปอย่างรวดเร็วและประสบปัญหาในการผลิตน้ำในอัตราสูงจนเป็นเหตุให้ต้องปิดหลุมผลิตบางส่วน
ปัจจุบันบริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L44/43,L33/43
พื้นที่ผลิตนาสนุ่นตะวันออก, บ่อรังเหนือ, วิเชียรบุรีส่วนขยาย, L33
จำนวนฐานผลิตทั้งหมด 45 ฐาน
จำนวนหลุมผลิต 24 หลุม จากจำนวนหลุมทั้งหมด 110 หลุม
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ย 4,790 บาร์เรลต่อวัน
ปริมาณน้ำเฉลี่ย 3,583 บาร์เรลต่อวัน
ปริมาณก๊าซธรรมชาติเฉลี่ย 1.113 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
(ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2557)

http://www.dmf.go.th/index.php?act=news&sec=viewDetail&id=2648

http://www.dmf.go.th/resources/announcement/th/phetchabul.pdf

 

การใช้ประโยชน์ในที่ดินของ ส.ป.ก.


วันที่ 16 ธันวาคม 2552 ได้รับอนุมัติพื้นที่ผลิตบ่อรังเหนือเป็นพื้นที่ 39.39 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตที่ดินของ ส.ป.ก. ท้องที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื้อที่ประมาณ 43 ไร่ 3 งาน 35 ตารางวา ครอบคลุมพื้นที่ผลิต 6 ฐาน ได้แก่
1. พื้นที่ฐาน Borang จำนวน 4 หลุม
2. พื้นที่ฐาน L44-W จำนวน 4 หลุม
3. พื้นที่ฐาน L44W-A15. จำนวน 2 หลุม
4. พื้นที่ฐาน L44W-A14. จำนวน 1 หลุม
5. พื้นที่ฐาน 2009-A. จำนวน 1 หลุม
6. พื้นที่ฐาน L44-V จำนวน 4 หลุม
ตั้งแต่ 2 พฤษภาคม 2555 บริษัทฯ หยุดทำการผลิตในพื้นที่ดังกล่าว หลังจากได้รับหนังสือแจ้งจาก ส.ป.ก.
ภายหลังการตรวจสอบทาง ส.ป.ก. ได้ส่งหนังสือที่ พช 0011/1017 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2555 แต่พื้นที่ L44-V ไม่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน บริษัทฯ จึงเริ่มทำการผลิตปิโตรเลียมเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2555 ซึ้งในปัจจุบันพื้นที่ฐาน L44-V มีอัตราการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยประมาณ 142 บาร์เรลต่อวัน (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2557) ซึ่งน้ำมันดิบที่ผลิตได้มีการตรวจสอบปริมาณการผลิต การซื้อ-ขายโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ

 

ด้วยพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มาทำการสืบสวนสอบสวนคดีที่ พันโท รัฐเขต แจ้งจำรัส กรรมาธิการพลังงานวุฒิสภาร้องทุกข์กล่าวโทษว่าบริษัทอีโค่ โอเรียน รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ลักลอบขุดเจาะน้ำมันดิบ
โดยในวันที่10 มิถุนายน 2557 พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พนักงานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร, กรมที่ดิน, กรมป่าไม้ จะเข้ามาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และบันทึกปากคำพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องตามที่รับแจ้ง ว่ามีการดำเนินการฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่
ดังนั้นกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลและตรวจสอบการทำงานในด้านการสำรวจ ผลิต ขนส่งและซื้อขายปิโตรเลียม ของผู้รับสัมปทานในประเทศไทย จึงส่งตัวแทนเข้าร่วมตรวจสอบการสืบสวนสอบสวนและชี้แจงข้อเท็จจริง
ในครั้งนี้

 

คุณโพธิทาส อ่านข้อความนี้ดี ๆ นะครับ



เหตุการณ์ของวันที่ 10 มิถุนายน 2557


พนักงานสอบสวน ผู้ร้อง(พันโทรัฐเขตและพวก) ผู้ให้ข้อมูล ได้ตรวจสอบ


1. พื้นที่ฐาน Borang จำนวน 4 หลุม
2. พื้นที่ฐาน L44-W จำนวน 4 หลุม
3. พื้นที่ฐาน L44W-A15. จำนวน 2 หลุม
4. พื้นที่ฐาน L44W-A14. จำนวน 1 หลุม
5. พื้นที่ฐาน 2009-A. จำนวน 1 หลุม
6. พื้นที่ฐาน L44-V จำนวน 4 หลุม


ร่วมกันโดย

ลำดับ1-5ได้หยุดผลิตแล้ว


ลำดับ6ได้มีการผลิตจริง



อีกทั้งตัวแทนจากกรมป่าไม้ สปก และที่ดินร่วมกันรังวัดพิกัดทั้ง6พื้นที่ฐานเพื่อประกอบเป็นหลักฐานให้พนักงานสอบสวน
พร้อมกับเจ้าหน้าที่ สปก ได้ยืนยันว่าพื้นที่ฐาน1-5อยู่ในพื้นที่ สปก

แต่พื้นที่ฐานที่6ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ สปก


โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ยืนยันว่าพื้นที่ทั้ง6ฐานอยู่ภายใต้พื้นที่สัมปทาน ในช่วงที่มีการผลิตก็มีการเสียค่าภาคหลวงให้รัฐตามปริมาณที่ถูกต้องแต่เมื่อหยุดผลิตก็ไม่มีค่าภาคหลวงเกิดขึ้น

อีกทั้งพื้นที่ฐาน L44-V ที่มีการผลิตอยู่เนื่องจากไม่อยู่ในพื้นที่ สปก แต่อยู่ในพื้นที่สัมปทาน ดังนั้นจึงดำเนินการผลิตและมีการเก็บค่าภาคหลวงตามปกติหลัง


จากได้รับการแจ้งว่าไม่ได้แยู่ในพื้นที่ สปก จาก สปกจังหวัดเพชรบูรณ์เมื่อวันที่25 ธันวาคม 2556
ซึ่งข้อมูลทั้งหมดอยู่ในกระบวนการสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการร้องทุกข์คราวนี้ จึงไม่สามารถสรุปว่าสิ่งใดผิดหรือถูกได้ในปัจจุบัน



นอกเหนือจากนั้นพันโทรัฐเขตยังได้พาคณะเข้าตรวจสอบพื้นที่ฐานเพิ่มอีก1จุด โดยอ้างว่ามีการแอบผลิตและอยู่ในพื้นที่ สปกแต่เมื่อมีการวัดพิกัดร่วมกัน เจ้าหน้าที่ที่ดินได้ยืนยันว่าเป็นที่มีโฉนดและถือครองโดยบริษัทฯพร้อมกับบริษัทฯก็มีโฉนดยืนยันถูกต้อง
ประเด็นที่ถูกบิดเบือนภายหลังจากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและบันทึกปากคำพร้อมรับเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการโดยพนักงานสอบสวนในวันที่10 มิถุนายน 2557


ภายหลังจากการได้หารือและชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งวิเชียรบุรีของบริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายปรศักดิ์ งามสมภาค พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พรบ. ปิโตรเลียม/ตัวแทนกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติต่อพันโทรัฐเขต แจ้งจำรัส ผลการชี้แจงคือพันโทรัฐเขตเข้าใจในทุกประเด็นและไม่มีข้อสงสัย

 

สำหรับกรณีแปลงสัมปทาน L44/43 ตัวเลขชุดแรกคือรหัสแปลง ตัวเลขชุดที่สองคือ ปีที่อนุมัติสัมปทาน คือ ปี พ.ศ. 2543 คือรัฐบาลเมื่อปี พ.ศ. 2543 เป็นคนอนุมัติสัมปทานให้ขุดเจาะตรงนี้ครับ อธิบายกันก่อนจะเข้าใจเหมือน ๆ กันนะครับ

สรุปง่าย ๆ ชาวบ้านอ่านรู้เรื่องคือ


1.. มีคณะกรรมการกรรมาธิการพลังงานของอดีตวุฒิสภาที่เพิ่งโดนปลดไป เข้าไปทำการตรวจสอบบ่อน้ำมันในแปลงสัมปทาน L33/43 และ L44/43 ของบริษัทหนึ่ง โดยอ้างว่ามีการทุจริต

2.. ผลการตรวจสอบคือ แปลงสัมปทานซึ่งอนุมัติในรัฐบาลชุด ปี พ.ศ. 2543 ในแปลง L33/43 นั้นไปทับกับที่ของ สปก. เป็นจำนวน 5 บ่อ ซึ่งก็ได้ยุติการผลิตไปนานแล้ว

3.. ในบ่อของแปลง L44/43 ยังทำการผลิตอยู่เพียงบ่อเดียว ซึ่งหลังจากที่ คณะตรวจสอบ + เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายตรวจสอบพร้อมกัน ยังไม่ได้ข้อยุติตรงนี้ อยู่ในชั้นสอบสวนอยู่ (แต่คณะกรรมการบางคน ดันให้ข่าวว่า ความผิดสำเร็จแล้ว ความผิดสำเร็จแล้วจริง ๆ น่าจะเป็นที่กรรมการคนนั้น หน้าแหกไปแล้ว)


4.. มีความพยายามจะ "มั่ว" ไปตรวจสอบอีกจุด ซึ่งก็ "...หน้าแหก.." กลับมา เพราะเจอโฉนดของจริง

5.. ผลสอบก็คือ "...คว้าน้ำเหลว... ปั้นน้ำเป็นตัวไม่ขึ้น....."

ขณะที่สื่อบางสื่อ ก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไรเลย หลังจากพยายามปลุกปั่นคนมาตลอดว่ามีการกระทำผิดจริง !!!!!!!!!

 

ด้วยความเคารพครับ เรื่องสตรีขี่ม้าขาวนี่ ทางวัดท่าซุงได้ประกาศแล้วนะครับว่า ไม่เป็นความจริง เป็นการบิดเบือนคำทำนายของหลวงพ่อท่านนะครับ

เท่าที่อ่านดูคร่าว ๆ เนื้อหาคำทำนายที่คุณว่ามา ออกแนวผสม ๆ ระหว่าง กาพย์พระไชยสุริยา + คำทำนายของหลวงปู่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์สมัยอยุธยาครับ

 

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ทำอย่างไรล่ะครับให้ประชาชนในชาติเป็นทรัพยากรที่มีค่า คนรุ่นใหม่ที่ยังเรียนอยู่ตามมหาลัยเริ่มทำงาน ผมว่าเค้าเริ่งมีศักยภาพความสามารถแล้วน่ะครับ แต่อาจจะไม่มากพอ แต่ก็มากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มงานวิจัยที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในประเทศ มีแนวคิด แต่บางแนวคิดก็อันตราย ต้องกำหนดเป้าหมาย วางแผนลงมือกระทำอย่างชัดเจนครับ

 

สิ่งนี้สะท้อนสังคม จริงๆครับ แต่เมื่อเห็นปัญหา ย่อมต้องมีการแก้ไขผมเชื่ออย่างนั้นครับ

 

ขอบคุณครับที่นำประสบการณ์มาแชร์ให้ได้ทราบครับ

สู้ๆน่ะครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้ครับ ผมเชื่อมั่นในความดี ให้อิทธิบาทธรรม ว่าจะทำให้ทุกอย่างสำเร็จไปได้

 

จริงๆเรื่องนี้จะว่าง่ายก็ง่าย/จะว่ายากก็ยาก ครับ

การสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีคุณภาพเช่นเดียวกับประเทศมหาอำนาจ
เริ่มจากการมีผู้นำที่ดีและมีวิสัยทัศน์ พูดจริง-ทำได้
ทำตนให้เป็นตัวอย่างแก่ชนรุ่นหลัง

จากนั้นก็วางแผนระยะยาว (อาจจะเป็นชั่วอายุคน)
ซึ่งประเทศชั้นนำในปัจจุบันก็เดินตามวิถีนี้ เช่น ญี่ปุ่น
ที่ผู้คนมีความขยัน ซื่อสัตย์ อดทน วินัยเยี่ยม ความรับผิดชอบสูง
คุณสมบัติเหล่านี้มีอยู่ทุกเชื้อชาติชั้นนำของโลก

Nirvana ไม่ปฏิเสธว่ายืนส์หรือ DNA ของแต่ละชนเผ่า
มีความสำคัญต่อการพัฒนาสติปัญญา
แต่การศึกษาอบรมบ่มเพาะให้เยาวชนเป็นคนที่มีคุณภาพ
มีตัวอย่างแล้วก็คือ ประเทศสิงคโปร์

ดังนั้นไทยเราก็คงจะทำได้ อยู่ที่ว่าจะได้ทำหรือเปล่า
ถ้าลงมือทำวันนี้และต่อเนื่องสม่ำเสมอก็คงสำเร็จเข้าสักวัน
ซึ่งอาจจะใช้เวลา2-3 ชั่วอายุคน จึงจะปรับเปลี่ยนได้
(แต่ 50 ปี ที่ผ่านมานี้ดูท่าทางจะยาก)

ส่วนตัวยังเชื่อไทยจะต้องก้าวเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์แน่นอน
แต่ช่วงเปลี่ยนผ่านจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง อันนี้คงบอกไม่ได้

 

ส่วนตัวผมคิดว่า ไม่ได้ขึ้นกับว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือคนรุ่นเก่าครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเป็นคนมีศีลธรรมหรือเปล่ามากกว่านะ คนรุ่นใหม่ที่ทำตัวแย่ ๆ ก็มีไม่น้อย คนรุ่นเก่าที่ยังดีอยู่ก็มีไม่น้อยเหมือนกันครับ

วิชาทางโลกเรียนทันกันได้อยู่แล้ว แต่วิชาทางธรรมเรียนยากกว่ากันเยอะครบ

 

ปัญหานี้จุดหลัก ๆ คือ "คนไทยถูกเลี้ยงแบบตามใจ" ครับ

เห็นได้จากตั้งแต่ระดับสังคมย่อย ๆ คือในครอบครัว พ่อแม่คนไทยส่วนใหญ่มักจะ "ตามใจลูก" ลูกทำผิด ไม่กล้าว่ากล่าวตักเตือนหรือลงโทษ

เด็กก็จะได้ใจ ไประดับที่ใหญ่ ๆ ขึ้นไป ก็จะกลายเป็นปัญหาแบบลูกโซ่ จนไปถึงระดับบนสุดคือผู้บริหารประเทศ ที่ตามใจคนไทยส่วนใหญ่ เพราะกลัวว่าถ้าไม่ตามใจ จะทำให้คนไม่ชอบ กลายเป็นส่งเสริมค่านิยมผิด ๆ กันมาตลอด

และด้วยข้อดีที่เป็นข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของคนไทยคือ "ให้อภัยกันพร่ำเพรื่อ" จนทำให้ คนที่ทำผิดได้ใจ มันถึงเป็นวงจรอุบาทว์อยู่อย่างนี้

 

ผมว่าแรงจูงใจที่จะทำให้คนยึดมั่นในความดีมันอาจจะยังน้อยเกินไปถ้าเทียบกับแรงจูงใจที่ทำให้คนทำความชั่วครับ คนอาจจะมองไม่เห็นผลลัพท์ว่า ทำดีแล้วได้อะไรมีนามธรรมเท่านั้นที่สัมผัส แต่คนบางคนทำไม่ดี ก็มีทรัพย์สินมั่งคั่งร่ำรวยแลดูมีความสุขดี มีคนยกย่องสรรเสริญ อาจจะมีหลายคนที่อยากมีชีวิตแบบนั้นถ้าว่ากันตามภาษาโลกๆ ถ้ามีทำเนียบวีรบุรุษ แสดงรูปปั่นพร้อมผลงานที่บุคคล คนนั้นๆทำว่ามีคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติส่วนร่วมเพียงไรผมว่าพอจะเป็นแรงจูงใจที่ดีได้ ที่จะแสดงผลลัพท์อย่างหนึ่งและผมว่ามีหลายๆคนที่จะยึดมั่นในจุดนี้ จุดที่แม้ชีวิตจะตายไป แต่ตัวตนเค้ายังเป็นคติสอนใจให้บุคคลรุ่นหลังๆ อย่างที่เวลาเราอ่านประวัติศาสตร์ แล้วรู้สึกประทับใจในการกระทำของบรรพบุรุษเรา
ดูเอาแง่คิดน่ะครับ ผมว่าสะท้อนสังคมดีว่าผลลัพท์ของสังคมแบบนี้จะเป็นแบบนี้แน่ๆ
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=mJgAoT4r1IE"]OST. ???????????? ???? ??????????????? - YouTube[/ame]

ถ้าสะท้อนมุมกลับ เมื่อไทยร่วมใจครับ มันก็จะเป็นแบบในสมัยพระนเรศวรอ่ะน่ะครับ น่าจะได้ดูกันแล้วน่ะครับ
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=mVoXzPPWJf4"]????????????????????????????????????????? ?????? "?????????" - YouTube[/ame]

 

เรื่องผิดถูกทางกฎหมายอย่างไรไม่ทราบน่ะครับแค่จะเอามาให้ดูว่าไทยเรามีน้ำมันหรือไม่มีแน่ ข่าวที่ออกในสองช่วงรัฐบาลที่ผ่านมามันตรงกันข้ามเลยคับ
บริษัทขุดเจาะน้ำมันบุกรุกป่าสงวน จ.พิษณุโลก - ข่าวไทยพีบีเอส - Thai P...

 

วันที่ 1 ก.ค น่ะครับ
ขอตั้งโจทย์ว่า จะทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาสมมุติสงฆ์ ที่ทำให้พระศาสนาเสื่อมเสียเพื่อป้องกันให้คนที่บวช บวชด้วยใจเคารพในพระพุทธศาสนาและยินดีที่จะปฎิบัติตามพระธรรมวินัย มีใจทรงอยู่ในจรณะ 15 บารมีสิบ มุ่งเป้าหมายที่สมควรแห่งสมณะ มิใช่เพียงเพื่อหากินจากศรัทธาแห่งประชาชนที่มีใจเคารพในผ้ากาสาวะ ผลคือเมื่อผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเหล่านั้นก็พลอยจะตำนิ ปรามาสพระรัตนไตรไปด้วยและหลายสาเหตุที่เห็นกันในปัจจุบัน ในฐานะที่เราก็คลุกคลีอยู่ในวงการนี้กันหลายๆท่านน่ะจะมีความสามารถในการแก้ปัญหานี้ได้ เชิญช่วยกันออกความเห็นครับ เพราะการที่เราจะนำพาประเทศชาติให้ไปถึงจุดแห่งความเป็นมหารัฐนั้น การสร้างสังคมที่ยึดมั่นในคุณธรรมก็มีความสำคัญมากไม่แพ้กัน และการจะสร้างสังคมที่ยึดมั่นในคุณธรรมนั้นก็จำเป็นที่จะต้องสะสางเรื่องเหล่านี้เพื่อให้หมดข้อครหาในการสร้างความดีครับ