ตามครรลองธุลีดิน(ความตายบนเส้นทางโจรสลัด..ของอดีตนักเลงบ้านนอก)

" ของหลวง ของชาติสมบัติแผ่นดินตกน้ำไม่ไหล
ตกไฟ..ไม่ไหม้ เป็นของแน่แท้จริง"

แม้นใครคิดคดทรยศแผ่นดิน..
หมิ่นบรรพชนผู้รักษาผืนแผ่นดินถิ่นดินดร


ถึงคราวต้องไร้สิ้นบุญวาสนาเดิม..
เพียงพื้นผิวดินเหยียบย่างเดินต้องสะดุ้ง..ใจสั่นระรัว
หวาดกลัวในนรก..อบายภูมิ
ทุกลมหายใจ แม้ยามกลางวัน ถึงค่ำหลับนอน จริงเฮย...


ความกตัญญู...คือเครื่องหมายของผู้เจริญ
หากไร้ซึ่งสำนึกคุณธรรมเหล่านี้แล้ว จะเจริญได้อย่างไร!!!

 

จีนลงข่าว บอกว่าประเทศไทยโชคดีที่สุดในโลก
9 สิ่งที่บอกว่าประเทศไทยโชคดีที่สุดในโลก
ประเทศไทยเป็นประเทศที่โชคดีที่สุดในโลก !!!
เหตุผลที่ประเทศไทย เป็นสยามเมืองยิ้ม มีดังต่อไปนี้

1. ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางครัวโลก ไม่ต้องกลัวอดตาย มีอาหารกินตลอดเวลา และส่งออกไปทั่วโลก

2. ประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก มีป่าไม้ ภูเขา ทะเล ทองคำ จนได้ชื่อว่าดินแดนสุวรรณภูมิ

3.ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในเขตแผ่นดินไหวโดยตรง แนวแผ่นดินไหวอ้อมประเทศไทยทั้งประเทศ ในขณะที่เกือบทั้งโลกอยู่ในเขตแผ่นดินไหวรุนแรง

4. ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในเขตพายุรุนแรง นานๆจะเจอสักครั้ง เพราะพายุไต้ฝุ่นส่วนใหญ่เกิดในทะเลจีนใต้ บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ มาถล่มหนักเวียดนาม ลาว เขมรและอ่อนตัวลง กลายเป็นพายุธรรมดาเมื่อเข้าประเทศไทย

5. ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก ในขณะที่ทุกประเทศในอาเซียนตกเป็นอาณานิคม

6. ประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้พ่ายแพ้ในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2

7. คนทุกชนชาติ และทุกศาสนาในประเทศไทยมีสิทธิ เสรีภาพ มากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก

8. ประเทศไทย มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนัก เพื่อพสกนิกรชาวไทย ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ ทรงมีโครงการในพระราชดำริกว่า 3,000 โครงการ โครงการส่วนพระองค์ส่วนจิตรลดาทรงก่อตั้งมูลนิธิต่างๆมากมาย เช่น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ มูลนิธิพระดาบส มูลนิธิชัยพัฒนา เป็นต้น
ทรงอุปถัมถ์พระศาสนา ภาษาไทย วัฒนธรรม ประเพณี พระราชพิธี งานช่างหลวง การศึกษา การแพทย์ การคมนาคม การอนุรักษ์ดินและน้ำ ทรัพยากรป่าไม้ ป่าชายเลน เกษตรทฤษฎีใหม่ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ

9. พระพุทธศาสนา เจริญที่สุดในโลกในประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกและทรงเป็นพุทธมามกะ


====
ได้เกิดเป็นคนไทยอยู่แผ่นดินไทย... ช่างน่าภูมิใจนักหนา

 

คนในประเทศไทยโชคดีจริงๆครับ ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร

บางที่เรื่องยุ้งๆ ที่กำลังแสดงให้เราเห็น อาจเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้

เพื่อเชื่อมั่น ในสิ่งที่บรรพชน ได้ รักษาไว้ให้เรา

บางที่ คำตอบอาจจะอยู่ในสายเลือดของคนไทยก็ได้ ว่าเราจะเชื่อมั่นในตัวของเรา

หรือเราจะ แสวงหาสิ่งใหม่ ที่ยังไม่ได้พิสูจน์ อะไรเลย ว่าจะยั้งยืนเหมือนที่ผ่านมา

 

เงียบสงบกันแท้จริงหนอ รอเรื่องราวที่จะมาเล่าให้ฟังอีก นะครับ

 

ส่งไปให้แล้วนะครับ...เจ้าสัวจิ๋ว+ปิดตามหาลาภ สูตรเนื้อเดียวกันเมื่อ 3 วันก่อน
ไม่ทราบได้รับหรือยัง?

ช่วงนี้ ลมแรงหรือเกิน...ทั้งบ้านเมืองและส่วนตัว
สักวันที่ฟ้าเปิด...จะเตลิดหายจ้อย.....
ชาตินี้... ขอเอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า

เรื่องมาก..ก็มากเรื่อง วุ่นวายไม่จบไม่สิ้น

=========

เรื่องเล่ามันต้องให้ได้ฟิลลิ่ง...ไม่งั้นเสียของ
นี่ก็เว้นมาน๊านนาน...หลายเดือนมากจนน่าเบื่อ
=====
ต้องขออภัย ช่วงนี้ลมมันแรง
ให้ภาระกิจส่วนตัว..โปร่งๆใสๆก่อนแล้วจะหวนมาใหม่

 

ขอบพระคุณมากครับผม ได้รับแล้วครับช่วงเกือบๆบ่ายวันที่ 16-06-2557 เป็นวันหวยออกพอดีครับ อิอิ แล้วก็อีกที่นึงครับผมลงชื่อขอหนังสือบทสวดมนต์อภิมหาพุทธานุภาพ ไว้หนึ่งเล่มครับมาพร้อมๆกันในวันเดียวกันเลยครับ ผมอาราธนาพระขึ้นหิ้งแล้วครับขนลุกแบบเดียวกันกับ ที่เวลาผมสวดมนต์เสร็จแล้ว ตั้งจิตรอฐิฐานส่งบุญให้แบบเดียวกันเลยครับ ขอบพระคุณครับ

 

แง ๆ :'( อยากได้บ้างค่ะ

ท่านเจ้าบ้าน ไม่สนใจคิดอยากส่งพระเนื้อผงแร่เหล็กไหลรุ่นเจ้าสัวพิมพ์จิ๋ว +ปิดตามหาลาภ+.......
มาให้ลูกบ้านทางนี้ไว้บูชา บ้างหรือคะ


สนใจไหมคะ โปรโมชั่นก่อนเข้าพรรษานี้ ดีไหมคะ

 

บุกบ้านท่านเจ้าบ้านเลยดีมั๊ยค๊า คุณภิศรณ์
ได้แน่นอน คริคริ ^^

 

....กระทู้เราเองเงียบมานาน

เพราะเจ้าของกระทู้อู้...ซะเหลือเกิน

วันนี้แค่มาเล่าความฝัน..ว่าฝันถึง พระเจ้าอยู่หัว องค์ในหลวงของเรา "องค์พระภูมิพลของแผ่นดิน"

ในฝันพระองค์ท่าน ยังทรงพระสุขภาพพลานามัยแข็งแรง ยิ้มพระสรวลแจ่มใส แข็งแรงเหมือนคนวัยกลางคน

เพียงช่วงนั้นท่านทรงห่วงการก่อสร้างทางต่างระดับ...

ก็เลยออกตรวจเยี่ยมสารทุกข์สุขดิบปวงประชา โดยไม่มีใครทราบ ..แต่โดยรวมพระองค์ท่านก็ทรงพอพระทัย


แค่ได้ฝันถึงพระองค์ท่าน ในวันอาทิตย์..ได้แค่นั้นก็สุดแสนปลื้มปิติเหลือคณานัก ตื่นขึ้นมาเหมือนน้ำตาไหลคลอเพราะความชื่นมื่นในหัวใจ

ขอเทอดไท้องค์พระราชา ..ยิ่งชีพ

ขอถวายพระพร...ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ

 

สงสัย คงต้อง ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า ค่ะคุณแตน

เพราะครั้งก่อนเห็นคุยกันเรื่องรูป ยังจะปิดกระทู้ ขืนบุกบ้าน มีหวังปิดบ้านแน่

งั้นอย่าไปยุ่งดีกว่าเน๊อะ ยังพอจะได้อ่านเรื่องราวต่าง ๆ อิอิ

 

*******************************************
ขอยืนและยันว่ายังไม่แก่ค่ะ ๑๐๐%chearr

 

อยากได้ปิดตามหาลาภจัง (ยังไม่มี) อิอิ

พระที่ท่านเคยให้ (เจ้าสัวจิ๋ว) เอาห้อยนอนทุกคืน ห้อยแล้วเหมือนได้ชาร์จพลังนตัวยังไงยังงั้นเลย ตื่นเช้าแบบสดชื่นทุกวัน นอนวันละสี่ชั่วโมง เหมือนหลับมาแล้วทั้งวัน ฮ่าๆ !!! เยี่ยมมากๆ..ขอบอก!!!

 

ก็คิดว่าตัวเองไม่แก่เช่นกันครับ....
แค่งงๆว่า น้องๆบางคนที่ทำงานเรียกเราว่า " พี่ๆ "
พอเจอกับบิดาของน้องคนนั้น..ก็ดันเรียกเราว่า " พี่" อีกทำไม


แต่มีอยู่บางอารมณ์เวลาซื้อของ มีสาวน้อยช่วยพ่อแม่ที่ร้านค้า.. หน้าตาน่ารัก ดันเรียกเราว่า "ลุง"

ทำไม?..แค่รู้สึกไม่อยากไปซื้อของร้านนั้นอีกเลย..

เซ็งๆ..ก็แค่นั้น แปลก!!

 

ผมเองก็อยากได้เหมือนกัน เพราะได้รับมาไม่กี่สิบองค์...ตอนนี้ก็แทบไม่เหลือแล้ว

เล่าบางเรื่องหากมีปัญหา..ถ้าไม่ถึงขั้นโดนไสยศาสตร์ชีวิตเฉียดตาย ..ที่พอช่วยได้ ก็อย่าเพิ่งกลืนพระองค์ที่ได้รับไป..เข้าท้องนะครับ..

เห็นเคยมีบางคนมีประสบการณ์รอดตาย..เพราะกลืนพระลงท้อง แปลกตรงที่พอพระอยู่ในปาก..กับอ่อนนิ่ม เหมือนกลืนช็อกโกเล็ตลงท้อง
...แต่เธอเองก็ซัดลงท้องแต่ละช่วงเวลา รวมๆแล้วเฉียดร้อยองค์

...เรื่องราวมันมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา

ไม่จำเป็นขั้นอุกฤษ..อย่าเสี่ยง

 

เรียกลุงน่าเกลียดไปครับบอกให้เปลี่ยนคำเรียกใหม่ว่าป๋า...
หรือจะให้ดีต้องเรียกว่า ป๋าขา..า...า
จะดีมิใช่น้อย
.....
ป๋าขา...า...า...
ผีถุงก๊วยเตี๋ยวครับ...อย่าลืมๆๆๆ...
จะได้ต่อด้วยผีถุงเท้าซะหน่อย...

 

ไม่ลืมครับแต่ว่าไม่ค่อยมีเวลาจริงๆ..

ผมนี่ก็จ้องลางานเพื่อพักผ่อน ยื่นการลามาครั้ง2แล้ว..ไม่เคยสำเร็จ
สุดท้ายก็ต้องทำงานต่อ...กรรมของเวร
เพราะตัวเองมันโง่หรือจัดการบริหารตัวล้มเหลวรึเปล่า..

ทั้งที่ก็รู้ว่า..งานและงาน...มันไม่มีวันหมดไปจากโลกไปได้

..ทำกี่ภพชาติ ก็ไม่มีวันจบหมดสิ้น แล้วยังจะดักดานหลงวนเวียนสิ่งโง่อยู่นั่นแหละ
....

บ่นไปเรื่อย

ไม่ลืม..ผีถุงก๋วยเตี๋ยว...
รับรองไม่ใช่แบบมุกคณะตลกเล่นๆกันแน่

" ถ้ามึงไม่อยากตาย..เอาถุงก๋วยเตี๋ยวออกจากหลังกูเดี๋ยวนี้..!!!"
แบบนี้ไม่ช่ายย มันอ่อนไป

แล้วก็มีเรือง" ผีถุงซิป" และตามด้วย ===>>> " ผีผ้าถุง "

เรื่องเล่าประสบการณ์ของคนบ้าๆ...
ที่คาดว่าคงมีเหตุผลว่า.....ผีมันมาทำอย่างนี้ทำไม?

 

สวัสดีครับคุณ toplus99 ผมไม่ได้เข้ามาเป็นเดือนเลย เพราะมัวแต่เดินทางไปจังหวัดอื่น แล้วจะไปเข้าถ้ำเมื่อไหร่อ่ะครับ

 

ตอน.. ขนลุกซู่ 2 มหา'ลัยในวัง "สวนดุสิต-สวนสุนันทา"


สวัสดีครับ เรื่องลี้ลับในสถาบันมาแล้วครับ สัปดาห์นี้จะพาไปหลอนที่ 2 มหาวิทยาลัยคู่ขวัญ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่วังเก่าทั้งคู่ อย่างมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา พื้นที่ภายใน 2 สถาบันนี้ รายล้อมไปด้วยพระตำหนักน้อยใหญ่ สร้างบรรยากาศความขลังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางคืน ความขลัง+ความเงียบ+ความมืด ทำให้ไม่ค่อยมีนักศึกษาคนไหนกล้าอยู่เกิน 2 ทุ่มเลย ว่าแล้วพื้นที่แห่งนี้ มีมุมไหนที่ขึ้นชื่อเรื่องลี้ลับกันบ้าง ไปดูกันครับ

ขนลุกซู่ 2 มหา'ลัยในวัง "สวนดุสิต-สวนสุนันทา"


มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา


ห้องสมุดเก่าที่ทุบไปแล้ว (ปัจจุบันสร้างเป็นตึกอธิการบดี) รู้หรือไม่ว่าสมัยก่อนช่วงที่จะปิดไป มีชมรม MMA-Mix Martial Arts เข้าไปใช้สถานที่ฝึกกันจนถึงกลางค่ำกลางคืน เผอิญนักศึกษาคนหนึ่งที่อยู่ในชมรมเป็นพวกเล่นของ ก็เล่าให้ฟังว่า ตอนกลับบ้านเห็นมีคนมาส่งเต็มไปหมดทั้งหน้าต่างและประตู!! ทุกคนแต่งชุดไทยแล้วจ้องมอง

บริเวณใต้ตึก 56 เดิมเคยเป็นโรงเลี้ยงเด็ก อาจารย์ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยู่ทำงานดึกๆ เท่าไหร่นักถ้าไม่จำเป็น เพราะจะถูกพวก "เจ้าจุก" มาเล่นซนอยู่เสมอตอนช่วงกลางคืน ไม่เชื่อไปที่ห้องพักอาจารย์ สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจที่ปัจจุบันมียันแปะอยู่ด้วย และหากสังเกตดีๆ อาจารย์เอกนี้จะมีตุ๊กตาคนละตัวว่างไว้บนโต๊ะ (ให้ใครเล่น....คิดเอา)

หรือไม่ว่า... ชั้นใต้ดินของเอก ID นะสุดยอดมาก ขั้นชื่อเรื่องชวนขนหัวลุกมากที่สุด มีหลายคนเล่าเหมือนกันว่าช่วงเวลาดึกๆ มักจะได้ยินเสียงคนลากตรวนอยู่บ่อยๆ (ที่ขังทาส นักโทษ) จนว่ากันว่า มีนักศึกษาอยู่คนนึง เป็นคนมีสัมผัสซิกเซ้นส์ มาเรียนได้ไม่ถึงเทอมก็ลาออก เขาเล่าให้ฟังว่า "อยู่ไม่ได้เลย เพราะสวนสุนันทามีผีในวังเยอะมาก"

ว่ากันว่าตึกที่เก่าสุดของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ก่อสร้างตั้งแต่สมัย ร.5 นักศึกษามักเรียกกันว่า "ตึกเหลือง" สมัยก่อนเป็นที่ประทับของเชื่อพระวงศ์ในวัง ปัจจุบันตึกนี้ได้เปิดให้ใช้บริการนวดแผนโบราณให้แก่คนนอกได้ด้วย (ปล.ชั้นบนสุดมีเรื่องราวลี้ลับเกี่ยวกับสวนสุนันทาสมัยก่อน มีรูปภาพ และ โมเดลแผนที่ ในสมัยที่ยังเป็นวังเก่า)

เด็กสวนสุนันทาจะรู้ดีว่า สถาบันแห่งนี้ต้นไม้ค่อนข้างเยอะ บางมุมถึงขึ้นปกคลุมทางเดินเลยก็มี เคยมีเรื่องเล่ามาว่า มีเด็กมหาวิทยาลัยรั้วติดกันอย่าง "มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต" เดินเข้ามาในสวนสุนันทาตอนประมาณ 2 ทุ่มเพื่อลัดไปออกประตูเทเวศน์ ระหว่างทางได้เห็นขาคนห้อยลงมาต้นไม้ด้านบน พอมองขึ้นไปก็เห็นเป็น "ผู้หญิงสวมสะไบสีชมพู" นั่งจ้องลงมาจากบนต้นไม้!! และอีกเรื่องหนึ่งที่รุ่นพี่ๆ ของสถาบันแห่งนี้เล่ากันปากต่อปากจากรุ่นสู่รุ่นนั้นก็คือ หากใครอยากสัมผัสเรื่องลี้ลับในสถาบันของสวนสุนันทา ให้ก้มลงมองใต้หว่างขา แล้วคุณจะเห็นเอง (มีใครเคยลองไหมเอ่ยย)


ขนลุกซู่ 2 มหา'ลัยในวัง "สวนดุสิต-สวนสุนันทา"

มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต


ตึกแรกเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยมา จะเห็นทันทีนั้นคือ... "อาคาร 1 ตึกคณะศิลปกรรม (เดิม) ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของคณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ลักษณะของตึกเป็นอาคารไม้ตามแบบฉบับวังเก่า 2 ชั้น และเป็นที่กล่าวขวัญถึงไม่น้อย เพราะเล่ากันว่าอดีตเป็นหอสำหรับเล่นดนตรีไทยของชาววัง เล่าต่อกันว่ากลางค่ำกลางคืนใครเดินผ่านไปมามักจะได้ยินเสียงดนตรีไทยลอยมา ทั้งๆ ที่บนตึกมืด และไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว

เดินถัดไปอีกนิดก็จะถึงตึกเรียนรวม อาคาร 11 ซึ่งนักศึกษาแทบทุกคนจะต้องมีโอกาสได้แวะเวียนไปเรียน ที่นั่นมีเรื่องเล่าจากศิษย์เก่าให้ฟังว่า ตึกนี้ขณะที่ก่อสร้างมีคนงานตกลงมาเสียชีวิต ทำให้การก่อสร้างหยุดชะงัก ถึงขั้นต้องจ้างบริษัทก่อสร้างใหม่เข้ามาทำงานต่อ แต่เมื่ อทำถึงชั้น 5 ต้องเปลี่ยนบริษัทกันใหม่อยู่หลายบริษัทจึงจะสร้างเสร็จ หากสังเกตดีๆ จะพบว่า ตั้งแต่บันไดชั้น 5 ขึ้นไป ความกว้างของขั้นบันไดจะแคบลงเรื่อยๆ และทางขึ้นจะชันมาก ซึ่งมีเพียงเจ้าหน้าที่เก่าแก่เท่านั้นที่รู้เหตุผล

อีกมุมหนึ่งใจกลางมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เป็นพระตำหนักเก่า ปัจจุบันใช้เป็นที่ตั้งของสำนักโพลชื่อดัง "สวนดุสิตโพล" เป็นเรือนไม้ชั้นเดียว สีเขียวอ่อน แต่หากสังเกตดีๆ ที่ด้านข้างของตึกทั้ง 4 ทิศ จะมีลูกกรงเหล็กอยู่ มีเรื่องเล่าลือต่อๆ กันมาว่า อาคารนี้เคยใช้เป็นคุกเก่าสำหรับขังนักโทษ และว่ากันว่าหากใครคิด หรือทำอะไรผิด มาเดินผ่านแถวนี้จะเห็นหรือได้ยินเสียงแปลกๆ ไม่เชื่อลองไปถามนักศึกษาคณะวิทยาศาสตรฯ ได้ส่วนใหญ่มักจะยินเสียงโซ่ตรวนจากตึกนี้เป็นประจำ

อีกบริเวณที่เด็กสวนดุสิตเจอกันบ่อยๆ นั้นคือ บริเวณหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย ซึ่งแต่เดิมเป็นหอประชุม 1 ชั้นก่อนในปัจจุบันจะทุบ และสร้างใหม่เป็น "อาคารรักตะกนิษฐ" เคยมีนักศึกษาคณะมนุษยศาสตรฯ เล่าว่าสมัยที่ยังเป็นหอประชุมชั่นเดียว เคยเดินผ่านบริเวณหอประชุมนี้ตอนกลางคืน แล้วได้ยินเสียงคนเรียกมากจากด้านบน จึงเงยหน้ามองขึ้นไป ได้เห็นเป็น "ผู้หญิงชุดไทยตัวใหญ่ยืนชะโงกหัวลงมา" ทำเอานักศึกษารายนั้นต้องหยุดเรียนไปหลายวัน

หากใครที่เคยเดินไปแถวคณะครุศาสตร์ สวนดุสิต ก็คงจะคุ้นตากับพระตำหนักเก่าหลังหนึ่ง ที่ปัจจุบันนี้ถูกใช้เป็นสำนักศิลปะและวัฒนธรรม ประวัติของอาคารหลังนี้ ถูกเล่ามาว่าเป็นตำหนักใหญ่อันดับต้นๆ ของวังแห่งนี้ ในอดีตเคยมีเรื่องเล่าว่า ชั้นบนสุดทางมหาวิทยาลัยปรับปรุงให้เป็นห้องประวัติศาสตร์ ซึ่งก็จะเต็มไปด้วยรูปเจ้าจอม พระองค์ต่างๆ ที่เคยประทับในวังแห่งนี้เต็มไปหมด ส่วนใหญ่เป็นรูปขาวดำ ใครได้ขึ้นไปจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่น่าชวนขนหัวลุก และก็มีนักศึกษาอยู่กลุ่มนึงเคยขึ้นไปตอนช่วงหัวค่ำ และหาทางลงไม่เจอ!! วนแล้ว วนอีก ก็ไม่มีทางลง จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ขึ้นไปเจอในสภาพต่างคนกอดคอกันร้องไห้ และตึกแห่งนี้ยังเป็นอีกตึกที่เปลี่ยนผู้รับเหมาปรับปรุงบ่อยมาก จะด้วยเหตุผลอะไรน่าจะเดากันไม่ยาก

เรื่องสุดท้ายขอยกให้กับความสยองขวัญใน "สระมรกต" ซึ่งสระนี้เป็นคลองโบราณสายเล็กๆ ที่ไหลจากพระที่นั่งวิมานเมฆ ผ่าน มรภ.สวนดุสิต ผ่าน มรภ.สวนสุนันทา และไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาที่ท่าวาสุกรี โดยสระมรกตแห่งนี้นักศึกษาหลายคนเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนดึกๆ อย่าก้มลงไปมองเด็ดขาด โดยบริเวณสระมรกตที่จะมีสะพานข้าม มีคนเคยเห็นผู้ชายโบราณไม่สวมเสื้อ นุ่งผ้าหยักรั้งพายเรือลอดจากสระฝั่งซ้าย แล้วหายไปใต้สะพาน ??

ขนลุกซู่ 2 มหา'ลัยในวัง "สวนดุสิต-สวนสุนันทา" | Dek-D.com


ลาเต้ลิขิต : ส่งเรื่องลี้ลับในสถาบันของคุณมาได้ที่ latae@dek-d.com

 

นั่นโดนปาดหน้า..ด้วยผีในมหาวิทยาลัยไปซะงั้น!!

ขอบอกครับ ขอบอก

"ผีถุงก๋วยเตี๋ยว "ของ toplus99

นี่มันออกแนว ทุรกันดารโลโซ ฉีกมุมไปเลยนะ..เจ้าข้าเอ๋ย

 

โอ๊ย....มุมขาดไปมุมนึงแล้วครับท่าน...โดนฉีก...
แต่หน้างี้เรียบเชียว โดนปาดซะเรียบ..บ...
ถ้าจะโลโซจริงๆต้องผีก๊วยเตี๋ยวกระทงใบตองสิครับ ใส่ถุงได้นี่มันไม่โลโซซะแล้ว
เอากระทงจากกล้วยตานีด้วยนะใบกล้วยตานีเหนียวดี เผลอๆยังมีแอบเฮี้ยนได้อีกด้วย

นี่กว่าป๋าจะเล่าได้เนี่ย ผมว่าผีคงไปเกิดใหม่หลายรอบแล้วนะครับ