ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

โอ้ ขอบคุณ คุณอจิตตะกับ WAWANA ด้วยครับที่ขุดประเด็นขึ้นมาแปะให้อ่านในสิ่งที่ผมข้ามไปในบางครั้งตอนนี้เข้าใจแล้วครับทั้งความจำและสายตาตรงจนน่าแปลกใจนิดหน่อยเพราะมันชินจนไม่เหลือความตื่นเต้นอะไรแล้วฮ่าๆ

 

เอิ่มมมม อย่าเพิ่งว่ากันเน้ออ fc พี่ชยุต(เราก็ fc ด้วยแหละ)
เราได้อ่านโพสของคุณแองกรี่แล้วทำไมเราไม่รู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดใดๆ เลย ซึ่งเราก็เป็น ญ. คนหนึ่งนะ แต่มันมองต่างมุมน่ะ มองกลับด้านกันเลย รู้สึกขำๆ ด้วยซ้ำไป

 

มีข้อความใหม่มาให้อ่านครับ

http://palungjit.org/posts/9022463

........................

 

ขอโทดทุกท่านด้วย ผมห้ามใจไม่ไหว กั้นไม่อยู่แล้ว ขอปล่อยนะ _/\_

ที่นี่เหมือนเป็นโรงทาน ยี่ห้อต่างมิติ
เค้าติดป้ายไว้ว่าโปรดใช้วิจรณญาณในการรับประทาน ไม่ใด้ติดป้ายว่าใครอ่านต้องทาน
ที่นี่ไม่มีรั่ว ไม่มีหลังคา และไม่มี อ.ย มีแค่อาหาร ทำแจกให้ฟรีๆ สำหรับทุกคนที่ต้องการ
และผมก็มาทานที่นี่เป็นประจำ ถึงแม้ว่าทานแล้วอาจไม่ทำให้ผมทะลุมิติ
แต่อาหารที่นี่ก็ทำให้ผมอยู่รอดใด้ในมิติที่ผมอยู่

กินมาเกือบปีแล้ว มองย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผู้มาเยือน ทั้งเทพ ทั้งเด็กวัด ทั้งวิศว นักวิทยาศาสตร์ นักปฏิบัต
ผมเห็นการเดินเข้ามา และการทำสิ่งต่างๆ กับโรงทานที่ให้ผมทาน ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเค้าเข้ามาทาน หรืออะไร
แต่ที่แน่ๆ ผมเห็นเค้ามาพูด มาขีดขียน จานชาม โต๊ะเก้าอี้ ร่ายกาพ ร่ายกลอน เล่านิทาน ชาดกตลกๆ
เค้าว่า "รู้ใด้ไงว่าอาหารไม่มียาพิษ" "ทฤษฎีสร้างบ้านมันเป็นงี้ๆ" "หลวงพ่อไม่ใด้บอกให้ทำแบบนี้นะ"
"ต้องใช้ปัญญาชานะ" "ต้องใส่ปลอกคอนะ" บลา บลา บลา ล า

สมองผมมันบอกกับผมว่า
ทุกคนหวังดี จนคนที่มาทานในโรงทาน ignore กันเป็นแถบ
หัวใจที่อาจสกปรกของผมมันบอกผมว่า
พวกผู้ทรงคุณวิฒทั้งหลาย แลกๆ มามันก็เป็นหวังดีหรอก แต่ในเมื่อ กูไม่อยากใด้ มันก็ยังยัดอยู่นั่นแหละ
มันหวังดีหรือมันอยากให้กูเชื่ออย่างมัน ตกลงมันรู้จริงหรอ มันแน่หรอ ถึงมาวิจารณ์อาหารฟรีไม่คิดตัง
เค้าทำให้แดกฟรี แดกก็ใด้ไม่แดกก็ใด้ อย่ามากรี๊ดๆๆๆ เสียบรรยากาศ
แสดงตัวไม่สำเร็จใช่ไหม เปิดร้านแล้วไม่ดัง ทำอาหารไม่อร่อย ขายแพง ทำไม่เป็นหรอ ถึงต้องมาเป็นปรสิต เกาะโรงทานที่นี่
มาเก็บความภูมิใจสะใจ อยากให้คนเชื่อหรอ อุ้ยเปล่านะ แค่มาพูดลอยๆ ในที่ที่คนไม่ต้องการ แบบสัจธรรมวางยาขั้นเทพ
แหมประเสริดตะเหลิดเลย หรอกตัวเองไปเหอะ

แค่อยากมากินข้าวฟรีของโรงทานต่างมิติ และซึมทรับบรรยากาศดีๆ นอกนั้น อะไรที่ใด้คนอื่นที่ให้ จนเกินไปผมดันสำรอกมันหมด
ถ้าอาหารมียาพิษ ถ้าโครงสร้างโรงทาน ไม่ใด้มาตราฐาน ถ้าสิ่งต่างๆ มันเป็นอีกด้านกับที่ผมเห็นแล้วท่านเห็นอยู่
ก็ขอให้ผมใด้ กินมันให้เต็มกระเพราะ สูดมันให้เต็มปอด และถ้ามันแย่จริง ยังไงมันก็ต้องสำรอกออกมา
ให้ผมใด้โง่พอที่จะทำในสิ่งที่รู้สึกเถอะ เพราะถ้าสัจธรรมมันมีอยู่ โง่ก็จะฉลาด เมื่อรู้ว่าโง่ ฉลาดก็จะโง่เมื่อรู้ว่าฉลาด ถ้าเป็นงั้น ท่านผู้มาเยือนโรงทานก็ ชั่งหัวแม้งผมเถอะ
ผมจะไม่รู้เลยถ้าผมไม่ใด้ทำมัน แต่ถึงมึงจะไม่ให้กูก็จะทำนะ ลูกผู้ชายทำแล้วก็ยอมรับ ดีว่าเป็นชายใส่กระโปรง ไม่กล้าผิด ไม่กล้าทำ นอนหนีบ บีบคำไข่ แอบด่าแอบเหน็บ

ท่านผู้มาเยือนโรงทานอาจจะหวังดีจริงๆ แต่ตั่งสติอ่านป้ายหน่อยนะ อยากจะขอบคุณนะ แต่ใจที่อาจสกปรกของผมมันก็บอกว่า กูอยากจะเอาขี้ปาหน้ามึงจริงๆ
เหมือนจะร่ายสัจธรมม แต่ก็ไม่รู้อะไรเลยที่มึงพูด อ้ออ บางทีกูอาจจิตใจสกปรกจนเกินที่จะมองเห็น สิ่งใสๆ โลกสวยๆ จากผู้มาเยือนโรงทาน
มึงไม่ต้องร่ายสัจธรรมหรอก แค่ตั่งสติอ่านป้าย "ข้อความต่างมิติ โปรดใช้วิจรณญาณ"บางทีมึงอาจจะเลิกขี้ใส่เยี้ยวใส่ โรงทานใด้ และแสดงความบริสุธิใจด้วยการปล่อยให้ ทุกคนใช้ชีวิตของตัวเอง
ไม่ผิดหรอก เข้าผับสวดมนต์
ไม่ผิดหรอกเข้าร้านอาหารอิสรามแล้วถามหาหมู
ไม่ผิดหรอกไปกินโต๊ะแชร์แต่ไม่เอาตังไปแชร์
ไม่ผิดหรอกไปเชงกิล่า ใส่รองเท้าแตะ
ไม่ผิดหรอกที่พูดเยอะแย่แต่ฟังไม่รู้เรื่อง แต่มากครั้งเข้ามันน่ารำคาญ
คนแบบนี้แถวบ้านเค้าจับใส่กระโปรงไปละ เค้าไม่สนหรอก รู้สัจธรรมหรือไม่ ใจสูงใจต่ำ เค้ารู้แค่มันกรี๊ตไปทั่ว น่ารำคาญ

และต้องขอโทษเจ้าของโรงทานและผู้ร่วมก่อตั่งอีกทั้งสมาชิกในนี้ ที่ผมพ่นขี้ออกมา แต่เจตนาผมแค่ไล่หมาไล่นกที่มันมีฉี่มาขี้ใส่ โรงทาน ที่ผมทานประจำ

 

เข้าใจความรู้สึกครับ และก็ขอรับประกันได้เลยว่าเข้าใจอย่างมากด้วย
เพราะว่าโดนอยู่ประจำ ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ แต่แค่พยายามอดทนไว้เฉยๆ

มนุษย์เราก็งี้หละครับ ร้อยพ่อพันแม่ ต่างระดับ ต่างภูมิหลังกัน
ทำเท่าที่เราพอจะทำได้ ทำต่อไป ตราบใดที่เราเห็นว่าเหมาะว่าควรอยู่

-----------------------------

 

-----โหหห ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่เลยนะนี่...ลาว่าไหลยกระชู๊ดเลย..คนที่มากินอาหารในโรงทานแห่งนี้หลบกันเป็นแถว บังใต้โขดหินบ้าง..ต้นไม้บ้าง หลบหลีกภัยตามสัญชาติญานของสัตว์โลก..และรอดูว่าเมื่อไหร่ภูเขาจะสงบลง..นี่แหละเป็นผลของการกินอาหารไม่เลือก ใครเสิรฟอะไรมารับประทานหมดไม่เลือก..ผลคือมันสำรอกออกมาเป็นพลังงาน..ภูเขาไฟประทุ...เพราะพลังงานสะสม...โรงทานแห่งนี้ลืมติดป้าย..ห้ามพูดคุยกัน..ธรรมชาติของคนนั้นย่อมชอบพูดคุยในสิ่งที่ตัวเองพบเจอมา..และพูดคุยกันตามมุมมองของตนว่าดีๆ..เพราะคนนั้นไม่ใช่ต้นไม้ต้นหญ้าที่รดน้ำอะไรๆก็ได้โดยไม่บ่นไม่แสดงความคิดเห็น...นี่แหละคือสีสันของความเป็นมนุบย์ละ..และข้อความต่างมิตินั้นถูกสรา้งสรรขึ้นเพื่อให้มนุบย์ได้กิน..เมื่อมนุบย์คือผู้กิน..รสชาติและความเห็นจึงแปลไปตามรสแห่งความชอบของตนๆ..เหมือนกับ..คำที่เราเรียกว่า.รส..เหมือนกับตอนเรากินอาหาร..พอเราตักอาหารเข้าปาก..โอเค..ท่านผุ้รู้ถามเราว่า..อาหารที่อยู่ในปากเธอเราเรียกว่าอะไร...ผู้ไม่รู้บอกว่า..มันเค็ม..มันมัน..มันหวาน..มันเปี้ยว..มันอร่อย่ บลาๆ...ผู้รู้บอกว่า..มันเป็น.รส...มันจะเป็นรสอะไรก็แล้วแต่ที่มนุบย์แยกแยะ..แต่ท่านผู้รู้บอกว่ามันมันคือ..รส..เป็นเพียงหนึ่งเดียว..ถ้าเปลี่ยนเป็นรสแซ่บเมื่อไหร่..สามจานก็ไม่พอ..เป็นรสขม ก็ไม่อยากกิน..เป็นรสหวาน ก็ชอบ...นั่นไงงัย..พระพุทธเจ้า..ถึงบอกนักบอกหนาว่า..มันก็แค่..รูป..รส..กลิ่น..เสียง..สัมผัส..+และความเป็น..อิสระนั้น..คือ เธอไปได้ทุกๆ..มิติ..แต่ไม่ติดอยู่..เธอตอ้งปล่อยให้มันเป็นไปจริงๆตามสิ่ง่นั้นๆ..ไม่ติดอยู่เพราะที่นั้น.คำพูดนั้นถูกใจเธอ..หรือติดอยู่เพราะไม่ถูกใจเธอ..นั่นไง..เสียงก็จักว่าเสียง..จึงเป็นคำสอน..เพื่อไม่ภูเขาไฟประทุ..เพราะเมือ่มันก็หลบตามสัญชาติญาน...ของสิ่งมีชีวิตที่มีอัตตา..ตัวตน..:d(kiss)

 

ไหนว่าโลกหน้ามีจริง ไหนว่ากฎแห่งกรรมมีจริง แล้วทำไมไม่สู้กับความจริงที่มีอยู่ในโลกกันละ เมื่อคนที่รู้ธรรมแล้วแต่ผู้อื่นยังไม่รู้ ผู้รู้ธรรมกำลังทำหน้าที่ของตนอยู่ ก็คือโพธิสัตว์ในภาคพื้นมนุษย์ สามารถแปลสาส์นอันเป็นที่มาของคำสอนที่สามารถสื่อกับทุกศาสดาที่มาทำงานเพื่อชาวโลกในปัจจุบัน และยังคงต้องมีผู้แปลสาส์นอีกหลายสำนัก เพื่อย้ำเตือนให้มนุษย์ตื่นรู้ และเร่งสร้างบุญสร้างกุศลเพื่อให้ทันการณ์ เพื่อประโยชน์แก่สาธารณชนผู้ใฝ่บุญใฝ่กุศลจงรีบเร่งทำหน้าที่ของตนอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยเถิด

24.5.57

 

ใช่ๆ เห็นด้วย พื้นโลกเลอะเทอะไปหมดเลย ว้า...แล้วใครจะช่วยธรรมชาติชำระล้างกันน๊า
แต่ก็นะ เมื่อความกดถูกดัน ความมันก็ระเบิด (ไม่รู้จำมาจากหนังไทยสมัยไหน)

...ทอดมันด์ ฟรอยด์...
คิดว่าเค้ามีปัญหาอื่นรุมเร้าอยู่น่ะครับ อาจจะเป็นปัญหาความสัมพันธ์ เรื่องการเงิน การงานก็วุ่นวาย
โดยเฉพาะการปฏิวัติ อาจทำให้แผนงานของเค้าวุ่นไปหมด ความเครียดสะสมครับ
พอดีมีใครไม่รู้ จับอะไรไม่รู้ ยัดใส่เซลล์สมองเข้าไปอีก มันเลยต้องเป็นเช่นนี้แหละครับ
ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับ เดี๋ยวก็หาย ตอนนี้ก็คงคิดหนัก ว่าทำอะไรลงไปได้ไง ปวดหัวตึ้บเลย ขอบอก 555


...ข้อความจากติ๊ต่างมิติ...
ยาแก้แพ้นะครับ จากติ๊ต่างมิติ

ความรักสูงสุด โดยไม่มีเงื่อนไข
ให้คุ้ยกระทู้หา แล้วอ่านเน้นเฉพาะประเด็นนี้ หลายวัน วันละหลายเวลา
และให้นำข้อความบางท่อนที่โดน ไปแปะไว้ในมือถือ จะได้เห็นบ่อยๆ ครับ


ปล.ขออภัยผู้โดนพาดพิงด้วยนะครับ ที่ถือวิสาสะ ตีซี๊มาแนะนำ
เราโดนบังคับให้ทำนะครับ โปรดเข้าใจและอย่าถือสานะครับ พลี๊ส


กระต่ายป่า ข้างวัด / ลูกนาฬิเกร์
.

 

ใช่ใช่ เห็นด้วย โพธิสัตว์ในภาคพื้นมนุษย์ อยู่ไหน ทราบแล้วเปลี่ยน ทำงานให้แข็งขันหน่อยดิ
รู้ธรรมแจ๋วๆ แล้วก็ต้องมาโพทนาบอกต่อด้วย อย่าเก็บงำไว้ เดี๋ยวมันเสื่อมคุณภาพหมดหรอก

ถึงจะเป็นธรรมที่แปลกประหลาดพิศดาร ก็คงมีคนรับได้บ้างแหละครับ
ก็ตั้งสองพันหกร้อยปีแล้วนี่หน่า เนอะ อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว
แม้แก่นในจะยังใช้ชิ้นส่วนเดิมๆ ที่ดีที่สุดแล้วได้อยู่ แต่คงต้องประยุกต์เยอะแยะ

แต่ว่านะ แล้วเค้าจะสู้กับความจริงได้ยังไงล่ะครับ ความจริงก็คล้ายกับสัจธรรมนะ
คงต้องทำอย่างอื่นล่ะมั้ง นะ ไม่น่าจะใช่การสู้กันหรอกครับ
หรือว่าความจริง ที่จริงแล้วไม่จริง จริงครึ่งเดียว หรือจริงเทียม แบบนั้นหรือเปล่าครับท่าน ที่ให้สู้ด้วย

แต่ว่านะ จะมีหรือครับ ที่จะมีใครคนนั้น คนที่สามารถจะติดต่อสื่อสารกับศาสดาได้ทุกสำนัก
เค้าต้องมีคุณสมบัติยังไงบ้างน๊า ถึงจะสามารถก้าวข้ามเส้นแบ่งแห่งมิติเหล่านั้นได้ทั้งหมด อยากรู้จัง

จะสร้างบุญกุศลให้มากพอที่จะเปลี่ยนสถานการณ์อันเลวร้าย ให้กลับกลายเป็นดีได้
คงไม่ใช่การทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ล่ะมังครับ คงต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ตระการตา
ที่จะสามารถสร้างกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ออกมาได้ ต้องใช้กำลังคนและแผนงานอันมโหฬารแน่เลย

แล้วเค้าคนนั้นไปแอบอยู่ที่ไหนกันน๊า ป่านนี้แล้วยังไม่เห็นใครที่มีวี่แววเลยนะ ว่าไม๊



กระต่ายป่า ข้างวัด / ลูกนาฬิเกร์
.

 

มันเป็นข้อความของผม ที่มีตัวตนอัตรามากๆ ในตอนนี้ ไม่เกี่ยวกับ ข้อความต่างมิติแต่อย่างใด ขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย
แต่ถ้าอ่านไปแล้วเห็นว่านี่คือสิ่งสกปรก ก็ตามผมมาอ่านต่อ บางทีมันอาจจะทำให้เราหลุดโรค ไปด้วยกัน

เห็นเพื่อ ? มองเพื่อ ? ยินเพื่อ ?
เพื่อเกิดปัญญามองเห็นความจริง โดยที่จิตไม่ปรุงแต่ง รึป่าววว วิปัสนาแต่ถ้าไม่ใช่้การพิจารณา มันเป็นวิปัสกัญชา วิปัสซะมึน วิปัสสนึก แล้วครับ
เห็นๆหนอ ยินๆหนอ มึนๆหนอ งงๆหนอ
แล้วถ้ามองด้วยจิตที่ดูเหมือนจะนิ่งแล้วของผม ผมมองเห็นว่า สาวสวยที่มาบอกรักผม เค้าเป็นฮิสทีเรีย ครับ
เห็นสักแต่ว่าเห็น ยินสักแต่ว่ายิน เสียบสักแต่ว่าเสียบ เอาสักแต่ว่าเอา เอาใครก็ใด้ คงใด้หรอก ถ้าจะ นิ่งเฉยแบบ นิ่งๆ บื่อๆ โง่ๆ คงใด้โรคมาด้วยเป็นของแถม
แต่ผมมีสเป็ก ในจิตวิณญาณ มีสัณชาตญาณ เป็นมนุษย์ และพอจะมีปัญญา มองเห็นว่าอะไรเป็นอะไร (ในแบบที่จิตวิณญาณควบคุมสัณชาตญาณครอบอีกทีด้วยปัญญา)
บ๊ะ! คิดเอาเองนะ โทดที ผมมีจิตนาการเอาไว้ต่อสู้กับกองขี้แหละ

เค้าไม่ใด้ลืมติดป้ายครับว่าห้ามพูดคุย เค้าติดแค่ "ข้อความต่างมิติ โปรดใช้วิจรณญาณ" เท่านั้น แต่ คนที่มีจิตวิณญาณดีพอ
คงไม่เฟียทกันกลางถนน แต่ถ้ามี ก็เป็นสีสันของมนุษย์ใช่ไหมหละ
คงไม่เดินแก้ผ้าเข้าห้าง พาราก้อน หรอกมั้ง หรือมีไอ้งั่งในนี้ทำ
มันไร้มารยาท มันน่าเกลียดดด (อุ้ย ปรุงแต่งซะแระ) ถ้าไม่ปรุง ไม่แต่ง ไม่ดัด ไม่แปลง แล้ว
เราตัดผมทำไม
พระห่มเหลืองทำไม
พ่อแม่เราจะโง่หาเงินทำไม
พารากอน มันก็เขียนว่า พารากอน
มันไม่ใด้ลืมติดป้ายว่า ห้ามขอทานเข้าไป แต่ก็ไม่มีขอทานปัญาดีคนไหนเดินเข้าไปนะ
กุละคำเด็กแก็ง พูดเรื่องปืนแต่ไม่มีปืน
กุละคำอยากเขย่าโลกแต่ไร้พลัง
กำคำอยากให้คนอื่นเป็นโรคแต่ตัวเองไม่มีเชื้อ

เพราะ เราอยู่ร่วมกันในสังคม เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยจึงมีจัดหมวด จัดหมู่ ปลาใหญ่ ปลาเล็ก
ต่อสู้แบบลูกผู้ชาย จริงใจหน่อย เรียนรู้ที่จะอยู่ในกฎก่อนที่จะแหกออกมาแล้ว ค่อยมาแหกปาก ถากถาง ตีฆ้อง ร้องห้าย
สวดมนต์สวดไปซิ ในที่ที่ควรสวด
แก้ผ้าแก้ไปเดะ ในที่ที่ควรแก้
อยากกรีด กรีดไปเดะใน ที่ที่ควรกรี๊ดดดด
ไมใช่นักเรง แต่ก็พอรู้นักรักเป็นไง
ไม่ใช่ตำรวจ แต่ก็พอรู้โจรเป้นไง
ไม่ใช่คนดีแต่ก็พอรู้คนชั่วเป็นไง

ผมมองดูแล้วพวกสาวสวยฮิสทีเรีย ก็มีประโยชน์อยู่มาก หลายอย่างเธอทำให้ผมและคนอื่นๆ อยากมีซัมติงด้วย
แต่ ทำไมไม่ลองไปเปิดกระทู้ ใหม่สอนสิ่งที่รู้ หรือจะตั่ง แอนตี้ต่างมิติดูก็ใด้ เอ๊ะหรือว่าทำมาแล้วนะ
บางทีมันยังจะมีค่ากว่าถ้า แก้ผ้าในม่านรูด แต่ไม่ใช่ ในรูทหกหก น๊ะต๊ะ ที่นั่นเค้ามีแต่ จะแด้น กับดื่ม
บางทีผมอาจไปใช้บริการนะ อยู่ในคอก ในเล้าไปก่อน ถ้ายังดีไม่พอที่จะออกมา
เพราะออกมาแล้วมันเหมือน ไก่หลง นกหลง มันร็อก มันง็อก มันง้อย มันด้อย มันเอ้าว์
ถ้าเข้ามาแล้วออกไปอย่างที่ควรจะเป็น ก็ยินดีต้อนรับเสมอ แต่นี่มันไม่ใช่ อยู่ดีๆแก้ผ้าให้ดู (ถอดเฉยๆ อีกซินะ) ซักแต่ว่าถอด
หรือจะมโนว่า ตัวเองเป็นปลาใหญ่ดี ต่อไปก็ใด้ เพราะที่ผ่านมามันก็ประจัก
ขนาดเล่นสกปรก นอกระบบ นอกเกม นอกกรอบ ยังทำใด้แค่นี้
แถวบ้านเลียก นักเรงในซอย ลูกกระจ็อกในกลุ่ม เด็กเห่อป่า ประถมใส่กะเช้า ชิงสุกก่อนห่า
เกือบปีที่ผ่านมาผมก็ใด้เห็นถึงสักยภาพของพวกสาวๆแล้ว
ใด้โปรด อย่าดูถูกตัวเอง ใดโปรดจงมั่นใจในสิ่งที่ทำ เถอะ จงเป็นขี้กากต่อไป บอกกับตัวเองไว้ ว่าขี้กากก็มีประโขยน์เวลาขึ้นหน้าท่าน
แล้วยิ้มให้มันด้วยนะ สวนมนต์อ้อนวอนให้มันอยู่อย่างงั้น
แม้สัณชาตญาณจะอยากให้มันหาย แต่จิตสำนึกที่ท่านมี บอกว่าสัณชตญาณมันเลว ต้องข่มต้องกดให้มันลงหลุม
แล้วท่านก็ไม่มีปัญญา ที่จะบอกว่า จิตสำนึกท่านมันพัง
แปลกแฮะ มาบอกให้คนในโรงทานใช้ปัญญา แต่ตัวเองดันแก้ผ้าเดินเข้ามาด้วยท่าเดินแม่เป็ด
แล้วท่านก็ยังยิ้มใด้ เงิ่มๆ เยิ้มๆ บอกเค้าไปทั่วว่ามาจากสวรรค์ชั้นเจ็ด
นี่หรอสติที่ท่านบอกว่ามี แล้วนี่หรอที่ผมขาดสติ ผมมองทะลุหมอก หรือหัวผมมันเป็นหอก
เอ๊ะยังไงนะ ยังไหงหมาหนาาา

สัจธรรมมีอยู่ทุกที่ อยู่ที่เลือกจะหยิบจับ แล้วผมก็(เลือก)ที่จะมาหยิบจับ ในโรงทานต่างมิติ ผมมากิน มาอยู่จนเหมือนบ้านของผม
แต่มันก็มี พวกตะกุยคอกอยู่หรอก มันอ้างกรรมสิธิ แล้วมันก็พยาามเผาบ้านผม ธรรมชาติแหละพวกเชี่ยเนีย (ใส่อารมณ์อีกแระ) คำหยาบผิดศิลซะด้วย
ผมอยากจะเป็นคนดีเหลือเกิน ให้อภัย บอกกับตัวเองว่า ปล่อยวางๆ แต่ไอ้พวกนิ้วกลางหดนี้แม้งขี้เหม็นเหลือเกิน
ใจก็แอบแช่งให้แม้งเจอดี แต่ผมก็จะพูดว่า ปล่อยวาง เพราะผมรู้แล้วว่า มันก็ใด้แค่ขี้กากปรสิต

เด็กอนุบาลขี้แตกใส่เกง มันยังร้องให้เลย เพราะมันมีสำนึกรู้ว่า มันต้องขี้ใส่ซ้วม ขี้แตกหนอออ...
หมา อายุเดือนกว่า มันยังไม่เยี้ยวเลย ถ้าไม่ใช่ที่ของมัน ที่ของมัน ....
มันยังไม่รู้ตัวที่คนเค้าไม่พูดกับมันเพราะปากมันอมขี้ไว้ แล้วมันก็โวยวายไปทั่วโรงทาน ใครจะจูบลงหน้าสวยฮิสทีเรีย ปากเหม็น เค้าหนีมันไม่ใช่หนีระเบิดจ้า
แค่จุดนียังไม่เข้าใจ แล้วพี่ท่านจะยกเมฆ ยกพระเจ้ามาพูดกับผม ท่านผู้รู้ยังไม่รู้เลยตัวเองใส่เสื้อไซด์ อะไร
ของที่มองเห็นใด้ยังมองไม่เห็น แล้วไปบอกว่า สามารถมองเห็นสิ่งที่ผมมองไม่เห็น อออ ลืมไป บารมีผมไม่ถึงนั่นอีกซินะ
ใครหลับใครตื่น ใครตื่นใครหลับ ใครขยับทับกัน จะโดนปรับโดนปลุก ใครอะปลุก ใครอะหลับ

ไม่ใด้สำรอกเพราะกินมั่วครับ สำรอกเพราะขี้หมาขี้นกขี้กระต่าย จะมากินข้าว ไม่ใด้มากินขี้ เลือกมากินครับ ที่บ้านมีอันจะกินครับ แต่ชอบกินที่นี่ มีศิลในการกิน ครับ
ระเบิดขี้ ในโรงทาน เพื่อแสดงอนาเขตครับ นี่คือประเด็น พวกท่านไม่ใด้โง่นะ อ่านแล้วคิดตามด้วยครับ มันจะมันกว่า อย่านั่งเทียนตรึก ตึก คึก เอา
อ้อออ บารมีผมอาจมีน้อยจนสื่อถึงท่านๆไม่ใด้ก็เป็นใด้
และถ้าไม่มีตัวไม่มีตน มีใครไหมครับ มีใครพร้อมที่จะโดนผมฉี่ใส่หัว แล้วก็บอก อ้าาา อร่อยจัง แถมยืนยิ้มให้ผมบ้าง เปียกสักแต่ว่าเปียก มาหาหน่อย เดี๋ยวขอเชคของซักที
คงเจ๋งหน้าดู ถ้าเอาจอบ เจิมกระบาน หลวงพ่อผู้เคร่งปฎิบัต แล้วพลวงพ่อยืนยิ้มใด้ แต่ผมก็ไม่ทำหรอกครับ ถ้าผมไม่เมาหลอนหรือขาดสติ แบบคนที่แก้ผ้าเข้าโรงทาน

ธรรมะไร้อัตตา ที่่ว่า ว้าวววว แจ่มจันอันไร หยิบจับไม่ถึงจริงๆ ธรรมะระงับอัตรา เยสสสเซอร์ ใจผมมันอาจสกปรกก็เป็นใด้ ผมติดอยู่ในมิติ X ครับ มันเป็นมิติ สด มันมีทั้ง วนิลาและ ด๊าคช็อค
และผมก็กำลังแสดงด๊ากอยู่ ซึ่งวนิลาไม่ชอบผม วนิลาชอบแก้ผ้าส่งกลิ่นในโรงทานมากกว่า มันเป็นที่สะดุดตาของลูกแกะ
ถ้าสายตาผมไม่ดี ช่วยเปิดกระทู้ไหม่ แยกหมวดหน่อย บางทีผมอาจจะใด้มองเห็นสิ่งที่แจ่มกว่า บางทีผมก็อยากเป็นคนดีกว่าที่เคยครับ แต่พวกเธอก็ทำไม่ใด้หรอก ถึงเป็นกากมานานแบบงี้ไง
ผมรู้ตัวครับว่าสติไม่ดี รู้ตัวครับว่าโรคจิต รู้ตัวเลยรู้ว่าควรอยู่ที่ที่ควรอยู่ครับ ส่วนพี่ท่านสาวๆทั้งหลาย รู้ตัวว่าดีครับ รู้ตัวว่ารู้ เลยมาเยี้ยวใส่บ้านผม T_T หรอ บอกผมซิ ว่าผมควรฉิโรราดใส่หน้าเธอไหม
นั่งงั่งคิดอยู่นานว่าจะทำไงดี แต่ตอนนี้คิดออกละ มันเป็นแค่ขี้กาก ไม่จำเป็นต้องไปเรเซอร์หรอก มันทำใด้แค่มาเก็บความภูมิใจ กระจอกๆ
แค่สบถออกมามันๆ ก็พอ อุ๊ต๊ะ (ใส่อารมณ์อีกแล้ว) ปุดๆ ปิ๊ดๆ
ผมระเบิดบ่อยเหลือเกิน อ่านจบขอร้องอย่าไปหากระโปรง อย่าไปแอบร้องห้ายนะ เข้มแข็งหน่อยละกัน ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทำเป็นไม่เข้าใจ หรือจะทำเป็นเข้าใจ
ด้วยปัญญาระดับวางยาขั้นเทพก็ใด้ ทำเป็นเข้มแข็งเหมือนที่เคยแหละ
บางทีนิ้วกลางที่หดอยู่ข้างใน อาจจะหดเข้าไปอีกจนเป็นบ่อที่ลึกกว่าเดิม ดูไม่ออกแต่มันส่งกลิ่นจริงๆ
หวังว่าสิ่งทีผมทำคงไม่มีพระเจ้าองค์ใด้ลากผมหลุดออกจากมิติ X ให้ใด้นะ มิตินี้มันเหลือเกิน

เสียใจครับ ที่ต้องมาพูดจาพูดอะไรแบบนี้ แต่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ควรทำให้กับ สาวๆฮิสทีเรีย บางทีเค้าอาจจะมาสนด๊ากอย่างผม แทนลูกแกะ

 

---เธอไม่ตอ้งมาเสียใจในสิ่งที่เธอพูดหรอก..เพราะเธอก็แค่พูดในสิ่งที่เธออยากจะพูดมันก็แค่นั้น..ในขณะเดียวกันคนอื่นเขาก็อยากจะพูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูด..มันก็แค่นั้นเหมือน..นี่แหละ..คือ..ความเป็นปัญเจกของแต่ละคนที่มีสิทธ์เท่าเทียมกันทุกคน..และอัตตานั้นมีขอ้ดีอยู่ คือได้ประกาศอาณาเขตของตนๆว่ายอมให้คนอื่นลว่งล้ำเข้าสู่ในความเป็นปัญเจกของตนได้มากนอ้ยเท่าไหร่...แต่ก่อนฉันนั้นเคยยอมให้คนอื่นจนไม่เป็นตัวของตัวเอง..เพราะฉันยอมมากไป..แต่ตอนนี้เมื่อเข้าใจอะไรๆมากขึ้นฉันก็สามมรถประกาศขอบเขตว่าฉันอนุญาติได้แค่ไหนเท่าไหร่..ในขณะเดียวกันฉันก็เคารพในความเป็น ปัญเจก..ของคนอื่นดว้ย..และฉันก็สมามารถบอกได้เต็มปากว่า..ฉันก็เคยเป็นมาแล้วทุกๆเหลี่ยมมุมของพระเจ้า..คือ..เคยชั่ว..จนรู้ชั่ว..เคยผิด..จนรู้ผิด..เคยทุกข์..จนรู้ทุกข์..เคยรัก..จนรู้รัก..เคยหลง..จนรู้หลง..และตอนนี้กำลังพยายามเรียนรู้ที่จะเป็นแก่นแท้ของพระเจ้าเพียงอย่างเดียว..จะไม่เป็นเหลี่ยมมุมของพระเจ้าอีกเพราะเป็นมาหมดแล้ว..โดยพยายามวางเจตจำนงค์ที่จะกระทำเพียงอย่างเดียว..ซึ่งต้องขอขอบคุณท่านผู้แปลทุกๆท่านที่ชว่ยนำอาหารมาสู่โรงทานแห่งนี้..ซึ่งชว่ยสกิดให้รู้จักตนเองว่า..ทุกๆคนลว้นเป็น..ปัญเจก..มีสิทธ์และเสรีภาพเป็นของตนๆอย่างไร้ขีดจำกัด..ไม่งั้น..ฉันคงจะยอมใครๆเขาร่ำไป...

 

เดี๋ยวรออ่านข้อความประจำสัปดาห์นี้ของท่าน Hilarion จากคุณอจิตตะนะครับ
แล้วจะรู้ว่าปรากฏการณ์แห่งการ "พุ่งกระฉูด" ของพวกเราหลายๆคนทั้งในนี้และที่อื่นๆนั้น
มันอาจจะเป็นเพราะว่าระดับพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอยู่ทุกๆขณะของโลกจริงๆก็ได้

ในท่อนแรกๆของข้อความล่าสุดที่ผมพูดถึงนี้ เปิดประเด็นมาก็พูดถึงเรื่องนี้ก่อนเลย
และผมก็ประทับใจตอนหนึ่งที่ว่า ในขณะที่เราคิดว่าเรากำลังเจอความตึงเครียดทางกายมากที่สุดแล้วนั้น
แต่พอไม่นาน เราก็กลับต้องมาเจอระรอกใหม่อีก หนักขึ้นไปกว่าเดิมซะอีก อะไรแบบนั้น
เพราะว่าผมก็เป็นอยู่ อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า ก่อนหน้านี้หนะ ยังมีช่วงเว้นระยะ
ให้ได้หายใจหายคออยู่บ้าง แต่พักหลังๆนี่ มันถี่ขึ้นซะจนแทบจะไม่ได้ตั้งตัวเลยหละครับ

ดังนั้น การชำระสะสางสนามพลังงานออร่าของเราเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นสิ่งจำเป็นเสมอมา
เพื่อปรับสภาพ และคืนความสมดุลให้กับทุกๆระบบของตัวเอง ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

สำหรับคุณ Shtaudy นะครับ..ผมไม่รู้สึกโกรธอะไรคุณเลย ที่คุณมาโพสต์ระบายแบบนี้
เพราะว่าผมมองว่ามันเป็นปรากฎการณ์ชำระสะสางอย่างหนึ่ง
ที่ได้รับผลกระทบมาจากพลังงานที่สูงขึ้นเรื่อยๆที่ว่านี้
ซึ่งอย่างที่ต่างมิติบอกเอาไว้เสมอมา และแทบจะตลอดเวลาว่า
พลังงานพวกนี้มันจะไปขุดคุ้ยเอากระจุกพลังงานด้านลบ หรือด้านมืดของเราแต่ละคน
ที่อุดตันอยู่ ซุกซ่อนอยู่ หรือฝังตัวอยู่ในระดับลึกๆของจิตใต้สำนึกของเรา
ให้โผล่ขึ้นมาสู่ระดับพื้นผิว เพื่อให้เราได้ดูมัน ได้เห็นมัน
เพื่อให้เราได้เผชิญหน้ากับมัน ได้ยอมรับมัน เรียนรู้จากมัน แล้วก็ปลดปล่อยมันไป
ด้วยความรักแบบไม่มีเงื่อนไขที่เราจะส่งให้กับมัน

มันจะเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยๆ จนกว่ามันจะเบาบางลง และหมดไป
ซึ่งพอมันเบาบางลงเรื่อยๆแล้ว ต่างมิติบอกว่า เซลในร่างกายของเรา
ก็จะมีที่ว่างสำหรับบรรจุแสงสว่างได้มากขึ้นด้วย
และดังนั้น ระดับความสั่นสะเทือนของเราก็จะสูงมากขึ้นเรื่อยๆด้วย

มันกำลังเป็นแบบนี้กับทุกๆคนบนโลกใบนี้ แต่อาจจะมากน้อยต่างกัน หรือช้าเร็วต่างกัน
นี่แหละ ถึงเป็นที่มาของคำว่า กระบวนการเลื่อนระดับขึ้นของคนทั้งโลก หละครับ

และนี่แหละคือสิ่งที่คุณ Bat of Light ถามถึงหละ ว่าใครกำลังทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้อยู่
ว่าใครจะสามารถทำอะไรทำนองนี้ได้ ว่าถ้าเป็นจริงแล้วมันก็จะต้องใช้แผนงานใหญ่โตมโหฬารมากซักแค่ไหน?

คำตอบก็คือ มันเป็นแผนงานของพระเจ้าและเป็นแผนงานระดับจักรวาลหนะครับ
ซึ่งคิดว่ามันคงจะฟังดูใหญ่มากพอที่จะเป็นคำตอบของท่านได้นะครับ
ซึ่งถ้าท่านติดตาม "อ่าน" ข้อความจากต่างมิติมาบ้าง ท่านก็น่าจะรู้แล้วนี่ครับ ไม่มากก็น้อย

มันมีข้อความที่เป็นคำตอบของคำถามของคุณ Bat of Light
ที่ผมแปลและโพสต์ไปแล้วอยู่มากมายก่ายกอง

และสำหรับส่วนท้ายนี้ ผมจะพูดรวมๆสำหรับท่านผู้อ่านทุกๆท่านนะครับ
ก็..เช่นเคย..ผมก็จะพูดในเชิงว่า ยกคำพูดของต่างมิติมาขยาย หรือมาฉายซ้ำ
หรือมาย้ำให้ท่านเห็นอีกครั้งหนึ่ง เหมือนเช่นเคย เพราะว่าผมก็คงไม่มีปัญญาอะไรไปรู้มาเองหรอกนะครับ

ก็คือเรื่องที่ครายออนพูดเอาไว้ "ในช่วงนี้ พลังงานเก่ามันกำลังตีกลับอยู่"
ซึ่งก็หมายความว่า เพราะระดับพลังงานของโลกที่เพิ่มขึ้นที่ว่าแหละ
จึงทำให้ชาวโลกโดยรวม ค่อยๆหูตาสว่างต่อเรื่องต่างๆในชีวิตของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม
หรือที่พวกเขาใช้คำว่า ตื่นรู้ มากขึ้นกว่าเดิมหนะนะครับ

และเพราะฉะนั้น มันจึงไปส่งผลกระทบต่อ "พลังงานด้านมืด" หรือพลังด้านลบเข้า
ซึ่งครายออนหมายรวมถึง สิ่งใดก็ตามที่มันไม่เป็นไปเพื่อความสูงส่งดีงามของตัวเราเองและส่วนรวม
และหมายรวมถึง สิ่งใดก็ตามที่มันไม่ใช่ความจริงในระดับจักรวาลด้วยหนะนะครับ
จึงทำให้ผู้คนเริ่มมีข้อกังขา และแม้กระทั่งรู้สึกว่า ยอมรับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ในระบบต่างๆเหล่านั้น เช่น ระบบความเชื่อในศาสนา ระบบการเมืองที่ฉ้อฉล
ระบบการึกษาที่ไร้ประสิทธิภาพ ระบบการเงิน ฯลฯ เป็นต้น

ดังนั้น ผู้ที่ยังไม่ตื่นทั้งหลาย (อันนี้อ้างอิงคำพูดตามที่ต่างมิติพูดหนะนะครับ)
ซึ่งหมายถึงผู้ที่ยังยึดเกาะอยู่อย่างเหนียวแน่นในระบบต่างๆเหล่านั้นอยู่
จึงพยายามออกมา และทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องระบบเดิมๆของพวกเขาเอาไว้
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม เช่น กลัวเสียอำนาจไป หรือกลัวการเปลี่ยนแปลง
หรือกลัวว่าระบบความเชื่อทางจิตวิญญาณที่ตัวเองอุทิศชีวิตเชื่อมาด้วยชีวิต และทั้งชีวิตนั้น
จะกลายเป็นเรื่องที่ไม่ใช่สัจธรรมในระดับจักรวาลเข้า เพราะว่าแท้ที่จริงแล้ว
บางส่วนของมัน อาจจะเป็นแค่ความจริงที่สมมุติกันขึ้นมาในระดับภูมิภาค ประเทศ วัฒนธรรม
ลัทธิ นิกาย หรือศาสนาหนึ่งๆ เท่านั้นก็ได้

นี่แหละ..มันถึงมีการตีกลับของพลังงานเก่า เพราะว่าเมื่อถึงจุดที่ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว
ใครหละจะไปยอมรับได้ง่ายๆว่า ไอ้ที่ตัวเองเชื่อมาด้วยชีวิต และทั้งชีวิตนั้น
บางส่วนหรือหลายส่วนของมัน จะไม่ใช่สัจธรรมในระดับจักรวาลแต่อย่างใดเลย
เป็นแต่เพียงสิ่งที่สอดแทรกเข้าไปภายหลัง หรือถูกบิดเบือนไปในภายหลัง
เพราะความเข้าใจที่ไม่ถ่องแท้ของชนรุ่นหลัง ที่ไปปรับปรุงแก้ไขตำราเดิมๆอยู่หลายต่อหลายครั้งเท่านั้นเอง

มิหนำซ้ำ บางส่วนหรือหลายส่วนของมันก็อาจจะถูกตัดทิ้งไป เพราะความไม่เข้าใจ
หรือเห็นว่าไม่สำคัญของคนที่ไปแก้ไขตำราในภายหลังอย่างที่ว่ามานี้ก็ได้
อันนี้ข้อความจากต่างมิติพูดเอาไว้ตรงกันแบบนี้หนะนะครับ
สรุปว่า ฯลฯ หลากหลายสาเหตุ ซึ่งเราก็กำลังเห็นกันอยู่ด้วยตาตัวเอง แม้ในขะนี้ด้วยซ้ำไป

แต่ก็ อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ผมเป็นแค่ผู้แปลข้อความเหล่านี้มาให้ท่านอ่านด้วยเท่านั้น
ผมก็อยากจะพูดในฐานะที่เป็นตัวผมเองอีกซักหน่อยว่า มันก็อาจจะไม่ได้หมายความว่า
ข้อความจากต่างมิติพวกนี้ จะเป็นสัจธรรมระดับจักรวาลทั้งหมดหรอกนะครับ
เพราะว่าผมก็บอกท่านไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้น..วิจารณญาณครับ..วิจารณญาณเสมอเลย

และดังนั้น มันจึงเป็น "การเลือก" อีกอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน ว่าท่านเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ
เพราะไม่มีใครสามารถไปบังคับท่านได้ และนั่นก็ไม่ใช่หน้าที่ของผมแต่อย่างใดด้วย
และดังนั้น ถ้าท่านจะวิพากวิจารณ์อะไร หรือเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วยยังไงเกี่ยวกับเนื้อหาพวกนี้
ก็สามารถทำได้ แต่ขอแค่ว่า เอาแต่พอสมควร เพราะว่าคนที่เขา "เลือก" ต่างไปจากท่านก็มีอยู่

แต่ถ้าท่านอยากจะเผยแพร่ข้อมูลด้านอื่นใด ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของกระทู้นี้เลย
ก็ขอให้ท่านนึกถึงใจของคนอื่นๆ ที่เขาตั้งใจคลิ๊กเข้ามาในกระทู้นี้หน่อยนะครับ
ว่าพวกเขาน่าจะอยากอ่านอะไร และคาดหวังว่าจะได้อ่านอะไร

และดังนั้น ผมจึงกำลังอยากจะบอกว่า เคารพสิทธิ์-เสรีภาพของกันและกันด้วยนะครับ
เท่านั้นแหละครับ สังคมเราก็จะอยู่กันได้ อย่างสันติสุขมากขึ้น
...............................

 

ขอบคุณครับ คุณชยุต

 

THE HILARION’S WEEKLY MESSAGE 2014
HILARION 2014 - The Rainbow Scribe
May 25-June 1, 2014
วันที่โพสท์ _Tue ,27/5/2014
ผู้แปล: อจิตตะ

คลื่นพลังงานมากมายที่ถูกส่งมาเป็นระลอก ๆ
ที่ทำให้อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของคุณนั้นยังคงมีอยู่
ซึ่งก็เกิดจากความคิดของคุณร่วมด้วยที่ว่า เมื่อคุณผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปได้
รอบใหม่มันก็เกิดขึ้นอีก...
โอ...คุณคุณที่รัก จงรู้จักใช้แสงสว่างในหัวใจ
ไปนำความทรงจำที่เก่าแก่ขึ้นมาสู่ชั้นผิวเซลล์ของคุณ
เพื่อแก้ไขและปลดปล่อยมันออกไปเสีย...
ทั้งความเศร้าโศกเสียใจก็จะได้ถูกกำจัดออกไป
และแทนที่ด้วยแสงสว่างอันบริสุทธิ์ด้วย...

และในฐานะที่คุณ...ผู้เป็นระดับแนวหน้าของการเคลื่อนไหวและการปรับเปลี่ยนนี้
คุณได้ทำงานอย่างดีเยี่ยมทั้งในด้านการปรับตัวและการขจัดปัญหาต่าง ๆ
แต่ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม
ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทั้งสิ้น...
ดังนั้น... จงคอยฟังสัญญาณจากร่างกาย
และปลดปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนบ้างเมื่อยามต้องการ...

...สำหรับบางคน การใช้เรื่องราวของ Rip Van Winkle
คอยเตือนตัวเองว่า “เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป” ก็เป็นเรื่องดีนะ...
(เรื่องของ Rip Van Winkle นั้น ย่อๆ คือ
นาย Rip ได้ขึ้นไปบนภูเขาแล้วได้ดื่มน้ำของคนแคระ
และหลับไป 20 ปี...พอตื่นขึ้นและลงเขามา ก็ปรากฏว่า
ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว=ผู้แปล)

ขอให้คุณทำตามทุกสิ่งที่หัวใจของคุณปรารถนา
เพราะนั่นคือเครื่องชี้วัดที่เที่ยงตรง แน่นอน
ของสิ่งที่ถูกต้องที่คุณต้องทำในทุกๆขณะจิต...
ส่วนคุณคุณหลายคนก็ได้เข้าสู่ภายในส่วนลึก
และสัมผัสถึงแก่นแท้ของความเป็นตัวคุณ
ทั้งยังได้ตระหนักรู้ถึงประสบการณ์
และความต้องการของชีวิตที่แท้จริง
ที่คุณได้เลือกและสร้างขึ้นเองอีกด้วย...

ดังนั้น...จงมีจิตตั้งมั่นและเบิกบานกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดจากภายในของคุณ...
และภายในเมล็ดพันธุ์ของความเป็นไปได้ที่ไร้ขอบเขต (infinite possibility )นั้นตั้งอยู่
ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องคอยทะนุบำรุง
ทั้งยินดีที่จะให้มันเจริญเติบโตงอกงามและมีความสมบูรณ์ในทุกๆขณะ

...สิ่งสร้างสรรค์ที่ดีที่คุณมีอยู่นั้น มันยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของคุณ
ซึ่งก็เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประโยชน์ต่อความเป็นเด็กภายในตัวคุณ...
คุณจะมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อความรู้สึกตื่นตาตื่นใจและมหัศจรรย์ใจกับชีวิต
ซึ่งมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุของคุณหรอกนะ
แต่ขึ้นอยู่กับการให้ความสำคัญกับความมหัศจรรย์
และความตื่นตาตื่นใจที่อยู่ภายใน
"ที่จะทำให้คุณได้เริ่มต้นกับประสบการณ์
ในการทำความฝันที่ผ่านมาของคุณให้ปรากฏเป็นจริงซะที..."

“จงยินยอมให้ตัวคุณได้ขยายจิตสำนึกของคุณด้วยความเบิกบาน”

...มันเป็นความจริง...ที่ยังมีใครหลายคนที่อยู่ในเขตอิทธิพลของคุณ
ที่เพิ่งจะเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการของการเลื่อนระดับจิตให้สูงขึ้น
ซึ่งนั่น...จะทำให้คุณสดุดการก้าวไปข้างหน้าได้...
ดังนั้น... คุณจึงต้องมีขันติกับการรอคอยก้าวใหญ่ในการตื่นรู้ของพวกเขา...

เรารู้...ว่าคุณต้องกระทำตามความรู้สึกของคุณ
ทั้งมีความเชื่อว่าพวกเขาจะทำตาม...
ซึ่งคุณควรตระหนัก...ว่าการที่มีคุณเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของพวกเขา
มันมีความหมายและเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของพวกเขาด้วย...
โดยเฉพาะความกระตือรือร้นของคุณที่จะช่วยยกระดับพลังงาน
และนำทางให้พวกเขาไปได้รอดตลอดการเดินทาง...

แต่มันก็เป็นไปได้...ที่คุณอาจจะไม่รู้เรื่องนี้
ซึ่งคุณก็สามารถหาคำตอบให้กับคำถามของคุณ
ในเรื่องความลึกลับของชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้ได้
อีกทั้งยังได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครบางคน
ด้วยการปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างของคุณ
และทำให้คุณได้รับการเทิดทูนและยกย่องในความกล้าหาญ
กับการเป็นบุคคลตัวอย่างที่ได้ปฏิบัติตนให้ตั้งอยุ่ในหลักของศีลธรรมอันดีงาม...

ความตระหนักรู้ของผู้คนบนโลกที่ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น
ซึ่งส่งผลกระทบต่อระดับจิตสำนึกมวลรวม
แต่มวลมนุษยชาติต่างมีความต้องการ
ที่จะเป็นอิสระจากสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ได้เก็บไว้ในด้านมืด
และปรารถนาที่จะเดินไปตามเส้นทางของแสงสว่าง...
จึงทำให้ทุกสิ่งที่ได้ซุกซ่อนไว้ ถูกเปิดเผยแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบแล้ว
“ซึ่งเขาก็ได้นำประเด็นนั้นๆโยนออกไปโดยไม่ให้มันกลับมามีความหมายอีกต่อไป...”

กระบวนการที่ไม่เคยจบสิ้นของความก้าวหน้าและการขยายตัวยังคงดำเนินต่อไป...
หกเดือนที่ผ่านมาของความก้าวหน้าที่ได้เกิดขึ้นกับคุณ
ล้วนนำมาซึ่งความประหลาดใจที่คุณสามารถสังเกตุเห็นได้
และเราก็ต้องรอดูความเปลี่ยนแปลงของคุณในอีกหกเดือนข้างหน้าต่อไป...
แต่เรารู้ดีว่า “คุณคุณจะไม่ถอยกลับไปสู่ “ความไม่รู้” อีกต่อไป”
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่มีความหมายมากมายเพียงใดต่อชีวิตของคุณ
กับการอยู่บนโลกมายาที่กำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ นี้ก็ตาม...

ในขณะที่แผนการเดินทางของจิตวิญญาณได้ปรากฏขึ้นในรูปแบบที่หลากหลาย
"จงให้ความเคารพในความเป็นตัวของตัวเอง
กับการที่จะก้าวไปข้างหน้าและทำงานที่ตนเองปรารถนา..."

จงปลอบประโลมตัวเองและเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จ
ในการบรรลุเป้าหมายไปพร้อม ๆกัน
ด้วยการซื้อดอกไม้ให้กับตัวเอง
และเบิกบานกับการได้ดูแลพวกเขา
พร้อมทั้งเสริมสร้างชีวิตของคุณด้วยการทำสิ่งดีดีให้กับตัวเอง
และกับสิ่งมีชีวิตที่แสนวิเศษที่เข้ามามีส่วนในการแบ่งปันชีวิตร่วมกัน...

...นี่เป็นช่วงเวลาของการเปิดเผยแผนงานของพระเจ้า
และ “คุณ...คือผู้ที่มีความสำคัญต่อที่ที่คุณอยู่ ณ.ขณะนี้...”
ซึ่งเราก็จะยังคงให้ความช่วยเหลือในทุกขณะที่มีคำถาม...


Until next week…
I AM Hilarion

 

ARCHANGEL GABRIEL 2014
http://trinityesoterics.com/2014/05/26/daily-message-monday-may-26-2014/
Daily Message , Monday May 27, 2014
วันที่โพสท์ _Tue 27/5/2014
ผู้แปล: อจิตตะ

คุณคุณที่รัก...
เราเข้าใจนะ...ว่าเวลามีเรื่องอะไรที่คุณไม่ชอบใจเกิดขึ้นละก็
คุณก็จะคอยป้องกันอย่างจริงจังเพื่อมิให้เรื่องนั้น ๆเกิดซ้ำขึ้นมาอีก…
และก็เพราะการคอยปกป้องนี่แหละ
ที่ทำให้การเตรียมพร้อมในการสังเกตุการณ์ขั้นสูง
กับเรื่องต่าง ๆ อีกมากมายในชีวิตของคุณคุณต้องสดุดลง…

โปรดรับรู้ไว้ด้วยนะ...ว่าถึงแม้คุณคิดว่ายังคงอยู่ร่วมกันมัน
หรือเห็นแน่ชัดแล้วว่า คุณไม่ได้อยู่ร่วมกับมันแล้วก็ตาม
ก็เท่ากับคุณยังคงจมอยู่กับพลังงานของสิ่งที่คุณไม่ต้องการอยู่ดี…
เพราะพวกคุณมัวแต่ห่วงว่าหากไม่คอยเฝ้าระวังไว้
มันก็จะต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอน…

ดังนั้น…เราขอย้ำเพื่อให้คุณมั่นใจอีกครั้งนะ…ว่า
”มันไม่สำเร็จหรอก ที่คุณจะสร้างสิ่งที่คุณไม่ต้องการจากอากาศ”

จงปล่อยให้อดีตผ่านไปและตั้งมั่นกับอนาคตที่สดใส
ให้ตรงกับประสบการณ์ที่คุณได้ตั้งความปรารถนาไว้ดีกว่า…
และจงเชื่อมั่นการนำทางของจักรวาลเถอะ…
ซึ่งหากคุณยังมีสิ่งใดที่จำเป็นต่อความร่วมมือกับจักรวาลละก็
มั่นใจได้เลยว่า…คุณจะได้รับตามคำร้องขอนั้นอย่างแน่นอน…

และถ้าคุณเข้าใจแล้วว่า "การโฟกัสคือ แว่นขยายที่มีพลังมหาศาล..
แล้วทำไมคุณไม่ใช้ให้มันขยายสิ่งที่คุณต้องการและสิ่งที่คุณสมควรได้รับละนี่…"

Archangel Gabriel

 

ขอบคุณ คุณชยุตมากมาก(f)

 

ตรงใจมากเลยครับ รู้ ๆ อยู่แต่ไม่ทำสักที มัวแต่สนใจแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้ทุกวัน ต้องตั้งใจใหม่แล้ว...

 

​

ขอบคุณครับ คุณ อจิตตะ ​

 

ขอยอมรับว่า ข้อความของคุณ Hil สัปดาห์นี้
ทำเอาอยากแคะความรู้ภาษาอังกฤษ
ไปต้มน้ำซุปกินแทนคนอร์ซุปไก่...
แล้วไปเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษฉบับดาวลูกไก่ใหม่ดีกว่า...

มีแก้ไขมากมาย...ก็ขอบคุณคุณชยุตที่ช่วยขัดเกลา...

อจิตตะ...

 

ครายออนตอบคำถาม เกี่ยวกับเรื่องพระเยซูคริสต์กับพระพุทธเจ้า

ที่มา: http://kryon.com/inspiritmag/archives/Q-A archives/2003-Q&A/Q&A-4thquarter.html#18


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

คำถาม:

ครายออนที่รัก โปรดให้ความกระจ่างแก่พวกเราด้วยเถอะ
เกี่ยวกับบทบาทของศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านนี้ ซึ่งก็คือพระพุทธเจ้า และ พระเยซูคริสต์
เพราะว่าถ้าใครได้เคยศึกษาชีวประวัติและผลงานของท่านทั้งสองนี้อย่างจริงๆจังๆมาแล้ว
ก็จะรู้สึกว่าพวกท่านไม่ได้เทศนาสั่งสอนในสัจธรรมหรือความจริงเดียวกัน

แต่ว่า..ถ้าพระเจ้ามีเพียงหนึ่งเดียวจริงๆ มันก็ควรที่จะมีสัจธรรมเพียงหนึ่งเดียวด้วยสิใช่ไหม๊
แล้วถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ระหว่างคำสอนที่ขัดแย้งกันของทั้งสองท่านนี้ คำสอนไหนคือสัจธรรมที่แท้จริง?

เพราะว่าดูเหมือนว่าคำสอนของท่านหนึ่งจะบอกว่าการหมดสิ้นซึ่งความอยากแล้ว
คือประตูสู่อมตะธรรมหรือพระนิพพาน ส่วนของอีกท่านหนึ่งกลับบอกว่า
โดยการยอมรับในการไถ่บาปบนไม้กางเขนแทนมวลหมู่มนุษยชาติของพระองค์
ที่ได้ทำไปแล้ว พวกเราก็จะสามารถสร้างสันติสุขกับพระเจ้าได้แล้ว
และพวกเราก็จะมีชีวิตนิรันดร์อย่างแน่นอน

คำตอบ:

สิ่งที่คุณได้ถูกสั่งสอนมาตั้งแต่ในอดีต จนถึงทุกวันนี้ ทำให้คุณต้องถามคำถามแบบนี้
แต่ถ้าคุณเข้าใจแล้วว่า คำสอนทั้งสองนั้น แท้ที่จริงแล้วคืออะไร คุณจะไม่ถามคำถามนี้เลย

“ประวัติศาสตร์” ที่ปรากฎอยู่ในทุกวันนี้นั้น คือประวัติศาสตร์ที่ถูกดัดแปลงแก้ไขใหม่มาโดยตลอด
โดยบรรดาผู้นำของทั้งสองศาสนานั้น

แนวความคิดที่ว่าให้ยอมรับในการไถ่บาปบนไม้กางเขนของพระเยซูนั้น
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ของผู้ที่เป็นคุรุแห่งความรัก ที่ชื่อพระเยซูคริสต์ด้วยซ้ำไป
เพราะว่าบทละครฉากนี้ทั้งฉาก ได้ถูกสร้างขึ้นมาภายหลัง จากการคาดเดาที่ผิดๆ
และมันก็ได้ทำความสำเร็จให้แก่ผู้ที่ต้องการจะควบคุมฝูงชนโดยอาศัยศาสนาแล้วซะด้วย
(ซึ่งประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ประสบผลสำเร็จเช่นนั้นจริงๆ)

ส่วนพระพุทธเจ้านั้น (พระสิทธัตถะ) ความประสงค์ที่แท้จริงของพระองค์
จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ก็ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมดเลยด้วยซ้ำไป

เพราะคำสอนของท่านทั้งสองนี้ ได้ถูกอายัดไปตั้งแต่ในยุคแรกๆแล้ว
แล้วหลังจากนั้น จึงได้ถูกนำมาดัดแปลง-ต่อเติม-ปรับปรุง-แก้ไขซะใหม่
เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของบรรดาผู้ที่มีหน้าที่ควบคุมคำสอนเหล่านี้

ข้อมูลข้างบนนี้อาจจะทำให้คุณรู้สึกเสียใจ
แต่พวกเราก็รู้ว่า คุณสามารถที่จะ “เข้าถึง”
ศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านนี้ได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ
และเมื่อคุณทำเช่นนั้นแล้ว คุณก็จะได้ค้นพบว่า
“สัจธรรมคืออย่างเดียวกัน”

การหลุดพ้นขั้นสูงสุดสำหรับทุกผู้ทุกนาม
อยู่ภายในตัวพวกคุณเองอยู่แล้ว
พวกคุณมั่นใจได้เสมอและตลอดไปว่า
พวกคุณจะมีสันติภาพกับพระเจ้า
เพราะว่าพวกคุณคือส่วนหนึ่งของพระเจ้า

ซึ่งแม้แต่พระเยซูคริสต์ก็ยังเคยพูดเอาไว้เลยว่า พวกคุณก็สามารถที่จะเป็นอย่างพระองค์ได้
ซึ่งก็คือเป็นบุตรแห่งพระเจ้านั่นเอง

แล้วพวกคุณจะสามารถพิสูจน์ความถูกต้องของข้อมูลนั้นได้อย่างไร
ในเมื่อมันไปขัดกับสิ่งที่ในท้ายที่สุดแล้ว ได้กลายไปเป็นข้อบัญญัติทางศาสนาไปเสียแล้ว?
คุณไม่รู้บ้างเลยเหรอว่า มันไม่ได้มี “การรับขึ้นไป” เกิดขึ้นจริงๆตามที่มันได้ถูก “ระบุช่วงเวลา” เอาไว้?

(หมายเหตุ: การรับขึ้นไป หรือ Rapture คือ..เมื่อใกล้ถึงวันสิ้นโลกแล้ว
บรรดาผู้ที่มีศรัทธาบริสุทธิ์ต่อพระเยซูคริสต์ ก็จะลอยขึ้นไปกลางอากาศแล้วหายไป
เพื่อไปอยู่กับพระองค์ ทิ้งให้คนที่ไม่มีศรัทธาอยู่บนโลกนี้เพื่อรอรับโทษทัณฑ์ต่อไป – ผู้แปล)

แล้วคุณรู้บ้างไหม ว่าพระเยซูคริสต์ก็ได้เคยสอนเรื่องเกี่ยวกับ การมีอดีตชาติของพวกคุณเอาไว้ด้วย?
แล้วคำสอนนั้น มันไปอยู่ตรงไหนในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล? แล้วทำไมมันถึงหายไป?

สิ่งต่างๆมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นเสมอไป ดังนั้นตอนนี้
คุณจะต้อง “มองข้าม” สิ่งที่มนุษย์พวกนั้นได้มอบให้กับพวกคุณมา หรือ ได้ตัดมันออกไปเสีย
จงมองข้ามสิ่งที่พวกเขาได้ดัดแปลงแก้ไขหรือตัดมันออกไปจากคำสอนดั้งเดิมของศาสดาทั้งสองนี้เสีย
แล้วจากนั้น จงไปดึงเอาความจริงมาจากข้างในตัวของคุณเองแทน เพราะว่าตอนนี้มันถึงเวลาแล้ว

และเมื่อคุณทำเช่นนั้นแล้ว คุณก็จะรู้สึกสงบและสนับสนุนความถูกต้องของคำสอนทั้งหมด
ของศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านนี้ ที่ได้สืบทอดกันมาจากอารยธรรมสู่อารยธรรม
ที่ได้สั่งสอนเกี่ยวกับความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกผู้ทุกนาม
และที่ได้เปิดเผยถึงความยิ่งใหญ่ของมวลหมู่มนุษย์ชาติ

จงอย่าปล่อยให้เรื่องนี้ไปสั่นคลอนศรัทธาของคุณได้ เพราะว่าความรักของพระเจ้า
ก็ยังคงจะเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดอยู่เสมอ ในบรรดาสิ่งต่างๆทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้
และถ้าคุณค้นหา คุณก็จะได้ค้นพบ “คำสอนที่แท้จริง” ของทั้งสองท่านนี้
แล้วคุณก็จะยิ่งรักศาสดาทั้งสองท่านนี้มากขึ้นไปอีก

.................