เหลือเชื่อว่ายังมี! เจอหมู่บ้านถือศีล 5 นับหมื่่นครัว ตลอดเวลา 20 ปี

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย navycom33, 8 พฤษภาคม 2014.

  1. ตาลเดี่ยว

    ตาลเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +425
    อนุโมทนาสาธุครับ อ่านแล้วรู้สึกดีใจและชื่นใจมากๆครับที่ทราบว่าประเทศไทยยังมีหมู่บ้านที่ถือศีลห้า ไม่ทานเนื้อสัตว์และไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหมูบ้าน หายากจริงๆ ขอให้รักษาความดีนี้ไว้ตลอดไปนะครับ:cool:
     
  2. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    อืมมม .. ข่าวนี่เนาะ กะเดี๋ยวหมู่บ้านจะไม่สงบอีกหรือเปล่า ดูอย่างยายยิ้มสิ พอข่าวออกก็มีนักศึกษาไปหา บอกว่าไปเยี่ยม บอกว่าไปศึกษาชีวิตของยาย อยู่ได้อย่างไร ช่างเป็นเรื่องแปลก ยายไม่มีส้วม ก็ไปสร้างส้วมให้ แต่ละคนมากมายหลากหลายต่างเข้าไปหาดูของแปลก ชีวิตที่ราบเรียบ จากที่สงบ ต่างกลับกลาย จากที่อยู่ง่ายๆ ตอนนี้ก็มีภาระมากขึ้น เมื่อก่อนขี้ก็เป็นปุ๋ยไป ภาพแวดล้อมในป่าก็คงเดิม เดี๋ยวนี้มีคนขึ้นไป ขยะก็มากขึ้น ส้วมก็ต้องล้าง น้ำก็ต้องตักใส่ตุ่ม เมื่อก่อนอยู่สบายๆ ปวดหนักเบาเข้าป่าก็เสร็จแล้ว จากที่มีเวลาเงียบๆ (ไม่กล้าบอกว่ายายปฎิบัติธรรมเพราะไม่เห็นด้วยตา) ตอนนี้คงไม่เงียบแล้วล่ะ ค้นอยู่นั่นแหละหนอ .. คน

    ถ้าเป็นสมัยพุทธกาล คนสมัยนี้คงเป็นคนแปลกสำหรับพวกเขา

    ข่าวออกแบบนี้หลายๆคนแม้แต่ดิฉันเองก็พลอยยินดีไปด้วย

    พอมีเรื่องดี เรื่องที่ตรงข้ามก็ตามมาเช่นกัน ... มันเป็นอย่างนั้นเสมอ
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,300
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พระสงฆ์องค์ที่ในหลวงเสด็จไปหาด้วยพระองค์เอง เป็นสิ่งที่สังเกตุได้อยู่แล้วว่าเป็นเช่นไร

    ------------------------------------------------------------------




    ในสมัยที่ครูบาศรีวิชัย ท่านรวบรวมผู้คนสร้างทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ เมื่อมาถึงโค้งขุนกันท์ ซึ่งใครๆที่เคยขึ้นไปแล้ว คงทราบดีว่าเป็นโค้งสุดท้ายก๋อนเข้าเขตวัด ที่ต้องตั้งหลักรถดีๆ สมัยก่อนมีหินก้อนใหญ่ที่หนักมาก ไม่มีใครเคลื่อนได้เลย ไม่ว่าจะใช้วิธีใดๆ


    มีคนกราบเรียนปรึกษาครูบาศรีวิชัยเจ้า ว่าจะทำเช่นไร

    ท่านตอบว่า "ให้รอพระครูบาวงศ์ฯ"


    ขณะนั้นครูบาวงศ์ฯท่านอายุได้ ๒๒ ปี ท่านเดินทางกลับมาหาครูบาศรีวิชัยพร้อมกับชาวกะเหรี่ยงที่เป็นศิษย์ของท่าน เพื่อช่วยครูบาศรีวิชัยสร้างทางขึ้นดอยสุเทพในครั้งนี้ ครูบาศรีวิชัยได้เมตตาให้ท่านเป็นกำลังสำคัญทำงาน ร่วมกับครูบาขาวปี ในการควบคุมชาวเขาช่วยสร้างทางอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ยากลำบาก เช่น การสร้างถนนในช่วงหักศอกก่อนที่จะถึงดอยสุเทพ (ช่วงที่คนวิพากษ์วิจารณ์ครูบาศรีวิชัยกันมากที่สร้างถนนหักศอกมากเกินไป)

    ในระหว่างกำลังสร้างทางช่วงนี้ ได้มีหินก้อนใหญ่มากติดอยู่ใกล้หน้าผา จะใช้กำลังคนหรือช้างลากเช่นไร ก็ไม่ทำให้หินนั้นเคลื่อนไหวได้ ชาวกะเหรี่ยงที่ทำงานอยู่นั้นจึงไปกราบเรียนให้ ครูบาศรีวิชัยทราบ ท่านจึงให้คนไปตามหลวงพ่อซึ่งกำลังสร้างทางช่วงอื่นอยู่ เมื่อหลวงพ่อวงศ์มาถึงท่านได้ยืนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้เดินทางไปผลักหินก้อนนั้นลงสู่หน้าผานั้นไป เหตุการณ์นี้ทำให้ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์แปลกใจไปตามๆ กันที่เห็นท่านใช้มือผลักหินนั้นโดยไม่อาศัยเครื่องมือใด ๆ ครูบาศรีวิชัยได้ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ท่านด้วยความพอใจ ในเรื่องการสร้างทางนี้ ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาได้บันทึกไว้ว่า

    “…แล้วอยู่ถึงเดือนยี่ออก ๓ ค่ำ วันพฤหัสบดี มีครูบาเจ้าศรีวิชัยและพระชัยยะวงศา และพระยาพหลพลยุหเสนา และหลวงศรีประกาศ ภายนอกมีพ่อเจ้าแก้วนวรัตน์ เป็นประธาน พากันไปที่ตีนดอยสุเทพ ลุ่มโรงสีหลวงประกาศ”

    มีครูบาเจ้าศรีวิชัยลงมือเริ่มแรกขุดทางขึ้นดอยสุเทพ และพ่อเจ้าแก้วนวรัฐลงขุดตาม พระยาพหลพลพยุหเสนาขุดตาม หลวงศรีประกาศก็ขุดตาม พระชัยยะวงศาก็ขุดตามทีละรูปทีละคน ท่านละ ๓ ครั้ง ครั้นแล้ว ก็กลับมาวัดสวนดอก ส่วนพระชัยยะวงศากับศรัทธาที่ไปด้วยกัน ก็พากันกลับเมืองตืน แล้วไปวัดจอมหมอกที่เดิม

    อยู่ไปถึงเดือนยี่แรม ๔ ค่ำ พระชัยยะวงศาก็พาศรัทธายางโฮ้ง ยางดอย มากมายขึ้นไปค้ำสมภารครูบาเจ้าศรีวิชัยทำทางขึ้นดอยสุเทพ ครั้นไปถึงวัดใหม่ศรีโสดาแล้วเข้าไปนมัสการครูบาเจ้าศรีวิชัยทำทางขึ้นดอยสุเทพ ครูบาเจ้าก็บอกให้พระชัยยะวงศาว่า

    “ให้ธุหาหมู่ยางขึ้นไปขุดทางตรงทัดที่ทางโค้ง ขึ้นไปหาห้วยแก้วพู้นเทอะ”

    พระชัยยะวงศาก็พายางและไตย แปลงตูบอยู่เป็นที่แล้ว ก็ขุดทางขึ้นไปได้เป็นช่วงๆ ไปเลยจนถึงน้ำบ่อเต่า ครั้งแล้วก็ลงมาช่วยครูบาอภิชัยขาวปีตัดหัวหิน เอากระเทียมกรีดชักแนว แล้วเอาน้ำมันไขวัวเจียดทาตามรอยกระเทียม แล้วหาฟืนมาถมมากๆ แล้วก็เอาไฟเผาจนไฟจะวอด แล้วให้หมู่ยางหาน้ำมารดไฟและหินร้อนนั้นพร้อมกัน หินผานั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

    ส่วนหินแตกนั้นให้หมู่ยางขนออกก่อสร้างสะพานหินต่อ ส่วนหินผาที่ใหญ่กว้างหนามาก ครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี กับพระชัยยะวงศาก็พาศรัทธายางและไตยพยายามเผาหินผานั้นจนหมด จนได้เป็นถนน รถเดินขึ้นไปได้ ถนนเส้นนี้ทางราชการตั้งโครงการไว้เป็นเงินงบประมาณการก่อสร้างไว้ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ถ้าจะทำต้องใช้เวลา ๕ ปี จึงจะทำได้ตลอดไปจนถึงตีนบันไดนาคที่รถจะขึ้นลง

    ครูบาเจ้าศรีวิชัยและครูบาอภิชัยขาวปี พระชัยยะวงศาพาศรัทธาทั้งยางและไตยทั่วสารทิศช่วยกันสร้างถนนเส้นนี้ ตั้งแต่ลุ่มโรงสี หลวงศรีประกาศได้ ๕ เดือน ๒๒ วัน ถึงตีนบันไดนาคดอยสุเทพ ๕ เดือนเต็มกับ ๒๒ วัน เจ๊กโหงวเอารถให้ครูบาขี่ขึ้นไปถึงลานสนามตีนดอยบันไดนาค แล้วพวกพระและเณรลูกศิษย์ครูบากับหลวงอนุสารสุนทรและขุนยุหว่า และขุนกัน อยู่ร่วมกันเป็นขบวนและครูบาอภิชัยขาวปีอีกองค์หนึ่งอยู่เป็นขบวนเดียวกัน ให้ช่างถ่ายรูปหมู่วันนี้แล แล้วครูบาเจ้าศรีวิชัยขี่รถเจ๊กโหงวลงมาวัดศรีโสดาวันนี้แล


    ฯลฯ
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,300
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    ชาวเขา ชาวกระเหรียง คนในป่า สมัยก่อน ส่วนมากนับถือผี
    และไม่ใช่แค่นับถือธรรมดา ที่ของแรงๆก็มีมาก การที่พระครูบาวงศ์ท่านจะสอนเค้าให้เลิกับถือผี แล้วมานับถือพระ ถือศีลห้า งดเว้นการเอาสัตว์มาเลี้ยงเพื่อรอวันฆ่าเป็นอาหาร
    นั้นไม่ใช่ธรรมดา


    นั่นต้องอาศัยบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ ในการโปรดคนพวกนี้

    ที่เห็นกับตาตัวเอง ก็เคยเล่าให้ฟังไปบ้างแต่ขออีกสักรอบ


    ตอนนั้น ยังไม่สร้างเจดีย์ศรีเวียงชัย พรรคพวกที่กทม.มาทัวร์กราบพระกัน

    ครูบาท่านก็เคี้ยวหมากตามประสาพระที่มีอายุทั่วไป

    จู่ท่านก็ขว้างหมากมายังกลุ่มคนกลุ่่มหนึ่งตรงที่ผมนั่งนั่นแหละ

    ตอนแรกคงคิดว่าหมากธรรมดา ที่ไหนได้ หยิบหมากขึ้นมา กลับมีพระรอดอยู่ในหมาก

    แล้วใครจะอมพระไว้ในปากแล้วเคี้ยวหมากไปด้วย


    +++++++++++


    อีกเรื่อง เพื่อนสนิทท่านหนึ่ง คนนี้ก็บำเพ็ญโพธิญาณ
    ไปถวายบีบนวดให้ท่าน

    เอ๊ะ ทำไม เจ้าเพื่อนเรานั่งหลับ
    ครูบาก็นอนนิ่ง

    สักห้านาทีก็เคลือนกาย ขยับตัวกัน

    อ้อ สองคนคุยกันทางจิต ครูบาท่านชวนเพื่อนเราไปเป็นสาวกด้านฤทธิ์

    แต่เพื่อนเรากราบบอกท่านว่า ก็จะเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกัน ก็เลยถ่ายทอด
    วิชากันไปทางจิต ตอนนิ่งๆนั่นแหละ ......


    มีเยอะมาก เรื่องของท่าน ไม่เสียทีที่ได้พบ
     
  5. siranyapat

    siranyapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +382
    สาธุๆๆอนุโมทนาค่ะจะมีวาสนาได้ไปเยี่ยมไหมน้อ
     
  6. Moderator6

    Moderator6 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +3,721
    ถ้ามีคนขยายไปหลายๆ จุดในประเทศไทยน่าจะดีครับ
     
  7. sutongperd

    sutongperd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +1,047
    สาธุ ขอให้มีทุกหมู่บ้านในดินแดนไทย และนานาชาติ
     
  8. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    น่าย้ายไปอยู่ อยากอยู่กับสังคมแบบนี้จริงๆ
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,300
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    คนชนบท จำนวนมาก มีจิตใจใสซื่อ

    ถ้าจำประวัติหลวงปู่มั่นที่หลวงตาพระมหาบัวท่านเล่าไว้ คงจำตอนที่หลวงปู่มั่นให้พวกเค้าช่วยกันตามหาดวงแก้วพุทโธกันได้


    พอพวกเค้าได้พบกับพระธรรมจาริกที่ทรงคุณธรรมสูง มาเป็นผู้ชี้ทาง การเข้าถึงธรรมของพวกเค้าจึงเข้าถึงได้ง่าย

    หลายอย่างที่หลายคนคุยฟุ้งกันในเว็บต่างๆ ถ้าไปคุยกันด้วยภาษาวิชาการ พวกชาวเขา
    ชาวบ้านพวกนี้เค้าไม่รู้เรื่อง แต่เค้าทำได้กันหลายคนครับ

    ผมเคยไปใช้ชีวิตกับพวกเค้าแล้ว สมัยยังหนุ่มๆ สมัยครูบาวงศ์ท่านยังครองกายเนื้ออยู่ เหมือนผมอยู่อีกโลก เป็นโลกที่เบากาย เบาจิต เบาใจ
    กลับเข้ามาสังคมเมืองแล้วจะรู้สึกถึง กระแสกิเลสตัณหา ฯลฯ แวดล้อมตัวได้ง่ายมาก

    ถึงแม้ปัจจุบัน อาจมีความเจริญทางวัตถุเข้าไปหาพวกเค้าบ้าง
    แต่ธรรมปฏิบัติที่กลมกลืนเข้ากับวิถีชีวิตของเค้ามานาน ไม่ทำให้พวกเค้ามีจิตใจที่ฟุ้งเฟ้อไหลไปกับกิเลสตัณหาอะไร
     
  10. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    พี่ดาบหัก ดิฉันไปหาอ่านประวัติหลวงปู่แหวน ท่านเกี่ยวข้องกันกับ ครูบาศรีวิชัย ครูบาขาวปีจริงๆด้วย แต่ก็ยังอ่านไม่มาก เดี๋ยวไปหาศึกษามาก่อน เรื่องที่หลวงปู่มั่นให้คนดอยตามหาพุทโธนั้นเคยอ่านมาแล้ว ยิ่งค้นประวัติพ่อแม่ครูบาอาจารย์ยิ่งได้ความรู้มากขึ้น เป็นคนเหนือที่ไม่รู้เรื่องพระทางเหนือเลย น่าอายแท้ๆ
    ถ้าพี่มีประวัติที่เกี่ยวกับหลวงปู่แหวนช่วยไปต่อใน ใต้ร่มฯให้หน่อย :cool:
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,300
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451


    เรื่องของท่าน คงมีคนเล่าไว้ในโลกออนไลน์ไว้เยอะแล้ว
    ลองหาดูคงได้อะไรเยอะ

    เอาที่ผมทราบ และยังไม่ได้เล่า ยกตัวอย่างเช่น

    คืนที่ท่านจะละกายสังขาร ปรากฏดวงไฟดวงใหญ่มากลอยขึ้นสูง
    แล้วแตกกระจายย้ายไปยังที่ต่างๆ เช้ามาถึงทราบว่า เป็นท่านเองที่ละสังขารแล้ว

    ผมศรัทธาในความบริสุทธิ์ของท่านมาก
    คิดดูแล้วกันว่า.............ขนาดเศษอาหารที่ท่านฉันเหลือ ตอนที่ท่านมาพัก
    รักษาตัวที่โรงพยาบาล ผมเก็บไว้บนหิ้งพระ เดิมเป็นเม็ดข้าวสวยสีขาวและเศษอาหาร ก็กลายเป็นแก้วสีขาวใส และเหลืองใส

    นี่ขนาดอาหารที่ท่านเพ่งพิจารณาด้วยจิตบริสุทธิ์ยังกลายเป็นแก้ว
    คงไม่ต้องคิดอะไรมาก กับพระธาตุเนื่องกับกายท่าน
     
  12. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    พูดถึงหินและหน้าผาใหญ่ที่เป็นโค้งขุนกัณฑ์ในปัจจุบัน ตรงที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยรอให้พระครูบาวงศ์ฯ มาช่วยนั้น ตามประวัติเล่าความเป็นมาว่าทำไมถึงตั้งชื่อโค้งขุนกัณฑ์ดังนี้(เหมือนญี่ปุ่นเรื่องเนอะ ทุกอย่างต้องมีที่มา และ Story ซึ่งเรียกว่ามีประวัติศาสตร์ ขายได้)

    โค้งขุนกัณฑ์.
    สืบเนื่องจากในปี พ.ศ.2478 พระคุณเจ้าครูบาศรีวิชัยได้ทำการก่อสร้างทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพจนมาถึงช่วงสุดท้ายประมาณ1กิโลเมตรก่อนถึงเชิงหัวบันไดนาค คณะสร้างทางต่างเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้าและหมดทุนทรัพย์
    ขุนกัณมีแรงศรัทธาต่อครูบาฯ จึงได้อาสารับผิดชอบต่อ และได้สละทั้งแรงกายและทุนทรัพย์ส่วนตัวทั้งหมดทำให้ถนนสร้างเสร็จโดยตัดถนนตามที่ครูบาเถิ้มแนะนำต่อครูบาศรีวิชัย ซึ่งเป็นช่วงทางโค้งหักศอกและเป็นภูเขาหินสูงชันยากลำบากในการสร้างสมัยนั้น แต่ก็สามารถทำจนสำเร็จจึงตั้งชื่อเป็นเกียรติ์แก่ผู้ที่สร้างจนสำเร็จว่า "โค้งขุนกัณ"
    ทั้งนี้ ขุนกัน แต่เดิมเป็นชาวไทยใหญ่ ชื่อว่า ส่างกันนะ อาศัยที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ต่อมาสมรสกับ นางวันดี บุตรีของพญานาวาที่เชียงใหม่และทำการค้าจนเจริญรุ่งเรืองเป็นที่รู้จักมักคุ้นของเจ้านายฝ่ายเหนือและพ่อค้าวาณิชย์
    ในปี2460 ได้เป็นผู้สร้างสนามบินเชียงใหม่ ให้แก่ทางราชการโดยทุนส่วนตัวทั้งหมด และเมื่อมีพิธีเปิดสนามบินครั้งแรก สมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ได้เสด็จทรงเปิดงานและมอบพระฉายาให้เป็นที่ระลึก และยังได้รับพระราชทานศักดินาขึ้นเป็น ขุนกัณ ชนะนนท์
    นอกจากนี้ยังได้มีส่วนร่วมสร้างตึกบังคับการค่ายทหาร(ค่ายกาวิละ ในปัจจุบัน)อีกด้วย(ยังไม่รวมศาสนสถานต่างๆอีกมายมาย)
    ปัจจุบันลูกหลานได้จัดสร้างรูปหล่อแล้วประดิษฐ์ไว้ที่โค้งขุนกัน เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งคุณงามความดีและความเพียร อีกทั้งป้องกันความเข้าใจผิดที่มักมีผู้"เดาเอาเอง"ว่าตั้งชื่อเพราะท่านมาเสียชีวิตที่นี่ ฯลฯ
     
  13. Earth n Water

    Earth n Water เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +2,088


    ดีใจมากๆที่ยังมีหมู่บ้านรักษาศีล5 และทานมังสวิรัติแบบนี้ในป.ท.ไทย
    เป็นบุญกุศลแก่ทุกคนในหมู่บ้านนั้น น่าชื่นชมและสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง
    พลอยอิ่มใจไปด้วย ขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ

     

แชร์หน้านี้

Loading...