ประสบการณ์ที่ทำให้เรามั่นใจ ว่าเราคือ "พุทธภูมิ"

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย KomAon11, 11 กรกฎาคม 2006.

  1. n18_master

    n18_master เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +155
    มาเสือกแบบคน นอนไม่ค่อยจะหลับ 555
    ถามประสบการณ์ก็ต้องตอบว่า อ่านเจอในหนังสือ
    ถึงความยิ่งใหญ่ ของพระพุทธเจ้า แล้วเชื้อเก่าในใจมันปะทุ
    ความอยากมันทะลักทะล้นออกมาจนให้ตายตรงนั้นเพื่อจะได้
    เป็นพระพุทธเจ้าเลยก็ยอม จะให้ฝ่าเปลวไฟผ่าน 10000 ห้องจักวาล
    ก็ยังไหว เป็นไง ไอ้คนบ้าๆ บ๊องๆ พันธ์นี้ 555
    นี้อะ ประสบการณ์ บ้าๆบวมๆ ของผม 555
     
  2. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    ต.ย. ที่สังเกตมาเวลาให้ผู้ทรงศีลท่านให้พร ท่านก็ให้พรยาวๆ และมีคำว่า ขอให้ท่านสำร็จพระโพธิญาณดั่งที่ท่านหวังโดยเร็ว

    จะฝันถึงพระสงฆ์ บ่อยๆ พระท่านจะมาสงเคราะห์ในนิมิต และสามารถพิสูจน์ได้ว่าท่านมีจริงไม่ได้อุปาทาน

    เวลาไปกราบพระ ครั้งแรกๆที่เราได้ไปกราบท่าน ท่านจะรอรับการมาของเรา ด้วยท่านเมตตาและโมทนาในบุญที่เราทำมาตั้งแต่อดีต เพราะว่าท่านมีญาณรู้ว่าผู้ใดมา ท่านจึงสงเคราะห์ให้ได้กราบอย่างใกล้ชิด
     
  3. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    โดนรถชนค่ะ ตอนกระเด็นเปรี้ยงลงไปฟาดพื้นถนน จิตจะหลุด

    จิตก็พูดคำว่า พระพุทธเจ้า ขึ้นมาคำเดียว เท่านั้นเป็นอันรู้เรื่องว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาตอนเด็กๆ ทำไมชอบไปยืนดูภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติตามวัดเอามากๆ เพราะอย่างนี้นี่เอง
     
  4. มรรค 8 ประการ

    มรรค 8 ประการ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    884
    ค่าพลัง:
    +2,642
    ไม่ทราบว่าจะฟังประวัติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมบรมครู ที่คุณ Generationxxx กล่าวถึงได้ที่ไหนครับ
     
  5. NikuSeed

    NikuSeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +724
    เบื่อโลก
    เกิดมาทำไม
    เกิดมาแล้วก็วนๆ เรียน ทำงาน แต่งงาน แก่ ตาย แล้วก็เกิดอีก
    วนไปวนมา เพื่ออะไร...

    คิดแบบนี้แล้วรู้สึกอึดอัดจนแทบจะตายซะให้ได้ แล้วคำว่า "พระพุทธเจ้า" ก็แว๊บขึ้นมาในหัว
    ก็นะ...ตอนนี้จำความรู้สึกตอนนั้นได้ไม่แม่นเท่าไหร่แล้ว แต่พอจะรู้สึกได้ว่าถ้าคำนี้ไม่ผุดขึ้นมาในหัว อาจจะตายจริงๆก็ได้...


    เป็นเรื่องมหัศจรรย์เรื่องแรกในชีวิต แล้วก็ใหญ่ที่สุดเท่าที่เ้คยเจอมาเลยล่ะครับ >w<
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2010
  6. 26

    26 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +374
    สาธุ สาธุ จะขอเป็นกำลังให้โพธิสัตทั้งหมด หากเหนื่อยนักพักแดนนิพพาน
    ก่อนชั่วคราว แล้วค่อยลุยต่อ
     
  7. 26

    26 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +374
    หากใครอยากไปการเมืองไปดาวดึงขอท่านปู่ท่านย่าชักนำเจอคนช่วยปูทาง
    ให้ได้ดังใจ อีกไม่นานค่อยเจอกัน
     
  8. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    หือ...พักแดนพระนิพพาน -*- อารมณ์น่ะพอเข้าถึงได้ แต่ ปัดโธ่..จิตจริงมันไปไม่ได้ ยังไม่สำเร็จจะไปยังไงล่ะจ้ะพ่อคุณ ไอ้ที่ไปได้กันน่ะ ตอนนั้นจิตมันว่างจากกิเลส และ กำลังผู้ใหญ่ ท่านช่วยถึงไปได้หรอกนั่น ลองเอากำลังตัวเองสิ อยากจะหัวเราะ เหอะๆ ไม่เชื่อลองดูได้นะไม่ต้องอาราธนาบารมีองค์ไหนเลยนั่นล่ะจะรุ้กำลังตัวเองว่าแค่ไหน

    ขอทุกท่านโปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตราบเท่าเข้าพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  9. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    ประสพการณ์ เรื่อง พุทธภูมิ ของข้าพเจ้า

    ไม่รุ้จะเล่ายังไง รู้แต่ว่า พอเริ่ม 7 ขวบ(จำได้เพราะเด็กๆความจำบังเอิญดี) คุณตา พาสวดมนต์ เห็นพระพุทธรูป ก็ตั้งใจ จะเป็นพระพุทธเจ้า หลังจากนั้นมา ความรุ้สึก ตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้าก็มีมาโดยตลอดไม่หายไปเลย

    แล้วพอมาได้ฟังคำสอนพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ ก็ยิ่งจับใจมากขึ้นแต่นั่นยังไม่ใช่จุดที่ แน่ชัด ตอนนี้ ประมาณอายุ 14 เริ่มมีเรื่องประดังประเดเข้ามา เยอะมาก
    จนแทบเอาชีวิตไม่รอด(ถ้าไม่เจออาจารย์ที่ข้าพเจ้าเคารพยิ่งทุกลมหายใจจนถึงตอนที่พิมพ์นี้ล่ะนะ) ได้มาพบกับอาจารย์ของข้าพเจ้า ท่านทักว่า เห้ย เงาหัวเอ็งหายไปไหนนี่ ข้าพเจ้าตอนนั้นไม่คิดอะไร เพราะ อกุศลกรรมมันสิงใจไปจนหมดสิ้นแล้ว แล้วท่านก็ชวนให้มาอยุ่ที่วัดท่าซุง (จริงๆไม่อยากเล่าเลยว่าวัดไหนแต่เห็นว่าข้อมูลจะไม่ตรงเลยนำมากล่าวไว้) ข้าพเจ้า ก็ตอบตกลงมาอยุ่ไม่รุ้ทำไมถึงตกลง แต่รุ้สึกผูกพันมากๆกับอาจารย์ ก้ตกลงมาอยุ่ด้วย พอได้มาอยุ่ก็ได้เห็นอะไรที่แปลกไปมากมาย ข้าพเจ้าก้ได้รับการอบรบ ฝึก และ สั่งสอนให้เป็นคนใหม่ ตั้งแต่มาอยุ่วัน แรกๆ ก้ สอนเรื่องเดี่ยวกับศีล ตอนนั้นบอกตรงๆ ไม่รุ้จะรักษาไปทำไป ไม่เห็นเหตุผลและความดีในการรักษาศีล ก็ทำไปส่งเดช สวดมนต์ก็ไม่ไป เพราะไม่รุ้จะไปสวดเพื่ออะไร สวดให้มันได้อะไรขึ้นมา (ดูนะสันดานเลวๆแบบนี้ยังกล้าปราถนาอีก) ละก็อยุ่ไปยังงั้นเองแหล่ะ ก็ ได้ซึมซับมาทีล่ะน้อยโดยไม่รุ้ตัว เกี่ยวกับการ ดูแลหมาที่วัด หลายๆอย่าง จนวันนึงโดน สั่งไปฝึก มโนมยิทธิ ที่ พระวิหารแก้วร้อยเมตร ก้ไปทำตามที่เขาบอกแหล่ะ ฟังเทปหลวงพ่อตัดสินใจตาม ก็ไม่เห็นมีอะไรยาก (แต่อย่าหลงไปผู้ใหญ่ท่านช่วยตะหาก) ก็ พุ่งไปเหมือนกันแหะ แต่ไม่ได้ตอบคำถามของครูฝึกหรอก เพราะ พอไปได้ไอเรามันไม่เหมือนเขาสิ พวกนั้นเห็นแก้วเห็นเพชรเขาให้เราดูตั้งแต่บันไดขึ้นเลยนะ
    ข้าพเจ้าดันเห็น บันไดพญานาคธรรมดา เขียวๆ ก้ไม่เห็นจะแปลกแต่เห็นชัดดีมาก เลยไม่ตอบ มันไม่เหมือนเขา ละพอที่ต่อไป เขาให้ไป พระจุฬามณี ก้ตั้งใจเข้าไปนะ ดันมี ใครไม่รุ้มาขวางทางซะอีก(ไปกันใหญ่เขาไปไหนกันแล้วนี่) ก็กราบไว้ก่อน ไม่รุ้ล่ะว่าท่านเป็นใครกราบดะ แล้วปากพล่อยๆก้ถามไปว่าท่านเป็นใครมาขวางผมทำไม ท่านเอ่ยพระนามท่านออกมา ซึ่ง ทำให้ ตกใจไปนิดหน่อย ท่านว่าท่าน ชื่อ มเหสักขา เลยถามต่อว่า ท่านเป็นอะไรกับผม ท่านตอบว่า เป็น พ่อ ครูฝึกก็พาทัวสนุกไปเลย พาเข้าไปชม แล้วมาถามข้าพเจ้าว่า พระจุฬามณีสวยไหม ปัดโธ่ ยังไม่ได้ไปไหนเลยนิ เจอกะพ่อเก่าอยุ่(ละมีมโนทำไมไม่ดูเล่าว่าใครอยุ่กะฉัน) ก็เงียบไปอีก ไม่ตอบซะอย่างใครจะทำไมเหอะๆ ก้เรยรุ้ว่าเรามีพ่อ อยุ่บนนั้นด้วย ก็จะไม่เล่ามากจะนอกประเด็นซะเปล่าๆ ส่วนสาเหตุตอนที่รุ้ว่าตนเองเป็นพวกพุทธภูมิ มาจาก ตอนที่ เห็นคนเดือดร้อนละ เข้าไปช่วย ไม่กลัวอะไรเลย ตอนนั้นบอกตรงๆ ลืมตาย 5 5 5 แล้วนิสัยมันเป็นแบบนี้แต่เด็ก ไม่เคยจะกลัวเลยตาย ไม่รุ้ทำไม พอเห็นคนอดอยากละเอาใหญ่มีอะไรขนไปให้หมดทำไงก็ได้ให้เขาอิ่ม จนตัวเอง ไส้กิ่ว หิวตาลายเลย อันนี้เปงปกติ ต้องบอกว่าปกติ ปัจจุบันก็ยังเป็นอยุ่แล้วก้ก็จะเป็นต่อไป พอยิ่งมาเจอ คำพูดอาจารย์ที่พูดเหมือนล้อเล่นนะล้อเล่นของท่านนี่น่าคิดมาก ท่านบอก ไอ้พวก 16 อสงไขย นี่ จริตมันหนัก จริงจริ๊ง ละข้าพเจ้าก็ไม่รุ้อีกตามเคย โง่ไปตามระเบียบ เหอะๆ แล้วพอมา เจอพุทธภูมิ ที่ ท่านปราถนา ทาง ปัญญาธิกะ ท่านบอกนะไม่ใช่ผมเสือกไปรุ้เองนะ ท่านก็แซวๆ ว่า เมื่อไหร่จะ เต็ม (ละจะรุ้มั้ยนี่แล้ว แก รุ้อะไรของแก ทำไมไม่เล่าให้ฉันฟัง) แล้วคนที่วัด ก็เดินหลบๆข้าพเจ้าบอกซุบซิบ ว่า พวกพุทธภูมิ (เจริญขอให้พวกแกเจริญนะ รุ้ล่ะไม่บอกอะไรมั่งเลย แล้วจะเดินหนีฉันทำไมนี่-*-) พอมาช่วงหลังนี่ล่ะถึงได้รุ้ว่า ตัวเอง ปราถนามานานแล้ว อันนี้มี พวกพุทธภูมิก็เจ้าเก่าแหล่ะก็คนแซวน่ะ(เขาเป็นพี่ชายเรามาเยอะเลยล่ะ)ที่บอกมา ไม่บอกนะว่าอยุ่เขตไหน จะเป็นการอวดโดยไร้สาระและประโยชน์มันก็ไม่มี มีแต่โทษ ก็เริ่ม กระจ่างแต่ยังไม่หมดความสงสัย ว่า จะจริงเหรอ มั่นใจมากเลยเรอะ ก้มั่วๆ ไปเรื่อยๆ ระยำมั่ง ดีมั่งไปตามเรื่อง จนได้ออกจากวัด มา ตอนนี้ อาจารย์ก่อนออกมาบอกว่า พ้นเขต(เกือบ 2 ปี ) แล้ว ก็เลยงง เลยถาม ท่านบอก ก็พ้นเขตเงาหัวไม่มีแล้วไง แล้วกันต่ออายุไม่บอกแบบนี้ก็มีด้วย บอกตรงๆ ตอนนั้นอยากตายมากไม่รุ้ทำไม ก็เลยเข้าใจ ละเหตุการณ์ที่ น่าจดจำและสอนใจของข้าพเจ้าก็คือ ตอนที่ออกจากวัดจะกลับบ้าน ไม่มีแม้แต่ญาติพี่น้อง หรือใครก็ตาม จะมา ห่วงเราจริงๆเลย นี่เป็นจุดที่สอนใจมาโดยตลอด เรื่อง สัญญา ของโลก นั้นไม่มีอะไร ที่เที่ยงแท้ ทั้งที่ข้าพเจ้าโทรไปบอกแล้วว่าจะกลับบ้านละนะ ก็บอก ว่ากลับเองนะ นี่คือ สัญญา ใน ธรรมที่ท่านกล่าวไว้จริงๆ มันเป็นแบบนี้จริงๆ โลกนี้มันเป็นแบบนี้ สุดท้ายก็กลับเอง อาจารย์มาเล่าให้ฟังทีหลังว่า ท่าน ยุ่งไม่ได้ นั่นเป็นเรื่องที่เราต้องเจอ ก็เลยกลับบ้าน ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วก็กลับมาอยุ่บ้าน แต่ยังมันยังไม่จบกับคำตอบเรื่อง พุทธภูมิ ยังค้นอยุ่ ก็มี ความฝันระหว่าง อายุ 20 ปี ได้ฝันว่า นั่งไปบนรถทัวขบวนหนึ่ง ข้าพเจ้านั่งอยุ่ที่หัวรถ ข้างบนสุด โดยมีสตรีท่าานหนึ่งนั่งอยุ่ข้างๆ ระหว่างนั้น ข้าพเจ้าเองได้พลัดตก เพราะตอนนั้นมันเหมือนไม่อยากทำแล้ว ไม่รุ้ว่าเป็นเพราะอะไร ไม่อยากไปต่อแล้วอยากหยุดเพียงเท่านี้(คิดถึงแต่พระนิพพานแล้วตอนนั้นจะไปให้ได้เลย) เลยปล่อยให้ตัวเองนั้น หล่นลงมาจากหัวรถ แต่มือก็คว้าจับ ที่ บังโคลนรถทัวไว้ ระหว่างที่จับมี ความคิดว่า จะปล่อยหรือจะไปต่อ(คิดว่าจะปล่อยอยุ่แล้วอยากไปนิพพานแล้วจริงๆ) ระหว่างนั้นเอง สตรีท่านนั้นได้ มาจับมือข้าพเจ้าไว้แล้ว บอกว่า จะรีบไปไหน อยุ่ช่วยกันก่อนสิ ไม่น่าเชื่อคำพูดเพียงเท่านั้นกับทำให้มีแรงขึ้นมาได้อย่างประหลาด ข้าพเจ้าจับมือนั้นไว้ แล้วดึงตัวเองขึ้นมาได้ ทั้งที่ หัวของข้าพเจ้า ก็ จะโดนล้อรถทับอยุ่แล้ว
    แล้วพอกลับมานั่งที่เดิม ก็หันไป เจอ รูปพระเดชพระคุณท่านใหญ่มาก เป็นรูปที่ใหญ่มากๆ
    แล้ว สตรี ท่านนั้น ก็ ได้นั่งคุ่กับข้าพเจ้าแล้วยิ้มให้ ทำให้ข้าพเจ้า ตัดสินใจว่าต้องไปต่อ(ไม่รุ้จะไปไหนแต่มันฮึดละนี่555) แล้วเหตุการณ์ในชีวิตช่างคล้ายกับฝัน ข้าพเจ้าได้มีโอกาส เดินทางไปอยุ่กับ อาจารย์ ซึ่ง ออกมาจากวัดท่าซุงด้วย เหตุผลของท่านเอง ตอนนั้น ข้าพเจ้าได้มีโอกาศ อยุ่ไกล้ชิดและ ได้เห็นอะไรหลายๆอย่างที่สอนข้าพเจ้าได้อย่างดีที่สุด ทั้งเรื่องเกี่ยวกับ สัญญาในใจสายใยของโลก และความจริงใจ ตั้งใจทั้งหลายนั้น มันยิ่งชัดเจนถึงคำว่า พุทธภูมิ ทางสายครูรู้ได้ด้วยตนเอง มีผู้คน เข้าออกมากมายในที่แห่งนั้นมีทั้งความเสียใจและดีใจ ลูกศิษย์ท่านเคยถามว่า ทำไมถึงไม่ไปนิพพาน นี่มันเลยมาแล้วนะตอบเค้าไปตามประสาโง่ว่า นรกมีไว้ลงโทษ สววรค์มีไว้ ตอบแทนความดี แล้วใคร ที่ จะบอกเค้าล่ะว่าอะไรคือดีอะไรคือไม่ดี ถ้าไม่มีคนบอกพวกเค้าแล้วพวกเค้าเหล่านั้นจะเดินทางไหนเค้าจะรุ้ไหมว่าดีที่แท้นั้นอยุ่ที่ใด ทุกคนอยากเป็นคนดี แต่ดีจริงๆ นั้นคืออะไร แล้วมาถามอีกว่า อยากไปนิพพานไหม ตอบไปว่า อยากไปสิ ต้องการจริงๆ แต่มันยังไปไม่ได้(ไม่รุ้ความรุ้สึกมันออกมาแบบนั้นเอง)พอมาถึงอาจารย์แล้วท่านก็ยิงคำถามเด็ดมาว่า อยากไปนิพพานไหมถ้าอยากไปให้ไปก่อนที่ท่านตายนะท่านจะเป็นกำลังให้ ซึ่งข้าพเจ้าไม่ตอบ
    แต่ตอบในใจดังๆ ให้ ผุ้ที่ได้มาอ่านและรับรุ้โปรดเข้าใจเถอะว่า ข้าพเจ้าเองหวังอย่างยิ่งกับการเข้าถึงพระนิพพาน แต่ ไม่ยิ่งไปกว่าการ พา ผู้ที่ ยังทุกข์กับการเวียนว่ายตายเกิดเข้าสู่แดนพระนิพพาน

    ข้าให้ สัจจะวาจา นี้แก่ เทพ พรหม เทวดา และนางฟ้า สิ่ง ศักดิ์สิทธ์ ทั้งหลายทั้งปวงว่า ตราบใดที่เรายังไม่บรรลุ อภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณเพียงใด เราไม่ขอเข้าพระนิพพานอันเป็นแดนอันสงบสุข ขอให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาส บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคตกาลข้างหน้า เพื่อนำพา ผู้เวียนว่ายตายเกิดให้ พ้นจาก ภัย เข้าสู่แดนพระนิพพานด้วยเทอญ

    นี่เป็น เรื่องราวเกี่ยวกับ วิสัยการปราถนาของข้าพเจ้า อาจจะไม่มีอะไร ที่มี ฤทธิ์ มีแรงดึงดูด เพราะ ข้าเจ้าเองเจอมาแต่แบบ จังๆ เห็นกันซึ่งๆหน้า เจ็บจริงๆและ เสียใจ อาลัย กับทุกสิ่งมาโดยตลอด ไม่เคยจะมีอะไรที่ฤทธิ์ จะช่วยได้เลย สิ่งที่ช่วยเราได้จริงๆ นั่นคือตัวเราเอง

    ขอฝากคำถาม ท่านนักปราถนาทั้งหลายด้วยว่า ท่านคิดว่าเป็นพระพุทธเจ้าไปเพื่ออะไร
    ถ้าไม่ได้คิดจะ ช่วยผู้ที่ทุกข์ จริงๆ แล้วไซร้ อย่าได้ คิดปราถนาเลย มัน ลำบากนัก ทางเส้นนี้ ถ้าคิดว่าเท่ ขอให้ดูเอานะว่า กว่าบารมีจะเต็มได้นั้น ต้องผ่านอะไรมาบ้าง ฤทธิ์ ไม่ใช่บารมี แต่เป็นเพียงส่วนประกอบของพระโพธิญาณ มันเป็นเพียงของเล่น ที่ ผู้ใหญ่ ท่านไม่เล่นกันแล้ว บารมี อยุ่ที่ใจ ถ้าสิ่งใดที่เป็นประโยชน์เราไม่มีความเต็มใจทำ สิ่งนั้นแหล่ะที่เรายังไม่เต็ม ไว้ถ้าข้าพเจ้ามีโอกาศ จะมาเล่าถึง บารมี กับ สังโยชน์ ที่เห็นท่านทั้งหลายข้องใจกันเหลือเกิน กับเรื่อง ตัด หรือ ไม่ตัด กันแน่ ไว้จะมาเล่าจากประสบการณ์ของตัวเองนี่ล่ะ ไม่ต้องไปเอาท่านใดมาอ้างมาก ตำรา ให้ ฟุ้ง กันเปล่าๆ

    ขอขมาแด่ทุกท่านที่เคยล่วงเกินมาทั้งในอดีตและปัจจุบันชาติ ขอท่านทั้งหลายได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...