จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  2. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  3. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  4. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  5. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]
     
  6. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]
     
  7. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]
     
  8. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]


    *** กฏธรรมดาของโลก ถ้ามันเกิดขึ้นกับเราก็ถือว่าช่างมัน ***

    (ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)

    วันนี้ก่อนที่จะศึกษาอย่างอื่นก็ให้นึกถึงกฏธรรมดาไว้เป็นสำคัญ

    กฏธรรมดาสำหรับเรานั่นก็คือ

    ๑. ชาติปิ ทุกขา ความเกิดเป็นทุกข์
    ๒. ชราปิ ทุกขา ความแก่เป็นทุกข์
    ๓. มรณัมปิ ทุกขัง ความตายเป็นทุกข์
    ๔. โสกปริเทวทุกขโทมนัส ความเศร้าโศกเสียใจเป็นทุกข์
    ๕. ความพลัดพราก จากของรักของชอบใจเป็นทุกข์ มีอารมณ์ขัดข้องหรือมีความปรารถนาไม่สมหวังเป็นทุกข์

    พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า เราเกิดมาเพื่อประสบกับทุกข์ คนที่เกิดมาแล้วทุกคนที่จะไม่มีทุกข์ ไม่มีถ้าหากว่าเรายังยึดถือร่างกายเป็นของเรา ทรัพย์สินเป็นของเรา ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงเป็นของเรา อารมณ์ทุกข์มันก็เกิด เกิดเพราะว่าจิตเราเกาะ ที่เรียกว่าอุปาทาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โลกธรรมทั้ง ๘ ประการ คือ

    มีลาภ-ดีใจ ลาภสลายตัวไป-เสียใจ
    มียศ-ดีใจ ยศสลายตัวไป-เสียใจ
    มีความสุขในกามสุข-ดีใจ ความสุขหมดไป-ร้อนใจ
    ได้รับคำนินทา-เดือดร้อน ได้รับคำสรรเสริญ-มีสุข
    นี่ก็ถือว่าเป็นอารมณ์ของอุปาทาน สร้างความทุกข์ สร้างความหวั่นไหวให้เกิดขึ้นกับเรา

    ทำอย่างไรเราจึงจะพ้นทุกข์

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแนะนำให้พวกเราถือว่า ใช้อารมณ์คิดอยู่เสมอว่า กฏนี้เป็นกฏธรรมดาของโลก ที่เราไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงมันไปได้ ถ้ามันเกิดขึ้นกับเราก็ถือว่าช่างมัน ตามศัพย์ภาษาบาลีท่านเรียกว่า ขันติ ความอดทน ถ้าใช้คำว่าอดทนเข้าใจยาก ใช้ภาษาไทยธรรมดาดีกว่า ว่ามันจะเกิดขึ้นมาประเภทไหนก็ช่างมัน
     
  9. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    ทำไมปฏิบัติธรรมแล้ว แต่เหมือนไม่ก้าวหน้า?????

    การปฎิบัติธรรม เขาให้อยู่แต่เฉพาะ ปัจจุบัน
    อดีตหรืออนาคตมันผุดขึ้นมาหาตน ก็อย่าไปสนใจเท่านั้นเอง
    หากจิตเคลื่อนไปสู่อดีตทีนึง อนาคตทีนึง คงเห็นธรรมยาก
    เพราะสติเรามันน้อยเกินไป สติน้อยมีผลโดยตรงกับสมาธิจิตของผู้นั้น
    คนที่ชอบปล่อยกาย ปล่อยใจ หรือคิดถึงอดีตทีนึง อนาคตทีนึง
    ตรงนี้ มิใช่บุญ เพราะบุญจะอยู่กับคนที่จิตนิ่ง หรือมีสมาธิ

    เพราะฉะนั้น คนที่จิตไม่นิ่ง จึงปล่อยกาย ปล่อยใจไปกับสิ่งกระทบนั้นๆ
    มันไม่เป็นบุญ ไม่เป็นกุศล แถมจะหาเรื่องมาใส่ตนและคนรอบข้างตนอยู่เรื่อย
    หรือชอบจะแกว่งเท้าหาเสี้ยนอยู่เรื่อย
    เพราะจิตของเราอยู่ไม่เป็นสุขนี่เอง
    คอยแต่จะวิ่งไปหาเท้าคนอื่น สรุปแล้วคอยแต่จะหาแต่เรื่องเข้าตัว
    คอยสังเกตดูนะ คนเหมือนกันก็มักจะพบเจอกัน
    เช่น คนไม่รักษาศีลก็มักจะพบเจอกันในคุก ในตะราง
    หากเราเป็นคนที่มีศีลมีธรรม ก็มักจะพบเพื่อนกัณยาณมิตรเท่านั้นเอง
    คนเหมือนกันจึงพบเจอกัน เพราะนิสัยเหมือนหรือใกล้เคียงกันก็จะหาสู่กัน
    หากนิสัยต่างกันมาก ก็จะไม่พบเจอกัน อาจเจอกันแต่ไม่คบหาสมาคมด้วยเป็นต้น

    เพราะฉะนั้นแล้ว คนที่ไปทางโลกสุดๆ จึงไปกันไม่ได้กับผู้ไฝ่ธรรมสุดๆ
    อันนี้เป็นเรื่อง ธ ร ร ม ด า

    หากผู้ปฎิบัติหวังจะได้มรรคผลไวๆ
    ก็ขอให้เน้นกายใจตนเอง(เท่านั้น)
    โดยเฉพาะมุ่งเน้นไปที่จิตตนเองอย่างเดียวเลย
    อย่ามีท่าเยอะ มัวแต่ไปยุ่งกับสิ่งภายนอก
    โดยเฉพาะ มิใช่ เรื่องจิตตนเอง
    ให้ผู้ปฎิบัติตัดๆออกไปบ้าง เพราะมันไร้สาระสิ้นดี
    ผู้ปฎิบัติจะเอาดีทางใดเล่า หากจะเอาแต่ทางมรรคผลนิพพาน
    ก็ให้เน้นเฉพาะเรื่องจิตตนเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
    หากสนใจอย่างอื่นเสียแล้ว อันนั้นไม่ใช่หนทางออกจากทุกข์จริง
    เห็นมีแต่จะเพิ่มอัตตามานะ คือตัวกูของกูมากเข้าไปใหญ่

    ก็ด้วยเหตุนี้ ผู้ปฎิบัติธรรม มีเยอะ แต่จะหาผู้ที่ปฎิบัติถึงแก่นนั้น จะมีสักกี่คน
    เพราะอะไร ก็เพราะว่า ท่าเยอะไง มัวแต่ไปยุ่งกับสิ่งภายนอกซะมากกว่า
    จึงหาดีไม่ได้ หาได้แต่ไม่ค่อยจะดี เป็นต้น
    หากผู้ปฎิบัติธรรม ยังไปด่าไปว่าไปนินทาผู้อื่นอยู่ มันจะไปเจริญในธรรมได้ยังไง
    หรือมัวแต่ไปดูความดีหรือความเลวของคนอื่น
    ความเลวตนเองนั้น ทำเป็นหาไม่เจอ

    โดยเฉพาะผู้ปฎิบัติ อยากจะเจริญในธรรม ก็ให้วางเรื่องที่ มิใช่บุญหรืออกุศลของตนลงก่อน (ชั่วคราว)

    เพราะจิตมันจะติด หากจิตของผู้ปฎิบัติ ไปติดกับสิ่งใดๆแล้ว ก็จะไม่ไปไหน หรือ เรียกว่า ไม่เจริญในธรรม นั่นเอง
    หากผู้ปฎิบัติวางเรื่องภายนอกของตนได้ เดี๋ยวอีกไม่นานนักก็จะพบภายในของตนเอง

    หากพบธรรมแล้ว อีกไม่นานนักก็จะออกหรืออยู่เหนือคำว่าทุกข์ตนเองได้ในที่สุดเอง
    สรุปแล้ว ธรรมของตนก็จะอยู่ภายใน นิพพานก็เช่นกัน ก็อยู่ภายในจิตของตนเท่านั้น หาอยู่ที่ใดไม่ สาธุ...

    เพราะฉะนั้น อย่าไปหลงตามหาความสงบสุขที่แท้จริงของตนภายนอกจิตตนเองเลย

    เพราะจะไม่มีวันพบอย่างแน่นอน มีแต่ความสุขแบบโลกๆเท่านั้น ความสุขแบบโลกๆนั้น มันไม่ยั่งยืน
    เหมือนมิใช่ความสุขของตนอย่างนั้นแหล่ะ เพราะคนทางโลกนั้น
    ย่อมมีสุขปนทุกข์ คละเคล้ากันไปอยู่อย่างนี้ไปจนตาย แต่สุขถาวรเกิดขึ้นเฉพาะ
    ผู้รู้จักปล่อยวางเท่านั้น

    ความสุขของคนทางธรรมก็คือ การปล่อยวาง และการให้อภัย ให้ได้แม้นกระทั่งผู้ที่เห็นต่าง

    หรือคนที่เคยทำร้ายเราทางกายวาจาใจกันมาก่อน หรือคนจะมาเอาชีวิตตนเอง
    ก็ให้อภัยหรืออโหสิกรรมได้...

    ภูทยานฌาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2014
  10. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]


    พระอาจารย์เล็ก เล่าเรื่อง "พระคุณของพ่อแม่"

    "...ในเรื่องของพระคุณพ่อ พระคุณแม่ พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ชัด ท่านบอกว่าบุรุษผู้มีกำลัง
    นำบิดามารดาวางไว้บนบ่าแห่งตน เลี้ยงดูท่านเป็นอย่างดี ให้ท่าน กิน ถ่าย นอน บนนั้นอยู่ตลอดร้อยปี ยังชดใช้หนี้ที่ท่านเลี้ยงมาไม่ได้


    ใครที่ยังมีพ่อมีแม่อยู่ ขอให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วเราโชคดีมาก บุคคลที่เกิดมาในครอบครัวเดียวกัน อย่างน้อยก็ต้องเคยสร้างบุญสร้างกรรมร่วมกันมา
    เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เราจะทดแทนท่าน เพื่อบรรเทากรรมที่เคยล่วงเกินกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน


    โดยเฉพาะถ้าเป็นวาระที่สำคัญ ปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ หรือวันเกิดของท่าน หาดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมา
    กรรมที่ผูกพันกันมาแต่อดีตจะได้ขาดลงเสียที"


    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๓

    ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม
    ภาพประกอบ : งานทำบุญวันแม่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 เมษายน 2014
  11. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]


    คนที่มีแต่ตาเนื้ออ่าน ก็จะรู้สึกธรรมดาหรือเฉยๆ หรือเห็นความหมายที่ตรงตามแต่ตัวหนังสือที่เขียน หรือเห็นแต่สิ่งสมมุติที่ครอบคลุมโครงกระดูกนี้อยู่ เพราะเป็นการรู้และเข้าใจด้วยแต่เพียง สติ และสมองเท่านั้น...แต่...
    คนที่มีตาในอ่าน ก็จะสามารถมองเห็นถึงความจริงของชีวิตอีกมากมายที่ซ่อนอยู่ในภาพนี้ เพราะเป็นการรู้และเข้าถึงด้วยจิตที่ฝึกมาดีแล้วนั้นเอง....สาธุ



    ขอบคุณภาพจาก FB กัลยาณมิตร​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 เมษายน 2014
  12. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  13. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    ใครเหงา อ่านตรงนี้...

    [​IMG]

    สำหรับผู้ที่มีตนเป็นที่พึ่งแห่งตน นั่นจะหมายถึงพระอริยเจ้าขึ้นไป
    นั่นก็คือ หมายถึงจิตใจของคนเรา เป็นต้น ผู้ที่ยังไม่มีตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั้น
    ก็ย่อมจะต้องพึ่งพาอาศัยอย่างอื่นต่อไป เช่น เกาะพระอริยเจ้าหรือสำนักใด สำนักนึง ต่อไปฯ
    เพราะเรายังสร้างสติปัญญากันเองยังไม่เป็น เสมือนดั่งคนที่ยังไม่แข็งแรง หากเดินขึ้นบันไดก็ต้องอาศัยราวบันไดเป็นที่ยึด
    เป็นที่เกาะเพื่อให้เราขึ้นบันไดด้วยความสะดวก สบายใจหรือมั่นใจ เช่น เด็กหรือคนแก่หรือคนที่อ่อนแอ เป็นต้น

    ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั่นจะหมายถึง จิตใจของคนเรานั่นเอง หากเรามีกำลังใจอันเข้มแข็งอย่างเดียวแล้ว อย่างอื่นจะไม่มีอะไรที่น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว
    แม้นกระทั่ง การอยู่เหนือความกลัว ความตายของตนเป็นต้น หากผู้ที่มีจิตมั่นคง คือผู้ที่เจริญสติภาวนา หรือฝึกจิตมาดี ย่อมมีพลังจิตหรือแสงในกายในจิตตรงนี้แหล่ะจะเป็นที่ไปที่มาของดวงจิตตนเอง จะรอดกิเลสตัณหาตนหรือผู้อื่น
    หรือจะรอดอุ้งมือของวัฎฎะตนเองกันได้หรือไม่ หมายถึงการไม่กลับมาเกิดเป็นต้น

    กำลังใจสำหรับผู้ที่ออกจากทุกข์นั้นก็นับว่ามากโข แต่กำลังใจตัดที่จะไม่กลับมาเกิดนั้น ย่อมมากโข

    มากกว่าหลายร้อยเท่าตัวแน่ๆ ใช่ไหม?
    หากกำลังใจของผู้ปฎิบัติยังเหลาะแหละ ๆ คือปฎิบัติไม่จริงจัง หรือรอดเป็นบางวัน
    อันนี้ยังถือว่าใช้ไม่ได้ หากเป็นอยู่อย่างนี้ สติปัญญาของเราไม่เพิ่มพูน
    เพราะพุทธบริษัทไม่ขยันเกาะพระรัตนตรัยกันเอง ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่หันไปยึดหรือไปเกาะกับทางโลกแทน
    หากผู้ใดไปเกาะทางโลกก็เสมือนไปเกาะหลักหรือไม้ปักขี้โคลน เราจึงหาความมั่นคงในชีวิตหรือจิตใจ ก็หาไม่ได้

    อย่าลืมนะ ผู้ที่มัวไปยึดไปเกาะแต่ทางโลกกันอยู่นั้น เพราะทางโลกไม่มีอะไร สิ่งใดที่จะพ้น คำว่า ไตรลักษณ์เลยสักอย่างเดียว
    สำหรับผู้ปฎิบัติธรรมทุกท่าน สติหรือจิตตนเองก็ยังไม่เที่ยงเลย แล้วจะไปหาสาระอะไรกับสิ่งนอกจิตตนเอง
    หรือหากมัวหลงไปยึด ไปเกาะแต่เฉพาะทางโลก เห็นมีแต่จะทุกข์ใจกาย ทุกข์ใจมากขึ้นเท่านั้น
    เพราะกิเลสพาจนพาทุกข์ใจนั่นเอง พระพุทธเจ้า พระอริยเจ้าทั้งหลาย ก็ทำตัวอย่างให้กับพุทธบริษัทดูกันหมดแล้ว
    นั่นก็คือ ผู้ที่ปราศจากแห่งกิเลสหรือทุกข์ของตน หรือมากไปกว่านั้นก็คือ หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดของตนเอง เป็นต้น

    ภูทยานฌาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2014
  14. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]


    สาธุค่ะ หลวงปู่ ...ลูกขอน้อมกราบ โอวาทธรรม หลวงปู่มาปฏิบัติ น้อมใส่จิตด้วยเศียรเกล้า เจ้าค่ะ สาธุ
     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    The Life of flowers (Жизнь цветов) from VOROBYOFF PRODUCTION on Vimeo

    ข อ ใ ห้ ทุ ก ท่ า น
    มีจิตอันเบิกบาน!
    ตื่ น รู้ แ ล ะ เ บิ ก บ า น
    ดั่งเช่นดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานอยู่ในวีดีโอนี้..สาธุ
    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
    อกุศลจิต จงอย่าได้เกิดขึ้นกับผู้เจริญทั้งหลายฯ

    ~ภู~ท~ย~า~น~ฌ~า~น~
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 เมษายน 2014
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 เมษายน 2014
  17. Nooboonsawan

    Nooboonsawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +189

    ดอกไม้ เป็นเพียงสิ่งสวยงาม ประดับโลก แม้ยามบาน ยังสวยงามถึงเพียงนี้

    ถ้าเป็นจิตใจมนุษย์ รู้ตื่น เบิกบาน จากการหลับใหลมาเนิ่นนาน จะสวยงาม สร้างคุณ สร้างประโยชน์ ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อโลกใบนี้ได้สักเพียงใด สาธุ
     
  18. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]

    [​IMG]

    ชีวิตคืออะไร?

    เท่านี้หรือคือ "ชีวิต" เกิดมาเพื่อทำสิ่งเหล่านี้กันเพียงแค่นี้หรือ? บางชีวิตเจ็บป่วย หรือ ตายก่อนที่จะแก่ซะด้วยซ้ำ....

    ชาตินี้เกิดมาหล่อแต่จน ปากกัดตืนถีบกว่าจะรวย ยังไม่ทันได้ใช้ตังค์เลย ก็ตายก่อนซะแร๊ะ...พอชาติหน้าทำบุญเก่ามาดี ก็เลยได้เกิดมาเป็นคนรวยแต่ขี้เหล่ซะงั้น ก็เลยต้องหมดเงินไปกับการโมดิฟายหน้าใหม่ที่เกาหลีไปก็หลายครั้ง ยังไม่ทันจะได้ชื่นชมกับใบหน้าที่ไปยกเครื่องมาใหม่เลย เครื่องบิน(MH370 ขออินเทรดนิดส์) ก็มาตกตายก่อนซะงั้น...หรือบางคนเกิดมาได้สามี หรือ ภรรยาที่ดีเลิศประเสริฐศรี มีความสุขมาก หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว นอกจากบนดินแดนของโลกมนุษย์นี้ ก็ไหลหลงเพลิดเพลินติดใจชอบมาก ก็อธิษฐานชาติหน้ากรูจะต้องเอาอีก เราจะกลับมาเจอกันอีกชาติน่ะสุดที่love....เฮ้ออ...มันแค่นี้จริงๆ หรือ ชีวิตคน?

    เบื่อกันรึยัง?....เบื่อที่จะเวียนเกิด เวียนตายในสังสารวัฎนี้กันหรือยัง...เจ้ามนุษย์ขี้เหม็นทั้งหลายเอ๋ย...
    แต่สำหรับเราพอแล้ว...ไม่เอาอีกแล้ว...ไม่ขอกลับมาเอาไอ้เจ้าถุงทุกข์ถุงขี้ซึมนี้อีกต่อไปแล้ว...พอกันเสียที...เพราะมันไม่ใช่ตัวกู ของกู....มันเป็นเพียงแต่จิต(โง่)ที่หลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในรูปร่าง(รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส)นี้ ว่าเป็นเราเป็นของเรามานานแสนนานไม่รู้กี่อสงไขยแสนกัปล์....

    เพราะ "จิต" เป็นธาตุรู้ ที่มันสักแต่รู้ๆๆๆๆ รู้ทั้งหมดไม่ว่าจะดีหรือชั่ว...แต่จิตมันไม่สามารถแยกแยะได้ ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนชัว สิ่งไหนที่ควรเก็บ หรือควรละ ควรปล่อยวาง จิตมันไม่รู้....

    ก็จะมีแต่เพียง "ส ติ" เท่านั้น ที่จะช่วยให้ "จิ ต" แยกแยะสิ่งดี กับไม่ดี คือ แยกแยะสิ่งสมมุติ กับ ความจริงออกจากกันได้....

    "ส ติ" ก็คือ ความรู้สึกตัวนั่นเอง รู้ซื่อๆ รู้เฉยๆ นี้แหล่ะ รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม กิน ถ่าย ฯลฯ รู้แล้วไม่ต้องไปปรุงแต่งต่อยอดใดๆ...แต่การฝึกสติโดยการนำจิตไปเกาะพระ จะช่วยให้การฝึกสติได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อน่ะ เพราะพุทธานุภาพของพระจะช่วยดึงสติให้รวมกับจิตได้ง่ายและเร็วขึ้น...เมื่อฝึกสติได้จนเข้มแข็งขึ้น จิตก็จะค่อยๆ เห็นความจริงของร่างกายนี้ไปตามลำดับ ลำดา ปัญญาก็จะเกิดขึ้นไปตามกำลังความเข้มแข็งแห่งสติและจิต...เมื่อเจริญสติให้มากๆ สติจะช่วยแยกกาย แยกจิตได้เอง....

    จนในที่สุด สตินี้แหล่ะ จะช่วยทำให้จิตเกิดปัญญา(จากจิตที่เคยโง่ ก็จะฉลาดขึ้น) จนเห็นว่า...อ๋อ...จริงๆ ที่แท้แล้ว ไอ้เจ้าร่างกายเน่าๆ นี้นี่เอง ที่มันเป็นตัวทุกข์ เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ ที่มันเป็นเพียงสมมุติ ที่จิตมันหลงมายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเรา เป็นของเรา ก็เลยมีคำว่า ตัวกู ของกู ผัวกู(ใครอย่าเตะ กูเตะเอง) เมียกู(มึงอย่าแหย๋ม) ลูกกู พ่อแม่กู บ้านกู รถกู เงินกู สมบัติกู อำนาจกู สารพัดจะของกู ถ้าเป็นของกูจริงก็ต้องเอาใส่โลงไปด้วยซิฟ่ะ....เมื่อจิตมันรู้อย่างนี้แล้ว จิตมันก็ไม่เกาะกายอีกต่อไป กรรมใดๆ ทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้นกับกาย ที่ไม่ว่าจะหนักสักปานใด จิตมันก็ไม่โง่ไม่สนใจหลงไปเกาะไปยึดให้ทุกข์อีกต่อไปแล้ว.....นี้แหล่ะ คือ อาการของคำว่า อยู่เหนือโลก ก็คือ จิตอยู่เหนือโลกธรรม8 ทั้งหลายทั้งปวง...แล้วคำว่า "นิพพาน" ซึ่งเป็นแดนบรมสุข จะอยู่ที่ไหนไกลกันเล่า ก็อยู่ตรงหน้าท่านนี้ไง๊ ^___^

    "นิพพานัง ปรมัง สุขขัง"

    สาธุ สาธุ สาธุ ลูกขอน้อมจิตกราบ กราบ กราบแทบฝ่าพระบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระสมณโคตม ช่างเป็นบุญของลูกยิ่งนัก ที่ลูกได้เกิดมาในชาตินี้ เกิดมาอีกในยุคกึ่งพุทธกาลของพระองค์ท่าน ลูกเป็นหนี้บุญคุณอันหาที่สุดประมาณมิได้ของพระองค์เหลือเกิน ที่พระธรรมคำสอนของพระองค์ท่านที่ให้ไว้ ได้ทำให้ชีวิตของลูกได้พบเจอแสงสว่างแห่งธรรมนำทางชีวิตลูก ที่ทำให้ลูกได้ค้นพบ "ความจริง" ของชีวิต...ที่ในที่สุด...วันนี้ลูกก็ได้พบพ่อแล้ว....

    จากชีวิตที่เหลืออยู่ของลูกนี้ ลูกจะขอใช้หนี้พระองค์ท่าน ตอบแทนคุณของพระพุทธเจ้า คุณของพระธรรม คุณของพระสงฆ์ โดยช่วยเผยแพร่พระธรรมคำสอน วิธีการฝึกจิตเกาะพระของท่านพ่อ
    รวมทั้งงานสืบสานพระพุทศาสนาให้ดำรงคงอยู่ต่อไปให้ครบห้าพันวสา ลูกได้มอบกายถวายชีวิตนี้ให้ท่านพ่อแล้ว ขอท่านพ่อได้ทรงโปรดใช้กายหยาบของลูกนี้เพื่อพระพุทธศาสนาได้ตามแต่ท่านพ่อจะเห็นสมควรได้อย่างเต็มที่ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า....สาธุ สาธุ สาธุ _/l\__/l\__/l\_


    ธรรมมณี จบ.52
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 เมษายน 2014
  19. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    [​IMG]
     
  20. ถวายบูชา

    ถวายบูชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +560
    ลงชื่อหาครูเมตตาชี้นำอบรมหนทางทางดับทุกข์ถาวรครับ
    กราบโมทนาครูทุกท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...