เปิดตำนานหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ภาค 2

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่



ขอย้อนตำนานกับภาพวินาทีสุดท้ายแห่งชีวิตของพระครูภาวนาภิรัติ( หลวงปู่ทิม อิสริโก ) แห่งวัดละหารไร่ที่ท่านได้ละจากทางโลกนี้ไปเมื่อวันที่๑๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๘ รวมอายุได้๙๖ปีโดยตลอดระยะเวลาที่ท่านทรงได้ดำเนินชีวิตทางสมณเพศบรรพชิตมา ด้วยจริยวัตรอันน่าเลื่อมใสและปฏิปทาที่ดีที่ควรค่าแก่การนับถืออย่างยิ่ง โดยท่านได้ถือหลักครองธรรมและการยึดหลักตามหลักพระพุทธศาสนาที่แน่วแน่ ท่านเป็นพระสุปัฏิปันโณที่ได้นำหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาใช้เป็นหลักปฏิบัติเพื่อให้สาธุชนผู้นับถือทั้งหลายมีความเลื่อมใสศรัทธาและเชื่อมั่นในหลักธรรมและหลักปฏิบัตที่ได้สืบสานกันมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล มีหลักคำสอนของท่านที่กล่าวย้ำอยู่เสมอแก่ลูกศิษย์ลูกหาและสาธุชนทั้งหลายว่า “ ทุกคนจงอย่าขาดสติ และควรระลึกอยู่เสมอว่าความตายของคนเราทุกคน ย่อมจะเป็นที่รักและหวงแหน โดยจะยินดีและยอมตายโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ต่อเมื่อถึงวาระแล้วก็ต้องตายด้วยกันทุกคน สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราตายกันอย่างตาหลับได้ ก็ต้องสร้างความดีกันในหมู่เพื่อนมนุษย์ และสัตว์ทั้งหลาย โดยไม่คิดอิจฉาริษยาเบียดเบียนและมุ่งทำลายกัน โดยขาดเมตตาธรรม ” ซึ่งเป็นบทเขียนบันทึกของนายสาย แก้วสว่าง อดีตไวยาวัจกรวัดละหารไร่ ที่ท่านได้บันทึกจากใจในกาลยุคสมัยที่ท่านได้ศึกษาเรียนรู้และรับใช้กันมา หลวงปู่ทิมท่านเป็นพระที่หมั่นเพียรในการเรียนรู้กับสรรพวิชาต่างๆและการบำเพ็ญเพียรธรรม ด้วยความมุ่งมั่นปรารถนาและแรงบันดาลใจที่มีอยู่ สามารถทำให้ท่านประสบเป็นผลสำเร็จ มีคำกล่าวที่ถือมั่นอยู่เสมอว่า “ เมื่อจิตถึงท่าน ท่านก็ถึงเรา “ เป็นคำสอนสั่งของหลวงปู่ท่านเพื่อให้มีใจยึดให้มั่นในการปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนและการถือใช้วัตถุมงคลต่างๆเพื่อให้เกิดอานุภาพในสิ่งที่เชื่อมั่นกันและขอให้ทุกคนนั้นจงมีจิตที่มั่นคงในธรรม เพื่อการมีสติในการดำรงชีวิตอย่างมีความหมาย โดยหลักการดำรงสติเพื่อให้มีความเชื่อมั่นของชีวิตได้นั้น หลวงปู่ท่านได้ให้คติธรรมแก่ลูกศิษย์ไว้ว่า “ มะอะอุ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา พุทโธ พุทโธ “ ซึ่งเป็นคติธรรมที่มีความหมายอย่างแนบแน่นเพื่อการดำรงคงมั่นไว้ในหลักปฏิบัติของชีวิต เพื่อให้เป็นหนทางแห่งนิพพานอย่างถูกต้องต่อไป

เราจะเห็นว่าสิ่งใดๆในโลกนั้นล้วนอนินจจัง ตายไปก็เหลือแต่เพียงความว่างปล่าว สิ่งที่ติดตัวไปนั้นก็คือความดีกับความชั่วเท่านั้น ความหลอกลวงก็คือผลของความชั่วเท่านั้นที่จะต้องรับไป ไม่มีครูบาอาจารย์แห่งหนไหนจะช่วยได้เลย ถ้ายังกระทำอยู่เรื่อยไป กรรมใดกรรมมัน แยกกันไม่ได้ ถึงแม้ทำบุญอุทิศให้ก็ล้างบาปในสิ่งนั้นไม่ได้ หนทางเดียวก็คือต้องชดใช้กรรมเท่านั้น ฉะนั้นคติธรรมคำสอนของหลวงปู่ทิมท่านถ้าจะกล่าวกันง่ายๆคือ ทำความดี ละความชั่ว แล้วชีวิตก็จะมั่นคงในธรรม นั่นคือหนทางแห่งนิพพาน การถือวัตถุมงคลนั้นเป็นเพียงเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเท่านั้น ถ้าเรามีจิตยึดมั่นและกระทำดีคุณพระก็ช่วยหนุนนำในสิ่งที่ดีๆตลอดไป ถ้าไม่มีจิตศรัทธามันก็เท่านั้น ในเมื่อตัวเราเองยังไม่มีความมั่นใจมันก็เท่านั้นทำสิ่งใดก็ไม่มีความเจริญ วัตถุมงคลไม่ใช่เครื่องกันตาย ถึงมีคุณวิเศษปานใด เมื่อถึงเวลาฟ้าดินกำหนดก็ต้องตาย ไม่มีสิ่งวิเศษใดฝืนไปได้ แม้กระทั่งหลวงปู่ทิมท่านยังเคยกล่าวกับศิษย์ว่า" ถ้านี่เก่งนี่ก็ต้องไม่ตายซิ" ฉะนั้นความหมายของการสร้างพระเครื่องนั้นคืออะไร ขอให้ทุกคนจงตระหนักในสิ่งนี้ให้ดี ของถูกของแพง ของสวยของไม่สวยเขาวัดค่ากันตรงไหน ความหายากสร้างน้อยกันนั้นหรือ หรือความเป็นค่านิยมของรูปลักษณ์เพื่อวัดค่ากันที่ราคา

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ

 

เห็นรูปแล้วคงไม่ต้องหาหลักฐานอันใดอีก นี่เป็นประจักษ์หลักฐานชัดแจ้งที่สุด ว่าหลวงปู่ทิมท่านละสังขารอยู่ในอ้อมแขนใคร เพราะจำได้ว่าเฮีย จ. เขียนว่าตนเองเป็นผู้ประคองกายหลวงปู่ทิมเมื่อยามท่านสิ้น ?????? เห็นรูปนี้เพียงรูปเดียว บอกอะไรต่อมิอะไรของใครหลายๆคนได้อย่างดีเลยทีเดียว ว่าใครชอบแอบอ้างหลวงปู่ทิมหากินแบบไม่ยอมเลิกลา

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม, ลุงสายแก้วสว่าง

สวัสดี อ.แก้วสว่าง และพี่ๆ ทุกท่านครับ

ผมสงสัยอยากทราบว่า ถึงประวัติการสร้างพิมพ์รูปเหมือนเศียรโต , เศียรเล็ก ?

พิมพ์เศียรโต เศียรเล็ก ที่เห็นๆในปัจจุบัน พัฒนาแม่พิมพ์มาจากยุคพระเนื้อขาวหรอครับ ... พิมพ์เศียรโตในปัจจุบันดูมั่วที่สุด พิมพ์ตรงซุ้มมีเหมือนเขาออกมาด้วย งง ???

รบกวนขอไขข้อสงสัยด้วยครับ

 

ผมได้คุยกับ" นาย ย " อดีตเคยเป็นเด็กวัดละหารไร่ ตอนที่หลวงปู่ท่านอยู่ มีอยู่ตอนหนึ่งผมเคยถามว่า" เฮีย จ" เคยเดินจงกลมตามหลวงปู่มันจริงไหม แล้วที่ว่าเดินไปเหยียบต้นไมยราพแล้วไม่หุบเหตุการณ์แบบนี้มีหรือปล่าว" นาย ย" ตอบทันทีว่าคนแบบนี้รึจะไปเดินจงกลมแค่ใจคิดมันยังไม่บริสุทธิ์เลย มันจะเอาความสงบที่ไหนไปเดิน มันกุเรื่องขึ้นมาเองทั้งนั้น ยิ่งบอกว่าลูกอมไมยราพแล้ว "นาย ย" แกฟังแล้วเศร้าใจแทน"เฮีย จ" เลยไม่รู้จะเอาอะไรมาอุปโลกน์กันรึไง เอาลูกอมขี้เท้าของ"เฮีย จ" มาแขวนกันมันคงจะเจริญดีนะแบบนี้ หลังจากฟังลูกอมไมยราพแล้วมาฟังสีผึ้งผีหุงแล้ว "นาย ย" ก็งงอีกไม่เคยเห็นเลยไอ้แบบๆนั้น ดันมีปลัดขิกอยู่ในโหลสีผึ้งอีก "นาย ย" บอกว่าโดน"เฮีย จ" ต้มแล้วล่ะมันไม่มีหรอก ใครเอาไปใช้ก็คงได้แต่ไม่รู้ของใครหลวงปู่ไหนกัน หรืออาจจะเป็นของ"หลวงพ่อ จ" ปลุกเสกเองผสมเองขายเองก็ได้นะ ใครจะรู้

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

เรื่องพระเศียรโตเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากครับถ้าจะเอาเรื่องความเป็นจริง ไม่เหมือนกับเศียรเล็กดูแล้วความสับสนน้อยมาก ลองสังเกตุจากยันต์ตัวหลังจะมีทั้งยันต์เล็กกับยันต์หนา ยันต์เล็กนั้นจะมาก่อน หลังจากนั้นถึงเป็นยันต์หนา กำเนิดสร้างจากเนื้อขาวเหมือนกันเพราะกดกันเองที่วัด แม่พิมพ์นั้นเป็นทองเหลือง แต่เท่าที่ทราบมานั้นแม่พิมพ์ทำมาสองครั้งครับ เนื้อหาก็พัฒนาจนเริ่มเข้าทีกันไป

ส่วนพระเศียรโต เป็นพระที่มีการเล่นหากันมากที่สุด และก็มีปัญหาคงไม่ต่างอะไรกันมากกับพระขุนแผน แต่แนวทางของเศียรโตนั้นยังพอมีหลักที่ชัดเจนได้ ซึ่งเรื่องราวจริงผมจะขอแค่เกริ่นกล่าวไปก่อนนะครับเพราะตอนนี้ของแปลกประหลาดนั้นพยายามโฆษณากันเข้ามาจนทำให้เกิดความสับสนอลม่าน ซึ่งจริงๆก็ทำเก๊กันมานานแล้วครับ จนบางอันก็เป็นที่นิยมกันไปก็มี แต่ไม่ขอยกตัวอย่างเพราะมันไปไกลแล้ว ซึ่งข้อชัดเจนผมยังไม่ได้อธิบายอะไรมาก ส่วนใหญ่เราจะเห็นแต่พิมพ์สุดท้าย หรือไม่ก็แลดูคล้ายๆ ส่วนเนื้อหาก็สรรสร้างกันไป เอาไปทาทองให้เก่า เอาไปแช่น้ำยาให้มัน ดูกันไปก็คงขัดตา แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจะให้ทุกท่านที่อ่านได้ลองสังเกตุกันคือพระพิมพ์เศียรโตนี้ แท้จริงจะไม่ใช้กาวมาเป็นตัวประสาน ของเก๊หรือของปลอมแบบลอกพิมพ์มาจะใช้กาวกันเกือบทั้งสิ้น เนื้อหาจริงๆของวัดสร้างนั้นมีหลายสูตรการสร้าง และแม่พิมพ์ของเศียรโตก็ได้มีการแต่งพิมพ์กันไปให้มีความเป็นมาตราฐานหรือมีความชัดเจนเหมือนกัน เนื้อหาหลักที่สร้างกันในตอนแรกๆนั้นจะเป็นเนื้อขาวทั้งสิ้น ต่อมาก็เริ่มมีการใช้ว่านต่างๆมาผสมทำกัน โทนวรรระของเนื้อหาก็แตกต่างกันไป บางหนก็เป็นไปตามสีของว่านที่ผสม ซึ่งมันก็มีความหลากหลายอยู่เหมือนกัน ในรุ่นหลังๆโทนเนื้อก็ออกไปทางสีเขียวแบบปูนทำบ้านไปก็มาก ซึ่งเอาไว้ผมจะค่อยเล่ารายละเอียดต่อไปในเรื่องของพระเศียรโตซึ่งถือเป็นรูปเหมือนพิมพ์แรกของหลวงปู่ทิม ด้วยอานุภาพที่ขึ้นชื่อและลือเลื่องกันไปจนเป็นความต้องการกันมากกับคนที่ศรัทธาในทุกวันนี้

 

ขอบคุณครับ อ.แก้วสว่าง ... แล้วพิมพ์พรายเดี่ยว พรายคู่หล่ะครับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

จริงๆเรื่องราวยังมีอีกมากมายกันในเรื่องของพระยุคนี้ซึ่งถือว่าเป็นยุคมาตราฐาน ที่เริ่มมีคนเห็นกันมากมาย รวมไปถึงวัตถุมงคลประเภทไม้แกะหรือแม้กระทั่งเม็ดปะคำ ในช่วงยุคของการสร้างโบสถ์นี้ถือว่าเป็นวัตถุประสงค์สำคัญในการสร้างวัตถุมงคลร่วมกันในครั้งนี้ จึงมีรูปแบบตามความเห็นที่หลากลาย และเนื้อหาสำคัญต่างๆที่ต้องมีการพัฒนาฝีมือกันไปตามยุคสมัย ส่วนยุคสุดท้ายของพระเนื้อขาวคือในช่วงประมาณปลา่ยปี2514นั้น คือ พระเนื้อขาวที่อาจารย์ทวนวัดแม่น้ำคู้นำไปออกในงานน่าจะเป็นงานยกช่อฟ้าในปีนั้น ชุดนี้ก็ถือว่ามีการยอมรับกันมากหลาย แต่ด้วยความที่องค์พระไม่สวยร่วนซุยมีแต่คนติกันมาก อ.ทวนจึงนำมาส่งคืนให้กับวัดละหารไร่ไป หลังจากนั้นทางวัดจึงหยุดการสร้างเรื่อยมาจนมาถึงยุคปีของการสร้างโบสถ์ต่อไป.....

 

ขอบคุณ อ.แกว้สว่างที่ให้ความรู้ครับ
แล้ววันพรุ่งนี้จะมีงานเสกที่วัดเนินด้วยไหมครับ
ถ้ามีงานอยากทราบเวลาอะครับ
ถ้าไม่ติดอะไรอยากไปร่วมงานด้วยครับ

 

... รับทราบ ... ชอบคุณครับ

... อยากให้ อ.แก้วสว่าง ช่วยอธิบายความชัดเจนพิมพ์เศียรโตด้วยครับ ...

... ขอบคุณครับ ...

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

พรุ่งนี้มีงานเสกที่วัดเนินครับ ทั้งนี้จะได้นำปัจจัยของทุกท่านที่ได้ทำบุญไปร่วมถวายแด่หลวงปู่เกลี้ยง ซึ่งมีอายุครบ8รอบ 96ปีในครั้งนี้ด้วย งานพิธีปลุกเสกคงเริ่มในช่วงเวลาบ่ายนะครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม คุณลุงสาย แก้วสว่าง สวัสดีครับอาจารย์แก้วสว่าง น้าต๋อย พี่โต้ง พี่รัก พี่เดชา พี่ภู พี่คนบนเกาะ พี่เตอร์ พี่ทหารเก่า พี่อาทิ พี่romegat พี่รุ่ง คุณโอ๊ด คุณอภิเชษฐ์ ท่านนายกู๊ด คุณthavornsiripat และพี่ๆเพื่อนๆลูกศิษย์หลวงปู่ทิมทุกท่าน สบายดีกันทุกคนนะครับ

 

ช่วงนี้มีของเก๊ระบาดตามเวปมากมาย โดยมีการแอบอ้างชื่อนายสาย แก้วสว่างขึ้นมาหรืออาจจะเป็นบุคคลที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ เพื่อให้ดูมีความน่าเชื่อถือขึ้น ซึ่งก็มีคนถูกหลอกอยู่เหมือนกัน โดยของแต่ละอย่างเราท่านเมื่อเห็นแล้วคงทราบดีว่าเป็นของเล่นตามสนามนี่เอง พอดีเดินไปพบในสนามพระระยองเลยลองถ่ายภาพมาให้ชมดูกัน

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ผมเองก็เคยพบเห็นพระชุดดังกล่าวมีคนนำมาวางกันไว้เต็มตำที่วัดแห่งหนึ่งในจันทบุรี โดยมีการแอบอ้างชื่อมาแบบนี้เหมือนกัน ให้ดูว่ามีที่มาที่ไป แต่แท้ที่จริงนั้นหาความชัดเจนไม่ได้ เอาง่ายๆแค่ปู่มั่น แก้วสว่าง โดยบอกว่าเป็นปู่ของโยมสาย แก้วสว่างที่ถูกยกกันขึ้นมานั้นยังไม่ทราบว่ามีตัวตนหรือไม่ ผมเองก็คลุกคลีอยู่กับโยมสายผมทราบดี เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาแบบนี้มีคนหัวใสแอบอ้างกันเยอะ อีกอย่างพระเนื้อผงของหลวงปู่ทิมสร้างกันในยุคตั้งแต่โยมสายมาเป็นไวยาวัจกรเท่านั้น ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีปรากฎ จะมีก็แต่จำพวกเครื่องรางเท่านั้น ยังไม่มีการกำเนิดเรื่องผงพรายกุมารเลย ฉะนั้นข้อมูลต่างๆจึงต้องศึกษากันให้แน่ชัดก่อนที่จะเชื่อหรือมีการแยกแยะกันให้ถูกต้อง ทุกวันนี้ผลประโยชน์ความหลอกลวงมันเยอะ ขอให้ใช้สติให้มั่นก่อนที่จะข้องแวะกับสิ่งใดๆ จะได้ไม่เป็นเหยื่อความละโมบของความหลอกลวงนั้นได้

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ของดีที่หลวงปู่มอบให้ลูกหลานทุกคน
“ของดีอะไร อะไรคือของดี ของดีก็มีอยู่ด้วยกันทุกคนแล้ว”
การที่ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บไข้ได้พยาธินั้น ก็มีของดีแล้ว การมีร่างกายแข็งแรง มีอวัยวะ ครบถ้วน ไม่บกพร่องวิกลวิการ อันนี้ก็เป็นของดีแล้วของดีมีอยู่ในตน ไม่รู้จะไปเอาของดีที่ไหนอีก สมบัติของดีจากเจ้าพ่อ เจ้าเแม่ให้มา ก็เป็น ของดีอยู่แล้ว มีอยู่แล้วทุกคน จะไปเอาของดีที่ไหนอีกของดีก็ต้องทำให้มันเกิดมันมีขึ้นในจิตใจของตน ความดีอันใด ที่ยังไม่มี ก็ต้องเพียรพยายาม ทำให้เกิดให้มีขึ้นนี่แหละของดีของดีอยู่แล้ว ในตัวของเราทุกๆ คน มองให้มันเห็น หาให้มันเห็น ภายในตนของตนนี่แหละ จึงใช้ได้ ถ้าไปมองหาแสวงหาของดี ภายนอกแล้วใช้ไม่ได้

คำสอน : หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ

 

กราบหลวงปู่ทิมครับ
อนุโมทนาทุกท่านที่ได้ไปร่วมงานครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม คุณลุงสาย แก้วสว่าง สวัสดีครับอาจารย์แก้วสว่าง น้าต๋อย พี่โต้ง พี่รัก พี่เดชา พี่ภู พี่คนบนเกาะ พี่เตอร์ พี่ทหารเก่า พี่อาทิ พี่romegat พี่รุ่ง คุณโอ๊ด คุณอภิเชษฐ์ ท่านนายกู๊ด คุณthavornsiripat และพี่ๆเพื่อนๆลูกศิษย์หลวงปู่ทิมทุกท่าน สบายดีกันทุกคนนะครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ