ประวัติ หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร ตำนานเสือหัวขาดแห่งที่ราบสูง

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Pothong Amulet, 18 ธันวาคม 2013.

  1. Pothong Amulet

    Pothong Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +159
    ประวัติพระครูปลัดธนาทร  (หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร)

     

    หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร  เป็นพระอีกรูปหนึ่งที่มีความเมตตาต่อศิษย์อย่างมากและยังเป็นพระที่ปฏิบัติดี มีความแตกฉานในวิชาอาคมต่างๆ เช่นอักขระ ยันต์ และวิชาต่างๆไม่ว่าจะเป็น การสักยันต์ ทำตะกรุด ดูดวง ลงทองที่หน้าผาก และเชี่ยวชาญในการเล่นอักขระมากๆ ท่านเป็นลูกศิษย์ในสายของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า  โดยทุกๆวันจะมีลูกศิษย์ลูกหามากราบนมัสการจากที่ต่างๆอย่างไม่ขาดสาย ท่านเป็นพระที่มีอุปนิสัยเป็นกันเองกับลูกศิษย์คุยสนุกสนานพูดตรงไม่ถือเนื้อถือตัว ใครได้มากราบนมัสการก็จะสัมผัสได้ในความเมตตาของท่านที่มีต่อศิษย์   มีความสุขสบายใจกลับไปทุกราย พุทธคุณของท่านนั้นที่ลูกศิษย์ได้พบเจอกันไม่ว่าใจเป็นในเรื่องของ คงกระพัน แคล้วคลาด เจริญก้าวหน้า โชคลาภ เมตามหานิยม มีความศักดิ์ศิษย์ยิ่งนัก       หลวงพ่อท่านเป็นคนวัดพระยาไกร  เขตยานนาวา กรุงเทพฯ เป็นบุตรของ นายเฉลียว และ นางสมจิตร  สงปรีดี  มีพี่น้อง 5คน ท่านเป็นคนที่  4 เมื่อวัยเด็กท่านชอบเรื่องของพระมาก และศึกษาการเป็นอยู่ของพระ และเมื่ออายุ 15 ปี นั่งกสินทุกอย่าง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่ออายุครบ  21  ปี ท่านก็ได้ไปเป็นทหารจนครบ 2ปี เมื่อปลดจากทหารท่านก็ได้บวชเป็นพระเมื่อปี 2530 ท่านได้เดินธุดงค์ ไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ อ.บึงสามพัน ท่านได้ตำราการทำกสินของ หลวงปู่แหวน ที่วัดหินดาดน้อย ท่านจึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง และเดินธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆหลายจังหวัด เช่น เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย อุดร ขอนแก่น ศรีษะเกศ และอีกหลายจังหวัด และเมื่อกลับมาถึงวัดหนามแดง ท่านก็ได้พบเจอกับอาจารย์มานิต อาจารย์มานิตเป็นศิษย์ของอาจารย์ย่ามแดง เป็นลูกศิษย์ของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และพระอีก 3 รูป จึงได้เรียนวิชาของหลวงปู่ศุขกับอาจารย์มานิต พระที่เรียนกับอาจารย์มานิต มีหลวงพี่จาบหลวงพี่ทิพ หลวงพี่เม และท่าน ต่างคนต่างได้วิชาคนละแบบกัน และแล้วท่านต้องสึกจากการบวชเป็นพระเพราะไม่มีใครดูแลแม่ เมือปี 31เมื่อถึงปี 33 ท่านก็ได้บวชอีกครั้ง เพราะท่านไม่ชอบชีวิตของการครอง ฆราวาส ชีวิตของท่านจึงหวนคืนสู่เพศบรรพชิตอีกครั้ง และครั้งนี้ทำให้ท่านมุ่งมั่นในการปฎิบัติมากขึ้น ในเรื่องของการรื้อภพรื้อชาติ ปลดวิบากกรรมของญาติโยม และเพียรในการฝึกฝนวิชาของหลวงปู่ศุขมากขึ้นจนแตกฉานและเพียรในหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ท่านได้เดินทางจากนครสวรรค์ มาที่จังหวัดนครราชสีมาและได้มาอยู่ที่ วัดมิตรภพ ต.กลางดง อ.ปากช่อง ได้ 4 ปี  เจ้าคณะอำเภอได้ส่งให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่ วัดซับสวอง ต.ขนงพระ เมื่อปี 40 ท่านได้เปิดการสักยันต์ในสายของ หลวงปู่ศุข จนมีลูกศิษย์มากมายและเป็นที่รู้จักของคนใน อำเภอปากช่องและจังหวัดอื่นๆมากมาย ท่านเป็นเจ้าอาวาสได้ 10 ปี ท่านก็ได้ลาออกและเดินทางไปอยู่วัดดอยน้อย  อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ แต่ก็อยู่ได้แค่ครึ่งปี ท่านก็ต้องได้กลับมาอยู่ปากช่องอีกครั้ง เพราะลูกศิษย์ขอให้กลับมา จึงกลับมาอยู่ที่วัดหนองแก ต.วังไทร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และในประมาณปลายปี2553 ชาวบ้านกระพี้ อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ได้ขอบารมีนิมนต์หลวงพ่อไฉนท่านให้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าโพธิ์นิมิตร ชื่อวัดเก่า จนถึงวันนี้จากวัดป่าที่มีเพียงศาลาเก่าๆหนึ่งหลังและกุฏิไม้เก่าๆได้กลายมาเป็นนวัดที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง เพียบพร้อมด้วยศาสนะสถานต่างๆที่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงปัจจุบันนี้

    ประสบการณ์ตอนเดินธุดงค์        การเดินธุดงค์เมื่อปี 30 ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ณ. อุทยานน้ำหนาว เมื่อสมัยนั้นยังเป็นป่าดงดิบ อยู่เลย ท่านจำได้ว่าตอนเที่ยงวันแทบจะมองไม่เห็นพระอาทิตย์เลย และอากาศเย็นมากๆ ท่านได้เดินเข้าไปอยู่ในป่าลึกเพื่อฝึกสมาธิให้แกร่งยิ่งขึ้น และขอเรียนวิชากับป่า จนคืนหนึ่งระหว่างที่กำลังปฏิบัติธรรมตามปกติ ในนิมิตมีฤๅษีองค์หนึ่งมาปรากฏและยังมีแนะนำในเรื่องการดูธาตุของ คนหรือพูดอีกอย่างก็คือสอนให้ดูดวงนั้นเอง เรียกว่าตรวจดูธาตุสี่ แต่การสอนของท่านๆเป็นการพูดให้ฟังและจำเอาเองจำจดไม่ใช่จดจำเป็นการเรียนในสมาธิเสร็จแล้วจึงออกจากสมาธิมาจดเป็นอักษร ท่านจึงใช้อยู่ทุกวันนี้ ในสถานที่เดียวกันคือ ป่าอุทยานน้ำหนาว ระหว่างการเดินอยู่ในป่า ท่านก็เดินในตอนกลางวันพอสี่โมงเย็นก็ต้องหาที่พักใหม่ทุกวันระหว่างที่เดินก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังเดินตามเสือโคร่งอยู่เห็นรอยเท้าอยู่ทางที่จะลงลำธารเป็นลอยขนาดใหญ่กว่ากำปั้นสักหน่อย ลองเอามือแตะดูยังอุ่นอยู่เลย แต่ท่านต้องเดินทางไปเส้นทางนั้น ท่านจึงเดินข้ามลำธารไปอีกฝั่งหนึ่ง แล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปซัก 20 เมตร แล้วเลี้ยวขวาอีกที ท่านต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ เดินเบื้องหน้าท่านประมาณ 50 เมตร เมื่อตั้งสติได้ท่านได้ตั้งจิตอธิฐานแผ่เมตตาให้กับเสือ ไม่น่าเชื่อเสือตัวนั้นก็เดินเลี้ยวซ้ายหายไป ท่านจึงเดินทางต่อไป เมื่อตกตอนเย็นประมาณ 4 ทุ่ม ท่านก็ปักกรดของท่านและทำกิจกรรมต่างๆ และทำสมาธิเช่นเคย ท่านจะมีพระพุทธรูปองค์เล็กๆติดตัวไปด้วยไว้ทำวัตรสวดมนต์ คืนนั้นท่านก็ทำวัตรสวดมนต์เหมือนเคยและนำพระพุทธมาวางบนแคร่เล็กๆเพี่อสวดมนต์  เมื่อสวดมนต์ก็ทำสมาธิจนดึก ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรลากเข้ามาใกล้กรดเสียงดังแสกๆเข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆ จึงลืมตาดูในบริเวณที่นอนต้องจุดไฟไว้หนึ่งกองจึงทำให้มองเห็นงูตัวใหญ่มากๆตัวหนึ่ง ( ลองกางแขนให้สุดนั้นคือความใหญ่ไม่รวมความยาว) มาหยุดอยู่ตรงเบื่องหน้าพระพุทธรูป และแผ่พังพานโน้มหัวลง ทำความเคารพพระพุทธอยู่ 3 ครั้ง  แล้วจึงหันไปโดยรอบ เหมือนจะบอกว่าอย่ามายุ่งพระท่านปฎิบัติธรรมอยู่  แล้วงูใหญ่ก็เอาหัวลง ที่ข้างหลังงูซิ มีผู้ชายใส่ชุดขาวผมขาวแก่มากเกล้าผมมวยนั้งอยู่บนหลังงู หนวดเครายาวมาก แล้วงูใหญ่ก็เลี้ยวลอดใต้แคร่ ที่วางพระพุทธรูปไปได้ แคร่ตัวนั้นสูงประมาณครึ่งศอก กว้างครึ่งซอกแต่งูใหญ่เลื้อยผ่านไปได้ หน้าประหลาดมากเดินป่าที่เขาชะเมา จังหวัด  ระยอง        เป็นการเดินป่าที่แสนทุลักทุเล เพราะต้องเดินใต้หน้าผาขึ้นไปข้างบน บางช่วงก็เดินสบาย บางช่วงก็ไต่เถาวัลย์แล้วเหวี่ยงตัวขึ้นไป เมื่อขึ้นถึงข้างบนจะเป็นลักษณะคล้ายทางเดิน ทางด้ายซ้ายมือมีลำธาร ด้านขวามือป่าไผ่ที่หนาทึบมาก ยากที่คนจะเดินเข้าไปได้ อยู่ๆก็มีช้างป่าตัวใหญ่เดินออกจากป่าไผ่ มายืนกินน้ำอยู่ที่ลำธาร ท่านจึงหยุดเดินช้างนั้นหยุดกินน้ำและหันมาทางท่าน แล้วทำท่าเหมือนโกรธกระพือหู แกว่งงวงไปมา ส่งเสียงฟึดฟาดใส่ท่าน ท่านก็หยุดนิ่ง และแผ่เมตตาอีกใจหนึ่งก็กลัว ๆ กล้าๆ แต่คนเราเมื่อถึงคราวจะตายก็ต้องตาย ถ้าเคยมีกรรมต่อกันมา สักพักช้างก็เดินเข้าไปในป่าไผ่แล้วหายไป ท่านจึงเดินต่อเมื่อมาถึงตรงที่ช้างหายไป ท่านจึงหันหน้าไปดู ธรรมดาต้องมีรอยแหวกของต้นไผ่ แต่กับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ได้พบหลวงปู่คำคนิง        ท่านได้มีโอกาสที่จะเดินธุดงค์เป็นประจำ มีอยู่ปีหนึ่งที่ท่านได้พักอยู่ที่วัดคลองปลัดเปลี่ยง วันหนึ่งขวัญจิต  ศรีประจัญ ได้จัดงานทำบุญบ้านหลังใหม่ ที่โยมขวัญจิตได้ซื้อไว้ที่สายบางนา  และในวันงานนั้นโยมขวัญจิตได้นิมนต์แต่พระปฏิบัติ มาสวดมนต์หนึ่งในนั้นมีท่านและหลวงพี่หมูอยู่ด้วย เมื่อท่านไปถึงบ้าน โยมขวัญจิตบอกว่าหลวงปู่คำคนิงอยู่บนบ้านที่ห้องพระ ท่านจึงได้ขึ้นไปกราบนมัสการหลวงปู่ แต่ว่าหลวงปู่ท่านทำสมาธิอยู่จึงไม่รบกวน สักพักหลวงปู่ท่านคลายจากสมาธิ ท่านจึงเข้าไปกราบหลวงปู่คนิงที่ตัก ซึ่งคำแรกที่หลวงปู่คำคนิงพูดท่านพูดกับหลวงพ่อไฉนด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “รอมานานแล้ว”และหลวงปู่ท่านช้อนมือของท่านขึ้น แล้วบอกว่า ”อย่าสึกจากพระนะ จะได้เป็นใหญ่เป็นโตในทางพระพุทธศาสนา” แล้วหลวงปู่ก็เอามือของท่านมาจับที่ศรีษะของหลวงพ่อไฉนแล้วจึงเป่าวิชาประสิทธิให้ หลวงปู่ท่านบอกว่าสักวันจะรู้เอง สิ่งที่หลวงปู่ให้คือวิชาหรืออะไรสักอย่างที่ได้จากหลวงปู่คำคนิงซึ่งนั่นก็คือวิชาฤษีแปลงสารในทุ่งใหญ่นเรศวร        เมื่อครั้งที่ท่านเดินธุดงค์เข้าสู่ทุ่งใหญ่นเรศวร จะมีพระหลายรูปบอกท่านว่าเดินธุดงค์ที่ไหนก็ได้ แต่อย่าไปเดินแถวทุ่งใหญ่นเรศวร เพราะพระสงฆ์ไปตายกันมากแต่ท่านก็เข้าไป ไม่ใช่อยากลองดีแต่อยากรู้ว่าที่ตายนั้นอยู่ตรงไหน ท่านคิดว่าคนเราเมื่อถึงคราวตายอยู่ตรงไหนก็ตายถ้าเราเคยตายตรงนั้น มันก็ต้องมาตายตรงที่เดิมจึงทำให้ท่านตัดสินใจเดินธุดงค์ทุ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียว หลังจากที่ท่านเดินทางถึงทุ่งใหญ่ยิ่งลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ก็ได้รู้ว่ามีอะไรที่ท่านจะต้องค้นหาและได้เจออีกมาก ในทุ่งใหญ่นั้นมีพระสงฆ์จำนวนมากที่เอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เพราะความโลภหรือเพราะความเจ็บป่วยอย่างหนักจนต้องเอาชีวิตมาทิ้ง ในสถานที่บางที่มีโครงกระดูกหรือเศษจีวรพร้อมทั้งบาตรถูกทิ้งอยู่ เมื่อท่านปักกลดและสวดมนต์ในยามค่ำคืนจะมีเสียงพระสวดมนต์อยู่บริเวณใกล้ ๆ กลดนั้นอย่างมาก ท่านจึงตั้งจิตแผ่เมตตาให้เสียงเหล่านั้นก็จะเงียบหายไป ในทุ่งใหญ่ยังมีพระสงฆ์ที่กลายเป็นฤาษีอีกมาก เพระไม่ได้โกนผมปลงหนวดกันเครา จีวรก็เก่าและขาด เป็นพระสงฆ์ที่มีอภิญญาสูง ๆ อีกมาก พระฤาษีเหล่านั้นหนีความวุ่นวายทางโลก ไม่หวนกลับมาอีก ต่อเมื่อศาสนาใกล้เสื่อม พระเหล่านั้นจะออกจากป่ามาช่วยเหลือศาสนา 

    จีวรยังไม่ไหม้

           เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา หลวงพ่อไฉนท่านได้เดินทางไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดโนนตากลาง อ.โนนสูง จ.นครราสีมาโดยตอนเย็นของวันนั้นท่านจะต้องปลุกเสกวัตถุมงคลก่อนหลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้นจะเป็นพิธีครอบครูให้กับลูกศิษย์ลูกหา ในขณะที่ท่านทำพิธีนั่งปลุกเสกนั้นท่านจะใช้โอ่งในการใส่น้ำเพื่อทำน้ำมนต์โดยวางไม้กระดานไว้บนปากโอ่งแล้วใช้เทียนใหญ่ขนาดเท่าแขน 2 เล่มวางไว้บนไม้กระดานแล้วจึงเริ่มทำการอธิษฐานจิตปลุกเสกพร้อมกับทำน้ำมนต์ไปด้วย แต่สิ่งที่มหัศจรรย์คาดไม่ถึงก็คือในขณะที่ท่านนั่งหลับตาปลุกเสกอยู่นั้นเทียนเล่มหนึ่งที่ว่างอยู่บนไม้กระดานนั้นไหลลงมาทั้งๆที่ยังมีไฟลุกอยู่ไหลลงมาใส่ท่านแล้ววางทับอยู่ที่จีวรกับขาของท่านในขณะที่เทียนไหลมาอยู่ที่จีวรตรงขาของท่านนั้นไฟยังลุกอยู่แรงมากจนชาวบ้านและพระเจ้าอาวาสที่วัดโนนตากลางนั้นต่างพากันตกใจชาวบ้านยังพากันพูดว่าไฟไหม้ หลวงพ่อไฟไหม้และสังเกตดูท่านนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสกท้ามกลางเปลวเทียนอยู่ได้นานสักพักหลังจากนั้นพระเจ้าอาวาสวัดโนนตากลางจึงได้เดินไปหยิบเทียนออกแล้วน้ำไปวางไว้ที่เดิมแต่หลังจากที่ยกเทียนออกจากท่านเจ้าอาวาสและชาวบ้านที่ได้เข้าร่วมพิธีนั้นต่างก็ตกใจกันเป็นอย่างมากเพราะบริเวณจีวรและขาของหลวงพ่อไฉนบริเวณที่เทียนไหลมาว่างติดจีวรอยู่นั้นไม่มีรอยไหม้แม้แต่นิดเพราะว่าปกติไฟโดนผ้าก็จะต้องไหม้แต่ว่านี้โดนผ้าแล้วคาอยู่ตั้งนานกลับไปเป็นอะไรเรื่องนี้ทำให้ผู้ที่พบเห็นและเข้าร่วมอยู่ในพิธีรวมถึงเจ้าอาวาสวัดโนนตากลางตกใจและเกิดความศรัทธาในพระอาจารย์ไฉนกันเป็นอย่างมากและทำให้วัตถุมงคลชุดนี้หมดไปอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นน้ำมันว่านที่ท่านเสก เหรียญหลวงปู่พรหมสรรอด และตะกรุด แถมในพิธียังมีการลองโดยใช้มีดกรีดหลังของผู้ที่มีวัตถุมงคลด้วย หลังจากที่ท่านได้ปลุกเสกเสร็จเจ้าอาวาสวัดโนนตากลางยังมาขอดูจีวรของท่านอีกทีเพื่อให้แน่ใจแต่กลับไม่มีรอยไหม้มีเพียงคราบน้ำตาเทียนติดอยู่ที่จีวรของท่าน                    

    ด้วยอุปนิสัยส่วนตัวของหลวงพ่อท่านนั้นเป็นพระที่นิสัยร่างเริง อารมณ์ขัน แต่จะสงบนิ่งและจริงจังในพิธีต่างๆเช่าพิธีพุทธาภิเษก ท่านจะเปลี่ยนเป็นคนล่ะองค์กับเวลาที่อยุ่กับลูกศิษย์ลูกหา หากท่านใดมีโอกาสไปเที่ยวขอนแก่น ลองไปกราบท่านที่อ.บ้านฝาง ซึ่งห่างจากตัวเมืองเพียง20กว่ากิโลเท่านั้นคับ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2013
  2. hidra

    hidra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +151
    สาธุครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ ที่ได้นำประวัติหลวงพ่อมาเผยแพร่ให้ได้ทราบ
     
  3. Pothong Amulet

    Pothong Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +159
    การสร้างทานบารมีนั้น หลวงพ่อท่านได้สั่งสอนอบรมลูกศิษย์เป็นประจำ เพราะหากไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วไซ้ร สิ่งที่จะติดตัวเราไปได้ก็มีแค่กรรมเท่านั้น จะเลือกเอากรรมดีหรือกรรมไม่ดีก็แล้วแต่ตัวเรา อยากได้กรรมดีก็ทานให้มากปฏิบัติให้มาก การสร้างทานบารมีนั้น ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นของดีสุดแพงสุดแต่ผลที่ได้เป็นอย่างมากนั้นคือจิตที่มีกุศลในการถวายทานนั้น

    สาธุธรรม กราบนมัสการหลวงพ่อคับ...
     
  4. Pothong Amulet

    Pothong Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +159
    อนุโมทนาสาธุเช่นกันคับผม:cool:
     
  5. aoyy

    aoyy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +832
    กราบนมัสการหลวงพ่อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.2 KB
      เปิดดู:
      1,055
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2013
  6. Pothong Amulet

    Pothong Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +159
    เป็นภาพที่หาดูได้อยากมากๆคับผม ขอบพระคุณมากคับผม....สาธุ
     
  7. หนูเช

    หนูเช Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +37
    อยากทราบประวัติที่เกี่ยวกับเสือหัวขาดจังเลยครับ
     
  8. aoyy

    aoyy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +832
    อีกรูป ครับ พี่ขุน (ก๊อบเค้ามา555)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1977.jpg
      IMG_1977.jpg
      ขนาดไฟล์:
      128.2 KB
      เปิดดู:
      817
  9. Pothong Amulet

    Pothong Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +159
    กราบนมัสการครูอาจารยังคับ
     
  10. Pothong Amulet

    Pothong Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +159
    ประวัติที่มาของ ตำนานเสือหัวขาก หลวงพ่อไฉน ฉนทสาโร พอสังเขปคับ

    มันเป็นตำนานที่ยาวไกลมากของการกำเนิดเสือคอขาด ผมจึงจะขอเล่าในส่วนของหลวงพ่อไฉน ก็แล้วกัน เมื่อประมาณปี พ.ศ.2530หรือ 2531 นี่หละ หลวงพ่อท่านได้ไปเที่ยวศึกษาธรรมอยู่ทางภาคตะวันออก และได้ไปที่พนัสนิคม ชลบุรี ญาติโยม จะคุยถึงกิตติศัพย์ ของหลวงพ่อองค์นึง ว่ามีคาถาอาคมแก่กล้ามาก และยังมีวิชาที่เป็นที่เรื่องลือนัก คือ วิชาสักเสือคอขาด แต่ในขณะนั้นท่านมีอายุมากแล้ว วิชาเสือคอขาด เป็นที่รู้กันในสมัย ห้าสิบกว่าปีที่ผ่านมา ชาวชลบุรีจะทราบดี ถึงโจรเสือคอขาด เพราะเที่ยวปล้นเขา ฆ่าเขา แต่ตำรวจจับไม่ได้ ยิงก็ยิงไม่เข้า เมื่อจับได้ก็ต้องประหารด้วยการนั่งตอแหลน ( เอาไม้สวนทวานจึงจะตาย ) นั่นเป็นเหตุการของท่านที่ผ่านมา ทีนี้มาเล่าถึงหลวงพ่อต่อ เมื่อหลวงพ่อได้ยินชาวบ้านพูดอย่างนั้น จึงทำให้ท่านอยากจะได้วิชานี้ จึงถามชาวบ้านว่าวัดท่านอยู่ที่ไหน ชื่อวัดอะไร ชาวบ้านบอกว่าชื่อวัดเขานางนม ( เป็นชื่อในสมัยนั้น ) หลวงพ่อจึงเดินทางไปยังวัดนั้น และเมื่อถึงวัดนั้น เป็นวัดที่เงียบสงบ ไม่ค่อยจะเจริญนัก หลวงพ่อจึงดิ่งไปที่กุฎิเจ้าอาวาส ( กุฎิท่านเป็นเรือนไม้สองชั้น ) มีลูกศิษย์นั่งอยู่ที่บรรได จึงถามลูกศิษย์ว่าหลวงพ่ออยู่หรือเปล่า ลูกศิษย์บอกว่าหลวงปู่อยู่ข้างบน หลวงพ่อจึงขึ้นไปหา ( ชั้นบนมีห้องสามห้อง ที่เหลือเป็นระเบียงสำหรับรับญาติโยม ) เมื่อหลวงพ่อขึ้นถึงข้างบนปรากฎว่า ไม่มีใครเลย มีแต่อาสนะที่นั่งของหลวงปู่แต่ไม่มีองค์ท่าน หลวงพ่อเลยถือวิสาสะ เดินไปเปิดประตูห้องดูก็ไม่มีองค์ท่าน หลวงพ่อจึงกับลงมา และถามลูกศิษย์อีกว่า หลวงปู่อยู่ที่ไหน ลูกศิษย์ก็ยืนยันว่าหลวงปู่อยู่ข้างบน ที่นี้หลวงพ่อขึ้นไปไหม่ อนิจจา หลวงปู่นั่งอยู่น่ากุฎิ ท่านนั่งยิ้ม หลวงพ่อขนลุกเลย และแล้วหลวงพ่อก็เข้าไปกราบท่าน หลวงพ่อกับหลวงปู่คุยกันสัพเพเหระ และสุดท้ายหลวงพ่อก็พูดถึงเรื่องการสักเสือคอขาด และขอเรียนกับท่าน หลวงปู่ท่านปฎิเสธในการที่จะสอน ท่านบอกว่าท่านอย่าเอาไปเลย มันชั่วหมด เอาดีไม่ได้ ตำรวจเขามาขอให้หลวงปู่เลิกสัก ตั้งแต่นั้นมาหลวงปู่ไมเคยสักให้ใครอีกเลย อย่างไรก็ไม่ให้ หลวงพ่อชักแม่น้ำทั้งห้ามาคุยเลยครับ หมายถึงยกเหตุ ยกผลมาคุยกับหลวงปู่ โดยพูดว่าผมเป็นศิษย์สาย หลวงปู่ ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และได้วิชาสกดอำนาจเสือ และอีกอย่างวิชาที่หลวงปู่มี มันเป็นวิชาที่ล้ำค่า ถ้าไม่สืบทอด วิชาก็จะสูญ หลวงพ่อก็คุยไปเรื่อยเปื่อย หลวงปู่ท่านก็อนุญาติให้ แต่.....พูดให้ฟัง แล้วจำเอาเอง เอาก็เอาฟังก็ฟัง จำก็จำ หลวงพ่อจึงได้วิชาเสือคอขาดมาโดยการจำคำพูด หลังจากที่หลวงพ่อท่านได้วิชานี้มาท่านไม่เคยใช้กับใครเลย เพราะกลัวสมาธิจะไม่แข็งพอที่จะสยบเสือลงได้ จึงตั้งหน้าฝึกฝน วิชาและสมาธิให้มากขึ้น ระหว่างนั้นก็มีการสักให้ศิษย์อยู่แล้ว พอมาถึงปี 2540 ท่านได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ท่านก็ยังสักอยู่และมีหลานชายท่านมาช่วยสักอีกคน การเปิดสักย่อมมีผู้ที่แข็งขัน จึงมีอาจารย์เกิดขึ้นอย่างมากมาย ในอำเภอปากช่อง หลวงพ่อจึงตัดสินใจ เปิดตำนานเสือคอขาดขึ้นมา ซึ่งไม่มีใครกล้าที่จะสัก หรือว่าไม่มีวิชาก็ไม่ทราบได้ จากวันนั้น จนถึงวันนี้ เสือคอขาดจึงเป็นตำนานของหลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร จวบจนทุกวันนี้ นี่แหละคือ ตำนานเสือคอขาด ( คุณเชื่อหรือไม่ แม้กระทั้งทุกวันนี้ หลวงพ่อยังไม่ทราบชื่อหลวงปู่เลย ) สาธุบูรพาอาจาริยะ อโหสิกรรมมัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2013
  11. Pothong Amulet

    Pothong Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +159
    เสือหัวขาดและรอยสักของหลวงพ่อท่าน และยังมีลายสักอื่นอีกมากมาย บางคนก็ได้ไม่เหมือนกันคับ*-^
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. Pothong Amulet

    Pothong Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +159
    วัตถุมงคล       

            วัตถุมงคลของท่านนั้น เป็นท่านรู้กันดี ในลูกศิษย์ลูกหาว่าบางสิ่งบางอย่าง มีเงินแต่ไม่สามารถหาซื้อได้ เพราะเป็นของดี และยังสร้างอีกต่างหาก ลูกศิษย์จะรู้กันดีว่าหลวงพ่อท่านจะทำวัตถุมงคลรุ่นไหนออกมา ท่านจะตั้งใจในการทำมาก เจตนาท่านดีทุกรุ่น ชาวบ้านจึงหวงแหนกันมาก ล๊อกเกตครึ่งองค์รุ่นแรก และเต็มองค์รุ่นสอง สร้างประมาณปี 2542 จำนวนแค่อย่างละ 150 องค์ นับว่าหายากมาก และบางสิ่งบางอย่าง ท่านสร้างตั้งแต่สมัยท่านเป็นฆารวาสก็มี ท่านมีวิชา และลูกศิษย์ลูกหา ตั้งแต่ก่อนบวช เช่น ท้าวเวสสุวรรณรุ่นแรก สร้างประมาณปี 2529 และอีกหลายอย่าง เช่น สากกะเบือแช่น้ำมนต์ ใครที่อยากใด้ต้องไปอธิฐานจิตเอาเอง แล้วแบมือรอที่บนผิวน้ำ เพราะท่านจะแช่ไว้ในอ่างน้ำ แล้วหากใครมีวาสนาที่จะได้สากกะเบือนั้น ก็จะลอยขึ้นมาหาเอง ผู้ที่ได้สากกะเบือรุ่นนี้ไป มักจะพบเจอประสบการณ์กับตัวเอง ช่วยหนุนทุกๆ อย่างในชีวิต ของผู้ที่ได้ครอบครองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งใครเป็นแม่ค้า จะรู้ดีถึงสากกะเบือรุ่นนี้ แต่ที่เลื่องลือที่สุด และท่านชำนาญที่สุด นอกจากสักยันต์แล้ว ก็คือการทำตะกรุด ตะกรุดของท่าน โด่งดังมากๆ ถึงขนาดลูกศิษย์ของท่านบางคน เคยได้นำไปให้ฆารวาสชื่อดังในประเทศไทย จับดูแล้วถึงกับต้องถามว่า พระที่ทำตะกรุดดอกนี้ยังอยู่ไหม อยู่ที่ไหน ผมอยากไปเรียน และแลกเปลี่ยนวิชากับท่าน ตะกรุดของท่านเป็นที่พบเจอกันมาก ในหมู่ลูกศิษย์ในเรื่องคงกระพัน แคล้วคลาด และเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงานอย่างเห็นได้ชัด ตะกรุดของท่านจะทำเรื่อยๆ และทำน้อยมาก และท่านจารมือเองทุกดอก บางทีก็มีลูกศิษย์นำโลหะมาให้ท่านทำให้ ดังนั้นใครที่มีไว้ต่างก็หวงแหน มีเงินก็หาซื้อไม่ได้  ท่านมักจะสอนลูกศิษย์เสมอว่า ให้มีศรัทธาเป็นที่ตั้ง ศรัทธาในองค์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ เพราะถ้าหากมามีความศรัทธาแล้ว วัตถุมงคลหรือรอยสัก ก็จะไม่เกิดผลอะไรทั้งสิ้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2013
  13. Pothong Amulet

    Pothong Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +159
    พระมหาเจดีย์ที่หลวงพ่อท่านดำเนินการสร้างขึ้น เพื่อบรรจุพระพบรมสารีริกธาตุ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในเวลาเพียงไม่กี่ปี ท่านใดมีโอกาสไปขอนแก่นขอเชิญแวะไปกราบหลวงพ่อท่านได้ท่านมีเมตตามากคับ.....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. Pothong Amulet

    Pothong Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +159
    ในเรื่องของวัตถุมงคลนอกจากเหรียญรุ่นแรกของท่านแล้ว ท่นนคือหนึ่งในตำนานของตะกรุดที่หาได้ยากแล้วในปัจจุบัน นั้นก็คือ ตะกรุดใต้น้ำ(ตะกรุดคงคาเดือด)

    ในปัจจุบันพระเกจิอาจารย์นั้นมีมากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นพระอริยะที่น่าเคารพและศรัทธาของคนทั่วไป สำหรับผม นอกจาก( พระอาจารย์จิ วัดหนองหว้า) แล้ว ก็ยังมีพระอาจารย์อีกองค์ที่ผมเคารพและศรัทธารูปหนึ่ง ตอนนี้จากพระอาจารย์คนส่วนใหญ่ก็เรียกท่านหลวงพ่อจนติดปากกันแล้ว พระอริยะสงฆ์องค์นั้นก็คือ หลวงพ่อไฉนฉนฺสาโร แห่งวัดป่าคุณากร (โพธิ์นิมิตร) บ้านกะพี้ อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ซึ่งท่านได้ย้ายมาจำพรรษาจากวัดหนองแก ปากช่อง มาอยู่ที่วัดนี้ถาวร ด้วยเป็นพระที่มีอุปนิสัยที่เป็นกันเอง ไม่เลือกชั้นวรรณะ เมตตาต่อคนที่มากราบทุกคน จึงทำให้คนที่ได้มาสัมพัสแล้วเกิดความศรัทธา ทุกวันนี้ลูกศิษย์ลูกหาหลวงพ่อนั้นจึงเพิ่มขึ้นมากมาย โดยเฉพาะทางอิสานแล้ว ก็มีลูกศิษย์ลูกหาทางภาคใต้ของเราอีกจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เนื่องจากส่วนหนึ่งได้เกิดจากประสบการณ์จากวัตถุมงคลของหลวงพ่อ ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยบรรดาลุกศิษย์และทหารชายแดนภาคใต้ ท่านได้ดำริให้จัดสร้างพระปิดตา มหาอุต จำนวน 3 หมื่นองค์มอบให้แก่ทหาร3จังหวัดชายแดน ส่วนหนึ่งท่านได้มอบให้กับทหารที่ เขาพระวิหาร แต่วัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงของท่านมากที่สุดคือ ตะกรุดโทนต่างๆ ที่หลวงพ่อท่านทำขึ้น สมัยก่อนนั้น ท่านจะทำเพียงไม่กี่ดอกให้กับบรรดาลูกศิษย์ลูกหาไว้ใช้ เล็กบ้างใหญ่บ้าง อีกอย่างสมัยนั้นก็ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักหลวงพ่อท่านมากนัก เพราะเป็นพระที่ไม่ชอบยศถาบรรดาศักดิ์ ถือสันโดษ ปัจจัยทุกบาททุกสตางค์ สร้างถวายพระพุทธศาสนาหมด อีกท่าน การทำตะกรุดของหลวงพ่อท่านนั้น ต้องถือฤกษ์ถือยาม ไม่ใช่คิดจะทำก็ทำเลย แต่ละดอกที่ทำ ทำจากมือตัวท่านเองทุกดอก ตั้งแต่การจารอักขระ ม้วน ถัก หุงรัก ปิดทอง ทุกขั้นตอนต้องผ่านมือท่านทั้งหมด จึงทำให้ตะกรุดของท่านนั้นเป็นที่ต้องการกันอย่างมาก แม้ลูกศิษย์ไก้ลชิดเองบางครั้งก็ไม่ได้ เพราะท่านต้องการจะให้ทุกคนได้มีเท่าเทียมกัน คนไหนได้แล้ว ท่านจะไม่ให้อีกถึงจะเป็นลูกศิษย์ไก้ลชิดขนาดไหนก็ตาม เพราะตะกรุดนั้นท่านสร้างจำนวนน้อยมากๆ ท่านจะทำตามตำราหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ทุกประการ 
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. Pothong Amulet

    Pothong Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +159
    อีกหนึ่งตำนาน ตะกรุดพยัฆคำราม สร้าง 109 ดอก ปัจจุบันหาเจอได้ยากแล้วคับ เป็นตะกรุดโทนชุดแรกที่ท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดคุณากรแห่งนี้คับผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2013
  16. aoyy

    aoyy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +832
    อยากได้
     
  17. Pothong Amulet

    Pothong Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +159
    ผมมีแค่ดอกเดียวคับตอนจองท่านห้ามให้คนล่ะจะเหมาซัก5แต่แห้วได้มาดอกเดียวเองคับ55555
     

แชร์หน้านี้

Loading...