จิตไวเกินสำหรับผุ้ครองเรือน

มีวิธึแก้อาการจิตไวรุ้สึกว่าขี้หงุดหงิดมากผัสสะไวมาก
อยากทราบประสบการณ์ฆราวาสที่ครองเรือนปฏฺิิิิิิิิฺฺฺฺฺฺฺฺบัติธรรมแล้วจิตละเอียดขึ้น
ไวต่อสิ่งที่มากระทบแต่บวชไม่ได้ควรทำอาชีพอะไรดีครับ

 

แล้วทำไมไม่ตามไปดูอาการขี้หงุดหงิดนี้ล่ะ..หงุดหงิดก็รู้ว่าหงุดหงิด..อะไรเป็นสาเหตุของความหงุดหงิด? ทำไมไมดูตรงนี้ให้หายคาใจ..พอหงุดหงิดก็ไปหลงอารมณ์หงุดหงิดกับมันไปเลย..เรื่องอาชีพเมื่อเวลาจิตเขาจะสรรหาของเขาเองค่ะ

 

ปฏิบัติธรรม ปฏิบัติเพื่อดูสภาวะพวกนี้นั่นแหละ ยิ่งมีเยอะ ยิ่งเรียนรู้ได้เร็ว

ยังอยากจะทิ้งของดี ไปเอาของที่มันแย่กว่าอีกหรือ?

 

ท่าน nilakarn แน่ใจหรือครับ ว่าตนเองเข้าใจถูกต้องแล้ว ก่อนที่จะมาแนะนำผู้อื่น?

 

จิตไวไม่ไว มันไม่ได้อยู่ที่การประกอบอาชีพนะ มันอยู่ที่จิต
ถ้าจิตมันไว จะประกอบอาชีพอะไรมันก็ไว
วิธีการของผม คือไม่ต้องทำอะไร แค่เห็นว่ามันขึ้น
มองดูว่ามันขึ้น พอเห็นมันแล้ว เดี๋ยวมันก็หายไปเอง
เพราะเราไม่ได้ไปตามอารมณ์มัน เราไม่ได้ไปตามมัน ว่ามันขึ้นมาจากอะไร มันจะขึ้นไปถึงแค่ไหน สำหรับผมแล้ว ปล่อยมัน
มันขึ้น ก็เห็นว่ามันขึ้น มันลงก็เห็นว่ามันลง
ไม่ได้มีความอยากหรือเดือดเนื้อร้อนใจ ที่จะให้มันขึ้นหรือลง
ขึ้น ก็สักแต่เห็น ว่ามันขึ้น
ลง ก็สักแต่เห็น ว่ามันลง
เดี๋ยวมันก็ไปต่อไม่ได้
เพราะเราไม่ได้เติมเชื้อไฟให้มัน
เราก็แค่ดู ว่าไฟมันขึ้นไปตามเหตุ แล้วก็ดับไปตามเหตุเท่านั้น

 

คุณอินทรบุตร คุณก็ลองพิสูจน์ดูซิ ว่าที่คุณnilakarn แนะนำคนอื่นมันจะได้ผลมั๊ย ถ้าไม่ได้ คุณก็ไม่ต้องเชื่อ

 

ขี้หงุดหงิดมาก แสดงว่า ติดสุข ติดนิ่ง ติดเพ่ง หรือแอบติดใจ จมแช่อยู่กับสภาวะใดสภาวะหนึ่งอยู่ พอมีอะไรมากระทบ ทำให้ความรู้สึกเดิมความคลาดเคลื่อนไป เกาะอารมณ์เดิมได้ไม่ต่อเนื่อง จึงเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมา

ถ้าพิจารณาดูให้ดี จะเห็นว่าตัวทุกข์ที่เป็นปัญหาอย่างแท้จริง คือตัวหลงพอใจ หลงยึดบางสภาวะไว้จะให้อยู่กับตนนาน ๆ นั่นเอง หาใช่ความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยทางธรรมชาติแต่อย่างใด

 

ลองหาอ่านในกระทู้ของ nilakarn ดูนะครับ เขาเคยอ้างหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แต่ผิดมั่วไปหมดจากที่หลวงพ่อสอน

ผมไม่เชื่อผู้ที่มาอ้างตัวแนะนำสั่งสอนผู้อื่น โดยอ้างว่าเป็นศิษย์ครูบาอาจารย์องค์ใดองค์หนึ่ง แต่บิดเบือนธรรมะของครูบาอาจารย์องค์นั้นครับ

 

http://palungjit.org/threads/หนทางสู่โสดาบัน-เน้นถามตอบวิปัสสนาอย่างเดียว.521164/page-7#post8673418

http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7.521164/page-6#post8668435

ไปทำความเข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์ ให้ถ่องแท้ ก่อนที่จะคิดประกาศแยกศาสนาดีไหมครับ?

 

สำรวม เข้าไว้คะ รู้ทำเป็นไม่รู้ เห็นทำเป็นไม่เห็น วางเฉยกับมัน ทั้งที่ น้ำตามันไหลเพราะทุกอย่างเป็นความจริง เราหลีกหนีมันไม่พ้น ทุกอย่าง ลงที่ใจเราเองคะ

 

รู้จริงหรือ? ปฏิบัติำได้จริงหรือ? จิตละเอียดจริงหรือ?

ขออนุญาตครับ

ท่านนักปฏิบัติส่วนมากมักจะคิดว่า ตนเองปฏิบัติธรรมมานาน
ก็คิดว่าตนเองต้องก้าวหน้าไปมากแล้ว ตามเวลาที่ได้ปฏิบัติไป

แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

องค์หลวงตามหาบัว ท่านสอนว่า

"ไปว่าเขา เราดีพอหรือยัง?"
"ถ้าเราดีพอแล้ว ไปว่าเขาทำไม?"

ถ้าท่านมีกำลังสติ มีกำลังสมาธิ ครบถ้วน ท่านต้องมีความสงบกาย มีความสงบใจ ตามมาด้วย

ท่านต้องมีความอดทน ท่านต้องละความพอใจ ท่านต้องละความไม่พอใจ ได้ด้วย

ไม่ใช่จะมา อ้างว่า เมื่อตนจิตละเอียด แล้ว
ยังจะมา พอใจ สิ่งโน้น สิ่งนี้
ยังจะมา ไม่พอใจ สิ่งโน้น สิ่งนี้

อย่างนี้ต้องเรียกว่า เกิดสังขาร ที่เป็น อกุศลจิต เกิดขึ้น

เพราะผู้ปฏิบัติ ต้อง จิตนิ่ง ก่อน จิตละเอียด

เ่มื่อจิตละเอียดแล้ว จึงจะเริ่มสังเกตุเห็น จุดเริ่มต้นของความคิด (เห็นจิต)

เมื่อ จิตละเอียด แล้ว อกุศลจิต เกิดขึ้นได้อย่างไร?
เมื่อ จิต ละเอียดแล้ว ความพอใจ และ ความไม่พอใจ เกิดขึ้นได้อย่างไร?

หรือ แม้แต่ จิตนิ่งแล้ว อกุศลจิต เกิดขึ้นได้อย่างไร?
หรือ แม้แต่ จิตนิ่งแล้ว ความพอใจ และ ความไม่พอใจ เกิดขึ้นได้อย่างไร?

หรือ ท่าน จิตนิ่ง ยังไม่พอ?
หรือ ท่าน จิตละเอียด ยังไม่พอ?

หรือ ท่านไม่เข้าใจว่า จิตนิ่ง คืออะไร
หรือ ท่านไม่เข้าใจว่า จิตละเอียด คืออะไร

ถ้าท่านรู้ ถ้าท่านเข้าใจ ทำไมจึงตั้งคำถามมาแบบนี้?

ขออนุโมทนา

ลุงมหา

 

เป็นคนฟุ้งซ่านหรือป่าวงะ อาการแบบนี้

แนะนำให้ ปฏิบัติ สมาธิ ให้มากๆ แก้อาการได้ครับ

.

 

ถ้าท่านมีกำลังสติ มีกำลังสมาธิ ครบถ้วน ท่านต้องมีความสงบกาย มีความสงบใจ ตามมาด้วย

 

พระศรีฯ นั้น ในยุคนี้ ยังไม่ได้บรรลุครับ ดังนั้นแล้ว ณ เวลาปัจจุบันนี้ ท่านยังไม่มีภูมิธรรมรู้แจ่มแจ้งเหมือนพระพุทธองค์ การจะรู้เท่ากันนั้นเป็นเรื่องของอนาคตครับ

แล้วที่ว่าความเข้าใจต่างกัน จุดประสงค์ต่างกัน อันนี้ผิดมหันต์นะครับ คุณไม่รู้สภาวะจิตที่แท้จริงของอริยะ ว่าเป็นสภาวะจิตเช่นไร เลยเอาความคิดมาเดาเอาเอง ตามคำบอกเล่าที่เคยได้ยินมา มันไม่ถูกหรอกครับ

อย่าหลงผิดไปมากนักครับ ตอนนี้คุณก็ใกล้จะกู่ไม่กลับแล้วครับ

 

จิตที่ไวต่อการ ทำชั่วแต่เฉื่อนต่อการทำความดี
สักแต่ว่าอีกแล้ว ประเภทประฏิบัติไม่ถึง แต่ชอบ
เอาคำพระอริยะมาใช้ ให้ตัวเองดูสูงส่ง ถามใจดูตัว
เองดูสิ คุยฟาดฟ้า การปฏิบัติยังชอบทะเลาะวิวาท
แล้วจะเรียกว่า ผู้ทรงธรรมยังไม่ได้เลย เป็นได้แค่
อยากเด่นอยากดัง ดังในทางกุศลเราจะไม่ต่อว่าสักคำ
ชอบเด่นดังทางอกุศล คอยหักล้างทำลายกุศลของ
คนอื่น หากไม่มีใครมาสั่งมาสอนอบรมเสียบ้างก็วางกล้ามไปทั่ว กิเลสเท่ามหาสมุทร แต่ปัญญาเท่าหัวไม่
ขีด คนฉลาดในทางเบียดเบียน คิดจะเอาแค่ฝ่ามือไปปิดมหาสมุทร อยากจะหัว ช่างไม่เจียมเนิ้อเจัยมตัว
อริยทรัพย์ยังไม่ปรากฏ ก็คิดว่าตัวเองเป็นเศรษฐีธรรม
อย่างเก่งก็ได้แต่ยืมจมูกพ่อแม่ครูมาหายใจ เหนื่อย
หน่ายกับคนนี้จริง ๆนกกระจอก ไม่รู้จักพญาครุฑ

 

( นอกจากจิตคนเรามักจะขัดแย้งอยู่ในใจแล้ว จิตบางคนที่ไหวต่อแรงกระทบ มักจะขัดแย้งกับคนรอบข้างให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง อันนำมาซึ่งการเกี่ยวกรรมที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย )