////// อานาปานสติ นี้ ดีจริงหรือ //////

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย xeforce, 5 พฤศจิกายน 2013.

  1. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    คนปกติเนี่ยมันฟุ้งซ่านเกิน100ครับ ไปนู้นเลย infinity เลยครับ แต่พระโสดาบันความคิดยังเยอะมาก แต่ความคิดอยู่ในกรอบครับ แต่ดับได้เหมือนกัน สติตัดแต่ตัดเป็นครั้งคราวไม่ตัดตลอดเหมือนพระอรหันต์ พระอรหันต์นี้ก็ฟุ้งนะ ฟุ้งประมาณ10%ฟุ้งปับตัดปับ แต่มันเหมือนว่าเอาความฟุ้งมาใช้งานทางโลกซะมากกว่า โกรธก็มีนะ แต่โกรธปับตัดปับ

    อันนี้สตายผมเช็คนะ ไม่เกี่ยวกับพระไตรปิฏกเลย มันเหมือนกับว่า กิเลสต่างๆๆที่เราว่ามันหายมันหมด จริงๆๆมันไม่หมดไปไหนเลยครับ แต่ที่เป็น โสดา สกิทา อนาคา อรหันต์นั้น เกิดจากสติตัวตัดที่เราฝึกกันมา สติอัตโนมัตินะครับ ไม่ใช่สติบังคับ มันทันกัน มันทันกิเลสระดับอรหันต์

    เหมือนรถไฟฟ้า ที่วิ่ง1000 แต่สติพระอรหันต์ท่านวิ่ง990 ที่เหลือ 10 นั้นถ้าจะดับมันต้องนั่งสมาธิใช้สมถะครับ สติถึงจะ1000เท่ากัน

    พระอรหันต์ยังฟุ้งซ่านนะ แต่ฟุ้งแค่10น่ะ ไอ้10เนี่ยต้องเข้าฌานถึงจะเป็น 0 น่ะ

    ตามที่เช็คนะมันเป็นอย่างเนี่ย งงเหมือนกันทำไมเป็นงี้
     
  2. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182

    อันนี้เป็นแค่ความคิดเห็นของผมนะ แต่ผมว่าความคิดเห็นเนี้ยถูกซัก90%ล่ะ

    ถ้ามาทางสายปัญญาวิมุติ ทำฌานแบบฌาน4ไม่ได้ นั่งดับจิต พวกเนี้ยไม่รู้หรอก เช่นเป็นพระโสดาบันแล้ว ก็ยังสงสัย เพราะมันไม่มีป้ายบอกว่าเป็นนี่ แต่มันเป็นแค่อารมณ์ สภาวะ ที่ทนต่อการกระทบข้างนอกได้

    เขาจะทดสอบหล่ะว่าสภาวะเนี้ยมันเสื่อมไหม โดยการใช้ชีวิตในทางโลก ต้องทดสอบซัก1เดือนก็รู้แล้ว อารมณ์พระโสดาบันมันจะเป็นวสีน่ะ

    พอเขาทดสอบอย่างนี้แล้ว เขาก็ต้องไปหาเอาตำรามาอ้างอิงจากที่พระท่านว่าพระโสดาบันเป็นไง

    แล้วเขาก็ยังไม่มั่นใจ เขาก็เลยเข้ามาในเวปพลังจิต มาให้พวกเราทั้งหลายทดสอบ และก็ถามท่านทั้งหลายเหมือนที่คุณ xeforce กำลังทำอยู่ ตอนเนี้ยเขาก็ยังสงสัยอยู่ ว่าเขาเป็นไหม ตราบใดที่เขายังไม่ไปหาหลวงพี่เล็กวัดท่าขนุนให้ลองรับว่าเขาเป็น ครับ
     
  3. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    ผมเช็คจิต ของคุณxeforce แล้วตอนนี้เขาก็ยังสงสัยอยู่ว่าเขาเป็นพระโสดาบันหรือเปล่าครับ พอสงสัยซักปับ สติอัตโนมัติเขาก็จะตัดไป แล้วก็สงสัยอีก
     
  4. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    ผิดถูกประการใดต้องขออภัยกันนะครับ แนวฮา ฮาครับ อย่าซีเรียสนะครับทุกท่าน อย่าเชื่อด้วย ขนาดเมียผมยังไม่เชื่อผมเลย สงสัยผมจะใกล้เป็นพระโสดาบันแล้วล่ะ เดี๋ยวน้องจะตามพี่ไปนะ เสด็จพี่ XeForce
     
  5. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ขอแสดงความเห็นนิดหนึ่งนะครับ
    ถ้าทำให้ไม่พอใจประการใด ขออภัยจริงๆ

    นิโรธ ก็คือดับ ดับทุกข์ เป็นปฏิเวธ เป็นผลลัพธ์
    มรรค ก็คือการกระทำ การปฏิบัติ เพื่อถึงความหลุดพ้น
    หลุดพ้นนั้นคือ หลุดพ้นจากความยึดมั่นถือมั่นทั้งหลาย
    ระดับการบรรลุธรรม ก็เป็นเพียงสมมติบัญญัติ
    ใช้สำหรับวัดผลการปฏิบัติของตนว่า ละไปได้เพียงใด
    แต่เป็นสิ่งที่ไม่ควรเอามายึดมั่นถือมั่นไว้
    เมื่อเราพิจารณาแล้วว่า ตนถึงโสดาบันแล้ว
    ก็ควรจะคิดว่า "โอ้ ใกล้มรรคผลนิพพานเข้าไปแล้ว"
    ไม่ควรมาคิดว่า "โอ้ เราโสดาบันแล้ว เหนือกว่าผู้อื่นบ้างแล้ว"
    หรือแม้แต่ การเชื่อมั่นว่าบุคคลนั้น บุคคลนี้เป็นโสดาบันหรือสูงกว่า
    แล้วก็ยึดเอาพฤติกรรมของบุคคลนั้นๆมาเป็นแบบอย่าง
    การเช็คจิต เช็คระดับการละสังโยชน์ของคุณ ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ดี
    แต่เรื่องของจิต มันมีเรื่องของความปรุงแต่งเข้ามามาก
    มันจะมีความจริงบ้างไม่จริงบ้างปนกัน
    คุณอาจจะเห็นหลวงพ่อฤาษี จริง
    ได้เห็นจริง แต่อาจจะไม่ใช่ความจริงก็ได้
    การไปยึดมั่นในการโต้ตอบกับความปรุงแต่งในจิต เป็นเรื่องอันตราย
    ถ้าไปพบเจอหลวงพ่อในจิต ไปกราบไปไหว้ ขอคำชี้แนะ
    เมื่อได้ฟังมา ไม่สำคัญว่าเป็นหลวงพ่อองค์จริงหรือไม่
    แต่หากสามารถเพิ่มความศรัทธาในการปฏิบัติให้เราได้
    และสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมานั้น มีประโยชน์ และเป็นสิ่งที่ดี
    ก็ควรนำไปปฏิบัติ
    แต่การถามจิต แบ่งประเภทบุคคลนั้นบุคคลนี้ เห็นว่าไม่มีประโยชน์
    แถมเป็นโทษ เพราะสร้างความยึดมั่นในตนเองด้วย
    มีหลายคนที่ใช้วิธีนี้ แล้วก็เกิดศรัทธาต่อบุคคลที่เข้าใจว่าบรรลุ
    แล้วก็ปฏิบัติตาม เลียนแบบพฤติกรรมของบุคคลนั้นๆ
    ผลปรากฏว่า หากบุคคลนั้น ยังไม่บรรลุจริงๆ และทำสิ่งที่ไม่สมควร
    ก็เท่ากับเรา ก็ได้เจริญรอยตามเขาไปด้วย

    นิพพานคือสภาวะจิตของผู้ละความยึดมั่นทั้งหมด
    หากยังยึดติดในสภาวะการบรรลุ ยังแบ่งแยกบุคคลอยู่
    ก็จะถือว่ายังไม่ขยับเข้าใกล้การบรรลุมรรคผล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2014
  6. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    สุดยอด พูดได้ดีมากครับ ถ้าเกิดคนๆนั้นไม่เป็นไปอย่างที่เราว่าไว้เราเดินตามเขา ตายเลย ตายเลยจริงๆๆ เริ่มต้นใหม่ เดินใหม่ ผมก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน ผมก็มีครูบาอาจารย์ที่ผมเดินตามรอยเท้าท่าน ถ้าเกิดสิ่งที่ท่านสอนผมท่านสอนผิดตายเลย จบเสียเวลา

    แล้วทำไงต่อล่ะ ไม่รู้เหมือนกัน แล้วแต่ดวง วะ เหมือนจับฉลาก
     
  7. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ปัจจัตตัง ของผู้แจ้งในมรรคผล จะมีญาณตัวหนึ่ง ที่เรียกว่า "ปัจจเวกขณญาณ"

    คือ ญาณพิจารณากิเลสที่ละได้แล้ว และตัวกิเลสใด ที่ยังหลงเหลืออยู่
    ด้วยสติสัมปชัญญะที่บริสุทธิ์ ปราศจากความฟุ้งซ่าน ความลังเลสงสัยในธรรมที่เข้ามาประชุม ถึงพร้อมโดยสัมมาสมาธิ

    หรือผู้นั้นย่อมรู้ชัดได้ว่า "ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่น ที่จะต้อง ทำเพื่อความหลุดพ้นอย่างนี้ มิได้มีอีก"

    ผู้นั้นย่อมพยากรณ์ ถึงความเป็นปัจจัตตังได้เฉพาะตนในขั้นนั้นๆ หรือถึงความหลุดพ้นโดยชอบ (สัมมาวิมุติ)

    ดังนั้น เมื่อผู้ใดเข้าถึงอริยผลใดๆ คุณสมบัติแห่งความเป็นผลสมาบัติ มีหรือไม่

    ลองเช็คใหม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2014
  8. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182

    ไม่รู้หรอกครับ บางท่านคิดว่าจบกิจแล้วแต่พอตายไปไหงมาเกิดชั้นพรหมวะ เป็นแค่อนาคามี มีเยอะครับ เยอะมาก ยกเว้นหลวงตาบัว แกโคตะระฉลาดมาก ฉลาดเกินมนุษย์
     
  9. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    อย่าไปเชื่อมันมากพระไตรปิฏกน่ะ อุ้ยไงกูพูดงี้วะ แล้วจะให้เชื้อใครล่ะ เชื่อได้จ้า แต่อย่าเชื้อมันมาก ระวังจะเป็นแบบหลวงปู้เกษม อาจินณสีโลนะ เชื่อมากจนหลุดออกนอกวงโคจรไปเลย
     
  10. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    และอย่าเชื่อผมด้วย เมียผมมันยังไม่เชื่อผมเลย ผมยังน้อยใจอยู่ทุกวันนี้ แงๆๆๆๆๆ
     
  11. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    เค้าจะเชื่อได้ยังไง เห็นคุณเคยโพสตั้งเป้า ไว้ว่าจะทำยอดให้ได้ ให้เต็มภายในปีนี้

    ก็แสดงว่าที่ผ่านๆมา เมียคุณ คงจะรู้สึกทะแม่งๆ ว่าแฟนตนนี่มันยังไม่เต็ม ยังมีกรรมที่หลงผิด

    คุณก็เลยรู้สึกน้อยใจ ติดตลก ไปเอง จนถึงทุกวันนี้

    ถ้าเห็นทุกข์ที่เกิดขึ้น แล้วดับลง ก็จะต้องไม่โบ้ย โทษภรรยา ว่าเป็นผู้ทำให้น้อยใจ

    ไม่มีใครบรรลุธรรม ได้ด้วยความคิดหรอกน่า

    แล้วใครจะเชื่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2014
  12. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    ฮาดีครับสิ้นปีนี้เจอกัน ผมเป็นพระโสดาบันแล้วครับ

    แต่ผมต้องตรวจก่อนนะหนึ่ง สองครูบาท่านจะโทรมาปีละครั้งเดือนมิถุนายน เมื่อกลางปีที่แล้วมิยอ 56ท่านก็ถุยผมไปทีแล้ว โสดาบันพ่อมึงซิ ผมก๊ากเลย ปีนี้เอาใหม่ โสดาบันใหม่ ไม่รู้ว่าท่านจะถุยอีกไหม
     
  13. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    ท่านเป็นพี่ชายเมียผม เมียผมก็เลยฮากลิ้งไง ท่านว่ามึงไปบอกมันด้วยว่า ผัวมึงนะยังไม่เป็นหรอก และอย่าเช็คคนอื่นเขาไปทั่ว วิชาเช็คของมันน่ะ แม่นแค่70%อีก30%มั่ว งี้ไงเมียผมมันถึงเถียงผมชอตๆๆๆๆๆชอดชอต ผมพูดอะไรมามันไม่เชื่อผมเลย เพราะมันมีครูบาพี่ชายมัน ให้ท้ายอยู่ แต่ท่านสุดยอดเลยนะ
     
  14. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    เอาเหอะ ความเพียรชอบอยู่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

    ไม่ต้องใช้แอพอัดเสียงถุยมานะ เก็บไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเอง ก็พอ

    ความเป็นผัวเมียกันอะไรกัน บางที มันเป็นอะไรที่ลึกซึ้ง มากกว่าการมีครูบาที่เป็นพี่ชาย ให้ท้าย เสียอีก

    เขาถึงได้ ฮา เป็นชอตๆ เช่น กินแล้วชอบแช่ ให้เมียล้าง อะไรที่แบ่งเบาได้ก็ควรจะทำแทนเมีย ในเรื่องกิจกาลทางบ้าน

    จึงจะเป็นผู้มีฆราวาสธรรม ผู้ครองเรือน โดย ปัจฉิมทิส หรือทิศเบื้องหลัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2014
  15. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413


    ขอบคุณ ท่านรณจักร อีกครั้งที่ ได้ถามต่อและได้มีโอกาสได้แก้ไขและอธิบาย
    ในสิ่งที่ทำให้เป็นวิบากได้ อย่างนี้ครับ

    ขอตอบท่านรณจักร ก่อนนะครับ
    ในตอนที่ท่าน johny ถามขณะ ผมเอาความคิดเห็น ของตนใส่ไปในกรณีที่ไม่ใช่
    สิ่งที่ผมผ่านมาเอง เขาถามว่า "คุณคิดว่าการดื่มเหล้าจิบๆ เพื่อเข้าสังคมผิดหรือไม่"
    ขณะผมตอบก็นึกไปถึง .. หากมีพนักงานการตลาดคนนึง ถูกบังคับด้วยหน้าที่การ
    ให้พาลูกค้ากลุ่มหนึ่งไปเลี้ยงรับรอง ที่ร้านอาหาร ลูกค้ากลุ่มนั้น สังสรรค์เฮฮา ด้วย
    สุรา และผู้หญิง แต่เค้าเป็นผู้ถือศีลอยู่ อยากรักษาศีล ก็พยายามอย่างเต็มที่ แต่ลูกค้า
    กลุ่มนั้นก็คะยั้นคะยอ ให้เค้าดื่ม ... แต่พนักงานคนนั้น ก็ดื่มแต่เพียงจิ๊บๆ เพื่อพอเป็น
    พิธี ให้สามารถ ดำเนินงานไปตามหน้าที่ทางโลกได้ การกระทำของเค้านั้น ไม่ได้มี
    เจตนาที่จะทำผิดศีล แต่ต้องยอมรับว่ามีวิบากกรรมแน่นอน .. ผมจึงบอกว่าดูที่เจตนา
    ว่าที่ดื่มเข้าไปเจตนาอย่างไร เพื่อความมึนเมา ขาดสติหรือไม่ เพื่อแก้กลุ้มหรือไม่
    และจะเป็นอันตรายกับตนเองและผู้อื่นหรือไม่ด้วย การตอบครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้
    มีการเกิดขึ้นจริงจึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากตัวผมเอง ต่อไปจะงดเว้นครับ กันผู้อื่นจะ
    เข้าใจผิดได้ จะส่งผลเห็นวิบากให้ผู้อื่นที่ทำตาม และ ถึงตัวผมด้วย....



    ในเรื่องของการเป็น "โสดาบันหรือไม่" นั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นประโยชน์ เพราะเป็นแค่
    คำที่ถูกบัญญัติขึ้นมาใช้เรียกแทน ระดับที่จิตพัฒนาขึ้นไปจุดหนึ่งเท่านั้น
    ส่วนผู้ที่บรรลุธรรมแล้วจริง จะไม่สงสัย หรือคอยถามตน ถามผู้อื่น หรือให้ผู้อื่นมา
    พยากรณ์เรา ว่าเราบรรลุหรือไม่ ขั้นไหน สิ่งนี้รู้ได้ด้วยตนเองครับ

    ผู้บรรลุธรรมขั้นต้น โสดาบัน อริยะทุกข้ัน เป็นผู้มีสัมมาทิฐิ สมบูรณ์แล้ว ศีลเลยมา
    จากตรงนี้ หมดเจตนาถือศีลแล้ว เพราะสัมมาทิฐิที่ถูกต้อง ทำให้ศีล ที่มาจากข้างใน
    ที่บริสุทธิ์ ยกตัวอย่างการหมดเจตนาถือศีลนะครับ บางท่านก็สามารถทำได้แล้วบางข้อ
    เช่น ท่านเป็นคนที่ไม่ฆ่าสัตว์ แต่ไม่ได้สมาทานในศีลข้อที่ 1 แต่เมื่อใดมีเหตุบังคับให้
    ต้องฆ่า ท่านก็ไม่อาจทำใจให้ฆ่าได้ ฆ่าไม่ลง และก็จะไม่มีทางฆ่าด้วย... อย่างนี้เรียกว่า
    ศีลที่หมดเจตนาที่จะถือ เป็นศีลที่บริสุทธิ์แท้แบบ อริยะ คือไม่ลูบคำ ไม่ต้องระวัง เพราะ
    มันออกมาจากจิต จากสัมมาทิฐิ ที่ไม่เบียดเบียนใครแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกข้อ
    .... เช่นเดียวกับการ การพระอริยะตั้งแต่ โสดาบันขึ้นไปเป็นผู้หยั่งลงมั่นใน พระรัตนตรัย
    แล้ว ตรงนี้ก็ไม่ลูบคำ เช่นเดียวกัน.... บุคคลธรรมดาเมื่อไปในพิธี สะเดราะห์ ต่อชะตาใดๆ
    คิดว่าเรานี้ ถือจะพระรัตนตรัยอยู่ ไม่ควรจะอยู่ในพิธีอย่างนี้ เกิดการคิดวิตกว่าเราต้อง
    ออกไปจากที่นี่อย่างนี้เรียกว่า ลูบคำอยู่ มีเจตนาถืออยู่ .. แต่หากเป็นพระอริยะแล้ว จิตที่
    หยั่งลงมั่นก็ไม่สะท้าน เลย เมื่ออยู่ในพิธีกรรม ที่ไม่ใช่ทางดับทุกข์ที่แท้จริง สามารถอยู่
    ปะปนไปในนั้นเพราะจิตตนแน่ชัดแล้ว ถึงมรรควิธี คนอื่นๆจะเป็นไปอย่างไรเราก็เป็นไป
    ตามโลกแต่ไม่ยึดกับโลก และไม่ปฏิบัติตัวสวนกระแสโลก เพราะความมั่นคงในศีล และใน
    พระรัตนตรัย อยู่ข้างในจิตนี้ ไม่ใช่ที่กายนี้



    ........................................................
     
  16. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    สาธุ เฮ้อ
     
  17. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ตั้งเป้าไว้ เพื่ออะไรรู้ไหมครับ?
    ก็เพื่อความผิดหวัง ผิดหวังแล้วก็เจ็บปวด
    ทำยังไงไม่ให้ผิดหวังและเจ็บปวดรู้ไหมครับ?
    ก็ไม่ต้องตั้งเป้าไว้ ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตให้มีความสุขบนศีลธรรม
    แค่นั้นเอง ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ ไม่ทุกข์ ไม่ผิดหวังเลย(เพราะไม่ได้หวัง)

    ปลูกพืชปลูกผัก เราเลือกชนิดของพืช เลือกที่ขึ้นดีๆได้
    เราเลือกสภาพพื้นดินสำหรับปลูกให้อุดมสมบูรณ์ได้
    เราใส่ปุ๋ยบำรุงดิน ให้พืชได้สารอาหารมากๆได้
    แต่ๆๆๆ
    เราไปกะเกณฑ์ หรือไปเร่งให้มันเจริญเติบโตออกดอกออกผลตามใจเรา มิได้

    การตั้งเป้าไว้แล้วไม่ได้ตามเป้า เราก็ผิดหวัง
    ต้นไม้ของเรา ไม่ออกดอกให้ทันเวลา
    เราก็เร่งมัน ไปใส่ปุ๋ยเพิ่มเข้าไป หวังจะให้มันออกไวๆ
    แต่ก็ไม่ได้ผล หนำซ้ำใส่ปุ๋ยมากไป ทำให้เน่าเสียก็มี

    ฉะนั้นแล้ว หากต้องการจะบรรลุ ต้องไม่ตั้งเป้าไว้ ไม่กะเกณฑ์
    ไม่ตีกรอบเวลาให้ตน เพราะจะทำให้ร้อนใจ และความร้อนใจนั้นแล
    ที่จะเป็นตัวขัดขวางการบรรลุธรรมของตนเอง
    จะฝึกจะปฏิบัติอะไรก็ตามในทางจิต ต้องหมดความยึดมั่น
    ความอยากได้ ก็เป็นความยึดมั่น
    ผู้มีอยาก จะไม่ได้
    ผู้ที่ได้นั้น ไม่มีอยาก

    โสดาบัน = เป็นคนดี
    สกิทาคามี = เป็นคนดี
    อนาคามี = เป็นคนดี
    อรหันต์ = เป็นคนดี
    ทำดีวันนี้ = เป็นคนดี

    จะบรรลุธรรมหรือไม่บรรลุธรรม ความเป็นคนดี เหมือนกันเดี๊ยะเลย ไม่เห็นต้องแบ่งประเภท
     
  18. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    ถ้าไม่รู้ยังสงสัยอยู่ว่าใช่หรือไม่ใช่ แบบนี้ ก็ไม่ใช่พระอริยะหรอกเพราะวิจิกิจฉายังไม่ถูกละ

    แต่ถ้า รู้ว่าใช่ อันนี้ อาจจะ ใช่จริงๆ หรือ คิดไปเองก็ได้ครับ

    แต่อย่างคุณ xeforce นั้นเขามั่นใจในตัวเองทีเดียวว่าบรรลุธรรมแล้ว
    ไม่ได้มาถามเพื่อตรวจสอบ สภาวะหรอก เขาโพสต์เพื่อ บอกหนทางที่เคยดำเนินมาว่า ทำอะไรมาเท่านั้น ใครจะเชื่อหรือไม่ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว
     
  19. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    [COLOR="Red"เขาสงสัยจริงๆๆครับ ผม check หลายรอบแล้วเขาสงสัยครับ [/COLOR]มันเป็นสันดาน นิสัยของเขาไม่เกี่ยวกับจิตใจเขาครับ เรื่องของจิตใจของเขา เขาเป็น แต่เรื่องปัญญาของเขามันอีกอย่างครับ เขาเป็นประเภทปัญญามาก

    พระอริยเจ้าไม่เหมือนกันทุกคนนะครับ บางองค์โง้ก็มี บางองค์ฉลาดก็มี มันเกี่ยวกับสมองครับ พระอริยเจ้าจบป. 4 จะโง่กว่า พระอริเจ้าจบปริญญาเอกจากจุฬาครับ

    พระอริยเจ้า ป.4อธิบายธรรมมะ วกไปวนมาไม่รู้เรื่องหรอกครับ เพราะแกมีความรู้แค่ป.4 แต่พระอริเจ้าจบปริญญาเอก อธิบายได้ระเอียดลึกซึ้งกว่าเพราะ จบตั้งป.เอกน่ะ

    ไอ้ที่แกมาโพสท์ มันเป็นนิสัยแก แกชอบซอกแซก คิดมากคิดเยอะ เจ้าปัญญา ไม่เหมือน แกอยากจะรู้ว่าทำไมคนเขาถึงปฎิบัติไม่ไปไหนซักที เขาปฎิบัติกันอย่างไง แกแกล้งโพสท์หลอกถามพวกเรา เพราะแกปฎิบัติเพียงสั้นๆๆแกก็สำเร็จแล้ว

    แกหารู้ไม่ว่า ที่สำเร็จน่ะมันเป็นที่สมถะแกสูง สมาธิแกสูงรองรับปัญญาของแก แกเลยเป็นพระโสดาบันเร็วไง ส่วนพวกที่เป็นช้าเพราะว่าสมาธิน้อย

    แต่แกเข้าใจผิดว่า ทุกคนที่ปฏิบัติที่ไปช้าเพราะเดินผิดทาง หรือเดินอ้อมทาง จริงๆๆแล้วไม่ใช่หรอก แกเข้าใจผิด (มีนะพระโสดาบัน มีความคิดเห็นผิดน่ะ เรื่องการวิเคราะห์ แต่ใจท่านบริสุทธิ์ แต่แกวิเคราะห์ผิดมีนะไม่ใช่ไม่มี)

    ทุกคนในเนี้ย เขาเดินถูกทางทุกคน แต่เพราะสมาธิเขาน้อย
     
  20. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    พวกพระโสดาบันที่อยู่ป่า อยู่บ้านนอก เขาไม่เข้ามาโพสท์ในนี้หรอก เขาถือว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะนิสัยสันดาน เขาเป็นอย่างนั้น สันดานก็ส่วนสันดาน จิตก็จิตมันคนระเรื่องกัน จิตของพระโสดาบันในเมืองอย่างคุณ xeforce มีค่าเท่ากับจิตของพระโสดาบันที่อยู่ป่ากินน้ำพริกจิ้งผัก แต่สมองต่างกัน ปัญญาต่างกัน

    พระโสดาบันป่าจะโง้กว่าพระโสดาบันเมือง โทรศัพท์แกจะใช้เป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้าถามเรื่องใจกินกันไม่ลงนะ ลองให้แกอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันซิ แล้วลองถาม คนระเรื่องเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...