อานิสงส์รักษาศีล

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย mobilelizard, 27 ธันวาคม 2013.

  1. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    [​IMG]

    พ่อค้าสำเภา ได้ไปค้าขายหัวเมืองต่าง ๆ ในท้องมหาสมุทรอยู่มาวันหนึ่งเกิดมรสุมพายุพัดอันแรงกล้า จนพวกพ่อค้าสำเภาหมดปัญญาแก้ไขได้คิดทอดอาลัยตามแต่บุญกรรม หัวหน้าพ่อค้าสำเภาเรียกมาพร้อมกัน ๕๐๐ คน ให้สมาทานศีลเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวไปในชาติหน้ากันเถิด เมื่อสมาทานศีลจบแล้ว เรือสำเภาก็แตก จมลงในมหาสมุทรนั้น พ่อค้า ๕๐๐ คน ถึงแก่ความตายพร้อมกันหมดด้วยอำนาจรักษาศีลด้วยความตั้งใจเพียงชั่วครู่เท่านั้น ก็ไปเกิดในสวรรค์มีวิมานทองเป็นที่อยู่ตลอดทั้ง ๕๐๐ คน

    จาก 84000.org

    คำสมาทานศีล 5
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมมาสัมพุทธัสสะ
    พูทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ ธัมธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ๑. ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    ๒. อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    ๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    ๔. มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    ๕. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ​


    ศีล 5 คือศึลพื้นฐานที่ชาวพุทธทุกคนพึงยึดถือและปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความสุขความเจริญของตนเอง

    ศีล 5 ประกอบไปด้วยศีลหรือข้อบัญญัติ 5 ประการ ซึ่งประกอบไปด้วย
    1. ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่สร้างความเดือดร้อนให้สัตว์และคนอื่น
    2. ไม่ลักทรัพย์ ไม่ขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นแล้วถือเอามาเป็นของตน
    3. ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ผิดลูกเขาเมียใคร
    4. ไม่พูดเท็จ ไม่พูดโกหก ไม่พูดส่อเสียดหรือให้ร้ายผู้อื่น
    5. ไม่ดื่มสุรา เครื่องดองของเมาทั้งหลาย อันเป็นเหตุให้คนขาดสติ ทำผิดศีลทั้ง 4 ข้อข้างต้นได้โดยง่าย

    http://www.xn--l3can3bb3b4bod6ab8bxnra.com/ศีล-5-คืออะไร-มีอะไรบ้าง/
    บทสวดมนต์: คำสมาทานศีล 5
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2013
  2. ขอนไม้แห้ง

    ขอนไม้แห้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    228
    ค่าพลัง:
    +1,618
    [​IMG]


    ในอดีตกาลครั้งหนึ่ง พ่อค้าสำเภา 700 คน เดินทางไปทำการค้าในทะเล ในวันที่เจ็ดเกิดพายุใหญ่ เรือกำลังจะจมพ่อค้าทั้งหลายต่างอ้อนวอนเทวดาให้ช่วยเหลือ แต่ชายคนหนึ่ง นึกถึงศีลเป็นที่พึ่ง แล้วนั้นขัดสมาธิ ดุจโยคีพวกพ่อค้าจึงถามว่าท่านไม่กลัวรึ ชายผู้นั้นตอบว่า เราไม่กลัวภัยเหล่านี้เพราะเราได้ถวายทานแด่พระภิกษุในวันที่ขึ้นเรือ และได้รับศีล ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่กลัว

    พ่อค้าทั้งหลายอยากรับศีลเป็นที่พึ่งบ้าง ชายผู้นั้นจึงจัดให้พ่อค้ายืนเป็นแถว 7_แถว แถวละ 100_คน และให้สมาทานศีลที่ละแถว ขณะที่แถวแรกสมาทานศีล น้ำเข้ามาในเรือถึงระดับข้อเท้า เมื่อแถวที่ 2_สมาทานศีล น้ำก็ท่วมถึงเอว ระดับน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อแถวที่ 7_สมาทานศีล ระดับน้ำมาถึงปากต้องสมาทานศีลขณะน้ำเข้าปากจากนั้น ชายผู้นั้นได้ร้องว่า
    "ที่พึ่งของเราไม่มีแล้วท่านทั้งหลายพึงนึกถึงแต่ศีลเท่านั้น" ในที่สุดทุกคนก็จมน้ำตายแล้วไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ด้วยอำนาจแห่งศีล

    "เมื่อเรือนถูกไฟไหม้แล้ว เจ้าของเรือนขนเอาภาชนะใดออกไปได้ ภาชนะนั้นย่อมเป็นประโยชน์แก่เขา ส่วนสิ่งของที่มิได้ขนออกไป ย่อมไหม้ในไฟนั้น ฉันใด โลก (คือหมู่สัตว์) อันชราและมรณะเผาแล้ว ก็ฉันนั้น ควรนำออก (ซึ่งโภคสมบัติ) ด้วยการให้ทาน เพราะทานวัตถุที่บุคคลให้แล้ว ได้ชื่อว่านำออกดีแล้ว

    ทานวัตถุที่บุคคลให้แล้วนั้นย่อมมีสุขเป็นผล ที่ยังมิได้ให้ย่อมไม่เป็นเหมือนเช่นนั้น โจรยังปล้นได้ พระราชายังริบได้ เพลิงยังไหม้ได้ หรือสูญหายไปได้ อนึ่งบุคคลจำต้องละร่างกายพร้อมด้วยสิ่งเครื่องอาศัยด้วยตายจากไป ผู้มีปัญญารู้ชัด ดั่งนี้แล้ว ควรใช้สอยและให้ทาน เมื่อได้ให้ทานและใช้สอยตามควรแล้ว จะไม่ถูกติฉิน เข้าถึง สถานที่อันเป็นสวรรค์"


    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=5&t=47046&p=343985#p343985
     
  3. เบเบ้

    เบเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +14,168
    ความตายมาเยือนได้ทุกเวลาทุกเพศทุุกวัยทุกคนต้องตายแน่นอนครับ

    rabbit_run_awayความตายมาเยือนได้ตามกฎเเห่งกรรมการให้ผลของกรรมอันละเอียดสลับซับซ้อนข้ามภพข้ามขาติครับ
    ทุกคนตายได้ ทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกโอกาส มีโอกาสทราบล่วงหน้าไม่ทุกคน
    เช่น บนบก ในถ้ำ ใต้ดิน บนน้ำ ใต้น้ำ บนอากาศ ในอวกาศ เป็นต้น
    ทุกเพศทุุกวัย ในครรภ์ วัยเด็ก วัยรุ่น หนุ่มสาว วัยกลางคน วัยชรา
    ไม่ว่า เป็นคนดีมากที่สุด ดีปานกลาง ดีน้อย
    หรือคนชั่วมากที่สุด ชั่วปานกลาง ชั่วน้อย
    ทุกคนย่อม...ทำดีบ้างไม่ดีบ้างสลับกันไป
    ทุกคนต้องตาย...แน่นอนครับเป็นสัจธรรม
    ยกเว้นผู้ที่จบกิจเเล้ว ไม่ต้องกลับมาเวียนว่าย ตายๆ เกิดๆ อีก
    เทคนิค ในการไปสูคติที่ดี หนึ่งวิธีในหลายวิธี การสมาทานศีล ดังตัวอย่างในกระทู้ครับ
    การทำกรรมดีให้สม่ำเสมอ
    เช่น ทาน ศีล ภาวนา สมถกรรมฐาน วิปัสสานกรรมฐาน เป็นต้น
    ;aa30ถ้าก่อนตาย มีเวลา มีกัลยามิตรที่ดี ผู้นำที่ดีพากันสมาทานศีลไปสุคติภูมิ
    อย่างมีระเบียบ วินัย อย่างพ่อค้าที่ออกเรือ ๕๐๐ คน ๗๐๐ คน
    จิตใจ กำลังใจมั่นคง ไม่หวั่นไหว ต่อความตายแะวิบากกรรมที่เผชิญ
    อยู่ ตรงหน้า
    หาได้ยากครับ
    fishh_
    ประเภทของกรรมตามคำสอนทางพระพุทธศาสนา แบ่งเป็น 4 หมวดๆ ละ 4 ประเภท รวม 16 ประเภท มีดังต่อไปนี้
    1. หมวดกิจจะจตุกกะ คือ กรรมว่าโดยหน้าที่ มี 4 ประเภท ได้แก่
    1.1 ชนกกรรม คือ กรรมมีหน้าที่ยังวิบากให้เกิด สัตว์โลกทั้งปวงย่อมเกิดด้วยอำนาจของชนกกรรม แต่ละชาติที่เกิดภายใต้กฏแห่งชนกกรรมเป็นพนักงานตกแต่งให้เกิดทั้งหมด
    1.2 อุปัตถัมภกกรรม คือ กรรมมีหน้าที่อุปถัมภ์ค้ำชูกรรมอื่นเป็นกรรมที่เข้าไปอุปถัมภ์กรรมของสัตว์ ที่เกิดแล้ว เมื่ออำนาจของชนกกรรมนำปฏิสนธิแล้วอุปถัมภกกรรมก็เข้าทำหน้าที่อุปถัมภ์ให้ ได้รับทุกข์หรือสุขหรืออกุศลกรรมหรือกุศลกรรมให้มีพลังมากยิ่งขึ้น
    1.3 อุปปีฬกกรรม คือ กรรมมีหน้าที่เบียดเบียนกรรมอื่นเข้าไปทำร้ายหรือบีบคั้นกรรมอื่นที่มีสภาพ ตรงกันข้าม ซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและฝ่ายอกุศล เป็นผลให้กรรมฝ่ายตรงกันข้ามอ่อนกำลังลงเสื่อมลง
    1.4 อุปฆาตกกรรม หรืออุปัทเฉทกกรรม คือ มีหน้าที่เข้าไปตัดรอนกรรมอื่นที่มีสภาพตรงกันข้ามได้อย่างเด็ดขาดและรวด เร็วเป็นปัจจุบันทันด่วนยิ่งกว่าอุปปีฬกกรรม ซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล เป็นผลให้เจ้าของกรรมได้รับผลทันทีทันใด

    2. หมวดปากะทานปริยายะจตุกกะ คือ กรรมว่าโดยลำดับการให้ผล มี 4 ประเภท ได้แก่
    2.1 ครุกรรม คือ กรรมหนักซึ่งมีอำนาจให้ผลเป็นลำดับแรกก่อนกรรมทั้งหลายไม่มีกรรมใดจะมีพลัง มาขวางกั้นผลแห่งครุกรรมนี้ได้เลยซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล
    2.2 อาสันนกรรม คือ กรรมที่ให้ผลเวลาใกล้ตาย ซึ่งมีอำนาจให้ผลเป็นอันดับสองรองจากครุกรรม จะชักนำบุคคลเจ้าของกรรมให้ได้รับผลโดยไม่เนิ่นช้า
    2.3 อาจิณณกรรม หรือพหุลกรรม คือ กรรมที่ทำบ่อยๆเนืองๆ ให้ผลเป็นลำดับสาม ถ้าไม่มีครุกรรมและอาสันนกรรม กรรมนี้จะให้ผลเพราะเป็นกรรมที่กระทำบ่อยๆ สั่งสมไว้ในสันดานมากๆ ย่อมจักได้โอกาสให้ผลในชาติต่อไปทันที
    2.4 กตัตตากรรม คือ กรรมที่สักแต่ว่ากระทำ มีอำนาจให้ผลเป็นลำดับที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมที่ผู้กระทำไม่ตั้งใจ ไม่มีเจตนา เป็นสักแต่ว่ากระทำลงไป เป็นกรรมที่มีพลังน้อยที่สุด แต่ก็ย่อมมีโอกาสให้ผล ในบรรดาสัตว์ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏสงสารนี้ ที่จะได้ชื่อว่าไม่มีกตัตตากรรมเป็นอันไม่มี

    3. หมวดปากะกาลจตุกกะ คือ กรรมว่าโดยเวลาที่ให้ผล มี 4 ประเภท ได้แก่
    3.1 ทิฐธรรมเวทนียกรรม คือ กรรมที่ให้ผลในชาติปัจจุบันเป็นกรรมที่ให้ผลรวดเร็วปัจจุบันทันด่วน ไม่ต้องไปรอรับผลชาติหน้าหรือชาติไหนๆ ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เป็นกุศลและอกุศล
    3.2 อุปปัชชะเวทนียกรรม คือ กรรมที่ให้ผลในชาติหน้า เป็นกรรมที่ให้ผลช้าเป็นที่สองรองจากทิฏฐธรรมเวทนียกรรม
    3.3 อปราปริยะเวทนียกรรม คือ กรรมที่ให้ผลในชาติต่อๆ ไปเป็นกรรมที่ให้ผลช้ารองจาก 2 ข้อแรก ย่อมให้ผลในชาติที่ 3 เป็นต้นไป ซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล
    3.4 อโหสิกรรม คือ กรรมที่สำเร็จแล้วไม่มีโอกาสให้ผล เพราะทิฏฐธรรมเวทนียกรรมอื่นมีพลังสูงกว่าชิงส่งผลให้เสียแล้วจึงกลายเป็น กรรมที่หมดประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกุศลหรือฝ่ายอกุศล

    4. หมวดปากะฐานจตุกกะ คือ กรรมว่าโดยฐานะให้ผล มี 4 ประเภท ได้แก่
    4.1 อกุศลกรรม คือ กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในอบายภูมิ 4 ได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
    4.2 กามาวจรกุศลกรรม คือ กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในสุคติภูมิ๗ ได้แก่ มนุษย์และสวรรค์ 6 ชั้น
    4.3 รูปาวจรกุศลกรรม คือ กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในรูปพรหม 4 ชั้น
    4.4 อรูปาวจรกุศลกรรม คือ กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในอรูปพรหม 4 ชั้น ขอจงพิจารณาดูเถิดว่า เราเกิดมาในชาตินี้ด้วยกรรมอะไรอดีตกาลที่ผ่านมาและในปัจจุบันเราประสบการณ์ ที่ดีและร้ายด้วยอำนาจแห่งกรรมอะไร หากจะพิจารณาด้วยปัญญาก็จะทราบชัดถึงกรรมของตนเองได้เป็นอย่างดี เพราะเหตุว่าสัตว์โลกทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ย่อมจักหนีกรรมไม่พ้นไม่กรรมใดก็กรรมหนึ่งแน่นอนตราบเท่าที่ยังว่ายวนอยู่ใน สังสารวัฏ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ธันวาคม 2013
  4. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    สี เล นะ สุคติง ยันติ (ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ถึงความสุข)

    สี เล นะ โภคสัมปทา (ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ได้มาซึ่ง โภคทรัพย์)

    สี เล นะ นิพพุติง ยันติ (และศีลนั้นยัง จะเป็นเหตุให้ได้ไปถึง นิพพาน คือความดับเย็นจากกิเลส เครื่องเศร้าหมอง ทั้งปวง)
     
  5. เปาชุนไหล

    เปาชุนไหล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +2,240

    สาธุๆๆๆๆ
    เรามีความตายเป็นธรรมดา
     

แชร์หน้านี้

Loading...