พระเนื้อขาว กระทู้เปิดตำนานหลวงปู่ทิม ฯ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย น้าต๋อย เซมเบ้, 26 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    เมื่อกล่าวถึงสามเณรลาวและสามเณรเสือนั้นถือว่ามีบทบาทสำคัญในยุคสมัยนั้นมากเพราะได้ปรนิบัติรับใช้หลวงปู่ทิมกันอย่างใกล้ชิดและนานพอควรพอที่ได้เห็นและรับรู้เรื่องราวต่างๆได้ ซึ่งจริงๆแล้วก็ยังพอมีอีกหลายคนแต่ก็บวชได้เพียงไม่นาน เพราะอาจจะบวชเพียง15วันหรือ1เดือนเท่านั้นแล้วก็สึกไปโดยส่วนใหญ่จะเป็นการบวชเพื่อการแก้บนเท่านั้น ในสมัยก่อนนี้หลวงปู่ท่านเก่งมากในเรื่องของการรักษาคนที่ป่วยเป็นโรคต่างๆใครป่วยใครเจ็บหนักก็ต้องนึกถึงหลวงปู่ทิมกันเป็นอันดับแรกและส่วนใหญ่ก็จะสงเคราะห์กันไปทุกรายไปโดยที่หลวงปู่ท่านไม่เคยบ่นถึงความเหน็ดเหนื่อยหรือย่อท้อแต่ประการใด หรือมีบางโรคที่การรักษานั้นไม่หายโดยท่วงทีหรือได้เพียงแต่ทุเลาอาการ อาจเป็นเพราะกรรมเก่าที่เข้ามาสนองจนอาจที่จะต้องมีการอโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรไปเพื่อให้เป็นการรักษาอย่างต่อเนื่องหรือถ้ารักษาหายแล้วก็ต้องบวชเพื่อการประนีประนอมผ่อนละโทษกับเจ้ากรรมนายเวรไป สมัยก่อนนี้คนโบราณเขาจะมีความเชื่อถือเรื่องแบบนี้กันมาก กรรมเป็นเรื่องของการกระทำ ที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้เมื่อเวลานั้นมาถึง อยู่ที่เคยก่อกรรมนั้นมาจะมากน้อยกันเพียงใด หลวงปู่ทิมท่านก็จะยึดการรักษาตามแบบฉบับที่ท่านได้เคยร่ำเรียนรู้มา ซึ่งท่านก็คงผสมผสานกันไปตามแบบข้อเท็จจริงของหลักศาสนาพุทธที่ยึดถือกันมาได้

    นายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกรของวัดละหารไร่ท่านเล่าว่า สมัยก่อนนี้ในแถบบ้านค่ายเรื่อยลงไปจนถึงในเขตอำเภอปลวกแดงหรือบางทีก็ล่วงเลยไปถึงเขตเมืองชลนั้นหลวงปู่ทิมท่านมีชื่อเสียงที่โด่งดังมากในเรื่องหมอยาหรือหมอแผนโบราณมาก ในยุคแต่ก่อนนี้ ชาวบ้านที่มาหาหลวงปู่ทิมเขาจะเรียกกันว่า”อาจารย์ทิม”เพราะก่อนนี้การที่จะยกย่องหรือการยอมรับกับบุคคลที่มีความสำคัญนั้นจะต้องมีความสามารถอย่างสูง มีความรอบรู้ทุกด้าน มีจิตอาสาและมีจริยธรรมอย่างน่าเลื่อมใสกันอย่างแท้จริงเขาถึงจะสามารถเรียกกันเป็นอาจารย์ได้แต่ถ้าเทียบในยุคสมัยนี้นั้นคงห่างไกลกันมากราวฟ้าสูงกับเหวลึก

    ชาวบ้านละหารไร่และในแถบพื้นที่ใกล้เคียง ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว ชาวบ้านเขาจะเรียกแทนตัวหลวงปู่กันว่าอาจารย์ทิม เพราะสมัยนั้นหลวงปู่ท่านยังคงมีร่างกายที่ยังกระฉับกระเฉงและแข็งแรงพอที่จะต้อนรับชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายที่ต้องการให้ความช่วยเหลือใดๆตามแต่ความประสงค์กัน เพราะสมัยนั้นวัดคือศูนย์รวมแห่งจิตใจของหมู่บ้าน และด้วยความที่หลวงปู่ท่านให้ความสนใจซึ่งเป็นการเข้าทำนองในเรื่องของการเป็นจิตอาสา คือมีจิตที่ปรารถนาในการช่วยเหลือสังคมและเพื่อนมนุษย์ที่ทุกข์ยากโดยเฉพาะเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วยใดๆ หลวงปู่ทิมท่านได้ศึกษาวิชาอาคมและไสยศาสตร์มาแต่แรกเริ่มและโดยเฉพาะวิชาการแพทย์แผนโบราณที่ถือเป็นหลักพื้นฐานสำคัญท่านได้ศึกษามาอย่างเป็นเอกอุ เพราะสมัยนั้นหมอแผนโบราณนั้นถือว่าสำคัญมากเป็นอันดับแรกก่อนที่จะศึกษาวิชาอาคมใดๆ และหลวงปู่ทิมท่านก็ได้นำเอาความรู้ต่างๆที่ได้เล่าเรียนศึกษามาใช้อย่างมีจิตที่ปรารถนาจนทำให้เกิดความประสิทธิผลดังกล่าวได้

    ลุงพราม คำมี ปัจจุบันอายุ 72 ปี(ลูกชายหมอเช้า คำมี)ซึ่งเป็นศักดิ์เป็นหลานชายของหลวงปู่แก้ว เกสาโร ท่านอยู่รับใช้หลวงปู่ทิมมากว่า 17 ปี ซึ่งชาวบ้านละหารไร่นั้นย่อมรู้จักกันดีเพราะอยู่กันมาตั้งแต่เป็นเด็กวัด สมัยนั้นท่านจะมีหน้าที่ในการหุงหาอาหารให้หลวงปู่ทิมท่านฉัน โดยเฉพาะการหุงข้าวนั้นคือหน้าที่ประจำที่จะต้องเตรียมหา ลุงพรามท่านเล่าว่าสมัยนั้นจะหุงข้าวด้วยหม้อดินต้องหุงด้วยฟืนไฟ และเวลาหุงจะต้องกะน้ำกะไฟให้พอดีกะเม็ดข้าวที่จะสุก เพราะหลวงปู่ท่านจะไม่ชอบฉันข้าวที่แฉะ ซึ่งสมัยนี้ก็คงไม่มีใครหุงแล้ว เว้นเสียแต่คนเก่าแก่ในยุคเก่าๆ ที่อาจจะยังเคยชินกันอยู่ ในยุคแต่ก่อนๆนั้นจะพลัดหุงกันหลายคนแล้วแต่ใครจะว่างกัน เพราะตอนนั้นหลวงปู่ทิมท่านก็ไม่ได้เดินบาตรมานานแล้ว เท่าที่ลุงพรามท่านจำได้หลักๆก่อนนั้นจะมีลุงจวน(เสียชีวิตแล้ว) ลุงกรอด(เสียชีวิตแล้ว)ลุงแก่น(ยังมีชีวิตอยู่) แต่ถ้าเป็นในยุคก่อนหน้านั้นหลักๆก็จะมีก็ทิดสายเป็นคนหุง

    เรื่องกับข้าวนั้นส่วนใหญ่จะเป็นผักต่างๆที่อยู่ตามพื้นบ้าน หลักส่วนใหญ่นั้นจะเป็นหน้าที่ของเณรและเด็กวัดไปช่วยกันหาบางทีชาวบ้านก็นำเอามาถวายกันบ้างตามแต่บางครั้ง โดยหลักๆที่หลวงปู่ทิมท่านชอบฉันมากก็จะมีถั่วฝักยาว ยอดหวาย เห็ดหูหนู ถั่ววุ้นหรือบางทีก็เรียกถั่วน้ำวุ้นหรือถั่วเต่ารั้ง น้ำพริก เกลือ ส่วนกระเทียม หัวหอมนั้นท่านไม่เอาเลย น้ำปลาท่านก็ไม่เอา ลุงพรามท่านเล่าว่าอาหารหลักๆที่หลวงปู่ท่านชอบให้ทำอีกอย่างก็คือ เอาหน่อไม้ต้มกับน้ำอ้อย โดยต้มกันเป็นหม้อใหญ่หรือต้มกันเป็นปีบๆเลยเพราะเก็บไว้ทานได้นานไม่เสียง่าย

    ชาวบ้านละหารไร่ในยุคเก่าก่อนนั้นเขาจะทราบดีว่าหลวงปู่ท่านจะโปรดปรานมากก็คือปลาไหล ไม่ว่าจะนำมาย่างหรือแกงกับพริกเกลือ โดยในยุคแต่ก่อนนี้ผู้ใหญ่ป้าน(อดีตผู้ใหญ่หมู่บ้านหนองมะปริง) ท่านเสียชีวิตไปหลายปีดีดักแล้ว สมัยที่มีชีวิตอยู่ท่านจะไปมาหาสู่กับหลวงปู่ทิมเสมอเพราะมีความศรัทธามากประกอบหลวงปู่ท่านเคยรักษาเมื่อคราวที่ผู้ใหญ่ป้านท่านป่วยเจียนตายจนกลับหายเป็นปกติได้หลังจากนั้นท่านจึงมีความเลื่อมใสและศรัทธาตลอดเรื่อยมา ผู้ใหญ่ป้านท่านจะรุ่นราวคราวเดียวกับหมอทัต ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตำบลละหารไร่ และเป็นลูกศิษย์ในยุคแรกๆของหลวงปู่ท่าน ผู้ใหญ่ป้านท่านจะชอบนำเอาแกงปลาไหลมาถวายกับหลวงปู่เป็นประจำในยุคก่อนหน้านี้ จนภายหลังหลวงปู่ท่านก็มาหยุดเลิกฉันไปโดยปริยายเอง

    ชาวบ้านในยุคนั้นที่ทำอาหารมาถวายหลวงปู่เป็นประจำในยุคเก่าจะมีก็ ยายคลัง อัมฤทธิ์(เสียชีวิตไปนานแล้ว) ย่าจิ๊ด วงศ์จิราษฎร์(เสียชีวิตไปนานเนแล้วและเป็นมารดาของกำนันเสถียรกำนันตำบลละหารไร่) ป้าตุ้ย เจริญพิทักษ์(ภรรยาของหลวงตารอดปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) เวลานั้นป้าตุ้ยจะมาที่วัดเป็นประจำเพราะต้องทำอาหารให้กับหลวงตารอด และจากนั้นก็ทำอาหารถวายให้กับหลวงปู่ท่านด้วย ส่วนใหญ่อาหารที่ป้าตุ้ยทำให้กับหลวงปู่จะมีจำพวกต้มผักต่างๆ มะละกอผ่าซีก แล้วต้ม หรือไม่ก็เป็นดอกกล้วย บ้าง ฝักอีกาหรือไม่ก็เอาหน่อไม้ผ่าสองซีกแล้วต้มไปตามแต่จะทำกัน ส่วนคนที่หุงข้าวหลักๆจะมีเพียงก็ลุงพรามที่หุงให้ท่าน แต่ถ้าเวลามีงานวัดชาวบ้านต่างก็ต้องมาช่วยกันสมัยนั้นจะหุงข้าวด้วยกระทะใหญ่ ส่วนใหญ่เท่าที่ทราบจะมีก็ลุงบุญ อัมฤทธิ์(เสียชีวิตแล้ว) ลุงเรือง ลุงปัต ลุงหวัน ซึ่งต่างก็ยังมีชีวิตอยู่แต่ก็แก่ชรากันไปมาก สมัยก่อนนี้เวลาวัดมีงานทั้งที ชาวบ้านจะมาช่วยกันอย่างขะมักเขม้นกันมากเพราะถือว่าได้บุญอย่างยิ่ง ซึ่งเรื่องราวต่างๆนั้นก็ยังมีอีกมากมายกับบันทึกเปิดตำนานหลวงปู่ทิมครับ

    ในการนี้ผมจะขอนำรูปถ่ายลุงพราม คำมีซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ถือรับใช้หลวงปู่ทิม อิสริโกกันมาในภาพยุคปัจจุบันกับรูปถ่ายเมื่อครั้งปีพ.ศ. 2518โดยในครั้งนั้นชาวบ้านในหมู่บ้านละหารไร่ได้ถ่ายร่วมกับลูกศิษย์ลูกหาจากที่อื่นเพื่อเป็นที่ระลึกกันไว้ครับ


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_9134.JPG
      IMG_9134.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      77
    • PutimPic04.JPG
      PutimPic04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      28.8 KB
      เปิดดู:
      9,095
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2013
  2. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ กุมุท อ่านข้อความ
    เรียนอาจารย์แก้วสว่างที่เคารพ
    ข้อความที่อาจารย์เขียนไว้เกี่ยวกับการสร้างพระ ตั้งแต่สมัยงานหลวงปู่เลื่อนสมณะศักดิ์
    เป็นลำดับๆแต่ละช่วงปี พศ นับเป็นประวัติและตำนานหลวงปู่อย่างแท้จริงเพราะมีหลักฐาน
    พยานบุคคลที่ร่วมเหตุการณ์ การสร้างพระแต่ละครั้งทั้งที่มีชีวิตอยู่และได้เสียชีวิตไปแล้ว
    ขอให้อาจารย์นำมาเปิดเผยเรื่อยๆนะครับ ผมเชื่อว่าลูกศิษย์และผู้ที่เคารพบูชาหลวงปู่อยู่
    ทุกๆคน เฝ้าติดตามข้อเขียนของอาจารย์อยู่ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับไฟลุกครก กับตำผงแล้ว
    ครกแตก ซึ่งคุณลุงมงคลเคยบอกว่านั่งอยู่ใกล้หลวงปู่ในขณะนั้นมีคนมาตามหลวงปู่ให้ไปดับไฟ ไม่เห็นกับตาว่าไฟลุกอะไรที่ไหน ที่ยกเรื่องนี้มาเพราะว่าในหนังสือหลายเล่มเขียนเช่นนี้จะได้รู้กันว่าจริงหรือไม่อย่างใด จะได้เป็นตำนานที่เล่าขานกันต่อไป ไม่คลาดเคลื่อน
    ด้วยความเคารพ
    กุมุท

    สวัสดีครับคุณกุมุท เรื่องราวนั้นขอให้ติดตามกันต่อไป ในเรื่องของการตำผงแล้วไฟลุกครกหรือตำจนครกแตกนั้น มันจะเป็นเรื่องราวคนละตอนกันนะครับแต่จะอยู่ในยุคที่ไล่เรียงกัน เรื่องราวเช่นนี้นั้นยังมีคนที่อยู่ในเหตุกาณ์และยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นที่จะยืนยันเรื่องนี้ได้ครับไม่ใช่ต่างก็นำมาเขียนกันโดยไม่มีจุดหลักที่แท้จริง เพียงแค่กล่าวลือกันว่าเป็นตำนานกันเท่านั้น ก็เหมือนกับดอกบัวที่ในหนังสือเขียนขึ้นมาว่าได้ผุดขึ้นบนกระบะทรายล้างหน้าที่หลวงปู่ล้างเป็นประจำแล้วเอามาสร้างพระปิดตาบัวผุดนั้นมันเป็นเรื่องราวที่มันจริงหรือ!มีใครรับรู้รับเห็นกับเรื่องราวแบบนี้กันบ้างล่ะ มันก็คงไม่ต่างกับผีอีส้มที่ร่ำลือเขียนกันมาว่าหลวงปู่ท่านใช้ให้นายสายไปผ่าท้องเอามาทำผงพลายกุมาร มันเป็นเรื่องราวที่ไม่เคยเกิดขึ้นกันมาเลย หรือแม้กระทั่งเขียนมาว่าหมอหลาบไปผ่าท้องเอากระโหลกเด็กในป่าช้าวัดละหารใหญ่ ซึ่งเรื่องราวข้อเท็จจริงดังกล่าวมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาเลยเหมือนกัน ถามว่ามีใครเป็นพยานและประจักษ์เห็นเรื่องราวแบบนี้กันบ้างไหมแม้กระทั่งลูกเมียก็ยังไม่เคยรับรู้เรื่องราวว่ามีการผ่าท้องเอากระโหลกกับผีตายท้องกลมเช่นนี้เลย เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่สาธุชนทั้งหลายที่มีใจศรัทธาหลวงปู่ทิมต้องใช้ปัญญาอย่างสูงในด้านของการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเพื่อการนับถือกันอย่างถูกหลักและถูกต้องตามแนวทางเพราะมันเป็นเรื่องของความเชื่อที่ต้องพิจารณากันอย่างถ่องแท้หรืออย่างแยบคายเพื่อให้ตรงประเด็นกับความจริงที่น่าจะเป็น ไม่ใช่ความศรัทธาเพื่อการงมงายกับสิ่งของบางอย่างหรือบางประเด็นที่ไม่ใช่จุดหลักสำคัญในการนับถือและศรัทธากับหลวงปู่ท่านเลย
     
  3. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    "ทางที่ถูก ควรจะเอาชนะอุปสรรคในทางที่ชอบและพยายามรักษาส่งเสริมความดีของตน คิดให้เห็นว่าเราทำความดีก็เพื่อความดี มิใช่เพื่อให้ใครชม ใครจะชมหรือติ เราก็ยังไม่ควรรับหรือปฏิเสธ ควรนำมาคิดสอบสวนตัวเราเองดูเพื่อแก้ไขตัวเราเองให้ดีขึ้น แต่ไม่รับมาเป็นเครื่องหลอกตัวเองว่าวิเศษเพราะเขาชม หรือเลวทรามเพราะเขาติ เขาจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา เราจะดีหรือไม่ดี ก็อยู่ที่การกระทำของเราเอง"

    [​IMG]
     
  4. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    ท่านประธาน ช่วงนี้ผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีเรื่องเครียดนิดหน่อยนะครับ แต่หวังว่าพระท่านและครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวเนื่องกันมา จะเมตตาให้หลุดพ้นภัยคราวนี้นะครับ
     
  5. a191

    a191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +988
    แจ้งโอนรายการ 369 พระปิดตาไม้แกะ ในตลับเงิน

    ยอดเงิน 2,140 บาท ตามสลิบ

    ที่จัดส่ง แจ้งทางพีเอ็ม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. romegat

    romegat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,519
    ค่าพลัง:
    +9,408
    แจ้งการโอนเงินครับน้า จำนวน 8000.-บาทครับ รายละเอียดแจ้งทาง PM ครับ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Scan1.jpg
      Scan1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      310.2 KB
      เปิดดู:
      53
  7. prabangkam

    prabangkam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    1,638
    ค่าพลัง:
    +7,098
    กราบนมัสการหลวงปู่ทิม และสวัสดีทุกๆท่านครับ
     
  8. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    ลองบอกกล่าวต่อหลวงปู่ท่านดูครับ
    อย่างน้อยที่สุด ท่านก็เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเรา ในยามลำบากครับ
    ขอให้ผ่านเหตุการณ์ที่ลำบากในช่วงนี้โดยเร็วนะครับ ขอให้โชคดีครับ
     
  9. krichthep

    krichthep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,389
    ค่าพลัง:
    +3,965
    กราบนมัสการ หลวงปู่ทิม กราบสวัสดี อ.แก้วสว่าง ลุงสาย สวัสดีน้าต๋อย เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ลูกหลานหลวงปู่ทุกท่านครับ
     
  10. aouly

    aouly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2010
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +619
    โทษนะครับ คือผมยังไม่ได้โอนเงินค่าพระบูชาเลยครับ พี่รักษ์ส่งพระให้ก่อนแล้ว
    พี่ๆท่านใดจำได้ว่าเท่าไหร่รบกวนบอกทีครับ แล้วโอนเข้าบัญชีพี่รักษ์หรือน้าต๋อยครับ
     
  11. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    "ความดีที่จะทำให้สำเร็จการชนะนั้น ก็ต้องใช้ปัญญาค้นหา คือวิธีชนะที่จะไม่ต้องเบียดเบียนใคร เป็นความดีชั้นตรี ถ้าเป็นการชนะชนิดที่เกื้อกูลเขาอีกด้วยโดยเฉพาะทำให้เขาซึ่งเป็นคนไม่ดี เลิกละความไม่ดีของเขา หรือกลับเป็นคนดีก็นับว่าเป็นความดีชั้นโท ส่วนความดีชั้นเอก ก็คือความดีที่ชนะความชั่วของตนเอง"

    [​IMG]
     
  12. peach123

    peach123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +3,319
    กราบหลวงปู่ทิม สวัสดีครับอาจารย์แก้วสว่าง พี่รัก คุณโต้ง น้าต๋อย คุณก้อง และทุกท่าน

    อ้างอิงจากหน้า 828 ครับ
    อ้างอิงจากหน้า 840 ครับ
    ค่าส่งอ้างอิงจากหน้า 851 ครับ
    ได้กลับไปอ่านเรื่องการสร้างพระบูชาชุดนี้อีกครั้ง คุณ aouly
    เป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ได้พระชุดนี้ไว้บูชาครับ มีอีกหลายคนอยากได้แต่ไม่มีโอกาสเพราะยอดจองเต็ม เฉพาะฐานพระถ้าไปจ้างทำเองก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 500 บาท ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญสร้างพระประธาน และคณะทำงานทุกท่านที่ได้เสียสละทำงานนี้กันจนสำเร็จด้วยดี
    เลขที่บัญชี รอพี่รักรังสิตเข้ามาแจ้งอีกทีนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2013
  13. ต้นแก้ว

    ต้นแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2007
    โพสต์:
    828
    ค่าพลัง:
    +3,569
    แจ้งโอนเงินรายการ 357 และ 367 จำนวน 4,180 บาท 12/12/56 ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    แต่ก่อนนี้ชาวบ้านละหารไร่และในบริเวณแถบพื้นที่ใกล้เคียงนั้น เขาจะเรียกแทนตัวหลวงปู่ทิมว่า “อาจารย์ทิม” บ้าง”ท่านพ่อทิม” “หลวงพ่อ”บ้างตามแต่จะเรียก ถ้าคนที่อยู่ห่างไกลออกไปก็จะเรียก”ขรัววัดไร่” หรือ”ท่านพ่อทิมวัดไร่”บ้างตามแต่จะกล่าวเรียกเป็นคำสรรพนามแทนตัวท่าน ด้วยชื่อเสียงที่ท่านได้สร้างคุณประโยชน์ไว้มากมายโดยเฉพาะในด้านการรักษาทางแพทย์แผนโบราณนั้นจะมีชื่อเสียงที่โด่งดังมากเลยทีเดียว

    คนเก่าคนแก่ในวัดไร่เล่ากันว่าหลวงปู่ทิมท่านสามารถรักษาคนบ้าหรือคนที่มีลักษณะอาการเป็นบ้าได้ ซึ่งก็ได้มีชาวบ้านจากที่อื่นและในเมืองนำคนป่วยที่มีลักษณะอาการแบบนี้มาให้หลวงปู่ทิมท่านรักษาจนหายขาดกันไปก็หลายท่าน นายสาย แก้วสว่างอดีตไวยาวัจกรของวัดแต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ในละแวกนั้นจะเรียกกันว่าหมอสาย นายสายท่านเคยเล่าว่าได้รับมอบวิชาการรักษานี้มาจากหลวงปู่ทิม ส่วนลูกศิษย์ในยุคก่อนๆอีกคนเท่าที่ทราบได้รับการถ่ายทอดวิชานี้ไปก็คือหมอเปี่ยมพื้นเพเป็นคนอยู่ทางบ้านหนองมะปริง ซึ่งก็ได้บวชเรียนวิชาอยู่กับหลวงปู่ทิมมานานพอสมควร วิชานี้หลวงปู่ท่านจะไม่ค่อยถ่ายทอดให้กับใครง่าย ด้วยเพราะเหตุอันใดนั้นไม่สามารถทราบกันได้ โดยทราบแต่เพียงว่าวิชานี้มันแรงถ้าจิตไม่มั่นพอก็อาจเป็นบ้าได้เหมือนกัน นายสายเล่าว่าหลวงปู่ทิมท่านได้สืบทอดวิชารักษาคนบ้านี้มาจากตำราของหลวงพ่อวงษ์แห่งวัดบ้านค่าย ซึ่งเป็นลูกศิษย์สายเดียวของหลวงปู่สังข์เฒ่าเกจิผู้เรืองวิชาในยุคเก่าก่อน หลวงพ่อวงษ์ในยุคสมัยนั้นเมื่อราวๆ80กว่าปีที่แล้วท่านมีชื่อเสียงมากในการรักษาคนบ้าให้หายขาดได้จนมีชื่อเสียงเป็นที่ร่ำลือกันมาก ซึ่งในยุคสมัยนั้นหลวงปู่ทิมท่านยังไม่ค่อยมีใครรู้จักหรืออาจจะรู้จักหรือมีชื่อเสียงเฉพาะในแถบพื้นบ้านกันเท่านั้น

    เมื่อเทียบในยุคสมัยที่หลวงพ่อวงษ์ท่านมีชื่อเสียงที่โด่งดังนั้นน่าจะเป็นช่วงในยุคที่หลวงปู่ท่านยังต้องไปร่ำเรียนศึกษาความรู้กับสรรพวิชาต่างๆเพราะท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ของท่านว่า “วิชาอาคมต่างๆนั้นมีมากมายทุกสรรพสิ่งอยู่ที่เราจะสนใจกันมากน้อยเพียงใด” ซึ่งในยุคสมัยก่อนนี้หลวงปู่ทิมท่านได้ไปศึกษาวิชากับอาจารย์ท่านใดนั้นก็คงเป็นไปได้ยากที่จะทราบกันทั้งหมด เพราะท่านเรียนมามากหลากหลายอาจารย์ ส่วนใหญ่ก็จะทราบกันเพียงก็ส่วนบางอาจารย์ที่หลวงปู่ท่านเล่าให้กับลูกศิษย์ยุคก่อนฟังกันเท่านั้น อย่างเช่นการศึกษากับเกจิแห่งเมืองระยองนั้นเท่าที่ทราบจะมีหลวงปู่กราดวัดชากกอไผ่ โดยได้ศึกษาวิชาการสร้างผ้ายันต์พัดโบกตามที่หลวงปู่ท่านได้เคยเล่าให้กับนายสายมา หลวงพ่ออ่ำวัดหนองกระบอกท่านได้เข้าไปศึกษาวิชากันในห้องแต่จะเป็นวิชาใดนั้นไม่มีการยืนยันกันแน่ชัดแต่วิชาหนึ่งในนั้นน่าจะเป็นวิชาการสร้างแพะโดยในครั้งกระนั้นผู้ยืนยันก็คือปลัดเจริญ เพชรนครสมัยที่ท่านเป็นเด็กวัดได้เดินตามหลวงปู่ทาบวัดกระบกขึ้นผึ้งมาด้วยทุกครั้ง

    หลวงปู่ทองแห่งวัดน้ำคอกเก่าเกจิอาจารย์ในยุคเก่าที่หลวงปู่ทิมท่านถึงกับเอ่ยนามหรือกล่าวยกย่องว่าท่านมีอาคมที่แก่กล้ามากสามารถเหาะเหินเดินอากาศหรือดำดินได้ดุจเช่นเดียวกับหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า แต่หลวงปู่ทิมท่านได้เรียนวิชากับหลวงปู่ทองนั้นไม่สามารถยืนยันได้เช่นเดียวกับหลวงพ่อวงษ์แห่งวัดบ้านค่ายที่ท่านมีชื่อเสียงที่โด่งดังแต่หลวงปู่ทิมท่านไปศึกษาด้วยนั้นก็ไม่สามารถยืนยันได้แต่ก็ทราบได้เพียงว่าท่านศึกษามาจากตำราหลวงพ่อวงษ์หรือตำราสายของหลวงปู่สังข์เฒ่าหรือเป็นไปได้ท่านอาจจะศึกษามาจากหมอวังซึ่งเป็นฆราวาสผู้เรืองนามที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนในยุคกระนั้นก็เป็นได้ เพราะหลวงปู่ทิมท่านเกิดในยุคที่ทันกัน และในยุคสมัยนั้นหลวงปู่ทิมท่านก็ได้ศึกษาร่ำเรียนวิชาการทำปลัดกับหลวงพ่ออี๋แห่งวัดสัตหีบและหลวงพ่อเหลือแห่งวัดสาวชะโงกอีกด้วย โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่หลวงปู่ทิมท่านได้ศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่ออี๋และได้แสดงอาคมให้ดูจนหลวงพ่ออี๋ท่านก็ได้ถึงกับกล่าวเปรยกับหลวงพ่อวงษ์วัดบ้านค่ายว่าเมืองระยองนั้นมีช้างเผือกเหมือนกันนะซึ่งรูปนั้นก็คือหลวงปู่ทิมแห่งวัดละหารไร่นั้นเองและชาวระยองได้กล่าวกันเป็นตำนานเรื่อยมาตราบเท่าทุกวันนี้

    เกจิอาจารย์แห่งเมืองระยองอีกรูปที่หลวงปู่ท่านได้ไปศึกษาร่ำเรียนจนบ่อยครั้งก็คือหลวงปู่หินแห่งวัดหนองสนม ซึ่งหลวงพ่อหินนั้นโดยตามประวัติกล่าวว่าท่านได้ร่ำเรียนศึกษามาจากหลวงปู่สังข์เฒ่าวัดเก๋งหรือวัดจันทอุดม เกจิผู้ที่ตำนานกล่าวขานกันว่าเมื่อถ้าถ่มน้ำลายลงบนพื้นเมื่อใดพื้นนั้นจะแตกทันที หลวงพ่อหินท่านมีชื่อเสียงมากในช่วงยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่สองตอนที่ญี่ปุ่นบุกเข้ามาเมืองไทย โดยในยุคนั้นหลวงพ่อหินถือเป็นเกจิดังแห่งเมืองระยองซึ่งท่านโด่งดังพอๆกับหลวงปู่อี๋แห่งวัดสัตหีบ แต่หลวงพ่อหินท่านจะดังในพื้นที่ในครั้งกระนั้นท่านจะสร้างทั้งตระกรุด ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ แต่ที่ร่ำลือกันมากเรื่องการสักยันต์ เหนียวมากถึงขนาดปืนผาหน้าไม้นั้นไม่ระคายผิวเลย หลวงพ่อหินท่านมีชื่อเสียงทั้งทางด้านหมอยาและคงพระพัน และเรื่องเมตตามหานิยมนั้นท่านก็เป็นเลิศ

    เมื่อหลวงพ่อหินแห่งวัดหนองสนมท่านมีชื่อเสียงที่โด่งดังมากและเป็นที่ร่ำลือกัน ประกอบท่านถือเป็นเกจิคนเดียวที่ได้คัดลอกตำราวิชาจากวัดเก๋งมา โดยที่ของเดิมนั้นเป็นตำราใบลานซึ่งคงจะเก่าแก่ผุพังกันไปตามกาลเวลา โดยภายหลังจากหลังสงครามโลกได้สิ้นสุดลงไม่นาน หลวงปู่ทิมเมื่อได้ยินชื่อเสียงของหลวงพ่อหินเป็นที่ร่ำลือกัน ท่านจึงได้เดินทางมาวัดหนองสนมเพื่อร่ำเรียนวิชาหรือการต่อวิชากับหลวงพ่อหินวัดหนองสนมทันที กำนันผล แสงจันทร์(เสียชีวิตไปนานแล้ว)ชาวระยองในยุคเก่าย่อมรู้จักกันดีท่านเป็นกำนันตำบลเนินพระ ท่านเป็นเด็กวัดในยุคแรกๆของวัดหนองสนมและถือว่าท่านจะใกล้ชิดหลวงพ่อหินมาก ท่านกล่าวว่าสมัยก่อนท่านเห็นหลวงปู่ทิมท่านเดินทางมาศึกษาวิชาตำราต่างๆกับหลวงพ่อหินอย่างสม่ำเสมอจนมาถึงเด็กวัดในรุ่นสุดท้ายที่เหลืออยู่คือ หมออ่อง ( ยังมีชีวิตอยู่ปัจจุบันอายุ 95 ปี ) ท่านกล่าวยืนยันว่าสมัยนั้นท่านเป็นเด็กวัดอายุประมาณ 15-16 ปี หลังจากในช่วงฤดูออกพรรษาท่านได้เห็นหลวงปู่ทิมเดินทางมาเรียนวิชากับหลวงพ่อหินที่วัดเสมอ แต่จะเรียนวิชาใดนั้นไม่ทราบได้ เพราะเกจิสมัยนั้นเขาจะปิดห้องเรียนวิชากัน เขาจะไม่ออกมาเปิดเผยข้างนอก ประกอบหลวงพ่อหินท่านเป็นพระที่ดุและระเบียบมากท่านกล่าวไว้ โดยที่คนสมัยเก่ายุคนั้นจะทราบกันดี

    หลวงปู่ทิมท่านได้ศึกษาร่ำเรียนและได้ร่ำลองวิชาอาคมกันกับหลวงพ่อหินจนเป็นที่ยอมรับกันทั้งสองฝ่าย เมื่อกระนั้นเหตุการณ์ผ่านไป ก็ได้มีชาวบ้านจากหมู่บ้านกลุ่มหนึ่งเดินทางมาหาหลวงพ่อหินที่วัดหนองสนมเพื่อมาขอของดีจากท่าน เมื่อหลวงพ่อหินท่านถามว่ามาจากไหน ชาวบ้านกลุ่มนั้นก็ได้ตอบว่ามาจากบ้านค่าย เมื่อหลวงพ่อหินได้ยินกระนั้นก็ได้ให้ไปขอที่ไอ้เสือวัดไร่ซิ ( ท่านหมายถึงหลวงพ่อทิมวัดไร่ ) ท่านมีอาคมที่แก่กล้าเหลือเกิน อยู่ที่นั่นแท้ๆทำไมไม่ไปกัน และวันนั้นหลวงพ่อหินท่านก็ไม่ยอมให้อะไรโดยหนึ่งในนั้นที่ไปก็มีปลัดเจริญ เพชรนคร รวมอยู่ด้วย ซึ่งก็เป็นตำนานของคนรุ่นเก่าที่เล่าขานกันมา

    การศึกษาวิชาอาคมใดๆนั้นเราจะเห็นว่าในยุคแต่ก่อนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสามารถร่ำเรียนกันได้ ถ้าไม่มีความมานะความอดทนและความตระหนักพร้อม บวกกับจิตวิญญาณที่มีอยู่ จะเห็นว่าอย่างหลวงปู่ทิมเมื่อท่านเห็นประจักษ์วิชาใดๆที่นำพาซึ่งประโยชน์ท่านจะเดินทางมาขอร่ำเรียนวิชาทันที ถึงแม้หนทางมันจะอยู่ไกลก็ตามที


    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     
  15. prabangkam

    prabangkam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    1,638
    ค่าพลัง:
    +7,098
    กราบนมัสการหลวงปู่ทิม และสวัสดีทุกๆท่านครับ
     
  16. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    [​IMG]

    นี่คือรูปหลวงปู่ทอง วัดน้ำคอกเก่า ที่หลวงปู่ทิมท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ของท่านว่ามีอิทธิฤทธิ์ที่เก่งกาจสามารถเหาะเหินเดินอากาศและดำดินได้ แต่หลวงปู่ทิมท่านเคยได้ร่ำเรียนวิชาอาคมหรือไม่อาจจะเป็นเหตุผลที่ได้หรือไม่ได้ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ก็ไม่มีการยืนยันจากหลักฐานเป็นเพียงคำยืนยันบอกเล่าจากหลวงปู่ท่านเท่านั้น เพราะสมัยนั้นหลวงปู่ทิมท่านยังเป็นพระหนุ่มที่ยังต้องการศึกษาวิชาอาคมซึ่งก็อาจจะมีส่วนก็ได้แต่ไม่ขอยืนยัน หลวงปู่ทองท่านเป็นเกจิในยุคเก่าน่าจะในยุครุ่นเดียวกับหลวงพ่อเงินวัดบางคลานจ.พิจิตร ซึ่งท่านก็ได้มรณภาพไปเป็นร้อยปีแล้ว ท่านมีอายุกาลที่ยืนยาวถึง105 ปี ด้วยชื่อเสียงท่านก็ยังเป็นที่ขนานนามกันในตำนาน มีผู้คนที่นับถือและศรัทธาไปขอพรบนบานกันมากมาย ส่วนใหญ่ที่ทราบมีคนไปบนบานแล้วประสบความสำเร็จจะแก้บนกันด้วยการถวายกลองยาว เพราะตามตำนานที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเล่ากันว่าหลวงปู่ทองในยุคสมัยที่ดำรงขันธ์อยู่ท่านจะชอบการรำกลองยาวเป็นพิเศษ จึงทำให้มีผู้คนมาบนบานกันมากมาย
     
  17. thavornsiripat

    thavornsiripat สิ่งใดไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มี เป็นธรรมดา เช่นนั้นเอง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    2,069
    ค่าพลัง:
    +13,915

    กราบหลวงปู่ ลุงสาย อ.แก้วสว่าง น้าต๋อย พี่รัก พี่ตี๋ พี่ก้อน พี่ก้อง น้านาย พี่ทหารเก่า พี่ติ้งฯ พี่พระขุนแผน พี่อาทิ พี่ส่างปา พี่เมืองฯ พี่แควใหญ่ พี่โต้งชลฯ พี่โจเชฯ พี่รอมอีแกต พี่เก่ง พี่เซิฟเฟอร์ส พี่สุ2550 พี่ออโต้171 พี่โคราชา พี่ปืนนาป่า พี่พร้อมนมิตร ลูกหลานหลวงปู่ทุกๆ ท่าน
    สวัสดีหัวค่ำวันศุกร์ครับ วันนี้วันสุดท้ายของงานบวชประจำปีวัดท่าซุง เพิ่งกลับมาตอนเย็นวันนี้ มีความสุขทุกๆ ท่านครับ ขออารธนาบารมีสมเด็จพ่อองค์บรมศาสดาทุกพระองค์ บารมีหลวงปู่เมตตา คุ้มครองรักษาทุกๆ ท่าน ให้เป็นวันดี วันสุขทุกๆ ท่านครับ


     
  18. krichthep

    krichthep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,389
    ค่าพลัง:
    +3,965
    กราบนมัสการ หลวงปู่ทิม กราบสวัสดี อ.แก้วสว่าง ลุงสาย สวัสดีน้าต๋อย เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ลูกหลานหลวงปู่ทุกท่านครับ
     
  19. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,748
    สวัสดียามเช้าครับ สมาชิกทุกท่าน
    หายหน้าไปหลายวัน กลับมาประจำกระทู้
    เช่นเดิมแล้วครับ พัสดุจะเริ่มทยอยส่งให้นะครับ
     
  20. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่


    หลวงปู่ทิมท่านถือเป็นเกจิอาจารย์มีจิตที่แก่กล้ามากสามารถปลุกเสกจนน้ำมนต์เดือดและเป็นที่ร่ำลือกันมากในยุคสมัยนั้น เมื่อปีพ.ศ.2511หรือประมาณ45ปีล่วงมาแล้ว ทางวัดตะพงนอกได้นิมนต์เกจิอาจารย์ชื่อดังมาปลุกเสกวัตถุมงคลและหล่อรูปเหมือนของหลวงพ่อจันทร์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตะพงนอก หนึ่งในนั้นก็มีหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่มาร่วมในพิธีนี้ด้วย ในช่วงเวลานั้นหลวงปู่ทิมเริ่มมีคนรู้จักกันมากขึ้น เมื่อหลวงปู่ทิมท่านได้แสดงอภินิหารเสกน้ำมนต์จนเดือด ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างๆก็ได้เฮโลกันเอาน้ำมนต์ในโอ่งที่เสกไว้นั้นจนหมดเกลี้ยงตุ่มในเวลาอันรวดเร็ว โดยหลังจากนั้นมาหลวงปู่ทิมท่านเริ่มมีคนรู้จักกันมากขึ้น โดยหลังจากนั้นวัดไหนที่จัดสร้างวัตถุมงคลหารายได้ก็จะนิมนต์หลวงปู่ทิมท่านไปปลุกเสกด้วยชื่อเสียงที่ร่ำลือกันมา

    ซึ่งโดยก่อนหน้านี้เมื่อปีพ.ศ.2508 หลวงปู่ทิมท่านก็ได้ถูกเชิญนิมนต์จากทางวัดป่าประดู่มาร่วมเสกหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อแอ่วอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งในงานก็มีเกจิมากันมากมายเช่นกันซึ่งมีทั้งหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอมและหลวงพ่อกันวัดเขาแก้ว ลูกศิษย์หลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ ซึ่งในงานนั้นได้มีการถ่ายรูปหมู่กันขึ้น ซึ่งผลปรากฎว่าพอเวลาล้างฟิล์มออกมาหลวงพ่อรูปอื่นถ่ายติดหมดมีแต่เพียงหลวงปู่ทิมองค์เดียวเท่านั้นที่กลับถ่ายติดแต่อาสนะที่นั่งเท่านั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กล่าวขานมาตราบเท่าทุกวันนี้ ซึ่งแสดงถึงอานุภาพจิตที่แก่กล้าของท่านได้

    และในปีเดียวกันหลวงปู่ทิมท่านก็ได้ถูกเชิญให้ไปร่วมพิธีปลุกเสกพระพุทธอังคีรส พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดระยองซึ่งในงานก็มีเกจิมาร่วมพิธีมากมายเช่นกันซึ่งในงานนี้จัดพิธีเสกไว้ 3 วัน 3 คืน หลวงปู่ทิมท่านมาปลุกเสกจนครบ3วัน3คืนเช่นกัน นายสาย แก้วสว่างซึ่งเป็นไวยาวัจกรได้ติดตามหลวงปู่ทิมมาด้วยทุกครั้ง นายสายท่านเล่าว่าหลวงปู่ทิมท่านนั่งปรกยาวไปเลยจนเสร็จสิ้นไปเลยไม่มีการพักเหมือนกับเกจิท่านอื่นเลย ซึ่งก็ใช้เวลาหลายชั่งโมงพอควร ซึ่งแสดงได้ถึงอำนาจฌานสมาบัติที่ท่านสามารถนั่งปรกได้ยาวนาน เมื่อท่านนั่งปรกจนเสร็จสิ้นแล้วท่านจะกลับทันทีเลย เพราะถือว่าเสร็จแล้ว

    หลวงปู่ทิมท่านถือการบำเพ็ญสมถะกรรมฐานที่เคร่งครัดตั้งแต่ในยุคสมัยที่ท่านได้ออกธุดงค์วัตรในสายของหลวงพ่อปานวัดคลองด่าน และหลวงปู่ทิมท่านก็ได้ศึกษาร่ำเรียนกับหลวงพ่อปาน โดยตามตำนานนั้นกล่าวว่าถ้าพระสงฆ์องค์ใดได้ศึกษาผ่านจากสำนักของหลวงพ่อปาน ถือว่าองค์นั้นสำเร็จกันแล้วโดยเฉพาะในเรื่องของฌานหรือเรื่องของสมาธิจิตที่ถือการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งเกจิชื่อชั้นที่ผ่านสำนักเดียวกันก็มีอย่างอาทิเช่น หลวงพ่อดิ่งวัดบางวัว หลวงพ่ออ่ำวัดหนองกระบอก หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ หลวงพ่อเหลือวัดสาวชะโงก เป็นต้น ส่วนใหญ่แต่ละองค์นั้นเราจะเห็นว่าแต่ละองค์จะมีชื่อเสียงทางด้านการสร้างเครื่องรางกันทั้งนั้น เพราะการสร้างเครื่องรางจะสร้างกันให้สำเร็จได้ต้องมีสมาธิจิตที่แน่วแน่มากหรือจะกล่าวกันง่ายๆว่าต้องสำเร็จอำนาจฌานสมาบัติถึงจะสามารถทำได้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยที่จักทำกันได้ทุกองค์

    นายสาย แก้วสว่างท่านเล่าว่าหลวงปู่ท่านได้ศึกษามากับหลวงพ่อปานในช่วงเวลาที่ได้ไปออกธุดงค์ ซึ่งหลังจากกลับมาหลวงปู่ทิมท่านก็ได้รับมอบเขี้ยวเสือแกะมา2-3ตัวกับตะกรุดมาดอกหนึ่งจากหลวงพ่อปาน ซึ่งเมื่อก่อนหลวงปู่ท่านก็คงเก็บเอาไว้ติดตัวหรือเก็บไว้เป็นที่ระลึกต่อครูบาอาจารย์ ต่อมาท่านเองไม่ได้ใช้ก็ได้มอบให้กับลูกศิษย์ลูกหากันไปเพราะหลวงปู่ทิมท่านก็ไม่ได้ยึดติดกับวัตถุมงคลสิ่งใดเป็นพิเศษเลย ลองมาชมภาพหลวงพ่อปานกันนะครับ


    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...