ติดตามสถานะการณ์

The Event

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=KLZ8Vj_yIm0&feature=player_embedded]ISON UPDATE-Dark Giants Captured in New Flare. - YouTube[/ame]

ISON UPDATE-Dark Giants Captured in New Flare. - YouTube

ข้อมูลดาวหาง ISON. พบวัตถุขนาดใหญ่หลายชิ้นในอวกาศ (ก็ตามที่รู้ๆ ก็ดาวหางคนเก่งของเรา) จากการที่ดวงอาทิตย์เกิดเปลวไฟสุริยะ และคลื่นความร้อนก็กระจายมาในอวกาศและเผลอมาเจอกับดาวหางที่ถูกทำให้ตายแบบหลอกๆ ทำให้ภาพดาวหาง ISON. ถูกมองเห็น ในลักษณะแบบเดียวกับการจับสัญญานคลื่นเสียงพอคลื่นเสียงไปกระทบวัตถุก็จะจับกลับมาเป็นสัญ(ญานภาพว่าพบวัตถุ
ISON UPDATE-Dark Giants Captured in New Flare.

 

ผมขอนำรายละเอียดเกี่ยวกับปฎิทิน 13 จันทร์มาเสนอแม้จะถูกกล่าวหาว่าเป็นเท็จแต่ใครจะรู้ว่าของจริงเป็นยังไง เพราะทุกสิ่งก็ถูกสมมุติว่ามีทั้งสิ้น แล้วจะรู้ได้ไงว่าอันไหนใช่หรือไม่ใช่

ปฏิทินมายันเท็จ DREAMSPELL / สิบสามดวงจันทร์และ 'อยู่บนพื้นฐานของการปกครองปิตาธิปไต

Carl Johan Calleman (calleman.com)
สำหรับหลาย ๆ คนในโลกระบบปฏิทินการประดิษฐ์คิดค้นโดยโฮเซ Arguelles และ Lloydine ใน nineties ต้นคือ Dreamspell ปฏิทิน / 13 จาก Lune ได้กลายเป็นที่รู้จักกันเป็น "ปฏิทินมายัน"
แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ว่านี้คือระบบปฏิทินที่ไม่เคยใช้ยาหลายตัวละครเอกของเขามีความกระตือรือร้นที่จะนำเสนอมันราวกับว่ามันเป็นมายา ผ่านแคมเปญขนาดใหญ่และหลายเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ตหลายคนถูกชักนำให้เชื่อว่าในนั้นและตอนนี้เป็นหนึ่งในหน้าที่หลักของปฏิทินนี้คือการสร้างความสับสนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อป้องกันการเข้าถึงของผู้คนเพื่อปฏิทินศาสนาที่แท้จริง ที่ใช้สำหรับการนับพันปีในประเทศเม็กซิโกและใน 'อเมริกากลาง
ปฏิทินปีสุดท้ายที่อยู่บนพื้นฐานของการนับปฏิทินศาสนาที่แท้จริงถูกตีพิมพ์เท่าที่ผมรู้เฉพาะในกัวเตมาลาและสวีเดน [... ]

ส่วนที่เหลือของโลกได้มีความคิดที่ค่อนข้างที่ปฏิทินมายัน Dreamspell โครงสร้างของระบบปฏิทินที่รู้จักกันเป็นสิบสามดวงจันทร์ปฏิทิน / Dreamspell เป็นพื้นดังนี้ก็แนะว่าเราจะใช้ Moons 13 ปฏิทินที่แตกต่างกันของวัน 28 ที่แสดงเป็นวงจรหญิงเพื่อที่จะเข้ามาเมื่อกรกฎาคม 25 วัน "หมดเวลา" ไปยังบัญชีสำหรับวัน 365 ของปีปฏิทิน (13 28 x + วัน = 1 365) ที่เชื่อมโยงไปนี้คือการนับของ glyphs 20 13 และตัวเลขซึ่งถูกยืมมาจากปฏิทินมายันศาสนา

สัญลักษณ์นี้มีความสัมพันธ์ยังคงอยู่กับวันที่ในความหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเวลาจริงเมื่อเทียบกับปฏิทินดังนั้นเมื่อคนจะได้รับวันของพวกเขาควรจะเกิดตามมายา Tzolkin ในระบบนี้เรียกว่า "ลายเซ็น Galactic "นี่คือคงเส้นคงวาแตกต่างจากสัญลักษณ์ปฏิทินศาสนาว่ามายาได้ใช้และใช้สำหรับวันนั้น หลายคนถูกหลอกในความรู้สึกของการคิดว่านี่เป็นสัญญาณที่แท้จริงของวันของพวกเขาและเพื่อให้ได้รับการเบี่ยงเบนจากการไหลของจักรวาลของเวลา สิ่งสำคัญของระบบปฏิทินนี้เป็นหนึ่งที่ถูกละเว้นเพียงวันเผ่นจากปฏิทินเกรกอเรียนและอื่น ๆ วันนี้ทุกปี 4, ขัดจังหวะลำดับของสัญลักษณ์ของ Dreamspell และมันกระโดดจึงละเลยให้พลังทางจิตวิญญาณ วันก้าวกระโดด

ในฐานะที่เป็นระบบนี้คือมายา? ยกเว้นสัญญาณและสัญลักษณ์ที่ใช้ในการนับ tzolkin (วันนับ 260) ไม่ได้เลย ขณะนี้กำลังกลายเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกโฟน, ไม่กี่ได้มาทำความเข้าใจว่าระบบปฏิทินนี้ในระดับที่แตกต่างกันคือการแสดงออกของการปกครองปิตาธิปไต ครั้งแรกของการแสดงออกเหล่านี้ก็คือวงจรหญิงเป็นวัน 28 ความคิดนี้มันสร้างของยาโบราณที่นานได้รับการกลัวโดยสิ่งที่มันมองว่าเป็นลิงค์ขลังระหว่างหญิงและครบวงจรของดวงจันทร์เป็นวัน 29,5 มายาโบราณตามรอบดวงจันทร์ที่สลับไปมาระหว่าง 29 และวัน 30 เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ อีกมากมายในการสร้างกรอบการทำงานที่สอดคล้องกับวัฏจักรของดวงจันทร์เต็มรูปแบบ ผมเชื่อว่าในวันนี้ว่าผู้หญิงจำนวนมากเช่นเดียวกับผู้ชายหลายคนมีความรู้สึกพิเศษที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนของพวกเขาในวันพระจันทร์เต็มดวง. [... ]

ในดวงจันทร์สิบสามปฏิทินวัน 26 กรกฎาคมได้รับเลือกเป็นวันขึ้นปีใหม่และคุณรู้สึกว่ามันบางครั้งเรียกว่า "ปีใหม่มายัน" บางครั้งข้อเสนอแนะที่เป็นที่ชัดเจนว่าที่มาของวันนี้คือการเพิ่มขึ้น eliacale ดาวสุนัข, Sirius ในยูกาตัง แต่ไม่ได้เพิ่มขึ้นเพื่ออะไรในวันนั้นและไม่อาจนี้ไม่เคยเกิดขึ้นแม้แต่ในสมัย​​โบราณ ในความเป็นจริงวันนี้เป็นชุดแรกของสิ่งที่เรียกว่าปฏิทิน 13 Lune เป็นตรงข้ามกับความจริงของระบบปฏิทินมายัน ข้อมูลในการตั้งค่านี้มันจริงหมายถึงการสิ้นสุดของปฏิทินมายันโบราณในแหลมยูคาทาน ในสมัย​​โบราณและยังคงอยู่ในหมู่ที่อาศัยอยู่Quiché-Maya, ปฏิทินมายาไม่ได้มีวันที่กำหนดสำหรับปีใหม่ซึ่งอาจขณะนี้ได้รับการแปลโดยตรงในคริสต์ศักราช แต่ตามปีวัน 365 เรียกว่า Haab และตั้งแต่นี้คือประมาณหนึ่งในสี่ของวันสั้นกว่าปฏิทินสุริยคติตำแหน่งของการก่อตั้งอย่างต่อเนื่องเพื่อย้ายไปข้างหลังวันหนึ่งทุก ๆ สี่ปีในแง่ของวันที่แบบคริสต์ศักราช

ความแตกต่างของปฏิทินมายันโบราณจึงไม่ได้รับการแก้ไขวันขึ้นปีใหม่เป็นจริงมีความสำคัญมากในวันนี้ ก็หมายความว่าไม่เหมือนปฏิทินอื่นมากที่สุดในโลก, ปฏิทินนี้ไม่อยู่ภายใต้เวลาที่เครื่องจักรกลและวงจรทา​​งดาราศาสตร์ ขณะที่ผมอธิบายไว้ในหนังสือของฉัน, ระบบปฏิทินมายันทำนายเป็นการแสดงออกถึงความจริงที่ว่าพลังงานมีผลต่อจิตสำนึกของมนุษย์ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางกายภาพรอบ เพื่อแสดงให้เห็นการดำเนินงานของ Haab นี้วันแรกของปีลดลงในเดือนกุมภาพันธ์ 13 694 C. ในขณะที่ใน 1540 ไป C. มันลดลงในวันที่สอดคล้องกันเพื่อ 26 กรกฎาคม

1541 แต่เป็นปีที่แหลมยูคาทานเมื่อถูกเอาชนะโดยชาวสเปน นั่นหมายความว่าการแปลงบังคับเขาให้ศาสนาคริสต์เริ่มมีการทำเครื่องหมายโดยการเผาไหม้ของปฏิทินมายันซึ่งถูกยุยงโดยบิชอปดิเอโกเดอ Landa ใน 1562 จากนี้เราได้ยินเสียงของบิชอปเป็นครั้งแรกวัน 26 กรกฎาคมเป็นวันที่มายาเสมอการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของพวกเขา ในความเป็นจริงเป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวบังคับให้ศาสนาคริสต์และปีของสงฆ์ของที่มีการเฉลิมฉลองของธรรมิกชนและคริสมาสต์และอื่น ๆ ., มายามีการตรึงการเคลื่อนไหวเรื่องก่อนหน้านี้ในวันที่ Haab วันที่มันได้ในเวลา สเปนชนะใน 1541

















- See more at: ปฏิทินมายันเท็จ Dreamspell / สิบสามดวงจันทร์และ 'อยู่บนพื้นฐานของการปกครองปิตาธิปไต

 

ตามที่ได้เคยนำเสนอวันที่ 16 ธันวาคม 2556 เป็นวันสิ้นสุดปฏิทินมายาตามการนับปฎิทินแบบ 13 จันทร์ ซึ่งปฏิทินนี้ถูกปฏิเสธที่จะได้รับการยอมรับถูกกล่าวหาว่าเป็นเท็จแต่ใครจะรู้ว่าของจริงเป็นยังไง เพราะทุกสิ่งก็ถูกสมมุติว่ามีทั้งสิ้น แล้วจะรู้ได้ไงว่าอันไหนจริง อันไหนไม่จริง

คลิปแรกเป็นการถอดรหัสตราสัญลักษณ์ของวาติกันได้กล่าวถึงประตูเงิน ซึ่งอยู่ระหว่างเจมินี่ และทอรัส และประตูทองซึ่งอยู่ระหว่างซาจิทาเรียสและสกอเปี้ยนของสวรรค์ว่ามีบางสิ่งมาไขกุญแจเปิด ซึ่งกุญแจทั้งสองนี้เป็นตามพันธะสัญญาระหว่างพระคริส และปีเตอร์ว่า เราจะมอบความไว้วางใจแด่ท่าน กุญแจทั้งสองแห่งอาณาจักรสวรรค์ เมื่อใดที่ท่านประกาศให้ขอบเขตของโลกเป็นขอบเขตของสววรค์ อะไรที่ท่านทำในทางที่ไม่ดีก็จะเป็นเช่นเดียวกับกระทำกับขอบเขตของสวรรค์ด้วย และไอซอนจะเป็นผู้มาผ่านประตูเงิน และประตูทอง และจะมาทำการเรียงตัวกับโลก และดาวศุกร์ในลักษณะที่เรียกว่า trinity หมายถึงครบองค์ประกอบถ้าผมคิดไม่ผิดคงมีกล่าวในปฏิทินของมายา

The Event

Coat of Arms Decoded, ISON, December 16th, Golden & Silver Gates of Heaven! - YouTube

ตราสัญลักษณ์ของวาติกันที่ถูกถอดรหัส
ดาวหาง ISON , ประตูเงินและประตูทองของสวรรค์
Coat of Arms Decoded, ISON, December 16th, Golden & Silver Gates of Heaven!
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=k6nXeL7Axhg&feature=player_embedded]WoW! Dec.16th Mayan Tzolkin End Date & Comet ISON-Earth-Venus Trinity! - YouTube[/ame]
WoW! Dec.16th Mayan Tzolkin End Date & Comet ISON-Earth-Venus Trinity! - YouTube

Wow! Dec 16th Mayan Tzolkin End Date & Comet ISON-Earth-Venus Trinity. 2 November 2013
วันที่ 16 ธันวาคม 2556เป็นวันสิ้นสุดในปฎิทินมายาTzolkin & ดาวหาง โลก และดาวศุกร์จะเรียงตัวแบบ trinity

 

กล้องของยาน SOHO สามารถจับภาพของ ISON ได้เฉพาะช่วงเวลาตามข้างล่างเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรแล้วครับ

LASCO C3 27-30 พย. 2013
LASCO C2 28-29 พย. 2013

การที่ NASA ปิดปรับปรุงเว็บเพจคงเพราะเห็นว่า ไม่ได้มีผลต่อการติดตามดาวหาง ISON แล้ว และการจะดูข้อมูลของ SOHO ก็ไม่ได้มีเพียงช่องทางของ NASA ที่เดียว ที่อื่นยังดูได้ปกติครับ

.

 

The Event

7 วันให้หลังจากการเกิด Hercolubus เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 มีการเกิด Hercolubus ครั้งที่ 2 วันที่ 5 ธันวาคม 2556

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=sSz3DKZPM38&feature=player_embedded]7 Days Later. Hercolubus 2 - YouTube[/ame]

7 Days Later. Hercolubus 2 - YouTube
7 Days Later. Hercolubus 2



























































มีนักดาราศาสตร์ท่านหนึ่งในจำนวนนักดาราศาสตร์ที่เก่งที่สุดในโลก ได้บอกว่า Hercolubus เป็นเรื่องจริง และกำลังมา

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=VJJ0N-Qq3CI&feature=player_embedded]Hercolubus is coming. - Carlos Muñoz Ferrada - YouTube[/ame]

Hercolubus is coming. - Carlos Muñoz Ferrada - YouTube

Hercolubus is comming (21 มิถุนายน 2556) Hercolubus กำลังมา

 

the event

ในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้กล้องฮับเบิ้ลจะเข้าสู่ตำแหน่งว่าดาวหาง ISON จะเคลื่อนที่ผ่าน เนื่องจากการจับภาพการปล่อย CME จากดวงอาทิตย์ ได้จับภาพดาวหาง ISON ซึ่งพวกเขายังไม่เชื่อว่าดาวหางยังอยู่ และภาพดาวหางที่จับได้ในช่วงเกิด CME ของดวงอาทิตย์ อาจเป็นแค่กลุ่มควัน หรือเศษของดาวหางที่แตกกระจาย แต่ถ้าจับภาพได้ว่านิวเคลียสของดาวหางยังปรกติก็จะแจ้งให้ทราบอีกที

การจับภาพในขณะที่ดาวหางเคลื่อนตัวออกจากดวงอาทิตย์ มี 2 กรณี คือ
1. ดาวหางยังคงเคลื่อนที่ต่อในวงโคจรดาวหาง แต่วงโคจรของ STEREO ได้ตัดกับวงโคจรของดาวหางแต่เคลื่อนที่ไปยังทิศทางตรงกันข้ามเลยจับภาพต่อไม่ได้
2. ดาวหางสลายตัวจากวงโคจรดาวหาง และSTEREO ยังเคลื่อนที่ต่อในวงโคจรของตนเอง และจับภาพดาวหางไม่ได้เพราะดาวหางได้สลายไปแล้ว

สรุปก็คือ ผมว่าลึกๆ นาซ่ายังไม่แน่ใจว่าดาวหางสลายตัวครับ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=4Ttcv-Cdjtg&feature=player_embedded]Hubble to Watch Ison Now. - YouTube[/ame]

Hubble to Watch Ison Now. - YouTube

Hubble to Watch ISON Now (7 ธ.ค.2556)
กล้องฮัปเปิ้ลมองดูดาวหาง ISON ในขณะนี้ 7 ธ.ค. 2556)

 

ตำรวจเม็กซิโกคุมตัว 6 ผู้ต้องสงสัย “ขโมยเครื่องรังสี” หลังป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล

เอเอฟพี – ตำรวจเม็กซิโกควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัย 6 ราย ซึ่งคาดว่าจะเป็นแก๊งโจรที่ปล้นรถบรรทุกขนอุปกรณ์ฉายรังสีรักษาโรคมะเร็ง เมื่อวันจันทร์ (2) หลังคนเหล่านี้ล้มป่วยจากการสัมผัสรังสี และเดินทางมารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางตอนกลางของเม็กซิโก
ทั้งนี้ คาดว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 ซึ่งถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อม ได้ไปสัมผัสโดยตรงกับเครื่องฉายรังสีโคบอลต์-60 ซึ่งเป็นไอโซโทปรังสีที่มีอันตรายมาก

เครื่องฉายรังสีดังกล่าวเคยใช้งานอยู่ในโรงพยาบาลทางตะวันตกเฉียงเหนือของเม็กซิโก และกำลังถูกส่งไปทำลายที่โรงกำจัดขยะรังสีแห่งหนึ่ง ทว่า มาถูกโจรปล้นไปเสียก่อนขณะที่คนขับรถบรรทุกจอดพักนอนอยู่ใกล้ๆ ปั๊มน้ำมันในรัฐฮิดาลโก

เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเครื่องฉายรังสีโคบอลต์-60 ถูกทิ้งไว้ในชนบท ห่างจากกรุงเม็กซิโก ซิตี ไปทางเหนือราว 70 กิโลเมตร โดยตกอยู่ห่างจากรถบรรทุกที่ขนมันมาถึง 1 กิโลเมตร
ทางการเม็กซิโกได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปคุ้มกันอย่างแน่นหนารอบๆ โรงพยาบาลที่ผู้ต้องหาทั้ง 6 รักษาตัวอยู่

โฆเซ อันโตนิโอ คอปกา การ์เซีย ปลัดกระทรวงสาธารณสุขประจำรัฐฮิดาลโก ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางได้นำตัวเด็กหนุ่มวัย 16 ปี และชายวัย 25 ปี มาส่งยังโรงพยาบาลเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (5) โดยทั้ง 2 มีอาการวิงเวียนศีรษะ และคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 4 คนที่เหลือ ถูกนำมาส่งโรงพยาบาลในอีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง
คณะกรรมาธิการความปลอดภัยและการป้องกันนิวเคลียร์แห่งชาติเม็กซิโก ได้ออกประกาศเตือนก่อนหน้านี้ว่า ใครก็ตามที่ไปสัมผัสเครื่องฉายรังสีโดยตรงอาจเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่ทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ก็ได้เตือนเช่นกันว่า อุปกรณ์ฉายรังสีโคบอลต์-60 ซึ่งกำลังถูกส่งไปทำลายนั้น “มีอันตรายร้ายแรงมาก”

ผู้จัดการ

 

ระดับกัมมันตภาพรังสีภายนอกของ "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ" สามารถฆ่าคนได้ภายใน 20 นาที โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 ธันวาคม 2556 12:19 น



เอเจนซีส์ - อ้างจากรายงานที่ตีพิพมพ์ในสื่อรัสเซีย Russia Todayในวันอาทิตย์(8) พบว่าระดับกัมมันตภาพรังสีจากภายนอกที่อยู่บริเวณท่อเหล็กซึ่งเชื่อมกับตึกเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ได้แตะค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ ซึ่งค่าที่วัดได้ในวันศุกร์(6)นั้นสามารถทำให้คนที่ได้รับการสัมผัสเสียชีวิตได้ภายใน 20 นาที

หลังจากการวัดระดับกัมมันตภาพรังสีจำนวนทั้งหมด 8 แห่งรอบท่ออากาศ บริษัทเทปโกได้ประเมินว่า ระดับกัมมันตภาพรังสีสูงสุดนั้นถูกพบใน 2 จุด ที่มีค่ากัมมันตภาพรังสีสูงถึง 25 ซีเวอร์ต ต่อ ชม. และ 15ซีเวอร์ต ต่อ ชม. ตามลำดับ

และสื่อ NHK ญี่ปุ่นได้รายงานว่า ค่ารังสีที่อ่านได้นั้นถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยตรวจพบมาจากภายนอกตึกเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์

โดยก่อนหน้านี้ทางเทปโกได้ตรวจพบระดับกัมมันตภาพรังสีอย่างน้อย 10 ซีเวอร์ต ต่อ ชม. ซึ่งที่ผ่านมา ท่ออากาศเคยใช้เป็นทางผ่านก๊าซกัมมันตภาพรังสี ซึ่งหลังจากเกิดวิกฤตินิวเคลียร์แล้วนั้นมีความเป็นได้ว่า อาจจะยังมีก๊าซกัมมันตภาพรังสีหลงเหลืออยู่ รายงานจากเทปโก

แผ่นดินไหวในเดือนมีนาคม 2011ทำให้เกิดคลื่นสึนามิพัดเข้าทำลายญี่ปุ่น ทำลายโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกุชิมะไดอิจิ และทำให้เตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์จำนวน 3 แห่งเกิดไหม้ขึ้นในชั้นใต้ดินในขณะน้ำที่เคยหล่อความเย็นระบบได้ซึมไหลออกมาและปนกับน้ำชั้นใต้ดินที่อยู่ตามธรรมชาติ และน้ำที่ปนเปื้อนที่ได้ถูกกักเก็บไว้ในถังกักเก็บของโรงงานนั้นรั่วและไหลลงมหาสมุทรแปซิฟิกไป

การรั่วไหลของน้ำปนเปื้อนนี้สร้างความวิตกให้กับประเทศเพื่อนบ้านของญี่ปุ่นเป็นอันมาก ตัวอย่างเช่น เกาหลีใต้ได้ตรวจสอบปลาที่จับได้จากชายฝั่งของเกาหลีใต้ อ้างจากกระทรวงประมงแห่งเกาหลีใต้

ในขณะที่ แอลิสัน แม็กเฟอร์เลน ประธานแห่งคณะกรรมาธิการกำกับดูแลนิวเคลียร์สหรัฐฯ หรือ U.S. Nuclear Regulatory Commission ได้ออกมาให้ความมั่นใจว่าน้ำปนเปื้อนของเทปโกเมื่อเดินทางมาถึงเขตชายฝั่งสหรัฐฯนั้นจะอยู่ในระดับที่ปลอดภัย

“ระดับสูงสุดของกัมมันตภาพรังสีที่จะมาถึงสหรัฐฯนั้นมีค่าลดลง 100 เท่าตัว (2 orders of magnitude) ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานความปลอดภัยของน้ำดื่ม" แม็กเฟอร์เลนกล่าวที่กรุงโตเกียวในวันศุกร์(6)ที่ผ่านมาในการให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก "ถ้าคุณสามาถดื่มน้ำเค็ม ซึ่งในความเป็นจริงคุณไม่สามารถดื่มได้ มันมีความปนเปื้อนต่ำมาก"

ในขณะนี้มีน้ำปนเปื้อนจำนวนราว 400 ตัน เกิดขึ้นทุกวันที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ ในการที่จะแก้ปัญหาการกักเก็บน้ำปนเปื้อนนั้น หน่วยงาน IEAE ได้ให้ข้อเสนอในวันพุธ(4)ว่า ควรจะทิ้งน้ำปนเปื้อนลงไปในมหาสมุทรหลังจากที่ลดระดับการปนเปื้อนแล้ว

“ในวิกฤติที่มีน้ำปนเปื้อนเกิดขึ้นมากทุกวัน ทางเทปโกควร...จะหาหลายๆทางเลือกเพื่อการจัดการต่อไปในอนาคต รวมถึงความน่าจะเป็นที่จะทิ้งน้ำปนเปื้อนที่ถูกควบคุมระดับการปนเปื้อนลงในมหาสมุทรภายใต้การจำกัดจำนวนตามที่ได้รับอนุญาต" อ้างจากแถลงการณ์ของ IEAE

ที่ผ่านมาเทปโกได้ใช้ทดสอบกระบวนการทันสมัยที่เรียกว่าALPSในการแยกสารปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีออกจากน้ำยกเว้นตริเตียมที่ปลอดภัยเมื่อเทียบกับสารกัมมันตภาพรังสีอื่น เช่น สตรอนเซียม และ ซีเซียม ซึ่งพบเช่นกันในน้ำปนเปื้อนจากโรงงานไฟฟ้าฟูกุชิมะ

 

ลือหึ่ง! มะกันซุ่มเงียบพัฒนา “โดรนล่องหน” จ่อนำเข้าประจำการปี 2015
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 ธันวาคม 2556 02:06 น.



ลือหึ่ง! มะกันซุ่มเงียบพัฒนา “โดรนล่องหน” จ่อนำเข้าประจำการปี 2015

เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - รายงานล่าสุดชี้กองทัพอากาศสหรัฐฯ กำลังซุ่มพัฒนา “โดรนล่องหน” แบบใหม่ หวังนำอากาศยานรบไร้นักบินที่มีศักยภาพในการหลบเลี่ยงการตรวจจับของเรดาร์ได้ชนิดนี้เข้าประจำการในกองทัพภายในปี 2015

รายงานซึ่งอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวชั้นยอดด้านอุตสาหกรรมทางทหารอย่าง “Aviation Week & Space Technology” นิตยสารรายสัปดาห์เก่าแก่ในเครือบริษัท“เพนตัน มีเดีย” ระบุว่า อากาศยานรบไร้นักบิน (โดรน) แบบล่าสุดซึ่งถูกเรียกว่า “RQ-180” นั้นถูกสร้างโดยทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญของบริษัท “นอร์ธรอพ กรัมแมน” ที่เคยสร้างโดรนรุ่น “โกลบอล ฮอว์ก” และ “X-47B” มาแล้ว

นิตยสารดังกล่าวยังระบุว่า นอร์ธรอพ กรัมแมน ได้รับการว่าจ้างอย่างลับๆ จากทางการสหรัฐฯ ในปี 2008 ให้เป็นผู้พัฒนาโครงการ “โดรนล่องหน” ดังกล่าวที่คาดว่าจะมีมูลค่าของโครงการไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 64,450ล้านบาท)

โดยที่โดรนตัวล่าสุด หรือ “RQ-180” นั้นถูกระบุว่า มีความสามารถในการหลบเลี่ยงการตรวจจับของเรดาร์ และสามารถบินได้ไกลแบบต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงในพื้นที่ที่อยู่ห่างจากฐานกว่า 1,200 ไมล์ทะเลได้

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ขณะนี้ทางกองทัพอากาศสหรัฐฯ กำลังทดสอบโดรนล่องหนอย่างลับๆ ที่ฐานทัพอากาศกรูม เลค ในมลรัฐเนวาดา ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่เคยใช้ทดสอบเครื่องบินสอดแนม “U2” ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1950 โดยเป็นที่คาดว่าอาจมีการนำโดรน RQ-180 เข้าประจำการในกองทัพสหรัฐฯ ภายในปี 2015

 

เซลล์เชื้อเพลิงพกพาเติมชีวาให้มือถือ
เวิลด์วาไรตี้ : เซลล์เชื้อเพลิงพกพาเติมชีวาให้มือถือ







จากเทคโนโลยีอวกาศ เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ที่เป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าป้อนให้กับยานอวกาศตั้งแต่สมัยโครงการอพอลโล ของสหรัฐอเมริกา เมื่อราว 40 ปีที่แล้ว ทุกวันนี้ เซลล์เชื้อเพลิงได้รับการพัฒนาจนมีขนาดเล็ก และมีประสิทธิภาพสูง (เมื่อเทียบกับขนาด) ทั้งยังมีราคาลดลงอย่างต่อเนื่องทำให้ในอนาคตอันใกล้นี้ เซลล์เชื้อเพลิง อาจกลายเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าสำรองให้แก่สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือ อุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ของเราๆ ท่านๆ ก็เป็นไปได้
ที่ว่ามานี่ไม่ได้เป็นเรื่องเลื่อนลอยแต่อย่างใด เพราะในปัจจุบันมีผู้ผลิตเซลล์เชื้อเพลิงเพื่อใช้ป้อนพลังงานให้แก่อุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่มาจำหน่ายในตลาดแล้ว เช่น อุปกรณ์ที่เรียกว่า "My FC PowerTrekk" ที่ออกแบบมาสำหรับกลุ่มผู้ใช้ที่ซีเรียสกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะภายในแบตเตอรี่สำรองแทนที่จะมีก้อนแบตเตอรี่ที่เบียดบังพื้นที่เก็บขยะพิษเมื่อเลิกใช้งาน ก็จะมีเซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นแหล่งผลิตพลังงานแทน แต่ผู้ใช้ก็ต้องเป็นคนที่ "ไม่ซีเรียส" เรื่องเงินด้วยเช่นกัน เนื่องจาก เจ้า My FC PowerTrekk นี้มีราคาค่อนข้างแพง
แต่การแข่งขันผลิตแบตเตอรี่สำรองที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงก็ยังไม่ร้างราไป ในเวลานี้ บริษัท อินทิลิเจนท์ เอเนอร์ยี แห่งอังกฤษ ได้ส่งอุปกรณ์ชื่อ Upp (อัพ) ออกจำหน่ายในราคา 200 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,200 บาท) ซึ่งบริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์นี้ให้มีอยู่สองส่วน คือส่วน "พลังงาน" กับส่วน "เครื่องยนต์" โดยในส่วนพลังงานจะบรรจุไว้ด้วยไฮโดรเจน ที่สามารถเติมเข้าไปใหม่ได้ และในส่วนเครื่องยนต์ก็มีเซลล์เชื้อเพลิงที่ทำหน้าที่แปลงไฮโดรเจนให้เป็นพลังงานไฟฟ้าออกมา ขณะที่ผลพลอยได้จากการผลิตไฟฟ้ารูปแบบนี้คือ "ไอน้ำ"
การทำงานของเซลล์เชื้อเพลิงไม่ซับซ้อน แต่กระบวนการผลิตเซลล์เชื้อเพลิงค่อนข้างซับซ้อน เพราะต้องสร้างเซลล์เมมเบรน ที่กรองเฉพาะอิเล็กตรอนจากไฮโดรเจนและออกซิเจน เข้ามาให้พบกันให้จงได้ เพื่อที่อิเล็กตรอนเหล่านั้นจะไหลเวียนในวงจรเกิดเป็นพลังงานไฟฟ้าขึ้นมา
การพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับโทรศัพท์มือถือนั้นยังไม่สิ้นสุดแค่การเป็นแหล่งพลังงานสำรอง แต่นายเฮนรี่ วินนานด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) อินทิลิเจนท์ เอเนอร์ยี บอกว่ากำลังพัฒนาแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงเป็นแหล่งพลังงาน โดยจะอ้างอิงกับระบบการทำงานของซีพียูและแผงวงจรสมาร์ทโฟนในสถาปัตยกรรมของ ARM ผู้ผลิตชิพสำหรับสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลกที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญของอินเทล

 

โสมแดงยืนยัน “อาเขยผู้นำคิม” ถูกปลดฐานคอร์รัปชัน-ซ่องสุมอำนาจท้าทาย “จองอึน”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 ธันวาคม 2556 10:12 น.



โสมแดงยืนยัน “อาเขยผู้นำคิม” ถูกปลดฐานคอร์รัปชัน-ซ่องสุมอำนาจท้าทาย “จองอึน”

เอเอฟพี - รัฐบาลเกาหลีเหนือ ยืนยัน จาง ซอง แต๊ก อาเขยผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำ คิม จอง อึน ถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้ว เนื่องจากพยายามสร้างฐานอำนาจแข่งกับหลานชาย อีกทั้งยังมีพฤติกรรมคอร์รัปชัน และคบหญิงไม่เลือกหน้า

จาง ซอง แต๊ก ซึ่งถูกมองว่าเป็นเสมือนผู้สำเร็จราชการแทนหลานชาย ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งด้วยข้อหาอาชญากรรม และรวบรวมสมัครพรรคพวกต่อต้านผู้นำคิม สำนักข่าวเคซีเอ็นเอซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลโสมแดงรายงานวันนี้ (9)

หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จาง ถูกปลดจากตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการกลาโหมแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานกองทัพที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาหลีเหนือ และคนสนิทของเขา 2 ราย ก็ถูกสั่งประหารชีวิตด้วย

คำสั่งปลด จาง ซอง แต๊ก มีขึ้นเพียงไม่ถึง 2 ปี หลังจากที่ คิม จอง อึน ก้าวสู่ตำแหน่งผู้ปกครองรัฐโสมแดงต่อจากบิดา คิม จอง อิล ที่ถึงแก่อสัญกรรมด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อปลายปี 2011

จาง ซึ่งเป็นสามีของ คิม คยอง-ฮี น้องสาวแท้ๆ ของอดีตผู้นำ คิม จอง อิล ถูกมองว่าเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ฐานอำนาจของ คิม จอง อึน แข็งแกร่ง ในช่วงที่เกาหลีเหนือเพิ่งผลัดเปลี่ยนผู้นำคนใหม่

จาง มักจะถูกเอ่ยถึงในฐานะ “ผู้นำเบอร์สอง” ของเกาหลีเหนือ และเป็นคนกุมอำนาจที่แท้จริงอยู่เบื้องหลังหลานชายซึ่งมีอายุราวๆ 30 ปีเท่านั้น

เคซีเอ็นเอ รายงานว่า พรรคแรงงานเกาหลี “ตัดสินใจขับไล่ จาง และพรรคพวกของเขา เนื่องจากไม่สามารถทนดูพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ได้อีกต่อไป” และยังกล่าวหาว่า จาง “มีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม” กับผู้หญิงหลายคน ตลอดจน “เสพติดชีวิตแบบทุนนิยม”

“เขาใช้ยาเสพติด และยังนำเงินสกุลต่างชาติไปเล่นกาสิโน ระหว่างเดินทางไปรักษาอาการป่วยที่ต่างประเทศ ภายใต้การดูแลของพรรคแรงงานเกาหลี”

จาง ยังถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมบ่อนทำลายอีกหลายอย่าง รวมถึงการนำทรัพยากรของโรงงานผลิตเหล็ก และปุ๋ยของรัฐบาลไปขายต่อในราคาถูกๆ “ทำให้ระบบการคลังของรัฐบาลเสียหาย”

จาง ซอง แต๊ก เคยถูกส่งไปใช้แรงงานในโรงงานถลุงเหล็กกล้าเมื่อปี 2004 เนื่องจากต้องสงสัยว่ามีพฤติกรรมคอร์รัปชัน ทว่า อีก 1 ปีต่อมา เขาก็กลับมาดำรงตำแหน่งในพรรคแรงงานอีกครั้ง และเริ่มสร้างอิทธิพลของตนเอง นับตั้งแต่ คิม จอง อิล ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบในปี 2008

จาง ได้รับตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการกลาโหมแห่งชาติในปี 2010

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า จาง พ่ายแพ้เกมอำนาจให้แก่ โช รยอง-แฮ นายพลคนสนิทของ คิม จอง อึน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกรมการเมืองแห่งกองทัพประชาชนเกาหลีเหนือ และเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โช ยังได้เป็นผู้แทนนำจดหมายของ คิม จอง อึน ไปมอบแก่ประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ที่กรุงปักกิ่งด้วย

โสมแดงยืนยัน “อาเขยผู้นำคิม” ถูกปลดฐานคอร์รัปชัน-ซ่องสุมอำนาจท้าทาย “จองอึน”

 

สืบจากอุนจิเจ้าของน้องหมาดิ้นไม่หลุด
เวิลด์วาไรตี้ : สืบจากอุนจิ เจ้าของน้องหมาดิ้นไม่หลุด



สุนัขของเพื่อนบ้านในละแวกถ่ายไม่เป็นที่เป็นทาง เป็นปัญหาที่น่าโมโหและอึดอัดใจเป็นที่สุด เมื่อเจ้าของไม่รับผิดชอบและไม่รู้สึกรู้สาว่าสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่นเพียงใด เช่นเดียวกับผู้จัดการหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในย่านเดวอน วู้ด เมืองเบรนทรี รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ที่ได้รับคำร้องเรียนบ่อยครั้งกับปัญหาอุนจิน้องหมาตามสนามหญ้า ทางเดิน ลิฟต์และพื้นที่ส่วนรวม บนพื้นที่ที่ต้องดูแลจัดการทั้งหมด 975 ไร่แห่งนี้ แต่ล่าสุด ปัญหาที่ดูเหมือนไร้ทางออกมานาน มาถึงจุดเปลี่ยนเสียทีด้วยการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ที่ให้ผลทันใจ
บาร์บารา แคนสกี้ ผู้จัดการหมู่บ้านขนาด 398 ยูนิต เผยว่านับจากเริ่มนำระบบมอนิเตอร์ดีเอ็นเอมาใช้ ปรากฏว่าขณะนี้ ไม่พบมูลสุนัขแล้ว
ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการเตือนดีๆ อย่างสุภาพ ส่งจดหมาย ติดประกาศ ไม่ทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงหันมาเคารพกฎของอาคารที่กำหนดไว้ ว่าเจ้าของจะต้องทำความสะอาดสิ่งที่สัตว์เลี้ยงของตนทำเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไว้ ขนาดบางครั้งมีคนเห็นกับตา แต่เมื่อเตือนไป เจ้าของบอกว่า ไหนล่ะหลักฐาน
แคนสกี้จึงลองค้นหาวิธีการใหม่ๆ ทางออนไลน์ และก็พบบริษัทชื่อ ไบโอเพ็ต เว็ท แล็บ ในเมืองนอกซ์วิลล์ รัฐเทนเนสซี ที่เชี่ยวชาญในการตรวจดีเอ็นเอจากมูลสุนัข ซึ่งจะตัดสินได้ว่าเป็นผลงานของตัวไหน
เอริค เมเยอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของไบโอเพ็ต กล่าวว่า บริการที่เรียกว่า "พูปรินท์" (PooPrint) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เริ่มขยายทั่วสหรัฐ แคนาดา อิสราเอลและสิงคโปร์ในเวลาเพียงสองปี จนต้องเพิ่มทีมงานนักวิทยาศาสตร์เพื่อรองรับความต้องการ ขั้นตอนง่ายๆ เริ่มจากลงทะเบียนดีเอ็นเอสุนัขทุกตัวในชุมชนโดยใช้เซลล์กระพุงแก้ม ขั้นที่สองคือเก็บตัวอย่างมูลสุนัข และส่งไปยังห้องแล็บเพื่อจับคู่ดูว่าเป็นฝีมือของตัวไหน
แคนสกี้กำหนดให้เจ้าของสุนัขทุกคนจะต้องอนุญาตให้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอสุนัข โดยเจ้าของจ่ายค่าธรรมเนียมการตรวจเพื่อจัดทำฐานข้อมูลครั้งเดียวราว 1,800 บาท ส่วนการตรวจดีเอ็นเอจากมูลน้องหมา หากพิสูจน์ว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง จะต้องจ่ายค่าปรับ 50 ดอลลาร์บวกค่าปรับอีก 100 ดอลลาร์ จนถึงขณะนี้ ปรากฏว่ามีเจ้าของเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูกจับได้และต้องจ่ายค่าปรับ เพราะพอมีมาตรการปรับและจับได้แบบดิ้นไม่หลุด ทุกคนระวังมากขึ้น เวลานี้ บรรดาผู้พักอาศัยที่นั่นก็สามารถเดินบนสนามหญ้าได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลว่าจะโชคร้ายเหยียบโดนอะไร ... สิ้นสุดกันทีกับคนที่รักแค่สุนัขของตนเองแต่ไม่สนใจเพื่อนบ้าน

--------------------------------------

(เครดิตภาพ : dailytidings)

 

แหล่งน้ำจืดขนาดยักษ์ใต้ทะเล
เวิลด์วาไรตี้ : แหล่งน้ำจืดขนาดยักษ์ใต้ทะเล : โดย...ทีมงานต่างประเทศ



นักวิจัยออสเตรเลียพบแหล่งน้ำจืดขนาดมหึมาอยู่ใต้พื้นมหาสมุทรบริเวณไหล่ทวีประหว่างออสเตรเลีย จีน อเมริกาเหนือ และแอฟริกาใต้ โดยคาดว่าปริมาณอาจมากถึง 5 แสนลูกบาศก์กิโลเมตร

วินเซนต์ โพสต์ จากมหาวิทยาลัยฟลินเดอร์ส ในออสเตรเลีย เผยแพร่ผลศึกษาในวารสารเนเจอร์ ฉบับล่าสุดว่า ปริมาณแหล่งน้ำที่ว่านี้มีมากกว่าหลายร้อยเท่าเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำที่เราขุดจากใต้บาดาลในศตวรรษที่ผ่านมานับจาก ค.ศ. 1900 และขณะที่แหล่งน้ำจืดบนโลกของเรากำลังมีปัญหาขัดสนมากขึ้นเรื่อยๆ การค้นพบแหล่งน้ำที่มีความเค็มต่ำนอกชายฝั่ง จึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น เพราะถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับมนุษย์ที่กำลังแสวงหาหนทางลดผลกระทบจากภัยแล้งและขาดแคลนน้ำ

ยูเอ็น วอเทอร์ หน่วยงานด้านน้ำของสหประชาชาติ ประเมินว่าปริมาณการใช้น้ำขยายตัวเร็วกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรสองเท่าในศตวรรษที่แล้ว เนื่องจากความต้องการน้ำในภาคเกษตรและการผลิตเนื้อสัตว์ ปัจจุบันมีประชากรโลกกว่า 40% ที่อยู่ในสภาพขาดแคลนน้ำ และภายในปี 2030 จะเพิ่มเป็นร้อยละ 47

การวิจัยปริมาณน้ำใต้พื้นทะเลมาจากการรวบรวมผลการวิจัยใต้ทะเล ทั้งที่ทำเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิทยาศาสตร์ หรือสำรวจหาแหล่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน ซึ่งทุกผลการศึกษามีจุดร่วมอย่างหนึ่ง คือการค้นพบน้ำจืดใต้พื้นทะเล

แหล่งน้ำจืดใต้พื้นทะเลก่อตัวมานานหลายล้านปีในอดีต เมื่อระดับน้ำทะเลลดลงและพื้นที่ก่อนเป็นมหาสมุทรในปัจจุบัน ดูดซับน้ำฝนลงไปใต้พื้น เมื่อน้ำแข็งขั้วโลกเริ่มหลอมละลายเมื่อราว 2 หมื่นปีก่อน พื้นที่ดังกล่าวสูญหายไปใต้น้ำแต่ชั้นหินอุ้มน้ำยังคงอยู่โดยมีชั้นดินเหนียวและดินตะกอนคุ้มกัน จะว่าไปก็เปรียบเทียบได้กับแอ่งน้ำทั้งหลายที่โลกพึ่งพาอาศัยเป็นแหล่งทำน้ำดื่ม แต่สิ้นเปลืองน้อยกว่าการน้ำทะเล มาขจัดความเค็ม และนอนว่าการขุดเจาะน้ำจืดใต้สมุทรจะมีราคาแพง อีกทั้งต้องระวังอย่างมากที่จะต้องไม่ให้ชั้นหินอุ้มน้ำที่เป็นตัวป้องกัน
เกิดการปนเปื้อน

---------------------------
(ภาพ ocean จาก Mokslo ir technologijų pasaulis :: www.technologijos.lt)

 

‘นาซา‘ พบร่องรอยทะเลสาปบนดาวอังคาร 11 ธันวาคม 2556



องค์การนาซา พบหลักฐานยืนยันว่า ดาวอังคารเคยมีทะเลสาปน้ำจืด ซึ่งเหมาะสำหรับการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในอดีต

นักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือนาซา เปิดเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการมีอยู่ของแหล่งน้ำจืดบนดาวอังคาร โดยล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า รถหุ่นยนต์"คิวริออซิตี" ที่นาซาส่งขึ้นไปสำรวจดาวอังคาร พบหลักฐานชี้ชัดว่า บริเวณ"เกลเครเตอร์" ซึ่ง"คิวริออซิตี"ร่อนลงจอดตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เคยเป็นทะเลสาปน้ำจืดโบราณที่มีขนาดความกว้าง 5 กิโลเมตร ยาว 50 กิโลเมตร และขนาดของมันอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละช่วงเวลา

จากการวิเคราะห์ตัวอย่างของดิน และตะกอนที่พบในบริเวณดังกล่าวพบว่า ทะเลสาปแห่งนี้ เคยมีอยู่อย่างน้อยเมื่อหลายหมื่นปีที่ผ่านมา หรืออาจยาวนานกว่านั้น โดยตัวอย่างดินที่ "คิวริออซิตี" ขุดขึ้นมาสำรวจจากบริเวณที่เรียกว่า "เยลโลไนฟ์ เบย์" แสดงให้เห็นว่า ทะเลสาปน้ำจืดแห่งนี้เคยมีอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับที่แหล่งน้ำตามส่วนอื่นๆของดาวอังคารเหือดแห้ง หรือมีบ่อน้ำเค็มที่มีฤทธิ์เป็นกรด และไม่เหมาะแก่การใช้ดำรงชีวิตเกิดขึ้นกระจัดกระจายเป็นหย่อมๆ ทั่วดาวเคราะห์ดวงนี้

ในทางตรงกันข้าม นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ทะเลสาปที่เคยเกิดขึ้นบน "เกล เครเตอร์" อาจช่วยสนับสนุนการดำรงชีพของเชื้อจุลินทรีย์ที่มีวงจรชีวิตไม่ซับซ้อนอย่าง "คีโมลิโธออโตทรอป" ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่กัดกินก้อนหินเป็นอาหาร และสามารถพบได้บนพื้นโลกตามถ้ำ หรือรอยแยกของแผ่นเปลือกโลกใต้ท้องทะเล

นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังรายงานด้วยว่า ดินเหนียวที่ก่อตัวขึ้นในจุดที่เคยเป็นแหล่งน้ำบนดาวอังคาร มีอายุน้อยกว่าที่เคยคาดกันไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการขยายช่วงเวลาความเป็นไปได้ที่ดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้เคยมีสภาพเหมาะสมกับการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต

ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาที่ได้จากยานสำรวจ และรถสำรวจดาวอังคารก่อนหน้านี้ของนาซา ยังพบหลักฐานที่มีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้นว่า ในอดีตที่ผ่านมา ดาวอังคารเคยมีสภาพอากาศที่อบอุ่น และเปียกชื้นคล้ายกับสภาพอากาศบนโลกมากกว่าสภาพแวดล้อมบนดาวอังคารแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
‘นาซา‘ พบร่องรอยทะเลสาปบนดาวอังคาร
รูปภาพ : ‘นาซา‘ พบร่องรอยทะเลสาปบนดาวอังคาร 11 ธันวาคม 2556

องค์การนาซา พบหลักฐานยืนยันว่า ดาวอังคารเคยมีทะเลสาปน้ำจืด ซึ่งเหมาะสำหรับการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในอดีต

นักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือนาซา เปิดเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการมีอยู่ของแหล่งน้ำจืดบนดาวอังคาร โดยล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า รถหุ่นยนต์"คิวริออซิตี" ที่นาซาส่งขึ้นไปสำรวจดาวอังคาร พบหลักฐานชี้ชัดว่า บริเวณ"เกลเครเตอร์" ซึ่ง"คิวริออซิตี"ร่อนลงจอดตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เคยเป็นทะเลสาปน้ำจืดโบราณที่มีขนาดความกว้าง 5 กิโลเมตร ยาว 50 กิโลเมตร และขนาดของมันอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละช่วงเวลา

จากการวิเคราะห์ตัวอย่างของดิน และตะกอนที่พบในบริเวณดังกล่าวพบว่า ทะเลสาปแห่งนี้ เคยมีอยู่อย่างน้อยเมื่อหลายหมื่นปีที่ผ่านมา หรืออาจยาวนานกว่านั้น โดยตัวอย่างดินที่ "คิวริออซิตี" ขุดขึ้นมาสำรวจจากบริเวณที่เรียกว่า "เยลโลไนฟ์ เบย์" แสดงให้เห็นว่า ทะเลสาปน้ำจืดแห่งนี้เคยมีอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับที่แหล่งน้ำตามส่วนอื่นๆของดาวอังคารเหือดแห้ง หรือมีบ่อน้ำเค็มที่มีฤทธิ์เป็นกรด และไม่เหมาะแก่การใช้ดำรงชีวิตเกิดขึ้นกระจัดกระจายเป็นหย่อมๆ ทั่วดาวเคราะห์ดวงนี้

ในทางตรงกันข้าม นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ทะเลสาปที่เคยเกิดขึ้นบน "เกล เครเตอร์" อาจช่วยสนับสนุนการดำรงชีพของเชื้อจุลินทรีย์ที่มีวงจรชีวิตไม่ซับซ้อนอย่าง "คีโมลิโธออโตทรอป" ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่กัดกินก้อนหินเป็นอาหาร และสามารถพบได้บนพื้นโลกตามถ้ำ หรือรอยแยกของแผ่นเปลือกโลกใต้ท้องทะเล

นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังรายงานด้วยว่า ดินเหนียวที่ก่อตัวขึ้นในจุดที่เคยเป็นแหล่งน้ำบนดาวอังคาร มีอายุน้อยกว่าที่เคยคาดกันไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการขยายช่วงเวลาความเป็นไปได้ที่ดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้เคยมีสภาพเหมาะสมกับการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต

ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาที่ได้จากยานสำรวจ และรถสำรวจดาวอังคารก่อนหน้านี้ของนาซา ยังพบหลักฐานที่มีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้นว่า ในอดีตที่ผ่านมา ดาวอังคารเคยมีสภาพอากาศที่อบอุ่น และเปียกชื้นคล้ายกับสภาพอากาศบนโลกมากกว่าสภาพแวดล้อมบนดาวอังคารแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
‘นาซา‘ พบร่องรอยทะเลสาปบนดาวอังคาร

 

สถานที่หนาวที่สุดในโลก แอนตรากติกาได้ทำสถิติใหม่อุณหภูมิติดลบถึง 135.8 องศาฟาเรนไฮส์



ทางทิศตะวันออกของแอนตรากติกาได้ทำสถิติใหม่สำหรับความหนาวที่กรัดกร่อนไปุึงวิญญาณ ได้บันทึกไว้ว่าอุณหภูมิน้อยกว่าเลข 0 บน ปรอทถึง 135.8 องศา หรือ ลบ 93.2 องศาเซลเซียส ซึ่งตรงกับข้อมูลจาก the National Snow and Ice Data Center นักวิทยาศาสตร์ได้แสดงความเห็นว่าความหนาวทำให้บาดเจ็บจนถึงลมหายใจ

The coldest place on earth: Antarctica sets new record with minus 135.8F

By Associated Press and Helen Pow
04:55 10 Dec 2013, updated 08:02 10 Dec 2013

East Antarctica has set a new record for 'soul-crushing' cold, recording 135.8 degrees Fahrenheit below zero on the mercury, or minus 93.2 degrees Celsius, according to data from the National Snow and Ice Data Center. Scientists say that is so cold it hurts to breathe.

A new look at NASA satellite data revealed that Earth set a new record for coldest temperature recorded on August 2010, then on July 31 of this year, it came close again, getting to minus 135.3 degrees, again in East Antarctica. The old record had been -128.6 degrees, which is -89.2 degrees Celsius.

With remote-sensing satellites, scientists have found the coldest places on Earth, just off a ridge in the East Antarctic Plateau, as illustrated in this graphic courtesy of NASA released December 9, 2013
Ice scientist Ted Scambos said the new record is '50 degrees colder than anything that has ever been seen in Alaska or Siberia or certainly North Dakota.'

'It's more like you'd see on Mars on a nice summer day in the poles,' Scambos said, from the American Geophysical Union scientific meeting in San Francisco Monday, where he announced the data. 'I'm confident that these pockets are the coldest places on Earth.'

Coldest Temperatures Ever Recorded on Earth strike Antarctica reaching -135.8 | END TIME HEADLINES

 

ช่วงนี้เน็ตผมช้ามากครับ เมื่อวานก็เข้าไม่ได้เลยครับ

เตือนภัย พิบัติโลก



รอชมฝนดาวตกเจมินิดส์ คืนวันที่ 13 ถึงเช้ามืดวันที่ 14 ธันวาคม กันครับ
ไม่จำเป็นต้องดูที่ดอยอินทนนท์ที่เดียวนะครับ สามารถเห็นได้ในทุกภูมิภาคของประเทศที่ท้องฟ้ามืด ไม่มีแสงไฟรบกวน แต่ทุกที่จะมีแสงจันทร์รบกวนนิดนึงครับ

รายละเอียดข้อมูล
สดร. ชวนชมฝนดาวตกเจมินิดส์ พร้อมจัดกิจกรรมนอนนับฝนดาวตกที่ยอดดอยอินทนนท์

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชวนชมฝนดาวตกส่งท้ายปี 2556 ฝนดาวตกเจมินิดส์หรือฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ คืนวันที่ 13 ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 14 ธันวาคม ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สังเกตได้ทุกภูมิภาคในบริเวณที่ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงรบกวน เผยปีนี้ตรงกับดวงจันทร์ 11-12 ค่ำ อาจสังเกตยาก พร้อมจัดกิจกรรมชวนประชาชนนอนนับฝนดาวตกที่ยอดดอยอินทนนท์

ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า “ฝนดาวตกเจมินิดส์” เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 4-17 ธันวาคมของทุกๆ ปี ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการตกสูงสุด ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันที่ 13 ธันวาคม จนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 14 ธันวาคม 2556 ตามเวลาในประเทศไทย ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สูงจากขอบฟ้าประมาณ 30 องศา ระหว่างดาวพอลลักซ์กับดาวคาสเตอร์ในกลุ่มดาวคนคู่ สำหรับปีนี้ดวงจันทร์ไม่เป็นใจให้ชมฝนดาวตกเจมินิดส์เท่าใดนักเนื่องจากเป็นช่วงดวงจันทร์ 11-12 ค่ำ ดวงจันทร์เกือบเต็มดวง แสงสว่างของดวงจันทร์จึงนับเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการสังเกตการณ์ฝนดาวตก ทั้งนี้นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าอาจเห็นดาวตกประมาณ 50-70 ดวงต่อชั่วโมง หลังจากดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้าในเวลา 03.55 น. ของเช้าวันที่ 14 ธันวาคม

ฝนดาวตกเจมินิดส์เกิดจากสายธารเศษฝุ่นของดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน ที่ยังหลงเหลืออยู่ในวงโคจรตัดผ่านวงโคจรของโลกเข้ามาในระบบสุริยะชั้นใน ทำให้เศษฝุ่นของดาวเคราะห์น้อยเหล่านั้นเสียดสีกับชั้นบรรยากาศโลก เกิดการเผาไหม้จนเห็นเป็นแสงสว่างวาบคล้ายลูกไฟวิ่งพาดผ่านท้องฟ้า

โดยปกติแล้วเราสามารถสังเกตเห็นดาวตกได้ในทุกคืนอยู่แล้ว เพียงแต่มีอัตราเฉลี่ยในการตกค่อนข้างน้อย และไม่ได้มีศูนย์การกระจายหรือเรเดียนท์จากจุดเดียวกัน ในทางกลับกันหากสังเกตเห็นดาวตกจำนวนมาก และมีจุดศูนย์กลางการกระจาย ณ จุดเดียวกัน จะเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ฝนดาวตก” สำหรับข้อแนะนำในการชมฝนดาวตกในครั้งนี้ จะสามารถเห็นได้ในทุกภูมิภาคของประเทศ ในบริเวณที่ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงไฟรบกวน จะสังเกตดาวตกมีความสว่างมาก ทั้งนี้วิธีการชมฝนดาวตกให้สบายที่สุด ให้นอนรอชม หรือนั่งบนเก้าอี้ที่สามารถเอนนอนได้ หันศรีษะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ฝนดาวตกเจมินิดส์นั้นมีชื่อเสียงมากในเรื่องของความงดงาม เพราะสังเกตเห็นง่ายกว่าฝนดาวตกลีโอนิดส์ เนื่องจากมีความเร็วไม่มากนักประมาณ 35 กิโลเมตรต่อวินาที ทำให้ง่ายต่อการสังเกตมากกว่าเมื่อเทียบกับฝนดาวตกลีโอนิดส์ที่มีความเร็วถึง 71 กิโลเมตรต่อวินาที เมื่อสังเกตเห็นจึงมีเวลาเพียงพอที่จะชี้ชวนกันให้คนอื่นได้ดูฝนดาวตกได้ นับเป็นเสน่ห์อีกประการหนึ่งของการเฝ้ารอชมฝนดาวตกเจมินิดส์ ดร.ศรัณย์ กล่าว

นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญการถ่ายภาพทางดาราศาสตร์ ได้แนะนำเทคนิคการถ่ายภาพฝนดาวตกว่า “ควรใช้กล้องที่สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ ใช้ความไวแสงสูงๆ ตั้งแต่ ISO 1600 ขึ้นไป เพื่อให้กล้องมีความไวแสงในการบันทึกภาพฝนดาวตก รวมทั้งการตั้งกล้องบนขาตั้งกล้องที่มั่นคง และใช้เลนส์มุมกว้างเพื่อให้สามารถเก็บภาพท้องฟ้าให้ได้กว้างที่สุด โดยหันหน้ากล้องไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นทิศของศูนย์กลางการเกิดของฝนดาวตก บริเวณกลุ่มดาวคนคู่ซึ่งจะเริ่มโผล่ขึ้นจากขอบฟ้าตั้งแต่เวลาประมาณสองทุ่ม ของวันที่ 13 ธันวาคม เป็นต้นไป”

Facebook : www.facebook.com/NARITpage

Call Center กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทร.1313

ข้อมูลจาก สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) - สดร. ชวนชมฝนดาวตกเจมินิดส์ พร้อมจัดกิจกรรม

 

Kaokala Fc
9 ธ.ค. พายุหิมะถล่มสหรัฐ ยกเลิกเที่ยวบินกว่า 2,000 เที่ยว



สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พายุฤดูหนาวที่พัดถล่มบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงถึงจุดเยือกแย็งถึงบริเวณชายฝั่งตะวันออก ขณะที่หิมะที่ตกลงมาอย่างหนักได้ปกคลุมถนนหนทางและทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก โดยมีรายงานหิมะตกลงมาสูงถึง 3-6 นิ้ว ที่รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ก่อนที่หิมะจะปกคลุมไปทั่วกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นหิมะแรกของฤดูหนาวที่เมืองหลวงของสหรัฐ

ขณะที่สำนักงานอากาศแห่งชาติของสหรัฐแจ้งว่า พายุฤดูหนาวยังได้แผ่ขยายไปทางเหนือ และคาดว่าจะทำให้บริเวณชายฝั่งตะวันออกเต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง ตั้งแต่เมืองบัลติมอร์ไปจนถึงตอนเหนือของเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐเมน

นอกจากนี้ พายุหิมะยังทำให้ถนนหนทางและทางหลวงตั้งแต่รัฐเวอร์จิเนียไปจนถึงตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐเพนซิลเวเนียถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างขับรถลดน้อยลง ขณะที่มีรายงานในวันเดียวกันว่า มีการยกเลิกเที่ยวบินไปแล้วกว่า 2,500 เที่ยวบินทั่วประเทศสหรัฐ

พายุหิมะถล่มสหรัฐ ยกเลิกเที่ยวบินกว่า 2 พันเที่ยว : มติชนออนไลน์
รูปภาพ : Kaokala Fc

 

ไขข้อข้องใจ...นักวิจัยไทยเพาะไวรัสมากๆ จะกลายเป็นซอมบี้ไหม?
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 ธันวาคม 2556 08:49 น.



คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ไขข้อข้องใจ...นักวิจัยไทยเพาะไวรัสมากๆ จะกลายเป็นซอมบี้ไหม?
ดร.บรรพท ศิริเดชาดิลก สาธิตขั้นตอนการวิเคราะห์ไวรัส
นักวิจัยไทยใช้เทคนิคใหม่เพาะไวรัสไข้เลือดออกได้ความหลากหลายทางพันธุกรรมมากกว่าเดิมเป็นหมื่นเท่า ปูทางสู่การผลิตวัคซีนป้องกันโรคเขตร้อนที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษา โดยรับทุนจากแคนาดา 3 ล้านเพื่อดำเนินโครงการเป็นเวลา 18 เดือน แต่มีคำถามว่า ไวรัสที่เพาะมามากมายจะทำให้นักวิจัยกลายเป็น “ซอมบี้” ไหม?

หลังจากนำเสนอรายงานเกี่ยวกับงานวิจัยของ ดร.บรรพท ศิริเดชาดิลก นักวิจัยหน่วยปฏิบัติการเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ซึ่งได้รับทุน 3 ล้านบาทจากแกรนด์ชาเลนจ์แคนาดา (Grand Challenge Canada) องค์กรสนับสนุนทุนวิจัยจากแคนาดา เพื่อพัฒนาเชื้อไวรัสเด็งกี่มีชีวิตที่อ่อนฤทธิ์ (live attenuated vaccine approach) ด้วยเทคนิคใหม่เพื่อให้มีความหลากหลายเป็นหมื่นเท่าของเทคนิคเดิม เป็นระยะเวลา 18 เดือน ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ได้รับคำถามว่า ทีมวิจัยจะควบคุมไวรัสเหล่านั้นได้อย่างไร แล้วไวรัสจะแพร่กระจายจนทำให้นักวิจัยในห้องปฏิบัติการกลายเป็นผีดิบหรือไม่?

ทั้งนี้ ดร.บรรพทได้ชี้แจงแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ระหว่างเปิดให้เยี่ยมชมห้องปฏิบัติการของหน่วยปฏิบัติการเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์ ณ โรงพยาบาลศิริราช ว่าการแพร่กระจายของไวรัสเด็งกี่หรือไวรัสไข้เลือดออกนั้นไม่ง่ายเหมือนไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยทีมวิจัยเลี้ยงเชื้อไวรัสในอาหารเหลว ซึ่งการจะติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกได้ต้องมี “ยุง” เป็นพาหะ หรือนักวิจัยฉีดเชื้อไวรัสเข้ากระแสเลือด ส่วนการแพร่กระจายของไวรัสไข้หวัดใหญ่จะเกิดขึ้นง่ายกว่าหากทำให้ไวรัสอยู่ในรูปฝอยละออง หรือสัมผัสสารเหลวที่มีเชื้อไวรัสตามร่างกาย

ดร.บรรพทอธิบายด้วยว่า ปกติเมื่อรับเชื้อไวรัสไข้เลือดออกกลุ่มแรกมักไม่เป็นโรคไข้เลือดออกในทันที เนื่องจากร่างกาย จะสร้างภูมิคุ้มกันไว้ แต่เมื่อรับเชื้อกลุ่มอื่นซ้ำจะทำให้เป็นโรค เนื่องจากไวรัสกลุ่มแรกได้สร้าง “ช่องทางลับ” ที่ลวงภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทั้งนี้ โรคไข้เลือดออกเป็นปัญหาสาธารณสุขของไทยและประเทศในเขตร้อนและร้อนชื้น โดยแต่ละปีมีผู้ติดเชื้อไข้เลือดออกประมาณ 100 ล้านคน และมีประชากรราว 3,000 คนมีวามเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออก โดยมีเชื้อทั้งหมด 4 กลุ่ม และเพิ่งค้นพบเชื้อกลุ่มใหญ่อีกกลุ่ม

(อ่านเพิ่มเติม - นักวิจัยไทยเพาะไวรัสหมื่นสายพันธุ์ ปูทางวัคซีนไข้เลือดออก )

䢢

 

Chemtrail Thailand



iSON - December 15th/16th LAST CALL

เตรียมรับผลกระทบสำหรับ 15 - 16 ธันวาคม 13 โดย NikolaTeslasGhost เตือนให้ระวัง 15 - 16 ธันวาคม 13 จากหลักฐานต่างๆมากมาย
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=oSdiVWSdqEU&feature=share]iSON -- December 15th/16th LAST CALL - YouTube[/ame]

บางอย่างแพลมออกมาจากกลุ่มองค์กรที่รู้ความจริง แต่ยังปกปิด
บางอย่างผ่านเหตุการณ์ที่ทุกคนตรวจสอบได้

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=oSdiVWSdqEU&feature=share]iSON -- December 15th/16th LAST CALL - YouTube[/ame]

iSON -- December 15th/16th LAST CALL
The evidence is OVERWHELMING indicating that we are headed into a time of change...

 

ตฤณ ติน
ข่าวประชาสัมพันธ์ ... ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ยืนยันทุ่นตรวจวัดสึนามิ อีก 2 ตัวใช้งานได้ปกติ ขอให้ประชาชนมั่นใจสามารถเตือนคลื่นสึนามิได้ทันเวลาเเน่นอน

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/U6Ktqx6g1OY?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>