จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

...
.แบบว่าอารมณ์ที่ทำงานนี่แปรปรวนได้ตลอด
.ต้องคอยเตือนจิตให้ความร้อนรุ่มลงบ้าง
..สาธุๆๆ มีอาวุธเยอะจังครับ ขอยืมมั่งนะครับ

 

..สาธุๆๆๆชอบมากเลยครับ

 

..วันนี้ส่งการบ้านแล้วครับ ส่งถึงเช้าวันนี้เลยครับ อิอิ
..ขออนุโมทนาสาธุๆๆๆกับทุกๆท่านที่มีจิตเมตตาสอนนะครับ..
.

 

ฝึกไปเรื่อยๆครับผมเดี๋ยวก็มีอาวุธเหมือนผม

ทำตามที่ครูเกษแนะนำครับเดี๋ยวครูเกษให้อุปกรณ์การสร้างอาวุธ

สู้กับกิเลสเอง

มองดูที่คอมเรามีฝุ่นมาเกาะในเครื่องต้องเอาลมเป่าออกพิจรณาไปเปรียบเหมือนใจเราที่มีกิเลสมาเกาะ

ต้องเอากำลังสมาธิ+สติ+วิปัสสนาเป่าออกไปไม่ให้มันมาเกาะใจเราอีก*+*

 

สาธุกับอัฐิเเม่ของหลวงพ่อเยื้อนที่เเปรสภาพหลังจากการเผากลายเป็นพระธาตุเเก้วใส ข้าพระเจ้าขอกราบสักการะพระอรหันต์ขีณาสวเจ้าผู้พ้นเเล้วจากกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งปวงเเละถึงฝั่งเเห่งพระนิพพานอันเกษม

ลูกขอน้อมกราบพระอัฐิของคุณแม่ของ หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล

แล้วขอกราบอนุญาติเล่าตามที่ลูก ได้ยินได้ฟังจากท่านเล่าถึงการปฏิบัติของโยมมารดาของท่านว่า..ดังนี้

หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล ท่านได้มีเมตตาเล่าถึงการปฏิบัติของโยมมารดาของท่านว่า ท่านเป็นคนธรรมดาสามัญนี่เอง แต่ท่านได้นําคําสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ ท่านเป็นคนที่ไม่ว่าใคร ไม่กล่าวร้ายใคร มีแต่ความรักความสงสาร และเป็นคนนิ่งเฉย คือไม่ตําหนิติใครนั้นเอง...

และเป็นคนชอบทําบุญให้ทาน ท่านไม่เกียจ โกธร โลภ หลง ท่านเป็นผู้มีนํ้าใจงดงาม และก็รักเคารพทุกๆคน เหมือนเป็นพี่น้องของท่านเอง...ท่านกล่าวไว้กับญาติผู้ใกล้ชิด ก่อนท่านจะมรณะ ท่านบอกกับคนนี้ว่า กระดูก ท่านจะกลายเป็นพระธาตุ แล้วก็บอกเหมือนสั่งไว้..แล้วเขาคนนี้ ก็รอพิสูจน์ ว่าจะจริงหรือ

โดยไม่ยอมกลับบ้าน รอจนวันเก็บกระดูกของท่าน พอเขาเห็นเขาก็ตกใจแล้วบอกว่า เป็นจริงๆนั้นคือ โยมมารดาของท่านก็ได้บรรลุธรรมมานานแล้ว ก่อนท่านจะมรณะ แล้วท่านก็รู้ตัวก่อนล่วงหน้าแล้ว จึงได้กล่าวไว้กับคนใกล้ชิดของท่าน แล้วก็ได้เห็นประจักษ์ต่อสายตาของคนทั่วไปด้วยว่า การปฏิบัติไม่ขึ้นอยู่กับเพศ กับวัย แต่ขึ้นอยู่กับใจของท่านๆนี่เอง

แล้วก็ไม่จําเป็นจะไปบวชก็ได้ ท่านก็สามารถบรรลุธรรมได้เหมือนกัน จึงขอนํามากล่าวเพื่อเสริมกําลังใจ สําหรับผู้คิดว่า ท่านไม่ได้บวชเรียนจะไม่สามารถทําสําเร็จได้ เพราะการจะสําเร็จได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความเพียรและความศรัทธาของท่านเอง และท่านก็ต้องมีใจของท่านที่จะต้องเป็นผู้กระทํา ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว อย่างที่ท่านได้กล่าวไว้นั้นเอง...สาธุค่ะ

ภาพและที่มา fb Cr คุณดาวค่ะ สาธุ

 

วันนี้ไปทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์จับภาพพระเต็มกำลังตั้งใจเอาวอคเกอร์กับไม้เท้ามีเจ้าหน้าที่

เป็นตัวแทนสงฆ์มารับตอนของหลุดมืออุทิศให้พ่อระหว่างเดินทางไปอธิษฐานเปิดบุญจากการปฎิบัติ

จิตเกาะพระไว้เหมือนเปิดโรงทานไว้ตลอดเผื่อดวงวิญญานเร่รอน เปรต อสูรกาย สัตว์นรก

ที่ขึ้นมารับบุญกุศลจากญาติของเขาเหล่านั้นเผื่อญาติเขาไม่อุทิศมาให้จะได้ไม่ต้องลงไปลำบาก

พอไปถึงก็เบิกบุญอุทิศบุญให้เทวดารักษาโรงพยาบาล วิญญานเร่รอน เปรต อสูรกาย สัตว์นรก

ระแวกนั้นซ้ำอีกทีและทำบุญหยอดตู้หลายรายการจริงๆแถวตู้ยาวมากถ่ายมาไม่หมดหยอดไปตู้

ละ20บาทและเดินทางไปวัดแถวอ.สามโคก ปทุมธานี ที่มีหลวงพ่อโตองค์ใหญ่สีแดงๆพอไปถึง

เบิกบุญอุุทิศให้เทวดารักษาวัดวิญญานเร่รอน เปรต อสูรกาย สัตว์นรก ระแวกนั้นซ้ำอีก

หยอดตู้ทำบุญหลายรายการ ปิดทองพระ เติมน้ำมันตะเกียง หยอดตู้ชำระหนี้สงฆ์

ทุกอย่างอุทิศให้พ่อหมด ลืมอธิษฐานของตัวเอง5555ทุกอย่างตั้งใจจับภาพพระเต็มกำลัง

ก่อนหยอดรุ้สึกหงุดหงิดคนเยอะจัง ตามดูตามรู้ พิจรณาเกิด ดับ และแวะไปห้างพันธ์ทิพย์

ทำธุระกับแม่ผ่านศูนย์พระ อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าให้ปลดปล่อยวิญญาณที่ถูกกักขัง

ในวัตถุมงคลต่างๆที่ไม่เต็มใจเบิกบุญอุทิศให้เทวดารักษาห้างนี้ วิญญานเร่รอน เปรต อสูรกาย

สัตว์นรก วันนี้วันพระ15ค่ำลอยกระทง ลูกขออธิษฐานจิต น้อมจิตของลูกเอากิเลส ตัณหา

อุปาทาน ใส่กระทง น้อมกายใจถวายแด่องค์สมเด็จพ่อ หลวงพ่อฤาษี ขอให้ลูกเข้าพระนิพพาน

ในชาตินี้ด้วยเถิด

 

​

ทำครบแล้ว ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา...

ขออนุโมทนาสาธุ กับ ดวงจิต ดวงนี้ ที่กำลังเดินตามเส้นทางแสงสว่างของ
พระพุทธองค์ ให้ไปถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ ระหว่างทางที่เดิน อุปสรรค สิ่งยั่วยุ สิ่งเย้ายวนใดๆ ทั้งหลาย ...

ขอเธอจงอย่าสนใจ จงทำตัวเสมือน ม้าที่กำลังลงแข่งขัน ที่ต้องมีผ้าบังตาด้านข้างไว้ เพื่อมิให้จิตวอกแวกต่อสิ่งใดๆ
นอกจากมองตรงไปข้างหน้า มองไปที่เป้าหมายอย่างเดียว...

งานนี้เราไม่ได้แข่งกับใคร แต่เราแข่งกับกิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม ที่มันฝังชิพ ติดแน่นในจิตเรามานานแสนนาน
ถึงเวลาที่จะสลัดสิ่งเหล่านี้ ออกไปจากจิตเธอแล้วสลัดออกไปจากจิตมากเท่าไหร่
จิตก็จะโล่ง โปร่ง เบา สบาย มากเท่านั้น จิตที่เบา ก็ต้องลอยขึ้นที่สูงเท่านั้น ...และที่ๆ สูงที่สุด คือ ที่ไหน? เธอย่อมทราบดี ...

แต่จะไปถึงตรงนั้นได้ ต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างต่อเนื่อง ทำไป ๆ ด้วยใจเป็นกลาง ด้วยการปฏิบัติแบบสำรวมจิต และยังความไม่ประมาทเสมอ ..

มาบัดนี้ เธอมาถูกทางแล้ว...

ขอให้เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย และ ผลการปฏิบัติของตัวเอง

จงทำตัวเป็นน้ำไม่เต็มแก้วเถิด ...แล้วจะเกิดผลดีกับตัวเธอเอง ...

ขอให้ทุกขณะจิตของเธอ จงมีพระพุทธเจ้าอยู่ในจิต มีพระธรรมอยู่ในจิต
และมีพระอริยสงฆ์ หลวงพ่อฤๅษีฯ เป็นที่สุดอยู่ในจิต ตลอดเวลา ...

ขอให้มีสติที่รู้เท่าทัน อารมณ์จิตปัจจุบัน อย่าปล่อยให้อารมณ์จิตตัวเอง มาทำร้ายจิตตัวเอง ...

ขอให้ใช้ประโยชน์จากการทรงสมาธิต่อเนื่อง( ฌานแบบลืมตา หรือ ฌานใช้งาน)ให้ได้มากที่สุด
ด้วยการน้อมนำสิ่งต่างๆที่อยู่ รอบตัวมาคิดวิปัสสนาเข้าหา ตัวเอง พิจารณา สักกายทิษฐิ ให้มากๆ พิจารณา กฏไตรลักษณ์ เสมอๆ ...
นี่คือ ความรู้ที่พระพุทธเจ้ามอบให้เธอ

หน้าที่เธอจงแปลงความรู้นี้ ให้เป็นปัญญาคือเครื่องมือที่ส่องนำทาง หรือ ไฟฉาย สปอร์ทไลท์ เรด้าร์ ...
ก็แล้วแต่กำลังปัญญาของเธอเลือกเอาว่าเธอจะเอาเครื่องมือชนิดไหน?...
ที่จะพาเธอไปให้ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งปวง...นั่นคือ พระนิพพาน

ขอเป็นกำลังใจให้เธอ จงสำเร็จในสิ่งที่เธอปรารถนาจงทุกประการ

ขอโมทนา...

 

​

ทางสายพระนิพพาน

พระนิพพาน แดนนี้เป็นเขตที่รู้เรื่องกันยากมาก เพราะนักปราชญ์สมัยนี้ถือว่า "นิพพานสูญ" กันเป็นประเพณีไปแล้ว
ขอบอกไว้ย่อๆ ว่า คนที่จะถึงพระนิพพานได้นั้นต้องมีความบริสุทธิ์ ๑๐ อย่างคือ

๑) ไม่เมาในตนเองหรือวัตถุต่างๆ ที่คิดว่าเป็นสมบัติของตน รู้สึกเสมอว่าจะต้องตายและพลัดพรากจากของรักของชอบใจแน่นอน ไม่มีอะไรที่จะมาห้ามความตายและความพลัดพรากได้ ทำจิตใจเป็นปกติเมื่อความตายมาถึงหรือเมื่อต้องพลัดพรากจากสิ่งที่ตนรัก

๒) ไม่สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงสอนตามความเป็นจริงว่า ทุกอย่างในโลกนี้ไม่ว่าสิ่งที่มีชีวิตต้องทำลายตนเองลงในเมื่อกาลเวลามาถึง ไม่มีอะไรทรงสภาพเป็นปกติอยู่ได้ ใครทำความดี ความดีก็คุ้มครองให้มีความสุขใจ ใครทำชั่ว ความชั่วจะบันดาลความเดือดร้อนให้ แม้ผู้อื่นยังไม่ลงโทษ ตนเองก็มีความหวาดสะดุ้งเป็นปกติ

๓) รักษาศีลมั่นคง ดำรงจิตอยู่ในศีลเป็นปกติ

๔) ทำลายความใคร่ในกามารมณ์ให้สิ้นไปจากใจ ด้วยอำนาจความรู้ถึงความจริง รู้ว่าความรักเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ ภัยอันตรายที่มีขึ้นแก่ตนเพราะอาศัยความรักเป็นเหตุ

๕) มีจิตใจเต็มไปด้วยความเมตตาปรานี ไม่โกรธไม่จองล้างจองผลาญคิดทำอันตรายใคร ไม่ว่าใครจะแสดงอาการอย่างไร จิตก็ไม่คลายจากความเมตตา

๖) ไม่มัวเมาในรูปฌาน โดยคิดว่าการที่ตนทรงรูปฌานได้นี้ เป็นผู้ถึงที่สุดของความดี เมาฌานจนไม่สนใจความดีที่ตนยังไม่ได้

๗) ไม่มัวเมาในอรูปฌาน โดยคิดว่าความดีเพียงเท่านี้ ยังไม่เป็นทางสิ้นทุกข์

๘) มีอารมณ์เป็นปกติ ไม่คิดถึงเรื่องอารมณ์เหลวไหล มีจิตใจเต็มไปด้วยความหวังดี ไม่ว่าต่อคนหรือสัตว์ ตลอดเวลาที่ตื่นอยู่

๙) ไม่ถือตน ทะนงตน ว่าดีเลิศประเสริฐกว่าใคร มีอารมณ์ใจเป็นปกติ เห็นคน สัตว์ ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของธรรมดาที่จะต้องตายจะต้องสลายไป และมีอารมณ์ไม่หวั่นไหวเมื่อเข้าสังคมสมาคมใดๆ มีอาการเป็นเสมือนว่าสังคมนั้น สมาคมนั้นๆ เป็นกลุ่มของคนที่ต้องตาย ไม่ทำตัวใหญ่หรือเล็กจนน่าเกลียด ทำตนพอเหมาะพอสมควรแก่สมาคมนั้นๆ เรื่องของเขา เขาจะดีจะชั่วก็ตัวของเขา เราช่วยได้เราก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็เฉยไว้ ไม่สนใจที่จะไปเบ่งบารมีทับใคร

๑๐) ตัดความรักความพอใจในโลกีย์วิสัยให้หมด งดอารมณ์อยากดีอยากเด่น ทำอารมณ์เป็นพระพุทธในพระอุโบสถ พระพุทธท่านยิ้มเสมอ ท่านที่จะถึงพระนิพพานต้องยิ้มได้อย่างพระพุทธ ใครจะดีจะชั่วก็ยิ้ม เพราะเห็นเป็นของธรรมดามันหนีไม่ได้ไล่ไม่พ้น เมื่อยังมีตัวตนเป็นคนมันก็ต้องพบอาการอย่างนี้อยู่ ก็สบายใจ ความตายจะมาถึงก็ไม่สะดุ้งหวาดกลัวเพราะรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย มีอารมณ์ใจปกติ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่ผูกพันทรัพย์สินหรือสัตว์หรือบุคคลอื่น เท่านี้ก็ไปพระนิพพานได้

จากหนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

 

"ทำจิตเหมือนผ้าเช็ดเท้า คือไม่ให้จิตมีฤทธิ์มีเดช แผลงฤทธิ์ในตัวเอง
แล้วไปเหยียบย่ำทำลายคนอื่น กระทบกระเทือนคนอื่น นี่เรียกว่า จิตที่มีพิษมีภัย

จิตไม่มีพิษมีภัยก็คือจิตมีธรรม ให้ทำตัวเป็นผู้น้อยต่อผู้อื่นอยู่เสมอ อย่ายกตน ยังไงก็ยอมฟังเสียงผู้อื่นอยู่เสมอ

นี่เรียกว่าผ้าอะไร (ผ้าเช็ดเท้าครับ) เออเหมือนผ้าเช็ดเท้า

ผ้าเช็ดเท้านี่คือทำตัวให้ต่ำ ต่ำเพื่อกราบธรรม ไม่ใช่ต่ำเพื่อกราบมูตรกราบคูถ คือกิเลส

เมื่อทำตัวให้ต่ำ น้อมรับธรรม ๆ แล้วธรรมจะเข้าสู่ใจ จะสูงขึ้นโดยลำดับ ๆ นี่ทำตัวให้ต่ำเพื่อฟังโอวาท เพื่อฟังอรรถฟังธรรม
ซึ่งเป็นธรรมชาติที่สูงอยู่แล้ว แล้วเราจะได้ปฏิบัติตัว

ตามธรรมนั้นๆ เราก็สูงขึ้นไปตามธรรม ๆ นี่เรียกว่าผ้าอะไร (ผ้าเช็ดเท้าครับ) เออ เรียกว่าผ้าเช็ดเท้า ทำตัวให้เป็นทองคำได้ เอาละพอนะ"


หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

Cr...~FB ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ​

 

สาธุขออนุโมทนากับครูดาวจ้ะ แม่นีได้ภาพสวย ๆ ขอองค์สมเด็จพระ

ปฐมมาน้อมกราบในวันนี้ เพระาเป็นวันพระ ที่พระจันทรเต็มดวง คือ ขึ้น ๑๕ ค่ำ

เดือนสิบสอง ประเทศไทยสว่างไสว ด้วยแสงไฟ บูชาพระรัตนตรัยและแสงไฟ

ขอขมาพระแม่โคงคา และขอบพระคุณที่ให้น้ำให้มาได้ใช้ปเป็นระโยชน์หลาย

หลายด้าน ซึ่งเรานั้นจะขาดเสียมิได้ เช่นเดียวกับดิน น้ำ ลมไฟ เป็นสิ่งสำคัญ

อย่างยิ่ง พร้อมกับแสงไฟอันสว่างไสวขอ บูชาพระรัตนตรัย และกราบบูชาพระ

พุทธเจ้าทุกๆพระองค์ โดยความเคารพ ผู้เขียนขอน้อมกราบขอพรให้พระเจ้า

อยู่หัว พระราชินี ตลอดถึงทุกๆพระองค์ จงทรงพระเจริญ และขอให้ประเทศ

ไทยอยู่เย็นเป็นสุขพ้นภัยอันตรายทั้งปวง ขอให้สิ่งร้ายๆนั้นกลายเป็นดี ขอให้

ทุกๆท่านช่วยกันบำรุงรักษาไว้ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัติย์ด้วยเทอญ...

-น้อมกราบองค์สมเด็จองค์พระปฐมและพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์เจ้าค่ะกราบ..

 

กราบขอบพระคุณในคำอธิบายค่ะ

 

กระทงหลงทาง ไชยา มิตรชัย - YouTube​

กระทงหลงทาง..ได้นะ
แต่อย่าให้ใจมันหลงกิเลสตน เดี๋ยวจะหาทางกลับบ้านเก่าไม่เจอ
นิพพาน..น่ะ​

 

เอ...สงสัยท่านนี้จะชอบเรียนบนกระทู้ซะแล้วกระมังค่ะ....เพราะไม่เห็นส่งไปทางเมล์หาครูบ้างเลย...จับเรียนบนกระทู้ซะเลยดีมั้ยเนี่ย...จะได้ให้ครูท่านอื่นๆ ช่วยสับ ช่วยโขกกิเลสให้ด้วยอีกแรง...

 

โอ้ยโดนทวงการบ้านอายหนอ555

ผมส่งไปแล้ววันที่14ไม่มีคอมเม้นกลับมาเดี๋ยวจะcopyส่งนะคร้าบ

 

..วันนี้ส่งการบ้านแล้วนะครับ ลูกศิษใหม่ต้องหมั่นส่ง อิอิ
..อิอิ...
...
..

 

ใช่ครูหนุ่มที่ตอบเมลล์ผมหรือปล่าวครับ

ขอบคุณครับที่ให้ความกระจ่าง

 

ภัยในจิตตนเอง​

อย่าหลงไปตามหาความจริง ภายนอกจิตของตน
ไม่ว่าจะเป็นความจริงของผู้อื่นหรือของโลกก็ตามที เพราะไม่มีทางพบแน่
ถ้าตราบใดเรายังหาธรรมภายในจิตตนไม่เจอ
ดั่งพระตถาคตหรือพระอริยเจ้าทั้งหลายทำเป็นตัวอย่างให้ดูหมดแล้ว

รีบหาธรรมในจิตตนเองให้พบไวๆ มิฉะนั้นแล้ว ยิ่งกว่าภัยพิบัติธรรมชาติอีกนะ
หลายร้อยเท่าเลยทีเดียว เพราะภัยพิบัติอย่างมากมันก็แค่ทำให้เราตาย แค่นั้นเอง

แต่ภัยในจิตนั้นคืออะไร ถ้ามิใช่กิเลสตัณหาฯของตนเองหรอกหรือ
ที่พากายใจเราให้ลำบากจนถึงทุกวันนี้
เราปล่อยให้มันเผาผลาญจิตใจเราอยู่เกือบจะทุกลมหายใจเลยก็ว่าได้

ตราบจนกว่าเราจะแยกจิตออกมาจากทุกสิ่ง
และสุดท้าย จิตเราก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา อีกต่อไป
เราไม่เอาจิตหรือวิญญาณขันธ์ของตนเอง แล้วที่นี้มันจะไปเหลืออะไรอีก
ลองคิดเอากันเองดิ ว่ามันคืออะไร?

ภูทยานฌาน​

​

​

 

อารมณ์จิต @ปัจจุบัน สำคัญไฉน?


ผู้ที่คิดว่าตนเองกำลังปฎิบัติธรรมอยู่นั้น จะต้องตามดูอารมณ์จิตของตนให้ชัดๆในทุกขณะจิตด้วย

พิจารณาธรรมอยู่แต่ในปัจจุบันเท่านั้น ไม่นำอดีตหรืออนาคตมาเกี่ยวข้อง เพราะถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ...

เราไม่ใช่ผู้ปฎิบัติธรรมจริงๆ แต่เป็นการปฎิบัติเพื่อไปในทางโลกเท่านั้นเอง จงเข้าใจไว้ด้วยครับ

ผู้ปฎิบัติธรรมทุกท่านต้องวางกำลังใจให้ดีให้ถูกต้องด้วย เพราะถ้าทำไม่ถูกเดี๋ยวจะเกิดความไม่สมดุลย์เกิดขึ้นก่อน

คือมีปัญหาที่จิตเราไปคิดค้างในบางเรื่องที่มิใช่เรื่องของการปฎิบัติธรรม หรือที่มิใช่เรื่องจิต ให้ตัดออกไปบ้าง

ถ้าไม่อย่างนั้นเหมือนเราไม่ใช่กำลังปฎิบัติธรรม การปฎิบัติเขาให้ละปล่อยวาง โดยเฉพาะอารมณ์จิตให้มาก

แต่เราจะวางไม่ได้เสียทีเดียว เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเรา แต่เป็นหน้าที่ของจิตโดยตรง แต่จิตจะปล่อยวางได้ก็ต้องอาศัยปัญญา

ที่ตนเองกำลังสร้างกันอยู่นี่แหล่ะ จึงคอยหมั่นบอกกับผู้ปฎิบัติตลอดเวลาว่า พยายามทรงสมาธิจิตของแต่ละวันเวลาให้สม่ำเสมอ

การปฎิบัติธรรม มิใช่เน้นเคร่ง แต่เน้นความสม่ำเสมอ การกระทำไปเพื่อมัชฌิมาปฎิปทา ทางสายกลาง

สำหรับการปฎิบัติธรรมนั้นก็คือ สติของเรานี่เอง ทำให้เกิดขึ้นบ่อยๆ เดี๋ยวปัญญาก็จะเกิดขึ้นเอง


ภูทยานฌาน

 

ที่เราอยู่กันนี้ด้วยการอดทน
อดทนต่อกิเลสทั้งหลายนี้
มันก็ดีส่วนหนึ่งเหมือนกัน
แต่อดทนอันนี้ก็เรียกว่าปฏิบัติธรรม ยังไม่เห็นธรรม

ถ้าเราปฏิบัติธรรมจนเห็นธรรมแล้ว
สิ่งที่มันผิดเราก็ละมันได้จริงๆ

อันใดมันเกิดประโยชน์
เราก็ประพฤติอันนั้นให้มันเกิดได้จริงๆ
เมื่อเราเห็นในจิตของเราอย่างนี้เราก็สบาย
ใครจะมาว่าอย่างไรก็ช่าง
เราเชื่อจิตของตนเอง มันไม่วุ่นวาย
จะอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้อย่างนี้


พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
จากหนังสือ ๔๘ พระธรรมเทศนา น.๑๙๐

Cr..FB Motanaboon.com​

 

ปล่อยโคมฯ

ควันหลงจากเทศกาลลอยกระทง

ปล่อยโคม เหมือนปล่อยไฟ ไปเผาบ้านผู้คนอื่นเดือดร้อน
แต่ถ้าเราปล่อยตัวสังขาร ปล่อยความนึกคิด คือ ไม่เอาแล้ว
มิใช่ ปล่อยจิตให้ไหลไปกับสิ่งอื่นๆ

เคยมีพระอริยสงฆ์หลายท่านได้ออกมาเตือนลูกหลาน ว่า..
ให้พากันภาวนา ให้พากันรักษาศีล ให้พากันปฎิบัติธรรม
เพราะมีอยู่หนทางเดียวเท่านั้น ที่พอจะเปลี่ยนแปลงตนให้ดีขึ้นได้
นอกนั้น ไม่มี

โดยเฉพาะ ผู้คนที่เชื่อมั่นตนเองมาก จงพึงระวังให้ดี
เพราะตัวรู้ทางโลก จะเป็นตัวขวางกั้น มิให้ผู้นั้น เจริญในธรรมเท่าที่ควร
ถ้าผู้คนที่ยังไม่รักษาศีล ไม่ปฎิบัติธรรม ธรรมในจิต ก็ไม่ต้องพูดถึง

แต่ถ้าผู้คนที่พากันรักษาศีล ปฎิบัติธรรม จนพบธรรมภายในจิต

สำหรับผู้คนเหล่านี้ มักจะมีบางสิ่ง บางอย่างมาดลจิต ดลใจ
นำพาเรารอดพ้นจากภัยพิบัติต่างๆได้

โมทนาสาธุ