แก้ดวง แก้กรรม ทำอย่างไร ? ตอนที่ ๒

แก้ดวง แก้กรรม ทำอย่างไร ?​

ตอนที่ ๒​

***************************​

เรื่องของ “กรรม” เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และยุ่งยากซับซ้อนมาก เพราะกว่าที่เราจะได้เกิดมาเป็นคน ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม จนเข้าใจถึงแก่นแท้แห่งพระพุทธศาสนานั้น เราต้องผ่านการเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่าง ๆ มากมายหลายร้อย หลายพันชาติหรืออาจจะมากกว่านั้น และแต่ละชาติต่างก็สร้างกรรม ต่างกรรม ต่างวาระกัน ดังนั้น การแก้กรรมให้หมดสิ้นไปเสียทีเดียว ไม่ต้องรับกรรมนั้นต่อไปอีก จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แม้แต่พระอริยสงฆ์ที่บรรลุธรรมขั้นสูงถึงขั้นพระอรหันต์ แม้ชาตินั้นจะเป็นชาติสุดท้ายแล้ว ท่านก็ยังต้องรับกรรมที่ท่านก่อจนหมดเสียก่อน จึงจะเข้าสู่แดน “นิพพาน” ได้
กฎแห่งกรรม เป็น “กฎหมายธรรมชาติ” ที่มีอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าท่านเพียงแต่ค้นพบ และนำมาสั่งสอนมวลสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้เข้าใจและดำรงตนอยู่ในกรอบแห่งศีลธรรมที่ดี คือ ไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อนทุกข์ยาก กฎหมายบ้านเมือง อาจจะมีอายุความเท่านั้นเท่านี้ แต่กฎหมายธรรมชาติไม่มีการหมดอายุความ ไม่สามารถหนีคดี หรือหนีกรรมที่ตนก่อได้ กรรมทุกอย่างที่ได้ทำลงไป ต้องได้รับการชดใช้ เว้นเสียแต่ว่า จะได้รับการ “อโหสิกรรม”จากเจ้ากรรมนายเวรเท่านั้น
อ้าว .. แล้วถ้าอย่างนั้น คนเราก็แก้ดวง หรือแก้กรรมที่ตนก่อเอาไว้ไม่ได้น่ะซิ ? ผมขอยืนยันอีกครั้งหนึ่ง ณ ตรงนี้เลยว่า“แก้ได้” แน่นอน ว่าแต่ว่าท่านทั้งหลายเข้าใจคำว่า “แก้” แค่ไหน? ไม่ใช่ผมดูถูกภูมิปัญญาท่านผู้อ่านนะครับ บางทีคำง่าย ๆ อย่างนี้ คนยังเข้าใจไม่ถูกต้องตรงกันก็มี ยกตัวอย่างเลยดีกว่า หากท่านเจ็บไข้ไม่สบาย ท่านทำอย่างไร ? ไปหาหมอ หายามาทาน ยาที่ว่าเขาเรียกว่า “ยาแก้ไข้” ใช่ไหม ? ครับ บางคนทานเข้าไปแล้ว วันเดียวหาย บางคน หลายวันหาย แต่บางคนไม่หาย แถมบางทียังแพ้ยาตัวนั้นเสียอีก ต้องเปลี่ยนยาตัวใหม่ อะไรที่ทำให้เกิดความแตกต่าง ถ้าคนไม่เข้าใจก็พาลด่าว่า “หมอ” ที่ทำการรักษา หรือจ่ายยาให้เสียอีก ในกรณีที่หาย มีโอกาสเป็นอีกได้หรือไม่ ? ใช่ครับ มีโอกาสเป็นอีก มันไม่หายขาดแน่นอน คงไม่มีใครเป็นไข้หวัดครั้งเดียวในชีวิต แล้วไม่เป็นอีกเลย ก็คนเรามีการเจ็บ การพลัดพราก การสูญเสีย การแก่ชรา และการตายเป็นธรรมดา ไม่มีใครล่วงพ้น หรือหนีพ้นไปได้ จริงไหม ? ครับ
เรื่องของการแก้กรรม ก็เช่นกัน เราแก้ได้ แต่จะให้แก้ชนิดที่เรียกว่า ไม่ต้องรับกรรมนั้นอีก คงทำไม่ได้ เพราะทุกคนเกิดมามีกรรมติดตัวมา และต้องชดใช้กรรมที่ติดมานั้นจนหมดสิ้น หรือได้รับการอโหสิกรรม การแก้กรรมนั้น มีมากมายหลายวิธีแยกแยะกันออกไป แต่สุดท้ายก็มีบทสรุปอยู่ประการเดียว คือ “การแก้กรรม ด้วยการทำความดี” เน้นอีกนิด อย่าเข้าใจว่า “ทำความดี จะสามารถลบล้างความชั่ว” ได้นะครับ ความดีและความชั่ว เหมือน น้ำกับน้ำมัน เข้ากันไม่ได้ ลบล้างกันไม่ได้ แต่การทำความดีนั้น สามารถเป็นเกราะป้องกันตน ไม่ให้ความชั่วเข้ามาครอบงำได้ ,การทำความดีนั้นสามารถ อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร ทำให้เขาพอใจ ค่อยคลายความอาฆาตแค้นพยาบาท และการที่คนเราสร้างกุศลแห่งความดีไว้มาก ๆ จะทำให้เราสามารถยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตายจากโลกนี้ไปก็ไปสู่ภพภูมิที่ดี ที่ห่างไกลจากการทำความชั่ว ทำให้ กรรมชั่วที่เราเคยก่อไว้นั้น ตามไม่ทัน หรือเบาบางลง จนในที่สุดก็อาจจะหมดลงด้วยการอโหสิกรรมต่อกันในที่สุด
แล้วมีไหม ? ที่บางคน ไม่สามารถแก้ไขดวงชะตา หรือ แก้กรรมนั้น ได้เลย มีแน่นอนครับ ? ด้วยเหตุที่ว่าเขาผู้นั้น เป็นคนชั่วช้าสามานย์มาก ทำกรรมหนักไว้มาก ไม่มีสันดานดีในตัวเองเลย มีแต่สันดานดิบเท่านั้น เมื่อถึงคราวที่กรรมตามทัน หรือกำลังจะได้รับผลกรรมที่ก่อ จะมาวิ่งโร่หาวิธีการแก้กรรมนั้น หรือจะหาทางหนีกรรมที่ก่อนั้น เมินเสียเถอะ ไม่มีทางทำได้แน่นอน

​

ดูอย่างพระเทวทัต ซึ่งเป็นคู่เวรคู่กรรมกับพระพุทธองค์ซิครับ ในชาติสุดท้ายที่ร่วมเกิดกับพระพุทธเจ้านั้น ก่อกรรมกับพระพุทธเจ้าอย่างมากมาย เป็นอนันตริยกรรม คือ คิดฆ่าพระพุทธเจ้า ด้วยการกลิ้งก้อนหินใหญ่จากภูเขาคิชกูฌให้ลงมาทับ แต่ไม่สำเร็จ ทำให้พระพุทธเจ้าได้รับบาดเจ็บแค่ห้อเลือดที่เท้า ,จ้างนายขมังธนูยิงพระพุทธเจ้า , ปล่อยช้างนาฬาคีริงให้ทำร้ายพระพุทธเจ้า , ยุยงสงฆ์ให้แตกแยกกัน (ทำสังฆเภท) ด้วยการตั้งตนเป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง ใส่ร้าย ให้ร้ายป้ายสีพระพุทธเจ้ามากมายสารพัด เมื่อแผนการทุกอย่างไม่สำเร็จ มีปากเสียงกับพระคู่หูที่ร่วมขบวนการ ถูกกระทุ้งด้วยเข่าถึงกับกระอักเลือด ป่วยหนัก ใกล้ตาย สำนึกได้ จะเข้าไปหาพระพุทธเจ้า เพื่อกล่าวคำขอขมา และขออโหสิกรรม ซึ่งแน่นอน ถ้าพระเทวทัตเข้าไปหาพระพุทธเจ้าและทำเช่นนั้น ด้วยพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระพุทธองค์ ท่านก็ทรงจะอโหสิกรรมให้ แต่อย่างที่บอกไว้ พระเทวทัตมีแต่สันดานดิบ ไม่มีสันดานดีเลย ไม่ได้ทำกรรมกับพระพุทธเจ้าอย่างเดียว ยังทำกรรมกับพระเจ้าพิมพิสาร กษัตริย์แห่งกรุงราชคฤห์ ด้วยการยุยงให้พระเจ้าอชาตศัตรู พระราชโอรส จับพระเจ้าพิมพิสารพระราชบิดา ไปกักขัง ทรมาน จนกระทั่งถึงแก่ความตายในคุก ดังนั้น พอถึงหน้าเชตวันมหาวิหาร รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว เกิดอยากอาบน้ำขึ้นมา พอก้าวลงจากแคร่เท้าแตะพื้นสระโบกขรณีเท่านั้น พระธรณีก็สูบร่างพระเทวทัตจมลงสู่ใต้พื้นพสุธา ขณะที่ธรณีค่อย ๆ สูบลงไปนั้น พระเทวทัตได้สติ ได้กล่าวคำบูชาพระพุทธเจ้า และขอพระพุทธคุณเป็นที่พึ่งสุดท้าย ด้วยอานิสงส์อันนี้ พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ไว้ว่า เมื่อพระเทวทัตพ้นจากมหาอเวจีนรก ซึ่งใช้เวลาแสนกัปป์แสนกัลป์แล้ว พระเทวทัตจะได้เกิดเป็นมนุษย์ และสามารถบำเพ็ญบารมีจนได้บรรลุเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้
แล้ว “ดวงชะตา” ของคนเรา มาเกี่ยวข้องกับ “กรรม” ที่เราก่อ ได้อย่างไร ? ที่จั่วหัวเรื่องเอาไว้ ว่า "แก้ดวง” “แก้กรรม” นั้น มันเหมือนกันหรืออย่างไร ? ถ้าจะให้ผมตอบข้อนี้ คงยาวนะครับ เพราะผมเคยเขียนเรื่องนี้เอาไว้ยาวถึง ๔ ตอนจบ เคยตีพิมพ์ในเสรีชัยไว้ตั้งแต่ยุคต้น ๆ ที่เขียนคอลัมน์นี้ ในเรื่อง “กฎแห่งกรรม ภายใต้อิทธพลของดวงดาว” ท่านสามารถหาอ่านบทความของผมที่เคยตีพิมพ์ไปแล้วได้ ในเวปไซด์ โดยคลิกที่ชื่อเรื่องตามที่ผมได้ทำ Link เอาไว้ให้
เรื่องของ “ดวงชะตา”ไม่ใช่เรื่องลี้ลับ ซับซ้อนอย่างไร ? เป็นศาสตร์ที่สามารถเรียนรู้ได้ พิสูจน์ได้ และเชื่อถือได้ ขอเพียงแต่ได้ศึกษาจริง และรู้จริงเท่านั้น ผมเคยพูดเสมอว่า“หมอดู ไม่ใช่ ผู้วิเศษ” ใช่ว่าจะรู้เรื่องราวในอนาคตด้วยวิชาโหราศาสตร์แล้ว จะทำให้ไม่มีเรื่องร้าย ๆ หรือเรื่องผิดหวัง ทุกข์ใจเกิดขึ้นกับตนเอง ผมหรือ หมอดูหลายคน มักจะถูกค่อนขอดจากสังคม หรือคนใกล้ชิดเสมอว่า ไม่ดูดวงตัวเองก่อนหรือไง ? ทำไมถึงเจอเรื่องเลวร้ายขึ้นมาได้ บางทีผมก็อารมณ์ดี ก็ตอบให้หายข้องใจ บางทีวุ่น ๆ อยู่ ก็ไม่ตอบ และทำใจ ข่มใจตัวเองไว้ เพราะคิดเสมอว่า แม้แต่พระอรหันต์ท่านยังไม่พ้นกรรมเลย แล้วปุถุชนอย่างเรา จะพ้นกรรมได้อย่างไร ? หลายครั้งทีเดียว ที่ผมพยายามจะเอาชนะดวง หรืออยู่เหนือดวงให้ได้ แต่ก็ทำไม่ได้สักที อย่างดีก็แค่ผ่อนกรรมเท่านั้น ยังไม่สามารถเลี่ยงกรรมตามที่อ่านดวงเอาไว้ล่วงหน้าได้เลย แล้วฉบับหน้า เราจะมาว่ากันต่อ ถึงการแก้ดวง แก้กรรม ทำอย่างไร ? อย่าพลาดนะครับ

ขอบคุณที่มา http://www.lekputo.com/index02/special07_02.ht

 

อนุโมทนา สาธุ ค่ะ
เพิ่งรู้ว่า ทำความดีไม่สามารถลบล้างความชั่วได้ เป็นได้แค่เกราะ