คุณไสย หรือเป็นเพราะกรรม แล้วจะทำใจอยู่กับมันยังไงค่ะ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย เรืองรักข์, 4 พฤศจิกายน 2013.

  1. เรืองรักข์

    เรืองรักข์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +174
    เนื่องด้วยดิฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าเจอคุณไสย เสนียดจัญไรเข้าตัวแน่ ๆ หรือเป็นเพราะว่าวาระกรรม อยากจะรบกวนท่านผู้มีประสบการณ์ หรือท่านผู้เจริญในธรรมมีจิตเมตตา ช่วยชี้ทางออกด้วยเทอญค่ะ

    เริ่มจากดิฉันมีปัญหากับสองสาว โดยคนนึงเป็นลูกพี่ลูกน้อง ฉัน และอีกคนเป็นภรรยาใหม่ของอดีตแฟนฉัน ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า ฉันโดนพวกนี้ด่า เสีย ๆ หายซึ้งมารู้จักน้องสาว ที่เอาข้อความมาให้ดู แต่ดิฉันแค้นมาก ที่พวกมันล้อเล่นถึงบุพการี ว่าสงสารพ่อแม่ ที่ส่งเสียลูกเรียนสูง แต่ลูกมันไม่มีปัญญากิน และทำให้พ่อแม่เสียใจที่มีลูกเหี้ย ๆๆๆ ดิฉันแค้นมาก ด่ากลับสั้น ๆ เมื่อมันลงที่เน๊ต กล้าออนน์ให้ทั่วโลก และมีเพื่อน ๆ ของพวกมันร่วมอ่าน ฉันเลยโพสด่าคืน ว่า สันดานคน และบล๊อคเมล์ทุกอย่างเกี่ยวกับพวกนี้ เพราะไร้สาระที่จะหยาบคายคืนกับคนพาล เพราะทำไม่เป็น
    และมันจริงที่ดิฉัน ไม่มีปัญญาทำกิน และงามหน้าที่คบหาผู้ชายตั้งนาน แต่ไม่ได้แต่งงานกัน ทำให้พ่อแม่อับอายมาก

    และอีกวันถัดมา ดิฉันกำลังนอนหลับพักผ่อนช่วงประมาณบ่าย 3 ครึ่ง ดิฉันก็รู้สึกตัวตื่นเพราะนิ้วเท้าของดิฉันด้านขวาถูกกระตุกอย่างแรง และตามด้วยหัวใจสั่น ๆ เหมือนมีไรตุ๊บตับที่หน้าอก และถูกทิ่มแทงเหมือนเข็มแหลมยาวทั่วร่างกาย ดิฉันนึกรู้ทันทีว่าโดนดี ก็แน่ๆ และดิฉันก็ตั้งสติว่าปวดหนอ ไม่ช่วยไรเลย ใจก็วิ่งวนกระวนกระวาย เจ็บทั้งตัวด้วย และปวดที่ศรีษะมาก เหมือนรู้สึกว่าสมองยุบไปครึ่ง ๆ และหนักหัวมาก
    ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้ผู้อ่านเข้าใจ

    ก็คิดตั้งสติว่าร่างกายไม่ใช่ของเราไม่ใช่ตัวเรา ก็ได้แต่คิด สุดท้ายไม่ไหวแล้ว ได้แต่นอนและตามระลึกรู้ ผ่านไปสักพักค่อยยังชั่ว แต่กระนั้นทั้งวันก็โดนทิ่มอยู่ที่ หัว เท้า อก สลับบนร่างไปมาชั่วคราว แต่เคยเป็นอยู่แล้วอาการโดนทิ่ม เลยแค่รู้ตัว และปลงๆ กับมัน

    พรุ่งนี้ต่อมาก็เป็นอีกอาการเดิมครบทุกอย่างแป๊ะ เริ่มไม่ไหวแล้ว จึงลุกและลงมาจุดธูป 16 ดอก ปักกลางแจ้งขออารธนาแม่พระธรณี แม่พระคง พระยายม พระรัตนตรัย บอกว่าขอคุณความดี อำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์เ ขอพระยามยมช่วยเก็บเสนียดจัญไร หากมีผีวิญญาณติดตัวกับข้าพเจ้า ก็ขอให้เอาตัวไปเทอญ และวันนั้นรู้สึกดีขึ้นจริงๆ เชื่อและศรัทธาขึ้นมาทันที และมีอาการเหมือนโดนแทง แต่เบาบางมากเหมือนแค่รู้สึกไม่เจ็บไรเลย และหายไป

    แต่แล้ว 2-3 วันต่อมาก็เป็นอีกครั้งค่ะ เริ่มที่ศีรษะเหมือนโดนบีบ ให้ปวดมาก และโดนทิ่มแทงอีกละ เราได้แต่ทำใจ แต่วันนี้ดิฉันทนไม่ไหวแล้วค่ะ เพราหากไม่ทำไรก็จะทำไรไม่ได้ การทำงานก็ทำไม่ดี ทำไม่ได้อีก จิตใจดิฉันก็ไม่ปกติ และวันนี้ดิฉันโดนทิ่มแทงที่อวัยวะเพศ เป็นชั่วโมง ได้แต่ปลงและไม่ได้จุดธูปขออีก เพราะเคยขอแล้ว คงเป็นกรรม

    แต่จะทำอย่างดีค่ะ ถึงจะตัดขาด และไม่กลับมาเป็นอีก ไม่ยึดมั่นกับมันพวกนี้ เป็นของต่ำ อวิชชาไม่เจริญ สวดมนต์ก็แล้ว เคยไปวัดปฎิบัติธรรม ก็ไม่พอหรือค่ะ ต้องให้มากมายขนาดไหนจึงจะพอและปลดปล่อยจากทุกข์กาย และใจตรงนี้ได้ ค่ะ
    หรือต้องรับชะตาอย่างนี้จนกว่าจะตายเลยรึเปล่า ดิฉันไม่เข้าใจ ปรึกษาครูบาอาจารย์ ท่านก้อบอกว่าอย่ายึดมั่นถือมั่น เราเคยทำเค้า อดีตชาติ ชาตินี้เราต้องเจอ ....ปวดหัวมาก อย่างนี้เจ็บมาก สักวันนึงดิฉันต้องไม่มีสติแน่เลยค่ะ

    ปรึกษาใครก็ไม่กล้ากลัวที่บ้านจะหาว่าบ้าประสาท ฟุ้งซ่าน เพราะไปวัดก็บ่อย พ่อแม่ก็ทุกข์ใจว่าทำไม และจะไปปรึกษาพวกที่รับดูดวงสะเดาะห์เคราะห์ก็กลัวโดนหลอก ผีซ้ำดำพลอยไปอีก ใครช่วยแนะนำได้ไหมค่ะ เมตตาทีเถอะค่ะ และขอกรุณาอย่ามาซ้ำเติมน่ะค่ะทุกข์มากพอแล้ว หรือชี้นำทางปัญญาทีค่ะ อยากหายเจ็บ หายปวด
     
  2. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,851
    ปรึกษาครูบาอาจารย์ ท่านก้อบอกว่าอย่ายึดมั่นถือมั่น เราเคยทำเค้า อดีตชาติ ชาตินี้เราต้องเจอ

    สวดมนต์ก็แล้ว เคยไปวัดปฎิบัติธรรม

    ปรึกษาใครก็ไม่กล้ากลัวที่บ้านจะหาว่าบ้าประสาท ฟุ้งซ่าน เพราะไปวัดก็บ่อย พ่อแม่ก็ทุกข์ใจว่าทำไม และจะไปปรึกษาพวกที่รับดูดวงสะเดาะห์เคราะห์ก็กลัวโดนหลอก ผีซ้ำดำพลอยไปอีก

    จาก 3 ประโยคนี้แสดงว่าครูบาอาจารย์เป็นพระถูกไหมครับ ไม่ใช่ร่างทรงเนอะ



    แต่แล้ว 2-3 วันต่อมาก็เป็นอีกครั้งค่ะ เริ่มที่ศีรษะเหมือนโดนบีบ ให้ปวดมาก และโดนทิ่มแทงอีกละ เราได้แต่ทำใจ แต่วันนี้ดิฉันทนไม่ไหวแล้วค่ะ เพราหากไม่ทำไรก็จะทำไรไม่ได้ การทำงานก็ทำไม่ดี ทำไม่ได้อีก จิตใจดิฉันก็ไม่ปกติ และวันนี้ดิฉันโดนทิ่มแทงที่อวัยวะเพศ เป็นชั่วโมง ได้แต่ปลงและไม่ได้จุดธูปขออีก เพราะเคยขอแล้ว คงเป็นกรรม

    คงเป็นตามที่ครูอาจารย์ว่าครับ เพราะถ้าเป็นภูติผีปีศาจก็น่าจะหายตั้งแต่จุดธูปแล้ว

    1. หาพระเครื่องติดตัวก็ดีครับ พระแจกฟรีของหลวงตาม้าก็ได้ ไม่เปลืองเงิน
    พระอาจารย์ เล่าว่า สมัยก่อนอาตมาไม่พกเครื่องรางของขลัง คำว่าสมัยก่อนก็คือ เมื่อรับ ยันต์เกราะเพชร มาแล้ว ด้วยความที่เคยฝึก มโนมยิทธิ มาก่อน พอนึกถึงก็เห็นยันต์สว่างอยู่ในท้อง ก็ไปแล้ว...สบาย ไม่ได้พกอะไรอยู่หลายปีเลย จนกระทั่ง หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่า ตัวเรามีโอกาสเผลอได้ ถ้าเผลอสติไม่ได้อาราธนา พระท่านก็ไม่ได้คุ้มครองให้ แล้วท่านก็เล่าเรื่องของ หลวงปู่ปาน ให้ฟัง

    หลวงปู่ปาน มีศัตรูตามจองล้างจองผลาญอยู่ตลอด เพราะเขาหากินทางไสยศาสตร์ ส่วนหลวงปู่ปานรักษาคนที่โดนไสยศาสตร์ เขาก็เลยหากินไม่ได้ เพราะทำแล้วไม่มีประโยชน์ หลวงปู่ท่านแก้ได้หมด เขาก็จ้องเล่นงานหลวงปู่ จนเขาไปได้จังหวะตอนท่านสรงน้ำ ท่านถอดอังสะที่ในกระเป๋ามีพระ แขวนไว้จะสรงน้ำ ท่านล้มทั้งยืนเลย โดนเขาบังฟันเอา ขนาดหลวงปู่ยังโดนเลย..!

    หลวงพ่อท่านบอกว่า ถ้าวาระกรรมมาถึง จะมีจังหวะปลอด ทำให้เราเผลอพอดี ถ้าเราอาราธนาพระท่านคุ้มครอง ถึงเราเผลอสติ พระหรือเทวดาที่ท่านรักษาพระเครื่อง ท่านก็ปกป้องคุ้มครองให้ ดังนั้นโอกาสที่เราเผลอก็มีเหมือนกัน จึงต้องพกไว้บ้าง

    ถาม : ต้องอาราธนาเช้าเย็นหรือเปล่าครับ ?

    ตอบ : อาราธนาเช้าเย็นได้จะปลอดภัย ส่วนอาตมาอาราธนาทุกครั้งที่ขึ้นรถ ขนาดนั้นยังชนมาหลายต่อหลายครั้ง เพียงแต่เป็นการชนที่คนไม่เป็นอะไรสักที ล่าสุดก็เพิ่งอัดเสาจนหน้ารถยุบเป็นสี่เหลี่ยมเลย แต่ก็แปลก ไม่ได้รัดเข็มขัดเลย ตัวโยกแค่นิดเดียวเอง โยกเหมือนเรานั่งโยกเล่น แต่พอลงไปดู โอ้โห...รถยุบเป็นคืบเลย หน้ารถกลายเป็นรูปเสาไปเลย

    มีอยู่ครั้งหนึ่งแยกตึกชัย ต้องให้เขามาช่วยงัดออกจากรถ เพราะออกจากรถไม่ได้ ตอนที่วิ่งมาไฟเขียวอยู่ ต่างคนต่างก็เร่งจะให้พ้นไฟ พอไปถึงกลางสี่แยก ไฟเหลืองขึ้น คันหน้าเบรกหยุดทันที ลักษณะนั้นต่อให้ไฟแดงยังต้องวิ่งตามกัน ๒ - ๓ คัน แต่พอไฟเหลืองขึ้นรถคันหน้าเบรกหยุด คันของอาตมาก็ส่งคันหน้าข้ามแยกไปเลย เขามาสารภาพทีหลังว่า ภรรยาบอกให้เบรก แสดงว่ารักเมียมาก อยากได้เมียใหม่เร็วๆ การเบรกลักษณะนั้นตายมาเยอะแล้ว งวดนั้นโดนค่าซ่อมไป ๑๘,๐๐๐ กว่าบาทเพราะไปชนท้ายเขา

    ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุไม่เคยสนใจว่าตัวเองเป็นอะไร เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าไม่เป็นไรแน่ จะลงไปดูคู่กรณีเขาก่อน ถามเขาก่อนว่าเป็นอะไรไหม ? มีใครบาดเจ็บหรือเปล่า ?

    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๖

    การแก้คุณไสยต่างๆ ด้วยตัวคุณเอง
    http://www.ponboon.com/board/index.php/topic,3002.msg23877.html#msg23877
    http://www.ponboon.com/board/index.php/topic,6073.msg52914.html#msg52914


    2.สร้างบารมีและอุทิศบุญไปเรื่อย ๆ อย่าท้อครับ
    2.1 "เคยไปวัดปฎิบัติธรรม" จากประโยคนี้ ผมสงสัยครับ ว่าอยู่ที่บ้านได้ปฎิบัติธรรมไหมครับ นั่งสมาธิ เดินงกลม ถ้าเอาแค่สวดมนต์ เจ้ากรรมนายเวร อาจยังไม่หน่ำใจ ถ้าสวดมนต์เฉยๆ ขอให้เพิ่มนั่งสมาธิ และเดินจงกลม

    บุญที่เกิดจากสมาธิ เป็นบุญใหญ่มาก ขนาดช่วยสัตว์นรกได้เลย

    ซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า "แม้จะได้อุปสมบทเป็นภิกษุรักษาศีล 227 ข้อ ไม่เคยขาด ไม่ด่างพร้อยมานานถึง 100 ปี ก็ยังได้บุญกุศลน้อยกว่าผู้ที่ทำสมาธิเพียงให้จิตสงบนานเพียงชั่วไก่กระพือปีก ช้างกระดิกหู" คำว่า "จิตสงบ" ในที่นี้หมายถึงจิตที่เป็นอารมณ์เดียวเพียงชั่ววูบ ที่พระท่านเรียกว่า "ขณิกสมาธิ" คือสมาธิเล็กๆ น้อยๆ สมาธิแบบเด็กๆ ที่เพิ่งหัดตั้งไข่ คือหัดยืนแล้วก็ล้มลง แล้วก็ลุกขึ้นยืนใหม่ ซึ่งเป็นอารมณ์จิตที่ยังไม่ตั้งมั่น สงบวูบลงเล็กน้อยแล้วก็รักษาไว้ไม่ได้ ซึ่งยังห่างไกลต่อการที่จิตถึงขั้นเป็นอุปจารสมาธิและฌาน แม้กระนั้นก็ยังมีอานิสงส์มากมายถึงเพียงนี้

    2.2 สงสัยประโยคนี้ "เริ่มที่ศีรษะเหมือนโดนบีบ ให้ปวดมาก และโดนทิ่มแทงอีกละ" กับ "เคยไปวัดปฎิบัติธรรม" ผมสงสัยครับคือการไปวัดปฎิบัติธรรมนี้ ที่ไปเป็นวัดที่เคร่งไหมครับ เพราะส่วนตัวเคยไปหลายวัดบ้างวัดก็เคร่งมาก เอาจริงเอาจังแบบสุดๆ บางวัดก็เรื่อยๆ เปื่อยๆ คราวนี้ถ้าปฎิบัติธรรมแบบจริงจัง จะต้องได้รับทุกข์เวทนามากๆ ไม่ว่าความเจ็บป่วยแบบใด ถ้าเราปล่อยวางเสียแล้ว ความเจ็บนั้นก็จะรบกวนเราไม่ได้ เพราะผมมองดูว่าสองประโยคมันขัดๆ กัน ยิ่งปฎิบัติธรรมไปจนได้ณานแล้วคราวนี้สบายเลย

    3. เคยหาหมอบ้างไหม บางทีต่อให้เป็นโรคเวรโรคกรรม แต่ก็ต้องพึ่งยารักษาโรค เพื่อเป็นการรักษาคู่ขนานกันไป
    ยกตัวอย่างเวลาผมปวดเท้า ผมจะใช้บาล์มนวด และว่าคาถาควบคู่กันไป “ พุทธังเป็นยา ธัมมังรักษา สังฆังหาย ”

    สรุป
    ข้อ 1 แก้คุณไสย
    ข้อ 2 ขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวร
    ข้อ 3 เป็นโรคทางกาย หรือเป็นโรคจิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2013
  3. ooi2211

    ooi2211 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +2,987
    เมื่อวานตอบไปกระทู้หนึ่ง ปัญหาคล้ายกัน ลอกมาให้อ่านอีกครั้งครับ



    สู้กับไสยศาสตร์

    เรื่องของการทำไสยศาสตร์จริง ๆ ไม่น่ากลัว เหตุที่ไม่น่ากลัว เพราะกำลังใจของเขาตั้งใจจะเบียดเบียนคนอื่น ในเมื่อตั้งใจเบียดเบียนคนอื่น เขาจะเข้าไม่ถึงจุดสุดท้ายของสมาธิ เพราะว่าจุดสุดท้ายของตัวสมาธิ จะมีตัวอุเบกขาอยู่ ถ้าตั้งใจจะเบียดเบียนคนอื่น กำลังใจก็ไม่เป็นอุเบกขา

    ถ้าหากว่าเราตั้งใจภาวนาอยู่เป็นปกติ อารมณ์ใจแค่เกินอุปจารสมาธิไปนิดเดียว จะไม่มีไสยศาสตร์อะไรทำอันตรายเราได้เลย แต่ต้องไม่เผลอ

    ถ้าหากแก้กันตามสายของหลวงพ่อ ท่านให้ปลุกยันต์เกราะเพชรขึ้นมา จะสะท้อนไสยศาสตร์กลับไปหมด

    อีกอย่างหนึ่งท่านให้นึกถึงพระพุทธเจ้ามีพระนามว่า "เรวัตตะ" สมัยของท่านจะมีพวกทำไสยศาสตร์เหมือนกัน บางครั้งคนฟังเทศน์อยู่ดิ้นพลาด ๆ กลางศาลาเลยก็มี เพราะฉะนั้น..พระองค์ท่านจะมีความชำนาญในด้านนี้อยู่มาก ท่านแนะนำว่าให้นึกถึงพระพุทธเจ้ามีนามว่า เรวัตตะ แล้วตั้งใจภาวนาว่า "สัมปจิตฉามิ" เมื่อใครกลั่นแกล้งเราก็จะมีอันเป็นไปเอง

    ถ้าเจอวิธีนี้ เขาก็คงเข็ดไปอีกนาน ทำเมื่อไรตัวเองโดน

    สมเด็จพระพุทธเจ้าเรวัตตะทศพลสัมมาสัมพุทธเจ้า "เรวัตโต รติวัทฒโน" ผู้มีราตรีอันเจริญ คือมีสติอยู่เสมอ ราตรีเจริญ อยู่กับสมาธิกันทั้งวันทั้งคืน มีสติอยู่ตลอดเวลา

    พวกบรรดาสำนักต่าง ๆ ที่เขาแก้ไขเรื่องไสยศาสตร์ให้ ก็ไม่ค่อยน่าไว้ใจ เพราะว่าเขาเอาออกได้ เขาก็ใส่คืนได้ บางครั้งจะอยู่ในลักษณะที่ครอบเราเอาไว้ ให้เราหาประโยชน์ให้เขาตลอดไป

    ถาม : อย่างนี้แล้วเราอยากทราบว่าใครทำจะได้ไหมคะ ?
    ตอบ : ต้องถามเขา โดยมารยาทแล้วเขาก็บอกไม่ได้ ที่เขายอมช่วยเราก็ถือว่าเต็มที่แล้ว

    ของพระเราต้องยอมรับกฎของกรรม..ใช่ไหม ? ทางด้านโน้นเขายอมช่วยเรา เขาก็เสี่ยงมากแล้ว ถึงขนาดไปเปิดเผยตัว ถือว่าเป็นการประกาศตัวเป็นศัตรูโดยตรง เดี๋ยวลำบาก

    มีอยู่ครั้งหนึ่งไปหาพระของวัดเขาอ้อ จะเอามาทำน้ำมนต์แก้พวกนี้ พวกทำไสยศาสตร์เขามีความสามารถสูงจริง ๆ ถึงเวลาเราไปช่วยเขาแค่ครั้ง สองครั้ง เขาจะรู้เลยว่าเป็นเรา แล้วต่อไปเขาจะทำใส่เราแทน..!

    ถาม : โดยที่เราไม่ได้ทำคืนเขา ๆ จะทราบเลย ?
    ตอบ : จ้ะ..เขาจะรู้เลย เมื่อเขาทำคนอื่นไม่ได้เพราะเราไปช่วยไว้ เขาก็ทำใส่เราแทน

    อาตมาตั้งใจจะเบี่ยงประเด็น การเอาพระของวัดอื่นมาทำน้ำมนต์ กระแสก็จะเป็นของสำนักนั้น ถึงเวลาเขาจับได้ก็ไปถล่มสำนักนั้นเอง ไม่เกี่ยวกับเรา แต่นั่นขี้โกงไปหน่อย ตั้งแต่เอาพระของสำนักเขาอ้อมา ยังไม่เคยใช้เลย เพราะว่าเรายังพอรับไหว

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔





    ลมเพ-ลมพัด

    ถาม : ทีนี้พวกที่เล่นไสยศาสตร์ พวกอาคมอะไรอย่างนี้จะมีการปล่อยของตามวันพระ ช่วงวันพระเราจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้โดนของที่เขาปล่อย หรือว่าช่วยคนที่ถูกของที่ปล่อยออกมาแล้ว ให้เขาทุเลาลง ?
    ตอบ : แยกเป็น ๒ ประเด็น อันดับแรกก็คือว่า บรรดาหมอไสยศาสตร์ วิชาการเขาเรียกง่าย ๆ ว่า มันร้อน เมื่อมันร้อนถึงเวลาถึงวาระ อย่างเช่น ทุกวันอังคารหรือวันเสาร์ เขาจะต้องทำการปล่อยของนั้นออกไป ถ้าเขาไม่ปล่อยของนั้นออกไป ของนั้นจะเข้าตัวเขาเอง เขาก็ต้องทำพิธีของเขาไป สิ่งทั้งหลายที่เขาปล่อยไปนี้เรียกว่า “ลมเพ-ลมพัด” ถ้าหากว่าใครมีเคราะห์กรรม สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เมื่อไปถึงมันจะกระทบ ทำให้เกิดเสียงดัง อย่างเช่น เหมือนยังกับใครสาดทรายใส่หลังคากราวไปเลย...หรือไม่ก็มีเสียงใครเคาะข้างฝาโป๊กเป๊ก ตุ้บตั้บ

    โบราณถึงได้แนะนำว่า ถ้าได้ยินเสียงอะไรผิดปกติอย่าไปเอ่ยปากทัก ถ้าหากว่าเอ่ยปากทักของดีแค่ไหนก็คุ้มไม่ได้ เหมือนกับเราเป็นเจ้าของบ้านแล้วเราเปิดประตูบ้านให้โจรมันเข้ามา ตำรวจเขาเห็นเจ้าของบ้านเต็มใจต้อนรับ คิดว่าคนรู้จักกันก็ไม่มายุ่งด้วย

    ประเด็นที่สอง ถ้าหากว่าถ้าเรากลัวจะโดนของนั้น อันดับแรกอย่าไปเอ่ยปากทักอะไรง่าย ๆ อันดับที่สอง พยายามภาวนาให้กำลังใจของเราทรงตัว จะได้มีสติอยู่กับตัวเราเสมอ ไม่ตกใจอะไร ถ้าตกใจง่าย ๆ เอ่ยปากทักอะไรขึ้นมา เขาจะเข้าแทรก เข้าสิง เข้าทับได้ หรือว่าจะมีผลให้ร้ายได้ในตอนนั้น

    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่เราว่าจะช่วยคนเหล่านี้ได้อย่างไร ถ้าเขาโดนแล้ว ตัวเราเองถ้ามั่นใจตัวเองว่าเราทรงความดีระดับหนึ่ง เอาแค่ว่าทรงปฐมฌานได้ก็พอ ทรงปฐมฌานตั้งใจทำน้ำมนต์ด้วยความเคารพในคุณพระรัตนตรัย ใช้อิติปิโสฯ ทั้งหมดก็ได้ เอาน้ำมนต์นั้นราด รดหรือให้เขารับประทานก็จะแก้ได้ หรือไม่ก็ไปหาพระที่คุณธรรมพอทรงความดีพอให้ทำน้ำมนต์รดให้ราดให้ ก็สามารถแก้ได้ถอนได้

    ไสยศาสตร์จริง ๆ แล้วไม่น่ากลัว เพราะว่ากำลังใจของเขาเข้าถึงจุดสูงสุดของการภาวนาไม่ได้ เนื่องจากจิตที่มุ่งร้ายต่อผู้อื่น คิดร้ายต่อผู้อื่นทำให้ขาดตัวอุเบกขาในอารมณ์ฌาน ถ้าไม่มีฌานจะเข้าถึงกำลังสูงสุดไม่ได้ เราภาวนาให้กำลังใจทรงตัว แค่เกินอุปจารสมาธินิดหนึ่งไม่ต้องถึงปฐมฌาน ของเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้วแต่อย่าเผลอสติ ถ้าเผลอสติ จะโดนได้

    หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยแนะนำว่า ให้เราภาวนาในตอนเช้าให้กำลังใจทรงตัว แล้วอาราธนาบารมีพระ คือว่ามีพระเครื่องติดตัว ตั้งใจขอบารมีพระให้คุ้มครองเรา ภาวนาให้กำลังทรงตัว แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง จะสามารถป้องกันอันตรายพวกเหล่านี้ได้ทั้งวัน สำคัญอยู่ว่ากำลังใจของเราทรงตัวไหม ? แก้ได้ถ้าสมาธิเราดีพอ ตั้งใจขอบารมีพระทำน้ำมนต์ด้วยตัวเองก็ได้ อิติปิโสฯ ทั้งจบน่ะง่ายที่สุด

    ถาม : ถ้าเราไปช่วยเขาแล้ว กลัวว่าของนั้นจะเข้ามาที่ตัวเรา
    ตอบ : ตอนที่เราช่วยเขาไม่เข้าหรอกเพราะว่าบารมีพระ ถ้าเรายึดมั่นจริง ๆ ของนั้นจะสลายตัวไปเลย แต่พวกท่านทั้งหลายที่เล่นไสยศาสตร์ มักจะรู้ว่าใครเป็นคนช่วย บางทีเขาเลี้ยงผีไว้ด้วย
    ผีฟ้องเขาก็หันมาเล่นงานเราแทน เราเองน่ะโอกาสเผลอมันมี เหมือนคนจ้องขโมยกับคนระวังไม่ให้โดนขโมยของ ให้คนระวังระวังอย่างไรเดี๋ยวก็พลาดจนได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ใช่กรรมอันเนื่อง
    กันมาจริง ๆ ประเภทมาล้มพราด ๆ มาดิ้นอยู่ตรงหน้า อย่าไปยุ่งกับเขาเลย อันตรายเปล่า ๆ

    ถาม : ถ้าเราจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องช่วย มีวิธีที่จะป้องกันตัวเราในระยะยาวอย่างไร ?
    ตอบ : ทำตะกรุดหรือผ้ายันต์ด้วยพุทธมนต์ ถ้าอาราธนาพระสงเคราะห์ได้ก็วิเศษเลย ติดตัวไว้บอกให้อาราธนาทุกวันและอย่าเอาออกจากตัวจะป้องกันได้ ถ้าหมดท่าจริง ๆ ก็พระเครื่อง
    จากสำนักที่เรามั่นใจว่าท่านทำขึ้นมาด้วยคุณพระรัตนตรัยแน่ ๆ บอกให้ติดตัวไว้และอาราธนาทุกวัน ป้องกันได้

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔






    สมาธิทรงตัว ไสยศาสตร์ทำอันตรายไม่ได้

    ถาม : (ถามเรื่องไสยศาสตร์)
    ตอบ : ต้องบอกว่าพอสมาธิเราทรงตัว เขาทำอะไรไม่ได้หรอก เพียงแต่ว่าอย่าเผลอ อย่างน้อย ๆ ต้องมีวัตถุมงคลติดตัวแล้วอาราธนาไว้ทุกวัน สมาธิเรายิ่งทรงตัวมากเท่าไร เขาก็ยิ่งหมดสิทธิ์มากเท่านั้น แต่ช่วงอกุศลกรรมที่เปิดนั้นมีอยู่ ถ้าเผลอก็พลาดได้ ก็คือถ้าเขาไม่จ้องเฉ่งเรา ก็คงไม่โผล่มานานขนาดนั้นหรอก แต่ทำเท่าไรก็ทำไม่ได้ ก็เลยเบื่อไปเอง เห็นไหม..การเป็นคนดีนี่แหละที่ทำให้เขาระลึกถึงเราได้นาน ๆ..!

    สำคัญที่สุดก็คือตัวเราคุ้มครองตัวเราเอง ถ้าสมาธิเราไม่ทรงตัว ก็ต้องอาศัยวัตถุมงคลช่วย ถ้าสมาธิเราทรงตัวก็รักษาตัวเองได้เลย พวกไสยศาสตร์กำลังใจเขาขาดตัวอุเบกขา เพราะจิตมักจะมุ่งร้ายคนอื่น ในเมื่อขาดตัวอุเบกขา สมาธิเขาจะไม่ทรงตัวจริง ๆ แค่ได้เป็นพัก ๆ ได้ชั่วครั้งชั่วคราว เพราะฉะนั้น..ถ้าสมาธิเราทรงตัวได้ เขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก เพียงแต่ว่าอย่าเผลอแล้วกัน ส่วนใหญ่พวกเราไปเผลอตอนไหน ? ตอนกำลังกิน ตอนนอนใกล้จะหลับ ตอนเข้าห้องน้ำห้องส้วม

    สมัยก่อนเวลาจะไปเล่นงานพวกหนังเหนียว เขาก็อาศัยจังหวะพวกนี้แหละ ตอนกำลังกิน ตอนกำลังเข้าห้องน้ำห้องส้วม เขาถือว่าทวารเปิด ก็คืออ้าปากตั้งใจจะรับข้าวเข้าไป ก็กลายเป็นว่าอะไรมาก็ต้องรับเข้าไปด้วย หรือไม่ก็ตอนนอนเคลิ้ม ๆ ใกล้จะหลับ ถ้าสมาธิไม่ทรงตัวสติจะขาด มักโดนตอนนั้นแหละ เพราะฉะนั้น..ให้ภาวนาไว้เป็นปกติ ถึงเวลาเช้าขึ้นมาก็อาราธนาบารมีพระให้ท่านช่วยสงเคราะห์ นึกถึงภาพพระคลุมตัวเราเอาไว้ อันตรายใด ๆ ก็ทำอะไรไม่ได้


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๖






    เสน่ห์ยาแฝด

    ถาม : แล้วอย่างนี้เสน่ห์ยาแฝดก็มีจริงสิคะ ?
    ตอบ : มีจริง ๆ จ้ะ พวกนี้เป็นวิชาชั้นต่ำ แทบจะไม่ได้อยู่ในสายตาของนักปฏิบัติเลย

    นักปฏิบัติแค่ภาวนาให้อารมณ์ใจทรงตัวเป็นปกติ แค่เดินผ่าน บางครั้งก็สลายไปเลย เป็นวิชาการชั้นต่ำจริง ๆ

    แล้วข้อห้ามเขาเยอะมาก ห้ามกินฟัก กินแฟง กินน้ำเต้า กินผักกะเฉด โอ๊ย...ของอร่อยทั้งนั้น สารพัดที่จะห้าม ห้ามลอดใต้ถุนบ้าน ห้ามลอดราวผ้า สมัยนี้ไปอยู่คอนโด ๒๐ ชั้น ลอดไปแล้วกี่ชั้น ? ก็เจ๊งนะสิ

    เพราะฉะนั้น..ของพวกนี้ไม่ต้องไปกลัวเขาหรอก ข้อห้ามเขาเยอะ เสื่อมสลายได้ง่าย แต่ว่าถ้าดวงชะตาของเราตก ส่วนของอกุศลกรรมให้ผล บางครั้งตรงจังหวะ เราก็อาจจะโดนได้เหมือนกัน

    ถ้าโดนเข้า... วิธีแก้ไขก็คือ หาผู้ที่ทรงความดี สามารถทรงฌาน ทรงสมาบัติได้เป็นประจำ ที่เรามั่นใจ จะเป็นพระหรือเป็นฆราวาสก็ได้ ให้เขาทำน้ำมนต์ด้วยพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ คือ อิติปิโสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ขออาราธนาบารมีพระให้ช่วยทำลายไสยศาสตร์ เสร็จแล้วกินหรืออาบก็ได้ ก็จะหาย ฟังดูแล้วก็ง่าย ไม่เห็นจะน่ากลัวเลย

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔





    ถูกทำคุณไสย

    ถาม : รู้จักพี่คนหนึ่งมานานแล้ว เขาค้าขายพวกวัตถุไสยศาสตร์ มีอยู่วันหนึ่งหนูสวดมนต์นั่งสมาธิตอนเช้าแล้วกำลังใจไม่รวมตัว รู้สึกแปลก ๆ จึงพยายามอาราธนาพระเข้ามาไว้ในกาย ขับไล่สิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นออกไป แล้ววันนั้นก็ไปเจอคนที่หนูรู้อยู่ว่าเขายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของไสยศาสตร์ เขาก็เข้ามาทำประมาณทีเล่นทีจริงว่า “นี่ฉันป้ายเสน่ห์เธอนะ” แล้วก็เอาบางอย่างมาป้ายแขน หนูก็รู้สึกว่าเขาตั้งใจทำจริง ๆ ตอนโดนรู้สึกเย็น ๆ แบบโดนยาหม่อง มีวิชาอะไรอย่างนี้ด้วยหรือคะ ?
    ตอบ : มีเยอะแยะไป ถ้าเขาจะทำเราเขาก็ต้องนึกถึงเราก่อน กำลังก็ส่งมาถึง เราภาวนา เมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขาเอาไว้ก็สิ้นเรื่อง

    ถาม : ลักษณะแบบนั้นถ้าเราภาวนาไปเรื่อย ๆ พวกนี้จะทำอันตรายเราได้ไหมครับ ?
    ตอบ : ไม่ได้..ถ้ากำลังใจเราทรงตัวไสยศาสตร์ขนาดไหนก็เข้าไม่ได้ จะได้ก็ตอนที่เราเผลอ เพราะฉะนั้น..พวกนี้เขาจะชอบทำให้เราตกใจ ถ้ากำลังใจเคลื่อนนี่เสร็จเขาเลย ลองสังเกตพวกสะกดจิต เขาจะพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ๆ ถ้าเราจิตนิ่งอยู่กับที่เขาก็จะสะกดเราไม่ได้หรอก ถ้าหากว่าเราไปคิดตามนี่เสร็จเลย ลักษณะเดียวกับไสยศาสตร์ เขาจะทำให้เราเสียสมาธิ คลายออกจากจุดที่เรายึดมั่น แล้วเขาก็จะครอบงำเราได้

    มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งโดนน้ำมันพราย ลักษณะที่ป้ายตัวแบบนี้แหละ แต่โยมผู้หญิงท่านนั้นดวงดีสุด ๆ เลย คือเขาเข้ามาถึงแล้วจับข้อมือถามว่า “น้อง..เวลาเท่าไรแล้ว?” แต่จริง ๆ แล้วเขาป้ายน้ำมันพราย โยมผู้หญิงเขาก้มลงดู ปรากฏว่าโยมเขาแขวนพระรอดอยู่ พระแปะลงบนรอยป้ายพอดี แล้วมีควันขึ้นกลิ่นเหมือนผีตาย เขารู้ตัวทันทีเลยว่าโดน อันนี้ต้องบอกว่าคนดีพระคุ้มจริง ๆ วันนั้นถ้าเขาไม่ห้อยพระนอกเสื้อก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน

    เวลาหลวงพ่อวัดท่าซุงเป่ายันต์เกราะเพชร ท่านจะแนะนำไว้ว่าเพื่อความปลอดภัยให้ปลุกยันต์ทุกวัน ดังนั้น..เรื่องของวัตถุมงคลให้อาราธนาเอาไว้ทุกวัน ถ้าหากว่ากลัวพลาดก็อาราธนาเช้าเย็นไปเลย คาถาอาราธนาของสายหลวงพ่อวัดท่าซุงหลัก ๆ ก็ อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะจงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะอะอุ นี้เถิด อันนี้หลัก ๆ แต่วัตถุมงคลบางชนิดมีคาถากำกับต่างหากเราก็ว่าต่อไป

    ถ้าหากว่าเราปลุกอย่างนี้ไว้ทุกวันก็ปลอดภัยค่อนข้างแน่ แต่อย่าเผลอนะ บางทีเราเผลอถอดออกตอนอาบน้ำ สมัยอาตมาเป็นฆราวาสใส่สร้อยสเตนเลส จะใส่อาบน้ำไปเลย สมัยหลวงปู่ปานท่านยังเคยโดนเลย ท่านเอาพระใส่กระเป๋าอังสะไว้ ตอนนั้นเป็นช่วงของวาระกรรมเปิดพอดี ท่านถอดอังสะแขวนไว้ข้างฝาเพื่อที่จะสรงน้ำ โดนเข้าตอนนั้นหงายท้องเลย องค์ปรมาจารย์ยังโดน แล้วเราจะรอดไหม ? จึงต้องระมัดระวัง อาราธนาพระเอาไว้ทุกวัน

    อาตมาเองรับยันต์เกราะเพชรใหม่ ๆ มองวันไหนก็เห็นยันต์เกราะเพชรสว่างใสอยู่ในท้อง ไปไหนก็ไปตัวเปล่า ลุยกระจาย จนกระทั่งหลวงพ่อท่านบอกไม่ให้ประมาท พกพระเอาไว้บ้าง

    หลวงพ่อท่านเมตตาบอกว่า "ถ้าแกไม่เผลอ กำลังใจทรงตัวอยู่ก็รอด แต่ถ้าวันไหนเผลอแกจะโดน ยันต์เกราะเพชรไม่ได้กันไสยศาสตร์ไม่ให้ทำอันตรายอย่างสิ้นเชิง ถ้าวาระกรรมหนักมา จะกันไม่ให้ตายจากไสยศาสตร์เท่านั้น ต้องโดนบ้างเหมือนกัน"

    ท่านเปรียบว่าเหมือนกับคนเขาก่อกองไฟใหญ่เอาไว้ มีวัสดุมากั้นระหว่างเรากับกองไฟ วัสดุนั้นคือยันต์เกราะเพชร ถ้ากองไฟนั้นใหญ่มาก ความร้อนก็ยังผ่านวัสดุมาถึงเราได้ แต่ว่าเปลวไฟไม่สามารถที่จะทำอันตรายเราได้ ดังนั้น..วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือภาวนาไว้ทั้งวัน..!

    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๔





    "สัมปจิตฉามิ" คาถาอภิญญา , สะท้อนกลับ
    "เมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา" คาถามหาสะท้อน
     
  4. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    เคยท่องคาถามงกุฎพระพุทธเจ้ามั้ย
    http://www.oknation.net/blog/Kananun/2009/04/28/entry-1
    เคล็ดก็ตามนั้น (แต่ถูกหรือเปล่าเราคงตอบให้ไม่ได้ แต่เราก็ทำตามนั้น แต่ทำตอนนั่งสมาธิ พอค่อยข้างนิ่งแล้ว) นะโม 3 จบก่อน
    " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิอิโสตัง พุทธปิติอิ "


    เวลาอาการขึ้นให้ท่องแบบสวดบ่นๆ นะค่ะ จนกว่าอาการจะหายไป ถ้าได้เจริญสติก่อนหรือ ไม่ไหวแค่อานาปานสติก็น่าจะพอได้ (แต่เราไม่ทราบนะค่ะว่าช่วยได้แค่ไหน แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย)
    ส่วนเรื่องน้ำมนต์ เคยได้ยินญาติธรรมบางคนเขาก็ใช้ได้ เอามาอาบ หรือดื่ม (วัดไหนศักดิ์สิทธิ์ เราก็บอกไม่ได้ค่ะ) แต่ถ้าหนักจริง ๆ อาจจะต้องให้คนเขาออกก่อน

    เคยได้ยินว่า คนที่เขาก่อนเอาของออก เขาก็ท่องก่อนค่ะ เพราะกลัวเข้าตัวล
    แต่ถ้าเป็นกรรมจริงๆ อันนี้ก็คงไม่ทราบค่ะ เพราะมีญาติธรรมคนนึง บารมีเยอะมากๆ มีทั้งเจโต/มโน ฯลฯ ยังไม่พ้นกรรมเหมือนกัน
     
  5. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    เป็นอาการของกรรม
    บางสำนักก็เรียกว่า ออกกรรม
    เวลาปรากฏให้พิจารณาเวทนาไป
    ทนพิจารณาไม่ไหวก็เลิกสนใจ แล้วเข้าสมาธิให้ลึกกว่านั้น
    เอาใจปักแน่นกับลมหายใจเข้าออก
    อย่่าไปขอท่านพระยายมราชเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
    เดี๋ยวจะได้บาปเพิ่ม

    ไปไถ่ชีวิตสัตว์บ่อย ๆ ก็ช่วยได้
    แนะนำปูทะเล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 พฤศจิกายน 2013
  6. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    คุณเรืองรักข์อ่านข้อความของคุณooi2211 หลาย ๆ รอบน่ะครับ ผมก็จะยกตัวอย่างมาให้อ่านแบบเดียวกัน

    และแนะนำให้คุณเรืองรักข์ ไปกราบขอคำปรึกษากับ
    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ วัดท่าขนุน
    ณ บ้านวิริยบารมี ดูน่ะครับ เผื่อท่านจะแนะนำอะไรได้ถูกทาง
     
  7. เรืองรักข์

    เรืองรักข์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +174
    จาก 3 ประโยคนี้แสดงว่าครูบาอาจารย์เป็นพระถูกไหมครับ ไม่ใช่ร่างทรงเนอะ
    ตอบ ค่ะ เป็นพระค่ะ

    1. หาพระเครื่องติดตัวก็ดีครับ




    2.สร้างบารมีและอุทิศบุญไปเรื่อย ๆ อย่าท้อครับ
    2.1 "เคยไปวัดปฎิบัติธรรม" จากประโยคนี้ ผมสงสัยครับ ว่าอยู่ที่บ้านได้ปฎิบัติธรรมไหมครับ นั่งสมาธิ เดินงกลม ถ้าเอาแค่สวดมนต์ เจ้ากรรมนายเวร อาจยังไม่หน่ำใจ ถ้าสวดมนต์เฉยๆ ขอให้เพิ่มนั่งสมาธิ และเดินจงกลม

    ตอบ ไปวัด และนั่งกรรมฐานอยู่ที่วัดค่ะ
    แต่พอไปบ้าน ก็ไม่กล้าทำค่ะ กลัวคนในบ้านตกใจ

    ซึ่

    2.2 สงสัยประโยคนี้ "เริ่มที่ศีรษะเหมือนโดนบีบ ให้ปวดมาก และโดนทิ่มแทงอีกละ" กับ "เคยไปวัดปฎิบัติธรรม" ผมสงสัยครับคือการไปวัดปฎิบัติธรรมนี้ ที่ไปเป็นวัดที่เคร่งไหมครับ

    เคยไปวัดเคร่งค่ะ และปวดเวนาสุด ๆ บ่อยมาก บางครั้งทนจนหมดเวลา และบางครั้งก็ต้องเลิกกลางคัน ค่ะ

    3. เคยหาหมอบ้างไหม
    เคยไปค่ะ แต่เราให้ฟังแค่ปวดศีรษะ อ

    สรุปการทิ่มแทงไม่กล้าเล่าค่ะ เค้าสรุปเพราะความเครียด เลือดก็ปกติ ความดันปกติ ได้แต่ยาทานก่อนนอนค่ะ


    ขอบคุณน่ะค่ะ สาธุค่ะ
     
  8. เรืองรักข์

    เรืองรักข์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +174
     
  9. เรืองรักข์

    เรืองรักข์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +174

    สาธุค่ะ ขอบคุณน่ะค่ะ
    ที่แนะนำว่าเป็น กรรม หากต้องตายเพราะกรรมแล้วหนูไม่กลัวเลย
    แต่หากจะไม่เจริญ และต้องทรมาณจนตายเพราะคนกลั่นแกล้งก็จะไม่ยอมค่ะ
     
  10. เรืองรักข์

    เรืองรักข์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +174
    สาธุ อนุโมทนากับทุกท่าน ที่แนะนำค่ะ
    ขอให้จิตใจปกติสุข กันทุกท่าน และพระคุ้มครองทุกท่านเทอญ

    ขอแก้ไหมที่บอกว่า หากโดนกลั่นแกล้งจะไม่ยอม
    เป็นคำว่า ขออโหสิกรรม ต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง
    และหาก เราเคยล่วงเกินท่านมาก่อน ขอขมาขอกราบแทบเท้าวันทา
    ขอโหสิกรรมด้วยเช่นกัน ขอเลิกแล้วต่อกัน ทุกชาติ ทุกชาติ ทุกชาติ เทอญ . สาธุ..
     
  11. nuttawat_chin

    nuttawat_chin เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2013
    โพสต์:
    3,819
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +550
    มาที่ศาลพระพิฆเณศ แยกห้วยขวางครับ มีห้องให้รักษาครับ
    ของพ่อ สุชาติ รัตนสุขครับ แต่ท่านอาจให้รับกรรมก่อน ถ้าตัวเรามีอยู่ ลองไปปรึกษาดูครับ
    ปกติพ่อจะมาทุกวันพุธ หนึ่งทุ่มขึ้นไป แต่วันอื่น จะมีศิษย์ของท่าน ลองไปปรึกษาดูได้ครับ
     
  12. ธรรมภูมิ

    ธรรมภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +142
    สิ่งที่ผมปรารถนาจะบอก ก็คือ ต้นตอแห่งเหตุปัจจัยทั้งปวง กล่าวคือ คุณไสย หรือ กรรมไม่ดีต่างๆ ที่สามารถส่งผลต่อเราได้ ก็เพราะว่า จิตใจของเราเองนั้นเป็นอกุศล สิ่งไม่ดีเหล่านี้จึงอาศัยอกุศลในจิตเราเป็นตัวผ่าน ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ทั้งทางจิตและทางกายของเราได้ในที่สุด เมื่อทราบถึงเหตุปัจจัยดังกล่าวแล้ว สิ่งที่จะช่วยคุณได้มีเพียงเมตตาจิตอันบริสุทธิ์เป็นกุศลที่สามารถชะล้างอกุศลในจิตเราให้ลดน้อยถอยลงไปได้ ซึ่งสิ่งที่เราได้กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นหลักคำสอนของพระพุทธองค์โดยแท้ ที่แสดงให้เราทุกคนได้เห็นว่า ทำไม “ตนจึงเป็นที่พึ่งแห่งตนเสมอ” ทรงแสดงให้เห็นว่า สิ่งหรือกรรมไม่ดีต่างๆ มันมาสู่กายใจเราได้อย่างไร

    ก่อนอื่น เราต้องรู้จักให้อภัยหรืออโหสิกรรมกับผู้อื่นก่อน มิใช่เพียงแค่พูดว่าอโหสิกรรมแต่จิตใจเรายังโกรธแค้นขุ่นเขืองอยู่ เพราะแท้จริงแล้ว ถ้าจิตใจเราอโหสิกรรมให้ได้จริงๆ แล้ว จิตเราก็จะละปล่อยวางซึ่งอกุศลความเคียดแค้นขุ่นเขืองนั้นได้โดยธรรมชาติของจิต

    ลำดับต่อมา เราก็เพียรพยายามแผ่เมตตาให้กับผู้ที่เราขุ่นเขืองและเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครูบาอาจารย์ของผู้นั้น ไม่นานวันพวกเค้าเหล่านั้นก็จะบังเกิดเมตตาจิต เลิกลาจองเวรไปเอง อย่างเร็วก็เทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครูบาอาจารย์ของเค้าก็จะดลจิตดลใจให้ผู้นั้นคิดได้

    เมื่อจิตเราอโหสิกรรมได้จริงๆ แล้ว เราก็มาเริ่มนึกจับภาพพระให้อยู่ในจิตเราเป็นประจำ เพื่อทำให้จิตเราบังเกิดบุญบารมีสว่างไสวขึ้น เมื่อจับภาพพระได้อย่างชัดเจนจนเคยชิน กำลังจิตหรือกำลังใจของเราก็จะเริ่มเป็นณานขึ้นมา หรือเรียกว่า “ณานจิต” ต่อมา กำลังบุญบารมีและกำลังณานของจิตก็จะเริ่มแผ่รัศมีจากจิตเราสู่กายโดยรอบ เปรียบเสมือนเกราะแก้วคุ้มครองเราได้ และยังมีอีกหนึ่งบุญบารมีใหญ่ที่มาเกื้อหนุนช่วยเหลือ ก็คือ “พุทธบารมี” หรือ “กำลังแห่งพุทธะ” เมื่อพระพุทธองค์ทรงเห็นถึงความเพียรในตัวเราแล้ว ก็ทรงส่งกระแสแห่งพุทธะแผ่ลงมาเกื้อหนุนตามกำลังใจเรา

    อำนาจบุญบารมีใดที่มาจากภายนอกจิตใจตนเองนั้น เป็นอำนาจที่เกื้อหนุนเราได้ไม่ตลอด เนื่องเพราะความไม่มั่นคงในธรรมในจิตตน เพราะเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอำนาจบุญบารมีนั้น ซึ่งวิถีแห่งผู้มีปัญญา จักทำจิตตนให้บริสุทธิ์กลายเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจบุญบารมีนั้น จิตจึงจักสามารถดึงอำนาจบุญบารมีนั้นมาใช้ได้ยามต้องการ ซึ่งบุญบารมีที่พระพุทธองค์ทรงเน้นตรัสสอน หมายถึง บุญบารมีที่เปร่งสว่างจากจิตใจของตนเอง เป็นบุญบารมีที่ช่วยเหลือเกื้อกูลตนเองได้อย่างถาวรแท้จริงในทุกภพชาติจวบจนจิตดวงนี้จักดับสูญ โดยมิใช่บุญบารมีจากภายนอกที่มาเกื้อกูลเพียงชั่วคราว


    ครั้นวิ่งร้องหาใครช่วยเหลือเป็นร้อยพัน สุดท้ายก็ต้องมาจบที่จิตใจตนเองนั้นแล

    กำลังแห่งพุทธะ
    ธรรมภูมิ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2013
  13. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,884
    เป็นกรรมเก่านะ ลองไปพิมพ์บทสวดมนต์แจกดูสิ จะชัดเจน

    แนะนำให้ไปตักบาตร 108 แล้วอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร

    อย่าพยายามโกรธใคร หมั่นปลงเข้าไว้ เอาตัวเองให้รอดพอ
     
  14. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    คาถาจักรพรรดิ์ สายหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า
    ท่านช่วยหมด ไม่มีเว่นแม้แต่คนทำของใส่เราคาถาจักพรรดิ์จะช่วยหมด
    สวดแล้วกำลังใจจะกล้า แกร่ง
    มีสามท่อน

    คาถา ชินปัญชร ไม่รู้ท่านให้พรอะไรไว้ พอสวดครบเก้าจบ
    เหมือนกับว่าได้รับการผ่อนปรน สวดไปเนียะไม่ครบเก้าจบยังไงก็ไม่ได้พร
    พรเก้าจบปุ๊บเรื่องเลวร้ายอย่างไรก็จะได้รับการผ่อนคลาย
    หนึ่งอาสนะ
    ถ้าลุกจากตรงนั้น ต้องภาวนาในใจต่อ จึงจะยังได้พรนั้น

    ถ้าลุกจากที่นั่ง ต้องสวดใหม่อีกเก้าจบเสมอ

    ผมเอาคาถาจักรพรรดิ์ ซึ่งสามารถขอพรปลุกเสกวัตถุมงคลได้
    เอามาปลุกคาถาชิญปัรชรเก้าจบ
    ทำให้ถ้าสวดปลุกกันไปมาซักสองสามรอบ
    คือคาถาจักรพรรด์ หนึ่งรอบ
    ชิยปัญชรเก้าจบ
    คาถาจักรพรรดิ์อีกหนึ่งรอบ
    ซักหลายรอบหน่อย

    บางที่พรที่ถ้าหากสวดคาถาชิญปัญชรเก้าจบที่เปลี่ยนอาสนะแล้วสวดใหม่
    ไม่ต้องต้องสวดใหม่ ท่านจะคุ้มให้เลย หลายชม. หรือ หลายวันแล้วแต่ศีล สมาธิปัญญา

    ประมาณว่าผมสวดคาถาชิญปันชร โดยหมายเอาว่าอาการโดนไสยจะหาย
    ถ้าไม่ถึงเก้าจบไม่หาย
    พอหายแล้วลุกจากอาสนะนั้นอาการไสยที่โดนจะกลับมาใหม่
    ต้องสวดใหม่อีกเก้าจบ

    แต่พอใชคาถาจักรพรรดิ์สายหลวงปู่ดุหลวงตาม้า ที่มีสามท่อนปลุก

    สามารถสวดตรงอาสนะนั้นแล้วสามารถเดินทางไปไหนๆก็ได้
    ยังไม่ต้องสวดคาถาชินปัญชรใหม่อีกเก้าจบ
     
  15. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ไม่ว่าคุณจะต่อต้านไสยด้วยวิธีใด
    นักไสยะที่ทำของใส่คุณปรกติจะสู้

    ถ้าเรามีวิธีการที่ เหมือนมีอานุภาพคล้ายกับ
    สวดคาถาชิญปันชร เก้าจบ แล้วสวดคาถาจักรพรรดิ์ หนึ่งชุดสลับได้

    ให้ไปสู้กับนักไสยะตอนที่ อาการคุ้มครองนั้นยังอยู่

    เช่นท่านสวดคาถาจักพรรดิ์ ที่มีเนีอความ นโมพุทธายะ พระพุทํธไตรรัตนญาณ
    หนึ่งรอบ ตามด้วยชิญปัรชรเก้าจบ
    แล้วก็เชิญพระเข้าตัว สัพเพ พุทธา...
    ตรงนี้สวดเยอะๆ สวดจนใจสบาย
    แล้วก็ปิดด้วย พุทธังอธิษฐานมิ .... อานุภาพของทั้งคาถาชินปัญชรเก้าจบ
    และคาถาจักรพรรดิ์จะแสดงตรงนี้ บางทีไม่ต้องมีวัตถุมงคลติดตัวเลย

    ไปไหนสวดอะไรไม่ทัน ก็สัพเพซักหลายๆจบ
    เอามือจุ่มน้ำดื่ม เอานิ้วชี้ จุ่ม แล้วก็เจิมหน้าผากตัวเอง
    แล้วว่า พุทธังอิษฐามิ... ตอนเนียะอานุภาพจะแสดง

    เอาแป้งละลายน้ำ แล้วเอานิ้วชี้ จุ่ม แล้วจิ้มก็ได้

    ใช้ปลุกคาถาอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องชิญปัญชร

    แต่เวลาสู้กะไสยะ
    ถ้าใช้ชิญปัณชร กะคาถาจักรพรรดิ์ ไม่ถือว่าสู้กัน
    ถือว่าช่วยเพื่อนร่วมทุกข์

    นักไสยที่ซื่อบื้อทำของใส่ซ้ำก็ให้มันโง่ดักดานไป

    เรายิ่งสวดเรายิ่งใจดี ใจฉลาด
    นักไสยะเวทก็ยิ่งโง่ทึบดักดาน
     
  16. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    คราวนี้หมดนี้
    ถ้ายังมีอาการแย่ๆอยู่ ก็เดาว่าไม่ใช่ไสยะแล้ว
    เป็นกรรมเก่า
    ถ้าเป็นกรรมแบบเจ้ากรรมนายเวรไม่มีจิต ไม่มีร่างกาย
    ก็ น้ำมันชาตรีหรือยาหม่องหยดฟ้า

    ถ้ามีจิตหรือมีร่างกายก็
    คาถากรณีญเมตตาสูตร
    จะใช้คาถาจักรพรรดิ์ปลุก กรณียเมตตาสูตรก็ได้ไม่เหนื่อยดี
    คาถาจักรพรรดิ์ใจดี ให้เราใช่บารมีท่าน
    เหมือนไม่ได้เสกเอง
    คาถาจักพรรดิ์เสกให้

    เสกวัตถุมงคลก็ได้ เอานิ้วชี้จุ่มน้ำ แล้วจิ้มลงไปบนวัตถุขณะสวด
    พุทธังอธิษฐานมิ...

    บางคนเก่งๆ แค่เอานิ้งชี้ก็ เสกแล้ว
    บางคนก็แค่ตัวใจกำหนดจิตว่าจะเสก
    แล้วพุทธังอธิษฐามิ ก็สำเร็จแล้ว
     
  17. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ทำ ถ้าสำเร็จ แต่หมอผีจะทำใส่อีก
    อาจจะคุ้มเราได้หลายชั่วโมงทีเดียว
    ให้เวลาเราภาวนาต่อได้

    เวลาของเรามากขึ้นเรื่อยๆ
    เวลาของปมอผีน้อยลงเรื่อยๆ

    เราทำบุญ
    หมอผีทำบาป

    ไม่รู้จะแพ้ให้ไง
    ต่อให้ไงก็ชนะ
     
  18. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    คือ ท่อน อธิษฐานบารมีแผ่
    ที่ว่า พุทธังอทิษฐานมิ..
    ท่านจะอุทิศส่วนกุศลของคาถาจักรพรรดิ์เลย
    เราไม่ทันได้อุทิศของเราด้วย

    ถ้าคนใช้คาถาจักรพรรดิ์มีวัตถุมงคลที่มีอานุภาพมากๆ
    มีรัศมี ระยะทำการกว้างๆ
    บางทีแพ่เกินร้อยเมตร ตอน สวด พุทธังอธิษฐามิ

    กระจุยกระจายกันหมด
     
  19. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    พอสวดคาถาจักรพรรดิ์ กับชิญปัญชรเก้าจบ
    แล้วได้พรแล้วทดสอบว่าลุกจากอาสนะนี้ไปอาสนะโน้น พรก็ยังไม่หมดอานุภาพ

    คราวนี้ก็อาจจะสวดคาถาจักรพรรดิ์ท่อนแรก สล้บกับชิญปัญชร
    ทีละจบ สวดไปสวดมา แทนการเพ่งกสิน
    สวดให้ถึงฌานสี่ไปเลย

    พอเราสวดแล้วอารมร์ใจเริ่มขุ่นเพราะกำลังใจกิเลสตัญหาอุปปาทานจะทำให้ตัวมันและมันขุ่นเอง

    ลองเปลี่ยนมาสวด ท่อนที่สองสัพเพ กำลังใจจะดิ่งลึกกว่าเดิม
    พอดิ่งมากๆ เริ่มเบื่อ ก็ให้พุทธังอธิษฐามิ...

    เหมือนกันปล่อยให้ความต่างศักย์ หรือประจุที่เก็บไว้ ออก
    หมดประจุ

    แล้วก็สวดคาถาจักรพรรดิ์ กับชิญปัญชรเก้าจบใหม่

    เราจะได้รู้ว่าทำไมพร หนะหมดไปได้ไง
    หมดไปเพราะ เราเปลี่ยนอาสนะ
    หมดไปเพราะเราทำศีล ไม่เดินเห็นอนุสติ
    หมดไปเพราะปล่อยประจุ ด้วยพุทธังอธิษฐามิ..
    หมดไปเพราะไสยเวทแทรกแซง
    หมดไปเพราะ...
     
  20. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    เก็บน้ำมันชาตรี
    กับคาถากรณียเมตตาสูตรไว้ในกรณี ร้ายแรงๆ
    เอาไว้เราจะได้รู้ว่าหลุดคาถาที่มีอานุภาพสูง แล้วใช้คาถาจักพรรดิ์ปลุกคาถานั้นอีกที
    หลุด ล้ำหน้ามาได้ไง

    และอย่าไปตั้งใจขอพรอะไรทั้งนั้น
    แม้แต่ขอให้ถอนไสยเวทย์

    สวดแบบเค้ามีเน้อความงี้ตั้งใจว่าจะสวดไม่ให้ผิดก็พอ
    อย่าไปตั้งความหวังอะไรให้คาถาทำเองทั้งหมด

    นี้ไม่ใช่การแก้ไสยเวทย์
    เป็นแค่การเอาคาถาจักพรรดิ์ปลุก คาถาชิญปัญชรอีกที
    หรือเอาคาถาจักพรรดิ์ปลุกวัตถุมงคล หรือคาถาอื่นๆอีกที

    ดูตัวรู้เฉยๆ

    คนทำไสยะ ยิ่งให้ความสำคัญ ยิ่งทำให้ไสยะมีตัว มีตน
    ให้คิดซะว่าไสยะยี้
    เปห็นสิทธิที่ใคร จะทำใส่ใครก็ได้
    และเป็นสอทธิของเราที่เราจะรู้สึกกะไสยะเหล่านี้ไงก็ได้

    วันนี้เราจะใช้ สิทธิ
    ที่จะรู้สึก

    อย่างนี้ แล้วเอานิ้วชี้ จุ่มแป้งเจิม

    อย่างนี้
    สิทธิ
    ที่จะรู้สึก
    อย่างนี้

    นิ้วชี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...