ทิพจักขุญาณฝึกไม่สำเร็จ สงสัยไม่เคยได้มาก่อน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Nirvana_99, 12 ตุลาคม 2013.

  1. Nirvana_99

    Nirvana_99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2012
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +237
    ทิพจักขุญาณฝึกไม่สำเร็จ สงสัยไม่เคยได้มาก่อน
    จะทำอย่างไรดีครับ ฝึกโอทากสิณจะหาคนช่วยสอนอย่างไรดี

    ขอโทษครับ ฝึกแนวมโนมยิทธินะครับ ที่หลวงพ่อฤาษีบอกว่าคนที่เคยได้มาก่อนจะทำได้นะครับ
    ที่ฝึกแนวนี้เพราะหลวงพ่อบอกว่าได้ง่ายกว่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2013
  2. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,332
    พระท่านว่า ยิ่งอยาก ก็จะยิ่งไม่ได้นะคะ
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ทำสมาธิ เป็นเบื้องต้น ให้ได้ก่อน
     
  4. เตหิณรัตน์

    เตหิณรัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +476
    กรรมฐานทุกกอง จะให้คล่องตัวหลวงพ่อบอกว่า ลมหายใจต้องจับเป็นปกติจนยิ่งกว่าความชำนาญคือ วสี เลยนะ ครับ กองลมหายใจเข้าออกคุณคล่องแล้วหรือยังละตั้งแต่ตื่นยันหลับทุกอริยาบท เลยนะ เดินนั่ง นอน กินข้าว คุย ออกกำลังกาย ค่อยๆทำครับ อย่ารีบ อย่าอยากได้ มีหน้าที่อย่างเดียวคือ ทำไปถ้าทำแล้วเสื่อมแล้วได้อย่าคิดมาก อย่าเก็บไปคิดให้รกหัวว่า วันนี้เสื่อม พรุ่งนี้ได้ เมื่อวานดี ฝึกแรกๆ ไม่ทรงตัวหรอกครับ ผมเอง ยังเสื่อมๆได้ๆเลย แต่ไม่นึกเสียใจหรือเก็บไปคิดให้รกสมองนะ ยิ่งเดี่ยวได้เดี่ยวเสื่อม แล้วเก็บไปคิดมันจะฟุ้งซ่าน ยิ่งทำไม่ได้ขึ้นไปใหญ่ เรามีหน้าที่คือทำอย่างเดียว มันจะเดี่ยวได้เดี่ยวเสื่อมช่างหัวมัน ขอให้ทำตลอด ณานโลกีย์มันของทางโลกครับเสื่อมได้เจริญได้เป็นธรรมดาเหมือนสังขาร ขนาดพระอรหันต์ ถ้าไม่ซ้อมไว้ให้ทรงตัวยังเสื่อมจากความชำนาญเลย แต่ของท่านนี้นะเสื่อมไปก็ไม่เท่าไหร่ไม่มากเรียกกลับมาง่ายเพราะท่านเป็นอรหันต์หมดกิเลสแล้ว เรานี้กิเลสท่วมหัวกันเป็นภูเขามหาสมุทร เรื่องเดี่ยวได้เดี่ยวเสื่อมนี้มันของธรรมดาเลย ค่อยๆทำไปครับอย่ารีบ ฝึกกสิณก็อย่าลืมลมหายใจเข้าออกด้วย ลมเข้าออกทำให้ชินเลยครับ ผมเองก็ยังกลับมาทำอยู่ อย่ารีบร้อน ทีละก้าวครับของมันไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ไม่มีอะไรยากเกินพยายามหรอกครับ ถ้าทำแล้วได้ๆเสื่อมๆเหมือนผมนี่อย่าคิดมากนะ ดีซะอีกได้ๆเสื่อมๆบ่อยๆต่อไปได้เห็นข้อผิดพลาดแน่ชัดไปอีกว่าเสื่อมเพราะอะไร เก็บเอาไว้เป็นครูสอนคนอื่นเวลาที่เราเป็นเเล้ว ถ้าเห็นว่าไม่มีวาสนานั้นคิดผิดละครับ เรามีบุญมากด้วยกันทั้งนั้นที่ได้เกิดเจอพระพุทธศาสนา ที่ไม่ได้นี้ไม่ใช่ไม่มีบุญหรอก มันไม่ได้เพราะความเพียรยังไม่ถึงที่สุด เคยได้ยินไหมครับคำนี้ หลวงปู่มั่นจะใช้สอนลูกศิษย์ท่านเสมอๆ ว่า ความเพียรเท่าฝ่ามือกิเลสเท่ามหาสมุทร แล้วแบบนี้มันจะไปได้อะไรกัน ขอเอาโอวาทท่านมาให้กำลังใจคุณนะ อย่างว่าวันนึง 24ชม.ถ้าขยันนั่งซัก3ชมนี่เก่งนะ แต่ที่เหลือ21ชมทิ้งไปไม่สนใจลมเข้าออก ก็สู้คนที่ตื่น16 ชม ดูลมตลอดได้ นอนเเค่8แต่ไม่นั่ง ยังไม่ได้เลยครับ ผมนี่วันไหนคล่องตัวจริงๆนะ เวลาหลับฝัน ก็ฝันไปตามเรื่องนะ แต่ที่น่าแปลกคือ ฝันเเล้วยังไปจับลมเข้าออกต่อในฝัน พอรู้สึกตัวมันก็จับเองเลยเวลาตื่น แต่ของผมอย่างดีใน100เปอเซนต์ของเวลาตื่นยันหลับทุกอริยาบท ตอนนี้จะจับลมได้เเค่80เปอเซนของโดยรวมเท่านั้น จะขาดไปตอนที่คนมาคุยด้วยนานๆ กับตอนที่ต้องวุ่นกับคนอื่นนี้ละ เวลากินข้าวนี้ไม่ยากเท่าไหร่ ผมเองก็ยังได้ยังเสื่อม แต่จะบอกว่าถ้าคุณจับลมทั้งวันนะ เวลานั่งก่อนนอนนี่นะ มันไม่อะไรมากเลยนั่งถึงสงบปั๊ปเลย เพราะมันจับมาเกือบตลอดทั้งวันแล้ว แต่กลับกันพวกที่นั่งทนๆ2-3ชมนี่ พอหมดเวลาเลิกนั่งนะ ทิ้งไม่สนใจละ พอมานั่งอีก กว่าจะสงบได้นี่ต้องใช้เวลาอยู่บ้างถึงพอสมควรเลย ฉะนั้นถ้าคุณฝึกกสิณก็ฝึกไป แต่ลมหายใจเข้าออกอย่าทิ้งนะ สำคัญมากเรื่องนี้หลวงพ่อฤาษีก็เคยบอกไว้ อย่าไปเร่ง อย่ารำคาญหงุดหงิดเวลาทรงตัวบ้างไม่ทรงบ้าง ปล่อยใจสบายๆวันนี้เสื่อมพรุ่งนี้ได้ช่างมันอย่าสนใจ มีหน้าที่อย่างเดียวคือทำ และทำเท่านั้น ทำแล้วอย่าทิ้ง ของผมนี่ที่เสื่อมเพราะทำๆแล้วทิ้งนี้ละไม่ได้อะไร ทำตัวแบบนี้มา10ปีแล้ว ตอนนี้ผมเองพยายามทำทุกเวลาเลย ตอนพิมพ์ตอนนึกว่าจะเขียนอะไรขณะนี้ก็จับลมเข้าออกตลอด เรื่องนั่งสมาธิโดยส่วนตัวนี้ไม่เน้นเท่าไหร่ บางวัน5นาทีก็เลิกเพราะมันสงบเเล้ว บางวันก็นั่งยาวหน่อยแต่ไม่เกิน ชม.เดี่ยวนี้นะ สำคัญตั้งแต่ตื่นยันหลับ ลมหายใจเข้าออกฝึกจับด้วยสติให้ได้ตลอด แค่ขั้นนี้ขั้นเเรกเอาให้ชำนาญเลยครับ ผมว่าซัก2ปีก็คงยังไม่พอสำครับขั้นเเรกถ้าจะให้ชำนาญกันจริงๆ สู้ๆนะครับ มาเป็นกำลังใจให้อย่าท้อครับ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,040
    คือหลักการตามคุณ เตหิณรัตน์ แนะนำนั่นหละคับ.ประเด็นสำคัญที่ควรเข้าใจ
    คือ บรรทัดแรกและการแนะนำโดยรวมก็ค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ..
    ถ้าส่วนตัวแนะนำก็คงจะถามก่อนว่าเป้าหมายทิพจักขุญาณของคุณ
    จะฝึกถึงระดับไหนครับแล้วค่อยพูดเรื่ององค์ประกอบต่างๆที่จะมีผลร่วมต่อ
    แต่พูดไว้ก่อนว่าหลักๆคือแบบบังคับได้(คืออาจทำได้และไม่ได้บ้างบางครั้ง)
    หรือแบบบังคับไม่ได้(บางทีบทจะทำได้ก็ทำได้หรือทำได้แบบไม่ได้คิดหรือตั้งใจจะทำ)
    และแบบคงที่(อยู่ในระดับที่เคยเห็นได้เป็นปกติเพื่อรอที่จะพัฒนาไปแบบที่เรียกว่าใช้งานได้)

    แต่ขอพูดให้ฟังก่อนนะครับแยกเป็นข้อๆดังต่อไปนี้ครับ..
    ๑.ระดับที่จะมองเห็นได้ตั้งแต่ระดับสูงสุดลงมาจนถึงระดับล่างสุด(ใช้ได้ถึงข้อ ๒ ถึง ๕)
    แบบหลับตาเห็นและเห็นด้วยใจปรากฏคล้ายภาพ.อาจจะทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
    ไม่ใช่ประเด็นหลัก.แล้วพัฒนาต่อยอดไปย้อน
    อดีตได้แล้วน้อมกลับมาเห็นใจตนเองถึงสาเหตุอะไรที่ทำให้ได้กลับมาเกิด
    .เรียกง่ายๆว่าฝึกจนเห็นจิตตนเอง..จนรู้เหตุรู้ผลต่างๆจากเรื่องราวในอดีตที่ตนได้ไปเห็น
    .และรู้ว่าเหตุอะไรจากกิเลสตัวไหน.ที่ไม่ควรสร้างที่จะส่งผลกระทบกับอนาคตจากเหตุในปัจจุบัน ณ เวลานี้
    .ประเด็นนี้ควรให้ความสำคัญมากกว่าการได้เห็นหรือสัมผัสในส่วนภพภูมินะครับ

    ๒.เห็นได้แบบบังคับได้ในขณะที่ใช้สมาธิ.แต่วิธีการเห็นและการต่อยอดเหมือนข้อที่
    ๓.เห็นได้แบบลืมตาในทุกๆระดับ..ในเวลาปกติ..สามารถกำหนดให้เห็นได้บ้างตามความ
    เหมาะสมอาจทำได้บ้างไม่ได้บ้าง

    ๔.เห็นได้ในขณะลืมตาเป็นปกติอาจทั้งทางตรงและทางอ้อม.
    ..อาจเห็นร่วมกับการเห็นด้วยใจคล้ายภาพ..

    .เห็นเป็นนามธรรมได้แบบลืมตาบางท่านอาจหลับตา.แต่ปกติจะลืมตา
    .คล้ายที่พระอริยะสายบารมี.หรือพระอภิญญาที่ท่าน
    มาทางสมาบัติ ทางเดินธาตุ ปรอทสำเร็จหรือปฏิสัมภิทาญานท่านเห็น

    แต่จะแบบไหนก็ตามสิ่งที่ควรมี คือ อิทธิบาท ความสม่ำเสมอ.รวมทั้งข้อปฏบัติ
    ต่างๆที่สามารถทำให้ลด ละ กิเลสในใจให้เหลือน้อยที่สุด.
    เนื่องจากระดับการมองเห็นรวมทั้งเรื่องราวที่จะทราบ.
    การเข้าสู่เรื่องนามธรรมหลักๆจะแปรผันตามนี้ด้วยนะครับ.

    หากเราตั้งใจไว้เพื่อให้เห็นเป็นปกติ.แต่ที่สำคัญต้องเห็นกิเลสในใจตน
    ให้ได้ก่อนเริ่มจาก หยาบ กลางๆ เล็กๆน้อย แบบหยุ่มหยิม พวกนี้ก็ส่งผลนะคับ

    ความจริงฝึกกสิณแบบที่คุณฝึก.ให้ถึงอุคคนิมิตรแบบลืมตาและรักษาระยะเวลาไว้ได้พอสมควร.
    และฝึกแบบหลับตาในถึงปฏิภาคนิมิตรและพอบังคับนิมิตรกสิณในปฏิภาคนิมิตรได้บ้าง.ก็เริ่มเห็นได้แล้วครับ.
    และถ้าบังคับปฏิภาคนิมิตรได้บ่อยๆ
    ก็จะเกิดเครื่องรู้ทางจิตและก็เห็นอะไรๆได้มากกว่าปกติๆทั่วๆไปแล้วครับ

    แม้ไม่อยากเห็นก็เห็นหรือเห็นจนเป็นเรื่องปกติไปเลยครับ.
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความสามารถและระดับในเรื่องที่จะเข้าไปเห็นและรับรู้จะแปรผันตามระดับกิเลส
    ที่มีอยู่ในใจตนด้วยนะครับประเด็นนี้ยังไวก็อย่าลืมนะครับ.
    สุดท้ายนี้.ขอเป็นกำลังใจให้ครับ​
     
  6. Nirvana_99

    Nirvana_99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2012
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +237
    ขอบคุณครับ ผมฝึกแนวมโนมยิทธินะครับ ตามที่หลวงพ่อฤาษีแนะนำว่าถ้าฝึกแบบธรรมดา พระบางองค์ตายไปยังไม่ได้ก็มี ฝึกแบบนี้เร็วกว่านะครับ

    แต่ตกลงมโนมยิทธิถ้าคนจะได้ต้องเคยได้ทิพจักขุญาณมาก่อนจึงจะใช้ได้ใช่ไหมครับ
     
  7. ความตาย-1

    ความตาย-1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +44
    ถ้าผมจะบอกว่า ผมรู้จักคนที่สามารถมองเห็นด้วยทั้งตาเนื้อ(ลืมตา)ตาใน(หลับตา)และมีหูทิพย์(การได้ยินเสียงเหล่าองค์เทพต่างๆ-ปู่ฤาษี-กุมาร-เจ้ากรรมนายเวร(ผี)และยังสามารถสื่อสารกับสิ่งที่กล่าวมาแล้วได้ แบบนี้เรียกว่าอะไรช่วยอธิบายที และคนคนนั้นได้ฌานอะไรมาบ้าง
     
  8. ดับขันธ์5

    ดับขันธ์5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +630
    เป็นกำลังใจให้ครับ

    เอาจากคุณกลิ่นลำดวน ครับจาหัวข้อหลวงพ่อที่เว็ปนี้ครับหลวงพ่อ กล่าวเรื่อง อภิญญา
    นี่ลูกหลานฟังไว้ให้ดีนะ ว่าเรื่องความอยากนี่มันไม่ใช่ของดี มันไมมีอะไรจะดีหรอก ความอยากนอกรีต นอกรอยนี่นะไม่ดี เข้าใจว่าการเจริญอภิญญาดี ถ้ามันเป็นวิสัยของเรา เราได้งายมันก็ดี
    ถ้ามันรู้สึกว่าได้ยากเราก็คิดว่า อภิญญานี้นะ ไม่ใช่ อรหัตผล
    อภิญญาไม่ใช่ พระโสดา สกิทาคา อนาคา
    อภิญญา ก็คือ โลกีย์ญาน ถึงแม้ว่าจะได้สักเท่าไหร่ก็ตามที จิตก็ยังตกอยู่ในอำนาจกิเลส ตัณหา อุปาทาน กรรม
    ถ้าหากว่าเราทำได้ยาก เราก็หาโอกาสแบบนี้ดีกว่า หาโอกาสทำอย่างอื่น คือ
    เจริญวิปัสสนาญานให้สามารถ ตัดสังโยชน์ ๓ ประการ ได้เป็นพระโสดาบันแทน หรือเป็นพระสกิทาคามีแทน หรือเป็นพระอนาคามี หรือ พระอรหันต์ เอายังั้นเลยดีกว่า นี่ทำยากนะ ถ้าทำได้เป็นวิสัยของเราก็ทำเถอะ ไม่เป็นไร
    เพราะการได้อภิญญานี่เป็นการช่วยให้การบันลุมรรคผลสำเร็จได้โดยง่าย ถ้าเราไม่เมาอภิญญา

    แต่ว่าเราได้อภิญญาแล้วเมาอภิญญาอย่งท่านพระเทวทัตไม่ดีเหมือนกัน ชวนลงนรก เรื่องนี้ขอผ่านไป ไม่มีอะไรหนัก นี่เล่าให้ฟัง
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ครับฝึกแบบนั้นนะดีแล้วหละครับ...เมื่อก่อนก็เคยได้ยินเรื่องในทำนองนี้มาเหมือนกันจาก
    อาจารย์ที่สอนมโนยิทธิ. ท่านนี้มีความสามารถถึงขั้นยกกายละเอียดมาหาที่บ้านได้แต่ตอนนั้นยังไม่ค่อยสนใจ
    และก็เคยได้ยินนักปฏิบัติบางคนก็เคยพูดเรื่องทำนอง
    ประมาณว่าต้องเคยได้ทิพย์จักขุมาก่อน
    ทำให้เคยเข้าใจเหมือนคุณในตอนนี้เหมือนกันครับ..

    แต่มีเหตุผลรองรับนะครับและก็เคยพิสูจน์เรื่องที่เล่าให้ฟังต่อไปนี้ด้วย
    ตัวเองมาแล้วเนื่องจากส่วนตัวต้องพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติก่อนเหมือนกันถึง
    จะเชื่อ..ทั่วๆไปการที่เรารู้จำว่ามโนยิทธิหรือแม้กระทั่งรู้จักหลวงพ่อท่าน
    ตลอดจนได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาด้วยแล้ว..ที่คุณกล่าวถึง
    เรื่องทิพยจักขุ..เป็นไปได้น้อยๆๆๆถึงน้อยมากครับที่เราจะไม่เคยทำได้
    มาก่อนเพียงแต่เรายังค้นไม่พบ ณ เวลาปัจจุบันนี้เฉยๆ.ต่อให้ไม่เคยมีสัมพันธ์กับ
    ท่านโดยตรง.ยังไงเราก็เป็นเด็กฝากได้เหมือนกัน.ประเด็นนี้พูดให้ฟังนะคับ
    ส่วนจริงๆไม่จริงไม่ใช่ประเด็นสำคัญนะครับ

    .ถ้าพูดเปรียบเปรยว่าทิพยจักขุฯ.เป็นความสามารถพิเศษทาง
    จิตและเป็นฐานข้อมูลตัวหนึ่งที่เก็บไว้ในดวงจิตที่มาอยู่กับร่างกายของเรา
    ในปัจจุบันนี้..ดวงจิตดวงนี้ย่อมเคยไปอยู่ในร่างกายอื่นๆมาก่อนเช่นกัน
    แตกต่างกันที่ช่วงเวลา และ ณ เวลาปัจจุบันนี้ใครก็ตามที่ฝึกสมาธิ
    จะด้วยวิธีอะไรก็ตามจะเปรียบเสมือน keyword(หรือคำค้น)
    ในการเข้าไปค้นหาข้อมูลที่เก็บไว้ในจิต ถ้าเราค้นพบได้บางคนอาจจะเรียกง่ายๆว่า อภิญญาจิต นั้นเอง

    แต่ข้อมูลที่ได้อาจจะเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานในเบื้องต้นหรืออาจเป็นแค่
    คำนำยังไม่ถึงขั้นวิธีการดำเนินงาน เป็นสารบัญให้เลือกหรือขั้นตอนการใช้งาน.ตลอดจนการสรุปผล
    และข้อแนะนำการนำไปใช้งานนั่นเป็นอีกประเด็นหนึ่งครับ

    .บางคนอาจโชคดีพิมพ์keyword แล้วเจอในหน้าแรก
    เสมือนเราค้นใน Google แต่ข้อมูลที่พบแม้
    ว่าจะอยู่ในหน้าแรกก็จะแตกต่างกันในส่วนของเนื้อหาตามที่ได้กล่าวมา.

    และการที่เราจะสนใจที่จะเปิดในหน้าต่อไปก็คือ อาศัยหลักการ อิทธิบาท เป็นทุน..
    ก็จะมีความพยายามที่จะเปิดไปดูในหน้าต่อๆไป.
    ก็อาจจะทำให้ค้นพบข้อมูลในด้านต่างๆเพิ่มขึ้นเป็นผลทำให้มี
    ความสามารถทางจิตส่วนอื่นๆทางด้านต่างๆตามมาได้ในอนาคต

    ..แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือความสามารถในการ
    เข้าถึงเนื้อหาข้อมูลนอกจากส่วนที่มากกว่าคำนำนอกจากKeywordแล้วก็คือเรื่องของระดับกิเลสที่มีอยู่ในใจ
    จะทำให้เราสามารถอ่านข้อมูลที่เราเปิดมาเจอในหน้าต่อไปเข้าใจได้...
    ถ้าเราไม่เข้าใจอาจทำให้เราเบื่อและไปใช้ Keywordตัวอื่นๆแบบเดาสุ่มนำทางแทนก็จะทำให้มาเริ่มต้นที่หน้าแรก
    อีกรอบเปรียบเสมือนว่ามาคลำทางเริ่มต้นใหม่.

    .แต่ถ้าเราพออ่านแล้วเข้าใจจากการใช้keyword
    แรกที่บวกกับ อิทธิบาท และระดับกิเลสที่น้อยลงก็จะทำให้พอทราบถึงKeywordคำต่อไป
    เราอาจจะเปิดไปดูหน้าถัดจากนี้ก่อนก็ได้หรือว่าเราจะมาใช้ Keyword ที่เราได้มาล่าสุดก็ไม่ทำให้เราเสียเวลามาก.

    .และเรื่องอิทธิบาท นอกจากจะ
    เคยได้ยินจากตำรามาแล้วยังเคยได้ยินที่หลวงพ่อท่านพูดโดยบังเอิญ
    ประมาณช่วงกลางๆหรืออยู่ในคลิปที่อยู่ในหมวดนี้แน่นอน..

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=XTuaoG6JPK0&list=SPF46991A76208E565"]05.สมาบัติ 8 ปฏิสัมภิทาญาณ ม้วน 3 หน้า A[/ame]
    ซึ่งได้กล่าวถึงเรื่องอิทธิบาท เกี่ยวกับเรื่องทิพยจักขุฯด้วย
    ตลอดจนเรื่องเทคนิคคอลเทอมต่างๆที่ต้องอาศัยความตั้งใจฟังพอสมควรร่วม
    กับการปฏิบัติของตน..จับจุดให้ดีๆแล้วจะค้นพบอะไรอีกหลายๆอย่างที่
    เป็นประโยชน์.ถ้ามีเวลาได้ฟังแล้วจะเข้าใจ ตอนนี้คุณพบ Keyword
    แล้วก็มาดูอิทธิบาท และเรื่องการปฏิบัติเพื่อลดกิเลสในใจเพื่อให้เข้าถึงพร้อม
    ในส่วนต่างๆของข้อมูลส่วนต่อไปเท่านั้นเอง
    และจะเข้าได้ดีในเรื่องที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2013
  10. Nirvana_99

    Nirvana_99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2012
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +237
    หลวงพ่อฤาษีก็เคยเล่าไว้นะครับ จริตคนเราอยากเืลือกฝึกได้ตามแบบ 4 แบบ

    สุขวิปัสสโก ไม่รู้ไม่เห็นอะไร ถึงนิพพานเหมือนกัน
    เตวิชโช คนที่อยากรู้เห็นนรก สวรรค์
    อภิญญา คนที่ต้องรู้อะไรต้องรู้หมด อยากพิสูจน์ทุกอย่าง ไม่งั้นไม่ได้
    ปฏิสัมภิทาญาณ อันนี้จำไม่ได้ว่าจริตแบบไหน

    แต่ตัวผมอยากเห็น นรก สวรรค์ ยังไงก็ต้องรู้ ต้องเห็นครับ แต่ไม่แน่ใจว่าตนเองฝึกผิดวิธีหรือเปล่าแค่นั้นนะครับ อย่างไรจะลองทำตามคำแนะนำของท่านที่กล่าวมานะครับ
    ขอบคุณครับ
     
  11. อาโก้

    อาโก้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +113
    คิดอยากจะได้ มันก็จะไม่ได้
    คิดว่าทำไม่ได้ มันก็ทำไม่ได้
     
  12. กลิ่นลำดวน

    กลิ่นลำดวน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +2,461
    ถามเรื่อง ได้ตาทิพ์ ของพระเจ้าสิพี[/SIZE
    พระเจ้ามิลินท์บรมกษัตริ์ตรัสถามว่า
    "ข้าแต่พระนาคเสน มีคำกล่าวไว้ว่า พระเจ้าสิวิราช ได้ทรงพระราชทานจักษุให้แก่คนตาบอด แล้วมีจักษุทิพย์เกิดขึ้นอีก คำนี้เป็นคำน่าข่มขี่ เป็นคำมีโทษ เป็นคำยุงยากเพราะผู้เสียจักษุประสาทแล้ว ทิพย์จักษุย่อมเกิดไม่ได้มีคำกล่าวไว้ในพระสูตรว่า
    ถ้าพระเจ้าสีวิราชได้พระราชทานจักษุไปแล้ว ได้ทิพย์จักษุขึ้น คำที่กล่าวไว้ในพระสูตรนั้นก็ผิด
    ถ้าคำที่กล่าวไว้ในพระสูตรว่า เมื่อจักษุประสาทถูกทำลายแล้ว ทิพย์จักษุเกิดไม่ได้นั้นถูก ข้อที่ว่าทิพย์จักษุเกิดแก่พระเจ้าสีวิราชผู้เสียจักษุประสาทแล้วนั้นผิดไป ปัญหาข้อนี้เป็นอุภโตโกฎิ โปรดแก้ไขให้สิ้นสงสัยด้วยเถิด"
    พระนาคเสนตอบว่า
    "ขอถวายพระพร พระเจ้าสิวิราชได้พระราชทานจักษุแก่ยาจกจริง ขอมหาบพิตรอย่าทรงเคลือบแคลงสงสัยเลย"
    "ข้าแต่พระนาคเสน เมื่อจักษุประสาทถูกทำลายแล้ว ทิพย์จักษุเกิดได้หรือ?"
    "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เมื่อจักษุประสาทถูกทำลายแล้ว เหตุไรทิพย์จักษุจึงเกิดขึ้นได้"
    "ขอถวายพระพร ผู้มีสัจจะทั้งหลายย่อมกระทำสัจจกิริยาด้วยสัจจะอันใด สัจจะอันนั้นมีอยู่ในโลกหรือไม่?"
    "มีอยู่ พระเป็นเจ้า เพราะผู้ทำให้ฝนตก ทำให้ไฟดับ กำจัดยาพิษ ทำให้น้ำมหาสมุทรไหลกลับ ทำให้น้ำในคงคาใหญ่ไหลกลับ ทำสื่งที่ควรทำต่างๆ อีกเป็นอันมาก ให้สำเร็จด้วยสัจจกิริยามีอยู่"
    "ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น ข้อที่ว่า ทิพย์จักษุเกิดแก่พระเจ้าสีวืราชด้วยกำลังสัจจะนั้นถูกแล้ว เพราะถึงว่าไม่มีจักษุแล้วก็ตาม ทิพย์จักษุก็เกิดได้ด้วยอำนาจสัจจะอันเป็นวัตถุเป็นที่ตั้งแห่งจักษุประสาท
    เมฆใหญ่ยังทำให้ฝนตกลงมาได้ พร้อมกับสัจจกิริยาของบุคคลบางจำพวก ไฟกองใหญ่ยังดับได้ ยาพิษยังเหือดหายไปได้ ด้วยสัจจกิริยา เพราะฉนั้น จักษุทิพย์จึงเกิดแก่พระเจ้าสีวิราชได้
    ไม่มีสิ่งอื่นที่จะทำให้ตรัสรู้อริยสัจได้นอกจากสัจจะเท่านั้น บุคคลย่อมรู้อริยสัจ ๔ ด้วย"อำนาจสัจจะ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2013
  13. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    อาจจะติดอยู่ที่ ศีล กับ การวางอารมณ์ ครับ

    ศีล ตรวจสอบตัวเอง อย่างน้อย ศีล 5 ต้องทำได้

    การวางอารมณ์ ควรไปฝึกตามศูนย์ฝึกก่อน เพื่อเข้าใจการวางอารมณ์
     
  14. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    คุณNirvana_99 มีของเก่าอยู่แล้วครับ ถ้าไม่มีล่ะก็ ป่านนี้ก็ยังโน่นไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์โน่น ไม่มาสนใจการปฏิบัติหรอกครับ เพียงแต่ติดตรงที่ความลังเลสงสัย เท่านั้นแหละ ผมขอแนะนำให้ฝึกในแบบที่สามารถพิสูจน์เห็นผลได้ในทันที เช่น ทายไพ่ ทายลูกเต๋า
     
  15. BobTL

    BobTL Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +79
    ...............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2014
  16. kai_2555

    kai_2555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +54
    อยากให้ลองไปฝึกกับครู หรือสถานที่ฝึกโดยตรง

    เพราะครูจะได้สอนเกี่ยวกับการวางอารมณ์ และการตัดขันธ์ เป็นต้น

    โมทนาในกุศลด้วยครับ
     
  17. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ลองฝึกกสิณอย่างอื่นก่อนสิครับ ไม่ก็ฝึกอานาปานสติไปก่อน
    ของอย่างนี้ เมื่อเข้าถึงจตุตถฌานได้ กรรมฐานอื่นๆก็ได้ง่ายๆเลย
    เพราะเราสำเร็จที่จตุตถฌานไปแล้ว ทุกกรรมฐานแม้แต่อรูปฌาน
    ก็เป็นจตุตถฌาน(ฌาน๔)ทั้งสิ้น
    มันยากแค่ การจะเข้าการจะทรงสภาวะฌาน๔ไว้ให้ได้เท่านั้น
    ถ้าเราเข้าฌาน๔ด้วยกสินใดๆได้ ก็เข้าด้วยกสิณที่เหลือได้ทันที
    ผมเองก็จะฝึกอานาปานสติให้ได้จตุตถฌานก่อน
    แล้วมารวบยอดกสิณที่เดียวรวดในภายหลัง

    ปล.ไม่ต้องสนใจเรื่องเคยได้หรือไม่ได้
    กรรมฐานไม่ต้องสนของเก่า สร้างใหม่ชาตินี้ได้เลย

    แล้วก็อย่าคิดว่าจะได้เร็วนัก
    ผมฝึกทุกวัน มาเป็นเวลาเกือบจะสองปีแล้ว
    ยังเข้าฌาน๔ไม่ได้เลย (ปัจจุบันยังติดสุขอยู่กับฌาน๓)
    ทำไปเรื่อยๆได้เมื่อไรก็เมื่อนั้น (เมื่อความอยากกลายเป็นความเพียร)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...