บริบท บันไดหลายขั้นก่อนเกิดเหตุ......

ตามข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับภัยใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่ปีข้างหน้านั้น หากได้เคยอ่านหนังสือต่างๆที่เขียนถึงเรื่องภัยพิบัติต่างๆ ที่จะทยอยเกิดขึ้นในวันหน้านั้น มีอยู่เล่มหนึ่งที่มีอยู่ดาษดื่นมีไปทั่วประเทศ คือ หนังสือพุทธทำนาย ที่ถูกทยอยจัดพิมพ์ซ้ำกันไปมา หากคิดเป็นจำนวนเล่ม คงจะหลายแสนเล่ม หรือเกินหลักล้านเล่ม เป็นแน่ เชื่อว่าผู้ที่อายุหลักสี่ขึ้น คงต้องเคยอ่านเฉลี่ยท่านละ 1 ครั้ง หากใครจะยังไม่เคยอ่าน คิดว่าคงจะหาดูได้ตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ แต่เดี๋ยวนี้สื่อออนไลน์ ระบาดไปทุกหัวระแหง มือถือไม่เกิน 2ooo ก็มี App สามารถเข้าเว็บได้

ในโพสนี้ ขอแบ่งบริบท บันไดก่อนเกิดเหตุเป็น 2 ประเภท

1.เกิดจากธรรมชาติ ที่เป็นผลมาจากทุกคนทุกท่านที่ช่วยกันเสพ
2.เกิดจากความคิด (อยากได้) ความหลง (อำนาจ) จากหนังสือพุทธทำนาย ซึ่งมีข้อมูลทับซ้อนในเรื่อง ภัยจากสงครามปราณูอยู่ด้วย

- เกิดจากธรรมชาติ ดูเป็นรูปธรรมที่เห็นได้ชัดได้บ่อยก็คือ ความวิบัติต่างๆ จากเหตุการณ์ทั่วโลกที่มีให้ดูทางฟรีทีวี หรือ ช่องเน็ต มากมาย หากศึกษาในเชิงลึก คิดว่าคงต้องดูหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพิ่ม ที่พิสูจน์ว่ากันด้วยหลักฐาน แนวโน้มการที่จะเป็นไปของเหตุการณ์วิบัติในอนาคต

เช่นศึกษาด้านธรณีพิโรธ คือความเคลื่อนไหวของการเกิดแผ่นดินไหวซึ่งมีเว็บไซด์ให้ติดตามชนิดนาทีต่อนาที

- ด้านภูมิอากาศแปรปรวน เช่นกรณีเกิดเหตุทอร์นาโดถล่มตามรัฐต่างๆ ของเมกา อย่างมากมายผิดสังเกตุ เกิดพายุฝนฟ้าถล่มหลายประเทศทั่วโลก อ่วมอรทัยไปตามกัน

ยกแค่ สองกรณีมาให้ เพราะสิ่งที่เราเสพ ความเจริญในทุกทุกด้าน ในยุคปัจจุบันนั้น หนีไม่พ้นการพัฒนา การวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยี่ต่างๆ สร้างสิ่งที่อำนวยความสะดวกสบายตอบสนองแก่คนทั้งโลก ที่สามารถไขว่คว้ามาได้ (ทุกกรณี) ทั้งหมดนี้เรียกว่า ก่อเหตุ


เหตุที่ก่อนั้น ก็คือการเอาธรรมชาติขึ้นมาใช้ อย่างย่อยยับ ในทุกๆด้านที่สมองมนุษย์พึงจะคิดและทำให้เกิดขึ้นได้ ด้วยแรงบันดาลใจและศรัทธาที่คิดว่าถูกต้อง แต่มันผิดมหันต์


ในหลายปีก่อนมีนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง (ขออภัยจำชื่อไม่ได้ เคยได้รับรางวัลโนเบล) ได้กล่าวไว้ว่า


"....เรา (ทุกประเทศทั่วโลก) ควรที่จะมีการร่วมมือและหยุดการกอบโกยธรรมชาติ ให้ได้ก่อนปี ค.ศ. 1970 ซึ่งถ้าหากทำไม่ได้นั้น ผม (หมายถึงนักวิทยาศาสตร์) เชื่อว่าเวรกรรมนั้นมีจริง....."




-ภัยจากความคิด และ ความหลงนั้น มาจากองค์ประกอบที่ซับซ้อนมากมายในเรื่องของประเพณี ศาสนา สังคม การเมือง ระดับภูมิภาคของโลกซึ่งมีผลประโยชน์ที่ทับซ้อนและมีมูลค่ามหาศาล

ซึ่งถ้าจะพูดเจาะจงให้ชัดเจนลงไป code13 ตัดประเด็นพิบัติภัยทางสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่จะเกิดขึ้นจากตะวันออกกลางทั้งหมด อันนั้นเป็นแค่ตัวประกอบ ไม่ใช่พระเอกตัวจริง ที่จะดำเนินเรื่องให้เกิด งานงอกได้

มีคำพุทธทำนายในบางสถานที่ของพ่อแม่ครูอาจารย์สายปฏิบัติ ได้ประกาศเตือนเป็นสัจธรรม มาหลายปี จักขอยกมาให้อ่าน เพื่อระลึกความจำดังนี้

พระพุทธทำนาย
คัดจากหนังสือสวดมนต์สำนักสงฆ์พุทธธรรมปัญญามหามงคลคีรี



สาธุ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นพระสัพพัญญูรู้แจ้งโลก ทั้งในอดีตและในอนาคต ทรงมีเมตตากรุณาต่อสัตว์โลกเป็นล้นพ้น เมื่อครั้งพระองค์ดำรงพระชนน์อยู่ ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า


ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาของพระตถาคตล่วงเลยไปถึงกึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้น จะพบแต่ความลำบากทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนไปใกล้ความแตกสลาย แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทิศ คนในสมัยนั้นจะมีวิสัยโหดดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกันถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ ผู้ขวนขวายในกุศลตามวจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัย และคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจะเบาบาง แต่ก็หนีกฎธรรมชาติไม่พ้น


เริ่มแต่พระพุทธศาสนาล่วงเลย ๒,๕๐๐ ปี เป็นต้นไป ไฟจะลุกลามมาทางทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม สมณ-ชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็น ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทรจะชอกช้ำ สงครามจากทั่วทิศจะติดเมือง ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองทรงเมืองจะหนีเข้าไพร ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจจะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ ยักษ์หินที่ถูกสาปเป็นเวลานานจะตื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งนัก สภาพฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นดินจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ


ในระยะนั้นศาสนาของตถาคต จะเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม เชื่อคำของคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพรักธรรมนิยม คนประจบสอพลอได้รับความเชื่อถือในสังคม ผู้ที่มีศีลธรรม ประพฤติดี ประพฤติชอบ กลับไม่มีใครเคารพยำเกรง


พระธรรมจะเริ่มเปล่งแสงฉายรัศมีส่องโลกอีกวาระหนึ่ง ก็ต่อเมื่อมีธรรมมิกราชโพธิญาณ บังเกิดขึ้นอยู่ในความอุปภัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้ง ๒ พระองค์สถิต ณ.เบื้องตะวันออกของมัชฌิมประเทศจะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไปถึง ๕,๐๐๐ พระวัสสา


ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกจะเหลือน้อย คำทำนายของตถาคตนี้ย่อมยังเวไนยสัตว์ได้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อนับว่าเป็นกรรมของสัตว์ ที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติให้รักษาศีล ๕ ประการ เจริญเมตตา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดษรู้จักพอ ไม่โป้ปดคดโกง ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภ-ยศ ตั้งใจประพฤติตนตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคง จึงจะพ้นอันตรายในกึ่งยุคพุทธกาล


ข้างบนนั้น ว่ากันตามพุทธทำนาย หากแต่ในปัจจุบันนี้

ได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มในหลายแห่ง จากหลายโพสใน พลังจิต มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่น่าติดตามคือ กรณี ที่หลวงพ่อ.... ได้กล่าวว่า ได้นิมิตรเห็นน้ำจะท่วมสูงเท่าเสาไฟฟ้า ก่อนเกิดเหตุ จะมีสิ่งบอกเหตุก่อนล่วงหน้า คือ พระจะทะเลาะกัน พระสงฆ์จะถูกยึดเงิน อันนี้เริ่มมีเค้าลางอย่างเห็นได้ชัดเจนในหลายกรณี ที่มักจะพาดหัวข่าวตามสื่อต่างๆเสมอๆ

บริบท บันไดหลายขั้นก่อนเกิดเหตุ เริ่มมาให้เห็นแล้ว

ส่วนประโยคนี้ก็อย่าประมาท ห้ามปรามาส แม้ทางมโนกรรม ก็ยังเป็นกรรมหนัก หากยังต้องเกิดมาท่องอยู่ในวัฏสงสาร แม้ท่านจะเป็นเพียงผู้ปฏิบัติธรรม ถ้าท่านเป็นพระสงฆ์ ก็ต้องยกให้ท่านเป็นพระเถระที่ได้คุณธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง ซึ่ง code13 ขอนำมาต่อเติมข้อมูลในโพสนี้ให้สมบูรณ์

"ปี 58 น่าจะแรง แต่ปี 61-62 แรงกว่า วันนั้นท่านบอกว่าคงไม่ได้อยู่ดูแล้ว"


หวังว่าประเด็นเหล่านี้ อาจจะเป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆให้สมาชิกที่สนใจเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์ได้กระชับพื้นที่ได้มากขึ้น ว่าจะวางแผนอย่างไรกับการดำเนินชีวิตในระยะไม่กี่ปีนี้ที่ยังต้องวนเวียนอยู่ในเมือง....

อนุโมทนาที่ติดตาม

 

ปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับ ผู้ที่ตระหนักและสนใจในเรื่องการเตรียมตัวรับมือภัยพิบัติบางคน(รวมถึงตัวผม) ก็คือเรื่องที่ คนรอบๆตัวไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ ไม่เคยคิดอยู่ในหัว ไม่ต้องพูดถึงการศึกษาเตรียมตัวใดๆ มีแต่ตัวเราเองที่ใส่ใจและหาทางเตรียมการเท่าที่ปัจจัยต่างๆจะเอื้ออำนวย

นึกทบทวนอยู่บ่อยๆว่าหากเกิดสถานการณ์ขึ้นก็มีแต่ตัวเราเองที่อาจพอจะช่วยตัวเองให้รอดได้ แต่จะให้ละทิ้งคนรอบๆตัวได้อย่างไรในขณะที่พวกเขาจะช่วยตัวเองไม่ได้เนื่องจากไม่เคยเตรียมตัวอะไรเลย ภาระก็คงต้องตกมาที่เรา สิ่งที่เราพอจะเตรียมไว้ก็ต้องเอาไปแบ่งปันกับคนที่ไม่เคยสนใจหรือแม้แต่มองว่าเราตื่นตูมและคิดมากเกินเหตุ

พอคิดตรงนี้แล้วเซ็งเหมือนกันครับ คงต้องปล่อยไปตามบุญตามกรรม เตรียมไปคนเดียวมากก็ค่าเท่ากันเพราะคงไม่อาจจะหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว อย่างดีก็เตรียมพวกกระเป๋าฉุกเฉินไว้ให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา

จริงๆถ้าคนทั้งหลายเปิดใจไปรับรู้สถานการณ์รอบๆตัวก็น่าจะพอตระหนักได้ว่าโลกและสังคมของเรากำลังคืบคลานไปสู่หายนะ ไม่ว่าจะมีสาเหตุจากมนุษย์ด้วยกันหรือธรรมชาติ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และอย่างไร

นี่ถ้าโชคดีได้ไปอยู่กับหมู่กลุ่มที่เสมอกันด้วยความเห็นและการประพฤติปฏิบัติตัว ในยามภัยพิบัติคงเป็นโชคดีของผมครับถึงแม้ว่าจะไม่อาจรักษาตัวให้รอดได้แต่อย่างน้อยก็ยังอาจจะจากไปด้วยความสงบมากกว่าการไม่มีเพื่อนที่เสมอกันหรือสูงกว่าด้วยธรรมเลย

 

ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมไม่ต้องคิดมากค่ะ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เตรียมตัว เตรียมกาย เตรียมใจ เตรียมพร้อม ถ้าเกิดต้องตายวันนี้ไม่ว่าจะจากเหตุใดก็ตามขอให้วันนี้เรามีความดีพอที่จะไม่ตกนรกและให้ดีกว่าคือไม่ต้องเกิดอีก ถ้าพวกเราต้องอยู่ถึงวันที่วิบัติเกิดก็ขอให้มีโอกาสได้สงเคราะห์ผู้คนรอบข้างอย่างเต็มความสามารถและเต็มที่ที่เรามีน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ แต่อย่าคาดหวังอะไรนักเกาะพระพุทธเจ้าไว้ดีกว่าค่ะ ขอให้คุณปลอดภัยนะคะ

 

ทราบว่าปีนี้ ภัยเศรษฐกิจและภัยวุ่นวายการเมือง จะทำให้คนอดอยาก ทุกข์ยาก มากกว่าภัยธรรมชาติ