กรรมที่ทำให้ผมเป็นคนพิการ และชีวิตใหม่ที่หายอย่างน่าอัศจรรย์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย wisakha, 17 สิงหาคม 2013.

  1. wisakha

    wisakha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +211
    ผมคิดอยู่นานว่าจะเขียนดีหรือไม่เพราะหลายเรื่องนั้นเหลือเชื่อ แต่ก็อยากให้ทุกท่านที่เคยทำบาปอย่างผมได้กลับตัวทันและได้รู้จักผลแห่งกรรมที่ส่งผลไม่เคยผิดตัวเลยแม้แต่คนเดียว

    ผมอยากจะเล่าเรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์และเป็นธรรมทานแก่ทุกๆท่าน เพราะเป็นเรื่องจริงๆของผมเอง ทำให้ผมจัดอยู่ในประเภทคนพิการประเภทหนึ่ง ซึ่งขาผมนั้นได้รับอุบัติเหตุมาประมาณสามสิบกว่าปี กระดูกที่โผล่ออกมาทันทีที่ได้รับอุบัติเหตุในครั้งนั้น ทำให้กระดูกขาบิดตัวไม่ตรง ทำให้ขาสองข้างของผมไม่เท่ากัน และเนื้อที่ถูกปั่นเละในซี่ของฟันเฟืองรถสามล้อปั่น ทำให้เป็นแผลเป็นมาจนถึงทุกวันนี้

    ผมจำภาพวันนั้นได้ดีครับ ทันทีที่หลายๆคนได้แกะขาผมออกมาจากโซ่รถสามล้อปั่น ผมก็พยายามยืนขึ้นแต่ขาผมพับเข้าทันที ไม่สามารถยืนได้ กระดูกขาที่โผล่ออกมาทำให้คนอื่นๆตกใจ สยดสยองแก่ทุกๆคนที่ได้เห็นเหตุการณ์ในตอนนั้น

    ผมได้คิดแต่โทษเพื่อนๆที่มีส่วนทำให้ผมได้รับอุบัติเหตุในครั้งนั้น คิดว่าเพื่อนเตะขาเราเข้าไปเพราะตอนนั้นต่างคนต่างสนุก แต่ในส่วนลึกเราก็โทษตัวเองด้วยที่ประมาทด้วย

    หลังจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นผมกลายเป็นคนเดินขากระเผก ไม่เท่ากัน เวลานั่งขัดสมาธิแล้วเข่าชี้เด่ขึ้นมา ทำให้ปฏิบัติธรรมไม่สะดวก และเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ขนาดของขาสองข้างไม่เท่ากัน ใครๆก็สังเกตเห็นได้ว่าผมเดินผิดปกติ ไม่เหมือนคนทั่วไป

    สำหรับผมแล้วหมดหวังครับ เพราะได้ขนาดนี้ก็บุญแล้ว ไม่ต้องตัดขาเป็นคนพิการขาขาด แค่นี้ก็ถือว่าดีสุดๆแล้ว เรื่องการรักษาคงยากครับ เพราะจะผ่าตัดเพื่อจัดกระดูกขาและให้ขาทั้งสองข้างยาวเท่ากันคงหมดหวังสำหรับผม ก็ต้องยอมรับสภาพกันไป ไม่ให้ความสนใจเรื่องนี้อีกต่อไป

    เดี๋ยวมาเล่าต่อครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับขาเป๋ๆของคนอย่างผม
    ได้รับอนุโมทนา 4 ครั้ง จาก pt, pt, มืดมาสว่างไป, neenee,

    รู้สาเหตุของกรรมที่ทำมาในชาตินี้ :

    ผมเป็นคนที่ชอบศึกษา สนใจเรื่องการปฏิบัติธรรมมานาน ได้มีโอกาสไปกราบครูบาอาจารย์ดีๆหลายท่าน ได้รับฟังธรรมะเพื่อนำไปปฏิบัติ ได้ร่วมบุญต่างๆตามวาระโอกาสสะดวก อย่างสม่ำเสมอในหลายปีที่ผ่านมานี้

    จนถึงได้มีโอกาสได้พบครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง คือ อาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด เป็นผู้ที่พลิกความคิดและสร้างปาฏิหาริย์ในชีวิตผมแบบผมก็ต้องยอมรับว่า “ไม่อยากเชื่อ” เพราะเกินกว่าจะเชื่อได้ แต่สุดท้ายผมก็จำนนด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย
    อาจารย์ท่านนี้ท่านยิ้มและบอกผมว่า ที่ขาเป็นเช่นนี้เพราะกรรมรวมตัว เชื่อที่พระพุทธเจ้าสอนไหมล่ะ ว่ากรรมมีจริง ผมเชื่อครับ โดยไม่ต้องคิด แต่ในใจก็แย้งว่า ที่ขาเราเป็นเช่นนี้เพราะอุบัติเหตุนะ แต่หากบอกเรื่องกฏแห่งกรรมนั้นผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว

    ท่านบอกต่อว่า จะพิสูจน์ให้ดูว่าจริงหรือไม่ ว่ากรรมต่างๆที่ทำให้ขาผมเกิดอุบัติเหตุจนต้องมามีสภาพอย่างนี้เกิดจากบาปต่างๆ จากนั้นท่านบอกให้ผมนึกดีๆว่าตนเองเคยใช้ขาทำบาปอะไรมาบ้าง และท่านก็ช่วยบอกเป็นหลัก และผมก็นึกออกบางส่วน ซึ่งผมก็แปลกใจมากที่ท่านพูดเรื่องต่างๆได้ถูกต้อง เช่น ผมน่ะชอบใช้ขาเตะรั้วของคนอื่น ซึ่งยอมรับว่าใช่เลย เพราะเป็นของชอบตอนเด็กๆ แต่ว่าลืมไปแล้วจำไม่ได้ ฯลฯ สรุปได้ว่าตัวอย่างกรรมที่ทำเคยทำมาตั้งแต่เด็กๆเลยคือ

    -ผมเคยเดินกระทืบเท้าเวลาไม่พอใจพ่อแม่ตอนเด็กๆ
    -ผมเคยใช้ขาเตะรั้ว ทำลายข้าวของคนอื่น ด้วยความสนุก ไม่สนใจคนอื่นว่าจะเสียหายอย่างไร
    -ผมเคยใช้ขานี้เปิดพัดลม ทีวี เขี่ยสิ่งของ เรียกว่าใช้ขาผิดหน้าที่เพราะความขี้เกียจมักง่ายสุดๆ
    -ผมเคยใช้ขาเตะ ถีบคนอื่น อันนี้ใช่เลยเพราะตั้งแต่เด็กมาชอบเล่นต่อสู้กัน เตะ ถีบกันรุนแรงเลย และอื่นๆอีกเพียบ
    -อันนี้สำคัญที่สุดคือ ท่านบอกว่า ผมเคยหันเท้าไปทางพระ ซึ่งตรงนี้ผมยอมรับว่า “จริง” และท่านบอกว่านี่บาปหนักมาก
    -ที่ผมจำได้อีกก็คือ ใช้ขาเหยียบเหรียญซึ่งมีรูปพระเจ้าอยู่หัว เงินธนบัตรเวลาปลิว และเดินเหยียบหรือข้ามรูปภาพของผู้ทรงศีลอีกมากมายเวลาตกบนพื้น

    และกรรมอื่นๆอีกมากมายที่ผมใช้ขาทำบาปนับไม่ถ้วน และผลกรรมเหล่านี้จึงสร้างเหตุให้ผมได้รับอุบัติเหตุ จนกลายมาเป็นคนพิการลักษณะนี้

    นี่เป็นเพียงสาเหตุที่ท่านอาจารย์ท่านนี้บอกผมนะครับ และท่านก็กำลังพิสูจน์ว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นจริงหรือไม่ ตรงนี้นี่แหละครับที่ทำให้ผมคนเชื่อยากอย่างผม มักมองสิ่งที่มองไม่เห็นว่า ไม่น่าเชื่อถือหรือหลอกลวง กลับมาเชื่อกฏแห่งกรรมสุดๆและรู้ว่าที่ผ่านมาตัวเองเลวแค่ไหน คงจะอ้างว่าทำไปเพราะยังเด็กก็คงไม่ได้ เพราะกฏแห่งกรรมยุติธรรมที่สุด
    พิสูจน์กฏแห่งกรรม :
    (ต่อครับ)
    ท่านบอกว่าเมื่อผมกล้าพูดและยอมรับในสิ่งที่ตนเองทำบาปมาอย่างกล้าหาญ และตั้งใจจะไม่กลับไปทำอีก คอยดูนะว่าขาที่ชี้เด่จะกลับลงมาเป็นปกติแน่นอน

    ตรงๆเลยนะครับ ผมไม่อยากเชื่อครับ เพราะคิดว่าเป็นไปได้ไง ที่จะทำให้ขากลับมาเหมือนเดิม ไม่ชี้เด่เวลานั่งขัดสมาธิ

    ท่านบอกให้ผมตั้งจิตขอขมาพระพุทธเจ้า ขอกราบขอขมาที่ล่วงเกินหันเท้าไปทางพระโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ และขอขมาพระแม่ธรณีที่เดินกระทืบเท้า ขอขมาต่อพ่อแม่ผมซึ่งเดินกระทืบเท้าใส่ท่านเวลาโกรธและสัญญาว่าจะไม่ทำอีกเด็ดขาด ผมก็ตั้งจิตตามท่าน

    ท่านบอกให้ตั้งจิตขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย และขอบารมีพระพุทธเจ้าขอเบิกบุญ ทานศีลภาวนาทั้งหมดที่ทำมาทุกชาติและที่มาทำในวันนี้ อุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ผมก็ทำตามที่ท่านบอก

    แล้วท่านก็ขอบารมีพระพุทธเจ้า บอกว่าบัดนี้ผมรู้สำนึกบาปที่ทำแล้ว และตั้งใจจะรักษาศีลไม่ทำบาปอีก ขอบารมีพระพุทธเจ้าทรงแสดงอานุสานียปาฏิหาริย์ แสดงกฏแห่งกรรมให้ผมและคนอื่นๆได้รู้ว่าหากรู้เหตุที่ทำมา และดับที่เหตุแล้ว ผลที่เกิดขึ้นต้องดับลง เพื่อเป็นสิ่งพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้า ให้ผมและทุกคนได้ประจักษ์ด้วย

    จากนั้นท่านใช้มือแตะเบาๆที่ขาข้างที่ผมมีปัญหา ทุกคนที่ดูอยู่ก็ร้องกันโวยวายเสียงดัง ฮู้วว์ๆๆๆๆ
    ผมก็ไม่รู้ว่าเขาร้องอะไรกัน แต่พอเหลือบลงไปมองที่ขาเห็นขาตนเองที่ชี้เด่กำลังค่อยๆเคลื่อนลงสู่ตำแหน่งปกติเหมือนขาอีกข้าง

    เฮ้ยย เป็นไปได้ยังไง เพราะปกติที่ผมลองมาหลายสิบปีหากเพียงแค่พยายามกดขาที่ชี้เด่นี้ลงก็จะเจ็บปวดกระดูกมากเพราะมันผิดรูปไปแล้ว แต่ตอนนี้กระดูกขาผมกำลังเคลื่อนลงสู่ตำแหน่งของมันช้าๆ

    ยอมรับว่าตกใจ ทุกคนที่นั่งดูอยู่ก็ร้องกันแบบตกใจเหมือนกัน ท่านให้ผมยืนขึ้นแล้วนั่งลงไปใหม่ ผมก็ยืนแล้วค่อยนั่งลงปกติ ขาผมผลุบลงตำแหน่งปกติ ไม่ชี้เด่เหมือนเคย

    จะให้ผมพูดอะไรได้ล่ะครับ นอกจากอึ้ง ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น พอได้สติก็ต้องกราบพระพุทธเจ้าทันที ว่าสิ่งที่อาจารย์ท่านนี้พูดไว้ ถูกต้องแน่นอนที่สุด หากไม่ใช่บารมีพระพุทธเจ้าก็คงไม่มีใครทำให้เรารู้ว่ากรรมส่งผลจริง ไม่ผิดตัวอย่างแน่นอน

    นี่คือเรื่องจริงๆที่เกิดขึ้นกับผม ซึ่งบอกตรงๆว่าหากไม่เกิดกับตัวเองก็คงไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่าบาปกรรมมีจริง สิ่งที่พระพุทธองค์สอนนั้นเป็นจริงทุกๆประการ อาจารย์ท่านนี้บอกให้ผมรักษาศีล5ด้วยชีวิต ทุกวันนี้ผมเดินได้เหมือนคนปกติ เดินไม่กระเผกเหมือนเคย นั่งสมาธิได้แบบคนทั่วไป เข่าไม่ชี้เด่ แต่ร่องรอยแผลเป็นยังคงมีอยู่ตามปกติที่ควรจะเป็น จะเอาอะไรอีกละครับกับชีวิตนี้ แค่หายพิการทางกายไม่พอ ยังหายพิการทางใจด้วยซึ่งมีค่ามากมายยิ่งนักสำหรับผม
    ทุกวันนี้ผมได้รู้ถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนได้ดีขึ้น รับรู้เรื่องราวกฏแห่งกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น จากตัวอย่างจริงๆที่ผมเห็นมากมาย รักษาศีล5ได้ดียิ่งขึ้น

    และผมก็เริ่มใช้วิธีการพิสูจน์กฏแห่งกรรมตามที่ท่านอาจารย์ท่านนี้สอนมา ช่วยเหลือผู้คนต่างๆ ซึ่งให้ผลที่น่าอัศจรรย์ เช่น ผมช่วยคนที่เป็นอัมพฤกต์ครึ่งซีก เขาก็คลายอาการเกร็งที่เป็นมานานในทันที และมือที่หงิกงุ้มเข้าตลอดก็คลายออกมาในทันทีโดยไม่กลับไปงุ้มเหมือนเดิม แต่อาการต่างๆก็ยังเหลืออยู่เพราะมีเวลาแค่นิดเดียวบนรถประจำทางที่ได้ช่วยเขา

    ผมยินดีที่จะช่วยทุกท่านในการพิสูจน์กฏแห่งกรรม ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ทรงสอนให้เห็นว่าทุกปัญหาในชีวิต ไม่ว่าโรคภัยต่างและปัญหาอื่นๆเกิดจากบาปกรรมที่เราทำมาทั้งนั้น หากว่าเป็นกรรมที่ท่านทำจริงปัญหาเหล่านี้ต้องหายหรือดีขึ้นในทันทีจนท่านเองพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง ว่ากรรมมีผลจริง

    นี่ไม่ใช่การรักษาโรคนะครับ แต่เป็นการแสดงกฏแห่งกรรมตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งการหายนั้นเป็นเพียงสิ่งยืนยันผลตามหลักคำสอนเท่านั้น หรืออาจไม่หายก็ขึ้นกับจิตสำนึกของแต่ละคนเป็นผู้กำหนด เพราะบางคนไม่มีจิตสำนึกเลยแค่อยากหายเท่านั้น

    อย่าได้นึกว่านี่คือการรักษาโรคเด็ดขาดนะครับ เพราะผมไม่ใช่หมอ ไม่มีความรู้เรื่องรักษาโรคแต่อย่างใด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะบารมีของพระพุทธเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์และครูบาอาจารย์ทั้งสิ้น ไม่ใช่ความสามารถใดๆของผมเลยแม้แต่น้อยนิด
    ผมไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทนใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่ตนเองมีทุกข์มานานก็อยากขอเพียงได้มีโอกาสแบ่งปันความสุขที่ตนเองได้รับตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนมา แก่ท่านที่สนใจอยากพิสูจน์กฏแห่งกรรมจริงๆเท่านั้น และอยากให้ทุกท่านได้รักษาศีลห้า และช่วยกันสร้างสังคมแห่งความดีงามต่อไป

    หากท่านสนใจที่จะพิสูจน์กฏแห่งกรรม ก็ขอให้เป็นผู้ที่เชื่อในกฏแห่งกรรมที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เพราะกฏนี้เป็นกฏธรรมชาติ ไม่มีแบ่งแยกศาสนาใดๆ และพระพุทธองค์ทรงค้นพบสัจธรรมและทรงรู้วิธีดับทุกข์จนถึงที่สุดมาสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลาย

    ขอให้ทุกท่านอย่าเพิ่งเชื่อหรืออย่าเพิ่งปฏิเสธจนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตนเองจึงได้ชื่อว่าปฏิบัติตามหลักกาลามสูตรอย่างแท้จริง ไงก็ลองโทรมานะครับที่เบอร์ 089-8840290 เฉพาะท่านที่มีความทุกข์ เช่น ป่วย ปวดหัว ปวดขา หรืออื่นๆ เป็นต้นและอยากพิสูจน์กฏแห่งกรรมเท่านั้นนะครับ

    ผมไม่มีญาณวิเศษใดๆทั้งสิ้นนะครับ เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นขอได้โปรดอย่าคิดว่าผมอวดวิเศษเลยนะครับ ผมแค่อยากมีโอกาสช่วยเหลือเพื่อนๆที่ยังมีปัญหาโดยพิสูจน์กฏแห่งกรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ซึ่งผมไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆทั้งสิ้นครับ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้นผมไม่สามารถตอบได้ครับว่าต้องเปลี่ยนแปลงทุกคน เพราะมีเหตุปัจจัยหลายอย่าง เช่น จิตสำนึก หรือ สร้างกรรมหนักมาก เช่น ฆ่าพ่อแม่ หรือบาปประเภทอนันตริยกรรม เป็นต้น
    บทความข้างล่างต่อไปนี้เป็นธรรมะที่ท่านอาจารย์อุบล ได้เขียนสอนไว้นะครับ ผมเอามาให้อ่านกันจะได้พิจารณากรรมต่างๆได้ดีขึ้น

    ศีลแต่ละข้อมีผลต่อปัญหา และการเจ็บป่วยของเรา:

    ปัญหาที่คนส่วนมากจะเกิด ก็คือขาดสภาพคล่องทางการเงิน เกิดจากเคยทำผิดศีลข้อ 2 ลักขโมย ชอบของฟรี และเคยผิดหนี้แผ่นดิน ชอบเลี่ยงภาษี และเคยผิดหนี้สงฆ์มา

    หนี้สงฆ์ :- การนำของวัดกลับบ้าน การทำให้ข้าวของ ทรัพย์สินในเขตบุญเสียหายจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม นับเป็นการล่วงละเมิดศีลข้อ 2 ถือเป็นการติดหนี้สงฆ์ ซึ่งจะชดใช้ยังไงก็ไม่หมด

    ท่านให้สร้างสร้างพระ 4 ศอก พร้อมปิดทองเพื่อชำระหนี้สงฆ์

    หนี้แผ่นดิน :- ทุกชีวิตที่เกิดมาล้วนใช้ทรัพยากรของชาติด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นจึงเป็นหนี้แผ่นดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนจึงมีหน้าที่ต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ทั้งทางตรงและทางอ้อม

    ใช้น้ำ ไฟ อย่างรู้คุณค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่สร้างภาระ ไม่ทำให้บ้านเมืองสกปรก ไม่ทำลายสิ่งปลูกสร้าง ที่เป็นสาธารณสมบัติ เต็มใจจ่ายภาษี ไม่หลบเลี่ยง ฯลฯ

    ทำงาน+น้ำใจ ให้ทำงานให้เต็มที่ และให้ทำให้มากว่าเงินเดือนที่ได้รับ

    วิธีแก้ก็คือ ต่อไปให้เป็นผู้ให้ และให้ทานให้ถึงที่สุด ให้ผู้อื่นให้มากกว่า และไม่ต้องหวังสิ่งตอบแทน และควรเลือกเนื้อนาบุญด้วยเพราะอานิสงฆ์ไม่เท่ากัน

    ปัญหาทางด้านการงาน เกิดจากชอบอิจฉา ริษยาคนอื่น ไม่อยากให้คนอื่นได้ดี ไม่มีใจพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นประสบความสำเร็จ

    ส่วนเรื่องโรคภัยไข้เจ็บก็เกิดจากผิดศีล ข้อ 1 ข้อ 3 เป็นส่วนมาก
    ศีลข้อ 1 :
    เคยฆ่าสัตว์ เริ่มตั้งแต่ สัตว์เล็กสัตว์น้อย เช่น ยุง แมลง มด ปลวก แมลงวัน แมลงสาบ ผึ้ง ต่อ แตน อะไรบ้าง ก็ว่าไป บางคนอาจจะ ไข่มดแดง แมงดา รถด่วน ตั๊กแตน แล้วก็สัตว์โตขึ้นมาเรื่อยๆ กุ้ง หอย ปู ปลา กบ เขียด ปลาไหล งู อึ่งอ่าง คางคก จิ้งจก ตุ๊กแก หมู หมา กา ไก่ ควาย วัว ช้าง ม้า กระทิง จิ้งเหลน ก็ว่าไป

    เอาที่เราเคยทำ เคยฆ่า เคยรังแก ให้เขาได้รับความเจ็บปวด ลำบาก ทรมาน

    อ้อ อย่าลืมแมลงปอนะ พวกเป็นริดสีดวง อันนี้แค่ตัวอย่าง จะได้นึกออก

    แล้วก็มาถึงคน ทำแท้ง ฆ่าคน ทั้งฆ่าเอง สั่งฆ่า วางแผน บงการฆ่า ร่วมด้วยกับการฆ่า

    ดูต้นทาง หรือ มีส่วนรู้เห็น แม้แต่เก็บกระดูก หรือ ขับรถเฉยๆ ไม่ได้ฆ่า ก็อย่าหวังว่าจะรอดทุกคนต้องเจอเท่ากัน รวมทั้ง ผู้ที่แนะนำ ให้คำปรึกษา การฆ่า การทำแท้ง

    ผู้ที่ทำ ชีวิตจะหมดสิ้น ความสุข ความสดชื่น จะมีแต่อุปสรรคอยู่ร่ำไป อันนี้ให้สังเกตเองรวมทั้งคิดฆ่า คิดแกล้ง คิดทำร้าย คิดทำลาย ชื่อเสียง เกียรติยศ ให้ได้รับการดูหมิ่น เกลียดชัง ทั้งปวง

    ถือเป็นมโนกรรม เขียน เป็นกายกรรม

    ผิดศีลข้อ 1 ทำให้เจ็บป่วยด้วยโรค ตั้งแต่เล็กน้อย เช่นภูมิแพ้ ไปถึงโรคหนัก เช่น หัวใจ เบาหวาน มะเร็ง เอดส์ ปอด ตับ ไต เป็นต้น แล้วก็ทำให้ ไม่สวย ไม่หล่อ หรือถ้าเกิดมา สวย หล่อ หลังจากประกอบกรรม ความสวย ความหล่อ จะลดลง ด้วยประการต่างๆ

    พวกที่โกรธง่าย โมโหร้าย แค้น พยาบาท จะเป็นโรคผิวหนังชัดเจน มีสิวเต็มหน้า
    มีฝ้า ด่างดำ เป็นกลากเกลื้อน ไปจนถึง โรคสะเก็ดเงิน รักษาไม่หาย หรือ ด่างขาว ฯลฯ

    บางคนก็อาจพิการ พิการตั้งแต่เกิด เป็นกรรมอดีตชาติ พิการชาตินี้ เป็นกรรมอดีตรวมตัวกับกรรมที่ก่อชาตินี้

    บางคนมีลูกพิการ ไม่สมประกอบ เพราะเป็นคนใจร้าย ขาดเมตตา กรรมตามส่งผลกับแก้วตา ดวงใจ
    ศีลข้อ 2 :
    ลักทรัพย์ชอบของฟรี
    เอาของที่เขาไม่เต็มใจให้ ทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์โดยที่เขาไม่เต็มใจ ชอบกิน ชอบได้ ทั้งที่เขาไม่ได้เรียก เขาไม่ได้มีไว้สำหรับเรา

    เห็นของกิน เป็นไม่ได้ รี่เข้าใส่เลย ของใครก็ช่าง เขาจะเอามาให้ใครก็ช่าง ขอให้ได้กิน ได้ชิม เป็นพอใจ อันนี้ เป็นกรรม ที่หนัก กรรมเย็นๆ เพราะ

    คนประกอบกรรม มองข้าม และชาชิน จนคิดว่า เป็นความฉลาด มากกว่ากรรม กรรมนี้ นอกจากจะทำให้ จนไม่ฟื้นแล้ว ยังทำให้ รูปร่างหน้าตา อัปลักษณ์ ผิดมนุษย์ มนาด้วย

    แล้วก็พวกโกงภาษี เลี่ยงภาษี แต่งบัญชี เอาของวัดกลับบ้าน ไม่ว่าอาหาร หรือ ของใช้ เอาของที่ทำงาน กลับบ้าน ไม่ว่า คอม รถ กล้อง กระดาษ ปากกา หรือว่า อื่นๆ

    พวกทุจริต คอรัปชั่น โกงบ้าน กินเมือง โกงชาติ โกงแผ่นดิน กระทั่งโกงเวลาทำงาน เอาเวลาทำงาน ไปทำงานส่วนตัวบ้าง อู้งานบ้าง มาสาย กลับก่อน ลาบ่อย นินทา คุยโทรศัพท์ระหว่างเวลางาน

    ทำงานไม่เต็มที่ นินทา เพ้อเจ้อ ใช้ไฟที่ทำงานชาจแบตโทรศัพท์ หรือใช้ที่วัด เขตบุญ นี่คือการสร้างกรรม สะสมทีละเล็ก ทีละน้อย ทำบ่อยๆ ก็รวมเป็นกรรมหนัก

    แค่ไปใช้น้ำ ใช้ไฟ กินอาหาร ในวัด หรือ ที่ทำงาน ก็ติดหนี้ บานแล้ว ทำให้สถานที่วัด ที่ทำงาน หรือ ทุกสถานที่ ที่ไป ไม่สะอาด

    ทำให้ข้าวของ แตกหัก เสียหาย ไม่ถนอม ไม่เสียดาย ไม่เก็บเข้าที่ อันนี้ ก็รวมเป็น ผิดศีลข้อ อทินนา ข้อลักทรัพย์ ทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ มีผลทำให้ผู้ทำลำบาก ยากจน ข้นแค้น หาได้เท่าไหร่ ไม่พอใช้

    แล้วอีกกรรม ที่มองข้ามกันไป คือ การละเมิดสิทธิ์ ของผู้อื่น โดยที่เขาไม่เต็มใจ และ หวงห้าม เช่น สถานที่ห้ามผ่าน ห้ามเข้า กระทั่งการเข้าบ้านคนอื่นที่เขาไม่อนุญาต เข้าไปแล้ว ไม่มีมารยาท หรือ การเป็นแฮกเกอร์ ละเมิดเวปไซด์ผู้อื่นก็มีเคราะห์กรรม เสมือนหนึ่งการบุกรุกเข้าบ้านผู้อื่น เป็นวิบากกรรมข้ออทินนา ด้วยเช่นกัน

    กรรมมันละเอียด คิดให้ออกนะจ๊ะ ผิดศีลข้อนี้ ทำให้มีอุปสรรคทางการเงิน ถ้าบังเอิญ โกงแล้วรวย ก็จะเจ็บป่วย พิการ เสียของรัก ผิดหวัง อย่างรุนแรง เพื่อประจานให้สังคมรับรู้ว่า เห็นไหม มีเงินเยอะแยะ แต่เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้ ซื้อโรคร้าย ให้หายไม่ได้ ซื้อความสงบใจไม่ได้ แล้วสุดท้าย

    เงินที่มี ที่โกงมาได้ ก็มีอันต้องเป็นไป หรือ ไม่ได้ใช้ หรือ ใช้ไม่ได้ดังปรารถนา บางคนได้มา เป็นเงินร้อน ได้มาก แต่ มีรายจ่ายมาก เก็บไม่ได้ ร้อนเงินอยู่เสมอ พระพุทธเจ้าท่านว่า คนผิดศีลข้อ อทินนา ทรัพย์ของตน จะต้องถูกทำลายจาก ไฟไหม้ โจรปล้น ภัยจากน้ำ จากลมพัด ดังนั้น ภัยพิบัติ ที่มาทำลายทรัพย์ผู้ใดให้เสียหาย ก็จงย้อนไปถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าตรงนี้เถิด

    ทำไมประเทศไทยน้ำท่วมมากมาย ปีที่แล้ว ทำไม ทั่วโลก น้ำท่วม มากมาย เสียหาย เสียทรัพย์ เสียชีวิตกันให้เห็น เป็นข่าวกันทั่วไป ย้อนไปดูความผิดศีล ข้อนี้ดูอีกทีนะจ๊ะ

    บทความธรรมะเหล่านี้ทั้งหมดเป็นของครูบาอาจารย์ผมที่ท่านเขียนสอนเอาไว้ เลยนำมาให้อ่านกันครับ
    ศีลข้อ 3 :
    กามา หรือ เรื่องเพศ เรื่องชู้สาว หมกมุ่นเรื่องเพศ คิดถึง พูดถึง เขียนถึง ลงมือประกอบกรรม ชิงสุกก่อนห่าม ผิดลูก ผิดสามี ผิดภรรยา มีเมียน้อย มีชู้ มีกิ๊ก มีความสำส่อน ฝักใฝ่แต่เรื่องเพศ

    หญิงสมสู่กับหญิง ชายสมสู่กับชาย ชอบดูภาพลามก หนังโป๊ หมกมุ่นวนเวียน เขียนอ่านดู แต่เรื่องเพศ เรื่องสมสู่ เรื่องลามก รวมความว่า หมกมุ่นในกาม

    ทำให้ตาบอด ตาพร่า มีปัญหาสายตา มีปัญหา อวัยวะเพศ ปัสสาวะติดขัด แสบ คัน หรือ ปัญหาอื่นๆ

    รวมทั้งเอดส์ หนองใน หรือ โรคเพศทั้งหลาย ทำให้ไม่สมหวังในความรัก ครอบครัวแตกแยก ลูก ภรรยา ไม่เชื่อฟัง สามีนอกใจ ลูกทำแต่เรื่องร้อนใจ สอนไม่ได้ เตือนไม่ได้ ไม่อยู่ในโอวาท ลูกน้อง เพื่อนฝูง ไม่จริงใจ ไม่ซื่อสัตย์ คอยหักหลัง คอยริษยา คอยแทงข้างหลัง คอยให้ร้าย ทำให้อับอาย อดสู ทุกข์ทรมานใจ กาย
    ศีลข้อ 4 :

    ข้อมุสา อันนี้ รวมหลายกรรม ทั้งโกหก กะล่อน ปลิ้นปล้อน ตอแหล นินทา ส่อเสียด เพ้อเจ้อ หยาบคาย ไร้สาระ พูดจา เขียน โดยไม่สำนึก ไม่มีความรับผิดชอบ ต่อสิ่งที่พูด ที่เขียน ที่ทำ ชอบพูดจาหยาบคาย พูดสองแง่ สองง่าม พูดลามปาม เถียงผู้ใหญ่ ต่อปาก ต่อคำ ไม่สำนึก ไม่มีมารยาท ชอบพูดจา มึง กู สบถ คำหยาบคาย เขียนคำลามก

    ดร.มาซารุ ได้วิจัยเรื่องผลึกของน้ำ ท่านบอกว่า ความคิด ตัวอักษร รูปภาพ เสียง การกระทำทุกอย่าง มีพลังงานที่พิสูจน์ผลได้
    โดยการทดลอง เอาแก้วน้ำหรือ ขวดน้ำ ไปตั้งไว้ใกล้ๆกับ
    1.คนที่คิดไม่ดีคิดร้าย กับคนอื่น และ
    2.อีกแก้วหนึ่ง เอาน้ำตั้งไว้ใกล้กับ คนที่คิดดีเสมอ คิดช่วยเหลือผู้คน มีเมตตา

    แล้วนำน้ำนี้ไปตรวจ โดยการแช่แข็ง แล้วนำออกมาให้ละลาย ช่วงที่น้ำแข็งละลาย นำไปส่องกล้อง จะเห็นผลึกของน้ำออกมา แตกต่างกัน

    คนที่คิดร้าย ผลึกของน้ำ จะออกมาเป็นรูปสะเปะสะปะ บ้างก็เป็นรูปคล้ายความคิดนั้น เช่นคิดฆ่า ก็เป็นรูป คนถือปืนเล็ง
    ส่วนคนที่คิดดี น้ำจะออกมาเป็นรูปเพชร ผลึกจะสวยงาม มีระเบียบ ละเอียด ไปตามความคิดนั้น

    น้ำทั้งสองตัวอย่างนี้ มีผลต่อเจ้าตัวที่คิดต่างกัน ถ้าเอาไปอาบ ทำอาหาร ดื่มกิน น้ำจากตัวอย่างแรก คนใจร้าย เมื่อคนดื่มกิน ใช้น้ำนี้ไป จะมีผลร้ายต่อผู้นั้น เช่นเจ็บป่วย มีเคราะห์กรรมสารพัด ส่วนน้ำที่ได้จากจิตคนที่คิดดี เมื่อดื่มกินใช้น้ำนี้ จะทำให้มีความสงบสุข โรคภัยไข้เจ็บหายได้

    คราวนี้ ก็มาดูน้ำในร่างกายเรา มีอยู่ ถึง 70 กว่า% ซึ่งก็คือ เลือด และ ของเหลวนั่นเอง
    ดังนั้น ผู้เป็นเจ้าของความคิด คำพูด การกระทำ รูปภาพ หรืออื่นๆ ที่กระทำทางไม่ดี เลือดของคนนั้น หรือธาตุน้ำในตัวคนนั้น จะรับสัมผัสพลังงานจากข้างต้นได้ก่อนคนอื่น ดังนั้น พลังนี้ จะไปทำลายเลือด ของเหลวในร่างกายให้เป็นเลือดพิษ ทำลายสุขภาพตัวเอง ทำให้เกิดเจ็บป่วย ด้วยโรคร้าย ที่หมอไม่สามารถหาสาเหตุ และ รักษาได้ นี่คือผลการวิจัย จากนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีการทดลองแล้ว มีผลจริงตามนั้น

    ดังนั้น การทดลองอื่นๆ เช่น เอาน้ำมาตั้งไว้ แล้วเอาอักษรหยาบคาย รูปภาพไม่เป็นมงคล เสียงที่ไม่สุภาพ เร่าร้อน กับ ภาพพระ อักษรที่สุภาพ ดีงาม เสียงสวดมนต์หรือ คำพูดไพเราะ วางไว้ใกล้น้ำ ผลออกมาต่างกัน ดังได้ยกตัวอย่างมาแล้วข้างต้น>>
    ดังนั้น ถือว่าผลการวิจัยนี้ ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แสดงว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า สามารถพิสูจน์ผล เป็นวิทยาศาสตร์ได้ เพราะ ธรรมะ คือ วิชา วิทยาศาสตร์

    คราวนี้ ก็อยู่ที่ว่า เราจะเลือก ทำลาย ทำร้ายตัวเอง หรือว่า เลือกที่จะทำให้ตัวเอง ได้ดี มีสุข ก็สุดแล้วแต่
    หนังสือ การวิจัยเรื่องน้ำนี้ มีขายตามร้านหนังสือ สำนักพิมพ์ชั้นนำทั่วไปชื่อหนังสือว่า สารจากวารี หรือ แมสเซส ฟรอม วอร์เทอร์ ลองไปซื้อมาอ่านดูนะ ละเอียดกว่านี้อีก ไม่ได้ค่าโฆษณาหรอกนะแต่อยากให้พ้นทุกข์

    ผู้ที่ผิดศีลข้อ 4 ดังได้กล่าวแล้วข้างต้น ไม่ว่า จะพูดคำหยาบ เขียนหยาบ โกหก ตอแหล นินทา ใส่ร้ายผู้อื่น เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น ผลกรรมจะทำให้เป็นคนปากเหม็น มีกลิ่นปาก มีปัญหา ในช่องปาก ฟัน ลิ้น ระบบการพูด การกิน อาจปวดฟัน ฟันไม่สวย ปากไม่สวย ผิดรูปร่าง เป็นใบ้ เสียงแหบพร่า ไม่น่าฟัง เป็นโรคกรดไหลย้อน เป็นไทรอยด์ เจ็บคอ คออักเสบ เจ็บลิ้น ลิ้นเป็นแผล ปากเปื่อย ร้อนใน ปากแตก ปากเจ่อ หรือ ได้รับอุบัติเหตุ ที่ปาก คอ ฟัน ลิ้น เป็นต้น

    ศีลข้อ 5
    ข้อสุรา เหล้า เบียร์ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เครื่องดองของเมา
    พระพุทธเจ้า ทรงห้ามต้องมีเหตุผลสำคัญมาก แต่ก็หามีคนเชื่อทุกคนไม่ ทั้งที่เป็นคนไทย เป็นชาวพุทธ ไม่ว่าดื่ม กินเอง ซื้อ หรือ ให้ คนอื่น

    สนับสนุนให้คนอื่นดื่ม ทั้งทางตรง ทางอ้อม ใส่กระเช้าของขวัญ เป็นของกำนัล จัดงานเลี้ยง งานศพ งานแต่ง สงกรานต์ ขึ้นบ้านใหม่ หรือ ไม่ต้องมีเทศกาลอะไร ก็หาเรื่องกินได้ทุกวี่ทุกวัน

    ไม่ว่ากินโอกาสไหน ก็ทำลายศีลทั้งนั้น ศีลทุกข้อ พระพุทธเจ้าท่านว่า ทำผิดศีลด้วยตนเอง ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นทำผิดศีล (ยุ จ้างวาน ใช้ บังคับ)

    ยินดีที่เห็นผู้อื่นทำผิดศีลแล้ว บาปเท่ากันเลยนะ และ เห็นคนทำผิดศีลแล้ว นิ่งดูดาย ไม่ห้าม ไม่บอก ด้วยความเมตตา ถือว่า เห็นดีด้วย หรือจะอ้างว่า ขี้ขลาดหวาดกลัว เดี๋ยวเขาหาว่า เราเสือกเรื่องของเขา กลัวมีศัตรู ก็เพราะคิดกันแบบนี้แหละ ชีวิตเวลาตกอับ จึงไม่มีคนช่วย ไม่มีคนคอยอุปถัมภ์

    เพราะกรรม ที่เป็นคนใจดำ นิ่งดูดาย ต่อทุกข์ ความเดือดร้อนของผู้อื่น เห็นแก่ตัว ใจแคบ เอาแต่ได้ ไม่ยอมเสียไม่ยอมทำอะไรเพื่อใคร ชีวิตก็จึงต้องเดียวดาย ไร้ที่พึ่งพิง

    ผมขออนุญาติรวมรวมผลของกรรมในบางส่วนที่เคยเห็นมากับตัวเองที่บ้านสวนพีระมิดและพอจำได้ เพื่อช่วยให้หลายๆท่านที่จะไปร่วมงานธรรมะบำบัดสัญจรได้ระลึกถึงกรรมตนเอง ซึ่งบาปกรรมเหล่านี้บางสิ่งนั้นเราไม่เคยทราบมาก่อนว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีปัญหาชีวิตมากมาย ทั้งโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ การงาน การเงิน ฯลฯ

    บางคนคิดว่าหลายปีมานี้เราไม่เคยทำกรรมอย่างที่ท่านอาจารย์อุบลถามเราก็เลยไม่ยกมือหรือตอบท่าน ซึ่งเราเข้าใจผิดแล้วกรรมที่เราทำมาตั้งแต่เกิดจนถึงวันนี้ บางกรรมก็อาจส่งผลเลยทันที บางกรรมก็รอส่งผลอีกหลายสิบปีก็มี ดังนั้นกรรมทุกอย่างที่เราทำมาตั้งแต่เกิดจนถึงวันนี้ หรืออาจเป็นกรรมแต่ชาติก่อนมาส่งผลก็มี ซึ่งเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายคอยจ้องเอาคืนอยู่ตลอดเวลา

    และผมเห็นกับตาว่าท่านที่นึกกรรมได้และได้สารภาพพร้อมจิตที่สำนึกและตั้งใจจะไม่กลับไปทำบาปอีก อาการเจ็บป่วยก็หายทันทีอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งๆที่ป่วยมานับหลายปีหรือถึงสิบปีก็มี เช่น ปวดหลัง ปวดขา ปวดบ่า ปวดนั่นปวดนี่อีกมากมาย

    1. โรคเกี่ยวกับขา เช่น ปวดขา ขาตึง ขาร้อน ขาชา อื่นๆ
    เคยใช้ขาทำลายความดีทุกประเภท เช่น
    -หันเท้าไปทางพระ ใช้เท้าเหยียบเหรียญ ธนบัตรซึ่งมีรูปในหลวงอยู่
    -เดินกระทืบเท้า เวลาโกรธ โมโหพ่อแม่ หรือคนอื่นๆ
    -ใช้เท้าแทนมือ เช่น เปิดปิด พัดลม เขี่ยสิ่งของ และอื่นๆ
    -เดินข้ามคน สิ่งของ เช่น เดินข้ามพ่อแม่ซึ่งนอนอยู่ หรือมีสิ่งของก็ไม่ยอมเก็บกลับปล่อยอย่างนั้น เดินข้ามไปมา
    -ใช้ขาเตะทำร้ายคน สัตว์ สิ่งของ หรือบางทีก็เต๊ะหยอกกันเล่น ซึ่งบางท่านคิดว่าไม่บาป แต่ลองถามคนที่โดนเราเตะเล่นสิเขาชอบไหม อย่าเอาใจตนเองเป็นสำคัญ ผมเห็นคนคิดอย่างนี้แต่พอสารภาพบาปอาการที่ขากลับหายทันที
    -ใช้ขาเดินไปที่ไม่สมควร หรือไปทำความชั่ว เช่น ไปที่อโคจร แหล่งอบายมุข ไปทำร้ายคนอื่น ฯลฯ
    -เคยทำลาย ทำร้ายขาคนอื่น หรือสัตว์มา เช่น ใช้ไม้ตีขาคนอื่น ตีขาสัตว์ ขาแมว ขาหมา ฯลฯ
    และอื่นๆอีกมากมายนะครับ นึกไรได้ก็จดเอาไว้นะครับ

    2.มีปัญหาการเงิน
    - เคยลักทรัพย์มา เช่น ขโมยเงินพ่อแม่ตอนเด็ก หยิบเงินไปโดยไม่บอก555 ขโมยปากกา ดินสอ ยางลบเพื่อน
    - เคยทำแท้ง รู้เห็นหรือให้คำแนะนำ ส่งเสริมเห็นดีเห็นงามไม่ว่าจะได้ยินที่ไหนมาก็ตาม หรือพาเพื่อนไปทำแท้ง ให้เงินไปทำแท้งเป็นต้น จิตวิญญาณเด็กเหล่านี้เกาะวนเวียนทำให้มีปัญหาสุขภาพและการเงิน การงานเป็นอย่างมาก ซึ่งเคยพิสูจน์มาแล้วที่บ้านสวนพีระมิด
    - ทำงานราชการ แต่มาสาย กลับก่อน อู้งาน นินทานาย กินกาแฟนนาน เอาของหลวงกลับบ้าน เข้าห้องน้ำทั้งวัน แต่รับเงินเดือนเต็ม เรียกว่าติดหนี้แผ่นดิน เพราะเงินเดือนมาจากภาษีอากร
    - ทำงานบริษัท มาสาย กลับก่อน อู้งาน นินทานาย เอาของบริษัทกลับบ้าน กระดาษ ปากกา อื่นๆ
    - ติดหนี้สงฆ์ ขโมยของวัด เช่น ตอนเด็กขโมยมะม่วงวัด เอาของที่พระให้มากลับบ้าน ซึ่งของที่โยมไปถวาย ถือว่าเป็นของสงฆ์ของวัด พระรูปใดรูปหนึ่งหรือแม้แต่เจ้าอาวาสไม่มีสิทธิ์ให้ใครทั้งนั้น ยกเว้นมีมติสงฆ์ทั้งหมดพร้อมใจให้ ดังนั้นบาปหนักทั้งคนให้คนรับ
    - ขายของใช้เล่ห์เหลี่ยมทำให้คนอื่นเสียทรัพย์โดยไม่เต็มใจหรือไม่รู้ เช่น ของไม่ดีบอกว่าดี เขาก็ซื้อไป ถือว่าโกงทรัพย์เขา ผิดทั้งข้อ4 และข้อ2
    - เป็นพวกชอบของฟรี ไม่ต้องทำงาน ขอให้มีของฟรีที่ไหนกระโดดเข้าใส่ บางทีเพื่อนเลี้ยง สั่งดะเต็มที่ ทั้งๆที่เขาอาจมีงบแค่500 แต่เราไม่เคยสนใจว่าเขาอยากเลี้ยงอะไรแค่ไหน ลุยของฟรีอย่างเดียว
    -เป็นคนไม่เคยทำทาน ขี้เหนียว ตระหนี่
    -อื่นๆอีกมากมาย

    3.ปวดคอ ปวดไหล่
    - เคยทำแท้ง เคยทำแท้ง รู้เห็นหรือให้คำแนะนำ ส่งเสริมเห็นดีเห็นงามไม่ว่าจะได้ยินที่ไหนมาก็ตาม หรือพาเพื่อนไปทำแท้ง ให้เงินไปทำแท้งเป็นต้น จิตวิญญาณเด็กเหล่านี้เกาะวนเวียนทำให้มีปัญหาปวดคอ ปวดไหล่และการเงิน การงานเป็นอย่างมาก ซึ่งเคยพิสูจน์มาแล้วที่บ้านสวนพีระมิด
    - เคยใช้เชือกล่ามสัตว์ที่คอ เช่น หมา แมว
    และอื่นๆ

    4.ปวดหลัง เช่น ไขกระดูกทับเส้น เจ็บหลังเรื้อรัง เป็นต้น
    - เคยทำร้ายคน สัตว์ที่หลัง เช่นตีหลังคน สัตว์
    - อันนี้เด็ดคือเคยผิดศีลข้อ3 ใช้หลัง เอว ขา เข่า ทำบาปเกี่ยวกับข้อกามาอย่างมากมาย ซึ่งหลายๆคนพอรับสารภาพปุ๊บ อาการที่หลัง เอวและขา หายปั๊บทันที
    - เคยเหยียบหลังให้พ่อแม่ ถึงแม้ว่าท่านบอกให้ทำก็ตาม แต่นั่นเป็นกรรมซึ่งสิ่งที่ทำให้ท่านปวดหลังนั้นเกิดจากผลกรรม เราไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้น ซึ่งเคยพิสูจน์มาแล้ว พอคนสารภาพบาปเรื่องนี้ อาการที่ปวดหลังก็หายหรือดีขึ้นในทันที
    - อื่นๆอีกมากมาย

    5.ลูก/บริวาร ดื้อ กระด้าง ไม่เชื่อฟัง สร้างปัญหา
    - ผิดศีลข้อ3มาทั้งนั้น ไม่ว่าจะผิดศีลก่อนแต่ง หลังแต่ง หรือคิดชอบคนอื่นขณะที่เรามีคู่ครองแล้ว หรือใช้คำพูดเกี้ยว ส่อไปทางกามรมณ์หรืออื่นๆ

    6. มีปัญหาสายตา เช่น สายตาสั้น เป็นต้น
    - เคยใช้สายตาในทางที่ผิด เช่น ด่าด้วยสายตา มองค้อนด้วยสายตา หรืออื่นๆ
    - ดูภาพโป๊ ภาพลามก สิ่งไม่เป็นมงคลทั้งหลาย
    - เคยทำลายดวงตาคนอื่นมา เช่น ทำให้ตาคน สัตว์ บาดเจ็บมาก่อน
    -และอื่นๆ

    7.ปวดหัว ไมเกรนเรื้อรัง สมองเบลอ
    - กินเหล้า เบียร์ ของมึนเมา
    - ขายเหล้า เบียร์ ของมีนเมา นี่โทษหลายเด้งเลย
    - คิดไม่ดีกับคนอื่น เช่น ด่า สาปแช่ง
    - เคยหยอกล้อ ใช้อวัยวะหรือสิ่งอื่นๆทำร้าย หรือล้อเล่นที่ศรีษะคนอื่น ตีหัวคนอื่น ตบหัวคนอื่น
    - และอื่นๆ

    8.โรคเบาหวาน เกิดจากการฆ่าสัตว์ต่างๆ เช่น ฆ่าหมู ฆ่าไก่ ฆ่าปลา เป็นต้น

    9.โรคไทรอยด์ เกิดจากการใช้ปากทำลายความดี เช่น ปากหมา ปากจัด ด่าเก่ง พูดเลอะเทอะ คอยว่าแต่คนอื่น ตัวเองดีหมด พูดโกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อนตอแหล

    ผมเขียนไม่หมดหรอกครับ เพราะเยอะเหลือเกินครับขอเขียนแค่เป็ฯตัวอย่างให้ท่านพอเห็นภาพและนึกออก เพราะเห็นวิบากกรรม ผลกรรมของสิ่งเหล่านี้มาเยอะมากครับที่บ้านสวนพีระมิด และท่านอาจารย์ก็พิสูจน์ให้เห็นกันจะๆเลย ว่ามีผลจริงหรือไม่ บางอย่างที่เราคิดว่าไม่น่าใช่ ไม่น่ามีผล แต่กลับมีผลจริงๆ คือคนยอมรับ สำนึก อาการนั้นก็หายไป อัศจรรย์ใจมาก ได้รู้ความละเอียดของกรรมดีมาก

    และที่สำคัญกรรมนั้นไม่ใช่ว่าเราเพิ่งทำจะส่งผลทันทีก็อาจไม่ใช่ทั้งหมด บางกรรมเกิดจากเราทำตั้งแต่เด็กๆมา เพิ่งจะส่งผลในตอนนี้ก็มี ขอให้ทุกท่านคิดถึงกรรมที่ตนเองทำให้ออกนะครับ เวลาท่านอาจารย์อุบลใช้ธรรมะบำบัด ท่านก็จะระลึกถึงกรรมของตนเองได้ และจะพบปาฏิหาริย์เหมือนผมและคนอื่นๆได้เจอกันแบบจะๆ จัดเต็ม อ้าปากค้างเลยทีเดียว
     
  2. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,673
    ไม่ทราบว่าเรื่องที่นำมาโพสต์นี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคุณ wisakha เองรึป่าวคะ เพราะเคยอ่านเจอจาก(เว็บธรรมะไทย ที่โพสต์โดยคุณ ร่มใบโพธิ์)

    แต่จากการอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่นั้นมา ดิฉันเลิกใช้เท้าแทนมือไปเลย (หุห แต่ก่อนใช้เป็นบางครั้ง เพราะด้วยความขี้เกียจก้ม นึกไม่ถึงว่าจะสามารถสร้างวิบากได้ด้วย )

    แล้วก็พยายามตรวจดูว่าเวลานอน จะมีอะไรหรือสิ่งใดที่ไม่ควรอยู่ มาวางอยู่ปลายเท้ารึป่าว เวลาเดินก็จะไม่เหยียบหรือข้ามตัวหนังสือที่อยู่ตามทางเท้าหรือป้ายประกาศที่อยู่ตามพื้น

    (สำหรับการปชส.ที่เป็นตัวหนังสือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะทำให้เห็นในระดับสายตาหรือเหนือสายตามากกว่าจะวางหรือเขียนไว้ตามพื้นให้ผู้คนเหยียบหรือข้ามตัวหนังสือไปข้ามตัวหนังสือมานะ
     
  3. wisakha

    wisakha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +211



    ไม่ค่ะเพียงแค่เอามาให้ผู้ที่ไม่เคยอ่านได้อ่าน หลายเหตุผลของใครของมันแล้วแต่ว่าใครจะไตร่ตรองแบบไหนค่ะ

    ใครมีปัญญาก็ไตร่ตรองดูว่า ควรจะทำอย่างนั้นรึไม่ค่ะ อย่าเพิ่งเชื่อทั้งหมด
     
  4. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เจตนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ
    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า เจตนา คือ ตัวกรรม

    ในแวดวงพุทธศาสนาปัจจุบัน ก็มีหลายรูปแบบ หลายชั้น หลายความเชื่อ

    ก็ขอให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย พึงตั้งจิตอยู่ในความเป็นกลาง

    การยึดมั่นในข้อศีลวัตรแบบผิดๆ ก็เป็นทางที่ทำให้ไม่สามารถพ้นไปจากทุกข์ได้เช่นกัน

    แม้องค์หลวงปู่มั่น พระอรหันตสาวก ก็รักษาศีลดังนี้

     
  5. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    อ่านดูแล้วบทความของจขคฟังดูมั่วๆจับแพะชนแกะ ไม่เห็นจะจริงเลย


    ถ้าไม่รักษาศีลข้อ 1จะทำให้คนตาย ป่วย หรือ ไม่ สวย แต่ทำไมคนที่ตายก่อนวัยอันควรที่ดิฉันรู้จักพวกเขาทั้งสองคนจัดว่าหน้าตา รูปร่าง ดีมาก และทั้งสองคนก็มีความเมตตาต่อสัตว์มาก

    พวกที่โกรธง่าย โมโหร้าย แค้น พยาบาท จะเป็นโรคผิวหนังชัดเจน มีสิวเต็มหน้า
    มีฝ้า ด่างดำ เป็นกลากเกลื้อน ไปจนถึง โรคสะเก็ดเงิน รักษาไม่หาย หรือ ด่างขาว ฯลฯ?


    ดิฉันตัวโกรธง่ายเลย แต่หายเร็ว แต่ไม่เคยเป็นสิว หน้าไม่ล้าง ก็ไม่เคยเป็นสิวแม้แต่เม็ดเดียว


    แต่เรื่อง คนดื่ม เหล้า เบียร์ สุรา ยาดอง สารเสพติดแล้วป่วยเป็นมะเร็ง ประเด็นนี้นะเชื่อว่าจริง
     
  6. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ก็เคยได้อ่านจากเว็ปไซต์ดูโทรทัศน์เกี่ยวกับบ้านสวนพีระมิดมาบ้าง ถ้าอ่านตามข้างบนแล้วข้อห้ามจะเยอะมาก รักษาศีล 5 ให้เป็นปกติก็ไม่ใช่ว่าจะง่ายแล้ว แต่มีอยู่ข้อหนึ่งกำลังเห็นผลกับคนที่เรารู้จักมาประมาณ 10 ปี เขาเคยผิดศีลข้อ 3 จริง ปัจจุบันเขาบอกเราว่าเขารู้สึกปวดเมื่อยไม่หายสักทีคาดว่าเป็นกระดูกทับเส้น แต่ตอนนี้เขากำลังไปสแกนกระดูกว่าเขาเป็นมะเร็งหรือเปล่าซึ่งยังไม่ทราบผล มันก็ทำให้เราคิดว่ากระทู้ข้างต้นก็น่าจะมีส่วนเป็นจริงอยู่บ้าง รอดูต่อไปสังเกตรอบตัว ถ้าที่ท่านกล่าวเป็นจริงไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน เหตุการณ์ของใคร มันก็จะปรากฎตอนนั้น ใช้ปัญญาคิดไตร่ตรองตามหลักก็แล้วกัน
     
  7. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เรื่องของกรรม นี่มันเป็นเรื่องซับซ่อนนะ

    แต่สำหรับมนุษย์ปกติแล้ว ส่วนใหญ่ ไม่ได้ใช้กรรมของชาติปัจจุบันสักเท่าไหร่นะ ส่วนใหญ่จะเป็นกรรมจากอดีตชาติเสียมากกว่า

    ในพระไตรปิฎก ส่วนของอภิธรรม ก็มีกล่าวไว้ ว่า กรรมลักษณะใด ที่บันทึกลงในจิต จะให้ผลเมื่อชาติใด โดยปกติแล้ว กรรมของมนุษย์ส่วนใหญ่ ว่ากันคร่าวๆ ทั่วไป จะให้ผล ในชาติที่ 3 หลังจากที่ทำกรรมไว้

    สำหรับเรื่องบ้านสวนพีระมิด นี่ก็ให้ตรึกตรอง พิจารณาดูดีๆ แล้วกัน ว่า คำสอนยังถูกต้องจริงอยู่หรือเปล่า หรือ ไปขัดแย้งกับพระพุทธองค์ไปแล้วหรือยัง
     
  8. lotusbudth

    lotusbudth สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +155
    ไม่ทราบจะยังมีผู้ใดกลับมาในกระทู้นี้อีกไหมนะคะ ขอร่วมแสดงความคิดเห็นโดยรวบรวมจากที่เคยได้ยินได้ฟังได้อ่านมาค่ะ
    ก่อนอื่น... ประเด็นหลักของเรื่องราวที่จขกท. ยกมาให้อ่าน คือ ให้เชื่อในเรื่องของกรรม ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวบุคคลใด ย่อมเกิดจากสิ่งที่ตนเคยกระทำมาทั้งสิ้น ดังนั้น เรื่องนี้สำหรับท่านที่เขามาอ่านและคุยกันในกระทู้นี้ ดูเหมือนจะเห็นพ้องต้องกันแล้วว่าเป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้จริง ดังนั้นไม่มีปัญหา...

    แต่อีกประเด็นที่เกิดสงสัยกันคือ กรรมให้ผลอย่างไร ทำไม...บางคนทำกรรมตรงตามที่พระหรือครูอาจารย์ท่านสอนไว้ แต่ไม่เห็นได้รับผลของกรรมแบบที่ท่านได้บอกไว้

    ก่อนอื่นขอบอกว่า เรื่องกรรมนี้ เป็นหนึ่งใน สิ่งที่เป็น อจินไตย คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรตามคิด(หาเหตุต้นผลปลายเอาเอง) เพราะคนธรรมดาไม่สามารถที่จะหยั่งถึงได้ เป็นเรื่องที่พ้นวิสัยปุถุชนที่จะทราบแท้จริง คิดไปก็ไม่มีประโยชน์ และอาจเป็นโทษด้วย จากการฟุ้งซ่านหรือเสีนสติ ...

    แต่เท่าที่ชาวพุทธจะพอเข้าใจได้ในเรื่องกฏแห่งกรรมตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ดิฉันขอพูดสรุปๆ ให้ฟังคร่าวๆ ดังนี้ คือ กรรมนั้นให้ผลตามความหนักหรือเบาของกรรม แล้วยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นอีกมากมาย
    กรรมนั้นมีทั้ง ลหุกรรม แปลว่ากรรมเบา ครุกรรม แปลว่ากรรมหนัก(เช่น ฆ่าพ่อแม่ ทำพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต ทำสังฆเภท=ทำสงฆ์ให้แตกแยกกัน เป็นต้น) อาจิณกรรม คือกรรมที่ทำเป็นประจำ และมีอื่นๆ นะคะ ท่านหาอ่านได้ ขอยกตัวอย่างเท่านี้ก่อน

    แต่จะยกคำว่า "แล้วยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นอีกมากมาย" ที่ดิฉันอ้างข้างบน โดยเป็นเรื่องที่สมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อนท่านสอนว่า ... มนุษย์เรา เกิดมาแล้ว ไม่รู้ว่ากี่ล้านๆๆ กี่ชาติ หาต้นไม่ได้ หาปลายไม่ได้ และได้ทำกรรมต่างๆ ทั้งดีและชั่วไว้มากมาย ...ลองนึกดู หากว่าท่านเขียนข้อความต่างๆ ลงบนกระดาษแผ่นหนึ่ง เขียนไปเรื่อยๆ แล้วก็เขียนทับซ้อนกันไปซ้อนกันมาเรื่อยๆ ในที่สุด...ท่านจะเห็นว่า ไม่สามารถอ่านข้อความได้ ยิ่งเป็นข้อความที่เขียนไว้ก่อนนานๆ ก็แกะไม่ออกแล้วว่าได้เคยเขียนอะไรไว้ ดิฉันขอบอกว่า นี่แหละค่ะ คือเหตุผล"หนึ่ง"ที่ คนแต่ละคน ทำกรรมอย่างเดียวกัน แต่กลับมีผล ณ ขณะนั้นแตกต่างกัน
    เช่น ถ้าคุณในชาติก่อนๆ เคยทำดีไว้ไม่น้อย แล้วในชาตินี้ คุณทำสิ่งไม่ดีเล็กน้อย คุณอาจจะยังไม่เห็นผลกรรมชั่วของคุณในทันทีทันใด เพราะกรรมดีของคุณยังพยุงคุณไว้อยู่ แต่ในขณะที่ถ้าคุณไม่มีกรรมดีมากพอ แถมกรรมชั่วที่คุณทำในขณะนี้มันหนักหนา ก็อาจจะเกิดผลในเร็ววัน

    ยกอีกตัวอย่าง ที่จะอธิบายเรื่องการให้ผลของกรรม ถ้าคุณเป็นสายวิทยาศาตร์หรือคุ้นเคยกับวิธีการทำการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ คุณก็คงจะทราบว่า เวลาจะทำการทดลองใดใด สมมติว่าในการเรียนแล้วกันนะคะ ถ้าจะให้ผลการทดลองออกมาตรงตามทฤษฎีเป๊ะ การทดลองนั้นจะต้อง ควบคุมสิ่งแว้ดล้อมให้ตรงกับทฤษฎีเป๊ะ เช่น ทดลองในห้องปิด อุณหภูมิเท่าไร ป้องกันสารปนเปื้อน ป้องกันแม้แต่สิ่งที่ไปสัมผัสตัวทดลอง เช่น ต้องใส่ถุงมือ หน้ากาก โพกหัว ล้างมือ บ้างต้องอาบน้ำ ฯลฯ พอควบคุมห้องแล้ว ยังต้องควบคุมตัวที่จะทำปฏิกิริยาต่อกันอีก ทั้ง ขนาด รูปทรง ฯลฯ มาพูดถึงที่สงสัยกันต่อถึงเรื่องทำไม ผลของกรรม..จึงไม่ตรงกันกับที่พระสอน ...แต่ดิฉันว่าอ่านถึงตรงนี้ คุณก็คงจะทราบแล้วว่า เพราะมันไม่ได้ เกิดจากสภาพแว้ดล้อมที่ตรงกันเป๊ะ ไงคะ จากที่สมเด็จพระสังฆราชทรงสอนข้างบน

    คนในโลกนี้ พันล้านๆ คน มีกรรมเฉพาะตัว คือทำกรรมไม่เหมือนกันเลยสักคน คือมี พันล้านล้านแบบ นี่ยังไม่นับสัตว์นะเนี่ยะ

    ... สิ่งที่จะปรากฏจากกรรมปัจจุบัน มันจึงไม่เหมือนเด๊ะ ไง

    แต่...กรรมที่ทำลงไป ไม่หายไปแน่นอน มันจะ...พูดง่ายๆ เหมือนกับว่า รอให้ผล เมื่อ ถึงเวลา

    ทั้งกรรมดี และกรรมไม่ดี

    แต่ กรรมในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะ เส้นทางในอนาคต จะไปอย่างไร ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณทำในปัจจุบัน

    ยกตัวอย่างเรื่องของจขกท. เลยค่ะ เอาแค่ในชาติปัจจุบันที่เจ้าของผู้เล่าเรื่องเล่าถึง คือมีกรรมในอดีตวัยเด็ก ทั้งที่ดีคือชอบศึกษาธรรมะ และ ที่ไม่ดีตามที่เล่าเรื่องการใช้เท้าต่างๆ
    กรรมส่งผล...ให้เกิดอุบัติเหตุขาพิการ กรรมที่ทำต่อมาคือได้พยายามปฏิบัติธรรม และส่งผลให้พบครูอาจารย์ที่ชี้ทาง และเมื่อเกิดศรัทธา จากการที่ตัวเองหายจากพิการ ก็พยายามช่วยคนอื่นต่อ

    กรรมปัจจุบัน ของผู้เล่า ถ้าหากเปลี่ยนไป เช่น ตามที่เล่าว่าแรกๆ คิดโทษเพื่อน หากเอาแต่คิดโทษคนอื่น และไม่มีใจคิดจะเข้าทางธรรม ก็จะไม่พบครูอาจารย์ ก็จะไม่หายพิการ ก็จะไม่ทำความดีต่อ

    อนาคต ถ้าแบบ...เสมอๆ ตัวคือชาตินี้ ก็ก่นด่าโชคชะตาและโกรธเพื่อนไป แล้วก็พิการจนตาย แถมอาจจะไม่ทำดีอะไรมากมาย
    ถ้าแบบแย่ๆ อาจจะเสียใจ กินเหล้าเมายา ทำร้ายผู้อื่น ให้ร้ายสังคม ทำร้ายตัวเอง ประณามสิ่งศักดิ์สิทธิ์(ซึ่งเป็นกรรมลบหลู่ซ้ำเข้าไปอีก ทีนี้ด้วยวาจา)

    เป็นผลจากกรรม ณ ขณะปัจจุบัน ที่มีเหตุเกิดขึ้น แล้วคิดได้ แล้วเลือกที่จะทำอะไร ซึ่งนำไปสู่ชีวิต ที่จะดี หรือ เลวต่อไป
    และขอตีขลุมว่าทุกคนเชื่อเรื่องชาติหน้าแล้วกันนะคะ เมื่อชาติปัจจุบันของผู้เล่า ได้พยายามทำดีหลังจากที่ได้รับความรู้แล้ว ไปจนตลอดชีวิตที่เหลือ ดังนั้น ในชาติถัดๆ ไป ผลกรรมดีก็จะพยุงเขาไว้ หากว่า กรรมชั่วจากชาตอดีตหรือปัจจุบันตามมาทันอีก ถ้าต้องรับผลกรรม ก็อาจจะผ่อนหนักเป็นเบา หรือรับผลแล้ว ก็เป็นเช่นที่เล่ามา คือ คิดได้และผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

    มาถึงอีกประเด็น..สุดท้าย คือเรื่องการที่จะเชื่อ หรือไม่เชื่อ สำนัก หรือบุคคลใด ก่อนอื่น ขอให้ใช้หลักกาลามสูตร และขอให้เทียบอย่างง่ายที่สุดในขั้นต้น คือ สิ่งที่เขากล่าวนั้นผิดศีลไหม เทียบแค่ศีล ๕ ก่อนก็ได้ค่ะ เพราะถ้าผิดแม้ศีลที่ปรกติที่สุดแล้ว ที่สูงกว่านั้นก็คงไม่รอด
    แต่ถ้าไม่ผิดศีล ก็ค่อยดูต่อไป ...ถ้าอยากรู้ว่าถูกหรือผิด จริงหรือเท็จ อยากทราบจริงๆ ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีเลยคือ เริ่มศึกษาธรรมะเลยค่ะ หัวใจนักปราชญ์ สุ จิ ปุ ลิ เลยค่ะ ยิ่งถ้าลงมือปฏิบัติธรรม หมายถึง ไม่ว่าจะสมาธิหรือวิปัสสนา ก็จัดไปค่ะ
    และพระพุทธเจ้าท่านสอนว่า อย่ายึดติดกับตัวบุคคลหรือสถานที่ค่ะ สิ่งใดเป็น ธรรม สิ่งนั้นก็เป็นธรรม ไม่ว่าใครจะเป็นคนพูด แต่หากโชคดีพบผู้รู้จริงเป็นผู้สอน ก็ยิ่งดีค่ะ เป็นโชคของท่าน
    จบค่ะ สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๖ ค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...