พระสรฺว ตถาคตา ธิษฺฐาน หฤทย คุหฺย ธาตุ ครณฺฑ มุทฺราธารณี สูตฺร

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย janepat2549, 2 เมษายน 2011.

  1. janepat2549

    janepat2549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,963
    ค่าพลัง:
    +1,284
    สรฺว ตถาคตา ธิษฺฐาน หฤทย คุหฺย ธาตุ ครณฺฑ มุทฺราธารณี สูตฺร


    [BIGVDO]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=61672[/BIGVDO]​

    ภาพการ์ตูนเรื่องราวของพระธรรมสูตร จากเว็ปไซต์ [URLI="http://www.alcoo.com/"]www.alcoo.com[/URLI]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2011
  2. janepat2549

    janepat2549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,963
    ค่าพลัง:
    +1,284
    สรฺว ตถาคตา ธิษฺฐาน หฤทย คุหฺย ธาตุ ครณฺฑ มุทฺราธารณี สูตฺร




    [​IMG]
    (จากภาพ:รูปพระสถูปที่จารึกพระรัตนครัณฑมุทราธารณีมนตร์)

    ข้าพเจ้าได้สดับมาดังนี้ สมัยหนึ่ง สมเด็จพระผู้มีพระภาค ได้ประทับที่เมืองมคธ ในสระรัตนภาโบกขรณี ภายในวิมลาอุทยาน พรั่งพร้อมไปด้วยมหาโพธิสัตว์และมหาสาวก เทพยดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหราค มนุษย์และอมนุษย์ทุกหมู่เหล่าจำนวนนับร้อยนับพันพ้นประมาณ ซึ่งแวดล้อมพระพุทธองค์อยู่ตลอดเบื้องหน้าและเบื้องหลัง


    ในครั้งนั้น ณ ท่านกลางหมู่ชน มีมหาพราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อ วิมลสุภา เป็นผู้พหูสูตร ฉลาดหลักแหลมทั้งเป็นที่ยินดีแก่ผู้ได้ประสบ เป็นผู้ดำเนินทศกุศลจริยาอยู่เสมอ ศรัทธายึดมั่นพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เป็นผู้ที่มีจิตยิ่งในกุศล มีปัญญาญาณสุขุมคัมภีรภาพ ปรารถนาให้สรรพสัตว์ทั้งปวงได้สมบูรณ์ซึ่งประโยชน์อันดีงาม และถึงพร้อมในมหาธนรัตนสานสมบัติทั้งปวงอยู่เนืองนิตย์


    กาลนั้น วิมลสุภาพราหมณ์ ได้ลุกขึ้นจากอาสนะ เข้าไปกราบถวายบังคมพระพุทธองค์ยังที่ประทับ แล้วประทักษิณาวัตรเจ็ดรอบ น้อมถวายมวลบุปผชาติและสุคันธชาติเป็นเครื่องสักการะแด่พระโลกนาถเจ้า ยังน้อมถวายอาภรณ์ สร้อยเกยูรรัตนศิราภรณ์อันประมาณมิได้เพื่อประดับยังพุทธสรีระ น้อมศรีษะนมัสการที่พระบาททั้งสองของพระศาสดา แล้วมายืนอยู่ด้านหนึ่งทูลอาราธนาว่า "ข้าแต่พระโลกนาถเจ้าผู้ประเสริฐ พร้อมด้วยมหาสาวกทั้งปวง ในยามรุ่งพรุ่งนี้ขอพระองค์โปรดเสด็จยังเรือนของข้าพระองค์ เพื่อรับการถวายสักการะด้วยเถิด พระเจ้าข้า"


    สมัยนั้น พระโลกนาถเจ้า ทรงดุษณีพภาพนิ่งอยู่โดยอาการ ครั้นเมื่อพราหมณ์ทราบว่าพระพุทธองค์ทรงรับนิมนต์แล้ว จึงรีบกลับเรือนในทันที ตลอดราตรีได้ปรุงโภชนาหาร อันเป็นภัตคือเครื่องฉัน เครื่องดื่มนานาชนิด ขัดล้างเคหสถาน ประดับธงทิวแลร่มฉัตรจนถึงเพลาอรุโณทัย ครั้นแล้วจึงพร้อมด้วยครอบครัวบริวาร ต่างถือบรรดาเครื่องหอมและมวลมาลี พร้อมกับเครื่องสังคีตดนตรีทั้งปวง ไปยังสำนักแห่งพระตถาคตเจ้า แล้วกราบทูลว่า "ถึงเพลาแล้วขอพระองค์เสด็จเถิดพระเจ้าข้า"


    บัดนั้น พระโลกนาถเจ้าได้ตรัสตอบวิมลสุภาพราหมณ์ แล้วทรงประกาศแก่มหาชนอันประกอบด้วยพระสาวกว่า "พวกเธอควรไปยังเคหสถานแห่งพราหมณ์เพื่อรับการสักการะเถิด ซึ่งจะเป็นเหตุใหเพราหมณ์นั้นได้รับประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่"


    ครั้นแล้ว พระโลกนาถเจ้าจึงทรงลุกขึ้นจากบัลลังก์อาสน์ ทันทีที่ทรงลุกจากอาสนะ พระวรกายได้เปล่งรัศมีสว่างไสวนานัปการวิจิตรงดงามอันหามิได้ในโลก ส่องสว่างไปในทิศทั้งสิบทำให้(โลกธาตุทั้งหลาย)ได้รู้ถึงนิมิตมงคล จากนั้นก็ได้เสด็จพุทธดำเนิน


    ครั้งนั้น พราหมณ์ก็ยกชูเครื่องหอมและดอกไม้ขึ้นด้วยความเลื่อมใสพร้อมกับบริวาร เทพเจ้า นาค และสัตว์ในคติแปด(มี ๑.เทพ ๒.นาค ๓.ยักษ์ ๔.คนธรรพ์ ๕.อสูร ๖.ครุฑ ๗.กินนร ๘.ใหราค) พระอินทร์ พรหมราชและท้าวจตุโลกบาลเทวราช ได้นำเสด็จล่วงหน้าไปเพื่อจัดแจงทางพระดำเนินของพระตถาคตเจ้า


    เมื่อพระโลกนาถเจ้าเสด็จไปไม่ไกลนัก ถึงอุทยานแห่งหนึ่งชื่อ มหาธนะ ในอุทยานนั้น มีกองสถูปโบราณที่พังทลายลงแล้ว ปกคุมไปด้วยขวากหนาม ต้นไม้ ต้นหญ้า เศษกระเบื้อง จนมีลักษณะคล้ายเนินดิน


    พระโลกนาถเจ้าได้เสด็จไปยังสถูปนั้น บัดนั้นเบื้องบนของสถูปได้เปล่งแสงรัศมีสว่างไสว แล้วมีเสียงจากเนินดินนั้นว่า "สาธุ สาธุ พระศากยมุนี วันนี้พระองค์จะได้กระทำจริยาอันเป็นกุศลที่ประเสริฐที่สุด และพราหมณ์ในวันนี้เธอจักได้รับกุศลและประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่"



    [​IMG]


    บัดนั้น พระโลกนาถเจ้า จึงสักการะซากสถูปโดยประทักษิณสามรอบ ทรงเปลื้องจีวรแล้วห่มให้พระสถูปนั้น ทรงหลั่งน้ำพระเนตรแล้วแย้มพระสวรล ในสมัยนั้นบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งปวงในทศทิศ ที่ทอดพระเนตรเหตุการณ์นี้อยู่ก็ทรงหลั่งน้ำพระเนตรเช่นกัน(การที่พระตถาคตเจ้า ทรงหลั่งน้ำพระเนตร ในข้อนี้หาใช่ พระองค์ทรงโศกเศร้า หรือการที่ทรงสรวลนั้น หาใช่เพราะสะเทือนแก่พระหทัยไม่ หากต้องการจะแสดงพระอุปายโกศล ให้สรรพสัตว์รู้ว่าพระสถูปนี้มีความสำคัญยิ่งเท่านั้น) แล้วทรงเปล่งรัศมีมายังสถูปนี้ บรรดามหาชนก็พากันตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ต่างก็ปรารถนาจะรู้ถึงปริศนาประการนี้


    ครั้งนั้น บรรดาพระวัชรปาณีโพธิสัตว์ก็ล้วนหลั่งน้ำตา ผู้รุ่งเรืองด้วยเปลวเพลิงถือวัชราวุธกวัดแกว่งไปมา เข้ามาถวายบังคมพระพุทธองค์ยังที่ประทับแล้วทูลว่า "ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า ด้วยเหตุปัจจัยเช่นไร จึงปรากฏแสงสว่างขึ้นเช่นนี้ เหตุใดหนอดวงพระเนตรแห่งพระตถาคตจึงหลั่งพระอัสสุชลปานนี้ เช่นไรหนอบรรดาพระพุทธเจ้าในทิศทั้งสิบจึงเปล่งพระรัศมีเช่นนี้ ขอพระตถาคตโปรดประทานไขข้อกังขาแก่มหาชนด้วยเถิด พระเจ้าข้า"

    เมื่อนั้น พระพุทธองค์ตรัสกับพระวัชรปาณีว่า "นี้คือสถูปที่รวบรวมแห่งพระบรมธาตุทั่ววรกายของพระพุทธเจ้าจำนวนประมาณพระองค์มิได้ หฤทัยธารณีคุหยมุทราอันเร้นลับสำคัญยิ่งจำนวนนับโกฏิก็ประดิษฐานอยู่ภายใน

    ดูก่อนวัชรปาณี เพราะมีพระธรรมที่สำคัญอยู่ภายใน แต่สถูปกลับพังทลายทับถมไร้ผู้ใยดี ประดุจเมล็ดงา พึงทราบเถิอว่าวรกายของพระพุทธเจ้าจำนวนนับร้อยพันโกฏิพระองค์ก็เป็นดุจเมล็ดงา เช่นกันนี้ พระบรมธาตุทั่วพระวรกายของพระตถาคตเจ้าจำนวนร้อยพันโกฏิ ก็ได้รวบรวมไว้ในที่แห่งนี้ ตลอดจนธรรมขันธ์ทั้งแปดหมื่นสี่พัน ก็ประดิษฐานอยู่ภายในเช่นกัน พระอุษณีษะ ของพระพุทธเจ้าจำนวนเก้าสิบเก้าร้อยพันหมื่นโกฏิพระองค์ก็ประดิษฐานอยู่ภายใน ด้วยความวิเศษเช่นนี้ สถานทั้งปวงที่สถูปนี้ได้ก่อตั้งขึ้นจะมีฤทธานุภาพมาก สามารถยังให้ความเป็นมงคลมีอยู่ทั่วจักรวาล"


    [​IMG]
    (จากภาพ:พระวัชรปาณีโพธิสัตว์)​


    ครั้งนั้น เมื่อบรรดามหาชนได้ยินพระวจนะนี้แล้ว จึงได้ไกลจากกิเลสธุลี ปหานสิ้นความเศร้าหมองแห่งจิตได้บรรลุธรรมจักษุบริสุทธิ์ ครั้งนั้นเพราะมหาชนมีพีชะต่างกัน จึงได้เสวยผลต่างกัน มีโสดาปัตติผล สกิทาคามิผล อนาคามิผล อรหันตผล ปัจเจกพุทธมรรคและโพธิสัตวมรรค เป็นโพธิสัตว์ผู้ไม่ถอยกลับ ซึ่งได้บรรลุหนึ่งในทั้งหมดนี้ บ้างก็บรรลุปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ตราบถึงทศภูมิ บ้างก็ได้สมบูรณ์พร้อมซึ่งปารมิตาหกประการ หราหมณ์นั้นก็ได้ไกลจากกิเลสธุลีได้บรรลุเบญจอภิญญา

    ในสมัยนั้น เมื่อพระวัชรปาณีได้พบเหตุการณ์ประหลาดและหาได้ยากยิ่งนี้แล้ว จึงกราบทูลพระโลกนาถเจ้าว่า "น่าอัศจรรย์ยิ่งนักๆ เพียงได้ยินเรื่องราวนี้ก็ทำให้สำเร็จกุศลที่วิเศษเช่นนี้ แล้วจักประสาใดกับการได้ยินข้อความที่ลึกซึ้ง จนเกิดศรัทธา แล้วได้บรรลุถึงกุศลนั้นอีกเล่า"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2011
  3. janepat2549

    janepat2549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,963
    ค่าพลัง:
    +1,284
    มีรับสั่งว่า "เธอจงสดับเถิดวัชรปาณี ในอนาคตเบื้องหน้า กุลบุตร กุลธิดาและพุทธบริษัทหมู่สี่อันเป็นสานุศิษย์แห่งเรา ได้บังเกิดจิตศรัทธาจารึกพระธรรมสูตรนี้แม้เพียงหนึ่ง ก็เหมือนได้จารึกพระธรรมสูตรทั้งปวง ที่พระพุทธตถาคตจำนวนเก้าสิบเก้าร้อยพันหมื่นโกฏิได้แสดงแล้ว ทั้งได้ปลูกฝังกุศลมูลต่อพระพุทธเจ้าจำนวนเก้าสิบเก้าร้อยพันหมื่นโกฏินั้นด้วย ซึ่งพระพุทธเจ้าเหล่านั้น จักอภิเษกและคุ้มครองเหมือนรักษาดวงตาอันเป็นที่รัก ฤาประดุจมารดาที่รักและดูแลบุตรฉะนั้น

    หากมีผู้สาธยายพระธรรมนี้ ก็เหมือนได้สาธยายพระธรรมของพระพุทธเจ้าได้อดีต ปัจจุบันและอนาคตที่ตรัสไว้ เหตุนี้พระบรมธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจำนวนเก้าสิบเก้าร้อยพันหมื่นโกฏิพระองค์ ที่ถูกละทิ้งดุจเมล็ดงาที่ทับถมอยู่นี้ จักปรากฏพุทธกายเพื่ออภิเษกให้บุคคลนั้นตลอดกลางวันและกลางคืนพระพุทธเจ้าทั้งหลายจำนวนเท่ากับเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคาที่นับจำนวนพระองค์มิได้นี้ ก็ยังคงรวมกันอยู่มิหายไป จะเสด็จมาเป็นกลุ่มมิขาดสาย ในขณะเดียวก็เสด็จมาเพิ่มขึ้นดุจเม็ดทรายในกระแสน้ำวนที่เชี่ยวกราก มิหยุดนิ่งเวียนวนไปมา

    หากมีบุคคลน้ำเครื่องหอม ดอกไม้ เครื่องทาหอม พวงมาลา อาภรณ์แพรพรรณ สิ่งของวิจิตรประณีตทั้งปวง ถวายสักการะต่อพระสูตรนี้ ย่อมเหมือนการบูชาพระพุทธเจ้าจำนวนเก้าสิบเก้าร้อยพันหมื่นโกฏิ ด้วยของหอมและดอกไม้ อาภรณ์และสิ่งของอลังการที่เป็นทิพย์ ประกอบด้วยรัตนทั้งเจ็ด เหมือนการนำเอาเขาสุเมรุถวายทั้งหมด การปลูกฝังกุศลมูลก็เป็นเช่นนี้

    ครั้งนั้น บรรดาเทพ นาคและสัตว์ในคติแปด มนุษย์และอมนุษย์ทั้งปวง ที่ได้ฟังพระพุทธวจนะเช่นนี้ ต่างมีมนสิการว่า "น่าอัศจรรย์ยิ่งแล้ว เนินดินนี้เพราะมีอานุภาพแห่งพระตถาคตเจ้าอภิเษกอยู่ จึงมีอำนาจนี้"

    พระวัชรปาณีทูลว่า "ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า ด้วยเหตุปัจจัยใดหนอที่สัปตรัตนสถูปนี้ จึงปรากฏเป็นเพียงเนินดิน พระเจ้าข้า"

    [​IMG]
    (จากภาพ:ซากสถูป Dhamarajika Stupa สร้างสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาพระธรรมสูตรนี้)

    พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า "หาใช่เนินดินไม่ แต่คือมหารัตนสถูปอันวิเศษ เพราะกรรมวิบากของสรรพสัตว์เป็นเหตุให้พระสถูปปิดเร้นไว้ไม่ปรากฎ เพราะพระสถูปปิดเร้นไว้เป็นเหตุ พระวรกาย(พระบรมธาตุ)ของพระตถาคตจึงมิถูกทำลาย กายของตถาคตเป็นวัชรครรภ์จักทำลายได้อย่างไร หากตถาคตปรินิพพานแล้ว ในอนาคตเมื่อถึงยุคที่พระธรรมเสื่อมสูญ หากมีสรรพสัตว์ประพฤติสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมจะต้องตกนรก เมื่อไม่ศรัทธาพระรัตนตรัย ไม่ปลูกฝังความดีงาม ด้วยเหตุปัจจัยนี้ พุทธธรรมจึงซ่อนเร้นอยู่เหมือนสถูปนี้ที่ยังแกร่งมิเสื่อมสลาย เพราะพลานุภาพของพระพุทธเจ้าทั้งหลายรักษาอยู่ สรรพสัตว์ที่ไร้ปัญญาญาณมีกิเลสเป็นเครื่องปิดกั้น จึงละเลยซึ่งสิ่งล้ำค่ายิ่งนี้ให้ศูนย์ซึ่งคุณประโยชน์ ด้วยเหตุนี้ตถาคตจึงหลั่งน้ำตาและพระตถาคตทั้งหลายก็เช่นกัน"

    จากนั้นตรัสกับพระวัชรปาณีว่า "หากสรรพสัตว์จารึกพระสูตรนี้บรรจุในสถูป สถูปนั้นจะคือวัชรครรภ์สถูปของพระพุทธเจ้าทั้งปวง คือสถูปแห่งธารณีของพระพุทธเจ้าทั้งปวง คือสถูปแห่งพระพุทธเจ้าจำนวนเก้าสิบเก้าร้อยพันหมื่นโกฏิ คือสถูปที่ประดิษฐานกระดูกส่วนบนสุดของศรีษะและดวงตาของพระพุทธเจ้าทั้งปวง อันพระพุทธเจ้าทั้งปวงปกป้องรักษาอยู่

    หากว่าภายในพุทธปฏิมาหรือสถูปมีธรรมสูตรนี้บรรจุอยู่ ปฏิมานั้นจะดุจสร้างขึ้นด้วยรัตนทั้ง ๗ มีความศักดิ์สิทธิ์ ความปรารถนาจะสำเร็จทุกประการ หากสร้างฉัตร ชาลมาลา ร่มกั้นน้ำค้าง ประดับด้วยกระดิ่งกังสดาล ก่อเสาด้วยศิลาหรือสร้างฐาฯขั้นบันไดถวายสถูปนั้นตามกำลังที่ทำได้ แม้สร้างด้วยดิน ไม้ ศิลา ฤๅด้วยอิฐ เพราะอำนาจของพระสูตรนี้จักทำให้สำเร็จเป็นรัตน ๗ ประการ พระพุทธเจ้าทั้งปวงก็ทรงอภิเษกอำนาจให้แก่พระสูตรนี้ ได้ตรัสว่าตามอภิเษกอยู่มิขาดสิ้น
     
  4. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,800
    นับเป็นพระสูตรที่ไม่เคยได้เห็น ได้ยินหรือได้ฟัง

    เป็นมงคลยิ่งที่ได้ศึกษาขอบคุณเจ้าของกระทู้ด้วยครับ
     
  5. janepat2549

    janepat2549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,963
    ค่าพลัง:
    +1,284
    หากมีสรรพสัตว์สามาถสักการะบูชาสถูปนี้ ด้วยของหองเพียงหนึ่ง หรือดอกไม้เพียงหนึ่งอกุศลกรรมในสังสารวัฏจำนวนแปดสิบโกฏิกัลป์จะสิ้นไปในคราเดียว หากถือกำเนิดจะปราศจากเคราะห์ภัยเมื่อสิ้นชีพจะเกิดในพุทธสถาน หากควรตกอเวจีมหานรก เมื่อนมัสการหรือประทักษิณสถูปนี้หนึ่งรอบ ทวารแห่งนรกจะปิดลง หนทางแห่งความรู้แจ้งจะเปิดออก ไม่ว่าสถูปหรือปฏิมานี้ ประดิษฐานที่แห่งใด พลานุภาพของพระพุทธเจ้าทั้งปวงจักคุ้มครองที่แห่งนั้น มิต้องพบอันตรายจากพายุร้ายหรือฟ้าร้องฟ้าผ่า หรือถูกอสรพิษ แมลง หนอนพิษและสัตว์พิษร้ายทำร้าย ไม่ต้องถูกสิงโต ช้าง เสือ สุนัขป่า ผึ้งทำร้าย มิถูกยักษ์รากษส ปีศาจ ภูตผีต่างๆ ทำให้ตื่นตระหนก ไม่ต้องเป็นโรคจากอากาศร้อนและหนาว รวมทั้งโรคเรื้อน ผิวหนังเปื่อยเน่า หลังโกง ฝีฝักบัว ฯลฯ

    หากผู้ใดพบเห็นสถูปนี้เพียงชั่วขณะ ภยันตรายทั้งปวงจะถูกกำจัดหมดสิ้น มนุษย์และสัตว์เลี้ยงหกชนิด(มี ม้า,วัวควาย,แพะแกะ,สุกร,สุนัข,ไก่) บุตรชาย บุตรหญิง ไม่ต้องรับทุกข์ทรมาณจากโรคระบาด กาฬโรค มิต้องมรณะก่อนเวลาอันควร มิต้องเป็นผู้มีชะตาสั้น มิถูกทำร้ายด้วยศาตราวุธของมีคม น้ำและไฟ มิถูกกรรโชกแย่งชิง มิถูกปองร้ายจากศัตรู แลมิต้องทุกข์เพราะความยากจน อาถรรพ์และเวทย์มนตร์มิอาจทำอันตรายได้

    เทวราชทั้ง ๔ พร้อมบริวารจะตามอารักขาตลอดกลางวันและกลางคืน เทพแห่งดวงดาวทั้งยี่สิบแปดกลุ่ม มหายักษ์เสนาบดี สุริยเทพ จันทรเทพ เบญจดาราเทพ(มีพระอังคาร พระพุธ พระพฤหัส พระศุกร์ และพระเสาร์) กลุ่มเมฆาและดวงหาง ก็จักตามปกปักดูแลตลอด บรรดานาคราชทั้งปวงจักยิ่งบันดาลให้ฝนตกตามฤดูกาล เทพเจ้าและเทพชั้นดาวดึงส์ จะลงจากทิพยพิมานวันละสามครั้งเพื่อบูชา บรรดาวิทยาธรทั้งปวงก็จะประชุมกันวันละสามครั้ง เพื่อขับร้องสดุดีและบูชา พระอินทร์พร้อมด้วยเทพธิดาทั้งหลายทั้งสามเวลาก็เสด็จลงมาเพื่อสักการะ เพราะสถานที่นั้นพระตถาคตเจ้าทั้งปวงทรงอภิเษกและตามระลึกถึงอยู่ เพราะมีการน้อมรับในพระธรรมสูตรและพระสถูปนี้


    [​IMG]

    หากผู้ก่อสร้างสถูปด้วยดิน ศิลา ไม้ ทอง เงิน ทองแดง ตะกั่ว แล้วจารึกธารณีนี้บรรจุไว้ภายใน เมื่อธารณีนี้บรรจุไว้แล้ว สถูปนั้นจะประดุจสร้างด้วยรัตน ๗ ประการ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง ขั้นบันได ร่มฉัตรที่กางกั้นน้ำค้าง กระดิ่งกังสดาล เสาค้ำก็ล้วนคือรัตน ๗ ประการ ทิศทั้ง ๔ ของสถูปจะปรากฏกายของพระพุทธเจ้า เพราะพระธรรมนี้เป็นเหตุ พระพุทธเจ้าทั้งปวงจึงประทับรักษาอยู่ตลอดกลางวันและกลางคืน

    สัปตรัตนสถูปนั้น ประดิษฐานพระบรมธาตุทั่ววรกายของพระพุทธเจ้า ดุจครรภ์แห่งรัตนที่วิเศษ อำนาจของธารณีทำให้สถูปนี้สูงถึงอกนิษฐาพรหมโลก บรรดาเทพทั้งปวงจะเลื่อมใส คุ้มครองและบูชาทั้งกลางวันและกลางคืน"

    พระวัรชปาณีทูลว่า "เพราะเหตุปัจจัยใดพระสูตรนี้จึงมีกุศลที่วิเศษยิ่งนัก พระเจ้าข้า"

    ตรัสว่า "เป็นเพราะฤทธานุภาพของรัตนครัณฑมุทราธารณีมนตร์นี้"

    ทูลว่า "ขอพระตถาคตเจ้า โปรดเมตตาหมู่ข้าพระองค์ตรัสธารณีมนตร์นี้เถิด พระเจ้าข้า"

    ตรัสว่า "จงสดับและตรึกตรองไว้ในจิตอย่าได้ลืมเลือน พระพุทธเจ้าทั้งปวงในปัจจุบันและอนาคตได้แบ่งกายมาสถิตอยู่ก่อนแล้ว พระบรมธาตุทั่ววรกายของพระพุทธเจ้าในอดีต ก็ประดิษฐานอยู่ในรัตนครัณฑมุทราธารณีมนตร์ทั้งสิ้น ตรีกาย(คือกายทั้ง ๓ ประเภทของพระพุทธเจ้าคือ ๑.ธรรมกาย ๒.สัมโภคกาย และ๓.นิรมาณกาย) ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ประดิษฐานอยู่ภายในเช่นกัน"
     
  6. janepat2549

    janepat2549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,963
    ค่าพลัง:
    +1,284
    ครั้งนั้น พระพุทธโลกนาถ ทรงแสดงธารณีมนตร์ดังนี้

    นมสฺ ตรฺย-ธวิกานามฺ สรฺว ตถาคตานามฺ โอมํ ภุวิ-ภวน วเร ว-จเร ว-จเฏ จุลุ-จุลุ ธร-ธร สรฺว ตถาคต ธาตุ ธเร ปทฺมามฺ ภวติ ชย วเร มุจุเล สมร ตถาคต ธรฺม จกฺร ปร-วรฺตน วชฺเร โพธิ-มณฺฑ อลํ การ อลํ กฤเต สรฺว ตถาคต-อธิษฺฐิเต โพธาย-โพธาย โพธิ-โพธิ พุทฺธฺย-พุทฺธฺย สํโพธนิ-สํโพธย จล-จล จลนฺตุ สรฺว อาวรณานิ สรฺว ปาป วิคเต หุรุหุรุ สรฺว โศก วิคเต สรฺว ตถาคต หฤทย วชฺริณิ สํภร สํภร สรฺว ตถาคต คุหฺย ธารณี มุทฺเร พุทฺเธ สุพุทฺเธ สรฺว ตถาคต อธิษฺฐิต ธาตุ ครฺเภ สวาหา สมย อธิษฐิเต สวาหา สรฺว ตถาคต หฤทย ธาตุ มุทฺเร สวาหา สุ-ปรติษฺฏิต สถูเป ตถาคต-อธิษฺฐิเต หุรุ หุรุ หูมํ หูมํ สวาหา โอมํ สรฺว ตถาคต อุษฺณีย ธาตุ มุทฺราณิ สรฺว ตถาคตนามฺ สธาตุ วิภูษิต อธิษฺฐิเต หูมํ หูมํ สวาหา

    [​IMG]
    (จากภาพ:พระสถูปทองจารึกพระรัตนครัณฑมุทราธารณีมนตร์)
    เมื่อพระพุทธองค์ตรัสธารณีมนตร์นี้แล้ว พระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ประดิษฐานในเนินดินทรงสรรเสริญว่า "สาธุ สาธุ พระศากยมุนีโลกนาถ ผู้ทรงพ้นจากโลกแห่งอบายแลความเสื่อม เพื่อยังหิตานุติคประโยชน์แก่สรรพสัตว์ผู้ไร้ที่พึ่ง พระองค์ได้แสดงคัมภีรธรรมเช่นนี้ เพื่อให้พระธรรมคงอยู่ในโลกธาตุตลอดไป เพื่อยังประโยชน์สุขไพบูลย์ ให้บังเกิดความผาสุขและความเกษมเป็นอันมาก"

    พระพุทธองค์ตรัสกับพระวัชรปาณีว่า "จงฟังๆ ธรรมนี้มีฤทธานุภาพไม่มีประมาณ สามารถยังประโยชน์สุขได้ไร้ขอบเขต อุปมาแก้วจิตดามณีที่ยอดเกตุแห่งธวัชธงชัย ที่โปรยปรายสายฝนแห่งรัตนะอยู่เป็นนิจ ทำให้ปณิธานทั้งปวงสมบูรณ์พร้อม ตถาคตแสดงได้โดยย่อเพียงหนึ่งในหมื่นส่วนเท่านั้น เธอพึงจำทรงไว้ในใจ เพื่อประโยชน์สุขของสรรพสัตว์เถิด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. moshininja

    moshininja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +103
    สาธุ สาธุ อนุโมทนาสาธุ เป็นบุญอย่างยิ่งที่ได้รับฟังครับ
     
  8. janepat2549

    janepat2549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,963
    ค่าพลัง:
    +1,284
    หากมีคนชั่วที่สิ้นชีพแล้วย่อมตกนรกภูมิ รับทุกขเวทนามิได้หยุดพัก การนิรโทษหลุดพ้นนั้นก็ไม่มีกำหนด หากบุตรหลานเรียกชื่อผู้มรณะ พร้อมกับสดวธารณีนี้เจ็ดจบ กระทะทองแดงและเหล๊กเพลิงร้อนจะเปลี่ยนเป็นสระโบกขรณีที่อุดมด้วยอัฐฏางคิกวารีทันที ดอกบัวจะผุดขึ้นรองรับใต้ฝ่าเท้า รัตนฉัตรจะกางกั้นอยู่เบื้องบน ทวารแห่งนรกจะพินาศไป หนทางแห่งความรู้แจ้งจะเปิดออก แล้วบัวทิพย์นั้นจะลอยไปยังสุขาวดีโลกธาตุ(ดินแดนพุทธเกษตรของพระอามิตาภะพุทธเจ้า อยู่ด้านทิศตะวันตกของโลกเรานี้) จะรู้แจ้งปัญญาญาณทั้งปวงได้เฉพาะตน มีปฏิภาณไม่สิ้นสุด และเกี่ยวเนื่องกับการเกิดอีกครั้งเดียว ก็จะสำเร็จพุทธภูมิ

    สรรพสัตว์ที่มากด้วยวิบากกรรม เป็นเหตุให้ร่างกายประชุมด้วยโรคนับร้อยประการ ในจิตก็ทุกข์ทรมาณ จงสวดธารณีนี้ยี่สิบเอ็ดจบ โรคทั้งร้อยประการและความทรมานหมื่นประการ จะมลายสิ้นไปในคราเดียว จะมีอายุยืนยาว มีกุศลบารมีไม่สิ้นสุด

    หากบุคคลที่มีกรรม เพราะตระหนี่ถี่เหนียวละโมบโลภมาก ทำให้ไปเกิดในครอบครัวที่อัตคัตยากจนปราศจากอาภรณ์ปกปิดกาย และไร้โภชนาหารประทังชีวิต สังขารผอมอ่อนแอ ผู้นี้สำนึกละอายแล้วเข้าป่าเด็ดเอาดอกไม้นานาชนิดบดเป็นผงหอม แล้วนำเครื่องหอมนั้นไปยังสถูป นมัสการด้วยเศรียรเกล้าประทักษิณเจ็ดรอบ แล้วหลั่งน้ำตาเพราะสำนึกผิดในอดีต ด้วยอำนาจของธารณีและสถูป จักทำให้ความยากจนมลายสิ้น มีความมั่งคั่งทันที รัตนะทั้ง ๗ จะโปรยปรายดุจสายฝน ความอดอยากยากเข็ญหมดไป ในเวลานี้จงตอบสนองพระคุณของพระพุทธเจ้าและพระธรรม ด้วยการบริจาคทานแก่ผู้ยากไร้ หากว่าเกิดจิตตระหนี่แหนหวงแล้วไซร้ รัตนธนสารก็จะหมดสิ้นอย่างรวดเร็ว

    หากมีผู้จะปลูกฝังกุศลมูลพึงสร้างสถูปตามกำลัง แม้ว่าสร้างด้วยดินโคลนหรืออิฐตามความสามารถที่จะกระทำได้ ให้มีขนาดใหญ่ปานอาศรม หรือสูงเพียงสี่องคุลี ได้จารึกธารณีบรรจุอยู่ภายใน แล้วสักการะด้วยของหอมและดอกไม้ น้อมศรีษะอภิวาทบูชาแล้วไซร้ ด้วยอำนาจแห่งธารณีและจิตศรัทธาทำให้สถูปองค์เล็กนั้นเกิดควันหอมกลุ่มใหญ่ ส่งกลิ่นหอมและเปล่งรัศมีสว่างไปทั่วธรรมธาตุปรากฏเป็นรัศมีเรืองรองทำพุทธกิจได้อย่างไพบูลย์ เมื่อบรรลุกุศลเบื้องต้นนี้แล้ว เมื่อหวังสิ่งใดที่เป็นสาระก็จะสมปรารถนาทุกประการ

    หากในยุคท้ายปลายกัลป์ พุทธสาวกทั้งสี่จำพวก กุลบุตรกุลธิดาที่ปรารถนาพระอนุตรสัมมามรรคพึงสร้างสถูปอย่างสุดกำลัง แล้วบรรจุธารณีมนตร์นี้ไว้ภายใน ก็จะได้อานิสงค์ที่กล่าวพรรณาได้ไม่จบสิ้น


    [​IMG]
    (จากภาพ:รูปพระสถูปที่จารึกพระรัตนครัณฑมุทราธารณีมนตร์)
    หากบุคคลปรารถนาวาสนาบุญญาธิการ จงไปที่สถูปนั้นแล้วนมัสการสักการะด้วยดอกไม้และเครื่องหอมเพียงสิ่งละหนึ่งอย่างและประทักษิณาวัตร ด้วยอานิสงค์นี้จะส่งให้รุ่งเรืองในยศศักดิ์เองมิต้องวอนขออายุขัยยืดยาวเองมิต้องวอนขอ เหล่าศัตรูจะสยบไปเอง อาถรรพ์คุณไสยมิอาจให้โทษภัยจะหวนคืนสู่ที่มากาฬโรคและอากาศพิษจักสลายไปเอง จะได้คู่ครองหญิงชายที่ดีงามแม้วิวอนขอก็จะได้รับ ผู้เป็นบุรุษย่อมได้เป็นปราชญ์เมธี ผู้เป็นสตรีย่อมมีสิริลักษณ์โสภา ซึ่มิต้องวอนขอจะสำเร็จได้เอง ความปรารถนาจะสำเร็จทุกประการ

    หากมีนกกา นกกระจอก นกพิราบ นกเค้าแมว หมาใน ยุงป่า มดป่า แมลงต่างๆ เข้ามาใต้ร่มเงาของพระสถูป ได้ใช้เท้าสัมผัสลานหญ้านั้นเพียงชั่วครู่ วิบากกรมที่เศร้าหมองจะสิ้นไป ได้รู้แจ้งตื่นจากอวิชชาเหมือนเข้าสู่พุทธเคหะแล้วหยิบฉวยเอาธรรมสมบัติได้ตามใจ จักประสาดที่บุคคลเหล่านั้นได้เห็นรูปลักษณ์ของสถูป หรือได้ยินเสียงระฆัง หรือได้ยินนามแห่งสถูป หรืออยู่ใต้ร่มเงาของสถูป กรรมวิบากจักหมดสิ้นสมปรารถนาในทุกสิ่ง ปัจจุบันชาติจะผาสุก อนาคตชาติย่อมไปอุบัติที่สุขาวดีพุทธเกษตร

    หากผู้ใดมีกำลังเพียงนำดินโคลนหนึ่งก้อนมาชโลมสถูปหรือพอกเป็นกำแพง หรือลำเลียงศิลาหนึ่งกำมือพยุงค้ำยันมิให้สถูปโอนเอนทลายลง อานิสงค์นี้จะส่งผลให้มีวาสนาและอายุขัยยืนยาว เมื่อสิ้นชีพแล้วจะได้กำเนิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    หากตถาคตปรินิพพานแล้ว บรรดาพุทธบริษัทสี่ที่จะอนุเคราะห์โลกให้พ้นจากทุกข์ พึงบูชาสถูปนี้ด้วยเครื่องหอมและดอกไม้ ตั้งปณิธานด้วยความจริงใจแล้วสาธยายธารณีนี้ โดยแต่ละอักษรและประโยคจะเปล่งรัศมีสว่างไปในอบายภูมิสาม(มีเดรัจฉาน เปรตและนรก) เครื่องทรมานจะถูกกำจัดสิ้นไป ทำให้สรรพสัตว์ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ พุทธโคตรรุ่งเรืองไพบูลย์ สามารถเลือกไปอุบัติยังวิศุทธิภูมิต่างๆในทศทิศได้ตามใจปรารถนา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. janepat2549

    janepat2549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,963
    ค่าพลัง:
    +1,284
    หามีผู้อยู่บนยอดเขาสูง แล้วสาธยายธารณีนี้ด้วยความตั้งใจ ได้ทอดสายตามองออกไปในโลกธาตุทั้งใกล้ไกล ในหมู่เขา พนาสณฑ์ ป่าไพร ชลธาร แม่น้ำ มหาสมุทร หมู่สัตว์ต่างๆ ในที่เหล่านั้นที่มีขนปกคลุมกาย มีปีก มีเกล็ด มีกระดองทั้งปวง จะหมดสิ้นจากความทุกข์ ได้รู้ตื่นจากอวิชชา พุทธสภาวะสามประการ จะปรากฏขึ้น ซึ่งสรรพสัตว์มีอยู่แต่เดิม แล้วได้เข้าถึงมหาปรินิพพานในที่สุด

    หากผู้อื่นได้คบหา หรือสัญจรบนหนทางเดียวกัน หรือสัมผัสกระแสลมที่กระทบอาภรณ์ หรือเหยียบบนรอยเท้า หรือเพียงพบหน้า หรือสนทนาชั่วขณะกับบุคคลผู้นี้แล้วไซร้ อกุศลกรรมหนักของบุคคลทั้งปวงนี้จะลดน้อยจนหมดไป ได้บริบูรณ์ในธรรมภูมิ"

    ครั้งนั้น พระพุทธองค์มีพระดำรัสกับพระวัชรปาณีว่า "ธารณีสูตรที่ลึกลับนี้ ตถาคตขอมอบให้พวกเธอทั้งหลายๆ พึงเคารพยำเกรงและธำรงรักษาไว้ จงเผยแผ่ไปในจักรวาล จงถ่ายทอดแก่สรรพสัตว์อย่าให้ขาดสิ้น"

    พระวัชรปาณีทูลว่า "ข้าแต่พระองค์น้อมรับพระพุทธบัญชา ขอให้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ตอบแทนพระคุณอันใหญ่หลวงของพระโลกนาถเจ้า ตลอดทิพาราตรีกาลจะตามธำรงแลรักษาไว้ จะกล่าวแสดงไปทั่วโลกทั้งปวง หากมีสรรพสัตว์ใดจารึก จดจำ ระลึกอยู่ในจิตมิขาดหายแล้วไซร้ ข้าพระองค์พร้อมด้วยท้าวสักกะ พรหม จตุโลกบาลเทวราช นาคา เทพเจ้าและสัตว์ในคติแปด จักตามอารักขาดูแลอยู่ตลอดกลางวันและกลางคืน มิไกลห่างแม้ชั่วขณะเลย"

    [​IMG]
    (จากภาพ:พระรัตนครัณฑมุทราธารณีมนตร์)​


    พระพุทธองค์ตรัสว่า "ดีแล้ว วัชรปาณี เพราะเธอจะยังประโยชน์สุขที่ยิ่งใหญ่ให้สรรพสัตว์ในอนาคต จึงได้รักษาพระธรรมนี้ไม่ให้อวสานไป"

    ครั้นแล้วในสมัยนั้น เมื่อพระโลกนาถเจ้า ตรัสแสดงรัตนครัณฑมุทราธารณีนี้ เพื่อกระทำพุทธกิจให้อุโฆษไพศาลแล้ว จากนั้นจึงเสด็จพุทธดำเนินไปยังเรือนแห่งพราหมณ์ เพื่อรับการสักการะนานาประการ ทำให้เวลานั้นหมู่มนุษย์และเทวดาได้รับอานิสงค์มหาศาลแล้วจึงเสด็จกลับ

    ในครั้งนั้นบรรดามหาชนทั้งปวง มีภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทพเจ้า นาคา ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหราค มนุษย์และอมนุษย์ทุกหมู่เหล่าล้วนบังเกิดโสมนัสยินดี น้อมรับปฏิบัติสนองพระพุทโธวาทสืบไป...

    สรฺว ตถาคตา ธิษฺฐาน หฤทย คุหฺย ธาตุ ครณฺฑ มุทฺราธารณี สูตฺร
    พระอโมฆวัชระมหาเถระตรีปิฏกธราจารย์ แปลจากสันสกฤตพากย์สู่จีนพากย์
    พระภิกษุจีนวิศวภัทร เซี่ยเกี๊ยก วัดเทพพุทธาราม จ.ชลบุรี แปลจากจีนพากย์สู่ไทยพากย์
    เมื่อพุทธายุกาลล่วงแล้ว ๒๕๔๙ ปี ๗ เดือน ๑๘ วัน
    จากเว็ปไซต์มหาปารมิตา : http://www.mahaparamita.com
    ขออนุโมทนา...สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2011
  10. รากแห่งธรรม

    รากแห่งธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    667
    ค่าพลัง:
    +3,173
    ขอบคุณครับบ หาไฟลล์เสียงหรือภาพของธารณีบทนี้มานานมากแล้ว
     
  11. kanchana2001

    kanchana2001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2009
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +124
    รัตนครัณฑธารณี

    นมัสะ ตรัยะ ธวิกานาม สะรวะ ตถาคตานาม
    โอม ภุวิ ภวนะ วเร วจเร วจเต จุลุ จุลุ ธระ ธระ

    สรวะ ตถาคะตะ ธาตุ ธเร ปัทมามัม ภวติ ชยะ
    วเร มุจุเล สะมะระ ตถาคะตะ ธัมมะ จักระ ประ วะ
    รัตนะ วัชเร โพธิ มัณฑะ อลัมการะ อลัมกฤเต

    สะรวะ ตถาคะตะ อธิษฐิเต โพธายะ โพธายะ
    โพธิ โพธิ พุทธะยะ พุทธะยะ สัมโพธะนิ สัมโพธะยะ

    จะละ จะละ จลันตุ สะรวะ อาวรณานิ สะรวะ ปาปะ
    วิคะเต หุรุ หุรุ สะรวะ โศกะ วิคะเต

    สะรวะ ตถาคะตะ หฤทัยะ วัชะริณิ สัมภะระ สัมภะระ
    สะรวะ ตถาคะตะ คุหะยะ ธารณี มุทเร

    พุทเธ สุพุทเธ สะรวะ ตถาคะตะ อธิษฐิตะ ธาตุ
    คระเภ สวาหา สะมะยะ อธิษฐิเต สวาหา

    สะรวะ ตถาคะตะ หฤทัยะ ธาตุ มุทเร สวาหา สุ
    ประติษฏิตะ สถูเป ตถาคะตะ อธิษฐิเต หุรุ หุรุ หูม หูม สวาหา

    โอม สะรวะ ตถาคะตะ อุษณีษะ ธาตุ มุทราณิ
    สะรวะ ตถาคะตะนาม สะธาตุ วิภูษิตะ อธิษฐิเต หูม หูม สวาหาฯ

    เป็นพระสูตรว่าด้วยการนมัสการพระบรมธาตุ
    ทั่ววรกายของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ รวมทั้งที่
    พระเจ้าอโศกมหาราชได้บรรจุไว้ในสถูปทั้ง 84,000
    องค์ที่พระองค์สร้างทั่วอาณาจักร

    สาธุสาธุสาธุ อนุโมทนามิ
     
  12. Paravatee

    Paravatee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +2,970
    มีแจกมั้ยแผ่นทองแดงนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...