พุทธศาสนา...ประจำชาติอิตาลี..แล้วครับ

อยากทราบว่าการประกาศตนเป็นพุทธมามกะต้องทำอย่างไรบางคะ เพราะเมื่อ 30/6 ที่ผ่านมาได้ไปถวายเพลพระ สังฆทาน และผ้าไตรจีวร และสวดบังสุกุลให้กับลูกชายคนเล็กที่วัดไทยในลอนดอนในระหว่างที่พระท่านสวดอยู่ก็มีคนเข้ามา
กันหลายคนรวมทั้งชาวต่างชาติด้วย และมีหญิงชาวอังกฤษซึ่งดูจากหน้าตาแล้วน่าจะเป็นชาวยิวซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับวัดเข้ามาหัดนั่งสมาธิ
หลายครั้งแล้วและอยากจะเปลี่ยนศาสนามาเป็นชาวพุทธอย่างเป็นทางการ เราก็หันไปถามพระคุณเจ้าเพราะเท่าที่รู้ทางพุทะไม่มีการรับศีลหรือพิธีอย่างคริสท์หรืออิสลาม
จึงบอกเขาไปว่าทางพุทธเราเพียงแค่ ตั้งสัจจะต่อหน้าพระพุทธรูปและปฏิบัติตนตามพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
ก็ถือว่าเราเป็นพุทธแล้ว ไม่ทราบว่าแนะนำเขาไปถูกไหมเพราะเราเองก็เพิ่งจะมาสนใจปฏบัติในทางพุทธอย่างจริงจังก็หลังจากเสียลูกคนเล็กไปแล้ว
ถ้าใครทราบช่วยแนะนำด้วยค่ะ เผื่อมีใ่ครถามอีกจะได้แนะนำเขาได้ถูกต้องค่ะ

 

ชื่นใจ ชุ่มหัวใจ ที่ได้ทราบข่าวจากหลายๆสื่อ ในแนวทางแบบนี้ พุทธศาสน์ของเรา เป็นของจริง เป็นของแท้

สาธุ... พุทธธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ เป็นสากล และไม่ขึ้นกับกาลเวลา เราชาวพุทธในประเทศไทย ในส่วนที่ยังหลับไหล ควรรีบเร่งตื่นขึ้นมาศึกษาและปฏิบัติพระสัทธรรมตามคำสอนของพระพุทธองคืให้ถ่องแท้ แล้วหันหน้ามา "รวมพลังกาย และพลังใจ" เพื่อรักษาพระพุทธศาสนา ที่เป็นเพชรเม็ดงามนี้ไว้ บนหัวแหวนคือประเทศไทย อย่าให้ใครพยายามยัดเยียดเอาเพชรเก๊ มาใส่หัวแหวนนี้แทน

ส่วนท่านที่เป็นผู้ตื่น คือสนใจศึกษาปฏิบัติอยู่แล้วก็อย่าเพิ่งท้อถอย หันมาเคร่งครัดปฏิบัติให้ยิ่งๆขึ้น ความเพียรมากกว่าระดับที่เราทุกคนทำ แม้เราจะคิดว่าเราเพียรมามากแล้ว แต่..ก็ยังมีความเพี่ยรที่ยิ่งกว่านั้นอยู่อีก เราจะได้เป็นพยานให้พระพุทธศาสนา และเป็นกำลังสำคัญของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา สืบต่อไป

(ไม่คิดสอนใคร เป็นเพียงความเห็น และคำแนะนำ)

 

ศาสนาพุทธเป็นกลางที่สุดแล้ว...ไม่สุดโต่ง.....สอนใช้ปัญญาพิจารณาก่อนค่อยเชื่อ

 

สาธุ

มันจะกลับด้านหรือป่าว
อดีต เอเซีย นับถือพุทธ ยุโรป นับถือคริสต์
อนาคต ยุโรป นับถือพุทธ เอเซีย นับถือคริสต์

 

"ชาวอเมริกันกว่า 10 ล้านคน ...นั่งสมาธิทุกวัน"


The Science of Meditation

ดาราสาว Heather Graham ขึ้นปกนิตยสาร TIME Magazine

ในสหรัฐอเมริกา คนอเมริกันกว่าสิบล้านคนนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ เป็นสองเท่าของสิบปีก่อน สถานที่หลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เช่น ที่นิวยอร์กเปลี่ยนเป็นที่นั่งสมาธิหลายแห่ง จนคนเรียกแถบนั้นว่าเป็นแถบของชาวพุทธ นักเรียนนั่งสมาธิก่อนเข้าห้องเรียนทุกเช้า นักกฎหมาย นักธุรกิจ คนทำงานสาขาอาชีพต่าง ๆ นั่งสมาธิตามที่หน่วยงานของตนจัดให้นั่งอย่างสม่ำเสมอ ดาราภาพยนตร์ นักการเมือง นักเขียน ต่างก็นั่งสมาธิ แม้แต่นักโทษในคุกก็มีห้องนั่งสมาธิ ผู้พ้นโทษมาแล้วจะกลับเข้าคุกน้อยกว่าพวกที่ไม่ได้นั่ง คนไม่เชื่อเรื่องสมาธิกลายเป็นคนกลุ่มน้อยในสหรัฐอเมริกาไปเสียแล้ว คนเหล่านี้นั่งสมาธิ เพราะสมาธิทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย สุขภาพดีขึ้น ชีวิตดีขึ้น ทำให้สร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้น
ที่มา:http://www.newsfinder.org/site/more/more_about_meditation/
http://www.boloji.com/spirituality/053.htm

 

:d ดีครับๆ โลกจะได้สันติสุข เลิกเบียดเบียนกัน สาธุๆๆ(ping) (555) (b-glass)

 

ร่วม ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ

 

มีพิธีสมาทานศีล เป็นมาตรฐานครับ คำกล่าวภาษาบาลีในพิธี ก็จะประกอบด้วยคำปฏิญาณขอยึดถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่ง และคำปฏิญาณเพื่อศึกษาปฏิบัติในศีลทุกข้อ

จัดพานดอกไม้ธูป เทียน เข้าไปขอสมาทานศีลซิครับ กราบเรียนพระท่านด้วยว่าต้องการปฏิญาณเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธอย่างเด็ดขาด เดี๋ยวพระท่านก็จัดให้เองครับ ไม่ต้องกังวลไป และจะขอถวายสังฆทานด้วยหลังจากรับศีลแล้ว ก็ยิ่งดีใหญ่

 

ขอบคุณมากค่ะ ต่อไปจะได้บอกเขาได้ถูก ค่ะ เพราะตัวเองน่ะเกิดมาก็เป็นพุทธเลยไม่เคยต้องทำพิธี แฟนก็พอแต่งงานกับเราเขา
ก็เข้าวัด และไหว้พระเหมือนกับเราเลยไม่เคยคิดถึงข้อนี้ จนถูกถามที่วัดไทยเป็นครั้งแรก เลยตอบไม่ถูกบอกว่าแค่ใจนับถือก็เป็นพุทธแล้ว

 

มีคนรู้จักของดิฉันที่เกิดมาเป็นคริสต์ แต่เด็กๆ ถูกแม่ที่เป็นพุทธขนานแท้บังคับให้ใส่บาตรและทำบุญ ต่อมาหลังอกหักครั้งใหญ่กลายเป็นชาวพุทธเต็มตัว ปัจจุบันกำลังฝึกทำกรรมฐานและวิปัสสนาอยู่ เธอเล่าว่าทุกครั้งที่ปฏิบัติเสร็จจะอุทิศส่วนกุศลให้แม่พระและพระเยซู รวมทั้งนักบุญและมรณสักขีชาวคริสต์ทั้งหลายด้วย ล่าสุดเธอเพิ่งหันมาแนะนำเพื่อนอีกคนที่เป็นชาวคริสต์ที่เคร่งมากๆ ซึ่งกำลังมีปัญหาจิตใจหดหู่ไม่ทราบสาเหตุ ให้นั่งสมาธิโดยเพ่งไม้กางเขนแทนกสิณแบบต่างๆ และปัจจุบันเพื่อนชาวคริสต์ที่สองก็เริ่มเกิดแรงบันดาลใจหยิบหนังสือธรรมะมาอ่านเองแล้ว แต่ทั้งนี้โดยทางกฎหมาย ทั้งคู่ยังนับถือคริสต์อยู่ แบบนี้เรียกว่าศาสนาไร้พรมแดนได้มั้ยคะ?

 

ความจริงยังมีบันทึกคำสอนของพระเยซูอีกหลายบทครับ ที่วาติกันไม่ยอมเผยแพร่ออกมา ซึ่งน่าเสียดายมาก เพราะบางบันทึกเป็นคำสอนที่ลึกซึ้งลงไปในขั้นพัฒนาจิตวิญญาณ ขัดเกลากิเลส

หากผู้ที่มีอำนาจจำนวนมากคงไม่สนใจในขั้นพัฒนาจิตวิญญาณ จึงยากที่จะเข้าใจและคงเกรงว่าคริสตศาสนิกชนจะสับสน เสื่อมศรัทธา

ดูเพียงวาระสุดท้ายของพระเยซูก็ได้ ท่านแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงในคำสอนในด้านความเมตตาและอภัยธรรมอย่างที่สุด ถูกตรึงไม้กางเขน ทรมานให้ตาย ถึงขนาดนั้น ยังสอนศิษย์ให้เมตตาให้อภัย

กำลังใจขนาดนี้ ไม่ว่าจะเรียกว่าศาสนาอะไร ผมก็กราบได้ครับ

 

ประเด็นของคุณคนเก่าน่าสนใจมากค่ะ เคยอ่านตำราเกี่ยวกับการเผยแพร่พันธกิจของชาวคริสต์ เค้าบอกว่ายุคที่ทรงพลังที่สุดของการประกาศศาสนาคือยุคที่เน้นเรื่องจิตวิญญาณ การขัดเกลาจิตใจ การลดละความอยากและการสะสมทางวัตถุ การทำเพื่อเพื่อนมนุษย์คนอื่นโดยไม่หวังผล ซึ่งถ้ามีแนวทางแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ คริสตศาสนาจะเฟื่องฟูเมื่อนั้น เช่น นิกายฟรานซิสกันของนักบุญฟรานซิสและอัสซีรีเป็นต้น
แต่ปัญหาคือกระแสของการชำระทางจิตวิญญาณอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้คริสตศาสนาปักหลักอย่างมั่นคงได้ การทำเช่นนั้นต้องการคริสตศาสนาที่มีลักษณะเป็นสถาบัน ซึ่งหมายถึงมีการจัดองค์กร มีลำดับชั้นการบังคับบัญชา มีเป้าหมายและมียุทธศาสตร์การขยายตัว ซึ่งในทางกลับกัน สิ่งนี้แม้จะทำให้การประกาศศาสนาเติบโตได้จริง แต่ก็ทำให้แง่มุมด้านการชำระทางจิตวิญญาณอ่อนลง และคริสตศาสนาก็พลอยมีพลังและแรงดึงดูดน้อยลงไปด้วย และแนวทางประกาศพันธกิจของเค้าก็วนเวียนอยู่แบบนี้แหละค่ะ วันดีขึ้นดีก็มีกระแสทางจิตวิญญาณเฟื่องฟูขึ้นมาและคริสตศาสนาก็จะกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง อย่างในอเมริกาตอนนี้เห็นว่าคริสตศาสนาเข้าไปมีบทบาทกำหนดนโยบายและครอบงำสภามากขึ้นทุกทีโดยเฉพาะฝ่ายรีพับลิกันค่ะ

 

ถ้ากระแสทางจิตวิญญาณเฟื่องฟูขึ้นมา พุทธซิครับที่จะเฟื่องฟู เพราะอย่างไรพระเยซูท่านก็เป็นพระโพธิสัตว์ กำลังบำเพ็ญเพื่อพระสัมมาสัมโพธิญาณ ที่ท่านสอนได้ยังเป็นเพียงเศษเสี้ยวของพระธรรมเทศนาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

ผู้ที่มีปัญญา ถึงพร้อมด้วยวาสนาบารมี อย่างไรก็ต้องมาต่อยอดด้วยพระธรรมที่องค์สมเด็จพระบรมไตรได้ตรัสสอนไว้

 

เห็นด้วยมากๆค่ะ เคยอ่านหนังสือเรื่องปุจฉา-วิสัชนาในต่างแดนของหลวงปู่เทสก์ พวกชาวต่างชาติที่มาฝึกปฏิบัติธรรมเห็นไปได้ไกลๆ กันทั้งนั้น แสดงว่าเรื่องปัญญานั้นพวกเขามีอยู่แล้ว ขาดก็แต่คนชี้แนวทางให้เดิน แต่สงสัยว่า คัมภีร์ในพุทธศาสนามีแปลเป็นภาษาต่างชาติอย่างแพร่หลายแล้วยังคะ หรือฝรั่งต้องไปวัดไทยเท่านั้นถึงจะเรียนรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาได้? ถ้าเป็นอย่างหลัง การต่อยอดคงไปได้ช้าน่าดู

 

มีอยู่ครับ สำคัญว่าต้องสอนตรง และมีพร้อมด้วยครูบาอาจารย์ที่รู้จริงสามารถแนะนำให้ชาวต่างประเทศเข้าใจได้

สำนักที่รู้จริงเป็นที่พึ่งได้โดยมีบุคลากรและทรัพยากรพอรองรับได้ น่าจะเป็นวัดป่านานาชาติของสายหลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง

 

ต่อไปประเทศต่างๆก็จะหันมานับถือศาสนาพุทธ

 

ปลื้มใจจริงๆ
ขออนุโมทนาบุญจากการให้ธรรมทานของท่านผู้ตั้งกระทู้<O</O
และอนุโมทนาบุญจากการร่วมสนทนาธรรมของทุกๆท่านนะครับ
สาาาาา...ธุ
สาาาาา...ธุ
สาาาาา...ธุ
ให้ดังไปถึงพระนิพพาน<O</O

 

อนุโมทนาสาธุค่ะ
ดีใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
รู้สึกเป็นปลื้มที่มีพุทธศาสนิกชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อย่างน้อยถ้าได้รับรู้สิ่งที่พระพุทธเจ้ารู้ก็นับเป็นบุญมหาศาล
ยินดีด้วยกับผู้ที่พบหนทางแห่งการดับทุกข์
ข่าวนี้ทำให้มีความสุขที่สุดในวันนี้เลยค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
^_^

 

ผมเองก็ดีใจเหมือนกันครับดีใจมาก เคยคิดเหมือนกันนะว่า อยากให้ประเทศทั่วโลกมานับถือพุทธ เหอะเหอะ โห! คิดไปโน่น
ผมมีข้อความของไอสไตล์สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ ที่ได้กล่าวเกี่ยวกับศาสนาพุทธเอาไว้ ไม่รู้ว่าเพื่อนสมาชิกเคยอ่านหรือเปล่า

" ปริศนาคำพูดของอัลเบิร์ต ไอสไตล์ กล่าวถึงพระพุทธศาสนาก่อนเสียชีวิต ถึงแม้อัลเบิร์ต ไอสไตล์ ได้จากโลกนี้ไปโดยที่เขายังไม่สามารถค้นพบตำตอบตามที่เขากำลังต้องการก็ตาม แต่ไอสไตล์ได้ทิ้งคำพูดที่เป็นปริศนาที่สำคัญมากให้กับมนุษยชาติ ในช่วงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเขา อัลเบิร์ตได้เริ่มสงสัยแล้วว่า พระพุทธศาสนา อาจจะเป็นศาสนาที่ให้คำตอบต่อคำถามที่เขากำลังพยายามค้นหา ในช่วง 1 ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้น มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน ได้ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นหนึ่งของเขาชื่อเรื่อง “The Human Side” ซึ่งนักฟิสิกส์ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลผู้นี้ ได้กล่าวทิ้งท้ายให้เป็นปริศนาแห่งโลกอนาคตว่า

“The religion of the future will be a cosmic religion. It should transcend a personal God and avoid dogmas and theology. Covering both the natural and the spiritual, it should be based on a religious sense arising from the experience of all things, natural and spiritual, as a meaningful unity. Buddhism answers this description. If there is any religion that would cope with modern scientific needs, it would be Buddhism.”

(May 19th, 1939, Albert Einstein’s speech on “Science and Religion” in Princeton, New Jersey, U.S.A.)”

“ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา(คือพึ่งเทวดาเป็นหลักใหญ่) ศาสนานั้น เมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนสามัญสำนึกทางศาสนา ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้....ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุ บัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา”

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ ชาวเยอรมัน ผู้เสนอทฤษฏีสัมพันธภาพ ศาสนาเดียวที่จะเหลืออยู่ในโลกอนาคต ก็คือ ศาสนาที่ถือว่าเป็นวิวัฒนาการตามกฎของธรรมชาติ เหมือนกับที่ไอสน์ไตน์เขาพูดไว้ว่า

“ศาสนาที่เหลืออยู่ในโลก ก็คือศาสนาที่สามารถเผชิญกับความต้องการของโลกแห่งยุคปัจจุบัน”