กอล์ฟ-อั้ม พาไหว้พระสำนักปฏิบัติธรรมวัดถ้ำบ่อปลา จ.สระบุรี

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย จอมเทพลีลา, 13 กรกฎาคม 2013.

  1. จอมเทพลีลา

    จอมเทพลีลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    507
    ค่าพลัง:
    +505
    สวัสดีครับ สมาชิกเว็บพลังจิต และเว็บญาณเทพ ผมอั้มญาณเทพ และกอล์ฟญาณเทพ ขอแนะนำ และพาทุกท่านไปทำบุญไหว้พระกับเรา 2 คน 2 คู่บุญแห่งเว็บญาณเทพ ณ สำนักปฏิบัติธรรมวัดถ้ำบ่อปลา กันครับ

    สำนักปฏิบัติธรรมวัดถ้ำบ่อปลา ตั้งอยู่ที่ตำบลสองคอน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงามมาก อยู่บริเวณเชิงเขาพระพุทธบาทน้อย เป็นภูเขาหินปูนที่มีระดับความสูงประมาณ 300 เมตร โดยหลวงพ่อสมศักดิ์ สุระธัมโม (นามเดิม สมบุญ จุ้ยสาย) เป็นผู้ค้นพบตัวถ้ำ ซึ่งกว่าที่จะมาเป็นถ้ำบ่อปลาหรือวัดถ้ำเจริญธรรมดั่งปัจจุบันนี้ เรามาศึกษาประวัติกันก่อนนะครับ

    หลวงพ่อสมศักดิ์ สุรธัมโม (นามเดิม สมบุญ จุ้ยสาย) เป็นบุตรคนโตของนายฟู นางเสงี่ยม จุ้ยสาย เกิดเมื่อวันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2460 ที่ตำบลบางยี่ขัน อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรีเดิม ชีวิตเมื่อเยาว์วัยหลวงพ่อเป็นคนขยัน มีความมานะ อุตสาหะ และชอบศึกษาหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ ช่วยบิดา มารดาประกอบอาชีพ และดูแลน้องๆ ได้เป็นอย่างดี หลวงพ่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนศรีอุลัย เมื่อบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดดาวดึงห์ษาราม สอบได้นักธรรมตรี หลวงพ่อมีความรู้ด้านภาษา โดยศึกษาด้วยตนเอง ทั้งภาษาจีน และภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นยังเขียนหนังสือได้สวยงามเป็นระเบียบ ทั้งยังสามารถทำบัญชีรายรับ รายจ่ายได้ถูกต้องแม่นยำ ศึกษาการขยายพันธ์พืชจากตำรา และทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง จนสามารถทำการตอน ติดตา ต่อกิ่ง ทาบกิ่ง พันธุ์พืชต่างๆได้อย่างดี

    หลวงพ่อเมื่อครั้งเป็นฆราวาส ได้สมรถกับนางสุดสวาท สุคนธสิงห์ซึ่งเป็นบุตรของคหบดีในตำบลบางยี่ขัน มีบุตรด้วยกัน 5 คน หลวงพ่อเป็นคนรักครอบครัว เมื่ออายุครบ 20 ปี ถูกเกณฑ์เป็นพลทหารปืนใหญ่ หลวงพ่อเข้าร่วมรบในสงครามอินโดจีนได้เหรียญชัยสมรภูมิชั้น 2 เมื่อปลดประจำการจากทหาร ด้วยทางผู้บังคับบัญชาเห็นในความขยัน หนักเอาเบาสู่ ถ้ารับราชการจะเป็นประโยชน์ต่อกองทัพมาก จึงขอร้องให้รับราชการต่อ แต่หลวงพ่อปฎิเสธ เนื่องจากสมัยนั้นเงินเดือนข้าราชการทหารน้อยมาก รวมทั้ง บิดานายฟูได้เสียชีวิตแล้ว จึงต้องดูแลมารดาและน้องๆ หลวงพ่อจึงมาทำงานเป็นพนักงานส่งของและเก็บเงินบริษัทในเครือดิสแฮม (บริเวณถนนเยาวราช สำเพ็งในปัจจุบัน) จึงสามารถส่งเสียให้น้องทั้งสามคนได้เรียนหนังสือจนจบการศึกษา นอกจากนี้หลวงพ่อมีความรับผิดชอบในครอบครัว ดูแลเอาใจใส่ภริยาและบุตรทั้ง 5 คนเป็นอย่างดี พยายามสร้างฐานะและส่งเสียบุตรให้ได้เล่าเรียน จนจบการศึกษาทำงานประกอบอาชีพมั่นคงทุกคน

    ด้วยหลวงพ่อมีจิตใจใฝ่ธรรมะตั้งแต่เด็ก เคยได้บวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดดาวดึงษาราม เป็นลูกศิษย์พระครูโวทานธรรมาจารย์ เมื่อ พ.ศ.2510 ได้อุปสมบทที่วัดราชบพิตรสถิตยมหาศรีมาราม เพื่อทดแทนพระคุณบิดา มารดา เป็นเวลา 1 เดือนโดยมีพระสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (วาสนะ) ต่อมาได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช เป็นพระอุปัชฌา และได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่นาค เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆษิตารามเพื่อฝึกสมาธิ และอาศัยวิชาช่างที่มีความถนัดช่วยซ่อมพระสมเด็จวัดระฆังที่ชำรุด นอกจากนั้นยังได้ช่วยสร้างแบบพิมพ์ขึ้นมาใหม่ ให้คล้ายกับสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่รุ่นแรกไว้เป็นจำนวนมาก
    หลังจากสึกออกมา ในปี พ.ศ. 2511 บริษัทที่หลวงพ่อทำงานมีปัญหาทางการเงิน จึงเลิกกิจการ หลวงพ่อต้องมาอยู่บ้าน ช่วงเวลาอยู่บ้านหลวงพ่อคิดจะไปทำสวนทุเรียนที่จังหวัดชุมพร จึงเกิดปัญหากับภริยาและได้แยกทางกันในปี 2512 หลวงพ่อได้พาคุณแม่ของหลวงพอไปอยู่กับน้องชายที่จังหวัดชลบุรี

    เดือนพฤษภาคม 2515 หลวงพ่อตัดสินใจบวชอีกครั้ง โดยตั้งใจจะไม่สึก และได้บวชที่วัดปรินายกราชวรวิหาร กรุงเทพ หลังจากบรรพชาครบพรรษาแล้ว หลวงพ่อได้ขอลาเจ้าอาวาสออกจาริกธุดงค์กับเพื่อนพระอีก 1 องค์ จนมาพบสถานที่สงบ บริเวณภูเขาบ่อปลาแห่งนี้ หลวงพ่อเห็นว่าบริเวณเขาดูสงบ และเหมาะแก่การนั่งวิปัสสนา

    ต่อมาในปี พ.ศ. 2516 หลวงพ่อได้ขอกราบลาท่านเจ้าอาวาสวัดปรินายกฯ มาจำพรรษาที่บริเวณถ้ำแห่งนี้ เมื่อมาจำพรรษาใหม่ๆ หลวงพ่อจำพรรษาบริเวณเชิงเขาโดยปักกรด ชาวบ้านนำอาหารมาถวายแต่เช้า หลวงพ่อต้องเก็บอาหารไว้ฉันท์เพลทุกวัน เพื่อไม่ใช้ยุ่งยากต่อมาหลวงพ่อจึงฉันท์อาหารมื้อเดียว เดิมชาวบ้านแถวนั้นปลูกข้าวโพด ข้าวฟ่าง ไม่ได้ผลดีเท่าไรนักเพราะเป็นที่ดอน แต่ชาวบ้านไม่รู้จักวิธีปลูกพืชอย่างอื่น ซึ่งปู่ย่าตายายเคยทำมาอย่างไร ก็ทำต่อๆกันมา

    เมื่อว่างจากการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน หลวงพ่อจะสำรวจบริเวณรอบๆภูเขาเป็นประจำ ตามวิสัยทหารที่ต้องสำรวจภูมิประเทศตลอดเวลา เห็นบริเวณภูเขามีช่องเล็กๆ พอคนเข้าไปได้ หลวงพ่อจึงเข้าไปเห็นภายในภูเขาเป็นถ้ำ สวยงามมาก มีหินงอกหินย้อยเป็นลวดลายต่างๆ ตระการตา แต่ทางเข้าลำบากมาก หลวงพ่อจึงมีความคิด อยากให้บุคคลภายนอกได้มาเห็นความสวยงามนี้เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิง อนุรักษ์ในอนาคต จึงได้พัฒนาพื้นที่บริเวณบ่อปลานี้ขึ้น ได้แก่
    1. ทำทางเข้าถ้ำให้สะดวกสบายกับผู้คนโดยทั่วไป โดยขุดดินเพื่อทำทางเข้าถ้ำด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ใช้เวลาเป็นปี ซึ่งต่อมามีชาวบ้านช่วย ด้วยปากทางเข้าถ้ำยังเป็นทางเล็กๆเข้าลำบากอยู่ หลวงพ่อจึงคิดระเบิดปากถ้ำเพื่อทำทางเข้าถ้ำให้สบายขึ้น การระเบิดปากถ้ำใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะสำเร็จตามความปรารถนา หลวงพ่อจึงเข้าไปจำพรรษาภายในถ้ำ ต่อมาเมื่อทางญาติโยมเห็นความตั้งใจจริงของหลวงพ่อ จึงได้ถวายบ้าน 1 หลังเพื่อสร้างศาลาปฏิบัติกิจของสงฆ์ เนื่องจากหลวงพ่อเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จึงมีญาติโยมศรัทธาในตัวหลวงพ่อมาก ได้ช่วยกันถวายปัจจัยและสิ่งของสร้างกุฏิ ศาลา ตลอดจนซื้อที่ดินเป็นสมบัติของสำนักสงฆ์เพิ่มขึ้นประมาณ 20 ไร่

    2. ในปี พ.ศ. 2523 มีพระมาจำพรรษา 4 รูป หลวงพ่อจึงตั้งเป็นสำนักสงฆ์ เพราะรอบบริเวณใกล้เคียงไม่มีวัด จึงมีความคิดจะพัฒนาให้เป็นวัดจงได้ เพื่อเป็นสถานที่พัฒนาจิตใจญาติโยมทั้งหลายเนื่องจากเป็นสถานที่สงบและสวย งาม เหมาะแก่การพัฒนาจิตใจอย่างยิ่ง

    3. หลวงพ่อได้สอนชาวบ้านให้รู้จักทำการเกษตรแบบพืชสวนผสม โดยสอนชาวบ้านให้รู้จักวิธีตอน ติดตา ต่อกิ่ง ทาบกิ่ง โดยบริเวณที่ของสำนักสงฆ์ประมาณ 20 ไร่นั้น ได้ปลูก ส้มโอ มะขามหวาน มะปราง มะม่วง เมื่อได้ผลดี ชาวบ้านจึงทำไร่สวนผสมบ้าง และได้ผลดีกว่าทำไร่ข้าวโพด ข้าวฟ่าง แต่ดั้งเดิม นับว่าหลวงพ่อเป็นผู้นำการเกษตรแบบใหม่มาสู่ชุมชนโดยแท้จริง

    4. เดิมถนนเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านกับภายนอกเป็นทางเกวียน ชาวบ้านติดต่อกับภายนอกลำบาก และหน้าฝนเกือบติดต่อไม่ได้ หลวงพ่อจึงได้ซื้อลูกรังทำถนนจากหมู่บ้านเชื่อมต่อจากภายนอกเป็นระยะทาง ประมาณ 2 กิโลเมตร โดยชาวบ้านช่วยออกเงินทำถนนด้วย เมื่อมีถนนเข้าออกหมู่บ้านได้สะดวก และสามารถเข้าออกได้ทุกฤดู ความเจริญก็เข้ามาสู่หมู่บ้าน ทำให้เศรษฐกิจของหมู่บ้านดีขึ้นเป็นลำดับ

    5. หลวงพ่อได้ติดต่อการไฟฟ้าจังหวัดสระบุรี เพื่อขอขยายเขตไฟฟ้าเข้าหมู่บ้านโดยใช้เงินของสำนักสงฆ์ และชาวบ้านสมทบทำให้หมู่บ้านนี้ไฟฟ้าสว่าง

    เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2531 บริษัทซี.พี. ได้เห็นคุณความดีของหลวงพ่อที่ต่อสู้เพื่อชาวบ้าน จึงได้หล่อรูปปั้นหลวงพ่อมาไว้ในถ้ำเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งคุณความดีของหลวงพ่อ

    ปี พ.ศ. 2532 หลวงพ่อมีอายุได้ 72 ปี หลวงพ่อป่วยเป็นโรคประจำตัว คือ โรคหอบหืด ซึ่งเป็นมาตั้งแต่หนุ่มไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และเกิดโรคแทรกซ้อนคือโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ทำให้หลวงพ่อต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลภูมิพลเป็นประจำ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2535 หลวงพ่อมีอาการบ่อยขึ้น บุตรชายคนโตได้ขอนิมนต์ให้หลวงพ่อลาสิกขา และกลับมาอยู่บ้านเพื่อให้ลูกชายได้ดูแลรักษาพยาบาลได้สะดวกขึ้น

    หลวงพ่อได้ลาสิกขาบทเมื่อเดือนเมษายน 2535 รวมพรรษาที่หลวงพ่อจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำพระธาตุเจริญธรรม รวม 18 ปี จนเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2535 เวลา 8.30 น. หลวงพ่อได้สิ้นลมเนื่องจากการใช้ยาเกินขนาด ที่บ้านของ น.ท.วรวิทย์ จุ้ยสายบุตรชายคนที่ 3 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อฌาปนกิจศพท่านแล้ว บรรดาลูกจึงนำเถ้ากระดูกของท่านไปเก็บไว้ที่ใต้ฐานรูปปั้น ณ ถ้ำพระธาตุเจริญธรรม ตามคำสั่งของท่าน รวมอายุท่านได้ 76 ปี

    สำหรับในปัจจุบัน หากนักท่องเที่ยวมาถึงบริเวณวัดแล้ว จะได้สัมผัสกับความเงียบสงบ ร่มรื่น ร่มเย็น ของบริเวณวัด จากปากทางเข้าถ้ำจะปูด้วยหินอ่อนเป็นทางเดินชมทั่วบริเวณถ้ำโดยตลอด ภายในถ้ำเป็นที่ประดิษฐานของ หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัยสมัยอยุธยา หนอกจากนี้ยัง แบ่งออกเป็นห้องขนาดใหญ่ 3 ห้อง ได้แก่

    ห้องที่ 1 ชื่อว่า "ถ้ำบ่อปลา" มีปลาว่ายน้ำเข้ามาในบริเวณถ้ำเป็นจำนวนมาก

    ห้องที่ 2 ชื่อว่า "ถ้ำท้องพระโรง" มีหินงอกหินย้อยสวยงาม มีรูปร่างคล้ายเจ้าแม่กวนอิม และฮก ลก ซิ่ว

    ห้องที่ 3 ได้แบ่งซอยเป็นห้องเล็ก ๆ มีจุดเด่นอยู่ที่หินงอกหินย้อยหลายรูปแบบ มีรูปร่างคล้ายหินปะการังซึ่งจะเข้าได้ในช่วงฤดูแล้ง

    ลักษณะเด่นภายในถ้ำ

    - เป็นถ้ำที่มีระบบนิเวศน์หินปูนและหินที่สวยงาม
    - มีหินงอกโดยธรรมชาติ ไม่มีใครปรุงแต่ง
    - มีหินย้อยเป็นรูปนาๆชนิด เช่น พระธาตุ แมวน้ำ พญานาค ปลา เต่า ฮกลกซิ่ว เจ้าแม่กวนอิม และคล้ายประการัง
    - มีลักษณะถ้ำเป็นห้องๆ หลากหลาย

    ถ้ำจะปิดในวันธรรมดา เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.

    การเดินทาง

    สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง เส้นทางแรก ได้แก่ จากตัวเมืองสระบุรีไปตามถนนมิตรภาพ ทางไปจังหวัดนครราชสีมา ประมาณ 12 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าตัวอำเภอแก่งคอย ผ่านตลาดแล้วข้ามสะพานอดิเรกสารซึ่งทอดข้ามแม่น้ำป่าสักไปอีกประมาณ 8 กิโลเมตร ก็ถึงถ้ำพระธาตุเจริญธรรม เส้นทางที่สอง จากสระบุรีใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ทางไปจังหวัดลพบุรีประมาณ 15 กิโลเมตร ถึงหน้าโรงเรียนพุแควิทยา ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนจะมีถนนสายพุแค-แก่งคอย เข้าไปประมาณ 10 กิโลเมตร

    1.jpg

    3.jpg

    4.jpg

    5.jpg

    6.jpg

    7.jpg

    8.jpg

    9.jpg

    10.jpg

    11.jpg

    12.jpg

    13.jpg

    14.jpg

    15.jpg

    16.jpg

    17.jpg

    18.jpg

    19.jpg

    20.jpg

    21.jpg

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    หนังสือประวัติหลวงพ่อสมศักดิ์ สุระธัมโม โดย น.ท.วรวิทย์ จุ้ยสาย และภรรยา และชมรมเสือเฒ่าอยุธยา
     

แชร์หน้านี้

Loading...