เปิดโลก..ศึกษาหมอผีแขก คาถาอาคมต่างๆ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย พระศุภกิจ ปภัสสโร, 22 มิถุนายน 2013.

  1. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    โต๊ะหมอแขก

    ในบางชุมชน ที่มุสลิม อาศัยอยู่ จะมีหมอประจำอยู่ ที่เขาเรียกว่าโต๊ะหมอแขก มีทั้งโต๊ะหมอที่เป็นผู้ชาย และเป็นผู้หญิง อาจมีการแต่งกายที่ดูแล้วขลังหรือดูเป็นผู้เคร่งคลัดในศาสนา โต๊ะหมอแขกในที่นี้ หาใช่หมอที่มีการรักษาด้วยยาสมุนไพร่ หรือยาแผนปัจจุบันไม่ แต่เป็นหมอทีมีการรักษาด้วยการปัดเป่าจากดุอาอ์ หรือคาถาอาคมต่างๆ ซึ่งอาจเป็นอัลกุรอาน หรือคาถาที่เป็นภาษาบาลีสัตกฤต หรือภาษาใดๆก็ตาม ซึ่งอาจปัดเป่าไปยังที่แผล หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายผู้รับรักษา เช่น กระหม่อม หน้าผาก หรือการกล่าวแล้วเป่าลงไปในน้ำที่เตรี่ยมไว้แล้วให้ผู้ป่วยไปดื่มกิน หรือขบเคี้ยวสิ่งหนึ่ง เช่น หมากกับใบพลูและปูน พร้อมกล่าวดุอาอ์ หรือคาถาอาคม แล้วนำหมากพลูที่เคี่ยวละเอียดที่ผ่านการกล่าวดุอาอ์หรือคาถานั้นแล้ว ให้ผู้ป่วยนำไปทาที่แผล หรือบริเวณที่เกิดโรค หรือไม่โต๊ะหมอก็คายหมากที่เคี้ยวหรือเป่าไปที่บริเวณจะรักษานั้น นอกจากนี้ ยังมีการทำเครื่องรางของขลัง เช่น ตะกรุด หรืออาซีมัต หรือเส้นด้าย อาจมีสีขาวล้วนๆ หรือมีหลายสี และมีการใส่อายะฮฺอัลกุรอาน คำคาถาภาษาบาลีสันตกฤตหรือวัตถุอื่นๆ เช่น กระดูกงู กระดูกจระเข้ ในตะกรุด หรืออาซีมัตนั้น แล้วมีการเป่าดุอาอ์ หรือเสกคาถาลงไปที่ตะตะกรุด หรืออาซีมัต หรือเส้นด้ายนั้น หรือนำตะกรุด หรือเส้นด้ายจุ่มลงไปในน้ำที่เตรียมไว้ แล้วเป่าคาถาลงไป แล้วมอบไห้ผู้ทำการรักษาไปสวมไว้ที่คอ สวมไว้แขนข้อมือ รอบเอว หรือแขวนไว้ที่หน้ารถ หัวเรือ หรืออาจทำเป็นปลัดคลิกแล้วนำสวมไว้ที่รอบเอวอีกด้วย
    [​IMG]
    นอกจากนี้ โต๊ะหมอแขก ยังอาจเป็นหมอดู ทำนายทายทัก ดูดวงโชคลางต่างๆ ดูวันฤกษ์ยามต่างๆ เช่น ดูวันฤกษ์ยามดีในการแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ หรือออกรถ เป็นต้น เมื่อผู้ใดมีของสูญหาย มีคนลักขโมย มีคนที่เป็นเครือญาติสูญหาย หรือเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่สบายใจ หรือกิจการงาน หรือทำการค้าขายไม่ได้เท่าที่ควรก็จะมาหาโต๊ะหมอแขก เพื่อจะให้ดูว่าของนั้นอยู่ที่ไหน ใครเป็นผู้ขโมยไป หรือดูว่าคนที่สูญหายอยู่ที่ไหน มีชีวิตอยู่อีกหรือไม่ หรือการเจ็บป่วย หรือการดำเนินกิจการไม่ได้กำไรเท่าที่ควร มันเกิดอะไรขึ้น(ท่านอิหม่ามอะห์มัดกล่าวว่า อิรอฟะห์(การทำนายของหาย) เป็นส่วนหนึ่งของไสยศาสตร์ จากหนังสืออัลมุฆนียฺ ของอิบนุกุดามะห์ เล่ม 20 หน้า 13
    )
    โต๊ะหมอแขก ก็อาจมีการจุดเทียน หรือใส่น้ำในภาชนะ แล้วมีการกล่าวดุอาอ์หรือมนต์คาถาต่างๆ แล้วเมื่อตนเห็นอะไรแล้ว ก็จะบอกผู้มาหาว่าเกิดอะไรขึ้น เช่น ที่เจ็บป่วยเป็นประจำ หรือค้าขายไม่ได้ มีคนมาทำของ(ถูกของ)หรือไสยศาสตร์ เป็นต้น นอกจากนี้โต๊ะหมอแขกบางคนยังเป็นผู้ทำคุณไสยฯ และแก้คุณไสยอีกด้วย เช่น ทำให้คนนั้น รัก เกลียด หลง เป็นบ้า หรือเจ็บป่วย เป็นต้น

    สำหรับการรักษาต่างๆ จากโต๊ะหมอแขก ไม่ใช่ว่าจะทำการรักษากัน ฟรีๆ หรือทำการเสกเป่าตะกุด หรืออะซีมัต โดยไม่มีค่าตอบแทน แต่ต้องจ่ายค่าทำหมอ ที่เรียกว่าค่าสงคลาด หรือค่าหลาด โต๊ะหมอแขกบางคนก็เอาค่าทำหมอไม่มาก เช่น เงิน 40 บาท เกลือ 5 5 ถุง น้ำ 1 ขวด เป็นต้น แต่โต๊ะหมอแขกบางคนเรียกค่าทำหมอแพงมาก เช่น ค่าทำอะซีมัต เส้นหนึ่งต้องจ่ายค่าทำหมอ ถึงหลักพันเลยทีเดียว เป็นต้น แต่ที่สำคัญที่จะขาดไม่ได้ คือเกลือ เพราะมีความเชื่อว่าเกลือจะช่วยให้ความเข็มข่นในความเป็นโต๊ะหมอเพิ่มขึ้น

    ในชุมชนมุสลิมบางพื้นที่ โต๊ะหมอแขก มีความสำคัญสำหรับพวกเขาเป็นอย่างมาก ถือเป็นบุคคลที่เขาพึ่งพา ช่วยเหลือ เคารพนับถือ บางครั้งถึงขั้นวอนขอโต๊ะหมอแขกเป็นสื่อกลางต่ออัลลอฮฺเลยที่เดียว ซึงเคยถามโต๊ะหมอแขกคนหนึ่งว่า :ท่านมีความพิเศษอย่างไรที่จะทำการรักษา หรือรู้สิ่งเร้นลับ ที่คนอื่นไม่อาจรู้ได้: โต๊ะหมอคนนั้นตอบว่า : อัลลอฮฺให้เขามีความเป็นพิเศษที่จะทำการรักษา รู้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้:

    โต๊ะหมอแขกจึงเป็นตัวแทนของชุมชนที่จะทำพิธีกรรม หรือกิจการบางอย่าง เช่น เป็นหมอบ่าว ทำการกล่าวดุอาอ์ หรือกล่าวศอลาวาตก่อนที่เจ้าบ่าวและญาติๆ ออกจากบ้าน หรือก่อนขึ้นรถ ไปบ้านเจ้าสาว โดยที่โต๊ะหมอแขกจะอยู่เคียงข้างเจ้าบ่าวตลอดเวลา และเมื่อจะเข้าบ้านเจ้าสาว โต๊ะหมอก็จะเดินนำหน้าเจ้าบ่าว และคนอื่นๆ เข้าบ้านเจ้าสาว และเมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวพบกันในที่ๆจัดไว้ โต๊ะหมอที่เป็นหมอบ่าวทำการเป็นผู้นำขอดุอาอ์ให้แก่เจ้าบ่าวเจ้าสาว หรือกรณีญินเข้าสิงมุสลิมคนหนึ่ง (ที่เรียกว่าผีเข้า และเข้าใจว่าเป็นผีจากวิณญาณของผู้ที่ตาย) โต๊ะหมอแขกก็จะทำการปัดเป่าให้ญินตนนั้นออกไปจากร่างกายคนที่ถูกสิงนั้น เป็นต้น

    แท้ที่จริงโต๊ะหมอแขก ไม่ใช่ผู้ที่เป็นผู้รู้ โต๊ะครูบาบอ ที่แตกฉานหรือเคร่งคลัดทางศาสนาแต่อย่างใด บางคนก็ไม่ได้จบการศึกษาทางศาสนามาแม้แต่น้อยเลย ไม่ได้รู้ลึกถึงหลักปฏิบัติศาสนาและอากีดะฮฺแต่อย่างใด แต่ความรู้ที่โต๊ะหมอแขกได้รับมานั้นมีการสืบทอดต่อกันมาจากปู่ย่าตายาย ซึ่งโต๊ะหมอแขกถือเป็นผู้ที่ได้รับการไว้วางใจจากบรรพบุรุษของท่าน ที่จะได้สืบทอดวิชาอาคมเหล่านั้นต่อมา จึงเห็นอยู่ไม่น้อยที่โต๊ะหมอแขกบางคนละหมาด 5 เวลาไม่ครบ ปล่อยปละละเลยลูกหลานไม่ให้ปฏิบัติศาสนกิจ ไม่ส่งเสริมบุตรหลานให้ศึกษาเหล่าเรียนศาสนา เรื่องศาสนานั้นมองเป็นสิ่งไม่สำคัญ แต่เรื่องการปฏิบัติการใดต้องให้เป็นในวันฤกษ์ยามดี ต้องมีการทำพิธีกรรมอย่างเคร่งคลัด จึงไม่แปลกที่ชาวบ้านบางคน ไม่เคยละหมาด ถือศิลอดไม่ครบ แต่เมื่อลูกจะแต่งาน เมื่อจะสร้างบ้านพักอาศัย เมื่อจะขึ้นบ้านใหม่ เมื่อจะซื้อรถ ต้องไปหาโต๊ะหมอแขก ทำการดูวันฤกษ์ยามดี มีการสะเดาะเคราะห์ การกล่าวดุอาอ์หรือคาถา และเจิมรถ หรือนำเส้นด้ายที่ผ่านการเสกเป่าแล้วมาผูกที่หัวรถ ก็เพราะการได้รับการบ่มความเชื่อและคำสอนจากโต๊ะหมอแขกและบรรพบุรุษของตนสอนสั่งกันมาและอันแท้จริงโต๊ะหมอแขกไม่มีอำนาจใดๆ ไม่ได้เป็นผู้ที่มีความพิเศษใดๆ ไม่สามารถรู้ในสิ่งที่เป็นสิ่งเร้นลับใดๆได้ การที่โต๊ะหมอแขกกล่าวว่าตนสามารถรู้สิ่งเร้นลับที่พระองค์อัลลอฮฺทรงปกปิดไว้ นั้นเป็นความเท็จ เพราะพระองค์อัลลอฮฺทรงกล่าวไว้ชัดเจนว่าพระองค์จะไม่ให้ใครรู้ในสิ่งเร้นลับของพระองค์ ยกเว้นรสูลของพระองค์ในบางครั้งบางเวลาเท่านั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01-poster.jpg
      01-poster.jpg
      ขนาดไฟล์:
      147.8 KB
      เปิดดู:
      10,862
  2. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166

    การที่โต๊ะหมอแขกได้ทำนายทายทัก และอาจถูกต้องถามที่ทำนาย ก็เนื่องจากญินที่โต๊ะหมอแขกเลี้ยงไว้ มากระซิบที่หูนายอันเป็นที่รักของมัน แล้วโต๊ะหมอแขกนำคำกระซิบของญินที่ตนเลี้ยงไว้มาบอกแก่ผู้ทีให้โต๊ะหมอแขกดูให้ แต่มันก็ปะปนความเป็นเท็จ

    เมื่อหลายปีมาแล้ว ญาติคนหนึ่งซึ่งมีอายุประมาณ 10 ขวบ ได้หายสาบสูญไปจากบ้าน โดยไม่มีผู้ใดทราบว่าเขาไปอยู่ที่ไหน มีชีวิตอยู่อีกหรือไม่ ก็มีการไปหาโต๊ะหมอแขก หลายคนด้วยกัน ผลของการดูของโต๊ะหมอแขกแต่ละคนแตกต่างกัน โต๊ะหมอแขกคนหนึ่งบอกว่าไปอยู่กับผี(ญิน)ที่จอมปลวกลูกหนึ่ง โต๊ะหมอกแขกอีกคนหนึ่งบอกว่าไปอยู่กับผีที่เนินสูงแห่งหนึ่งที่มีต้นไม้ปกคลุม ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับบ้านของเขามากนัก แต่ผลปรากฏว่าอีกหนึ่งปีต่อมา ญาติคนนั้นก็กลับมา ได้ความว่าเขาได้ขึ้นรถเมย์ไปต่างจังหวัด กลับบ้านไม่ถูกตางค์ก็หมดพอดี เลยไปอาศัยอยู่กับเจ้าของร้านขายข้าวแกงคนหนึ่ง และช่วยเจ้าของร้านขายข้าวแกงเรื่อยมา หลังจากนั้นเจ้าของร้านก็ได้สืบหาญาติและบ้านเกิดของเขา แล้วได้ส่งเขากลับมาอย่างปลอดภัย มันคนละเรื่องกันเลยที่โต๊ะหมอแขกดูให้

    และพิธีกรรมและการรักษาของโต๊ะหมอแขกที่เป็นมุสลิม กลับไม่ต่างอะไรมากนักกับพิธีกรรมและการรักษาของหมอที่อยู่ในชุมชนชาวพุทธศาสนา มีความแตกต่างกันเพียงการแต่งกาย แต่กลับคล้ายครึ่งกันในการทำพิธีกรรม และการรักษาต่างๆ อย่าง มีการใช้หมากพลู ข้าวเปลือก ข้าวสารเป็นตัวกลางในการรักษา มีการใช้น้ำในการทำน้ำมนต์ มีการทำการเสกเป่าตะกุด เส้นด้าย นำมาแขวน สวมตามร่างกายหรือสิ่งของต่างๆ มีการเรียกค่าทำหมอ ซึ่งเรียกว่าค่าสงคลาด หรือค่าหลาดเหมือนกัน มีการอาบน้ำเมื่อหายจากการเจ็บป่วย เพื่อไม่ให้โรคนั้นกลับมาซ้ำเติมอีก และคำกล่าวคาถาที่คล้ายครึ่งกันมาก แต่หมอแขกบางคนก็นำอายะฮฺอัลกุรอานมากล่าว

    เหตุเพราะโต๊ะหมอแขกกับหมอที่เป็นชาวพุทธศาสนา มีพื้นฐานมาจากที่เดียวกัน นั้นคือความเชื่อเดิมๆก่อนศาสนาต่างๆเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย นั้นคือการกราบไหว้บรรพบุรุษ และภูตผีเจ้าป่าเจ้าเขา และหลังจากนั้นศาสนาพราหมณ์อินดูได้เขามาเผยแพร่ในพื้นที่ประเทศไทย(ประมาณพุทธศตวรรษที่ 8 เมืองปัตตานีขณะนั้นเรียกว่าเมืองลังกาสุกะ) ผู้คนก็ได้นำหลักความเชื่อ และพิธีกรรมต่างๆของศาสนาพราหมณ์มาผสมผสานกับความเชื่อเดิมๆของตน เมื่อพุทธศาสนาเข้ามาเผยแพร่(ประมาณช่วงระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12-18) ผู้คนก็ยังไม่ละทิ้งความเชื่อเดิมๆ โดยเอาพิธีพุทธ เช่น การไหว้พระสวดมนต์ มาผสมกับพิธีไสยศาสตร์ซึ่งเป็นของศาสนาพราหมณ์และความเชื่อเดิมในพื้นที่ เช่น พิธีการพรมน้ำมนต์ การเจิม การปรุกเสกวัตถุมงคล เป็นต้น ต่อมาเมื่อศาสนาอิสลามเข้ามา (ประมาณ พ.ศ. 1980 หรือ ฮ.ศ.857 โดยชาวอาหรับและอินเดียได้นำศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแพร่ที่เมืองสิงคโปร์ มะละกา กลันตัน ไทรบุรี และเมืองปัตตานี) ผู้คนที่เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม ก็ยังนำหลักความเชื่อและพิธีกรรมของศาสนาพราหมณ์และความเชื่อดั่งเดิมมาผสมผสานกับศาสนาอิสลาม จนมันกลมกลืนกันที่ชาวบ้านสามัญทั่วไปจะแยกแยะได้ โต๊ะหมอแขกกับหมอที่เป็นชาวพุทธศาสนาเดิมจึงมีที่มาจากที่เดียวกัน นั้นคือความเชื่อเดิมๆของบรรพบุรุษและศาสนาพราหมณ์ เดิมทีทั้งศาสนาอิสลามและพุทธศาสนาไม่มีโต๊ะหมอ และพิธีปัดเป่ารักษา การเสกเป่าด้วยคาถาอาคมเครื่องรางของขลัง การดูฤกษ์ยาม ของโต๊ะหมอเหล่านั้นก็ไม่มีในหลักความเชื่อและปฏิบัติในศาสนาอิสลาม และพุทธศาสนาแต่อย่างใด

    อิสลามนั้นมีเพียงการปัดเป่ารักษาด้วยดุอาอ์ โดยปัดเป่าด้วยตนเอง หรือบุคคลอื่นปัดเป่าให้ พร้อมกับการรักษาด้วยการทานยา และสามารถเรียกค่ารักษาได้ แต่อิสลามไม่มีอาชีพหมอที่ทำการรับจ้างปัดเป่ารักษา อย่างโต๊ะหมอแขกนี้

    บรรพบุรุษของผู้เขียน ก็เป็นหมอ ที่เรียกว่าโต๊ะหมอแขกนี้ คุณยายเล่าให้ฟังว่าท่านปู่ทวดเป็นโต๊ะหมอ แม้แต่เสือยังเป็นผู้รับใช้ ตอนท่านปู่ทวดเสียชีวิต เสือหลายตัวมาวนเวียนใต้ชานถุนบ้าน คุณยายและน้องชายของคุณยายได้รับการสืบทอดวิชาการรักษาด้วยคาถาอาคมจากคุณปู่ทวดสืบต่อมา แต่น้องชายของคุณยายจะเก่งกว่าได้การสืบทอดวิชามากกว่า เพราะท่านเป็นผู้ชาย จึงเป็นโต๊ะหมอที่เคารพนับถือของผู้คนในหมู่บ้าน และทุกสราทิศ เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ทรัพย์สินหาย คนหาย จะแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ก็ต้องมาน้องของคุณยายโดยไม่เว้นในแต่ละวัน

    สำหรับคุณยายก็มีผู้คนมาหาท่านทำการรักษาก็ไม่ใช่น้อย ท่านได้ให้ความไว้วางใจผู้เขียน และได้สอนคำคาถาอาคมให้ผู้เขียน ซึ่งผู้เขียนก็ได้จดบันทึกไว้ในสมุดเต็มเล่ม ซึ่งเป็นคำที่มาจากภาบาลีสันตกฤตล้วนๆ ไม่มีบทที่เป็นภาษาอาหรับ หรืออายะฮฺอัลกุรอานเลย ซึ่งจะมีคำว่า “สิบทีครูกูกูให้สะบาโหม” ลงท้ายทุกบท แต่เมื่อผู้เขียนได้ศึกษาศาสนา ก็ไม่มีในคำสอนอิสลามเลย ผู้เขียนก็ปฏิเสธที่จะรับสืบทอดเป็นโต๊ะหมอจากคุณยาย คุณยายก็โกรธมาก ผู้เขียนได้กล่าวเตือนคุณยายว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีในคำสอนอิสลาม และเมื่อคุณยายได้เสียชีวิตลง ก็ไม่มีผู้ใดสืบทอดโต๊ะหมอจากคุณยาย ผู้เขียนก็ขอดุอาอ์ ขอต่อพระองค์อัลลอฮฺทรงลบล้างความผิดและอภัยโทษต่อคุณยายอยู่เสมอมา

    ต่อไปนี้ขอยกตัวอย่างคำคาถา ที่เป็นของโต๊ะหมอแขกมาพอสังเขป

    คำคาถา เมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ (อิสลามสายกระ...)
    “หยิก...เส เธมา...กา.... ยัง...ยิ
    โอม...ลึก มหา...ลึก มันนึก...กู เหมือน...นึก....
    พระ...พัด... โอม...ลึก มหา...ลึก”

    คาถากันของ อิสลาม สายบ้าน.................
    “องค์...หน้า ทา...หลัง กัน...ผาก ลาก...ฝัน
    กัน.....ใน.... กำ....แก้ว กำ....เพชร...ชั้น
    ป้อง...วิญ...ใน... วาอีลาฮัก”

    จึงเห็นได้ว่าคาถาเหล่านี้ ไม่มีในคำสอนอิสลาม และยังเป็นที่ต้องห้ามอีกด้วย
    การเป็นโต๊ะหมอ เพื่อทำการรักษาโดยใช้คาถา(ที่ไม่ใช่เป็นการรักษาตามหลักอิสลาม) หรือทำเสน่ห์ หรือทำขุนไสยฯ จึงเป็นต้องห้ามในอิสลาม

    พระองค์อัลลอฮ ศุบอานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
    (وَمَا كَفَرَ سُلَيْمَانُ وَلَكِنَّ الشَّيَاطِينَ كَفَرُوا يُعَلِّمُونَ النَّاسَ السِّحْرَ)
    "และสุไลมาน (นบีท่านหนึ่งของอัลลอฮฺ) มิได้ปฏิเสธ (กุโฟรต่ออัลลอฮฺ) หากแต่บรรดาชัยฏอนต่างหากที่ปฏิเสธ (กุโฟรต่ออัลลอฮฺ) พวกมันสอนไสยศาสตร์แก่ผู้คน"
    (อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลบากอเราะฮฺ 2:102)

    ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
    ”จงหลีกห่างจากบาปใหญ่ 7 ประการ บรรดาเศาะฮาบะฮฺกล่าวว่า โอ้ท่านเราะซูลุลลอฮฺ มันคืออะไร? ท่านนะบี กล่าวว่า การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ ไสยศาสตร์ การฆ่าชีวิตที่อัลลอฮ์ให้เป็นที่ต้องห้ามเว้นแต่เพื่อดำรงสัจธรรม การกินดอกเบี้ย การโกงกินทรัพย์เด็กกำพร้า การหนีทัพในวันประจัญบาน และการใส่ร้ายหญิงบริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องและเป็นผู้ศรัทธา” (รายงานโดย บุคอรียฺและมุสลิม)

    อิสลามห้ามในเรื่องโชคลาง ห้ามในเรื่องการทำเครื่องรางของขลัง ห้ามทำการดูฤกษ์ยามที่มีหลักความเชื่อว่าวัน เวลา สถานที่ สิ่งของ ดวงดาว หรืออื่นๆ อาจมีผลดีผลร้ายต่อบุคคลนั้นได้ซึ่งถือเป็นการทำชีริก จึงเป็นที่ต้องห้ามผู้ที่จะเป็นโต๊ะหมอที่จะกระทำสิ่งดังกล่าวด้วย

    ทั้งผู้ที่ไปหาโต๊ะหมอ เพื่อให้โต๊ะหมอดูบางสิ่งบางอย่างให้ เช่น ดูลายนิ้วมือ ดูของหาย ดูว่าทำไมการค้าขายไม่ดี ดูในเรื่องอนาคต โทษของมันคือ การละหมาดของเขาอัลลอฮฺจะไม่ตอบรับ 40 วัน และถ้าหากเขาเชื่อบางสิ่งบางอย่างจากโต๊ะหมอนั้น ก็เท่ากับเขาปฏิเสธสิ่งที่ประทานมายังท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัมแล้ว (คืออัลกุรอาน)

    ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
    من أتى عرافاً فسأله عن شيء فصدقه لم تقبل له صلاة أربعين يوماً
    "บุคคลใดที่ไปหาหมอดูเพื่อถามบางสิ่งบางอย่างและเชื่อหมอดู การละหมาดของเขาจะไม่ถูกตอบรับเป็นเวลา 40 วัน"(บันทึกโดย มุสลิม)

    من أتى كاهناً فصدقه بما يقول فقد كفر بما أنزل على محمد
    "บุคคลใดที่ไปหาหมอดู และเขาเชื่อในสิ่งที่หมอดูพูด เช่นนั้นเขาได้ปฏิเสธสิ่งที่ถูกประทานให้แก่มุฮัมมัด" (บันทึกโดย อะบูดาวูด)

    รายงานจากท่านอับดิ้ลลาฮฺ ร่อฎียัญลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
    "การถือโชคลาง เป็นการตั้งภาคี การถือโชคลางเป็นการตั้งภาคี (ได้กล่าว) 3 ครั้ง เมื่อผู้ใดคนหนึ่งจากพวกท่านเห็นสิ่งที่เขารังเกียจ ให้เขากล่าวว่า
    "اللهم لا يأتي بالحسنات إلا أنت ، ولا يدفع السيئا ت إلا أنت ، ولا حول ولا قوة إلا بك
    (อัลลอฮุมมา ลา ยะฮฺตีบิฮัลซานาตี อิลลาอัลตาวาลา ยัดฟาอุสสัยยีอาตี อิลลาอันตา วาลาเฮาลาวา กูวาตาอิลลาบิกา)"
    "โอ้พระองค์อัลลอฮฺ จะไม่มีผู้ใดจากพวกเรา นอกจากพระองค์ และจะไม่สามารถป้องกันความชั่วต่างๆ ได้นอกจากพระองค์ และไม่มีพลังและกำลังอันใดเว้รแต่ด้วยพระองค์"(บันทึกหะดิษโดยอบูดาวูด และอะหฺมัด)


    รายงานจาก อิบนิอับบาส ร่อฎียัญลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
    "จะได้เข้าสวรรค์จากประชาชาติของฉัน 7 หมื่นคน โดยไม่ต้องสอบสวน พวกเขาคือพวกที่ไม่ขอการรักษาด้วยคาถา ไม่ถือโชคลาง แต่พวกเขามอบหมายต่อผู้อภิบาลของพวกเขา" (บันทึกหะดิษโดยบุคอรีย์ มุสลิม และติรฺมีซีย์)

    รายงานจากท่านอิบนุ มัสอูด เล่าว่า เขาเข้ามาหาภรรยาของเขา และคอของนางมีตะกรุดแขวนอยู่ เขาจึงกระชากมันจนมันขาด และอุทานออกมาว่า
    “แท้จริงวงวานศ์ของอับดุลลอฮฺนั้น ไม่ต้องการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺกับสิ่งที่พระองค์มิได้ทรงประทานหลักฐานมา”
    และเขากล่าวอีกว่า
    “ฉันเคยได้ยิน ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
    : อันเวทมนต์คาถา เครื่องรางของขลัง และติวะละฮฺเป็นชีริก”
    พวกเขา(เหล่าสาวก) ถามว่า
    “โอ้ท่านอบูอับดุลลอฮฺ (นามแฝงของอิบนุ มัสอูด) เครื่องรางและคาถานั้นพวกเรารู้แล้ว แต่ติวะละฮฺนั้นละคืออะไร?”
    ท่านตอบว่า
    “เสน่ห์(ยาแฝด) สิ่งที่พวกผู้หญิงทำขึ้นเพื่อให้สามีหลงรัก” (บันทึกหะดิษโดยอัลฮากิม และอิบนิฮิบบาน โดยทั้งสองว่าเป็นหะดิษเศาะเฮียะฮฺ)

    เมื่ออิสลามห้ามเป็นโต๊ะหมอเพื่อกระทำสิ่งที่ต้องห้ามเช่น คุณไสยฯ เสน่ห์ยาแฝด การทำนายทายทัก การทำเครื่องรางของขลัง ฯลฯ แล้ว จึงต้องห้ามเรียกค่าทำหมอ หรือค่าสงคราด หรือค่าหลาดนั้นด้วย(เว้นแต่การรักษาตามแบบฉบับท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม)

    รายงานจากอะบีมัสอู๊ด อัลอันศอรียฺว่า
    "ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ห้ามราคาสุนัข ค่าตัวโสเภณี และค่าดูหมอของหมอดู" ( บันทึกโดยมุสลิม /2903 และท่านอื่นๆ)

    ไสยศาสตร์เป็นงานของชัยฏอน ผู้ศรัทธาย่อมไม่เดินตามรอยเท้าของชัยฏอน หากโต๊ะหมอแขกผู้ใดเชื่อว่าไสยศาสตร์เป็นเรื่องที่ศาสนาอนุมัติ นักปราชญ์อิสลามมีความเห็นสอดคล้องต้องกันว่า ผู้นั้นเป็นการฟิร และมีบทลงลงโทษประหารชีวิต หากเขาไม่กลับเนื้อกลับตัว

    ท่านอุมัร ร่อฎียัลลอฮุอันฮ์ กล่าวว่า
    “พวกท่านจงประหารผู้ทำไสยศาสตร์ และหมอผีทุกคน”

    “ความจริง ถ้าทั้งสองขออภัยโทษกลับเนื้อกลับตัว ก็ไม่ถูกฆ่า”

    ดังนั้นโต๊ะหมอแขกผู้ใด ยังกระทำการเป็นผู้วิเศษ ยังเป็นหมอทายทัก ดูสิ่งเร้นลับ ทำคุณไสยฯ ทำเสน่ห์ยาแฝด ทำเครื่องรางของขลัง ทำการรักษาด้วยคาถากับสิ่งที่ขัดกับบทบัญญัติอิสลาม ก็จงเตาบัตกลับเนื้อกลับตัวเสีย ก่อนที่มันจะสายเกินไป

    والله أعلم بالصواب
    เขียนโดย truth islam
    ที่
    http://islamhouse.muslimthaipost.com/main/index.php?page=sub&category=53&id=19358
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2013
  3. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    "ไสยศาสตร์" นี่เป็นข้อห้ามของศาสนาจริงๆนะคะ ไม่ว่าจะศาสนาใด ..
    ขอขอบพระคุณพระคุณเจ้านะคะ ที่ให้ความรู้ สาธุ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ส่วนตัวมองอย่างนี้นะครับ พระอาจารย์ มองว่าวิญญานที่คุมหรือเป็นกำลังหนุน
    ส่งให้เป็นระดับวิญญานที่มีฤิทธิ์.และฤิทธิ์ก็เกิดจากการอยู่มานานที่สืบทอดกันมา

    รุ่นต่อรุ่นบวกกับกำลังจิตที่เพิ่มขึ้นที่ได้จากผลของการสวดมนต์ของผู้สืบทอด..แต่
    เป็นผลบุญที่ไม่เพียงพอสำหรับการปรับยกระดับภพภูมิให้สูงขึ้น.จึงอยู่ในภพภูมิ
    เดิมแต่มีกำลังจิตมากขึ้นเรื่อยๆ..และก็สามารถเลี้ยงผีไว้เป็นบริวารได้.ที่เคยเห็น

    เป็นภูมิอสูรกายทั้งนั้น..ที่บังคับแล้วส่งไปทำอะไรไม่ดีกับคนอื่นๆ..และลูกหลาน
    ที่ไม่ยอมรับการสืบทอด ส่วนตัวคิดว่าทำถูกแล้ว.เพราะไม่งั้นก็จะยังไม่ได้ไปผุด
    ไปเกิดต้องเวียนมาเป็นบริวารเสริม.ให้รุ่นต่อๆไปสืบต่อกันมา..
    และเรื่องการรับรู้นั้น ถามผีเอาก็ได้..ส่วนที่ไม่สามารถ
    ล่วงรู้ความลับระดับสูงๆของเค้าได้ ก็คือ ผีมองไม่เห็นเทวดา เทวดามองไม่พรหม
    นั้นหละครับ...
     
  5. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .. สาธุคะ .. แบบที่ป๋าพูดหนูเห็นจะมีเยอะอยู่คะ ...
     
  6. Anti-God

    Anti-God เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +377
    ไม่เสมอไปหรอกครับ มีหมอแขกที่ทำไสยเวทย์และทำเสน่ห์อาคม ที่มีชื่อเสียงอันเรื่องลือนามว่า หมอ เสริฐ อยู่ที่คู้ซ้ายแยกถนนนิมิตรใหม่ต้นๆมีคนทุกระดับทุกฐานะ แม้แต่คนที่ไม่อาจเอ่ยชื่อได้ก้อยังไม่ทำมาแล้ว แต่ค่าทำเรื่องพวกนี้ราคาสูงมาก บ้านหมอเสริฐมี2ฝั่ง หลักใหญ่โตราวกับวังสุลต่าน ศาสนาไหนๆก้อมีเรื่องพวกนี้ทั้งนั้นล่ัะ
     
  7. ดวงเดือนโอ

    ดวงเดือนโอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +846
    หมอดีๆก็มีค่ะ หมอแขกที่เคยไปรักษาท่านไม่กำหนดค่ารักษาแล้วแต่จะให้ ใครไม่มีเงินก็ไม่เป็นไร มหาเศรษฐีมารักษาก็ให้ตามความพอใจ หมอแขกที่ว่านี้ท่านช่วยคนจริงๆท่านบอกว่าที่บ้านท่านเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ท่านไม่ได้ร่ำเรียนอะไร แต่คนในบ้านสืบทอดวิชาตามสายเลือด ลูกๆของท่านก็รักษาได้ทุกคน แม้แต่ลูกคนเล็กอายุเพียง 11 ปี เมื่อ 2 เดือนก่อนจู่ๆก็ตาทิพย์รักษาคนได้ ลูกสาวพูดได้หลายภาษาทั้งที่ไม่เคยไปต่างประเทศ พูดอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และจีนกลางได้ ส่วนตัวหมอแขกมีครูบาอาจารย์หลายสายทั้งสายฤาษี สายแขก สายเขมร สายพุทธซึ่งมีสมเด็จโต หลวงพ่ออุตตมะ ซึ่งได้ให้คาถารักษาโรคต่างๆเป็นภาษาบาลี และก็มีสายเทพฮินดูด้วย ดิฉันองในระหว่างรักษาก็จะนั่งสมาธิไปด้วยก็จะสัมผัสถึงพลังที่แรงมากของท่านและสามารถเห็นครูบาอาจารย์ของท่านทั้งพระและแขกที่มาช่วยรักษาดิฉันในสมาธิด้วย และใครไม่ว่าจะมาจากศาสนาใด ครูบาอาจารย์ของคนไข้อาจจะมาบอกหมอแขกวิธีรักษาให้ได้ อย่างที่ดิฉันได้ประสพมาหมอจะละหมาดตามเวลาเคร่งในศาสนา แต่จะรักษาคนทุกวันไม่มีวันหยุด คนมารักษาไม่ขาดสายทั้งวัน ใครอาการหนักโทรหาได้ทุกเวลา ท่านช่วยเรื่องขายที่ การเงินคือแก้เส้นชีวิตให้ได้ รักษาโรคได้และแก้กรรม เด็กบางคนพูดไม่ได้เพราะกรรมท่านรักษาให้พูดได้คำแรกแล้วไปฝึกต่อเองก็ได้ผลพูดได้ ขับไล่คุณไสยได้ เก่งมาก ที่บ้านเจ้าที่แรงมากมีผีพรายท่านดูเห็นซึ่งก็ตรงกับที่คนในบ้านเจอเพราะเราสร้างบ้านทับหนองน้ำเก่า ท่านแก้โดยให้เอาเกลือโรยรอบบ้านขอแบ่งภพภูมิผีกับมนุษย์ ก็ไม่เห็นมารบกวนอีกหลังจากนั้น น้องสาวตาทิพย์เห็นผีทั้งวันและเทวดาด้วย ท่านก็ให้เอาน้ำอ้อยทาเปลือกตา 1 อาทิตย์ ตาทิพย์น้องสาวก็ปิดลง ท่านช่วยคนด้วยใจ มาทางไสยขาวไม่ใช่ไสยดำที่ทำเสน่ห์ และไม่เรียกร้องอะไร วิธีแก้ก็ทำเองได้ท่านจะบอกไม่ต้องไปทำพิธีอะไรให้เสียเงิน เป็นศาสตร์ที่แปลก แต่คนดีมีจริงค่ะและเคยแนะนำคนในเว็บนี้ไปรักษาก็โทรมาขอบคุณกัน ส่วนตัวเองก็เคยโดนผีเข้าเมื่อ30ปีก่อนตอนไปศึกษาที่อเมริกา อาบน้ำมนตร์รักษาหลายวัดจนลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ไปที่อื่นคนมีตาทิพย์ก็ไม่เห็นมีใครทักว่าผียังอยู่ แต่พอมาที่นี่เขาแตะหลังก็ถามว่าเคยมีอะไรเข้าที่ต่างประเทศไม๊เป็นผู้ชาย อึ้งมากรู้ได้ไงเราเองยังลืมและไม่เคยบอกใคร แล้วเขาก็เอาออกให้ ใช้เวลารักษากว่า 3 ชั่วโมง อาเจียรออกเป็นลมตลอด3ชั่วโมง ดิฉันเคยรักษาเรื่องพลังเกินเพราะไวต่อพลังถ้าไปไหว้พระจะได้รับพลังพิเศษมาแล้วก็จะป่วยนาน ครั้งหลังไปกราบหลวงพ่อโสธรก็ป่วย 2 เดือน ท่านตรวจดูบอกว่าเห็นเป็นพระประธานใหญ่ ก็บอกว่าไปไหว้หลวงพ่อโสธรมา ท่านก็เอาพลังส่วนเกินออกไป มีครั้งหนึ่งถูกพญานาคพันตัวปวดตัวมาหลายเดือนนวดรักษาอย่างไรก็ไม่หาย ดิฉันผูกพันกับพญานาคมาแต่ในอดีตและในปัจจุบัน ท่านแตะหลังก็บอกเลยว่าพญานาคพันตัวซึ่งก็ตรงกับมีอีกคนหนึ่งที่ตาทิพย์ทักไว้ ท่านรักษาเราพร้อมด้วยลูกอีก 2 คนใช้เวลา 6 ชั่วโมง เราอาเจียรจนหมดแรง แต่เชื่อมั่นก็ขอนอนลงให้เขารักษาจนหาย ทั้งหมอทั้งเราหมดแรง ดิฉันก็ให้เขาแค่ 200 บาทค่ะ ไม่มีการเรียกร้องอะไรเลยนะคะ คนดีมีจริงค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2013
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ขอเล่าสู่กันฟังในมุมมองที่แตกต่างบ้างแต่ไม่แตกแยกแล้วกันนะครับ
    ในมุมของคุณ ดวงเดือนโอ พูดเนี่ยพอทราบและเข้าใจ.และระดับครูบาร์อาจารย์ก็เป็นระดับ.
    ที่คุณพูดนั่นหละถูกครับ.
    เพราะพอทราบด้วยว่าท่านนั้นชื่ออะไร

    ..ก็คือ พระมหา ส.........มุณี และครูบาร์
    อาจารย์ที่เป็นพระสงฆ์และฤาษีที่คอยสอนเทคนิคการใช้ฤิทธิ์ และกำลังกองหนุน
    ต่างๆในส่วนกองกำลังฝ่ายหน้า เป็น ระดับ นาค ครุฑ และคนธรรพ์ ที่มีฤิทธิ์..

    จะไม่เหมือนอีกแบบที่ได้กล่าวไปแล้วใน #Rep 4 และส่วนตัวมุมที่มองไม่ได้มอง
    ที่ทรัพยสิน.เพราะบางท่านก็มีวิธีได้มาที่ถูกต้อง.ซึ่งแล้วแต่ความสามารถของแต่ละท่าน
    เลยไม่ได้เอาประเด็นนี้มาวัดว่าใครจะดีหรือไม่ดีครับ...ถ้าจะมองจะมองที่เจตนามากกว่า
    ว่า..ถ้าท่านใด.ทำอะไรก็แล้วแต่ส่งเสริมให้บุคคลทำความดีหรือเป็นคนดี
    แม้ว่าบุคคลนั้น
    จะพลาดไปทำอะไรไม่ดี ก็ดึงให้กลับมาเป็นคนดีได้.
    .ยกเว้นว่าจะไม่ไหวจะเคลียร์ก็ปล่อย
    ให้เป็นไปตามวาระกรรมของบุคคคลนั้น..และมีแนวทางในการช่วยเหลือ.ส่วนค่าตอบแทน
    หรือค่าวิชาอะไร คงไม่สามารถเอามาชี้วัดได้เช่นกัน

    .เพราะแต่ละท่านก็มีมาตราฐานแตกต่างกันไป..บางท่าน
    อาจไม่คิดเลย หรือคิดแค่ค่าครู หรือคิดตามเหตุและปัจจัย ในอดีตที่ตนได้ผ่านมาและตามสถานะภาพปัจจุบัน.
    .ตรงจุดนี้ก็ไม่อยากเอามาเป็นประเด็น เพราะเห็นว่าเป็นการมองที่ภายนอกไม่มองที่ภายใน
    ..แต่ถ้ามุ่งเน้นเพื่อทำความดี เน้นช่วยเหลือ เน้นทำ

    ให้บุคคลที่เข้ามาหาเป็นคนดี ก็ต้องอนุโมทนากันไป..
    แต่ส่วนตัว.จะมองในส่วนภพภูมิที่อยู่เบื้องหลัง.จุดนี้อาจแตกต่างกันกับบุคคลอื่นๆ..


    เด่วผมจะเล่านิทานให้ฟังขำๆเรื่องหนึ่งนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟัง
    ให้ชื่อเรื่องว่า ศึกสัประยุทธ์ทางภพภูมิ ส่วนทางโลกถ้าคิดชั่วๆมีหลายวิธีที่เล่นงาน
    คนได้คงไม่ต้องเอามาเล่าให้ฟังนะครับ..และกลุ่มบุคคลที่ยกกายทิพย์เก่งๆ หรือเซียนคาถาหรือประเภทมาแบบขอบารมีตลอดจนพวกกลุ่มอภิญญา
    ในบ้านตัวเอง ที่คิดจะลองของกับบุคคลที่จะอ้างถึงหลังจากที่ได้เข้ามาอ่านให้พิจารณาทบทวน
    ความคิดให้ดีๆอีกรอบนะคับ..

    มีบางคนที่รู้จักดี...เคยปะชะดะ มาหมดแล้วทั้ง ๒ สาย
    ไม่ว่าจะเป็นภูต อสูรกาย หรือ อีกกลุ่ม แต่เป็นการปะชะดะ กันแบบเพื่อป้องกันตัวเอง.มิได้หวังมุ่งหวังเพื่อทำลายนะครับ..
    เค้าจึงทราบได้ดีว่าแต่และกลุ่มมีฤิทธิ์

    ประมาณไหน.และแนวทางการใช้ฤิทธิ์และลักษณะของฤิทธิ์ของแต่ละกลุ่ม
    กระแสพลังและแนวทางการใช้งานออกไปทางด้านไหน..
    ถ้าเป็นกลุ่ม ภูต อสูรกาย ถ้าเจรจาดีๆส่วนมากจะไม่ค่อยมีปัญหา เพราะส่วนมาก

    จะโดนบังคับไว้หรือสกดไว้ด้วยกำลังจิตและด้วยคาถาของผู้ที่ส่งมา จึงไม่มีปัญหาในการเคลียร์มาก ยกเว้นที่จะเป็นมิจฉาทิฐิจริงๆ
    อาจต้องมีการจัดหนักบ้างๆเพื่อเตือนๆปราบๆกันบ้าง..และก็
    ต้องรอเวลาซักพักกว่าจะเปลี่ยนภพภูมิจริงๆ แม้ว่าจะให้ครูบาร์อาจารย์ทาง

    ภพภูมิท่านช่วยปรับภพภูมิให้.. ส่วนกลุ่มหลังไม่ต้องเป็นห่วง.ยังไงก็สู้ท่านเหล่านี้
    ไม่ได้..เพราะที่ฤิทธิ์ที่ทำได้ในทางภพภูมิทุกอย่างจะโดนท่านกดแบบเย็นๆได้หมด..
    และถ้าบารมีท่านเต็มจะยกภพภูมิขึ้นไปเองและตอนนี้กลายมาเป็นเพื่อนกับบุคคลที่อ้างอิงกันแล้วหลังจากปะชะดะกันมาหลายยก
    และต่อไปจะมีระดับเดียวกันท่านกลุ่มอื่นๆเข้ามาแทนได้เองหากบุคคลผู้นั้นยังสร้างบารมีอยู่เรื่อยๆ.
    บางคนอาจได้กำลังเสริมเป็นธาตุกายสิทธิ์หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่
    หากเจ้าตัวไม่สร้างบารมีต่อหรือเน้นทำเพื่อตัวเองการไปจะเป็นในรูป
    แบบที่มีเหตุให้วัตถุชิ้นที่ได้มาต้องอันตธานหายไปนั่นเอง
    ..
    ปล.ส่วนตัวจริงๆที่มองจะมองฤิทธิ์ที่มี กองกำลังสนับการใช้ฤิทธิ์ และแนวทางการใช้ฤิทธิ์
    เพื่อทางธรรมหรือเปล่า และเจตนาในการช่วยเหลือ..ส่วนเรื่องค่าบูชาครู หรือ ฐานะและสภาพเศรษฐกิจทางสังคมเป็นเรื่องรองๆลงมา

    ก็ฟังๆเค้ามาถือว่าเล่าสู่กันฟังแบบขำๆนะครับ...ขอบคุณครับ. ;).​
     
  9. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... น่าเสียดายนึกว่าจะเลา ปสก. สัปประยุทธให้ฟัง ...:':)'(
     
  10. elsa

    elsa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +20
    ดีมากเลยครับ ได้ความรู้ดีมาก
    ในความเห็นของผม
    "มาร" ในศาสนาพุทธ
    "ซาตาน" ในศาสนาคริตส์
    และ "ชัยฏอน" ในศาสนาอิสลาม
    มันคือสิ่งเดียวกัน คอยล่อลวงผูกมันมนุษย์ให้อยู่ภายใต้อำนาจของมัน
    สอนไสยศาสตร์ มนต์ดำและคอยสนับสนุนให้คนทำในสิ่งชั่วร้าย ให้ทำในสิ่งที่ทำให้คนอื่นลุ่มหลงยึดติด เพื่อแลกกับหลายอย่าง เช่น ชื่อเสียง เงินทอง อำนาจเหนือคนธรรมดา และอีกหลายๆอย่าง ว่ากันไป...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2013
  11. กุมารกัณฑ์

    กุมารกัณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +112
    ขออภัยน่ะครับ ขอแชร์ประสบการณ์ ของโต๊ะหน่อยน่ะครับ
    ถ้ากล่าวประการใด ไม่สมควรหรือไม่ดี ต้องขออภัย อโหสิกรรมด้วยครับ
    ..............
    โต๊ะที่ผมรู้จักนั้น เป็นหนึ่งในโต๊ะ ของทางใ้ต้ (จังหวัดภูเก็ต)
    ซึ่งมีโต๊ะเยอะมากครับ และมีทั้งโต๊ะทำ และโต๊ะแก้ ซึ่งส่วนใหญ่จะแก้ครับ
    ส่วนทำก็มีครับ เริ่มเรื่องเลยน่ะครับ
    ล่าสุดนี้เลย มีพี่คนหนึ่งขายโทรศัพท์ และทางบ้านเค้าโดนโจรขึ้นบ้าน
    เลยได้ไปหาหมอแขก พ่อโต๊ะ..ญ๊ะ.. แล้วก็ทำพิธีที่บ้านของพี่คนดังกล่าว
    ซึ่งหลายอาทิตย์ต่อมา ลุกชายของเค้าอายุราวๆ 4-5 ขวบ ก็บอกพี่เค้าว่า
    เห็นผี(วิญญาณ) อยู่รอบบริเวณบ้าน ผลปรากฎว่า สิ่งที่โต๊ะนำมา ทำไว้ก็คือ
    เป็นวิญญาณ ผีครับ เหมือนนำมาเฝ้าบ้านให้ โดยที่เจ้าของบ้านไม่รุ้เรื่องครับแต่ไม่เคย
    มีโจรขึ้นบ้านอีกเลย อันนี้ต้องพิจรณาแล้วแต่ความเชื่อน่ะครับ..
    แต่อีกเรื่องนี้เป็นเรื่องของครอบครัวผมเองครับ*

    ป้าผมมีสามีเป็นฝรั่ง และได้รู้จักโต๊ะท่านหนึ่ง ซึ่งดูแล้วอบอุ่น อายุค้อนข้างเยอะ
    แกจะมีพิธีทำ เหมือนคัมภีร์ ที่ จขกท กล่าวไว้ข้างตนครับ แต่เขาจะมีเครื่องหอม
    เช่น ไม้จันทร์ ดอกไม้แห้ง และที่ผม งงมากก็คือ กระดูกส่วนไหล่ของคนตาย
    ผมก็งงมาก ว่าคืออะไร สิ่งที่โต๊ะทำก็คือ เหมือนการผูกให้คนรัก เค้าไม่ให้นอกใจ
    แต่ถ้าทางพุทธเรา เรียกว่า ทำเสน่ห์ มั้งครับ อันนี้ โตีะเถียงผมใหญ่เลย ไม่ใช่ทำเสน่ห์
    แต่สิ่งที่ผมเห็นผมว่าใช่ ครับ คือ เค้าจะมีกระดาษ 2 ส่วน แผ่นใหญ่ และแผ่นเล้ก
    ซึ่งในกระดาษนั้น จะมีภาษาอิสลาม และเค้าจะเขียน ชื่อพ่อแม่ ของคนที่จะไปทำพิธีลงไป และ เมื่อเสร็จพิธี จะให้นำกระดาษนั้น ให้คนที่รักกิน 1 ส่วน ซึ่งต้องกินให้หมด
    และอีก1ส่วน ให้ฟังดิน ครับ ซึ่งเหตุการณ์ก็ผ่านมาหลายปีครับ ซึ่งผมก็ ยังคง สงสัยกับ
    โต๊ะมากพอสมควร และปัจจุบัน ป้าผมก็ยังคงไปหาโต๊ะ (หมอแขก) หลายที มาก
    แต่โต๊ะท่านนี้ ที่ได้ทำพิธีนี้ ค่าทำ 2000 บาทครับ ถ้าจำไม่ผิด แต่ที่เค้าเล่าๆกัน
    คือ โต๊ะท่านนี้ เก่งเรื่องการจับผีลงหม้อ และที่ดังสุดๆคือ มี สาวชาวฝรั่ง มาอยากลองของ
    โต๊ะก็ทักไปว่า โดนของ ซึ่ง ฝรั่งก็ไม่เชื่อสิครับ แต่พอผ่่านไปสักพัก หญิงฝรั่งคนนั้น
    ก็อ้วกออกมา เป็น งูดิน ครับ ซึ่งก็ต้องประหลาดใจว่า เป็นไปได้อย่างไง นานาจิตตังฯน่ะครับ แต่ถ้าทางใต้ คงจะรู้จักดี เพราะแกจะดังมาก
    แต่ส่วนตัว ผมว่า สิ่งที่มองไม่เห็นน่ากลัวอยุ่น่ะครับ ที่ผมเห็นส่วนใหญ่
    โต๊ะทำหายากครับ เพราะโต๊ะส่วนใหญ่จะดีจริงๆ จะค่อยตามแก้ครับ
    อาาา.. เกือบลืมครับ โต๊ะตั้งศาลพระภูมิได้ด้วยครับ ป้าผมให้ตั้งมาล่ะครับ
    และอีกมากมาย แต่ความรู้ผมที่พบเจอมีเพียงเท่านี้น่ะครับ
    ถ้าผมกล่าวไปไม่ดี หรือติดกรรมกับผู้ใด ขออภัยด้วยน่ะครับ
    คิดเสียว่าเป็นนิยายสนุกๆ อ่านแล้วขำๆน่ะครับ
     
  12. ดวงเดือนโอ

    ดวงเดือนโอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +846
    โต๊ะหมอแขก

    พอดีได้ไปขอความรู้จากหมอแขกที่กล่าวถึงในกระทู้ที่7 ท่านอธิบายให้ฟังว่าญิน(ยีน)นั้นอาจจะเป็นภูติผี ดวงวิญญานต่างๆที่เคยอยู่ณที่นั้นๆ หากเจ้าของบ้านเป็นผู้มีร่างผ่านสื่อจิตกับจิตวิญญานชั้นสูงอาจหมายถึงเทพพรหมที่มาอยู่ด้วยได้
    ส่วนชัยฏอนนั้นแท้จริงไม่ใช่มารอย่างทุกคนเข้าใจ เนื่องจากยิวมีอิทธิพลในการเขียนคัมภีร์และไม่อยากให้มุสลิมมีความเชื่อถือในชัยฏอนจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าชัยฏอนนั้นเลวร้ายเป็นมารเป็นผู้นำแห่งกิเลส อันที่จริงใครจะทำไม่ดีก็มาจากกิเลสตัวเองทั้งสิ้นไม่เกี่ยวกับชัยฏอน ส่วนชัยฏอนแท้จริงแล้วเป็นผู้มีความรู้ในศาสตร์รักษาโรคต่างๆ เก่งมากเรื่องรักษากระดูก ต่อกระดูก และมีหน้าที่คุ้มครองร่างกายให้แข็งแรงไม่เจ็บป่วย และเป็นจิตวิญญานชั้นสูงประเภทเดียวกับมนุษย์ต่างดาว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  13. ลำวังชู

    ลำวังชู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +35
    พระองค์อัลลอฮฺทรงกล่าวไว้ชัดเจนว่าพระองค์จะไม่ให้ใครรู้ในสิ่งเร้นลับของพระองค์ ยกเว้นรสูลของพระองค์ในบางครั้งบางเวลาเท่านั้น
    รสูล คืออะไรครับ ?:z6
     
  14. ดวงเดือนโอ

    ดวงเดือนโอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +846
    ได้ถามหมอแขกว่าคำว่ารสูลหมายความว่าอะไร ท่านบอกว่าการออกเสียงอาจจะเพี้ยนไปแต่น่าจะมีความหมายว่าความประสงค์ ซึ่งในที่นี้น่าจะหมายถึงว่า พระอัลเลาะห์จะไม่ให้ใครรู้ในสิ่งเร้นลับของพระองค์ ยกเว้นจะเป็นความประสงค์ของพระองค์ในบางครั้งบางเวลาเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  15. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,670
    ชาว Orang Laut จะกล่าวว่าเป็นมุสลิม 100% ทีเดียวก็เห็นจะไม่ได้นะครับ ตามสื่อได้กล่าวไว้นั่นแหละครับ
    เพื่อนผมที่เป็นชาวอิสลามโดยแท้ 100% และชาวอิสลามกลุ่มที่นิยมความรุนแรง
    ก็ไม่ค่อยยอมรับ ชาว Orang Laut ในฐานะชาวอิสลามอย่างเต็มตัว
    บางคนก็ไม่ยอมรับถึงขนาดบอกว่าเป็นพันธมิตรกับซาตาน
    (เราก็ตกใจว่าโอ้แม่เจ้า..ขนาดนั้นเลย)
    ชาว Orang Laut มีศาสนาดั้งเดิมที่ไม่ใช่พุทธ คริสต์ และอิสลาม
    เป็นศาสนาของเค้ามาตั้งแต่ในสมัยประวัติศาสตร์
    ซึ่งมีบรรพบุรุษเดียวกับชาวมอแกน
    (ยิปซีทะเล) และเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่เร่ร่อนในทะเลมานาน
    เนื่องจากถิ่นฐานและการดำรงชีวิต ทำให้ได้รับอิทธิพลจากอิสลามมามากครับ
    เพื่อนผมเค้าเคยบรรยายยาวยืดให้ฟัง เป็นนัยๆ ว่าไม่ค่อยพอใจที่คนพุทธไม่เข้าใจและเหมารวมชาว Orang Laut เป็นมุสลิม

    เพราะคำว่า "โต๊ะ" ที่ซ้ำกันในคำเขียน และซ้อนแบบคล้ายๆ ในความหมาย
    ทั้งนี้ต้องลองศึกษาเรื่องความเป็นมาของชาว Orang Laut (อูรัง..) แบบลึกๆดูนะครับ

    หนังสือของ Cynthia Chou
    http://goo.gl/08NqW
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กรกฎาคม 2013
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เรื่องที่ คุณ หมั่นดูจิต นำมาลงจริงๆก็ค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ;)
     
  17. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ใช่โต๊ะตะเกียบหรือเปล่าคะ
     
  18. หยดน้ำเพชร

    หยดน้ำเพชร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +70
    พูดแบบนี้มันก็ไม่ถูกนะคับคุณ ไสยเวทย์อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านานไม่จำเป็นต้องว่าสังคมใหนๆหรือศาสนาใหนๆ ไสยเวทย์ไม่ใช่มีแต่ด้านร้ายอย่างเดียวนะคับคุณ มันมีทั้งขาวทั้งดำแยกแยะกันไปควรจะแยกให้ออกดูอย่างศาสนาพุทธก็มีไสยเวทย์คาถาอาคมนะนับตั้งแต่พระเกจิสมัยอดีตมาเลยล้วนคาถาอาคมทั้งสิ้นและศาสนาพุทธของเราก็มีคาถาอาคมเข้าไปมีบทบาทในชีวิตตั้งแต่พิธีเริ่มแรกเกิดจนถึงตายเลยนะคับเรียกได้ว่ามันเป็นของคู่กันมานานแล้วเราจะว่าเป็นมารชั่วร้ายเป็นอะไรก็ไม่ถูกนะคับต้องปรับความเข้าใจใหม่ๆ
     
  19. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    ขอขอบคุณและอนุโมทนากับท่าน จขกท. ที่นำข้อมูลมาเผยแพร่มาให้รับทราบด้วยค่ะ
     
  20. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    เคยรู้จักแต่ โ๊ต๊ะอิหม่าม....
     

แชร์หน้านี้

Loading...