ประวัติเกาะสมุย อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี

ตาเบ้งกับลูกเรือรวม 5 คน วิ่งเรือใบออกจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ออกแสวงหาพื้นที่ดินแห่งใหม่ ลมพัดตีเรือใบเข้าอ่าวลัดเลาะเข้าไปในหมู่เกาะสมุย และเป็นบริเวณที่ลมสงบ ทะเลเรียบ จึงจอดเรือเข้าพักบนเกาะ บนเกาะนี้มีคนอาศัยอยู่ 6 ครอบครัว มีพลเมืองประมาณ 50 คน ต่อมาตาเบ้งก็แต่งงานอยู่กินกับยายหมุย คนถิ่นเดิมบนเกาะ ปรากฏว่าที่มาด้วยกันรวม 5 คนนั้นตกลงตั้งรกรากอยู่บนเกาะกันทั้งหมดและไม่กลับไปประเทศจีนอีกเลย
ตาเบ้งกับยายหมุยอยู่กินกันมาไม่มีลูก จึงทำพิธีขอลูกต่อเทวดา เทวดาจึงมาเข้าฝันให้สร้างศิวลึงค์ แล้วบวงสรวงเทวดาจะประทานให้
ตาเบ้งจึงจัดสร้างศิวลึงค์ ตาเบ้งเป็นช่างทำเองจากก้อนหินบนเกาะ ให้เพื่อนบ้านเป็นลูกมือช่วยในการทำ ขั้นแรกเลือกหินก้อนใหญ่ สร้างให้เหมาะสมกับอยู่บนเกาะใหญ่ หันหน้าไปทางทิศใต้ ห่างกับฝั่งทะเล 200 เมตร ตาเบ้งลงมือทำศิวลึงค์นี้เมื่อ พ.ศ. 2033 ที่เรียกว่า หินตา ใช้เวลาทำ 2 ปี จึงเสร็จ พอทำเสร็จจึงทำพิธีบวงสรวงต่อเทวดา ขณะทำพิธีมีแสงแวบลงมาจากท้องฟ้าสู่ศิวลึงค์ ทุกคนต่างตกตะลึงและเห็นเทวดาประทานให้แล้วตามความฝันต่อมาประมาณ 6 ปี ตาเบ้ง ยายหมุยยังไม่มีลูก จึงทำพิธีขอต่อเทวดาอีก เทวดาเข้าฝันให้สร้างแบบของผู้หญิงอีกอันหนึ่ง ใช้วิธีเดียวกัน ฉะนั้นใน พ.ศ. 2039 ตาเบ้งจึงทำหินยายด้วยตนเอง ให้เพื่อนบ้านเป็นลูกมือช่วยเหลืออีกอันหนึ่ง โดยเลือกหินก้อนใหญ่หันหน้าไปทางทิศใต้เหมือนกัน และให้อยู่ทางซ้ายของหินตาตามประเพณีชายหญิงของคนไทยสมัยนั้น ใช้เวลาทำ 1 ปี จึงเสร็จถึงอย่างไรก็ตาม ตาเบ้งกับยายหมุยยังไม่มีลูกอยู่นั่นเอง เพราะแก่ชรามากแล้ว เทวดาก็ช่วยไม่ได้และต่อมายายหมุยก็ป่วยเป็นไข้ นอนซมอยู่ตลอดมา และเมื่อ พ.ศ. 2046 เกิดพายุใหญ่ ลมฝนหนัก ฟ้าผ่า พัดพาบ้าน สิ่งของทรัพย์สิน ตาเบ้งยายหมุยลงสู่ทะเลหมด เหลือแต่หินตา หินยายปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ หินยายในสมัยที่สร้างเรียกว่า หินสาว

ในทะเลตั้งแต่บัดนั้น ไม่มีร่องรอยเป็นเหตุร้ายน่ากลัวที่เล่าลือกัน คนทั้งหลายจึงเรียกเกาะนี้ว่า เกาะยายหมุย ตั้งแต่บัดนั้น ต่อมาเรียกสั้นๆ ว่า เกาะหมุย ส่วนคนบนเกาะหมุยสมัยนั้นกลัวเหตุการณ์นี้มากและเข้าใจว่า หินตา หินยาย เป็นเหตุให้เกิดเหตุร้ายนี้ จึงไม่กล้าดู ไม่กล้าเอ่ยถึง ทิ้งไปเลยเพราะความกลัว ทำให้ประวัติหินตา หินยายจึงสูญไปไม่มีคนเล่าต่อๆ กันมา จึงเข้าใจผิดๆ ไม่ตรงกัน ตั้งแต่บัดนั้นตาเบ้งกับยายหมุยก็เป็นทวดเฝ้าดูแลเกาะสมุย และเกาะทั้งหมดในบริเวณนั้น ไปถึงเกาะนางโดยที่ปากพนัง และพยายามชักนำชาวเรือที่ผ่านไปมาให้หลงเข้าเกาะหมุย ให้เรือจมแล้วพาคนขึ้นเกาะหมุยกลับบ้านไม่ได้ ทำมาหากินบนเกาะหมุยจนสุขสบายลืมบ้านเดิม
เกาะนางโดย อยู่ในความดูแลของตาเบ้ง ยายหมุย เหมือนกัน เป็นเกาะเล็กอยู่กลางน้ำในเขตอำเภอปากพนัง ต่อมาน้ำแห้งพื้นดินติดกันไม่เป็นเกาะ เป็นเนินสูงบนพื้นดินธรรมดา มีถ้ำเล็กๆ มีสมบัติอยู่ข้างใน คนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ไม่ซื่อสัตย์ ยืมของไม่คืนหรือคืนไม่ครบแถมลักขโมยด้วย ตาเบ้งจึงบันดาลให้หินปิดปากถ้ำ เหตุการณ์พายุร้ายที่เกิดกับเกาะหมุย ตั้งแต่ พ.ศ. 2046 ถึง พ.ศ. 2539 เกิดขึ้นรวม 6 ครั้ง หลังจากนั้นเหตุการณ์ร้ายเช่นนี้คงไม่เกิด เพราะต่อไปเกาะหมุยน้ำจะแห้งลง พื้นดินจะเพิ่มขึ้น การพังทลายกลายเป็นทะเลไม่มีอีกต่อไปแล้ว วิธีทำหินตาและหินยาย ตาเบ้งเป็นช่างผู้ทำ เพื่อนบ้านเป็นลูกมือผู้ช่วยเหลือ คือช่วยส่งเครื่องมือ ช่วยถางป่า ช่วยขนสัมภาระเท่านั้น ลูกมือทำไม่เป็นเลยอุปกรณ์ท่ีใช้ทำหินตาหินยาย คือ ขวานหิน ขวานถาก (เหล็ก) สิ่ว มีดพร้า กระบอกไม้ไผ่ น้ำ
เพื่อนบ้านของตาเบ้ง ยายหมุย ขณะนั้นมี ตามา ยายมี ตาหมุน ยายหมี ยังมีอีกหลายคนตามคำกล่าวเล่าลือกันว่า ตากับยาย ยกขันหมากไปหมั้นนางยมโดย เกิดพายุใหญ่ เกิดพายุใหญ่ พัดพาขบวนขันหมากจมน้ำ คนตายหมด ตากับยายนอนตายอยู่นข้างเกาะ กลายเป็นหินตาและหินยายตามคำกล่าวนี้ เป็นเพียงนิทานเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้สมจริงตามภาพท่ีเห็นอยู่เท่านั้น ไม่เป็นความจริงและเป็นไปไม่ได้เลย นางโดยก็เป็นเกาะธรรมดาท่ีตั้งชื่อขึ้นมา ไม่มีตัวนางโดย และนางโดยตัวจริงก็ไม่มีตามนิทานท่ีเล่าต่อกันมา
หินตา หินยาย เป็นวัตถุโบราณศักดิ์สิทธิ์ เป็นของดีเกาะหมุย ท่ีมนุษย์สร้างขึ้นด้วยมือ เพื่อบูชาเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธ่ิ์และเป็นสิริมงคลของเกาะสมุย ลูกหลานเกาะสมุยต้องนช่วยกันอนุรักษ์พัฒนา รักษาไว้ให้ตลอดกาลยังไม่สายถ้าหินตา หินยายไม่มีวันใด เกาะสมุยสุดท่ีจะอาลัย

ปากพนังทำนาย
วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2540
อ้างอิงจาก : พฤษภาคม 2013

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ

 

ผมอยู่เกาะสมุย

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลคับผม