ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด อยุธยามหามงคล

ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด อยุธยามหามงคล

ชาติ ภิรมย์กุล




<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
หลวงพ่อขาว วัดแม่นางปลื้ม

</TD></TR></TBODY></TABLE>
"วัดแม่นางปลื้ม"

ผมแหงนหน้าดูลวดลายปูนปั้นประดับกระเบื้อง-ถ้วย-ชามศิลปะแบบจีนที่หน้าบันโบสถ์วัดแม่นางปลื้ม

หน้าบันโบสถ์สวยงามแค่ไหนต้องรีบดู-รีบซาบซึ้ง-อย่าอ้อยอิ่งเดี๋ยวขึ้นรถไม่ทัน

เข้าไปในเขตวัดแม่นางปลื้มซ้ายมือเป็นโบสถ์-ขวามือเป็นวิหารตั้งอยู่ในแนวเดียวกัน

ผมเดินเข้าโบสถ์ก่อน-ภายในโบสถ์มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยชื่อ "หลวงพ่อปลื้ม"

ตั้งนะโม 3 จบ ก้มกราบแล้วรีบออก-ไม่งั้นจะออกลำบากเนื่องจากลูกทัวร์ขสมก.เริ่มไหลเข้ามาแล้ว

ในอดีตวัดแม่นางปลื้มเคยเป็นที่ตั้งกองทัพของทหารพม่า

บ่ายวันอาสาฬหบูชา วัดแม่นางปลื้มโดนกองทัพลูกทัวร์ขสมก.เข้ายึดพื้นที่ 30 นาทีแล้วถอยทัพกลับ

ก่อนออกจากวัด-ผมเข้าไปในวิหาร-ผนังและเสาภายในวิหารเต็มไปด้วยรอยปริ-แตก-กะเทาะของปูน

รอยแตก-กะเทาะของผนังและเสาปูนภายในวิหารทำให้พระพุทธรูปสีขาวมุกดูสง่างามสะดุดตา

พระพุทธนิมิตมงคลศรีรัตนไตรหรือ "หลวงพ่อขาว" พระประธานในวิหารเก่าๆ

พระพักตร์ของหลวงพ่อขาว ดูอ่อนโยนมีเมตตาน่าศรัทธาเลื่อมใสและกราบไหว้

ชาวบ้านเชื่อกันว่า หลวงพ่อขาวเป็นพระ พุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ด้านขอพรเสริมสิริมงคล

ปลายปี 2550 ถ้าค่าเงินบาทยังไม่อ่อนตัวลง คาดว่าจะมีพนักงานจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่อยู่ในเขตพระนครศรีอยุธยามาพึ่งบารมีหลวงพ่อขาวมากกว่าไปใช้บริการของกระทรวงแรงงาน

รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานชื่ออะไรเอ่ย....(อย่าเอาเรื่องนี้ไปเล่นทายปัญหากันนะมันตอบยาก)

จากวัดแม่นางปลื้มนั่งรถแป๊บเดียวมาถึงวัดธรรมิกราช (วัดที่ 5)

ลงจากรถได้เหมือนมดแตกรังแต่เป้าหมายเดียวกัน-เข้าไปไหว้พระพุทธไสยาสน์ในวิหารหลังเล็ก

ผมเดินเข้าวิหารหลังเล็กมีพระพุทธไสยาสน์นอนขวางจนเกือบเต็มวิหาร

ภายในวิหารเล็ก-แคบยังมีเครื่องคอมพิว เตอร์ 1 ตัว (สำหรับเสี่ยงเซียมซีแบบไฮเทค)

ออกจากวิหารเดินไปชมเจดีย์ทรงลังกาสิงห์ล้อม สิงห์แต่ละตัวมีแผงขนหน้าอกแตกต่างกันอยู่ในสภาพที่ชำรุดแตกหัก-พอๆ กับวิหารหลังใหญ่ที่อยู่ตรงกันข้ามเหลือแต่โครงและเสา

จากโครงสร้างวิหารที่เหลืออยู่บ่งบอกถึงความใหญ่โตของวิหาร (คนสมัยก่อนคงเข้าวัดกันเยอะ)

วัดของคนรุ่นใหม่กลายเป็น ห้างค้าปลีกต่างชาติที่มีร้านขายเสื้อ-ผ้า-เครื่องประดับล้อมไว้ทั้ง 4 ทิศ

ภายในวิหารวัดธรรมิการาชเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองสำริดขนาดใหญ่แต่ถูกเผาทำลายเหลือเพียงพระเศียร

ปัจจุบันพระเศียรเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา

ด้านข้างวิหารเป็นโบสถ์เก่าๆ พระประธานในโบสถ์เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสีขาวชื่อหลวงพ่อขาว

ต่อไปเป็นวัดสำคัญที่ถือเป็นหนึ่งในหัวใจของพระนครศรีอยุธยา... "วัดหน้าพระเมรุ"

ระหว่างที่เดินทางไปวัดหน้าพระเมรุ ผมวางแผนและคิดอยู่ในใจต้องเดินไปชมอะไรก่อน-หลัง

การเดินชมของดีภายในวัดหน้าพระเมรุให้ครบทุกอย่างภายใน 30 นาที มันต้องมีเชื้อลิงนิดหนึ่ง
<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
แถวบน -พระคันธารราษฎร์ /หลวงพ่อขาว วัดหน้าพระเมรุ

แถวสอง-เจดีย์สิงห์ล้อม วัดธรรมิกราช /วัดมงคลบพิตร

แถวสาม-พระพุทธนิมิตรฯ วัดหน้าพระเมรุ

แถวสามขวาบน-ศาลเจ้าจีนที่วัดพนัญเชิง

แถวสามขวาล่าง-เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก

</TD></TR></TBODY></TABLE>


รถติดตรงทางเข้าที่จอดรถ-คนขับเลยเปิดประตูให้ลูกทัวร์ลง

ผมใช้วิธีเดินดูแบบสวนทางกับคนอื่น-เดินไปดูด้านหลังวัดก่อน

ด้านหลังวัดมีรูปหล่อขนาดใหญ่พระพุทธเจ้า 5 องค์-แต่ละองค์ใหญ่โตมากตั้งอยู่กับพื้นวัด

บริเวณใกล้ๆ กันคล้ายๆ กุฏิสงฆ์เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อเชียงแสน อายุ 700 ปี

กราบไหว้หลวงพ่อเชียงแสนเสร็จ-เดินกลับไปทางหน้าวัดเข้าไปไหว้หลวงพ่อขาวที่วิหารหลังเก่า

หลวงพ่อขาวเป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยาอายุราว 500 ปี องค์พระสีออกเงินๆ แวววาวสวยงาม

ที่วิหารหลวงพ่อขาวมีตู้รับบริจาคปัจจัยเหมือนวัดทั่วไป-พร้อมเซียมซีสำหรับคนชอบเสี่ยงทาย

ใบทำนายในเสี่ยงเซียมซีส่วนมากจะมีอยู่ 2 อย่าง ดีกับไม่ดี ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยังพิสูจน์ไม่ได้แต่....

มีบางคนที่ซีเรียสกับคำทำนายมาก ถ้าใบนั้นทายออกมาไม่ดี ทำให้ทุกข์ใจล่วงหน้า

สมมติว่าเราไม่เสี่ยงเซียมซีเลย-ความรู้สึกดีๆ ยังอยู่กับตัวเราตลอดไป...จริงไหม

เยื้องๆ กับวิหารหลังเดิมมีเจดีย์ราย 3 องค์ ด้านบนของเจดีย์มีรากต้นไทรปกคลุมดูขลังดี

จากเจดีย์รายเดินผ่านด้านหลังโบสถ์ไปวิหารน้อยอยู่ข้างๆ โบสถ์-มีบันไดทางขึ้นสองข้าง

หน้าวิหารน้อยมีคนเดินเข้า-ออกตลอดจนแทบจะมองไม่เห็นด้านในวิหาร

ยืนรออยู่หน้าวิหารจนพอมีที่ว่างให้เอียงๆ ตัวเดินเข้าไปด้านในวิหาร-พระพุทธรูปในวิหารเป็นพระพุทธรูปศิลาสมัยทวารวดี ปางปฐม เทศนาประทับห้อยพระบาท นามว่า "พระคันธารราษฎร์"

พระคันธารราษฎร์คล้ายๆ พระพุทธรูปทางอินเดีย มีลักษณะงดงามแปลกตาน่าศรัทธา

ด้วยสีของศิลาออกเขียวๆ ทำให้พระคันธารราษฎร์ดูเหมือนมีพลัง-บารมีอะไรบางอย่าง

พระคันธารราษฎร์ในโลกนี้มีอยู่หกองค์เท่านั้น ที่วัดพระปฐมเจดีย์มีสามองค์ พิพิธ ภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าพระยาหนึ่งองค์ เหลืออีกหนึ่งองค์ ถ้าใครมีเวลาว่างมากปั่นจักรยานไปชมก็ได้อยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย

กราบลาพระคันธารราษฎร์ไปไหว้พระประธานในโบสถ์หลังใหญ่...

รู้สึกตื่นเต้นยังไงไม่รู้-เคยเห็นองค์พระประธานแต่ในทีวี-หนังสือพิมพ์ วันนี้จะได้เห็นองค์จริง

ผมเดินเข้าด้านหลังโบสถ์-สูดลมหายใจช้าๆลึกๆ-ตั้งสติให้ดี-ภายในโบสถ์ใหญ่โตมาก-เพดานสูง

เสาภายในโบสถ์แปดเหลี่ยมสีแดงมีสองแถว แถวละ 8 ต้น เขียนลายทรงพุ่มข้าวบิณฑ์สีทอง

แรงดึงดูดสายตาจากทุกคนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติอยู่ที่พระประธานในโบสถ์เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสำริดปางมารวิชัยขนาดหน้าตักกว้าง 4.60 เมตร สูง 6 เมตร พระนามว่า....

พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตร โลกนาถ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบจักรพรรดิราช สวมมงกุฎ มีสร้อยสังวาลทับทรวง ศิลปะสมัยพระเจ้าปราสาททอง

สวยงามมากครับ-ทั้งสวย-สง่า-เหมือนเทพ-เทวดาที่ทรงเครื่องพระมหากษัตริย์

ดูเหมือนความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธนิมิตฯ เราสามารถสัมผัสได้ด้วยความรู้สึกทางใจและสายตา
<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
พระพุทธรูปในโบสถ์วัดกลางคลองสระบัว /พระพุทธเจ้า 5 องค์

</TD></TR></TBODY></TABLE>


วัดหน้าพระเมรุเป็นวัดเดียวที่พม่าไม่เผา-ทำลายเหมือนวัดอื่นตอนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง

สันนิษฐานกันว่าสาเหตุที่พม่าไม่เผา-ทำลายวัดหน้าพระเมรุน่าจะมาจาก...

พม่าตั้งกองทัพที่วัดหน้าพระเมรุใช้เป็นที่พัก-เก็บเสบียงอาหารพร้อมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ในการรบ

หลังรบชนะตีกรุงศรีอยุธยาแตก พม่ายกทัพกลับเดินผ่านวัดมงคลบพิตรแวะซื้อหนังปลาทอดกรอบกินฉลองชัยชนะโดยที่ไม่เผา-ทำลายวัดหน้าพระเมรุแม้แต่นิดเดียว

เป็นเรื่องที่แปลก ใจมาก

แปลกใจในความใจดีของข้าศึก-ศัตรูในยุคนั้น-หลังรบชนะจะต้องแสดงแสนยานุภาพทางลบโดยการเผาทำลายบ้านเมือง-ลอกทองจากองค์พระกลับประเทศตัวเองแต่ทำไมพม่าไม่เผา-ทำลายวัดหน้าพระเมรุ

มีผู้สันนิษฐานต่อ-สาเหตุที่พม่าไม่เผาทำลายวัดหน้าพระเมรุด้วยเหตุผล 2-3 ข้อ

1.เครื่องทรงของพระพุทธนิมิตฯคล้ายกับเครื่องทรงของแม่ทัพหรือกษัตริย์พม่า-พม่าเลยไม่กล้าทำลาย

2.เมื่อปีพ.ศ.2303 สมเด็จพระเจ้าอะลองพญา ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาเอาปืนใหญ่มาตั้งที่วัดหน้าพระเมรุและวัดหัสดาวาส (วัดช้าง) พระเจ้าอะลองพญาทรงจุดปืนใหญ่เอง ปืนใหญ่ที่อยู่หน้าวัดพระเมรุแตกต้องพระองค์บาดเจ็บสาหัสและยกทัพกลับยังไม่พ้นชาย แดนไทย พระเจ้าอะลองพญาสิ้นพระชนม์ระหว่างทาง

เหตุการณ์ครั้งนั้นน่าจะทำให้แม่ทัพพม่าไม่กล้าเผา-ทำลายวัดหน้าพระเมรุ

3.แผ่นยันต์ทองแดงที่หน้าประตูโบสถ์เป็นยันต์ "จตุโร" ป้องกันภัยทั้ง 4 ทิศ ประกอบกับโบสถ์วัดหน้าพระเมรุเป็นศิลปะแบบอยุธยาตอนปลายไม่มีการเจาะช่องหน้าต่าง คนโบราณถือว่าเป็น "โบสถ์มหาอุตม์"

อยากรู้ข้อเท็จจริงต้องเข้าทรงถามทหารพม่าในยุคนั้น

ในอดีตเราเคยเสียกรุงศรีอยุธยาให้พม่าถึงสองครั้ง

มายุคปัจจุบันเราเสียเงินกู้ (โครงการเอ็กซิมแบงก์) ให้กับพม่าแบบมีผลประโยชน์ทับซ้อน

จากวัดหน้าพระเมรุที่ใหญ่โตมาที่วัดเล็กๆ...วัดกลางคลองสระบัว

วัดกลางคลองสระบัวเคยถูกทหารพม่าเผา-ทำลายเหมือนวัดอื่นๆ ตอนกรุงศรีอยุธยาแพ้สงคราม

ต่อมาได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ตั้งอยู่ในชุมชน-หน้าวัดเป็นโรงเรียน-หลังวัดเป็นบ้านพักอาศัยของชาวบ้านมีคลองเล็กๆ อยู่หลังวัด

ลูกทัวร์ขสมก.เดินเข้าไปในโบสถ์-ภายในโบสถ์มีพระพุทธรูปทองสำริดเก่าแก่ 4 องค์

พระเจ้าทันใจ-หลวงพ่อปางห้ามญาติ-ปางลีลา-ปางเปิดโลก อายุราว 500 ปี

กราบไหว้พระพุทธรูปเสร็จ-เจ้าอาวาสแจกวัตถุมงคลเป็นพระผง 1 องค์

ด้านหลังโบสถ์เป็นวิหารหลังเก่าๆ ทรุดโทรมมากมีพระพุทธรูปปูนปั้นสีขาว...หลวงพ่อชัยมงคล

บางคนขับรถออกจากวัดกลางคลองสระบัวทั้งที่ยังไม่ได้จอดรถ

จะเล่าอะไรให้ฟัง

คลองสระบัวเป็นคลองเดียวกับที่แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์กับขุนวรวงศาธิราช เสด็จไปคล