"หลวงปู่ หล้า เขมปัตโต"ศิษย์ "หลวงปู่มั่น"ผู้ยิ่งด้วยกตัญญู "วัดภูจ้อก้อ" จ.มุกดาหาร

....."หลวงปู่หล้า เขมปัตโต" .................(เเห่งวัดภูจ้อก้อ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร)............หลวงปู่หล้าท่าน เป็นพระ ลูกศิษย์" หลวงปู่ มั่น"....องค์สำคัญ รูปหนึ่ง ....ท่านเป็น พระครูบาอาจารย์ ที่เป็นเเบบอย่าง...แก่ พุทธ ศาสนิกชนรุ่นหลัง อยู่หลาย ประการ...ดังที่ผู้เขียน จะนำ เรียนท่านทั้งหลาย...ดังนี้คือ..........

" หลวงปู่ หล้า เขมปัตโต " เป็นผู้มี ความกตัญญู กตเวที อย่างสูง ...เมื่อท่าน อยู่รับใช้ หลวงปู่มั่น ในยุค" วัดป่าบ้านหนองผือนาใน" (หรือ ถ้าอ่านป้ายบอกเส้นทาง ตาม ถนนหลวง คือ วัดภูริทัตถิราวาส ....ซึ่งผู้เขียน จะเเวะอยู่เสมอหาก ใด้ไป ธุระเเถบอิสานเหนือ ) อ.พรรณานิคม..จ.สกลนคร.........ซึ่งเป็น ช่วงสุดท้ายปลาย ชีวิต ของ "หลวงปู่มั่น "...ชึ่งหลวงปู่ มั่น ท่านมีอาการ ....... ป่วย .จนช่วงท้าย (พศ.2492) ท่านไม่สามารถ เดิน ใด้สะดวกต่อการ ...บิณฑบาตร ....จนกระทั่ง ท่าน ต้องถ่าย มูตร คูถ....จากกุฎิ ...(ซื่งปัจุบัน กรมศิลปากร ใด้ เข้ามาอนุรักษ์ เอาไว้) ......


หลวงปู่หล้า ท่าน ใด้รับมอบหมาย จากท่าน หลวงตา ...มหา บัว ญาณสัมปัญโณ .....(ซึ่งในเวลานั้นหลวง ตามหาบัว ท่านใด้รับมอบหน้าที่จากหลวงปู่มั่น และใด้รับ ความไว้วางใจ จากหมู่ คณะ ให้เป็น หัวหน้า พระสงฆ์ ...ในวัด นี้ ในการ อุปฐาก หลวงปู่มั่น...เเละ คอย เอาใจใส่พระ....และโยม ที่.......หลั่งใหล มาจากทั่ว ประเทศ ในสมัยนั้น เพื่อ ฟังธรรมเเละ .....เเละเฝ้า เยี่ยมอาการ....... "หลวงปู่ มั่น".......


เนื่องจากวัดป่า " ภูริทัตถิราวาส " เเห่งนี้ ไม่ ห่างจากวัดป่าคูณ คำวิปัสนา "หลวงปู่ขาว"(ไม่เกิน30กม.) ผู้เขียน จึงอยากเชิญชวนว่าหากท่านใดไปกราบ " หลวงปู่ขาว " เเล้วอยากให้เลยไปวัด "ภูริทัตถิราวาสเเห่ง นี้ เนื่องด้วยเป็นวัดเเห่งประวัติศาสตร์ อันใกล้ปัจจุบัน อีกทั้งทางราชการยังอนุรักษ์ ไว้ป็นอย่างดี นอกจาก กุฎิ "หลวงปู่มั่น"เเล้ว มีกุฎิ "หลวงตามหาบัว" เเละยังมีกุฎิ ครูบาอาจารย์รูป อื่นอีกมาก ซึ่งล้วน เป็นพระสงฆ์ สุปฎิปัญโณ ผู้มีชื่อเสียงในเมืองไทย....

 

"คูถ ของพ่อแม่ครู บา อาจารย์ ถือเป็นของสูง".......................ผู้เขียนจะขอขยายความ..ในความ เป็น"ผู้มีกตัญู" ของหลวงปู่หล้า ท่าน .....ดังนี้ ในตอนนั้นเมื่อหลวงปู่ มั่นท่าน ทำกิจเสร็จเเล้ว ...หลวงปู่หล้าท่าน จะทำหน้าที่........... ใช้มือ "กอบ" คูถ ที่ "ใช้ขี้เถ้าเกลี่ยรอง" ใต้ถุน กุฎิหลวงปู่มั่น ทุกครั้ง ............หากจะมีผู้ สงสัยว่าทำไมจึงไม่ใช้ภาชนะ ตัก ...ท่าน ให้เหตุผลว่า ..............พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ผู้มีคุณ เหนือ เกล้า...เรา สนองคุณ ท่าน โดยการ ปฎิบัติ อย่างนี้ ก็ ยังไม่ถึงเศษ เสี้ยว ......"แห่งพระคุณ ของพ่อแม่ครู อาจารย์"...............

 

"พระ มหากรุณาธิคุณ ของ หลวงปู่มั่น ต่อเหล่า เวไนยสัตว์"...............พ.ศ. 2492 ..เหล่า พุทธ ศาสนิกชน ใด้หลั่งใหล ไปเยี่ยม อาการป่วย .....เเละ ฟังธรรม จาก หลวงปู่ใหญ่ "มั่น ภูริทัตโต".............ด้วยพระบารมีเเห่ง พระ รัตนตรัยเเละ ......พระบารมี เเห่ง ........อดีต พระ บรมโพธิสัตว์ เจ้า ......จึงมีผู้คน เกือบทุกชนชั้น ในเมืองไทยหลั่งไหล ...........มาที่วัด ป่า บ้านหนองผือเเห่งนี้........อย่าง มากมาย ทั้งที่การคมนาคม เเละการ สื่อสาร สมัยนั้นเป็นไป ด้วยความไม่สะดวกนานับประการ..... ไม่กี่วันก่อนที่ท่าน จะ มรณภาพนั้น ..........องค์หลวงปู่ ใด้ เน้น การ เทศนาสั่งสอน เเละ ......เเม้ท่านจะ มีสังขารที่อ่อน เเรง ........ ท่าน ยัง เคร่ง ครัดในวัตร ปฎิบัติ ส่วนองค์ท่าน อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ......เช่น เมื่อท่าน บิณฑบาตร ใต้กุฎิิไม่ใต้ ก็ ทำกิจนี้บนกุฎิ ....และธุดงค์วัตร .....ข้อ ใด ที่ท่านถือ ขณะที่ อาการป่วยยังไม่กำเริบหนัก .....ท่าน ก็ ปฎิบัติในธุดงควัตร นั้น ....ตราบเท่า ท่านสิ้นเเรง............สมดัง สมญา ที่ เหล่า อนุชนรุนหลัง ถวาย .......ท่านว่า ...."บูรพาจารใหญ่เเห่ง พระกรรมฐาน"......."แม่ทัพธรรม" รูปหนึ่ง ..........แห่งพระบวรพุทธศาสนา ...สืบมา .........

 

...."ท่าน ขอไป "มรณภาพ" ที่วัดป่าสุทธาวาท ในตัว เมือง จ.สกลนคร "....................เรื่อง เล่า ถึงพระเกียรติคุณ เเห่ง "พระบูรพาจารใหญ่ หลวงปู่มั่น" ......หัวข้อหนึ่ง ที่สำคัญคือ .... การที่ ท่านบอกเเก่ ...พุทธบริษัททั้งหลาย.......ตอนที่ องค์ ท่าน อ่อนเเรง มากเเล้ว ......เเละ (ผู้เขียน คำนึงตามความเห็น ส่วนตัว ว่าท่าน ล่วงรู้วาระ แห่งชีวิต ขององค์ ท่าน มานานเเล้ว)........ว่าขอไป ปลงธาตุขันธ์ .....ณ วัด ป่าสุทธาวาส.......ตัวเมือง สกลนคร

 

....ในครั้งนั้น ...............................ใด้มี คณะศิษย์ บางท่าน ทั้งพระเเละโยม ....ถวายความ เห็น ด้วย ความเป็น ห่วง "องค์ หลวงปู่มั่น".......ว่า ถ้า เดินทาง เข้า เมือง สกลนคร . ก็จะเป็นการกระทบกระเทือนธาตุขันธ์ ...ขององค์ "หลวงปู่"..ที่อาการเพียบหนักอยู่เเล้ว.........อีกทั้ง.ก็จะเป็นการ พะรุงพะรัง ....เเก่ เหล่า พุทธบริษัท.....เเละ ณ วัดป่าหนองผือนาในเเห่งนี้ก็เเวดล้อม ไปด้วย วัดข้างเคียง ที่สะดวกต่อ .....การพัก อาศัยของ เหล่าลูกศิษย์ หมู่มาก..........หลวงปู่ท่าน ให้เหตุผล ...........ที่เป็น หัวข้อเเห่ง" พระมหากรุณา....... "เหล่า เวไนยสัตว์....... เเละเเสคงถึง .........ปัญญาเเห่ง องค์ ท่านคือ............................"หาก ผมอยู่ ปลงสังขาร ที่นี่ อาจจะ เป็นเหตุผลอย่าง พวกท่านว่ามา......เเต่เราคำนึงถึง หมู่สัตว์ ที่จะต้องมาตายตาม ไปอีกนับไม่ถ้วน".............."เพราะเมื่อ ผู้คนมาทำกิจเนื่องด้วย สรีระของผม จะมีต้อง มีการ ฆ่าสัตว์ เพื่อเลี้ยง พระเเละโยม ......เป็นจำนวนมาก "........................."หากไป อยู่ที่วัด ป่าสุทธาวาส หมู่ คนที่มาทำการกุศล เนื่องด้วยผม ก็ จะ อาศัย...... ตลาด สด ....เเละร้านค้า ในเมืองสกลนคร....เป็นที่อาศัย "...............หมู่สัตว์น้อยใหญ่ ......ไม่ต้อง มาตายตาม ท่าน.....................นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ เเละพระปัญญาคุณ ของ "องค์ท่าน อย่างไม่มีประมาณ"..............เเละเป็นหัวข้อใหญ่ที่เล่ากัน ในหมู่ ลูกศิษย์ ท่าน .....มาจนปัจจุบันนี้......

 

.....ในตอน ต่อ ไป ......ผู้เขียน จะเล่า เกร็ดเรื่อง ราวเเละความเมตตา "เเห่งองค์หลวงปู่หล้า"..........ซึ่งเป็นข้อมูลจาก ผู้ใกล้ชิด หลวงปู่ ที่ผู้เขียนรู้จัก ...เเละเรื่องเล่า ....ที่ผู้เขียน ใด้รับรู้มาจากที่ต่างๆ ..........เช่น .."กรรมในอดีตชาติ ที่ ทำให้ท่าน เป็น โรค ใส้เลื่อน"............เเละเรื่อง จาก รุ่นพี่ของผู้เขียนที่เป็น อาจารย์ มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับเรื่อง....."หลวงปู่หันมาทักโยม คนหนึ่ง ขณะ เทศน์ เเก่หมู่ญาติโยม หมู่ใหญ่"..............อีกทั้งเรื่อง ราวเกี่ยวกับ ขันติ เเละวิริยะบารมี ขององค์ หลวงปู่ ในการ ..."คอน น้ำ ขึ้นบนเขา วัดภูจ้อก้อ".......หรือหาก ท่านใดอ่านพบกระทู้นี้เเล้ว ...........มีข้อมูล เกี่ยว กับองค์ ท่าน......ก็เชิญ เล่าเเบ่งปันเป็นวิทยาทานเเละ ธรรมทาน นะครับ..........

 

......." ชาย ผู้ลบหลู่ กุฎิ หลวงปู่มั่น ณ วัด หนองผือแห่งนี้ มีอันเป็นไป".................ผู้เขียน ขออนุญาต เเทรก ........เรื่องนี้ก่อนที่จะเล่า เรื่อง ของหลวงปู่หล้า ในโอกาส ต่อไป........เรื่องนี้อ่านไม่พบในข้อเขียนจากที่ใด อ้างอิง เเต่ผู้เขียน ....ใด้รับ การบอกเล่า จาก "คุณ เเม่".......ที่นับถือเเละ เป็นคนเกิดที่บ้านนี้ เเละใด้ไปรับราชการเป็นข้าราชการ ชั้นผู้ใหญ่ อยู่ ณ มหาวิทยาลัย เก่าเเก่ เเห่งหนึ่ง........ท่านใด้เล่าให้ฟังอย่างชัดเจน ผู้เขียน จำใด้ ......เเต่เนื้อความดังนี้....................ย้อนกลับไป เมื่อประมาณ มากกว่า 20 ปีมาเเล้ว...............ณ กุฎิ หลวงปู่มั่นที่ กรมศิลปากร ใด้อนุรักษ์ไว้นี้ ...........(ด้านหลังจะมี กระดาน เขียนสีน้ำมัน เอาไว้ว่าในสมัยนั้น มีพระเณรองค์ใดเคย พำนักอยู่ณ ช่วงเวลาเเห่งประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งในปัจจุบันท่านเหล่านั้น ใด้ออกไปเป็น พระคณาจารย์องค์ สำคัญเป็นหลักเเก่ พระบวรพุทธศาสนา อยู่ทุกภูมิภาคของเมืองไทย)........มีเรื่องเล่าลือกันว่ากุฎิหลวงปู่มั่นนี้ "ศักดิ์สิทธิ์ มาก"......มีชาย คนหนึ่งไม่เชื่อ จึงอยากพิสูจน์ .....จึงคิด พิเรน ...เดินข้ามเชือกกั้นบันใด ...ขึ้นไปนอนเล่นบนชั้นสองของกุฎิ ..........เเล้วเรื่องร้าย ก็เกิดกับชายผู้นี้ .....เขาเกิด อาการที่เราเรียกกันว่า "บ้า".....เเละเมื่อ กลับ....ไปพบ ภรรยา ที่กำลังตั้งท้อง ก็มีเหตุคลุ้มครั้ง ไล่เอา ..."มีด" ไล่ฟัน ภรรยา ที่กำลังตั้งท้อง .......มีอาการปางตาย.......ผู้เขียน มีข้อมูลมาตามนี้ จึงใด้เล่าสู่กันฟังตามที่ รับรู้มา......เเละจำไม่ใด้ว่าชายผู้นีัหาย จากอาการ "วิปลาส".....ดังกล่าวหรือไม่

 

.... "หลวงปู่มั่น พยากรณ์ เอาไว้ก่อนท่าน ปลงสังขาร เมื่อปี พ.ศ.2492 ว่าปีหน้า คือ พ.ศ.2493 พระลูกศิษย์ของท่าน 2 รูปจะเป็น ผู้หมดตัณหา ตัดกิเลสเป็น สมุทเฉทปหาน ใด้".........เป็นเรื่องชวนติดตาม เเละเล่าลือในหมู่ พระเเละโยมในวัดป่า ....บ้านหนองผือแห่งนี้ในขณะ เวลานั้น...........

 

..."หลวงปู่หล้า เเห่งวัดภู จ้อก้อ เมตตาเล่า บุพกรรมของท่าน"..........................ผู้เขียนขอกลับมา เล่าเรื่อง "พระเดชพระคุณ หลวงปู่หล้า" ตามที่ ใด้เกริ่นเอาไว้ก่อนหน้านี้...........หลวงปู่ท่านจะมีอาการ ป่วยเป็นโรคใส้เลื่อนอยู่.....ลูกศิษย์ ที่เป็นพระเเละโยมจึงใด้เตรียมการ พยาบาลอยู่เสมอ ...........หลวงปู่หล้า ท่านเมตตาเล่าสาเหตุ เเห่งบุพกรรมดังนี้.....................ในอดีต หลายชาติมาเเล้ว .....หลวงปู่ท่านเกิดเป็น ....เด็กชายชาวบ้าน.......วันหนึ่ง มีการ ทำหมัน "ควาย" ซึ่งเรียกว่า "ตอนควาย"..........ซึ่งเป็นวิธีการที่โหดเเละน่าหวาดเสียวมาก......คือ จะต้องมี หลายคนช่วยกันผูกขาควาย.......โดยขาหน้า ผูกติดกันเเละ ขาหลัง ก็ผูกติดกันอีกคู่หนึ่ง...............แล้วทำให้ ควายนอน ลงกับพื้น ให้ใด้........เเล้วมีคนอีกหลายคนจับขาควาย กดลงกับพื้น หรืออาจ ผูกขาทั้งสองคู่ที่ มัดติดกันอยู่เเล้ว ผูกติดกับหลักในท่านอน ..........เพื่อตรึงให้เเน่น.......เเล้ว "หมอทำหมัน(ตอน)จึง ดึงอัณฑะ ออกมาทั้งคู่ " เอาน้ำมันอย่างหนึ่ง ..ทา....เเล้วใช้ "ฆ้อนทุบ อวัยวะนี้ จน สิ่งที่อยู่ภายในเเหลกเหลว เเต่หนัง หุ้ม จะปรากฎเเค่อาการช้ำ ให้เห็น............ผู้เขียน เคยเห็น มาด้วยตาตนเอง เหมือนกัน....ดูเเล้ว "น่าสงสาร สัตว์เเละเป็นที่หวาดเสียวมาก"..........(ผู้เขียน ต้อง ขออภัยที่ต้อง อธิบาย ชัดเจน).................หลวงปู่ท่านว่า ท่านเป็นเพียง...... "เด็กผู้ช่วยจับขาควาย เท่านั้น".............อกุศลกรรม นี้ ส่งผลให้ท่าน เป็น "โรคดังกล่าว"...............หลวงปู่ท่าน เล่าเพื่อเป็น อุทาหรณ์ .........เเก่ญาติโยม เเละลูกศิษย์ ...........องค์ท่าน คงไม่อยากให้ ประมาทกรรม คือ "การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนา"..................แม้จะ มีอาการ ประมาท ว่า ........"เพียงเล็กน้อยก็ตาม".........

 

"หนังสือธรรมะ ที่เขียนด้วย ลายมือ"...............................เมื่อสิบกว่าปีที่เเล้ว ผู้เขียนใด้รับ หนังสือธรรมะ ปกเเข็งปานกลาง ความหนาประมาณ 200 หน้า ถ้าจำไม่ผิด ที่หน้าปกจะพิมพ์คำว่า "วัดภูจ้อก้อ" เเละมีชื่อ "หลวงปู่หล้า" อยู่ เปิดอ่านเเล้ว เป็นที่น่าจับใจ เเละรู้สึก "ขนลุก" เหตุุเนื่องด้วย ความน่าสนใจ ของเนื้อหาที่ มั่นใจว่าถ่ายทอดมาจาก องค์หลวงปู่ ทุก ตัวอักษร เพราะหนังสือเกือบทั้งเล่ม...... "เขียนด้วยลายมือ" ....... ผู้เขียนคิดว่า เขียนด้วยลายมือ .......ขององค์ "หลวงปู่หล้า" เอง .......ใช้ภาษาที่ "สละสลวย" ลายเส้นคมชัด สวยงาม เป็นสุดยอดหนังสือธรรมมะ(ของพระกรรมฐาน) ที่น่าหามาอ่านเล่มหนึ่ง ครับ ........

 

" หลวงปู่ คอน น้ำ ขึ้น เขา".................ก่อน ที่วัดภูจ้อก้อแห่งนี้จะ มี ความ สวยงาม มีความสะควก ในปัจุบันนี้ .... (เป็นวัด ที่เป็นเเหล่ง ท่องเที่ยวทำบุญ ของพุทธบริษัท ที่มีชื่อเสียง ที่สุดเเห่งหนึ่งของเมืองไทย)...... วัดเเห่งนี้ตั้งอยู่บน ภูเขาค่อนข้างสูง (ภูเขาลูกเดียวโดดๆ).....ตอนที่ องค์.... "หลวงปู่" ท่านมาอยู่ ช่วงเเรก .....ลำบากด้วย ต้อง ..........."คอนน้ำ"..........คือ เอาปี๊ป ใส่น้ำ ห้อยไม้คาน เเละเอามือกด ไม้ส่วนข้างหน้า ให้น้ำหนักสมดุลย์กัน........องค์ท่าน ต้องคอนน้ำ ขึ้น บนภูเขา ......ทั้งยังต้อง ......ขึ้นลงเขาไปบิณฑบาตร ในหมู่ ....บ้าน ข้างล่าง ..................เป็น วิริยะ เเละ ขันติ บารมี ของผู้ เป็น สุดยอดพระสุปฎิปัญโณ ...........องค์ เอก องค์ หนึ่ง ........ที่ชาวเราพุทธบริษัททั้งหลาย..........ใด้เคารพ กราบไหว้ เเละ ปฎิบัติตามเเนวทาง......ของ "พระเดชพระคุณ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต"....สืบมาจนถึงปัจุบัน.....

 

สาธุค่ะ หนังสือเล่มนี้ทรงคุณค่ามากค่ะ

 

......"หลวงปู่ หล้า ท่าน เคารพ .....หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัญโณ... เป็น พ่อเเม่ ครู อาจารย์ อีกองค์หนึ่ง"............................นอกจาก พระบูรพาจารย์ ใหญ่เเห่ง พระป่า คือ....... " หลวงปู่ มั่น ภูริทัติโต" เเล้ว.....หลวงปู่หล้าท่าน ยังเคารพ หลวงตามหาบัว เป็น ที่สุดอีก องค์ หนึ่ง ....เมื่อ หลวงปูหล้า.......ท่านเอ่ยนาม หรือปฎิบัติ ....ทางกาย ต่อองค์ .....หลวงตามหาบัว....... หลวงปู่ ท่านจะ มีอาการนอบน้อม ....เป็นพิเศษ ทุกคราว.......(ผู้เขียน ใด้ ......มีข้อมูลมาว่าหลวง ตา มหาบัว มี อายุ น้อย กว่าหลวงปู่หล้า อยู่ สัก สาม สี่ปี เเต่ ท่าน บวชก่อนหลวงปู่หล้า เเละ เป็นผู้ทรงบุญบารมี เเละ ทรงความ รู้ทั้งปริยัติ เเละปฎิบัติ เป็นพระ บูรพาจารย์ เเห่งยุคสมัย อีกองค์หนึ่ง).........หลวงปูหล้าท่าน ท่านเลิศด้วย....ความ อ่อนน้อม ถ่อมตน เลิศ ด้วย ความมีขันติเเละวิริยะ.......สมควรที่เรา จะ เดินตามรอย เเห่ง....พระบูรพาจารย์ทั้งสองท่าน.................เพื่อเป็นการ สะสม "กุศลกรรม"....... ในการเดินทาง ใน วัฎสงสาร หากเราทั้งหลายยังไม่ถึง จุดหมายปลายทาง.......

 

เพิ่งได้ไปกราบเจดีย์หลวงปู่หล้าและทำบุญกับทางวัดภูจ้อก้อ
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เองค่ะ เป็นวัดที่สะอาดร่มรื่นและสงบมากๆ
กุฏิหลวงปู่เป็นกุฎิไม้ สมถะและเรียบง่ายดีค่ะ ได้กราบท่านเจ้าอาวาสพอดี

 

.....เรียน ท่านทั้งหลายที่อ่านพบ หัวข้อนี้ ในข้อความที่....." Quote".................... ข้างบนนี้ ผู้เขียน พยายาม หาหลักฐานเเละข้อมูลเพิ่มเติม ดังข้อความที่จะเขียน ........................................"บทสุดท้าย ที่จะคว่ำ วัฎจิตรวัฎจักร ความหมุนเวียน เปลี่ยนเเปลงการเกิด การตาย ทับถมนี้ มายุติในวัดดอยธรรมเจดีย์ วันที่ 15 พฤศภาคม 2493 ......เวลา5ทุ่มพอดี หลังเขาวัดดอยธรรมเจดึย์"..............."จากนั้นมาเรื่องภพชาติ ขาดสะบั้นไปพร้อมๆ กันหมด ไม่มีอะไรเหลืออยู่ภาย ในจิตใจเลย".............."พระธรรมเเท้เป็น อย่างนี้ หละเหรอๆ"....... ........เป็น คำเทศนาสั่งสอน ของ............."พระเดชพระคุณ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโณ"............ท่านเทศ์เอาไว้หลายที่ เเต่ข้อความนี้ ผู้เขียนยกมาจาก web ......................watpa.com....................................................................โพสโดยศิษย์ บ้านตาด 30/4/2553....(เวลา 17.15น).......

 

.....ผู้เขียน เป็น เเต่เพียงให้ข้อมูลใน หลาย กระทู้ที่ตั้งขึ้น ...เพื่อที่จะเกิดประโยชน์........คงจะเป็นในฐานะเเห่ง.... "สะพานบุญ"......ตามที่พอจะทำใด้ครับ .....

 

ตอนบวชเณรภาคฤดูร้อน อายุ 11 ขวบ เคยไปวิ่งเล่นที่วัดท่าน ท่านเดินมาจับหัว จับหูผม ถามว่ามาจากไหนคุยนั่นคุยนี่ บอกว่า หัวโตๆ ท่าทางจะเรียนหนังสือเก่ง ตอนนั้นกลัวท่านยืนตัวเเข็งพนมมืออย่างเดียว คิดในใจเมื่อไหร่ท่านจะปล่อยมือซะที จะรีบขึ้นไปไต่เขาให้ถึงยอด

 

" ตนเอง นั่นเเหละ เป็นผู้รู้ความคิด ไม่ต้องสนใจว่าใครจะรู้ ความคิดเรา ".....

ผู้เขียนใด้รับ ข้อความส่วนตัว จากเพื่อนสมาชิก ถามเกี่ยวกับ "หลวงปู่จาม มหาปุญโญ" กำลังพิจารณาว่าจะเล่าเรื่องราวของท่านในลักษณะใด โดยส่วนตัว (เเละคณะ) เคยใด้รับ ความ เมตตาจากองค์ท่านอย่าง "พิเศษ" เเละไม่เคยคาดคิดมาก่อน เเต่ข้อมูลจากประสบการณ์ "ตรง" ของหลวงปู่จามมีไม่มากนัก อาจจะ ขอ เขียนเเทรกใน หัวข้อ หลวงปู่หล้าท่าน (วัดท่านอยู่ไม่ห่างกันนัก) .....

หลายปีมาเเล้ว ผู้เขียน มีรุ่นพี่ที่ รู้จักกัน (เป็นอาจารย์ มหาวิทยาลัยเเห่งหนึ่ง) มีพื้นเพถิ่นกำเนิดอยู่ ใกล้ๆวัด หลวงปู่หล้าท่าน ช่วงประชุม พี่ท่านนี้เล่าให้ฟังว่า ... ในตอนที่ "องค์หลวงปู่ " ยังทรงธาตุขันธ์ อยู่นั้น ในวัดของท่านจะ คราคร่ำไปด้วย ญาติโยมที่ หลั่งใหลมาฟังธรรมเเละ ถวายทาน ทั่วทุกสารทิศ....(วัดท่าน อยู่บนเขา โดดๆ สัปปายะเเละสวยงาม )

คนทั้งหลาย เล่าลือกันว่า " หลวงปู่หล้า " ท่านมี "ญาณรู้" (ทั้งญาณทัศนะ เเละเจโตปริยญาณ ) รวดเร็ว มาก ....

ในวันหนึ่ง ขณะที่ " หลวงปู่หล้า " ท่านกำลังเทศน์ โปรดพุทธบริษัท หมู่มาก เเละทุกคนกำลังตั้งใจฟังด้วยความสงบอยู่นั้น มี โยมผู้ชายผู้หนึ่ง ...." คิดขึ้นในใจว่า"... " เขาลือว่า หลวงปู่ รู้ใจคน ถ้าท่านเก่งจริง จะต้องรู้ว่าเราคิด อะไรอยู่ในตอนนี้ "

ทันใดนั้น "หลวงปู่หล้า" ท่าน " หันหน้า" มองไปที่ชายผู้นี้ เเล้วกล่าวขึ้น เป็น ภาษาอิสานว่า ......" โตคึด อีหยัง โตกะฮู้ เองนั่นเเหลว บ่ต้องมาสงสัยว่า เฮาสิฮู้ นำดอก" ...

ยังความตกใจเเก่ชายผู้นั้น เเละ เป็น เรื่องเล่า ในหมู่ ญาติโยม "ในความเป็นผู้มีญาณ อันรวดเร็วของ องค์หลวงปู่ ท่าน"....

 

เคยได้ไปกราบนมัสการท่านหลวงปู่หล้าตั้งแต่ท่านมีชีวิตหลายครั้งเหมือนกันครับ ฟังท่านเทศน์เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง จำได้แต่ท่านชอบพูดว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ นิพพานๆๆ.

 

...วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2556 ..ที่ผ่านมา ผมเอง เเละ ครอบครัวใด้..มีโอกาส พาคณะ

เเพทย์ เเละ พยาบาล จาก ภาคใต้(10 ท่าน ) ..ไป เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ "ใดโนเสาร์ ที่ภาคอิสาณ ." .น่าสนใจมากครับ ..ผมเอง อยากเชิญชวน

พี่น้องพวกเรา ..พาลูกหลานมา เที่ยวชมดูครับ..สวยงาม เเละจัดองค์ ประกอบดีมาก

...ตามที่รู้มา..."พิพิธภัณท์ สิรินธร เเห่งนี้ สร้างโดยกรมทรัยากรธรณี "....เป็นเเหล่ง

โบราณคดี ด้านนี้ ในระดับโลก ..ครับ

..หากท่าน ใดมีโอกาสไปที่ จ.กาฬสินธุ์ ..อำเภอ สหัสขันธ์ ....

.....เเละที่ อำเภอนี้ ที่เดียว ..มี สถานที่ ท่องเที่ยว ..น่าสนใจมาก อีก สองที่คือ ..


...."วัด พระนอน ภูปอ "...เป็นพระพุทธไสยยาสน์ โบราณ เเกะสลัก อยู่บน ก้อนหิน..

...ณ เชิง เขา...เเละ อีกองค์ ..บนยอดเขา..

...อีกที่ หนึ่ง (อำเภอเดียวกัน)...คือ .."วัด พระพุทธไสยาสน์ ภูค่าว"..มี พระพุทธไสยาสน์ โบราณ ..เเกะสลักบนก้อนหิน..


...ที่วัด
นี้ ..มี สิ่งที่น่าสนใจอีกคือ ..โบสถ์ไม้ ..เเผ่นใหญ่

.. เเละที่ เป็น ..ที่ กล่าวขานกันของนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยว ที่เเห่งนี้คือ ..

...พระเจดีย์ ประดับด้วย หินทราย เเกะสลัก ..โถงภายในสูง ปูด้วย เเผ่นใม้ขนาดใหญ่

..สวยงาม ศักดิ์สิทธิมากครับ....( พระอาจารย์ ณรงค์ ท่านเป็น องค์ ดำเนินการ ก่อสร้างเเละบูรณะ ครับ)..

...กำลัง พยายาม ลงภาพครับ


.....ที่ผม บอกกล่าวในเรื่องนี้ ..ด้วยผมเอง มี ความคิดที่จะ หาโอกาส ..

..บูชา "รอย ธรรมหลวงปู่มั่น "..(กับเพื่อนๆ ใกล้เคียง)..


...คิดถึง บรรยากาศ วัด .."ภูจ้อก้อ "..ที่ สัปปายะ เเละสวยงาม..เเละ วัด ลูกศิษย์

... "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต"..

( ในวันสองวัน นี้ถ้ามีโอกาส ผมจะ ขอโอกาส เเนะนำ สถานที่ ท่องเที่ยว ทำบุญ

...ใน เเถบ อิสาณ กลาง อิสาณ เหนือครับ )