ถึง คุณ อินทรบุตร ครับ

เราน่าจะเปลี่ยนกระทู้เป็น กระทู้ปรับความเข้าใจกันนะครับ (kiss)

 

นั้นไง คุณเงากรรม ดิฉันถึงบอกพยามเลี่ยงไม่ พิมพ์ออกมา ถ้าให้ไล่มันมีเยอะ การใช้คำพูดรุนแรงแบบนี้กันจริงๆ ซึ่ง ดิฉันคนธรรมดา ไม่ได้รู้ธรรมะมากมาย แต่ยังไม่กล้าไปใช้คำพูดแบบนั้นกับคนอื่น กลัวเขาโกรธ กลัวเขาไม่ชอบ ยิ่งถ้าพวกเราคนในเวป บอกว่าตัวเองศึกษาธรรมะ เรื่องความอยากโมโหคนอื่นกับแค่เรื่องแค่พิมพ์ ไม่ถูกต้องหลักการตามเขาเชื่อ มันก็ไม่ควรจะมีแล้ว

 

..จริงๆผมก็อนาถใจ ..กับตัวคน ที่เอะอะก็อ้างใครใส่ผ้าเหลือง..เป็นพระ พระ..หมด..ทั้งที่เห็นว่าผิด วินัยสงฆ์ วัตร ไม่มีเลย ใส่ผ้าเหลืองแดกเหล้า นอนกับสีกา..ข่าวออกทุกวัน
..ก็ยังมีคนประเภทหนึ่ง ทำใจเป็นผู้มีคุณธรรม ล้นเหลือ ก็ช่างเขา ชั่วช่างชี-ดีช่างสงฆ์ การตักบาตเวียนเทียน-เอาเงินใส่บาต อลัชชีใช้บริษัทจำกัด เป็นฐานหาเงิน..จึงเกิดทั่วประเทศ ..แต่เชื่อไหม พวกสุขนิยมพวกนี้ ไม่รู้รวยมาด้วยวิธีใด ก็ยังชื่นชมในความเฉยของตนเองต่อสังคม วางตัวเพิกเฉยได้ คนเราโง่ไม่เท่ากันจริงๆช่างเขา ..มาด่าพระได้ ไม่กลัวบาปกลัวกรรม..
:'(..คุณดูพวกนี้คิด พวกสุขนิยม เอาแต่ตัวเอง เห็นแก่ตัวจริงๆ เหมือนพวกคนรวย มีเงินแล้ว..เอาตัวรอดคนเดียว สังคมจะเสื่อมทราม ลามมาถึงหน้าบ้านแล้วก็ยังเฉยอยู่ได้ใช่ไหมครับ ทำไมปัญญาช่างไม่เกิดสักที..
..พระสงฆ์ ตามพุทธวัจนะ ของศาสนาพุทธนั้น..หมายถึงโสดาบัน เป็นอย่างต่ำ ใช่เราไม่รู้หรอกใครเป็น แต่แค่ วินัยสงฆ์ วัตร ธรรม คือศาสดาของพวกท่าน เรารู้ได้
..นี่แค่ใส่ผ้าเหลืองแล้วมาหลอกเอาเงินบริจาคชาวบ้าน ..ยังมีคนโง่ๆออกมารับแทน ว่าเป็นพระ..ไม่ได้ดู ไม่ได้ฟัง ศรัทธาโง่ๆนี่ ผมก็เจอมาเยอะนะครับ ศาสนาก็ไปเร็วเพราะพุทธบริษัทสี่..ประเภทนี้ เช่นกัน (แค่กิเลสมันพุ่ง ไม่ได้ว่า จขกท.นะครับ):''(

 

แล้วมันแปลกตรงไหนหละ คนที่ยังข้องอยู่ติดอยู่มันก็ต้องมีลังเลสงสัยเป็นธรรมดาส่วนคนที่ไม่ได้ติดอยู่ก็ไม่มีความสงสัย การไม่ติดอยู่ก็มีสองแบบคือ ไม่ติดเพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วกับไม่ติดอยู่เพราะเชื่อตนเองเชื่อคนอื่นมากกว่าเชื่อความเป็นจริง ทีนี้คนทั้งสามประเภทเมื่อพบปะสังสรรค์สนทนาตามภาษากันก็จะเกิดความข้องอยู่ติดอยู่ในเนื้อความเล็กน้อยบ้างมากมายบ้างด้วยการเจือสิ่งต่างๆลงไปในคำพูด ถ้าคนไม่ข้องอยู่ไม่ติดอยู่ฟังก็อาจจะกล่าวแย้งหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ เพราะเท่าที่ทราบการแย้งโดยการทำให้บุคคลอื่นเสียหายหรือเสียหน้าเมื่อบุคคลอื่นถือว่ายึดติดว่า ตนมีหน้า มีแต่คนยอมรับ ย่อมส่งผลตามมาแน่นอน ผมมองว่ามันก็มีจุดหน้าสนใจคือ อะไรคือประเด็นหลัก และอะไรหรือใครกันแน่กำลังทดสอบใคร ทดสอบใจตนเองหรือทดสอบใจผู้อื่น หรือทุกๆท่านกำลังถูกใครทดสอบใจ...เรื่องมันก็มีเพียงเท่านี้แหละ

 

ถ้าเอาจริงๆนะคนเรามันก็ไปกันคนละแบบนะความคิดการอ่านต่างที่มานิสัยก็ไม่เหมือนกัน หน้าตาก็ไม่เหมือนกัน รูปร่างก็ไม่เหมือนกัน การตอบคำถามต่างๆก็ไปคนละรูปแบบ เหมือนประมาณนี้รึเปล่าที่แบบเราเลือกกินอะไรสักอย่างเช่นไอติมมีหลายรสบางอันก็เปรีัยวบางอันก็หวานบางอันออกขมๆ ทุกคนเวลากินเราต้องมีสักรสที่ไม่ชอบแล้วไม่อยากกิน แต่จะมีสักกี่คนที่ทำตัวให้เหมือนถังใส่ไอติมที่มีหลากหลายทั้งชอบไม่ชอบ ชอบก็เก็บเอาไว้ไม่ชอบก็เก็บเอาไว้

แต่งงที่ว่าทำไมไม่ไปคุยกันเอง ต้องเอ่ยนามต่อสาธาณะชนด้วยหรือ?


หากท่านใดไม่พอใจขออภัยด้วย ข้าพเจ้าก็เป็นคนธรรมดาคนนึงเท่านั้นที่สงสัย

 

มีผู้ชิงตอบก่อนซะแล้ว

 

ผมก็ไม่รู้ว่าท่านๆมีเรื่องอะไรกันนะครับ ในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนของคุณ อินทรบุตร ซึ่งสมาชิกหลายๆท่านก็เป็นเพื่อนๆของผมเช่นกัน

ผมอยากให้ทุกท่านคิดว่าทุกๆคนเกิดมาร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันในวัฏสงสารแล้ว ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน หยวนๆกันได้ก็หยวนครับ

 

จริงๆแล้ว..ผมก็ไม่ใช่คู่กรณีของคุณหรอกครับ แต่อ่านความเห็นคุณแล้วมันไม่ยุติธรรม มันเหมือนกับ.."ดิฉันพูดเพราะ ไม่เคยว่า-ตำหนิ ใช้คำรุนแรงยังไม่กล้า แม้แต่นิดก็ไม่ให้กะเทือน"..
นี่มันก็เท่ากับ..การยกตนข่มท่าน..อยู่เป็นนัยๆ หรือจะสอนทุกคนว่าควร วางตัวยังไง ทำยังไง ในการปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม ใช่ไหมครับ..คุณคิดว่า ทุกคนเขาไม่ทราบรึครับว่าควรจะวางตัวยังไง ..เขาเล่นกันมากี่ ปีในนี้ครับ

หรือว่าคุณนี่ดีกว่าพวกเขา เพราะคุณไม่โกรธ พูดเพราะ ไม่โมโหเลยใช่ไหมครับ..หากมองอย่างเป็นธรรม นิสัย วาสนาใคร ก็ของเขา คุณไม่เข้าใจตัวเขาแต่กลับมายกตัวเองเทียบข่มเขา มันถูกต้องไหม
อัน ความโกรธ ความโมโห นี่มัน..กามตัวแม่.. มันเลิกกันได้ง่ายๆรึครับ หากทำได้ง่ายอย่างคุณว่า คุณมาตำหนิคนอื่นทำไม(กดข่ม-ใช้วาจากะทบเปรียบเปรย)..การใช้ถ้อยคำเปรียบเปรยของคุณ อาจจะแรงกว่าผมที่แสดงออกก็เป็นได้ใครจะรู้ภายในใจของคุณ
:'( คุณก็ศึกษาแบบใจกว้างหน่อย ทิฏฐิ ฆ่ากันมากี่ยุคสมัย คอมมิวนิตฯปชต. หากเข้าใจคุณจะไม่พูดเปรียบเปรยแบบนี้ สังคมห้องศาสนา ทุกเวป เขาก็เป็นของเขาอย่างนี้ นี่คือ "ธรรมชาติ" การเรียนรู้ หากคุณมาต่อว่าเขา คุณต้องศึกษา
..บางคู่-บางคน เขาหยอกกันแรงๆมาเป็นปี ด่า-ว่า กันเพียงจงใจกะเทาะกิเลสกันเท่านั้น..เหน็บให้อีกฝ่ายเจ็บใจแล้วค้นหา คำตอบมาโต้..คราวนี้ก็รู้ภุมิธรรมกันแล้วว่าตนเอง ควรปรับปรุงอะไร ธรรมชาติเล่นงานเขาเองครับ..
เขา-เรา ไม่มีอาฆาตมาดร้ายหรือถึงขั้นแจ้งความตำรวจกัน
:'(นี่แสดงถึงคุณเข้ากับพวกเขาไม่ได้ก็อย่าเข้ามาแสดงความคิดเห็น ในเชิง ยกตนข่มท่านแบบนี้ซิครับ..ไปเล่นไปคุย กับคนที่ชอบพอกันยกยอกัน พูดเพราะๆก็ได้นี่ ห้องอื่น ที่คุณเห็นว่า พูดเพราะ น่าสนใจ ก็จบโยนิโส..เป็นไหมครับ ใช้สัปปุริสธรรม7..ก็ได้ครับ:''@

 

..เหตุที่ผมร้อนตัว..เพราะผมนี่ ตามด่า คุณ ธิเดช ..ในขั้นรุนแรงมาเป็นเดือน แล้วผมก็ทราบดีแล้วครับว่า.."เขาเป็นของเขาอย่างนั้น ผมเปลี่ยนเขาไม่ได้"..อีกอย่างเขาเป็นนักปฏิบัติจริง ต้องใช้..เวลาสนทนาปรับความเข้าใจกันการที่คุณมาออกความเห็นแบบนี้ก็เท่ากับ ด่าผมด้วย..
..แต่ละคนที่ออกมาตำหนิเขาในความเห็นผมเขามองไม่ผิดหรอกครับในความเห็นผมธรรมดามาก แต่คุณคุณอธิเดช..เขาไม่ชอบ เขามีศักดิ์ศรีคุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าผม เขาเชื่อในตัวตนเอง เพราะเขาทำด้วยตนเอง
..เห็นผลด้วยตนเอง เหตุผลมันชัดเจนต่อหน้า ว่าทำถูกเป็นหลักฐานยืนยัน มีผลสำเร็จเป็นพยาน ทนโท่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าฐานะ การงาน ความเป็นอยู่..แล้วพวกคุณเป็นใคร..เขาจึงไม่เชื่อใคร เขาจึงปักใจเชื่อตนเองเท่านั้นครับเพราะมันจริงต่อหน้าเขา..ดีมากอยู่อย่างหนึ่งคือ เขาไม่ใช่คนก้าวร้าวแบบผม เขามีคุณภายในน่านับถือ เขาสงบจึงสุภาพมีศิลภายในสูงทีเดียว..
ในโลกไซเบอร์ในแวดวงนักปฏิบัติเราเรียก..วิปสสนูกิเลสครับ..แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย เวลา-ความรู้ ของคนอาจารย์ ที่เหนือกว่าเขา สูงกว่าเขาจนเขาสัมผัสได้เอง จะรักษาเขาเองครับ..เวลา คือยาวิเศษสำหรับเขาครับ

 

ข้อความดูมีเหตุผล คงเป็นอานิสงค์ เหมาก๋วยเตี๋ยว เหมาปลาช่อน กับแม่ค้า
ที่ไม่ต้องความเร็วววสูงมาเข็นแต่ผัก แม่ค้าเบิกบาน ผู้ให้สุขใจ แต่ปลาช่อนช้ำใจ

 

..ตรงๆ..ซื่อๆ..ดูไม่สละสลวย ไม่กั๊กแบบคุณก็พอครับ นักปฏิบัติธรรม..อิอิ:boo:

 

ท่าน ผู้เฒ่าซอยสวนพลู กล่าวเกินไป

แต่ทว่า ตรงๆซื่อๆ ไม่สละสลวย อย่านำไปใช้กับลูกเมียที่บ้านล่ะ ก็ควรจะกั๊กสองก๊งไว้บ้าง :boo:

 

..ก็แหย่เล่นๆ..เห็นมาใหม่ อิอิ
ขอบคุณ ..เข้าใจครับ

 

ก็ธรรมดาล่ะนะ อัตตาตัวตน
คนจริง...หากจะไม่สละสลวย...จะโหวกเหวกโวยวาย ลั่นกลองรบ กวนส้วน
ก็ควรจะนำไปใช้...กับลูกเมียเตะปี๊บที่บ้าน หรือเจ้านาย ให้ได้ด้วย
ไม่ใช่เออะอะ ได้เฉพาะนักเลงปากซอยโอรส โซเชี่ยวแคม

โน้น...ลองไปให้มัน "ชัด เตาปืน" ไปเลย เพื่อแสดงให้เห็นว่า
มีธาตุไม่ลำเอียง โดยจริตนิสัยอันแท้ (หากไม่โดนสวนกลับมา ก็ไม่รู้จะว่าไง)

ทำได้ไหมไม่สละสลวย ตรงๆซื่อๆ ไม่แหย่เล่น
ไม่มีข้ออ้างปิยวาจา....ต่อลูกเมียที่รัก ถึงอดีตเมื่อยามหวานฉ่ำ ลั่นกลองรัก
ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า ยังต้องกั๊กด้วยกาลเทศะ กับสิ่งที่ควรจะเป็น นั่นเพราะกิเลสอ้าง ตรงๆซื่อๆ ว่าตนมีนิสัยไม่สละสลวย

อย่างนี้ หากสมรักษ์ คำมวย รู้เข้า คงจะบอกว่า .....

ขอรับกระผมๆ :'(

 

ขอบคุณ คุณ สับสน ที่เข้าใจ เพราะไม่ว่าผู้ใดจะเป็นอย่างไร

ก็ไม่มีใครสามารถไปบังคับ ขัดขืนได้ บ่งการ ก็ไม่ได้

แล้วจะเดือดร้อนในเรื่องที่ไม่ใช่ของตนไปเพื่ออะไร

หากเก่งแล้ว รู้มากแล้ว ก็ควรเดินต่อไปข้างหน้า ดีกว่ามาโวยวาย ดุด่าผู้อื่น

ในทางที่ไม่ดี ไม่ต้องสาปแช่ง ให้จิตใจใฝ่ต่ำ วางลงเสียซึ่งสิ่งที่รบกวนจิตใจ

บอกจะให้ผมเชื่อ แต่ผมบอกให้เชื่อ ก็ไม่เชื่อ แล้วผมจะเชื่อได้อย่างไร

" ตอนมาก็มาคนเดียว ตอนไปก็ไปคนเดียว "

ผมไม่เข้าใจว่าเดือนร้อนกันทำไม บอกไม่ได้ก็หยุดบอก แค่นั้นเอง

สาธุครับ

 

สัจธรรมจะเป็นกลไก เองนะครับ

 

ดูขำๆนะครับ ผ่อนคลายจิตใจกันซักหน่อยครับ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=ff0oNS3RObs]8 เทพอสูรมังกรฟ้า(มิตรแท้) - YouTube[/ame]

 

อ่านมาถึงหน้าสุดท้ายของคุณ view2004 แล้วผ่อนคลายดีค่ะ

 

กระทู้นี้ คุณ อินทรบุตร ไม่กล้าเข้ามาตอบ

แต่กระทู้อื่นนี่ จัดเต็มทุกอณุพื้นที่เลยจริงๆ

ได้แต่มองคนอื่นว่าเป็นยังไง ทำไมไม่มองตนเองว่าเป็นยังไง

ตนเองเอาให้มันรอดก่อนเถอะครับ ค่อยมาเป็นห่วงผม

สาธุครับ

 

จะว่ายังไงก็ตามแต่เถอะคะ เพราะดิฉันไม่โกรธ แต่ที่ต้องเขียนก็เพราะว่ากลัวว่า ท่านเหล่านั้น จะทำบาปกับพฤติกรรม เช่นนั้น..... ของ แบบนี้ใครทำใครรู้ ดูตรงที่ชีวิตนี้ท่านมีความสุขไหม ดีกว่าจะมาวัดกันว่าใครถูกใครผิด ในกระทู้นี้ ถ้าคนที่มีความสุขก็แสดงว่าชีวิตเขาเดินมถูกทางแล้ว แต่ถ้าไม่ค่อยมีความสุขก็ควรพิจารณาคะว่ามันเพราะอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างเราเป็นผู้สร้างทั้งนั้น:boo: