คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะนำสุข, 23 มีนาคม 2013.

  1. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    อย่ามองหาความดี จงมองหาแต่ความเลว ไม่จำเป็นต้องหาความดี เพราะถ้าหากมองจนจิตหาความเลวไม่ได้แล้ว
    จิตก็จักมีความดีขึ้นมาเอง ดีในที่นี้หมายถึง จิตหมดกิเลส หลุดจากโมหะ-โทสะ-ราคะเข้าครอบงำจิต มิใช่ดีอย่างจิตชาวโลกียวิสัย
    ซึ่งอิงอยู่ในกามคุณ ๕ ได้รูปสวย-เสียงเพราะ-รสดี เป็นต้น อย่างนี้ดีในกามราคะก็ใช้ไม่ได้​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2013
  2. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    ระมัดระวังอารมณ์เอาไว้ให้ดี หากยังมีความขัดข้องขุ่นเคือง ก็แสดงว่านี่เจ้ายังรับเอาความเลวเข้ามาใส่ใจ ยังชอบเป็นใบตองที่ห่อสุนัขเน่าอยู่ ยังใช้ไม่ได้
     
  3. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    ระมัดระวังอารมณ์เอาไว้ให้ดี หากยังมีความขัดข้องขุ่นเคือง ก็แสดงว่านี่เจ้ายังรับเอาความเลวเข้ามาใส่ใจ ยังชอบเป็นใบตองที่ห่อสุนัขเน่าอยู่ ยังใช้ไม่ได้
    "จงตั้งใจไว้ให้แน่ว่า เราไม่ต้องการ ชาติ ภพ หรือภูมิใดๆในสัมปนายภพ ให้ตั้งใจในพระนิพพานเป็นที่สุด แล้วจงปฏิบัติจิต ให้ดีที่สุด โดยรักษาอารมณ์จิตให้ผ่องใสเป็นประจำ
    ให้สำนึกอยู่เสมอว่าตนคือ ทุกข์ ทุกข์ที่ต้อง เกิด ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ไม่รู้ที่สิ้นสุด เกิดจาก ทุกข์ของคนไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักประมาณ ไม่รู้จักตนเอง
    ทุกข์คนหลงทรัพย์ หลงรูป หลงปัญญา หลงวิเศษ เหล่านี้เป็นตัวให้คนมีทุกข์อยู่ทุกขณะจิต โดยยังยึด ยังถือว่า สิ่งเหล่านี้คือฉัน คือเรา มันพันกันเองจนตัวเราหลง หมดความพอ
    ความเป็นทุกข์ของคน ทุกคนทราบแน่แต่ทุกข์ของความเป็นอนิจจัง ทุกคนแกล้งไม่ทราบในใจคือ ความสูญ ความสลาย ความเสื่อม ความพลัดพราก การจากไป
    เหล่านี้คือความจริง ที่ต้องเป็น ต้องเกิด ทุกคนรู้ที่หู แต่ไม่รู้ที่ใจ
    จงพยายามให้รู้ที่หู เข้าไปถึงใจ การฟังธรรมต้องใช้ใจฟัง คล้อยตาม
    อย่าสักแต่ว่าฟัง ธรรมที่ผ่านหู ผ่านใจ ไปรวบรวมซิว่ากี่ปีแล้ว ทำได้แค่ไหน ก้าวช้าหรือเร็ว
    จงตรวจดูตัวเอง อย่าได้ตรวจผู้อื่น ทุกคนควรวิตกว่า ความดีที่มีอยู่ มีถึงไหนแล้ว แต่ปรากฏว่า ทุกคนวิตกในเรื่องของคนอื่น วิตกในเรื่องของอริยสัจ คือกลัวความเป็นจริงจะปรากฏกับตนเอง นี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรวิตกอย่างยิ่ง ทุกข์สุดท้ายคือ กลัวโรค กลัวภัย รู้อยู่แล้วว่าคนเรา เป็นรังของเชื้อโรค รู้อยู่แล้วว่า คนเรา จะต้องเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นของปกติ แล้วยังกลัวให้เป็นทุกข์อีกนี่แหละหนอ คนสองจิต จับอะไรไม่มั่น จำเอาไว้ทุกคน เคยพบองค์พระพุทธเจ้ามาแล้ว โดยเฉลี่ยคนละ ๑๐ องค์ แต่เหตุไฉนจึงจะขอพบท่านใหม่ หรือไง?
    สอนมาถึงแค่นี้ ขอให้พิจารณาดู ตัวของตัวให้มากๆ ใครไม่กล้าดูตัวเอง ก็ให้รู้ไว้ว่า ยังมีทิฐิมานะอยู่พรั่งพร้อม ตัวนี้แหละที่ทำให้หลายคนไปไม่รอด ขอเพียงเงียบหนึ่ง
    อย่าได้ต่อเวรต่อกรรมอีกต่อไป สิ่งที่ควรละเอียดอย่าชุ่ย สิ่งที่ควรชุ่ยอย่าละเอียด
    ส่วนโลกีย์ มักจะกลับกับธรรมสุดท้ายของการสอน ขอให้เธอทั้งปวงจงตั้งใจจริง อย่าได้รวนเร ให้ความ อยาก หมดเป็นชาติสุดท้าย ถ้าคนใดคิดผัดผ่อนก็ไม่ว่ากัน เพราะถือว่าแต่ละคน เป็นผู้เลือกทางเดินของตัวเอง แต่ละคนมีสิทธิ์ที่จะอยู่ จะไป ตามวาสนา ตามกุศล ตามบุญของจิตของแต่ละคน"
     
  4. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    ให้มั่นใจในพุทธคุณ-ธรรมคุณ-สังฆคุณ ปัญหาใดๆ ถ้าหากไม่เกินวิสัยในกฎของกรรม ให้ขอบารมีพุทธคุณ-ธรรมคุณ-สังฆคุณ ย่อมขจัดปัดเป่าแก้ไขได้ พุทธคุณ คือคุณของผู้รู้ อันหมายถึงพระตถาคตเจ้า เป็นผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบาน ดังนั้น บุคคลใดไม่ลืมพุทธคุณ ก็พึงกระทำตามให้ถึงซึ่งพุทธคุณด้วยธรรมคุณ คุณของพระธรรม อันหมายถึงทุกข์-สมุทัย-นิโรธ-มรรค นั่นแหละ บุคคลผู้ปฏิบัติถึงซึ่งพุทธคุณและธรรมคุณ อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ด้วยกำลังใจเต็ม ก็ได้ชื่อว่าถึงซึ่งสังฆคุณใน ๔ ระดับ คือ พระโสดาบัน-พระสกิทาคา-พระอนาคา-พระอรหันต์
    คุณทั้งสามประการของพระรัตนตรัยในบวรพระพุทธศาสนานี้ ผู้ใดถึงแล้ว ผู้นั้นย่อมมีความสุข และจักสุขยิ่งๆ ขึ้นไป จนกระทั่งเข้าถึงซึ่งแดนเอกันตบรมสุข คือพระนิพพานเป็นที่ไปนั่นแหละ ให้มองดูจิต-ดูกายของตนนั่นแหละเป็นสำคัญ ถ้ามุ่งต้องการปฏิบัติให้พ้นทุกข์ได้จริง อย่าเพ่งโทษในจริยาของผู้อื่น ให้เห็นความร้อนในจิตของตนเองให้มาก และเห็นโทษของความร้อนในจิตนั้น ก็จักปฏิบัติฝึกจิตของตนให้พ้นไปจากความร้อนได้ในที่สุด​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2013
  5. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    ชีวิตล่วงไป ๆ ความตายก็ใกล้เข้ามา ขอจงอย่ามีความประมาทในชีวิต คิดเอาไว้เสมอว่าความตายจักเข้ามาถึงในขณะจิตนี้ไว้ตลอดเวลา แล้วดูความโกรธ-โลภ-หลงน้อยลงหรือไม่ ในเมื่อร่างกายนี้จักตายแล้ว จักไปมัวนั่งโกรธ-โลภ-หลง เพื่อประโยชน์อะไร

    จิตนั้นรู้แสนรู้ว่าไฟภายใน ๓ กอง หรือ ขี้ ๓ กองนี้มันไม่มีอะไรดี แต่จิตก็ยังหวงขี้ ๓ กองนี้อยู่ ไม่ยอมละ-ปล่อย-วาง เพราะขาดปัญญา

    หากไฟ ๓ กองนี้ยังมีอยู่กับจิต จิตนั้นก็โง่ทุกที มันทำปัญญาให้ถอยหลังอยู่เสมอ หรือโง่ทุกครั้งที่ไฟลุก หากยังผ่านจุดนี้ไม่ได้ก็คงยังต้องเกิด-ตายกันอีกต่อไปไม่รู้จบ

    วิธีปฏิบัติเพื่อละปล่อยวางอารมณ์ทั้ง ๓ นี้ ก็รู้อยู่ คือ ทาน-ศีล-ภาวนา หรือ ศีล-สมาธิ-ปัญญา แต่ขาดความเพียร ที่พึ่งอันสุดท้ายอยู่ที่ตัวเราเอง หากเราไม่พยายามก็ไม่มีใครจักช่วยเราได้ เพราะพระพุทธเจ้าทรงเป็นเพียงผู้ชี้แนะทางปฏิบัติให้เท่านั้น เราจักต้องเพียรปฏิบัติด้วยตนเองจึงจักมีผล กรรมใครกรรมมันทั้งสิ้น

    ● ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  6. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    คนเราหรือร่างกายจักทำเลวหรือดีได้ ก็อยู่ที่จิตเป็นผู้บงการ เพราะฉะนั้น จงดูอารมณ์จิตของตนเองเอาไว้ให้ดี อย่าให้กรรมอกุศลเข้ามาครอบงำจิต

    ● ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  7. siwatcha

    siwatcha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,242
    สาธุคะ ทุกข้อความที่นำมาลง ล้วนแต่เป็นหลักความจริงให้ได้คิด พิจารณาจริง ๆ ว่าวันเวลาที่ผ่านไป ๆ นั้นแต่ละวัน แต่ละปี มนุษย์ได้ทำอะไรให้ตัวเอง ให้ครอบครัว และสังคมบ้าง เพราะอย่างน้อย ๆ ต้องตอบตัวเองได้ว่าหากละสังขารจากความเป็นมนุษย์ในชาตินี้ไปแล้ว ได้เคยประกอบคุณงามความดีใดฝากไว้ในโลกแห่งนี้บ้างหรือเปล่า? และมีดีพอที่จะไปยังภพภูมิที่ดีหรือไม่ ขอขอบคุณในข้อความเรื่องคำสอนสมเด็จองค์ปฐมคะ เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในใจมาก ๆ คะ
     
  8. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ไม่รุเหมือนกันนะว่า สมเด็จองค์ปฐม กับ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนั้น
    คำสอนของท่านต่างกันตรงไหน มีความสำคัญมากกว่าไหม ?
    ทั้งที่พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ก็สอนในเรื่องทางพ้นทุกข์ ก็นับว่าเป็นการที่สิ้นสุดได้แล้ว
    แล้วใครนะที่ไปรู้ว่าสมเด็จองค์ปฐมสอนอย่างนี้?

    แล้วสมเด็จองค์ปฐมนี่น่ะท่านอุบัติมาในกัปป์ที่เท่าไหร่ ชื่ออะไร?
    ตามที่ผมค้นหาตามคัมภีร์ต่างๆ ตามที่พระพุทธเจ้าบำเพ็ญเพียรมาถึง ๒๐ อสงไขย์แสนกัปป์
    ได้พบพระพุทธเจ้ามาแล้วถึง ๕๑๒.๐๓๙ พระองค์
    แต่ไม่เคยกล่าวไว้เลยว่าพระพุทธเจ้าองค์ปฐม หรืออาจเกินไปกว่านั้นอีก
    ไกลกว่าพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันไปอีกกี่พระองค์

    ใครนะที่เก่งเกินกว่าพระพุทธเจ้าไปรู้ได้ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 มีนาคม 2013
  9. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    ถามคุณลุงหมาน หน่อยครับว่า 5 แสนกว่าองค์ ใน 20 อสงไขย แสน กัป นี่มาจากไหน แต่ในพระไตรปิฎก บอกแค่ 27 พระองค์ ใน 4 อสงไขย แสน กัป (ก่อนพระโคดมพุทธเจ้า)
     
  10. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    ขอบคุณครับและขอโมทนา ถ้าผมเจอข้อความดีๆจากคำสอนสมเด็จองค์ปฐม
    ผมจะเอามาให้ทุกๆท่านได้อ่านคิดและพิจารณาตามครับ สาธุุ....
     
  11. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    ตื่นเช้ามาก็ควรจัดตั้งอารมณ์ไว้เลย เราจักไม่ละเมิดศีล-สมาธิ-ปัญญา เราจักไม่ละเมิดหลักธรรมที่เป็นพระโอวาทปาฏิโมกข์ของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ (ละชั่ว-ทำดี-ทำจิตให้ผ่องใสอยู่เสมอ) แล้วหมั่นพิจารณาอยู่เยี่ยงนั้นตลอดทั้งวันจนกว่าจะหลับ ธรรมารมณ์ใด ๆ มากระทบ ก็ดูอารมณ์จิตให้ทรงอยู่ในหลักธรรม ๓ ประการนี้อย่างมั่นคง ใหม่ ๆ ก็จักเผลอหลงลืมไปบ้าง แต่ควรจักทำให้บ่อย ๆ ศีล-สมาธิ-ปัญญาก็จักทรงตัว ยังจิตให้ละชั่ว-ทำดี-ยังจิตให้ผ่องใส ตามลำดับ

    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2013
  12. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    ทำจิตให้เหมือนดูหนังดูละคร ผ่านไปแล้วก็ผ่านเลย หรือทำจิตให้เหมือนกระจกเงา อะไรผ่านเข้ามาก็เห็นหมด แต่เมื่อเลยไปแล้วกระจกเงาก็ไม่ได้ยึดภาพเหล่านั้นไว้เลย จำไว้จงเป็นเพียงผู้ดู ที่แล้วๆ มาพวกเจ้าลงไปแสดงร่วมกับเขาด้วย จึงเป็นการขาดทุนอย่างยิ่ง​


    ● ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  13. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    จำไว้อย่าเสียดายอะไรในโลกทั้งหมด หากยังมีชีวิตอยู่การทำบุญทำทานจำจักต้องมี เพื่อเป็นการเสริมสร้างบารมีให้เต็มอยู่เสมอ โดยเฉพาะทานบารมีถ้าเต็มก็ตัดความโลภได้ จงอย่าทิ้งการทำบุญทำทาน มีมากทำมาก มีน้อยทำน้อย ตามกำลังใจ และอย่าเบียดเบียนตนเอง อย่าเบียดเบียนผู้อื่น การทำอย่าหวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น ให้มุ่งทำเพื่อพระนิพานจุดเดียวเท่านั้นเป็นสำคัญ จึงจักจัดว่าเป็นบุญสูงสุดในพระพุทธศาสนา

    ● ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน


    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    หนีภัยในโลกนี้หนีไม่พ้นหรอก เพราะเป็นกฎของกรรม ซึ่งเที่ยงเสมอและให้ผลไม่ผิดตัวด้วย

    ● ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2013
  14. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    นินทาและสรรเสริญ เหมือนสาดน้ำใส่กัน ในเมื่อยังมีกายอยู่ในโลก ย่อมหนีโลกธรรมไม่พ้นเป็นธรรมดา จึงต้องซ้อมอารมณ์ลงตัวธรรมดาเข้าไว้เสมอ เพื่อกันมิให้อารมณ์ ๒ เกิดขึ้นคือ ราคะกับปฏิฆะ ซึ่งเกิดแล้วจะปิดกั้นทางเข้าสู่พระนิพพานไว้สนิท เพราะเป็นนิวรณ์ ๒ ข้อแรกทำปัญญาให้ถอยหลัง คือโง่ตลอดกาล
    ● ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  15. siwatcha

    siwatcha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,242
    สาธุนะคะ จะจดจำทุกคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม และต้องขอบคุณท่านธรรมะนำสุขที่นำข้อความเข้ามาให้อ่านให้พึงระลึกรู้ปฏิบัติตามคะ

    ขอผลบุญที่ดิฉันได้ทำมาและจะกระทำต่อไปในอนาคต ทุก ๆ การทำดี ปฏิบัติชอบ ความความสุขที่ดิฉันจะได้รับซึ่งปราถนาให้ได้ดวงตาเห็นธรรมและสิ้นอาสวักกิเลสในที่ีสุด นั้น ขอท่านธรรมะนำสุขจงเป็นผู้ได้รับผลนั้นเฉกเช่นดิฉันนะคะให้ท่านได้มีความเจริญทั้งทางโลก และทางธรรมคะ เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในใจตลอดเช่นกันคะ
     
  16. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    สาธุครับ ขอโมทนา
    สิ่งทำแล้วปฏิบัติแล้วที่เป็นประโยชน์กับตนเองและเป็นประโยช์ต่อผู้อื่นผมยินดีทำเป็นอย่างยิ่งครับ
     
  17. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    พระพุทธเจ้าทุกๆองค์ตรัสสิ่งเดียวกันคือ การ ละความชั่วทั้งปวง การทําความดี และการทําจิตใจให้บริสุทธิ์ จากกิเลส
     
  18. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ทั้งหมดนี้คัดลอกมาจาก คัมภีร์สัมภาระวิบาก กว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้า

    http://palungjit.org/threads/เส้นทางของพระโพธิสัตว์กว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้า.329299/


    อ่านในพระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปาทาน ภาค ๒ พุทธวงค์ - จริยปิฎก

    http://palungjit.org/threads/อ่านพระไตรปิฎก-๔๕-เล่ม.331554/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 มีนาคม 2013
  19. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    ๑. การรู้อารมณ์คนอื่นพ้นทุกข์ไม่ได้ การรู้อารมณ์ตนเองพ้นทุกข์ได้ ให้พวกเจ้าศึกษาอารมณ์จิตของตนเองให้ดีๆ อย่าตำหนิอารมณ์จิตของใครว่าเลว ให้ตำหนิอารมณ์จิตของตนเองที่เลวเข้าไว้ก็แล้วกัน

    ๒. หากไม่ศึกษาอารมณ์จิตของตนเอง เจริญกรรมฐานไปอีก ๒๐ ปีก็ไม่มีผล เพราะไม่รู้จักใจของตนเอง ก็คือไม่รู้จักทุกข์นั่นเอง

    ๓. อารมณ์จิตนี่แหละ คือ ตัวรู้สึกถึงความสุข หรือความทุกข์ ไม่ใช่ที่ร่างกาย

    ๔. ร่างกายมีปกติ คือ ไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วก้าวไปสู่ความเสื่อมทุกขณะ นี่เป็นปกติของมัน ร่างกายจึงหาสาระไม่ได้

    ๕. สิ่งที่พึงศึกษา คือ อารมณ์ของจิต ศึกษาให้รู้จักทุกข์ และที่ว่าสุขนั้น สุขจริงหรือไม่ สุขในโลกียวิสัย หรือสุขในโลกุตรวิสัย หากเป็นสุขในโลกียวิสัย ก็เป็นสุขหลอกๆ สุขไม่จริง ดูเข้าไว้ให้ดีๆ

    ๖. อย่าให้อารมณ์มันหลอกเรา คนอื่นหลอกเราไม่ร้ายแรงเท่ากับอารมณ์จิตของเราหลอกเราเอง พิจารณาให้ดีๆ แล้วใช้ปัญญาทำจิตให้หลุดพ้นจากอารมณ์ที่สร้างความทุกข์นั้นๆ
     
  20. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    อย่าทิ้งอานาปานัสสติกรรมฐาน ยิ่งกำหนดรู้ลมมากเท่าไหร่ จิตจักยิ่งทรงสติได้มากขึ้นเท่านั้น ให้เอาลมหายใจมาเตือนใจไว้เสมอว่า ชีวิตนี้มันไม่เที่ยง อาจจักตายลงในปัจจุบันนี้ได้ตลอดเวลา เป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต มี มรณา ควบอุปสมานัสสติ ตลอดเวลา

    และอย่าลืมว่าจักเพียรละกิเลสจุดไหน กิเลสจุดนั้นจักเข้ามาทดสอบจิตอย่างหนัก อย่างกำลังศึกษาอานาปาเป็นต้น ความอึดอัดขัดข้องก็จักเข้ามาเล่นงาน เช่น ถีนมิทธะเล่นงานอย่างหนัก จนไม่สามารถยกจิตขึ้นนิพพานได้ เพราะฉะนั้นการต่อสู้ก็จักต้องใช้ความอดทนให้มากๆ ​
     

แชร์หน้านี้

Loading...