ศาล ยกฟ้อง คดีพระเกษม ชี้ ไม่ผิดพระวินัย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย surer, 21 มีนาคม 2013.

  1. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    วันที่ 20 มี.ค. (วานนี้) จากกรณีที่พระเกษม อาจิณณฺสีโล เจ้าสำนักสงฆ์วัดป่าสามแยก ต. วังกวาง อ. น้ำหนาว จ. เพชรบูรณ์ แสดงกริยาไม่เหมาะสมโพสต์ลงยูทูป ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์โด่งดังไปทั่วประเทศ และมีผู้เข้าแจ้งกล่าวหาว่าเป็นการผิดพรบ.สงฆ์ต้องลาสิกขาพ้นจากสมณเพศ ซึ่งอัยการจังหวัดหล่มสักเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2554 ล่าสุดกรณีดังกล่าวได้ข้อยุติลงแล้ว
     [​IMG]
    ที่ศาลจังหวัดหล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ โดย ผู้พิพากษาศาลจังหวัดหล่มสัก ได้ขึ้นนั่งบัลลังก์ ที่ 3 เพื่ออ่านคำพิพากษาซึ่งศาลชั้นต้นพิจารณาตัดสินยกคำฟ้อง พระเกษม ในข้อหาผิด พรบ.สงฆ์ และอื่น ๆ เนื่องจากมีการพิจารณาแล้วพบว่าการกระทำของพระเกษม ผิดเพียงจารีตประเพณี ซึ่งไม่มีความผิดบัญญัติอยู่ในพระธรรมวินัย
    ทั้งนี้พระเกษมเผยว่า ตนไม่หนักใจ ถึงแม้ว่าจะชนะคดีก็ไม่ติดใจเอาความกับกลุ่มบุคคลใด ๆ โดยพร้อมเดินหน้าสั่งสอนพุทธศาสนิกชนตามหลักพระธรรมวินัยต่อไป

    MThai News :ศาล ยกฟ้อง คดีพระเกษม ชี้ ไม่ผิดพระวินัย | ข่าว ข่าวรายวัน ข่าววันนี้ ข่าวการเมือง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2013
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    การดูพระอริยเจ้านั้นดูได้ยาก (หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญโญ)

    การดูพระอริยเจ้านั้น ส่วนมากจะสุ่มเดาตามกิริยาที่แสดงออกมาทางกายและวาจา การดูในลักษณะอย่างนี้ก็ยากที่จะถูกต้องได้ เพราะพระอริยเจ้ากับผู้ยังเป็นปุถุชนมีกิริยามรรยาทการแสดงออกมาทางกายและวาจาเหมือน ๆ กัน ถึงท่านผู้นั้นจะได้บรรลุธรรมถึงขั้นเป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม จะตัดนิสัยเดิมของท่านเองไม่ได้ นิสัยเป็นมาอย่างไรก็เป็นไปอย่างนั้น เช่น พระสารีบุตรในชาติก่อนมา เคยเป็นลิง นิสัยลิงก็ยังติดตัวมา ฉะนั้น พระสารีบุตรจึงชอบกระโดดโลดเต้นอยู่เป็นนิสัย เห็นกิ่งไม้ใดพอจะกระโดดจับโหนตัวเล่นก็ต้องทำ หรือเห็นน้ำบ่อพอจะกระโดดข้ามได้ก็ต้องกระโดดไปมา จนพระองค์อื่นเห็นก็เกิดความแปลกใจ ทำไมพระสารีบุตรจึงแสดงในกิริยามรรยาทที่ไม่เหมาะสมอย่างนี้ ไม่สมศักดิ์ศรีที่ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่า เป็นพระอรหันตสาวกข้างขวาของพระพุทธเจ้าเลย จึงมีพระองค์อื่นโจษขานกันขึ้น และเล่าเรื่องของพระสารีบุตรถวายแด่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นิสัยเดิมของพระสาวกนั้นละไม่ได้ นิสัยเคยเป็นมาในอดีตมีอย่างไร การแสดงออกมาทางกายและวาจา ก็ชอบแสดงออกมาอย่างนั้น ฉะนั้น จึงได้เปรียบนิสัยของพระอริยเจ้าและปุถุชนไว้ดังนี้
    ๑. น้ำลึกเงาลึก ๒. น้ำลึกเงาตื้น ๓. น้ำตื้นเงาลึก ๔. น้ำตื้นเงาตื้น ทั้ง ๔ ข้อนี้ เป็นวิธีตัดสินได้ยากมาก เพราะไม่มีญาณหยั่งรู้พิเศษเฉพาะตัว นอกจากจะสุ่มเดาไปเท่านั้น

    ข้อ ๑ คำว่า น้ำลึกเงาลึก นั้น หมายความว่า ท่านผู้นั้นมีคุณธรรมอยู่ในใจแล้ว และก็ยังมีนิสัยกิริยามรรยาทการแสดงออกมาทางกายและวาจามีความสุขุมลุ่มลึก เป็นนิสัยเดิมของท่านเป็นมาอย่างนั้น ถ้าลักษณะอย่างนี้ก็พอจะเดาถูกบ้าง

    ข้อ ๒ คำว่า น้ำลึกเงาตื้น หมายความว่า ท่านผู้นั้นมีคุณธรรมอยู่ภายในใจแล้ว แต่กิริยามรรยาทการแสดงออกมาทางกายและวาจาไม่มีความสำรวมเลย อยากแสดงตัวอย่างไร อยากพูดอย่างไร ก็เป็นในความไม่สำรวมทั้งสิ้น แต่ก็ไม่ผิดในพระธรรมวินัย ไม่มีอกิริยาภายในใจ แต่เป็นเพียงกิริยาที่แสดงออกมาเท่านั้น ถ้าหากไปพบเห็นผู้ที่ท่านเป็นนิสัยอย่างนี้ ก็จะเดาภายในใจไปเลยว่า ท่านผู้นี้ยังเป็นปุถุชนทันที เพราะมีนิสัยไม่น่าเคารพเชื่อถือได้เลย

    ข้อ ๓ น้ำตื้นเงาลึก หมายความว่า ท่านผู้นั้นยังไม่มีคุณธรรมภายในใจ แต่กิริยามรรยาทการแสดงออกมาทางกายและวาจานั้นมีความสุขุมลุ่มลึกมาก การสำรวมทางกาย การสำรวมทางวาจาน่าเลื่อมใส ใครได้พบเห็นแล้วจะเกิดความเชื่อถือเป็นอย่างมาก เพราะความบกพร่องในความชั่วร้ายในตัวท่านไม่มี ถ้าได้พบเห็นผู้ที่ท่านมีนิสัยอย่างนี้ ก็จะเดาไปว่าเป็นพระอริยเจ้าทันที

    ข้อ ๔ น้ำตื้นเงาตื้น หมายความว่า ท่านผู้นั้นยังไม่มีคุณธรรมภายในใจเลย กิริยามรรยาทการแสดงออกทางกายทางวาจาไม่มีความสำรวมแต่อย่างใด ทำไปพูดไปตามใจชอบ ถ้าหากพบเห็นท่านผู้ใดมีกิริยาการแสดงออกมาอย่างนี้ ก็จะพอเดาถูกอยู่บ้าง

    ถ้าจะดูนิสัยน้ำลึกเงาตื้น หรือดูนิสัยน้ำตื้นเงาลึก คิดว่าท่านจะต้องเดาผิดอย่างแน่นอน ฉะนั้น การสุ่มเดาว่าใครเป็นพระอริยเจ้า และใครเป็นปุถุชนนั้น จึงยากที่จะสุ่มเดาให้ถูกทั้งหมดได้ ถึงพระอริยเจ้าด้วยกันก็ยังไม่รู้กันทั้งหมดได้ เช่น พระอริยเจ้าขั้นพระโสดาบันก็ยังไม่สามารถดูภูมิธรรมของพระอริยเจ้าขั้นพระสกิทาคามี พระอริยเจ้าขั้นพระสกิทาคามีก็ไม่สามารถดูภูมิธรรมของพระอริยเจ้าขั้นพระอนาคามีได้ พระอริยเจ้าขั้นพระอนาคามีก็ไม่สามารถดูภูมิธรรมของพระอริยเจ้าขั้นพระอรหันต์ได้ แม้พระอรหันต์องค์ที่ท่านไม่มีญาณพิเศษส่วนตัว ก็ไม่สามารถรู้ภูมิธรรมขององค์อื่นได้ แต่เมื่อได้สนทนาธรรมกันแล้ว ท่านจะรู้ทันทีว่า ท่านผู้นั้นมีภูมิธรรมขั้นนั้นขั้นนี้ทันที ในบางกรณีพระอรหันต์ก็ย่อมรู้กันได้ หรือรู้ภูมิธรรมของพระอริยเจ้าขั้นอื่นได้ด้วย นั่นคือ เป็นผู้มีนิสัยเกี่ยวข้องกันมาในอดีต เคยสร้างบารมีร่วมกันมา และเคยร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาหลายภพหลายชาติ ถ้าในกรณีอย่างนี้ก็พอรู้กันบ้าง ถึงจะรู้ท่านก็ไม่โฆษณา นอกจากว่าจะพูดเป็นนัย ๆ ให้ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดฟังบางโอกาสเท่านั้น เช่นว่า เพชรน้ำหนึ่งอยู่ที่โน้นที่นี้ หรือพูดว่า ท่านองค์นั้นมีสติดีแล้วนะ อย่างนี้เป็นต้น

    การดูพระอริยเจ้านั้นดูได้ยาก (หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญโญ) จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net
     
  3. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
  4. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    ผิดว่าไปตามผิดถูกว่าไปตามถูกครับ อย่างที่ผมเคยบอก และอธิบาย ว่าท่านทำเพื่อพุทธศาสนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2013
  5. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    กระทู้นี้ทำให้ผมคิดถึงเฮียเม้ง สงสัยถ้าเห็นคงออกมาด่าศาลกันถ่วนหน้าเลยละ 555
     
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เราจะไม่กล่าวปรามาส พระสงฆ์ หรือพระรัตนตรัย เพราะเราควรคิดแต่ในสิ่งที่ดีงาม
    การกระทำ การคิด การพูดของผู้อื่นจะไม่ดีอย่างไร ก็เป็นส่วนของเขา
    จิตเราจักไม่ไหลตามหรือใคร่รู้ หรือสนใจว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ มนุษย์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน ผู้ทำดี ย่อมได้รับผลที่ดี เป็นเช่นนี้เสมอครับ สาธุ
     
  7. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    แสดงว่าก่อนหน้านี้ใครด่าพระเกษม แสดงว่าถือว่าปรามาสกระสงฆ์ ใช่ป่าวครับ
     
  8. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เรื่องปล่อยช้างนาฬาคิรี

    [๓๗๗] สมัยนั้น ในกรุงราชคฤห์ มีช้างชื่อนาฬาคิรี เป็นสัตว์ดุร้าย ฆ่ามนุษย์
    ครั้งนั้น พระเทวทัตเข้าไปสู่กรุงราชคฤห์แล้วไปยังโรงช้างได้กล่าวกะพวกควาญช้างว่า พนาย
    เราเป็นพระราชญาติ สามารถจะแต่งตั้งผู้ที่อยู่ในตำแหน่ง ต่ำไว้ในตำแหน่งสูงได้ สามารถจะเพิ่มได้
    ทั้งเบี้ยเลี้ยงและเงินเดือน พนาย ถ้ากระนั้นเวลาใดพระสมณโคดมทรงพระดำเนินมาตรอกนี้
    เวลานั้น พวกท่านจง ปล่อยช้างนาฬาคิรีเข้าไปยังตรอกนี้
    ควาญช้างเหล่านั้นรับคำพระเทวทัตแล้ว

    ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสกแล้วทรงถือบาตร จีวร เสด็จเข้าไป
    ยังกรุงราชคฤห์พร้อมกับภิกษุมากรูป ทรงพระดำเนินถึงตรอกนั้น ควาญช้าง เหล่านั้นได้แลเห็น
    พระผู้มีพระภาคทรงพระดำเนินถึงตรอกนั้น จึงปล่อยช้างนาฬา คิรีให้ไปยังตรอกนั้น
    ช้างนาฬาคิรีได้แลเห็นพระผู้มีพระภาค ทรงพระดำเนินมา แต่ไกลเทียว แล้วได้ชูงวง หูชัน
    หางชี้ วิ่งรี่ไปทางพระผู้มีพระภาค ภิกษุเหล่านั้นได้แลเห็นช้างนาฬาคิรีวิ่งมาแต่ไกลเทียว
    แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า ช้างนาฬาคิรีนี้ดุร้าย หยาบช้า ฆ่ามนุษย์
    เดินเข้ามายังตรอก นี้แล้ว ขอพระผู้มีพระภาคจงเสด็จกลับเถิด ขอพระสุคตจงเสด็จกลับเถิด
    พระพุทธเจ้าข้า

    พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า มาเถิด ภิกษุทั้งหลาย เธออย่ากลัวเลย ข้อที่ บุคคลจะปลง
    ชีวิตตถาคตด้วยความพยายามของผู้อื่นนั่นไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาสเพราะพระตถาคตทั้งหลาย
    ย่อมไม่ปรินิพพานด้วยความพยายามของผู้อื่น
    แม้ครั้งที่สอง ภิกษุเหล่านั้น ...
    แม้ครั้งที่สาม ภิกษุเหล่านั้นได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า ช้างนาฬาคิรี
    นี้ ดุร้าย หยาบช้า ฆ่ามนุษย์ เดินเข้ามายังตรอกนี้แล้ว ขอพระผู้มี พระภาคจงเสด็จกลับเถิด
    ขอพระสุคตจงเสด็จกลับเถิด พระพุทธเจ้าข้า

    พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า มาเถิดภิกษุทั้งหลาย อย่ากลัวเลย ข้อที่บุคคล จะปลงชีวิต
    ตถาคตด้วยความพยายามของผู้อื่น นั่นไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาส เพราะพระตถาคตทั้งหลาย
    ย่อมไม่ปรินิพพานด้วยความพยายามของผู้อื่น ฯ

    [๓๗๘] คราวนั้น คนทั้งหลาย หนีขึ้นไปอยู่บนปราสาทบ้าง บนเรือน โล้นบ้าง
    บนหลังคาบ้าง บรรดาคนเหล่านั้น พวกที่ไม่มีศรัทธา ไม่เลื่อมใส ไร้ปัญญา กล่าวอย่างนี้ว่า
    ชาวเราผู้เจริญ พระมหาสมณโคดม พระรูปงาม จัก ถูกช้างเบียดเบียน
    ส่วนพวกที่มีศรัทธา เลื่อมใส ฉลาด มีปัญญา กล่าวอย่างนี้ว่า ชาวเรา ผู้เจริญ
    ไม่นานเท่าไรนัก พระพุทธนาคจักทรงทำสงครามกับช้าง
    ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแผ่เมตตาจิตไปสู่ช้างนาฬาคิรี
    ลำดับนั้น ช้างนาฬาคิรีได้สัมผัสพระเมตตาจิตของพระผู้มีพระภาคแล้ว ลดงวงลงแล้ว
    เข้าไปทางพระผู้มีพระภาค แล้วได้ยืนอยู่ตรงพระพักตร์พระผู้มีพระภาค
    ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคทรงยกพระหัตถ์ขวาลูบกระพองช้างนาฬาคิรี พลางตรัสกะช้าง
    นาฬาคิรี ด้วยพระคาถา ว่าดังนี้:

    [๓๗๙] ดูกรกุญชร เจ้าอย่าเข้าไปหาพระพุทธนาค เพราะการเข้าไปหา
    พระพุทธนาคด้วยวธกะจิตเป็นเหตุแห่งทุกข์ ผู้ฆ่าพระพุทธนาค
    จากชาตินี้ไปสู่ชาติหน้าไม่มีสุคติเลย เจ้าอย่าเมา และอย่า
    ประมาท เพราะคนเหล่านั้น เป็นผู้ประมาทแล้ว จะไปสู่สุคติ
    ไม่ได้ เจ้านี่แหละ จักทำโดยประการที่จักไปสู่สุคติได้ ฯ

    [๓๘๐] ลำดับนั้น ช้างนาฬาคิรีเอางวงลูบละอองธุลีพระบาทของพระผู้มี พระภาคแล้วพ่น
    ลงบนกระหม่อม ย่อตัวถอยออกไปชั่วระยะที่แลเห็นพระผู้มี พระภาค ไปสู่โรงช้างแล้วได้ยืนอยู่
    ณ ที่ของตน
    ก็แล ช้างนาฬาคิรีเป็นสัตว์อันพระพุทธนาคทรงทรมานแล้วด้วยประการนั้น ฯ

    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๗ หน้าที่ ๑๒๔/๒๗๙ ข้อที่ ๓๗๗-๓๘๐
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =======

    หากเขาด่าว่ากล่าวด้วยคำหยาบตำหนิติเตียนด้วยคำเท็จ หยาบช้า เพอเจ้อ ก็เป็นการกระทำบาบ ถึงแม้่ท่านจะกระทำผิดจารีตประเพณีกริยามารยาทอันดีงามของพระสงฆ์

    หากเขากล่าวถึงในลักษณะอธิบายหรือเปรียบเทียบอุปมาในหลักเหตุและผล ความถูกต้องว่าด้วยกริยามารยาทที่ดีงามของพระสงฆ์ ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ มิได้เจตนาจะปรามาส หากเพียงแต่ต้องการแสดงเหตุ และแสดงถึงหลักปฏิบัติอันดีงามของเหล่าพระสงฆ์ ไม่มีการกระทบกระทั่งตำหนิด่าว่าหยาบคาย เช่นนี้มิได้ถือว่าปรามาสครับ ไม่บาบครับเพราเรากล่าวแสดงธรรมอธิบายตามความเป็นจริงตามคำสอนตามหลักธรรมครับ ส่วนท่านจะผิดหรือถูกท่านย่อมรู้ของท่านเองครับ สาธุ

     
  10. GUYTHUM

    GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +1,088
    หลวงพี่เท้าไวไปหน่อย
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=pk5fkl56BSE]Movie หลวงพี่เท้าไว001 YouTube - YouTube[/ame]
     
  11. atataya

    atataya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +278
    สมณ, สมณะ
    ความหมาย

    [สะมะนะ] น. ผู้สงบกิเลสแล้ว โดยเฉพาะหมายถึงภิกษุในพระพุทธศาสนา. (ป.; ส. ศฺรมณ).

    พระพุทธเจ้าก็ทรงสอนในเรื่องอินทรีสังวรแล้ว และวิธีที่พระเกษมทำพอเข้าใจความหมายครับที่ไม่ให้ยึดติดวัตถุ หรือสิ่งมีรูปร่าง แต่วิธีที่สอนออกจะแรงไปหน่อย
     
  12. sron2006

    sron2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,202
    ดูแล้วฮามากเก๋าดี 5++ แต่ไม่สำรวมกิริยาเฉยๆ 55+
     
  13. wara99

    wara99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +892
    วินัยสงค์มี ๒๒๗ ข้อ มันชัดเจนว่า ไม่ผิด

    แต่อยากให้มองถึง สมณะสารูป ว่าควรจะสอนญาติโยมด้วย กิริยาอย่างไร

    ถ้าพระในประเทศไทย สั่งสอนญาติโยมในลักษณะแบบนี้ สัก ๑๐ เปอร์เซ็น

    ถามว่า คุณหรือคนอื่นที่ไม่ใช่พุทธจะคิดอย่างไร


    ขออภัย มิได้คิดปรามาสพระองค์ไหน หรือองค์ใดในคลิป แค่อยากสะกิดให้คิดนะพี่น้อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2013
  14. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=vRAqnTbifHA]หลวงปู่เกษม ติดฌาณ ติดสมาธิ 1/5 - YouTube[/ame]
    ลองไปดูครับ เวลาท่านสอนก็ปกติ นะไม่ได้ยกเท้าหรืออะไร
    ส่วนในคลิบยกเท้ายกอะไร ผมว่าท่านจะสือบางอย่างลองไปตีเอาเองครับ
     
  15. meephoo

    meephoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +2,133
    เล่นหา แต่ตอนที่ท่านแสดงให้ดู หากเปิดให้ดูแต่เริ่มต้น นั้น จะเห็นเป็นการสอนของท่าน
    ใครก็ตามถ้าลองสังเกตุคลิปไม่แปลกใจหรือ ญาติโยม นั่งกินข้าว นั่งฟังท่าน ไม่แตกตื่น อยู่ในอาการสงบ แต่คนดูคลิป กลับ วุ่นวายไปเอง
    โมทนาสาธุ
    ขอให้มีเมตตาและเจริญในธรรม
    ข้าพเจ้าเกิดมาต้อง ชีวิตไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
     
  16. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    [​IMG]
    หลวงพ่อเกษมนี่ ซูดดดดดดดดดดดดดหย๋อดดดดดดดดดดดดดดด ถืกใจหลายๆ
    อยากหาโอกาส ไปฟังเพิ่นเทศแบบสดๆ เด้
     
  17. 9TRONG

    9TRONG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +514
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=DNgZdn7Chw8]พระเกษม (ถูกท้า) - YouTube[/ame]

    ลองฟังความเห็นของท่านนี้ดูรึยังครับ
     
  18. chang938

    chang938 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +451
    จงมีเลือดเนื้อ และอย่าหลอกตนเอง!!!
    บทความโดย พศิน อินทรวงค์

    การปฏิบัติธรรมต้องปฏิบัติอย่างคนมีเลือดมีเนื้อ อย่าหลอกตัวเองว่าเราเป็นผู้ไม่มีกิเลส อย่ากลบเกลื่อนความชั่วช้าที่อยู่ภายใน จงปล่อยให้สายตาของเรามองเห็นจุดดำที่มีอยู่และยังคงอยู่ ไม่จำเป็นต้องผลักไส ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนี เหมือนเรามีบ้านอยู่ใกล้น้ำเน่า แต่มีความจำเป็นที่ยังต้องอยู่อาศัยต่อไป การกำจัดน้ำเน่า ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ทันที หากแต่ต้องค่อยๆ สร้างน้ำดี สร้างทิศทางถ่ายเทสิ่งไม่ดีให้หมดไปจากสายน้ำแห่งจิตวิญญาณ ทั้งหมดเป็นเรื่องของการเดินทางไกลที่ต้องใช้เวลา

    ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเราเป็นมนุษย์เราย่อมมีสิทธิ์ที่จะเป็นผู้ไม่สมบูรณ์แบบโดยชอบธรรม สิ่งนี้ไม่อาจเกิดขึ้นกับเทวดา เป็นสิ่งที่เทวดาทั้งมวลกำลังริษยาเราอยู่ มนุษย์นั้นได้รับอนุญาตให้หัวเราะ ร้องไห้ ท้อแท้ หรือทำผิดพลาด การพ่ายแพ้ต่อกิเลสไม่ใช่เรื่องดีแต่ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่เรื่องผิดแต่เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำสอง

    คนโง่เปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น และคนโง่ยิ่งกว่าเปรียบเทียบตนเองกับผู้ประเสริฐในนิยาย นิยายนั้นมีจริงแต่บุคคลในนิยายเป็นเพียงอุดมคติจากจินตนาการ เราต้องแยกให้ออกระหว่างความจริงและอุดมคติ จงขัดเกลาจิตใจตนเองอย่างที่มนุษย์เขาทำกัน อย่าได้คาดหวังว่า ตนเองจะเป็นเทวดาได้ภายในวันสองวัน ความชั่วร้ายยังต้องชำระสะสาง ความเห็นแก่ตัวรอวันสำแดงเดช มารร้ายทั้งปวงยังฝั่งอยู่ในจิต เลือดเนื้อ ชีวิต และการยอมรับความจริงในแบบที่เป็น จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับนักปฏิบัติที่ต้องการเอาดี

    เราอาจเดินตัวแข็ง พูดจาเชื่องช้า นุ่งขาวห่มขาว จุดเทียนชัยแล้วถือดอกบัววนรอบวิหารได้เป็นร้อยๆ รอบ แต่นั้นไม่ใช่สัญลักษณ์แห่งชัยชนะอันแท้จริง สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เปลือกไร้สาระที่อยู่ภายนอก เป็นแค่เครื่องแบบชั้นหยาบที่ไม่สามารถปกป้องเราจากพญามารที่อยู่ภายใน ความบริสุทธิ์นั้นก่อเกิดจากภายใน เช่นเดียวกับความสกปรก ของจริงนั้นไม่มีอะไรเลยที่ถูกสร้างขึ้นจากภายนอก ของจริงนั้นอยู่ข้างใน จงยอมรับตนเอง รู้จักหนักเบาของตนเอง รู้จักสิ่งชั่วร้ายที่สุดและดีงามที่สุดของตนเอง

    จงปฏิบัติธรรมแบบผู้มีเลือดเนื้อ ปฏิบัติธรรมแบบผู้ที่ผิดพลาดได้ จงรู้จักให้อภัยผู้อื่นและตนเอง เพราะเราต่างมีเลือดเนื้อ มีหัวใจ มีกิเลส มีความโง่งมและความฉลาดอยู่เต็มสันดาน ความรู้สึกร้อนหนาวยังคงอยู่ ความมืดมิดยังสลับไปมาในบางโอกาส บุคคลผู้ใดรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของกิเลส และเท่าทันจริตภายในของตน บุคคลผู้นั้นย่อมมีโอกาสที่จะบรรลุสู่ความเป็นอริยบุคคลในเร็ววัน
     
  19. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    พระอรหันต์แท้ย่อมไม่ติดในโลกธรรมแปด เช่น สรรเสริญ-นินทา


    พระที่กลัวคนนิินทา กลัวคนไม่สรรเสริญ จึงต้องทำตัวให้ดูดี น่าศรัทธานั้นมีมาก
    และเมื่อทำได้ดีแล้ว ก็ดูดี น่าศรัทธาจริงๆ และส่งผลให้คนศรัทธาด้วยอุปทานไป
    ว่า "ท่านคืออรหันต์" เพราะความที่ดูดีน่าศรัทธานั้น ทว่า ท่านเหล่านี้ ยังติดอยู่ใน
    "สรรเสริญ-นินทา" อันเป็นหนึ่งใน "โลกธรรม ๘" อยู่เลย อย่างนี้ จะหลุดพ้นเป็น
    พระอรหันต์แล้วได้อย่างไร?


    พระอรหันต์แท้ ย่อมไม่ติดในโลกธรรม ๘ ไม่กลัวคนนินทา ไม่แสวงหาคำสรรเสิญ


    [​IMG]
     
  20. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    อรหันต์อะไร กลัวคนนินทา แสวงหาคำสรรเสิญ
    อรหันต์อะไร กลัวไม่มีลูกศิษย์ กลัวไม่ใกล้ชิดบริวาร
    อรหันต์อะไร กลัวขาดลาภสักการะ กลัวจะอดอยาก
    อรหันต์อะไร กลัวคนปรามาส กลัวขาดสาวกปกป้อง


    อรหันต์อะไร อาจารย์ฉันบอกว่า "หันหมู หันหมา" น่ะสิ



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 มีนาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...