ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

คำว่าเสก/เป่า ก็ต้องเป่าสิ..ไม่งั้นมันก็ไม่ครบองค์ คือการใช้ธาตุลมไง..การเป่านั้นจะสิ่อโดยธาตุลมเป็นหลัก..
หลายท่านอาจจะสงสัยว่าการเป่า/เสก ทำไมต้องเป่าลมจากปากลงไป..มันคือ การใช้ ธาตุ ครับ ..ธาตุลม จะเป็นธาตุหลักใน วิชาไสยฯ ครับ..
แต่ถ้าจะรักษาต้องมีทั้ง น้ำ ทั้งลม เช่น เสกน้ำมนต์ เวลารดก็เป่าลงไปด้วย หรืออาจจะอมน้ำมนต์พ่นลงไป..บางที มีธาตุดินเสริม เช่น เคี้ยวข้าวสาร อมเสกในปาก แล้วพ่นลงไป..นี่แหละครับ เหตุผลทาง วิชาไสยฯ บางทีเราอาจจะไม่รู้ว่า ทำไม ต้องเสก/เป่า ลงไป
เว้นเสียแต่ พระอริยะ ท่านไม่ต้องเป่าก็ได้ ท่านอธิฐานจิต(ธาตุลม)ตรงๆ พุ่งไปที่วัตถุนั้นทันที..อันนั้น เรียกว่า ลมละเอียดสุด..

 

ขอความเห็น พี่tang_2536 ครับ
ผมมีพระเครื่องที่นับถืออยู่องค์หนึ่ง ซึ่งเป็นพระทางพม่า คือ บุเรงนองหลังกบ เป็นพระกรุซึ่งพี่คงทราบความเป็นมาบ้างแล้ว.....มั้ง จึงอยากทราบความเห็นว่า การที่ผมเป็นคนไทยแต่นับถือพระไกลบ้าน ทั้งยังเป็นพระที่อยู่ในประเทศคู่สงครามมาแต่อดีตด้วย มันจจริงหรือเปล่าว่าหากเราใช้พระดังกล่าวต่อไป เทพยดาที่รักษาองค์พระจะไม่ชอบกันกับพระที่เรามีอยู่ในเมืองไทยเรา และส่งผลเป็นความเดือดร้อนต่อชีวิตเรา จริงหรือไม่ อย่างไร

เนื่องจากกรณีมีเรื่องเล่าอาถรรพ์เกี่ยวกับพระแก้วมรกต วัดพระศรีรัตนฯและพระบาง เมืองหลวงพระบาง ที่มีเทพยดาไม่ชอบกัน ทำให้เมืองล้านช้าง ยุคพระเจ้าไชยเชษฐา เกิดจราจลรบแพ้บ่อยๆ จนต้องทรงเจ้าถาม และอีกครั้งที่เมืองไทยเราทำให้เมืองไทยในสมัยก่อนเกิดความเดือดร้อน จนในหลวงต้องประทานคืนกลับเมืองลาว

พี่มีความเห้นอย่างไรครับ ขอปรึกษาด้วย

 

ถ้าถามความเห็นพี่..ก็ต้องบอกว่า ถ้าเราเป็นชาวพุทธ เราก้ไม่ควรแยกแยะว่า พระเครื่องของ ไทย พม่า ลาว .เพราะใช้บทสวดเดียวกัน พระไตรปิฏกเล่มเดวกัน..ปลุกเสกด้วยพุทธคุณเหมือนกัน..ส่วนจะไปคิดว่า เทวดาไม่ถูกกันนั้น พี่ก็ไม่ทราบว่าจะจริง/ไม่จริง เพราะไม่เคยมี ปสก. เรื่องนี้
เว้นแต่เครื่องราง ของขลัง เพราะ.สร้างขึ้นมาเฉพาะบุคคล เรานำมาใช้ไม่มีความรู้จริง อาจจะมีโทษ ได้...

 

ผมขอถาม เรื่องการเสกข้าวครับ มีกริยาการเสกยังไง
เช่น ตักข้าวมา ๑ ช้อน แล้วภาวนาคาถบทที่ต้องการแล้วเป่า
หรือยังไงครับ

 

การเสกของกิน(ทุกอย่าง) ให้ตักขึ้นมาในคำแรก สมมุติเป็นข้าว(ข้าวสวย/ข้าวต้ม/ข้าวเหนียว)ก็ตักข้าวขึ้นมา/ข้าวเหนียวก็หยิบมาใส่มือไว้ จะมีกับ/ไม่มีก็ได้ ถือไว้ ตั้งนะโม ๓ จบ ว่าคาถา นั้นๆ ครบ ๑ จบ เป่า ๑ ครั้ง ถ้ากำหนดให้ว่า ๓ จบ ก็ เป่า ๓ ครั้ง ลงไปที่ข้าวนั่นแหละ นี่เรียกว่า เสกของกิน

 

ได้รับวัตถุมงคลของท่านครูบาแล้วครับพี่
ขอบพระคุณากๆครับ

ด้วยความเคารพ
อ๋อง

 

ขอตอบครับ

อันนี้เคยได้ยินมาจากอาจารย์ฆราวาสท่านนึงว่าผู้หญิงบางคน
ที่มีบุญเก่าและสวดมนต์ประจำจะมีเทวดาปกป้องการที่จะจีบ
ผู้หญิงคนนั้นต้องใช้บุญบารมีของคนคนนั้นหรือเราจะต้องมี
เทวดาที่ใหญ่กว่าไปเจรจาครับ

ได้ยินมาเลยบอกกล่าวให้ฟังครับ

 

ดีจังคับ วันนี้อาจารย์มาคุยเยอะเลย

 

ผมเคยใช้คาถาที่พี่คำรณให้ไว้ พุทธังเมตตา๚ แต่ตอนสวดมีอิ่นอยู่ในมือ ครบสามจบของขึ้นครับ หลังจากนั้นชั่วครู่โทรศศัพท์ดังครับ.. ก็ธาอี...ร้องไห้มาหากู นั้นแหละครับโทรมา เห็นผลครับเห็นผล ตอนหลังลองเอาปลัดขิก หรือพระขุนแผน ก็แสดงอาการออกมา ไม่ทราบว่าอาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไรครับ

 

ขอบคุณครับ

 

ผมรู้และคือความอยากมากเกินไปแต่ที่ผมจะใช้เครื่องรางทางด้านเสน่ห์นี่เพื่อให้มีแต่คนรักและเมตตาผมครับไอส่วนเรื่องฟันแล้วทิ้งนี่ไม่เคยหวังเลยเพราะกลัวมันจะย้อนมาทำร้ายน้องสาวหรือไม่ก็ลูกตัวเองครับ

ขอบพระคุณมากครับพี่

 

ขอคาถาบ้างได้ไหมครับพี่

 

...
แสดงว่า ใช้บท เมตตา ที่เสธ เคยให้ไว้แล้วได้ผล...ลองเล่า ปสก.ให้ฟังบ้างนะครับ...

 

คาถาอยู่หน้าที่4 ข้อความที่ 78

 

บทนี้ต้องตั้งนะโม สามจบก่อนมั้ยครับผม

 

...
ใช่ครับ....จริงๆแล้ว เสธ ท่าน บอกไว้แล้วครับ ว่า ทุกๆคาถา ต้อง ขึ้นนะโม ก่อนครับ....

 

สวัสดีครับทุกท่าน อิอิ ผมได้ตามอ่านกระทู้มาได้3วันเห็นจะได้ตั้งแต่หน้า1ตอนนี้ถึงหน้า102แล้วครับ ขอบอกได้ความรู้เรื่องคาถา ธรรมะ ยาเสพติด ชีวิตในป่า ไปต่างประเทศ และสภาวะอากาศจังหวัดนั้น ที่สำคัญทำให้ผมได้รู้จักท่านครูบาชุ่ม ด้วย ทั้งนี้ถ้าผมไม่ได้ติดตามอ่านตั้งแต่ต้นมาจนถึงหน้า102 ผมจะไม่รู้เลยว่าพี่คำรณแจกวัตถุมงคลของท่านครูบาตามแต่ที่พี่พอจะมี ดังนั้นผมขอ pm ไปหาพี่นะครับ เผื่อพี่ยังพอมีให้อีกครับ

 

ผมว่าได้ผลนะ. แต่อย่าไปผิดลูกเมียใครเท่านั้นเอง อาจารย์ผมบอก ไม่รู้ยังไม่ผิดถ้ารู้แล้วต้องเลิกทันที ไม่งั้นผิดทั้งศีลและผิดครู

 

คำตอบเกี่ยวกับการใช้เวทย์มนต์ในการกระทำต่อผู้อื่น เพราะหลายคนถามมา เผื่อจะทบทวนให้หลายๆท่านเข้าใจ
-หลักการมี ๒ วิธี
๑.ทำแบบโดยตรงถึงตัว
-มีทั้งระยะชิดตัว หรือห่างตัว
ระยะชิด ก็หมายถึง ใช้เสกของลอบใส่ให้กิน อาจจะเป็นผง ต่างๆ เช่น ผงอิทธิเจ มหาราช มหาละลวย บางคนก็เอาจากการขูดพระที่มีผงนี้อยู่.. หรือ ใช้สีผึ้ง น้ำมัน ทาต้องตัว ชายผ้า หรือ ภาวนาคาถา ลูบหลัง จับมือ เป่าต้องกายโดยตรง
ระยะห่าง(ไม่ถูกตัว แต่มองเห็นด้วยสายตาได้) ก็หมายถึง เป่าคาถาไปตามลม(เราอยู่เหนือลม) ใช้ควันบุหรี่ หรือบังคับของ เช่น ภูต พราย ไปสิงสู่
-ทำแบบมโนยิทธิ/มโนคติ แบบนี้เข้าถึงไม่ได้ ห่างกันตามองไม่เห้น แบบนี้ต้องพึ่งพา เวทย์มนต์ดลใจ สร้างภาพมโนคติขึ้นมา โน้มจิตใจให้นึกภาพคนที่เราจะกระทำให้จับจิต จับใจ ดั่งฝึก สมถะ/สมาธิ นั่นแหละ บางทีอาจจะใช้สื่ออย่างอื่น เช่น รูปภาพ เสื้อผ้า ดินรอยเท้า จนเรียกติดปากว่า ฝังรูป ฝังรอย มาทุกวันนี้
นี่คือวิธีการโจมตีนั่นเอง..จะใช้แบบไหน ว่ากันว่า แบบถึงตัว/ระยะประชิดเห็นผลเร็วสุด..เพราะกระทำโดยตรงป้องกันยาก..การกระทำด้วยมโนยิทธิ จะยากขึ้นเพราะสร้างภาพขึ้นด้วยพลังจิต ถ้าไม่มีพลังจิตวอกแวกก็ไม่ได้ผล หรือฝ่ายนั้นมีเครื่องป้องกันก็ไม่ได้ผลเช่นกัน จึงนิยมทำหลังเที่ยงคืนไปแล้วเพื่อให้จิตฝ่ายนั้นเปิดช่องว่าง..
หลักการกระทำจะให้สำเร็จ มี ๓ ประการ (หลักไสยฯ ทุกแขนง)

๑.ผู้กระทำ มีใจที่สุจริต เป็นกลาง
๒.ผู้กระทำเป็นฝ่ายถูก(รู้ในจิตเราเอง) เช่นได้รับการเหยียดหยาม ดูถูก ถูกทำร้ายก่อน
๓.ฝ่ายถูกกระทำ ไม่มีเครื่องป้องกัน เช่น เครื่องราง เวทย์มนต์
ดังนั้น ขอทำความเข้าใจให้ถูกว่าเราจะกระทำสิ่งใดหากไม่ครบหลัก ๓ หลักนี้ ผมว่า ยากที่จะสำเร็จ.เว้นในข้อ ๓ คือ การทำลายเครื่องป้องกัน ถ้าครูชั้นสูงจะมีวิชาแทรก วิชาเบิก ก็จะสำเร็จได้..
ลองทำความเข้าใจกันดูครับ..ที่บอกไว้นี้ไม่ใช่เฉพาะวิชาทางเมตตา มันรวมไปถึงการจะกระทำต่อฝ่ายตรงข้ามทุกชนิด...​

 

พี่คำรณครับ อ.สนอง ท่านสนิทกับ ครูบาบุญชุ่มด้วยหรอครับ เห็นท่านเอ่ยถึงบ่อยๆ