ตามหาคู่แท้ ให้หลวงพ่อท่าน ภาค ๒ ครับ

รายการนี้ถ้ายังมีอยู่อีก แจ้งทาง pm หน่อยนะครับมาไม่ทัน ตามหามานานจริงๆ ขอบคุณล่วงหน้านะครับ หรือ ท่านใดปิดไปรบกวนติดต่อใด้ใหม๋ครับ

 

พระขุนแผนพรายกุมาร "สากหัก"
หนึ่งใน 800 องค์ที่ อ.ชินพร กดมือ


​

มูลเหตุแห่งการสร้าง

มาจากลุงแมง อัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของหลวงปู่ทิม อิสริโก และหลวงปู่เป็นผู้ตั้งชื่อให้ว่า นายสิงหราช อัมฤทธิ์ และเป็นคนเดียวกันกับที่หลวงปู่ทิมได้มอบหมายให้เป็นผู้สร้างพระขุนแผนพรายกุมาร (พิมพ์ลองพิมพ์) ให้ท่านเป็นคนแรก อีกทั้งเป็นผู้ที่หลวงปู่ทิมใช้ให้ไปขุดโคกดินบริเวณใต้ถุนศาลาภาวนาภิรัต เพื่อเอาน้ำมันพระเจ้าตากมาสร้างขุนแผน

หลังจากหลังปู่ทิมมรณภาพลุงแมงได้ย้ายจาก จ.ระยองไปอยู่ที่ จ.สุโขทัย โดยได้ไปซื้อที่ดินทำไร่สวนส้มเขียวหวาน ลุงแมงได้เห็นศาลาเอนกประสงค์ของวัดพงเสลี่ยงที่ใช้เป็นที่ประชุมของชาวบ้าน มีสภาพทรุดโทรม ก็เลยมาปรึกษากับ อ.ชินพร สุขสถิตย์ มาขอให้เป็นเจ้าภาพเพื่อทอดกฐินสามัคคีท่วัดพงเสลี่ยง เพื่อหาเงินจากการทอดกฐินไปสร้างศาลา อ.ชินพรก็รับปากว่าจะบอกให้หมู่บรรดาลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมให้ได้รับทราบ และให้ชื่อศาลานี้ว่า "ศาลาศิษย์หลวงปู่ทิมร่วมใจ"

และเพื่อให้มีสิ่งของเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจแก่ผู้ร่วมบุญในครั้งนี้ จึงคิดที่จะสร้างพระผงพรายกุมารขึ้น ลุงแมงและพระทอง สุขวงศ์จันทร์ ซึ่งบุคคลทั้ง 2 นี้เคยรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่ทิม อิสริโกมาก่อน จึงได้นำผงพรายกุมารชนิดบริสุทธิ์(เข้มข้น)ที่คนทั้ง 2 ได้เก็บสะสมไว้ เมื่อคราวสร้างพระให้หลวงปู่ทิม เอามาให้ อ.ชินพร สุขสถิตย์ เป็นขนาด 1 ขวดเนสกาแฟขนาดเล็ก ซึ่งลุงแมงได้บอกว่า ได้เก็บไว้ตั้งแต่สมัยหลวงปู่ทิม แต่ไม่กล้าเอาออกมาทำพระ เพราะเกรงใจอาจารย์เชย เจ้าอาวาสระหารไร่ แล้วได้มอบผงพรายกมารบริสุทธิ์แบบเข้มข้นนี้ให้อ.ชินพร สุขสถิตย์ เพื่อใช้ทำขุนแผนพรายกุมาร ออกเพื่อเป็นของสมนาคุณแก่ผู้ร่วมบุญทอดกฐินวัดพงเสลี่ยง ดังกล่าวในครั้งนี้

นอกจากจะมีผงพรายแบบเข้มข้นแล้ว ลุงแมงยังได้ไปหาว่านมงคลต่างๆตามตำราการสร้างพระของหลวงปู่ทิมมาให้อีกหลายชนิด และที่สำคัญคือไม้หลวงลืมหรือเถาวัลบ์หลง ซึ่งต้องใช้เวลาในการหาอยู่นานกว่าจะหาได้ นอกจากนี้แล้ว ทิดเย็น คำมี หรืออดีตหลวงพี่เย็น ซึ่งในครั้งที่หลวงปู่ทิมมีชีวิตอยู่ได้เคยให้ช่วยสร้างพระเครื่อง ลงเลขยันต์ ตลอดจนการทำสีผึ้ง ยังได้มาบอกเคร็ดลับต่างๆในวิธีการสร้างพระเครื่องของหลวงปู่ทิมให้แก่อ.ขินพร สุขสถิคย์ทราบ ซึ่งอ.ชินพร ก็ทำตามที่ทิดเย็น คำมีได้บอกไว้

และนอกจากนี้และยังมีบางคนได้นำผงและของอาถรรพ์ต่างๆมาให้สมทบอีกเช่น คุณอุกฤษ ดุลย์เกษม หัวหน้าไปรษณีย์ได้นำพระผงรูปหล่อขนาดใหญ่พิเศษของหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ซึ่งได้สร้างขึ้นเพียง 3 องค์มาให้ อ.ชินพร ตำผสมลงในเนื้อพระขุนแผนพรายกุมารรุ่นสากหักนี้ด้วย แทบจะกล่าวได้ว่าพระขุนแผนพรายกุมารรุ่นสากหักนี้ มีผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมและผงวิเศษต่างๆบรรจุมากที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา หลังจากที่หลวงปู่ทิมได้มรณภาพไปแล้ว

จนเมื่อถึงวันที่ 12 สิงหาคม 2546 อันเป็นวันดีของปี อ.ชินพร สุขสถิตย์ก็ได้ถือเอาเป็นวันที่เริ่มต้นในการสร้างพระขุนแผนพรายกุมารรุ่นนี้ขึ้น โดยจะทำเป็นของสมนาคุณให้แก่ผู้ที่ร่วมทอดกฐินสามัคคี วัดพงเสลี่ยง บ้านห้วยโป้ ต.แม่สิน อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัยขึ้น และเมื่อ อ.ชินพร นำเอาผงพุทธคุณต่างๆพร้อมผงพรายกุมารที่ลุงแมงและพระทอง สุขวงศ์จันทร์ที่ได้มอบให้มาตำเป็นครกแรกที่บ้านที่มูลนิธิ พอผงเริ่มละเอียดพอที่จะนำมากดเป็นพระได้ สากหินที่ใช้ตำผงก็หักทันที ทำให้ อ.ชินพร ขนลุกซู่ และคิดว่าหลวงปู่ทิมท่านคงจะสำแดงเหคุบางประการให้ทราบว่าพระขุนแผนรุ่นนี้ต้องขลัง และศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็มีคนเห็นอยู่ 3 คนคือ อ.ชินพร สุขสถิตย์ คุณมานิตา ซึ่งเป็นภรรยาของอาจารย์ ชินพร และคุณนพดล ซึ่งเป็นช่างโยธา 5 สำนักระบายน้ำของ กทม. ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย ดังนั้นพระขุนแผนพรายกุมารรุ่นนี้จึงให้ชื่อว่า พระขุนแผน (พรายกุมาร) รุ่นสากหัก

เมื่อ อ.ชินพรสร้างพระขุนแผนรุ่นสากหักได้ประมาณเจ็ดร้อยกว่าองค์ก็ทำไม่ไหว คุณชาลี เอี่ยมฉลวย ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ ราชบุรี และหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม จึงรับอาสาเอาไปทำต่อ เพราะจะทำเป็นพุทธบูชาถวายหลวงปู่ โดยคุณชาลี เอี่ยมฉลวยได้เล่าให้ฟังว่า เขาได้ฝันเห็นหลวงปู่ทิมมาหา แล้วยื่นกระดาษสารพักกันสีขมพูให้ พร้อมด้วยแผ่นทองคำอีก 1 แผ่น ซึ่งของทั้ง 2 สิ่งนี้ก็ได้เข้าไปในตัวคุณชาลี เอี่ยมฉลวย

และพอคุณชาลีเริ่มทำพระขุนแผนนี้ ก็เกิดอาการเนื้อเนื้อที่ด้านหลังเต้นตุบๆจนเกิด ความรำคราญ ไม่ว่าคุณชาลีจะเอาไม้ เอามีดมาเกา หรือแม้นแต่เอามีดคมๆ มาสับเนื้อที่ด้านหลังนี้ก็ยังไม่หาย คุณชาลีเลยถอดเสื้อให้อาจารย์เปีย ซึ่งเป็นศิษย์สายอาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง ผู้เป็นอาจารย์สัก ช่วยดูแผ่นหลังให้ ปรากฏว่าบริเวณเนื้อด้านหลังนูนขึ้นมาเป็นรูปหงส์ทองคู่ และรูปหนุมาน คุณชาลี เอี่ยมฉลวยต้องทนทุกข์เพราะหนังเต้นอยู่ 2 วัน พ่อแก่ครูฤษีที่คุณชาลี นับถือได้บอกว่าครูมาลง เพราะทำขุนแผน ให้เอาหมากพลูมาเคี้ยว แล้วเอาน้ำหมากมาลูบหลัง อาการเนื้อเต้นจึงค่อยๆหายไป

อ้างอิงบทความจากคุณชินพร

พระขุนแผนสากหักทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก สร้างครั้งเดียว เริ่มต้นตำผงและกดพิมพ์วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2546 ครั้งแรกผมทำเองโดยมีลูกศิษย์มาช่วยหลายคน เมื่อตำผงครกแรกได้ที่แล้วเสร็จพร้อมที่กดพิมพ์ สากหินที่ใช้ตำหักคามือ เลยเปลี่ยนชื่อเป็น "พระขุนแผนรุ่นสากหัก" ผมกับคุณมานิดาแฟนผมพร้อมศิษย์ช่วยกันทำอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ ได้พระเพียง 700-800 องค์ เพราะไม่ชำนาญ

พอดีคุณชาลี มาเห็นเข้า จึงอาสารับเอาไปทำให้ทั้งพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ ส่วนเนื้อที่ใช้เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด เพราะผมนำเอาผงต่าง ๆ มาผสมร่วมกันไว้ถังเดียวกันเรียกว่า "ผงกองกลาง" คุณชาลีก็เอาผงนี้ไปทำแต่อาจจะเพิ่มปูนเข้าไปเพื่อให้ถูกสูตรการทำตามแบบของคุณชาลี นำพระมาส่งให้ทั้งหมดเมื่อประมาณปลายเดือนกันยา ร่วมพิมพ์ใหญ่ประมาณ 8,000 องค์ พิมพ์เล็กประมาณ 7,000 องค์ มีทั้งเนื้อขาวเนื้อดำซึ่งผสมถ่านไม้สักฟ้าฝ่ากลางป่าจังหวัดกำแพงเพชร ส่วนเนื้อสีแดงผสมปูนแดงของแม่บุญเรือนที่แม่ผมทำต่อเนื่องไว้ทุกวันเสาร์

ผมได้นำพระทั้งหมดนอกจากพระขุนแผนก็มีอย่างอื่นอีกไปขอให้หลวงปู่ธรรมรังสีปลุกเสก แล้วแจกให้ผู้ร่วมทำบุญกฐินที่วัดพระเสลียง ซึ่งจะทอดกฐินในวันที่ 25 ตุลาคม 2546 พอถึงวันที่ 16 ตุลาคม ผมก็เอาพระขุนแผนที่ยังมีอยู่ทั้งหมดไปปลุกเสกที่วัดละหารไร่อีกครั้ง พระขุนแผนที่แจกครั้งแรกก่อนวันที่ 16 ตุลาคม มีจำนวนไม่มากประมาณ 200-300 องค์ เท่านั้น พระขุนแผนสากหักมานิยมกันและหมดหลังจากทอดกฐิน 25ตุลาคม แล้วไม่อาจจะแยกออกได้จึงต้องรู้ที่มาที่ไปว่าได้มาจากใคร? ที่ไหน? เมื่อไร? แต่ 700-800 องค์ที่ผมช่วยทำกันเองไม่ค่อยสวย เนื้อดูแล้วหยาบกว่าเพราะไม่ได้ใส่น้ำมัน “แต่แก่ผงพรายผงกองกลาง”...

4,560 บาท

พร้อมค่าจัดส่งครับ​

 

หลวงปู่หวัน จุลปัณฑิโต เป็นลุงของผมเองครับ

 

พระกริ่ง "สุวีโร"
ครูบาอินสม สุวีโร จ.แม่ฮ่องสอน


​

พระกริ่งสุวีโร พระกริ่งเนื้อนวะโลหะแก่ทองคำรุ่นแรกของหลวงปู่ครูบาเจ้าอินสม สุวีโร วัดพระธาตุจอมทอง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พระอริยะสงฆ์ผู้บริสุทธิ์ ที่หลายท่านคงจำได้ถึงข่าวเรื่องเกศาของท่านงอกได้เอง ในหนังสือพิมพ์ข่าวสดเมื่อเร็วๆ นี้

พระกริ่งรุ่นนี้สร้างน้อยครับ จำนวนสร้างเพียงร้อยกว่าองค์ ตามจำนวนที่สั่งจองเท่านั้น จึงนับได้ว่าเป็นพระกริ่งที่หายากสุดๆ ในวงการรุ่นนึงก็ว่าได้ ท่านใดสนใจมวลสาร พิธีสร้าง เข้าไปอ่านได้ที่นี่เลยครับ พระกริ่ง สุวีโร รุ่นแรก ครูบาเจ้าอินสม สุวีโร ที่ระลึกบูรณะพระธาตุ



ฮือฮาพบเส้นผม 64 เส้น งอกในองค์พระเครื่องครูบาอินสม
จากหนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 19 พฤษภาคม 2555



เมื่อ วันที่ 19 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีพระเครื่ององค์หนึ่ง มีเส้นผมงอกออกมาจากองค์พระ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่ร้านอาหารครัวป้าจุก ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เป็นร้านของคุณชนัสศักดิ์ หรือ เจน ฟั่นเต่ย ซึ่งได้นำพระเครื่อง ลักษณะเป็นพระผง สีขาวนวล ด้านหน้ามีรูปเหมือนของ ครูบาอินสม สุวีโร ที่ใต้ฐานรูปเหมือนมีภาษาไทยเขียนไว้ว่า ครูบาอินสม สุวีโร ด้านหลังมีอักษรขอมโบราณจารึกไว้ 3 แถว โดยพระเครื่ององค์ดังกล่าวมีเส้นผมที่ปนในเนื้อองค์พระงอกออกมา เป็นจำนวนมากลักษณะสีดำเหมือนเส้นผมมนุษย์ทั่วไป นับได้ถึง 64 เส้น

โดยก่อนหน้านั้น เมื่อเดือนก.ย. 2544 คุณลักษิกา คงแก้ว แฟนสาวของคุณชนัสศักดิ์ ได้พระองค์นี้มาจากการไปร่วมงานเลี้ยงเกษียณอายุราชการของ เจ้าหน้าที่วิทยุการบินจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งในงานเลี้ยงทางเจ้าภาพได้มีการมอบพระเครื่องที่เก็บสะสมไว้ ให้กับผู้ร่วมงาน ซึ่งผู้ที่ไปร่วมงานเลี้ยงดังกล่าวส่วนใหญ่ได้คัดเลือกพระที่ตนชอบไป เหลือแต่แฟนสาว ที่เลือกพระไม่เป็น นายสุเทพ เข็มทอง ผอ.ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ขณะนั้น จึงได้เลือกพระเครื่องของครูบาอินสมให้ และบอกว่าเป็นพระดีองค์หนึ่งที่น่าเคารพบูชา และเป็นพระของเมืองแม่ฮ่องสอน

หลังจากได้พระเครื่ององค์ดังกล่าวมาแล้ว ก็เก็บไว้บนหิ้งพระมาตลอด แต่เมื่อประมาณ 3 วันที่ผ่านมา แฟนสาวได้ฝันประหลาด ฝัน เห็นพระสงฆ์ติดๆ กันมาถึง 3 วัน และในฝันวันสุดท้ายคือเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ฝันเห็นพระสงฆ์เหมือนเดิม จากนั้นในฝันได้เห็นชายวัยกลางคน นำดอกไม้ธูปเทียนมาให้และบอกให้ไปกราบไหว้บูชาพระ เมื่อตื่นนอนตอนเช้า แฟนได้เกิดสังหรณ์ใจและไปดูพระเครื่องบนหิ้งพระก็พบว่า พระเครื่ององค์ดังกล่าวที่บรรจุไว้ในซองพลาสติก กลับมีเส้นผมงอกออกมาเป็นจำนวนมาก โดยเส้นที่ยาวที่สุดวัดได้ประมาณ 4-5 มม. เป็นที่น่าอัศจรรย์สำหรับพระเครื่ององค์ดังกล่าว พระครูสุวีธรรมานุยุต หรือครูบาอินสม เจ้าคณะอำเภอสบเมย ปัจจุบัน เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุจอมทอง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ได้จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2536 เพื่อหาเงินบูรณะพระธาตุจอมทองที่ทรุดโทรม โดยได้มีการสร้างพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง ให้ลูกศิษย์ไว้บูชาจำนวนหลายรุ่นด้วยกัน

ให้บูชา
4,500 บาท
พร้อมค่าจัดส่งครับ​

 

เหรียญเต่า รุ่นรวมพุทธคุณ เนื้อนวะโลหะ ​

หลวงปู่หลิว และหลวงพ่อคูณ ร่วมปลุกเสก​

​

พญาเต่าเรือนหลวงปู่หลิวนี้ท่านสร้างครอบคลุมทั้งด้านคงกระพัน แคล้วคลาดจากภยันอันตราย เมตตามหานิยม นำโชคนำลาภมาให้ ซึ่งพญาเต่าเรือนนี้เป็น รุ่น รวมพุทธคุณ เนื้อนวโลหะ ตอกโค๊ต 4 โค๊ต ที่ขาด้านหน้าทั้งสี่ข้างครับ องค์นี้ "หัวเงิน" ด้วยครับ สภาพสวย หลวงปู่หลิวและหลวงพ่อคูณร่วมปลุกเสก หายาก มาพร้อมกล่องเดิมจากวัด สำหรับ การบูชาพญาเต่าเรือนนั้น ท่านว่าให้ตั้งไว้สูงกว่าเทพยดาทั่วๆ ไป เพราะพญาเต่าเรือนเป็นพระโพธิสัตว์และเป็นชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า แต่ต้องต่ำกว่าพระพุทธรูป การบูชานั้นหลายๆ ที่มักนำน้ำมาหล่อเอาไว้ พร้อมทั้งมีผักบุ้งลอยเอาไว้ หรือดอกมะลิ กลีบกุหลาบลอยไว้ด้วย คอยเติมน้ำให้เต็มเสมอๆ เพราะเชื่อกันว่าหากน้ำลดจะทำให้โชคลาภหดเหือดหายตามไปด้วย และต้องทำน้ำให้สะอาดเสมอๆ จะได้มีความสดใสและชุ่มเย็นในชีวิต ถ้าเป็นพญาเต่าเรือนขนาดเล็ก บางคนถือเคล็ดเอาไว้ในที่เก็บเงิน หรือตั้งไว้ที่เซฟ ส่วนคาถาบูชานั้นท่านว่ามีหลายคาถาด้วยกัน แต่ที่นิยมใช้คือ หัวใจพญาเต่าเรือน ท่องว่า “นาสังสิโม สังสิโมนา สิโมนาสัง โมนาสังสิ” เป็นพระคาถาที่เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และจากพระคาถานี้ครูบาอาจารย์นำมาเขียนลงในช่องตารางที่มีลักษณะคล้ายกระดอง เต่า เติมหัวเติมหางลงไป จนเป็นภาพเต่าขึ้นมา ถือกันว่าเป็นพระยันต์ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ติดไว้กับบ้านก็ทำให้ร่มเย็นเป็นสุข ติดไว้กับร้านค้าก็ค้าขายดีมีกำไร ติดตัวเอาไว้เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม

ประวัติการจัดสร้าง
สร้าง ประมาณปี ๒๕๓๘ วัตถุประสงค์เพื่อฉลอง อายุครบ ๙๐ ปี แห่งหลวงปู่หลิวและเพื่อตั้งเป็น กองทุนวัดไทรทองพัฒนาสำหรับบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะภายในวัด ในการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่น "รวมพุทธคุณ" ครั้งนี้ ได้จัดให้มีพิธีเททองหลอมชนวน เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๓๘ โดย ๒ พระคณาจารย์ คือ หลวงปู่หลิว ร่วมกับ หลวงพ่อคูณ เป็นประธานเททองร่วมกัน นอกจากนี้ทางคณะกรรมการ ได้รับความเมตตาจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจำนวน ๙๐ รูปทั่วประเทศกรุณา มอบแผ่นยันต์จาร ทอง นาค เงิน รวมกับเหรียญพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ในอดีต เพื่อนำมาหล่อหลอมเป็นชนวนในการจัดสร้างวัตถุมงคลครั้งนี้ วัตถุมงคลรุ่นนี้ หลวงปู่หลิวปลุกเสกเดี่ยว นับเป็นวัตถุมงคลอีกรุ่นหนึ่งที่มีพิธีดี ชนวนโลหะเยี่ยม วัตถุประสงค์การสร้างบริสุทธิ์

รายนามพระเถราจารย์บางท่านที่กรุณามอบแผ่นยันต์
หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม , หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ, หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม,
หลวงพ่อพุฒิ วัดกลางบางพระ, หลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง , หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย
หลวงปู่ทิม วัดพระขาว , หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม ,
หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน, หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว , หลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู ,
หลวงพ่อแนม วัดเขาหน่อ , หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร, หลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ,
หลวงพ่อแล วัดพระทรง, หลวงปู่เกตุ วัดเกาะหลัก , หลวงปู่คำ วัดหนองแก,
หลวงพ่อดี วัดพระรูป , หลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง, หลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียน ,
หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย, หลวงพ่อเครื่อง วัดสระกำแพงใหญ่, หลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ
หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ , หลวงพ่อแดง วัดอินทราราม, หลวงปู่ม่น วัดเนินตากมาก ,
หลวงพ่อสวัสดิ์ สำนักสงฆ์เม้าสุขา,หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดถ้ำแฝด, หลวงพ่อลำไย วัดทุ่งลาดหญ้า
หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม, หลวงพ่อเพชร วัดบ้านกรับ, หลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ ,
หลวงพ่อถม วัดเชิงท่า, หลวงปู่มัง วัดเทพกุญชร , หลวงพ่อคง วัดตะคร้อ
หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์, หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ , ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา
ครูบาสร้อย วัดมงคลคีรีเขตร์ , ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ,
หลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ, หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม , หลวงปู่ลือ วัดป่านาทาม
หลวงปู่คำพัน วัดธาตุมหาชัย , หลวงปู่พรหมา สวนผาหินนางคอย ฯลฯ

ชนวนและเหรียญพระเถราจาารย์ชื่อดังในอดีตซึ่งนำมาหล่อหลอมในพิธี​

ชนวนพระกริ่งวัดบวรนิเวศ
ชนวนพระพุทธชินราชคลองมอญ
ชนวนพระกริ่งทองคูณ
ชนวนพระกริ่งญาณวิทยาคม
ชนวนพระกริ่งแซยิด (ทำน้ำมนต์)
ชนวนหนุมานหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
เหรียญหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ รุ่นแรก
เหรียญหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ
พระยอดธง หลวงพ่อคูณ
เหรียญหลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง
พระพุทธชินราชอินโดจีน
เหรียญหล่อหลวงพ่อทา วัดเพนียงแตก
เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดนวลนรดิศ
เหรียญหลวงพ่อทวด วัดช้างให้
เหรียญหลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง
เหรียญเจ้าคุณนร วัดเทพศิรินทร์
เหรียญหลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เหรียญพญาเต่ารุ่นแรก หลวงปู่หลิว
เหรียญหลวงปู่บุญ วัดบ้านนา
เหรียญหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
เหรียญหลวงปู่นิล วัดครบุรี
เหรียญหลวงปู่หลิว
เหรียญหลวงพ่อคูณ
รูปหล่อหลวงพ่อเขียน
เหรียญหลวงปู่เอียม วัดโคนอน เนื้อทองคำ ฯลฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก R@nthong

650บาท ครับ​

 

เหรียญทองแดงพระแก้วมรกต
อนุสรณ์ครบรอบ 30 ปี ธนาคารศรีนคร ปี 2523
หลวงปู่ดู่ หลวงปู่โต๊ะ เสก


​

เหรียญพระแก้วมรกต สร้างเนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ธนาคารศรีนคร ปี 2523 พิธีใหญ่ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และเกจิมากมายร่วมปลุกเสก

ด้านหน้า เป็นพระแก้วมรกต(พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร)พระคู่บ้านคู่เมือง

ด้านหลัง มีตัวอัขระ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ ซึ่งเป็นอักขระชุดเดียวกะที่เขียนในเหรียญหลวงพ่อเดิมอันลือลั่น ถึง 2 ชุดทั้งเดินหน้าและถอยหลัง เพิ่มความเข้มขลังแบบทวีคูณเข้าไปอีก เป็นเหรียญดีที่น่าเก็บอีกรุ่นครับ

อะสังวิสุโลปุสะพุภะ เป็นพระพุทธคุณ 9 ประการของพระพุทธเจ้า ใช้เป็นพุทธานุสสติในการเจริญพระกรรมฐาน หมายถึงระลึกเอาคุณพระพุทธเจ้ามาเจริญภาวนา เจริญมากๆ จนกระทั่งจิตใจเป็นสมาธิ ก็จะระงับนิวรณ์ต่างๆในชั่วระยะอยู่ในฌาน สมเด็จพระพุฒาจารย์อาจ อาสภเถระท่านแนะนำว่า ต้องสวดมากๆ เพื่อทำให้พระพุทธคุณติดอยู่กับใจ หรือให้ใจติดกับพระพุทธคุณ เมื่อใจติดกับพระพุทธคุณดีแล้ว เรียกว่าจิตเป็นสมาธิ พอจะนึกถึงคุณพระพุทธเจ้า ใจวิ่งไปหาพระพุทธคุณเลยทีเดียว หรือพระพุทธคุณมาปรากฏแก่ใจทันที อย่างนี้เรียกว่าเจริญได้ที่แล้ว.....ต้องสวดต้องท่องกันให้ได้ เพราะไม่ได้นี่แหละ เวลาภาวนา พระพุทธคุณ ก็ไม่มาคุ้มครองปกป้องรักษาเรา มีเหตุเภทภัย ก็คุ้มครองอะไรไม่ได้ และเพราะเราไม่เจริญพระพุทธคุณนี่แหละ เราก็ไม่รู้จักคุณพระพุทธเจ้าจริงๆ พระพุทธเจ้าก็เลยไม่รู้จักเรา เมื่อเราไปไหนมาไหน พระพุทธเจ้าก็ไม่ตามรักษา.....พระพุทธคุณนี้ ถ้าเจริญได้จริงๆ ใจรักจริงๆ ไปไหน พระพุทธเจ้าไปด้วย พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรด ให้เราได้เล็ดลอดปลอดภัย ให้เราได้มีความสุขด้านจิตใจจริงๆ.........พระพุทธคุณ 9ประการนั้น คือ อิติปิโส ภควา สมเด็จพระผู้มรพระภาคพระองค์นั้น...

พระพุทธคุณ 9 ประการนี้ ย่อเหลือพระคุณละ 1 อักษร ดังนี้ คือ.-

อะ (อรหัง)-เป็นพระอรหันต์ ไกลจากกิเลส.....
สัง(สัมมา สัมพุทโธ)-ตรัสรู้ความจริงด้วยพระองค์เอง โดยถูกต้อง.......
วิ(วิชชา จรณะสัมปันโน)-ทรงสมบูรณืด้วยวิชาสมบัติและจริยาสมบัติ........
สุ(สุคโต)-เสด็จไปดี......
โล(โลกวิทู)-ทรงรู้เท่าทันโลกทั้ง 3..........
ปุ(อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ)-ทรงเป็นสารถี ฝึกบุรุษที่ควรฝึกได้ ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน.......
สะ(สัตถา เทวมนุสสานัง)-ทรงเป็นครูสอนทั้งเทวดาและมนุษย์........
พุ(พุทโธ)-ทรงเบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใส.......
ภะ(ภควา)-เป็นผู้ทรงแจกพระอมตะมรดก.......
ย่อเป็น 9 คำ อ่านได้ว่า" อะ-สัง-วิ-สุ-โล-ปุ-สะ-พุ-ภะ".......โดบสวดเป็นอนุโลมตั้งแต่ 1-9 และสวดย้อนกลับเป็นปฏิโลมว่า "ภะ-พุ-สะ-ปุ-โล-สุ-วิ-สัง-อะ"........ภาวนาไปสัก 10 เที่ยว 20 เที่ยว 10 0เที่ยว 1,000 เที่ยวก็ได้

460 บาทครับ​

 

จองรายการนี้ครับ

 

รับทราบครับ

 

ยังอยู่ไหม