ปรอทสำเร็จ ของดีจากตำนาน

ผ่านมา 3 วัน ถ่ายรูปมาใหม่ค่ะ เทียบกับเมื่อ 3 วันที่แล้ว ปรอทกินทองค่ะ

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wEVRpUyJ71dVAdrt" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/7db/LuCXP3.jpg" /></a>

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wEVT2AwpDN1qY1fx" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/6da/imW3kE.jpg" /></a>

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wEVYFLAaXa9me7lt" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/61a/K8luye.jpg" /></a>

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wEVTc9WPizHBoWGn" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/eb7/daeNAy.jpg" /></a>

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wEVT7UcDTDGdCtQx" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/f9c/UJwSkl.jpg" /></a>

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wEVTjXtPxor8OaoL" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/ec3/MZ0WFe.jpg" /></a>

 

ขอบคุณค่ะที่แนะนำ แต่ให้กินไปแล้วค่ะ ส่วนตั้งบายศรีคงทำวันมาฆะบูชาที่จะถึงนี่แหล่ะค่ะ ไม่เคยทำแต่จะลองดูค่ะ

 

ขอบคุณ คุณพรหมณี มากครับที่นำปรอทหมอกหรือปรอทพรหมที่ดักมาจากทางฝั่งลาว จัดเป็นของหายาก เป็นกายสิทธิ์ชั้นสูงทีเดียว ขอบคุณสำหรับภาพที่นำมาลงเป็นวิทยาทานให้ทุกท่านได้ศึกษากันครับ

 

ดูจากภาพแล้วสังเกตได้ว่าพอปรอทเริ่มกินทองคำเปลว ตัวทองคำเปลวจะสีซีดลงไปอย่างชัดเจน น่าอัศจรรย์มากครับ

 

นำรูปปรอท อ.โยธิน มาให้ดูครับ
ได้รับมาเมื่อวานนี้ เมื่อคืน นำแผ่นทองคำเปลว100% มาปิดที่ปรอทครับ แต่ไม่ได้ปิดทั่วทั้งลูก สีจึงเปลี่ยนเฉพาะบางส่วนที่ปิด
เมื่อคืนนำมากำสวดบทจักรพรรดิ์บ้างแล้วครับ

 

แนวคิดพื้นฐานของการทำกายสิทธิ์จากปรอทนี่ เพราะเชื่อว่าปรอทเป็นธาตุพื้นฐานของทุกธาตุหรือปล่าวครับ
เพราะเชื่อว่ามีชีวะอยู่ตามความเชื่อโบราณ เป็นโลหะแทนดาวพุธ ในวิชาทักษา ภูมิของพุธถือเป็นต้นธาตุของธาตุอื่นๆที่ไหนเวียนเป็นประตู. ด้วยเหตุนี้หรือปล่าวที่นำเอาปรอทมาแปลงเป็นกายสิทธิ์. อีกทั้งนับจากภูมิพุธ ศรีของพุธคือ ราหู. ถ้าทำพุธคือปรอทให้เป็นศรี คือจะกลายเป็นแก้วราหู จากแก้วราหู. คือภูมิราหู จากภูมิราหู ศรีของราหูคือจันทร์. นั่นคือถ้าทำแก้วราหูอีกครั้ง จะกลายเป็นแก้วจักรพรรดิ แก้วจักรพรรดิคือ แก้วของจักรพรรดิคือบันดาลทุกอย่างได้ตามปรารถนา นั่นคือแก้วมณีโชติ นั่นเอง แก้วมณีโชติมักมีแสงเรืองส่องเอง เหาะได้ เสด็จได้ นั่นคือ ภูมิจันทร์นั่นเอง

วิชาปรอทอาจแฝงไว้ในทักษา ซ่อนๆไว้ก็ได้นะนี่

 

ขอถามคุณทิพยจักรครับ ทำปรอทให้เป็นกายสิทธิ์. จะรู้ได้ยังไงครับว่า ปรอทกลายสภาพเป็นกายสิทธิ์้ว มีวิธีทดสอบอย่างไรบ้างครับ.

 

อย่างนี้อภิญญาหรือปล่าวครับ.................

 

ต้องขอขอบคุณมากที่มาแชร์ความรู้กันค่ะ....ส่วนดิฉันไม่มีความรู้เกี่ยวกับปรอทหรือธาตุกายสิทธิ์เลยค่ะ....แต่บังเอิญว่ามีอยู่ในครอบครอง ก็เลยต้องเสาะแสวงหาความรู้มาประดับสมองและสติปัญญาบ้าง

ที่เห็นขายปรอทสำเร็จใน net มีมากมายก็ไม่มี comment ค่ะ เพราะส่วนตัวแล้วชอบแบบดิบๆประมาณนี้ค่ะ แบบที่ปรุงสำเร็จแบบมาม่าประเภทฉีกซองใส่น้ำร้อนกินได้เลยตามแบบที่เขาโฆษณาว่าดีงู้น ดีงี้...ส่วนมากก็ดูผ่านๆไปค่ะ ชอบแบบคุณทิพยจักรมาแชร์ความรู้แบบนี้มากกว่า....

ถ้ามีโอกาสวาสนาคงต้องลองผิดลองถูกดูมั่งค่ะ ตื่นเต้นเร้าใจดี แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าทำแล้วปรอทจะออกมาหน้าตาเป็นยังไงก็พอจะรับได้ทั้งนั้นค่ะ

 

เอาภาพนี้มาจากไหนครับ

สมัยก่อนผมเด็ก พ่อเล่าให้ฟังดังมาก ท่านแสดงริฤธีเดช ใช้คาถาย่อขยายตัวดำน้ำนานๆ ได้แต่ผมลืมแล้วว่าท่านคือใคร และอีกองค์จำไม่ได้ว่าท่านองคใดเสกใบไม้เป็นนก

 

น่าจะเป็นองค์นี้ครับ....

 

อ่อ ศิทธ์ ของหลวงพ่อขั้วกบ ใช่แน่นอน ที่พ่อเล่าให้ผมฟัง ขอบคุณครับ

 

ขอตอบตามนี้ครับ

การสำเร็จปรอทในอดีตจนถึงปัจจุบันมีหลายขั้น หลายแบบครับ ไม่ได้มี ไม่ได้เป็นปรอทกายสิทธิ์เพียงอย่างเดียว

การสำเร็จปรอทนั้นอาจารย์โยธินท่านอธิบายตามตำราดังนี้ครับว่า

๑ สำเร็จเป็นทนสิทธิ์
๒ สำเร็จเป็นกายสิทธิ์
๓สำเร็จเป็นอุโลมประสิทธิ์ (เขียนตามตำราเก่า)
๔สำเร็จเป็นปัตติโลม
๕ สำเร็จเป็นประติโลม
๖สำเร็จเป็นคุดทะรัถสี
๗ สำเร็จเป็นมหาอุขทูภสิทธิ

ดังที่ถามไว้จะรู้ได้อย่างไรว่าปรอทสำเร็จ ในเบื้องต้นครูบาอาจารย์กล่าวว่าให้ชนะปรอทด้วยการทำปรอทให้แข็งตัวเสียก่อน ผู้ทำปรอทเหลวให้แข็งได้ โดยมิต้องใช้ตะกั่ว ก็ถือว่าสำเร็จปรอทประการหนึ่งเป็นเบื้องต้น

การสำเร็จปรอทให้เป็นก้อนนั้นมีอุปเท่ห์วิธีการมากมาย เช่นเข้าเหล็ก เข้าทองแดง เงิน ทองคำ ตลอดจนถึงการใช้สารกำมะถัน สารหนู และสารพิษอื่นๆ หรือการใช้ว่านยาเพียงอย่างเดียว แม้กระทั่งการใช้พลังจิตเพียงอย่างเดียวก็มีเช่นกัน

สรุป คือ ๑ สำเร็จปรอทโดยการทำปรอทให้แข็งตัวถือว่าสำเร็จเป็นเบื้องต้น

๒ วิธีการจะรู้ว่าสำเร็จแล้ว ถ้าคุณสมับติภายนอกนั้น ปรอทดังกล่าวนำมาถูมือต้องไม่ดำ กลับสีตัวเองได้ (ดังเช่นหลวงปู่ทับ วัดอนงค์ท่านทดสอบโดยการอมลูกอมเมฆสิทธิ์ของท่านแล้วกลับสี)

๓ กินทองน้อยลงหรือไม่กินทองเลยเรียกว่าปรอทอิ่มตัว

๔ ถ้าสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จเพิ่มพูนขึ้นจากการหุงปรอทจะทอแสงจากเกล็ดเพชรของตนออกมาถึงขั้นนี้เรียกว่าปรอทเพชร

โดยลักษณะภายนอกก็พอจะให้รู้ได้ว่ามีสัญญาณและสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จเกิดขึ้นมาแล้วดังที่กล่ามมาทั้งหมดนี้ครับ

ขอบคุณที่ติดตามกระทู้ครับผม

 

เป็นความรู้และข้อคิดที่ดีมาก ปรอทมาจากวิชาสายพระเวทย์ของพราหมณ์ ซึ่งหลักวิชาเล่นแร่แปรธาตุนี้จะต้องถูกผนวกรวมกับสายวิชาอื่นๆคือ การท่องมนต์กำกับ การเขียนอักขระยันต์กำกับ การใช้ว่านยากำกับ การใช้อำนาจจิตกำกับ และการใช้อำนาจจากดวงดาวกำกับ ไสยศาสตร์และโหราศาสตร์รวมทั้งจิตศาสตร์จะไม่แยกออกจากกันแม้ว่าเป็นวิชาคนละแขนง แต่ผู้ประกอบพิธีต้องรู้ทุกแขนงและนำความรู้เหล่านั้นมารวมกันจึงประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด ดังเช่นการประกอบพิธีทางเครื่องมงคลของไทยต้อใช้จิต คาถา ยันต์ ฤกษ์ยาม มวลสาร มาประกอบเป็นหนึ่งทุกครั้งไป

วิชาปรอทก็เช่นกันมีนัยตามนั้นดังที่ท่านกล่าวมาครับ แต่ปรอทจะถือว่าเป็นต้นธาตุ ธาตุพื้นฐาน หรือไม่นั้นยังไม่อาจตอบได้ครับ

ส่วนชีวะที่ซ่อนภายในธาตุนั้น ปราฏว่ามีอยู่ทั้งในธาตุทอง เงิน และเหล็กก็มีชีวะภายในเช่นกันครับ เรียกว่าชีวะภูติ ที่เป็นชั้นสูงก็คือ เหล็กไหล รวมไปถึงดวงแก้วต่างๆก็มีชีวะภายในจึงสามารถส่งแสงและถอดเจตสิกเป็นดวงไฟไปเล่นแสงจันทร์ได้

ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่าวิญญาณกทรัพย์ หรือทรัพย์ที่มีวิญญาณนั่นเอง ไม่ได้หมายเฉพาะคน ช้าง ม้า วัว ควาย ฯลฯ แต่ยังหมายเอาทรัพย์อื่นๆที่มีวิญญาณถือครอง ได้แก่แก้วจักรพรรดิ์ จักรแก้ว เป็นต้นครับ

ต้องขอบคุณข้อมูลมากครับ อยากให้ถือว่าเราศึกษาไปพร้อมๆกันครับ

 

อภิญญาในทางพระพุทธศาสนาคือความรู้ยิ่ง อย่างโยคีปักหัวลงดิน หรือการไม่หายในของโยคี เป็นสิ่งที่คล้ายอภิญญา แต่ก็ไม่ใช่อภิญญา เพราะอภิญญานั้นผู้สำเร็จจะได้ความสามารถของจิตทั้งการแสดงภายในและภายนอกพร้อมๆกัน ภายในคือระลึกชาติ รู้วาระจิต รู้อดีต อนาคตและปัจจุบันเป็นต้น ส่วนภายนอกเช่น ดำดิน เดินบนผิวน้ำ เหาะเหิรเดินฟ้า ฯลฯ

โยคีที่ผ่านการบำเพ็ญฌานอาจบรรลุอภิญญา ๕ ได้ ที่นี้เฉพาะภาพปักหัวลงดินอย่างเดียวจึงไม่อาจตัดสินได้ครับผม

ส่วนภาพหลวงพ่อเณรโพธิสัตว์ย่อกายลงไปสรงน้ำ ถือว่าเป็นการแสดงฤทธิ์ประเภทหนึ่งแต่ยังไม่กล้าฟันธงลงไปว่าอภิญญาจริงๆครับ ในอดีตมีหลายท่านนะเช่น กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านก็ย่อกายได้ กรมหลวงชุมพรก็เช่นกัน คงต้องถือว่าใกล้เคียงอภิญญามากครับ

 

สำหรับท่านที่ได้ปรอทไป แนะนำว่า
๑ ถ้าเอาไว้ที่บ้านควรใส่ผอบอย่างดี ถ้าเป็นผอบสองชั้น ชั้นบนบรรจุพระธาตุ ชั้นล่างบรรจุปรอทเป็นเครื่องบูชาอำนาจปรอทจะคุ้มบ้านได้ หรือจะบรรจุแต่เพียงปรอทอย่างเดียวก็ได้

๒ นำปรอทแช่น้ำมันงา เวลาไปไหนเอาน้ำมันงาเจิมตัวไปเป็นคุ้มครองแสนวิเศษ

๓ แนะนำว่าเอาปรอทไปเลี่ยมและพกติดตัวเสมอ ที่สำคัญที่สุดคือพยายามนั่งภาวนากับปรอทเสมอๆจึงจะเกิดอานิสงค์ดีหลายประการทั้งการงานราบรื่น เมตตามหานิยมและคุ้มครองป้องกัน เป็นการสร้างวาสนาบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป

๔ ปรอทที่รับไปถ้าวางไว้เฉยๆจะไม่ค่อยกลับสี แต่เมื่อใดก็ตามที่นำมานั่งภาวนา ด้วยการกำปรอทไว้ในฝ่ามือ หรือจับด้วยปลายนิ้ว นั่งภาวนาวันละ ๑๕ นาทีปรอทจะกลับสีให้เห็นอย่างชัดเจน รวมทั้งการพกพาปรอทติดตัวไปตามที่ต่างๆก็ทำให้ปรอทเปลี่ยนสีได้เช่นกัน แต่ถ้าวางไว้เฉยๆปรอทจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงให้เห็น

๕ นำปรอทแช่น้ำผึ้ง แล้วตักน้ำผึ้งรับประทานเป็นยาอายุวัฒนะ

 

ตำราของท่านพระธรรมสาร วัดเขาแก้วท่านได้ตำรามาจากพระสุพรรณคีรีฤๅษี ถึงเหตุปรอทไม่มีฤทธิ์และวิธีแก้มีดังนี้ว่า

เหตุอันใดหุงปรอทขึ้นมาแล้วแต่ไม่มีฤทธิืไม่มีกำลัง
ฤๅษีสุพรรณคีรี ตอบว่า เพราะเหตุดังนี้คือ
๑ เมื่อหุงปรอทนั้นเอายาก่อนไว้หลัง ยาหลังไว้ก่อน ไม่ได้ทำตามลำดับตัวยาก่อนหลังดังครูท่านทำมา

๒ พูดโกหก มุสาวาท พูดจาลามก เหลวไหลไร้สาระ พูดหยาบคาย พูดไม่มีสติ ขาดสัจจะ เป็นอกุศล

๓ ศีลไม่บริสุทธิ์ มิได้ตั้งตนในศีลอันงาม อันบริสุทธิ์ มีศีล ๕ แลศีล ๘ เป็นต้น ยามเมื่อจะหุงให้อาราธณาศีลสัจจะก่อน แล้วจึงหุงปรอท

ส่วนวิธีแก้ให้ปรอทที่หุงบริสุทธิ์มีฤทธิ์ขึ้นมาอีกครั้งท่านให้ทำดังนี้คือ เอาใบสลอดต้มกับมะพร้าวแล้วผู้ทำนั้นให้รักษาศีลให้บริสุทธิ์ เอาตัวยาซัดปรอททำให้ปรอทมีฤทธิ์ขึ้นมาได้

 

สำหรับประสบการณ์ของปรอทเมฆสิทธิ์ ปรอทเพชรนั้นมีหลายเหตุการณ์ที่น่าสนใจ อาจารย์โยธินท่านเล่าไว้ว่านอกจากตัวท่านเคยถูกหมากัดจมเขี้ยวแต่มันกัดไม่เข้าแล้ว คนที่รู้จักเคยลองเอาปรอทของท่านไปถูบริเวณที่ฝีขึ้น ปรากฏว่าฝียุบตัวลงเป็นที่อัศจรรย์ โดยไม่ได้พึ่งยาขนานอื่นเลย นอกจากนี้ท่านว่าพกไว้กับตัวอมบ้างนำมานั่งภาวนาบ้างก็กันไข้ได้ด้วย รวมไปถึงคนที่โดนแมลงภู่ต่อย ปวดแสบปวดร้อน ลองเอาปรอทไปดูดพิษดู ปรากฏว่าคนที่ถูกแมลงภู่ต่อยถึงกับสะดุ้งถามว่าทำไมปรอทถึงเย็นเหมือนน้ำแข็ง อาจารย์ตอบว่าก็ควักมาจากกระเป๋าเสื้อนี่แหละไม่ได้แช่ตู้เย็น ลองเอาปรอทวางไว้บนปากแผลปรากฏว่าคนเจ็บรู้สึกได้ว่าพิษถูกดูด และพักเดียวอาการปวดจากการโดนแมลงภู่ต่อยก็หายอย่างไม่น่าเชื่อ

ประสบการร์ส่วนหนึ่งของปรอทเมฆสิทธิ์และปรอทเพชรครับ

 

ได้มาแล้วเหมือนกันสององค์และผงอีกหนึ่งองค์ แต่มีเรื่องแปลกมากเกิดขึ้น

________________
ได้มาแล้วเหมือนกันสององค์และผงอีกหนึ่งองค์ วันแรกไม่มีอะไร วันที่สองเช้าทดสอบเอาทองคำปิดองค์หนึ่งปิดสามแผ่นทองหายหมดอีกองค์ปิดแผ่นเดียวแต่ไม่กินทองแต่ทองเปลี่ยนเป็นสีขาวติดกับปรอท บ่ายใส่กรอบเงินเตรียมพร้อมคล้องยังไม่ได้คล้องเลยใส่ในกระเป๋าเสื้อเตรียมไปร่วมงานศพตอนไปก็ปกติดีอยู่พอเข้าไปในงานก็เริ่มป่วยกระทันหัน พอดีไปเร็วงานสวดยังไม่เริ่มจึงออกมาหาอะไรกินอาการป่วยเป็นมากจนต้องกลับ และเกิดอะไรแปลกอีกมากเกินจะบรรยายสุดท้ายก็ต้องเอาออกห่างตัวไปก่อน อาการต่างๆ ก็หายไปแบบฉับพลันเลย

จากเหตุที่เกิดอาจเป็นไปได้ว่าเป็นการปรับธาตุในร่างกาย
หรือศีลเราไม่บริสุทธิ์เพียงพอ เพราะการไปเป่าทองเข้าตัวหรือเป่าหัวกับพระอาจารย์บางรูปก็เกิดขึ้นได้

เหตุการณ์แบบนี้เกิดกับตัวเองตอนรับพระเครื่องหลวงพ่อผินะครั้งหนึ่งกับปรอทอาจารย์นี้อีกครั้งหนึ่ง หากใครเล่นของนี้ต้องสังเกตุตัวเองและศึกษาผลต่างๆที่เกิดและวิธีแก้ใว้ด้วยครับ เท่าที่สอบถามกับอาจารย์ เหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นได้และจะหายไปเองในเวลาไม่นานนักครับ แต่ตอนเกิดไม่เจอกับตัวคุณไม่ทราบว่าขนาดใหน

ตอนนี้ก็เอาเฉพาะลูกอมผงคล้องติดตัวปรอทก็เก็บใว้ฐานพระในบ้านก่อนสักพักค่อยเอามาคล้องใหม่ ตอนนี้เพื่อนที่ได้มาพร้อมกันก็เจอคล้ายๆกันและหายแล้วและพกติดตัวได้ตลอดแล้ว เดี๋ยวให้เพื่อนลองไปก่อนเราค่อยตามอีกที