ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คุณสนุก, 4 พฤศจิกายน 2010.

  1. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    มีแรงเงาหนึ่งท่าน(สมาชิก) (ไร้ตัวตน) ใครนะ:d
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    nuanpan
     
  2. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    เหรียญรุ่น 1 รุ่นมั่งมีศรีสุขพ้นทุกข์ภัย

    น้องนิตได้เล่าว่า หลานไปเล่นน้ำ
    ลืมถามต่อว่าน้ำทะเลแถวนั้นหรือเปล่า

    เพื่อนๆเล่นกัน ปรากฎว่าจมน้ำตายไป 2 แต่หลานแขวนเหรียญหยดน้ำหลวงพ่อทวด
    ตัวลอยขึ้นไม่จมน้ำ
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1170601.jpg
      P1170601.jpg
      ขนาดไฟล์:
      200.9 KB
      เปิดดู:
      526
    • P1170602.jpg
      P1170602.jpg
      ขนาดไฟล์:
      200 KB
      เปิดดู:
      516
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  3. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    เนื้อว่านหลวงพ่อทวด

    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1170606.jpg
      P1170606.jpg
      ขนาดไฟล์:
      310 KB
      เปิดดู:
      58
    • P1170607.jpg
      P1170607.jpg
      ขนาดไฟล์:
      326.4 KB
      เปิดดู:
      463
    • P1170608.jpg
      P1170608.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270 KB
      เปิดดู:
      457
  4. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    เหรียญหลวงพ่อทวด ร้านเอราวัณสงขลาสร้างถวาย

    [​IMG]
    [​IMG]

    บอกคุณลุงน้อมค่ะว่า หากว่างจะมาฟังเรื่องเล่าของหลวงพ่อทวดจากคุณลุงอีก
    ตอนนี้คุณลุงอายุ 80 กว่าปีแล้วค่ะ คุณลุงบอกมีเรื่องของหลวงปู่ทวดมากมาย..
    เก็บเหรียญท่าน ไว้ลูกท่านเมตตามาก...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1170604.jpg
      P1170604.jpg
      ขนาดไฟล์:
      205.6 KB
      เปิดดู:
      539
    • P1170605.jpg
      P1170605.jpg
      ขนาดไฟล์:
      217.9 KB
      เปิดดู:
      492
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  5. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    เดินตามรอยหลวงพ่อทวด

    ประวัติของการจัดสร้างแต่ละที่ เมื่ออยากจะรับทราบเรื่องราวของหลวงพ่อทวด
    มักจะได้รับฟังจากผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยตลอดเส้นทางที่ตามไปมีทั้งคดเคี้ยว ยาก
    ลำบาก ผ่านอุปสรรค หลากหลาย แต่สุดท้ายปลายทางเมื่อฟังเรื่องราวเหล่านั้น
    ก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจ ฟังกี่ครั้งกี่ครั้ง ก็มีความสุข บางครั้งก็เจอเรื่องราวเกิดขึ้นกับตัวเอง

    เดินบางเส้นทางเริ่มต้นเต็มไปด้วยกุหลาบ เจอแต่สิ่งสวยงาม เดินไปอีก
    ขึ้นเขา ลงห้วย สดุดก้อนหินกำลังล้ม แต่ใส่สร้อยหลวงพ่อทวดติดตัว
    คว้าไม้เลื้อยตรงนั้นทัน นึกถึงไม้เลื้อยต้นไม้ตรงนั้นเหมือนไม้เท้าหลวงปู่เลย
    เป็นรูปคล้ายไม้เท้าจริงๆค่ะ หากจับคว้าไม่ทันก็บาดเจ็บเลือดตกยางออก
    ทำอะไรทุกอย่างต้องมีสติ ต้องรู้เท่าทัน ทุกอย่างที่ได้มาง่ายดาย ภาพสวยงาม
    แต่ภายใน อาจจะมีอะไรแฝงสิ่งที่เราไม่รู้ลึกตื้นเป็นได้....ต้องไม่ประมาทที่จะรับสิ่งใดๆเข้ามา
    พิจารณาให้ดี

    การทำบุญให้ทำด้วยใจ แล้วจะพบกับสิ่งไม่คาดฝัน.....

    ครั้งที่ไปสำนักสงฆ์พระจตุรวิทย์ ท่านเล่าว่า

    คืนหนึ่ง นิมิตฝันว่า หลวงพ่อทวดมาบอก ตื่นเถอะ ท่านเอาไม้เท้า มาเคาะที่นอน

    แล้วพูดว่าสิ่งที่ท่านทำไว้ เพื่อนทำลายไปหมดแล้ว ให้ไปทำในสิ่งดี ที่คนอื่นทำไม่ได้ให้รีบทำ


    พระจตุรวิทย์ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น

    วันเดียวกัน มีเด็กผู้ชาย เด็กวัดมาถามท่านว่าปีนี้จะทำเรือพระหรือเปล่า
    หลวงพี่ปีนี้(ปี 42) ทำเรือพระไหมจะถึงแล้ว ท่านก็มาคิดว่า ทำเรือพระต้องใช้เวลามาก
    หลายเดือน ประกวดก็ลากพระแห่เพียง 2 วัน ท่านก็เลยบอกไม่ทำแล้ว เอาเวลา3 เดือนไปเดินธุดงค์ดีกว่า

    แต่เด็กคนนั้นก็บอกว่า ทำให้ฟรีๆ นิ
    ท่านก็เดินไปเอากุญแจเปิดกุฎิ ซึ่งกุฎินี้เป็นที่เก็บอุปกรณ์และเรือพระของเดิมที่เคยทำไว้
    พอเปิดกุฎิเท่านั้น ภาพที่เห็นคือ เรือพระเดิมหรืออุปกรณ์ โดนทำลายโดนเผ่า
    ท่านจึงนึกถึงนิมิตฝันที่หลวงพ่อทวดมาเตือนว่า ทำไมไม่ทำในสิ่งดีที่คนอื่นทำไม่ได้
    ของที่ท่านทำไว้โดนเพื่อนทำลายหมดแล้ว

    ท่านก็เลยไปเปิดตำรา ฝันช่วง
    4 โมง เป็นเทพนิมิต เทพสังหรณ์
    ก็นึกคิดกับเหตุการณ์ดังกล่าว

    วันหนึ่งออกบิณบาต กำลังเดินผ่านลุงคุณหนึ่ง ซึ่งไม่เคยพูดคุยกัน แต่ความคิดท่านช่วงนั้นอยากสร้างวัด ไว้เป็นที่สอนกรรมฐาน คิดอยู่ในใจ พอเดินสวนทาง ลุงคนนั้น ก็หันมาพระท่านว่าถามว่าตนพูดอะไร (เป็นภาษาใต้) คือ ท่านบอกไม่ได้พูดอะไร
    ลุงคนนั้นก็บอกว่าได้ยินว่า ตนบอกจะสร้าง ลุงนั้นก็ยืนยันว่าได้ยิน....

    จึงเป็นเหตุให้พระท่านได้สร้างสำนักสงฆ์ที่นั้นขึ้น ท่านเล่าต่อว่า ลุงคนนั้นได้ไปปรึกษากับพี่เขย
    ก็ได้มีการบริจาคที่....ดังกล่าว...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  6. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    คติธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ทวดธรรมประจำใจ
    พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์ละได้ย่อมสงบ
    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ

    สันดาน
    ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมาได้ แต่สันดานของคนเราที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้ง
    ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือนกันได้ยากชีวิตทุกข์

    การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ
    จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ
    เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ เมื่อเราจะออกจากบ้าน
    ก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ
    นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัยบรรเทาทุกข์ การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น
    เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม เราต้องเป็นตัวของเราเอง
    และเราจะต้องวินิจฉัยในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่า สิ่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำยากกว่าการเกิด ในการที่เราเกิดมา ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบายไม่สิ้นสุด
    แม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น

    ยึดจึงเดือดร้อน
    ทุกวันนี้ เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโนน่ ยึดนี่
    ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ โดยไม่คำนึงถึงธรรมสากล จักรวาลโลกมนุษยนี้ ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม
    ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน เกิดการฆ่าฟันกัน เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า
    สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือ หลักความจริงของธรรมะอยู่ให้สบาย
    ในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด อยู่กันอย่างไม่ยินดี อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์ เหนือคำสรรเสริญ เหนือนินทา เหนือความผิดหวัง เหนือความสำเร็จ เหนือรัก เหนือชังธรรมารมณ์

    การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์ คือ การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง
    อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงาน คือ รู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องทำ
    ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่างๆ แล้ว
    ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้น เราย่อมเกิดความโทมนัส เสียใจน้อยใจ เป็นทุกข์กรรม
    ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า เกิดเพราะกรรม อยู่เพื่อกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรมแล้ว
    ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความภิรมย์ มีความรื่นเริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  7. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    ***มาเกาะติดฟังเรื่องเล่าจาก คุณนวล ครับ***
     
  8. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    สวัสดีค่ะพี่รุ่ง แอบแวะมาเล่าเรื่องค่ะวันนี้ลาครึ่งวัน เมื่อวานขับรถเหนื่อยมากค่ะ...

    และแวะไปที่วัดสุวรรณคีรี เลี้ยวผิด เข้าทางหมู่บ้านมุสลิม ลุ้นว่ารถจะโดนเกี่ยวหรือเปล่า
    เพราะทางแคบ พี่รุ่งคงจำเส้นทางนั้นได้นะคะที่มาหลงไปเช่นกัน

    แต่ขากลับออกทาง ค่ายทหารเส้นทางกว้าง ลาดถนนเรียบร้อยแล้ว ไปทุกทีก็หลงไปทางแคบทุกครั้งค่ะ
     
  9. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    เรื่องเล่าของน้องนิต ลูกลุงน้อม

    เล่าว่า ที่ตรงวิหารหัวเขา คือวันหนึ่งจะออกไปซักผ้า กำลังจะหยิบเก้าอี้พลาสติกมานั่ง
    พอหยิบเก้าอี้ขึ้น มีงูตัวใหญ่มากชูแผ่แม่เบี้ย มีเหตุให้น้องนิตคิดว่าต้องไม่ใช่งูทั่วไปแน่ๆ เพราะไม่เคยเห็นงูอะไรแบบนี้มาก่อน สักพักหนึ่งหลาน วิ่งมาบอกว่า มีกี้ฝันเห็นงู ในฝันงูนั้นเป็นงูของหลวงพ่อทวด ซึ่งเป็นเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับที่น้องนิตเพิ่งเจองู
     
  10. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    เมื่อสมัยที่น้องกบยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นร่าง ที่องค์หลวงพ่อทวดท่านมาประทับทรง

    ได้ใช้ให้น้องนิดไปหยิบของที่ในห้อง ซึ่งเป็นห้องของน้องกบซึ่งเวลามีใครมีเรื่องทุกข์ใดๆ ก็จะมาใช้ห้องนี้เป็นที่รักษา...หรือช่วยคลายความทุกข์ให้กับผู้ที่ต้องการให้ช่วยเหลือ

    และไปเห็นขันน้ำมนต์ น้องนิตเล่าว่า ที่ว่าปาฎิหารย์ นิตเชื่อมีจริงที่สัมผัสมา
    ปาฎิหารย์ของหลวงพ่อทวดที่เห็นกับตา คือ มองไปที่ขันน้ำมนต์ อยู่ๆ ก็เหมือนกับมีฟองอากาศในน้ำมนต์ ปรากฎว่าน้ำตาเทียนขึ้นเป็นรูปหลวงพระหลวงพ่อทวด ทีละองค์ ทีละองค์ นับได้หลายองค์ ยังนำน้ำตาเทียนนั้นมาแกะพระออก


    และลุงน้อมเล่าอีกว่า บันไดที่มีพญานาคนั้นเป็นทางลงของพญานาค บ้านตรงข้าม
    จะเจ็บตัวตลอด....ไม่รู้เพราะสาเหตุใด บ้านจะตั้งอยู่ก่อน ที่วิหารจะสร้างขึ้นมา บ้านตรงข้ามก็เป็นบ้านของลูกสาวอีกคนของลุงน้อม.... ลุงเล่าว่า พญานาคจะลงทะเล
    บ้านขวางทางลงหรือเปล่า....

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1170565.jpg
      P1170565.jpg
      ขนาดไฟล์:
      319.8 KB
      เปิดดู:
      53
    • P1170592.jpg
      P1170592.jpg
      ขนาดไฟล์:
      233.4 KB
      เปิดดู:
      493
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  11. tiger 2008

    tiger 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +1,004
    หลวงปู่ทวดเนื้อว่านดำ พิมพ์จัมโบ้ อจ.นอง วัดทรายขาว ตะกรุดเงิน​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  12. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    พระหลวงพ่อทวดงดงามค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • %20_1_~1.jpg
      %20_1_~1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.3 KB
      เปิดดู:
      63
    • อ.นอง.jpg
      อ.นอง.jpg
      ขนาดไฟล์:
      84 KB
      เปิดดู:
      149
  13. tiger 2008

    tiger 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +1,004
    หลวงปู่ทวดอาจารย์แดงวัดไร่ ปัตตานี เนื้อปลอกกระสุนปืน ใต้ฐานฝังตะกลุดลูกปืน 1 ดอก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  14. tiger 2008

    tiger 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +1,004
    พระรูปเหมือนปั๊ม"รุ่นแรก"พระอาจารย์หมุน วัดเขาแดงตะวันออก ปี ๒๕๑๖
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 845.jpg
      845.jpg
      ขนาดไฟล์:
      134.6 KB
      เปิดดู:
      57
  15. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    กราบหลวงพ่อทวดค่ะ

    เมื่อโดนพระท่านทักพูดบอกล่วงหน้า ก็มีเหตุให้ได้พบสิ่งนั้นจริงๆ
    -โยมพรุ่งนี้หากโยมไปทำบุญ ถือว่าเป็นงานบุญหากเจอสิ่งใดมากระทบก็ให้นิ่งเสีย

    -โยมใครเปิดเสียงเพลงพระแม่กวนอิม พระได้ยินแต่เราไม่ได้ยิน

    ทุกอย่างที่พระพูดไม่รู้ด้วยเหตุบังเอิญหรืออะไร ได้พบเจอกับทั้ง 2 สิ่ง
    เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น.....

    ก็ลองไปค้นว่า กรรมฐานคืออะไร :d(y)


    กรรมฐานคืออะไร
    กรรมฐาน เป็นคำเรียกโดยรวมในหมวดของการปฏิบัติธรรมประเภทหนึ่งในพระพุทธศาสนา หมวดกรรมฐาน ประกอบด้วย ตัวกรรมฐาน และโยคาวจร ตัวกรรมฐาน คือ สิ่งที่ถูกเพ่ง ถูกพิจารณา ได้แก่ อารมณ์ต่าง ๆ ส่วนโยคาวจร คือ ผู้เพ่งหรือผู้พิจารณา ได้แก่ สติสัมปชัญญะและความเพียร การฝึกกรรมฐานว่าโดยธรรมาธิษฐานจึงหมายถึงการใช้สติสัมปชัญญะพิจารณาอารมณ์ ที่มากระทบ อย่างระมัดระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้น เพียรหมั่นระลึกถึงกุศลและรักษากุศลนั้นอยู่มิให้เสื่อมไป

    หากกล่าวถึง คำว่า กรรมฐาน เราจะเข้าใจกันว่า กรรมฐาน คือ สมาธิหรือการนั่งหลับตาท่องคำซ้ำ ๆ ซึ่งเป็นการกระทำบางอย่างที่ต่างไปจากพฤติกรรม การให้ทาน การรักษาศีล แต่สำหรับความหมาย ที่มีมาในพระบาลี ตามนัยแห่งมูลฎีกาแสดงวินิจฉัยคำ “กรรมฐาน” ไว้ว่า

    กมฺมเมว วิเสสาธิคมนสฺส ฐานนฺติ กมฺมฐาน

    แปลว่าการงานที่เป็นเหตุแห่งการบรรลุคุณวิเศษชื่อว่า“กรรมฐาน”

    เหตุแห่งการบรรลุคุณวิเศษนั้น มิได้เกิดขึ้นเพียงเพราะนั่งหลับตาภาวนาดังกล่าว แต่มีองค์ประกอบและรายละเอียด อีกมากมาย ดังนั้น ความหมายของกรรมฐานเท่าที่เราเข้าใจ จึงยังคลุมเครือและยังต่างจากความหมายที่แท้จริงอยู่มาก การสร้างความบริสุทธิ์แห่งจิตนี้ จำเป็นจะต้องมีสิ่งที่ไม่เป็นโทษให้จิตอิงอยู่ได้ สิ่งอิงที่ว่านี้มี ๒ ลักษณะ คือ อาจเป็นได้ทั้งสิ่งที่อยู่ภายนอกระบบร่างกายและจิตใจ หรือสิ่งที่อยู่ภายในระบบร่างกายและระบบจิตใจก็ได้ สิ่งที่อยู่นอกระบบร่างกายและจิตอาจเป็นส่วนที่สร้างขึ้นหรือมาจากภาวะแวดล้อม เช่น ดวงกสิณ ซากศพ หรืออาหารที่รับประทานอยู่ทุกวัน ส่วนสิ่งที่มาจากภายในระบบร่างกายและระบบจิตใจ ก็คือ อริยาบถต่าง ๆ และความคิด เป็นต้น ทั้งหมดเหล่านี้สามารถนำมาเป็นองค์ประกอบในการฝึกอบรมจิตที่เรียกว่ากรรมฐานได้ (ชิน วินายะ มปป : ๒)

    การปฏิบัติกรรมฐาน เป็นการกระทำด้วยความตั้งใจหรือจงใจลักษณะหนึ่ง แต่เป็นไปในฝ่ายกุศลส่วนเดียว เพราะมิได้มีเหตุจูงใจจากความต้องการในกามคุณอารมณ์ การปฏิบัติกรรมฐานจึงไม่ขึ้นกับโลกธรรมและกามคุณดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายพื้นฐาน คือ การอบรมจิตใจให้สงบจากนิวรณ์ธรรม คือ ตัณหา ความคิดมุ่งร้าย ความเกียจคร้าน ความเร่าร้อน ไม่สบายใจ และระแวงสงสัย เป็นต้น จิตที่สงบจากนิวรณ์ธรรมทั้งหลายจักเข้าถึงสภาวะแห่งปัญญาได้ไม่ยากนัก

    เนื่องจากพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการปฏิบัติ (กิริยวาท) และเป็นศาสนาแห่งความเพียรหรือวิริยวาท (พระมหาบุญชิต สุดโปร่ง : ๒๕๓๖) ความเพียรในการปฏิบัตินี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อที่สำคัญ คือ ศรัทธา ๔ ได้แก่ ความเชื่อในเรื่องกรรมหรือการกระทำ (กมฺมสทฺธา) ในเรื่องผลของกรรม (วิปากสทฺธา) ในความเป็นเจ้าของกรรมที่ตนทำ (กมฺมสกฺตาสทฺธา) และความเชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธองค์ (ตถาคตโพธิสทฺธา) ดังนั้น “ กรรม ” จึงเป็นคำสำคัญในคัมภีร์พระพุทธศาสนาใช้อธิบายแนวคิดเกี่ยวกับโลกและชีวิตในเชิงพุทธ มีความหมายสัมพันธ์กับคำว่า กุศล อกุศล บุญ บาป วาสนา บารมี (พระเมธีธรรมาภรณ์, “กรรม” ในคำ : ร่องรอยความคิดความเชื่อไทย ๒๕๓๗ : ๑ )
    การกระทำโดยทั่วไปมี ๓ ลักษณะ โดยแบ่งตามช่องทางที่แสดงออก คือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มีทั้งส่วนที่เป็นกุศลและอกุศล ส่วนมากอาศัยอารมณ์ทั้ง ๕ และมีโลกธรรม ๘ เป็นอารมณ์ และเป็นเหตุจูงใจให้มีการกระทำที่เป็นกุศลหรืออกุศล เช่น บุคคลมีเจตนาคิดอยากได้ทรัพย์สมบัติของผู้อื่น (อกุศลมโนกรรม) ด้วยอำนาจความโลภ จึงแสดงพฤติกรรมของการแย่งชิง หรือไม่ก็หยิบฉวยไปโดยไม่ได้รับอนุญาต (อกุศลกายกรรม) เป็นต้นทรัพย์สมบัติของผู้อื่นซึ่งเป็นรูปธรรมจึงเป็นเหตุให้มีการกระทำต่าง ๆ ตามมา

    กล่าวโดยสรุป การฝึกกรรมฐานเป็นการกระทำกุศลกรรมชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะมโนกรรม ต่างจากกรรมทั่วไป ตรงที่เป้าหมายการกระทำเป็นไปเพื่อความสิ้นภพชาติ สิ้นทุกข์ ไม่ต้องไปเกิดในแหล่งกำเนิดใดอีก เนื่องจากจิตต้องอิงอาศัยอารมณ์จึงเกิดขึ้นได้ และธรรมชาติของจิตมีความสัดส่ายไปตามอารมณ์ ไม่อาจหยุดนิ่งเพื่อการพิจารณาแม้เพียงชั่วครู่ จึงจำเป็นต้องใช้อุบายบางอย่าง เพื่อลดความสัดส่าย โดยหาสิ่งที่ไม่เป็นโทษให้จิตอิงอยู่ อุบายที่ว่านี้คือ ที่มาของกิจกรรมที่เรียกว่ากรรมฐาน

    อุบายดังกล่าวแยกออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่

    ๑. อุบายสงบใจ กล่าวคือ อาศัยวิธีการท่องถ้อยคำบางอย่างซ้ำ ๆ กัน และบังคับตนเองในลักษณะ การสร้างแนวคิด เกี่ยวกับคำนั้น สิ่งที่เราสร้างขึ้นไม่ว่าจะเป็นแนวคิด ความคิด หรือภาพพจน์ของคำ ๆ นั้น ล้วนเป็นองค์ประกอบของความสงบที่เรียกว่า สมถกรรมฐาน
    ๒. อุบายเรื่องปัญญา อาศัยความรู้สึกตัวที่มีอยู่ รู้ถึงการสัมผัสทางทวารทั้ง ๖ รู้ถึงปรากฏการณ์ทางจิต ขณะร่างกายมีการกระทบสิ่งเร้า เฝ้าติดตามการรับรู้นี้ด้วยความตั้งใจ เมื่อมีความตั้งใจอยู่ที่ การรับ กระทบความคิดต่าง ๆ ก็จะถูกตัดออกไป จนไม่สามารถสอดแทรกเข้ามาได้ ไม่เปิดโอกาส ให้มีการก่อตัว ของแนวคิด ภาพลักษณ์หรือความคิดใด ๆ ตามมา เท่ากับเป็นการรู้เท่าทัน กระบวนการที่เกิดขึ้นโดยตรงในทันทีที่เกิดขึ้น จึงไม่เกิดการบิดผันใด ๆ ทางด้านความคิดนี้ คือ ส่วนของกิจกรรมที่เรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน (ชิน วินายะ มปป : ๒ - ๗ )

    เนื่องจากกรรมฐานเป็นกุศโลบายบางอย่างที่เกิดจากความตั้งใจสร้างแนวคิดขึ้นหรือไม่ก็เป็นการตั้งใจรับความรู้สึกโดยไม่ผ่านแนวคิด อารมณ์ที่จิตอิงอยู่จึงไม่เหมือนอารมณ์ทั่วไป ที่รับรู้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน ภาพลักษณ์และความรู้สึกตัวเป็นผลมาจากความตั้งใจ ดังกล่าว และถูกจัดเป็นหมวดหมู่ของอารมณ์พิเศษที่มีหลักการและวิธีการรับรู้เป็นการเฉพาะสำหรับกรรมฐานแต่ละประเภท เช่น แนวคิดของคำหรือภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้นจากสมถกรรมฐาน ๔๐ อย่าง หรือความรู้สึกตัวในนาม-รูปจากวิปัสสนากรรมฐาน มีขันธ์ อายตนะ เป็นต้น อารมณ์พิเศษและวิธีการเฉพาะนี้มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาได้โดยบังเอิญ หรือนึกคิดจะทำตามความนิยมที่สืบต่อกันมาก็ทำได้ แต่เป็นสิ่งที่ต้องการความเข้าใจในเหตุปัจจัยและหลักการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลตามที่ต้องการ ดังนั้น การเข้าหาอาจารย์ผู้มีความชำนาญในการใช้อุบายกรรมฐาน การรู้ถึงจริตอัธยาศัยผู้เรียน การอยู่ในสถานที่ที่ไม่พลุกพล่าน มีการเรียนการสอน และการปฏิบัติควบคู่กันไป และการอุทิศเวลาบางส่วนเพื่อศึกษาและปฏิบัติจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเจริญกรรมฐาน

    ความสำคัญของกรรมฐาน

    ความทุกข์เป็นสิ่งที่ชีวิตไม่ต้องการ พระพุทธศาสนาแบ่งความทุกข์ไว้ ๒ อย่าง คือทุกข์ประจำและทุกข์จร ทุกข์ประจำ หมายถึง ทุกข์ที่มาพร้อมชีวิต คือ การเกิด แก่ ตาย ไม่มีใครหลีกเลี่ยงทุกข์ประจำนี้ได้ ส่วนทุกข์จรได้แก่ ความเศร้าโศก รำพัน ต้องอาลัยไม่ขาด การไม่สมความปรารถนา และการพลัดพรากจากของรัก เป็นต้น เป็นเพียงทุกข์ที่ผลัดกันเกิดขึ้นในระหว่างที่เกิดแก่และตายนั่นเอง อาจจะบรรเทาได้บางส่วนตามสมควร แต่ก็ไม่อาจทำให้ทุกข์จรนั้น หมดไปได้เช่นกัน สังคมในอดีตเคยต้องเกิด แก่ ตายอย่างไร ปัจจุบันแม้จะมีเทคโนโลยี ที่ก้าวหน้าทันสมัยอย่างไร เทคโนโลยีเหล่านั้น ก็ยังไม่อาจ แก้ปัญหาชีวิตที่ต้องแก่และต้องตายของชีวิตใครได้

    พระพุทธศาสนามิได้สอนหรือบังคับให้หนีสังคม มิได้ถ่วงความเจริญ หรือพยายามหยุดยั้งเทคโนโลยีที่กำลังก้าวกระโดดนั้น อย่างที่หลายคนเข้าใจกัน ที่จริงแล้วจะมีเทคโนโลยีหรือไม่มีก็ตาม ปัญหาก็มิได้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นจากเดิม ทั้งนี้เทคโนโลยีต่าง ๆ มีทั้งส่วนที่ให้คุณและให้โทษ ขึ้นอยู่กับผู้ที่นำไปใช้มากกว่า จุดยืนทางศาสนาอยู่ที่การเป็นสัญญาณ เตือนภัยที่จะเกิดแก่มนุษย์ ภัยนั้นมีอยู่รอบด้านโดยเฉพาะภัยทางความคิด ซึ่งมนุษย์มองไม่เห็นและไม่เชื่อว่าเป็นภัยจริง มุมมองที่คับแคบอาจทำให้มนุษย์มอง เห็นเพียงด้านเดียว ของความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี แล้วกล่าวอ้างถึงความเจริญทันสมัย เพื่อสนับสนุนความคิดของตน และเลือกที่จะทำตามความคิดนั้น จนละเลยปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง

    ศาสนามีหน้าที่แสดงความจริงเกี่ยวกับโลกและชีวิต แนะนำถึงความรอบคอบ และรอบรู้ในการดำเนินชีวิต โดยเกิดความเดือดร้อน น้อยที่สุด รอบรู้ว่าสิ่งใดควรคิดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ ช่วยให้มนุษย์เข้าใจชีวิตและส่วนที่เป็นปัญหา มีระเบียบในเรือนใจ และการยอมรับเหตุผล ทำให้สามารถหาทางออกจากความขัดแย้งและอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยปัญหาได้อย่างผู้รู้กาลเทศะ

    จุดมุ่งหมายของกรรมฐาน

    การฝึกกรรมฐาน เป็นกิจกรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา เกิดขึ้นเพื่อเป็น พื้นฐานรับรองเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ดังกล่าว ในพระศาสนา แม้จะ มีจุดหมายสูงสุดอยู่ที่การบรรลุ คุณวิเศษ คือ มรรค ผล นิพพาน แต่ถ้าจิตใจยังพัฒนา ไม่ผ่านขั้นตอนการยอมรับ การเวียนว่ายตายเกิด อันยาวนานของตนเอง หรือยังมีความสงสัยในเรื่องภพชาติ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันและที่จะเป็นไปในอนาคตแล้ว ขบวนการถอนรากถอนโคนกิเลสตัณหา อาสวะ และอนุสัยต่าง ๆ ในจิตใจอย่างจริงจังจะยังไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ภัยของภพชาตินั้น มาจาก ความจำเจวนเวียน ที่ชีวิตต้องอยู่กับ ความสุขบ้าง ความทุกข์บ้าง มีความผันแปรไปตามเหตุปัจจัย มิได้ผันแปรไปตาม ความต้องการของตนเอง การเห็นภัยจึงมีความสำคัญทำให้ผู้เห็นภัยดังกล่าวยอมเปลี่ยนวิถีชีวิตจากที่เคยวนเวียน เป็นไปเนื่องด้วยกิเลสตัณหา สู่วิถีชีวิตที่มีสติสัมปชัญญะดำเนินชีวิตไปตามทางมรรคได้อย่างมั่นคง

    ความกลัวภัย ทำให้เราเปลี่ยนแนวความคิด เปลี่ยนความต้องการใหม่ ตรงนี้คือ จุดเริ่มของพระพุทธศาสนา การทำทาน รักษาศีล ไม่ช่วยให้เกิดความรู้สึกกลัวภัยได้ คนที่จะน้อมเข้ามาในการปฏิบัติกรรมฐานจะต้องเห็นภัยในวัฏสงสารก่อน จึงจะมองหาการปฏิบัติ แต่การปฏิบัติบางอย่างอาจทำให้เกิดความสุขมากมาย ซึ่งไม่ช่วยให้เห็นภัยของวัฏฏะ นั่นก็ไม่ตรงกับพระพุทธศาสนา พื้นฐานความคิดเกี่ยวกับ ภัยของวัฏสงสารจะได้จากการเรียนก่อน จากนั้นจึงน้อมเข้ามาสู่การปฏิบัติ (พระมหาณรงค์ศักดิ์ ฐิตญาโณ. สัมภาษณ์.)

    การพิสูจน์การเวียนว่ายตายเกิดนั้น มิใช่เพียงการทำจิตให้สงบแล้วพาไปดูนรกสวรรค์หรือจินตนาการถึงพระนิพพาน ว่าเป็นเมืองแก้วตามที่ได้ยินมา การยอมรับว่ามีนรกสวรรค์ดังกล่าว มีประโยชน์ในแง่ของการสร้างศรัทธา ที่จะทำความดี ละเว้นความชั่ว เพื่อความสุขของชีวิตในภพนี้และภพหน้า แต่ไม่สามารถเปลี่ยนความเชื่อและทิฏฐิ ที่เป็นอนุสัยนอนเนื่องอยู่ในขันธสันดานได้ จึงมีความปรารถนาการเกิดอยู่เสมอไป ไม่รู้สึกว่าสังสารวัฏฏ์ จะเป็นภัย ต่อชีวิตตนเองได้อย่างไร การเผชิญ กับความเกิดดับ (ตาย) อย่างซ้ำซากเฉพาะหน้า จำต้องอาศัยความเข้าใจ และการปฏิบัติบำเพ็ญเพียรทางจิตขั้นเอกอุ จึงจะยอมรับภัยของชีวิตได้ ซึ่งมีวิธีการอยู่ ๒ วิธี คือ สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน

    วิธีการต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้น ทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน เป็นอุบายในการฝึกสังเกตความเป็นไปของจิตขณะ กระทบอารมณ์ต่าง ๆ เป้าหมายการสังเกตอยู่ที่ความสามารถในการรับรู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดของตนเองก่อนที่จะ แสดงพฤติกรรมอะไรออกไปทางกาย วาจา หากเราเข้าใจช่วงต่อของความรู้สึกนึกคิด จากความรู้สึกเก่า (วิบากวัฏ) ปรุงแต่งไปสู่ความรู้สึกใหม่ (กิเลสวัฏ) เป็นเหตุให้เกิดการกระทำใหม่อีก (กรรมวัฏ) ว่าวิบากเป็นเพียงผลมาจากอดีตกรรม ไม่มีใครเลือกรับแต่วิบากดี หรือย้อนกลับไปเปลี่ยนกรรมในอดีตได้ ตัววิบากเองไม่ดีและไม่ชั่วรับผลแล้วดับไป แต่การดับไป ถูกตัวกิเลสปิดบัง และปรุงแต่งให้ดูเหมือน ยังมีอยู่ตลอดเวลา ไม่ด้วยวิธีการสืบต่ออารมณ์อย่างรวดเร็วไม่ขาดสาย ก็ด้วยความเป็นกลุ่มของ อัตตาที่ยึดถือขึ้นมาเอง ความยึดถือและสำคัญผิดนี้ คือส่วนของการปรุงแต่งเป็นกรรมใหม่ที่พยายาม จะแก้ไขเปลี่ยนแปลง สิ่งภายนอกให้เป็นไปตามความต้องการของตน วัฏสงสารแห่งกิเลส - กรรม - วิบาก อันเป็นปมปัญหาของชีวิต ที่เคยทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดนั้น แฝงอยู่ ณ จุดเชื่อมต่อระหว่างความรู้สึกนึกคิดในปัจจุบันนั่นเอง

    หากเข้าใจจุดมุ่งหมายและสามารถปฏิบัติกรรมฐานธรรมไปตามแบบที่พระพุทธองค์วางไว้จนเกิดผลในระดับหนึ่งแล้ว ประสบการณ์ทางศาสนาดังกล่าวจะเป็นตัวกระตุ้นความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแท้จริงให้เกิดขึ้น มิใช่ศรัทธาที่เกิดขึ้นจากการ ฟังตามกันมา แต่เป็นความศรัทธาที่มั่นคงในความจริงเฉพาะหน้า รู้จักว่าส่วนใดเป็นคุณค่าสูงสุดในพระพุทธศาสนา ส่วนใดมิใช่คุณค่า และหาโอกาสตอบแทนบุญคุณพระศาสนาด้วยความเคารพและกตัญญู

    พุทธศาสนิกชนที่มีความประสงค์จะแสวงหาวิชาในด้านพระพุทธศาสนา ควรศึกษาพระไตรปิฎก อรรถกา ฎีกา จากท่านผู้รู้ที่มีวิทยฐานะโดยถูกต้องและสมบูรณ์ จึงจะได้รับความรู้นั้นตามความประสงค์ ได้เหตุผลในการปฏิบัติอย่างถูกต้อง ถ้าหากว่ามีแต่การชอบฟังในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาโดยทำนอง ปาฐกถาบ้าง ธรรมเทศนาบ้าง ธรรมสากัจฉาบ้างเช่นนี้แล้ว ความประสงค์ที่จะได้รับวิชาความรู้โดยถ่องแท้นั้น จะมีแก่ตนไม่ได้เลย เพียงแต่ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง ผ่องใส เป็นกุศลจิตเกิดขึ้นชั่วครู่หนึ่ง ๆ พร้อมกับความรู้เล็กๆน้อยๆเท่านั้น (พระสัทธัมมโชติกะ ๒๕๑๐ : ๕๕ )

    ที่มา..
    http://abhidhamonline.org/kammathana.htm
     
  16. visun18

    visun18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +131
    กราบหลวงพ่อทวดครับ

    มาติดตามประสบการณ์ดีๆจากคุณนวล

    คุณนวลมีประวัติ พ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ มั้งไหมครับ
     
  17. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    สวัสดีค่ะ
    ประวัติพ่อท่านพรหม ค่ะ
    http://www.shopat7.com/Tiptricks/ประวัติพ่อท่านพรหม.html
     
  18. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    พระพุทธรูปหลวงพ่อทวดที่โยมเผื่อนถวายสำนักสงฆ์นั้น
    ได้จากวัดคูหาสวรรค์ พัทลุง ก็เลยลองหาข้อมูล
    วัดคูหาสวรรค์มาให้อ่านค่ะ..

    วัดคูหาสวรรค์ เป็นวัดที่มีความสำคัญวัดหนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่พระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์โปรดในการเสด็จอยู่เสมอ มีโบราณสถานและรูปแบบศิลปกรรมที่สำคัญ

    """"""""""ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “วัดคูหาสูง” หรือ “วัดสูง” ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างเมื่อใด ตามตำนานนางเลือดขาวระบุไว้ว่า เมื่อตาสามโมกับยายเพชรถึงแก่กรรมแล้ว กุมารกับนางเลือดขาวให้นำอัฐิของท่านทั้งสองไปเก็บไว้ในถ้ำคูหาสวรรค์ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ ๑ องค์ และพระพุทธรูปปูนปั้น ปั้นด้วยดินเหนียวเรียงแถวเป็นระเบียบทางด้านทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันตก รวม ๓๗ องค์

    """"""""""พระมหากษัตริย์หลายพระองค์เคยเสด็จประพาสที่นี่ ดังพระปรมาภิไธยย่อที่ทรงจารึกไว้ว่า จ.ป.ร.๑๐๘ บริเวณหน้าถ้ำ และเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จ พระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เคยเสด็จประพาสถ้ำคูหาสวรรค์ ทรงจารึกพระปรมาภิไธย ภปร.และสก.๑๗.๓.๒๕๐๒ ไว้ที่เพิงหน้าถ้ำ

    """"""""""ถ้ำนี้ลึกและยาว มีทางลอดใต้ภูเขาออกไปถ้ำนางคลอดซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง ปัจจุบันวัดคูหาสวรรค์ได้รับการโปรดเกล้าฯเป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเชิงเขาหัวแตก ตำบลคูหาสวรรค์ ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดพัทลุงประมาณ ๘๐๐ เมตร





    ถ้ำคูหาสวรรค์
    """"""""""ที่ตั้ง วัดคูหาสวรรค์ ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง



    """"""""""ประวัติ ถ้ำคูหาสวรรค์ตั้งอยู่ในวัดคูหาสวรรค์ ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “วัดคูหาสูง” หรือ “วัดสูง” ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ตามตำนานนางเลือดขาวระบุว่า เมือตาสามโมกับยายเพชรถึงแก่กรรมแล้ว กุมารกับนางเลือดขาวให้นำอัฐิของท่านทั้งสองไปเก็บไว้ในถ้ำคูหาสวรรค์



    """"""""""ตามความในหนังสือทำเนียบวัดจังหวัดพัทลุงของพระครูอริยสังวร(เอียด) กล่าวว่า วัดคูหาสวรรค์สร้างเมื่อ พ.ศ. ๑๙๒๔ ส่วนความในหนังสือพระกัลปนาวัดเมืองพัทลุงสมัยอยุธยา ระบุว่าพระราชมุนีร่วมกับพระครูธรรมรังษี พระมหาเถรพุทธรักขิต พระครูบุศเทพ พระหมื่นเทพบาล สร้างวัดบริเวณ ถ้ำ คูหาสวรรค์ และก่อพระพุทธรูป ๒๐ องค์ สร้างพระเจดีย์ ๗ องค์ เข้าถวายพระราชกุศลเข้าไปยังกรุงศรีอยุธยา โปรดเกล้าฯ ให้มีพระตำรา ตราโกษาธิบดี ยกญาติโยมและ๓มิสัตว์ไร่นาอันมีในที่นั้น ๑๒ หัวงานขาดออกจากส่วยหลวง เป็นศีลบานทานพระกัลปนาสำหรับวัดคูหาสวรรค์สืบต่อไป อยู่ต่อมา เมื่อออกเมืองคำออกเป็นเจ้าเมืองพัทลุง อุยงคตนะโจรสลัดมลายูยกกำลังเข้าปล้นเมืองพัทลุง ได้เผาผลาญบ้านเรือน วัดวาอารามมาจนถึงตำบลคูหาสวรรค์ ดังนั้นวัดคูหาสวรรค์ก็น่าจะถูกทำลายไปด้วย ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช วัดคูหาสวรรค์จึงได้รับการบูรณะใหม่

    ที่มา

    วัดคูหาสวรรค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  19. tiger 2008

    tiger 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +1,004
    s]หลวงพ่อทวด ๒ วัด​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. anusart34

    anusart34 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2011
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +868

    สวยงามมาก องศ์นี้ ชอบๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...