ข้อมูลสำหรับผู้ชอบทานวิตามินเสริม

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย Mccarthney, 19 เมษายน 2010.

  1. Mccarthney

    Mccarthney เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +771
    ผมได้ไปอ่านเจอบทความนึง แล้วคิดว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ชอบทานอาหารเสริม และเสียเงินมากมายโดยมีความเชื่อผิดๆว่ามันดี ลองอ่านบทความข้างล่างนี้ดูนะครับ น่าจะมีประโยชน์กับ พี่ๆทุกคนครับ

    วิตามินอาหารเสริมโทษ! มากกว่าคุณ


    โรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคหลอดเลือดสมอง

    นายแพทย์สงวนศักดิ์ ฤกษ์ศุภผล คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ บอกว่า สาเหตุหลักส่วนใหญ่ของโรคเรื้อรังเหล่านี้ มาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ความเครียด การขาดการออกกำลังกาย

    และ...ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายต่ำ

    "ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่รู้ตนเองล่วงหน้าว่าป่วยเป็นโรคร้ายต่างๆ เนื่องจากขาดอาการบ่งชี้ของโรค ขาดการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เราจึงมักพบผู้ป่วยจำนวนมาก ที่ตรวจพบเจอโรคร้ายในระยะสุดท้าย หรือเสียชีวิตก่อนทำการรักษาไปอย่างน่าเสียดาย..."

    คุณหมอสงวนศักดิ์ บอกว่า ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายสามารถบ่งชี้สุขภาพของบุคคลได้ เพราะสารต้านอนุมูลอิสระเป็นด่านแรกในการปกป้องเซลล์จากการจู่โจมของอนุมูล อิสระที่เป็นตัวการทำร้ายร่างกายอันเกิดจากมลภาวะ ควันบุหรี่ แสงแดด การดำรงชีวิตประจำวันของคนไทยปัจจุบัน

    ปกติแล้วในร่างกายของเราจะมี ระบบต่อต้านอนุมูลอิสระด้วยเอนไซม์ที่ร่างกายสร้างขึ้น ซึ่งร่างกายจะต้องได้รับสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่หลากหลายอย่าง เพียงพอ

    เพื่อให้ระบบต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และกำจัดเอาของเสียเหล่านี้ออกไปจากร่างกาย

    คุณ หมอสงวนศักดิ์ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยและอุปกรณ์ เครื่องไบโอโฟโตนิค สแกนเนอร์ ที่เป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ตรวจวัดค่าเฉลี่ยสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อหาความสัมพันธ์ที่มีผลต่อสุขภาพ

    ผลการเก็บข้อมูลจากอาสาสมัครคนไทย 80 คน แบ่งเป็นผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ 40 คน และคนสุขภาพแข็งแรงจำนวน 40 คน พบว่า...

    ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจมีระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อร่างกายต่ำกว่าคนสุขภาพแข็งแรงเกือบ 2 เท่า

    อีก ทั้ง คนไทยทั่วไปยังมีค่าเฉลี่ยสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในระดับต่ำ ประมาณ 10,000-30,000 ซึ่งเป็นระดับที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและก่อให้เกิดโรคร้ายต่างๆได้

    นไทยควรจะมีค่าสารต้านอนุมูลอิสระในระดับ 50,000 ขึ้นไป ซึ่งเป็นค่าที่มีความสอดคล้องกับระดับแคโรทีนอยด์ในเลือด และเป็นระดับที่บ่งชี้ว่าบุคคลนั้นมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังเหล่า นี้ น้อยกว่าคนที่มีค่าสารต้านอนุมูลอิสระต่ำ

    คุณหมอสงวนศักดิ์ บอกว่า สำหรับเครื่องไบโอโฟโตนิค สแกนเนอร์ (Biophotonic Scanner) เป็นนวัตกรรมใหม่ ค้นคว้าวิจัยโดย ดร.เวอร์เนอร์ เกลเลอร์แมน สถาบันเลเซอร์ แผนกฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ใช้พื้นฐานเทคโนโลยีรามาน สเปคโตรสโคปี โดยเซอร์ซีวี รามาน เจ้าของรางวัลโนเบล

    วัดระดับแคโรทีนอยด์ที่ผิวหนังมนุษย์ด้วยแสง เลเซอร์พลังงานต่ำ โดยไม่ต้องเจาะเลือด แต่ได้ค่าที่แม่นยำเทียบเท่ากับการเจาะเลือด ทำให้ทราบถึงระดับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายได้อย่างง่ายดาย และปลอดภัย ภายในเวลา 3 นาที

    เหล่านี้คือความสำคัญของอนุมูลอิสระ คุณหมอสงวนศักดิ์แนะอีกว่า วิธีดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคร้าย สิ่งสำคัญคือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทั้ง 5 หมู่

    "เน้นการรับประทานผักสด ผลไม้หลากสี...เพื่อเสริมสร้างปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายให้เพียงพอ"

    ผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณมาก ได้แก่ คะน้า มะเขือเทศ แครอท ฟักทอง และมะเขือม่วง อีกทั้งยังต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกายให้เสียเหงื่ออย่างสม่ำเสมอ

    หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อรู้เท่าทัน เตรียมพร้อมรับมือโรคร้ายได้อย่างทันท่วงที

    สุดท้ายอย่าลืมข้อเลี่ยงสำคัญคือ มลภาวะและความเครียด

    สำหรับ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่โฆษณาสรรพคุณว่า สามารถช่วยเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย เสริมภูมิต้านทานโรคร้ายได้นั้น พญ.อภิญญ์เพ็ญ สาระยา ให้ทรรศนะร่วมกับ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมอง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เอาไว้ว่า

    อาหาร เสริม...วิตามิน...สมุนไพรบางประเภทถึงจะไม่ผ่านการรับรอง แต่ก็เป็นที่ยอมรับของประชาชน ด้วยความเชื่อที่ว่า...อะไรที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีพิษมีภัย

    และอะไรที่ขายในต่างประเทศ เช่น อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย ย่อมจะเป็นของดี

    ในความเป็นจริงการขายอาหารเสริมอย่างเสรีในอเมริกาเกิดจากการล็อบบี้ต่อสภา คองเกรสของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีทุนหลายพันล้านดอลลาร์ โดยบริษัทอ้างว่าเป็นเสรีภาพของประชาชนที่จะตัดสินใจเลือกบริโภคด้วยตัวเอง

    อาหารเสริมสมุนไพรเหล่านี้ แม้ว่าจะผ่านตรา อย. ก็ไม่ได้หมายความว่า มีข้อพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพจริง

    "อย.จะเข้าตรวจสอบก็ต่อเมื่อ เกิดผลอันตรายขึ้นมาแล้ว"

    ประเทศไทยมีการโฆษณาอาหารเสริมอย่างถี่ยิบ ด้วยรูปแบบการตลาดขายตรง ทั้งยังโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงผ่านผู้แทนการขาย

    อีก ทั้งยังแฝงด้วยการใช้ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นนักวิชาการ แพทย์ เภสัชกร อธิบายสรรพคุณผ่านสื่อ โทรทัศน์ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต

    สรรพคุณมุมมองดีๆผ่านสื่อเหล่านี้ นอกจากจะทำให้ประชาชนทั่วไปอยากสุขภาพดี ยังมีคนไข้เจ็บป่วยจริงๆเจียดเงินมาซื้อผลิตภัณฑ์ เหล่านี้ จนละเลยการรักษาที่ถูกต้อง

    ในท้ายที่สุด ผู้ป่วยก็ประสบเคราะห์กรรม หรือไม่ ผลิตภัณฑ์ก็มีปฏิกิริยาต่อยาปัจจุบัน...เกิดผลร้ายแรงกับคนไข้

    คุณหมอธีระวัฒน์ ยกตัวอย่าง กรณีค่อนข้างใกล้ตัว...วิตามินอี

    "วารสารนิวอิงแลนด์และแลนเซ็ท ฉบับมกราคม 2543 และ 2544 จนถึงปัจจุบันยืนยันว่า...วิตามิน E ไม่ช่วยป้องกันเส้นเลือดตีบ"

    แม้ ว่าวิตามินอี อาจจะชะลอโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ได้เล็กน้อย แต่ผลข้างเคียงรุนแรงกว่า หากใช้ในขนาดตั้งแต่ 400 หน่วยต่อวัน กลับทำให้ เสียชีวิตเพิ่มขึ้น

    วิตามิน B6, B12 และ folic acid เดิมเชื่อกันว่า...ลดสาร homocysteine ซึ่งก่อให้เกิดเส้นเลือดตีบในหัวใจ สมอง และขา กลับพบว่าทำให้เป็นโรคเส้นเลือดตีบมากขึ้น และก่อให้เกิดอันตรายเพิ่มขึ้น

    ไม่เว้นแต่...วิตามินเบตาแคโรทีน (Beta carotene) ที่เชื่อว่า... กันมะเร็ง เมื่อนำไปศึกษากลับพบว่าก่อมะเร็งในปอดมากขึ้น

    ข้อมูล เหล่านี้ แม้ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการอ่านแล้วน่าเบื่อ... แต่ขอให้รู้เอาไว้ว่า อาหารเสริมใช่จะมีสรรพคุณเลิศเลอ แต่ยังแฝงไปด้วยโทษถึงชีวิต

    วารสารแลนเซ็ท มกราคม 2549 การศึกษาในประชากรมากกว่า 250,000 ราย พบว่า การทานผัก ผลไม้ช่วยลดการเกิดอัมพาต อัมพฤกษ์ ได้ถึง 30%...ทำให้อัตราการเกิดมะเร็งลดลง ซึ่งไม่มียาตัวใด มีสรรพคุณยอดเยี่ยมเช่นนี้

    "ทานผัก ผลไม้ หลากหลายชนิด อย่างน้อยวันละ 3-5 ครั้ง เป็นวิธีธรรมชาติที่ดีที่สุด แถมไม่เสียสตางค์เพิ่มจากค่าอาหารที่ต้องใช้ทุกวัน"

    คุณหมอธีระวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย.


    ขอบคุณข้อมูล จาก นสพ.ไทยรัฐ คอลัมน์ สกู๊ปหน้าที่ 1 วันที่ 19/4/2553
     
  2. skincare

    skincare สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    385
    ค่าพลัง:
    +10
    ข้อมูลแน่นมากคะ
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    สรุปว่า ทานอาหารตามธรรมชาติดีที่สุดนะคะ
    เราไม่มีทางทราบได้เลยว่า อาหารสังเคราะห์และยาที่เขาทำเพื่อการค้าจะมีประโยชน์โดยปราศจากโทษ
     
  4. Stabilo

    Stabilo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +760
    B กับ C ละลายน้ำได้ ถ้ากินเยอะไป ร่างกายขับออกมาได้

    แต่ A D E K ละลายในน้ำมัน กินเยอะมันจะสะสมในร่างกาย
     
  5. Stabilo

    Stabilo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +760

    ครับ อย่างเม็ดองุ่น มันก็เอาของเหลือจากการผลิตออกมาทำเป็นอาหารเสริม

    น้ำมันปลาโอเมก้า3ก็เหมือนกันครับ สกัดออกมาจากน้ำต้มปลาของโรงงาน
    ปลากระป๋อง

    ส่วนรังนกขวดลองอ่านส่วนประกอบจะเห็นว่ารังนกนิดเดียวเอง
    ลองไปร้านยาจีนถามราคารังนก จะรู้เลยว่าที่ขายกันเป็นชามๆเขาให้เรากินอะไรลงไป
     
  6. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,077
    ค่าพลัง:
    +52,179
    การทานวิตามินไม่ควรทานติดต่อกันเกิน 90 วัน เพื่อป้องกันอันตราย และหลังจาก 90 วันไปแล้วให้หยุดกินวิตามิน 90 วัน เพื่อให้ร่างกายได้นำวิตามินที่ยังตกค้างในร่างกายออกมาใช้งาน แล้วจึงจะสามารถเริ่มทานใหม่ได้ครับ
     
  7. khunfongbeer

    khunfongbeer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +668
  8. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ พืชผักสีเขียวล้วนเป็นทั้งวิตามินและยาครับผม สาธุ
     
  9. พี่กวาง

    พี่กวาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +17
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ดีค่ะ
     
  10. linake119

    linake119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +578
    ข้อมูลที่นำเสนอมา มีทั้งจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ครับ ที่กินแล้วได้ผล ก็มี กินแล้วไม่ได้ผลก็มี ขึ้นกับปัจจัยบางอย่าง จะเหมาเอาว่าไม่ได้ผลทุกกรณีนั้นก็ไม่ได้ อีกอย่าง นักวิชาการไทย เป็นนักวิชาการที่ไม่ค่อยเปิดกว้างกับอะไรอีกหลายอย่าง ดังนั้นการถามหากไปถามผิดคน ก็ได้คำตอบอีกแบบหนึ่ง ดังนั้นบทความนี้อ่านได้ แต่ว่ายังไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงทั้งหมด
     
  11. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อ่านเจอบทความดีๆสอดคล้องกับหลวงพ่อจรัญเคยบอกไว้ เลยนำมาให้อ่านเพิ่มเติมค่ะ เพื่อสุขภาพที่ดีๆของเราเอง จะได้ไม่ต้องทนกินยาหรืออาหารเสริมต่างๆให้เปลืองเงินค่ะ จากเว็ป
    “5 อ.” องค์ประกอบของสุขภาพดี | Thaihealth.or.th

              ชีวิตที่มีความสุข คือ ชีวิตที่มีความสะดวกสบาย นึกอยากจะทำอะไร อยากได้อะไร ก็สามารถทำได้ หรือหาซื้อมาได้ แต่นั่นคงจะไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เพราะหากจิตใจไม่สบาย ร่างกายอ่อนแอ เจ็บไข้ได้ป่วยกระเสาะกระแสะ ก็คงไม่มีความสุข ดังนั้นปัจจัยหลักที่ทำให้คนมีความสุขก็ต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
     
              มีคำแนะนำทางการแพทย์ว่า คนเราจะมีสุขภาพดี ต้องประกอบด้วย 5 อ. คือ อาหาร อากาศ อารมณ์ อุจจาระ และออกกำลังกาย ซึ่งสามารถแยกแยะได้ ดังนี้
     
              อาหาร ควรเป็นอาหารที่เหมาะสมกับร่างกาย กินแล้วให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่มีโทษหรือพิษภัย หรือมีผลข้างเคียงให้เกิดโรคภัยภายหลัง
     
              อากาศ ที่ใช้หายใจเข้าออก ต้องเป็นอากาศที่บริสุทธิ์ ปราศจากมลพิษใดๆ เพราะหัวใจของคนต้องการอากาศเข้าไป เพื่อสูบฉีดโลหิตไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ให้ทำงานตลอดเวลา อากาศบริสุทธิ์ทำให้รู้สึกสดชื่น มีความสุข
     
              อารมณ์ ผู้ที่มีอารมณ์แจ่มใส ร่าเริง จะมีความสุขกว่าคนที่มีอารมณ์ขุ่นมัว หงุดหงิด ฉุนเฉียว นอกจากนั้นแล้วยังมีผลต่อระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายอีกด้วย
     
              อุจจาระ คือ กากอาหาร หรือของเสียที่ร่างกายย่อยแล้ว นำส่วนที่ดีไปใช้ หลังจากนั้นก็จะขับถ่ายออกมา หากตกค้างอยู่ในร่างกายนานเกินไป จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ คนที่มีระบบขับถ่ายที่ดี จะมีหน้าตาสดใส มีน้ำมีนวล ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่ค่อยขับถ่าย หรือที่เรียกว่า ท้องผูก
     
              ออกกำลังกาย เป็นการบริหารอวัยวะทั้งภายในและภายนอก ทำให้ได้รับการเคลื่อนไหว ช่วยให้เกิดการเสริมสร้างส่วนที่ขาด หรือลดส่วนที่เกิน ช่วยในการทำงานของหัวใจ ปอด ฯลฯ คนที่ไม่ออกกำลังกายจะเป็นคนอ่อนแอ ขาดภูมิต้านทาน เจ็บป่วย เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
     
              ทีนี้มาพูดกันถึงเรื่องอาหารที่เรากินอยู่ทุกวัน อาหารอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะในโลกนี้มีอาหารมากมาย หลากหลายชนิด เรากินเข้าไปอาจมีประโยชน์ หรือไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายก็ได้
     
              อาหารบางอย่างนอกจากไม่มีประโยชน์แล้ว ยังมีโทษต่อร่างกายด้วยซ้ำไป มีคำกล่าวไว้ว่า “การกินอาหารที่ดี ให้ประโยชน์ต่อร่างกายนั้น ต้องกินให้ครบ 5 หมู่”
     
              อาหาร 5 หมู่ นั้นประกอบด้วย
     
              1.โปรตีน เป็นอาหารประเภท เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง อาหารประเภทนี้จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เพราะเมื่อคนเรากินอาหารเข้าไปแล้ว จะเกิดการเผาผลาญ หรือย่อยสลาย นำส่วนที่เป็นประโยชน์ไปใช้ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต
     
              2.คาร์โบไฮเดรต ได้แก่ อาหารจำพวก ข้าว แป้ง เผือก มัน น้ำตาล อาหารประเภทนี้จะช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
     
              3.วิตามิน พืชผักต่างๆ ช่วยในการเสริมสร้างการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ เพราะอวัยวะในร่างกายมีการเคลื่อนไหว และทำงานตลอดเวลา จำเป็นต้องมีการเสริมสร้าง หรือทดแทนการสึกหรอ
     
              4.แร่ธาตุ ผลไม้ต่างๆ ให้ประโยชน์เช่นเดียวกับอาหารประเภทวิตามิน
     
              5.ไขมัน จะเป็นส่วนให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย ซึ่งจะได้จากน้ำมัน หรือไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์
     
              การกินอาหาร ควรกินให้ครบทั้ง 5 หมู่ ในแต่ละวัน เพราะไม่มีอาหารชนิดใดที่มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่อยู่ในตัวมันเอง
     
              นอกจากอาหารที่เป็นประโยชน์ดังกล่าวแล้ว ยังมีอาหารบางประเภทบางอย่างที่มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นพืชผัก หรือเนื้อสัตว์ เช่น
     
              ผักขึ้นฉ่าย มีสรรพคุณในการลดความดันโลหิต
     
              ขมิ้นชัน มีสรรพคุณในการช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาอาการปวดท้อง
     
              ไก่ดำ หอยนางรม มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงกำลัง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
     
              พริกไทย มีสรรพคุณในการขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ
     
              ผักตำลึง เป็นยาเย็น ช่วยในการถอนพิษไข้ แก้อาการแพ้
     
              เมล็ดและใบแป๊ะก๊วย มีสรรพคุณช่วยลดอาการอัลไซเมอร์ หรือช่วยให้ความจำดีขึ้น
     
     
  12. ker-kanok

    ker-kanok Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +96
    ผมคิดว่าบทความของ Mccarthney อ่่านแล้วเข้าใจได้ สามรถปรับการกินอาหารประจำวันให้ถูกตามบทความเป็นสิ่งที่ไม่เสียหายนะครับ
     
  13. welovebabyclothes

    welovebabyclothes Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +27
    เห็นด้วยครับ
     
  14. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    จริงๆแล้วอาหารเสริมดีต่อร่างกาย ครับ

    แต่จะต้องกินให้ถูกต้องกล่าวคือ ถ้าร่างกายเราขาดตัวไหนให้กินตัวนั้น
    อย่าไปกินทุกชนิดอย่างที่บริษัทหนึ่งทำขายเป็นแพคมาเลยซึ่งไม่ได้เอาไปใช้อะไร
    สิ้นเปลืองและยังเกิดโทษ ทำให้ตับทำงานมากเกินไป
    หรืออีกอย่างหนึ่งคือ กินตามเพื่อนฝูงหรือคำโฆษณา

    และที่สำคัญจะต้องกินกับน้ำแร่และเอนไซม์ (ที่มาจากพืชเช่น ส้ม มะละกอ สับปะรด) เพื่อที่ร่างกายจะทำงานครบวงจรดูดซึมเอาวิตามินไปใช้ได้ครบถ้วนไม่ตกค้าง
     
  15. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    ขอบคุณมากครับ 15ปีที่แล้วเคยเห่อกินวิตามินเหมือนกัน ปัจจุบันธรรมชาติดีที่สุด
     
  16. beerwar

    beerwar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +132
    ขอบคุณมากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...