คัมภีร์มรกต ● The Emerald Tablets of Thoth ☥

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย svt, 10 มิถุนายน 2012.

  1. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    รออ่านด้วย
    ดูท่าจะอีกนานกว่าจะครบ 12 แผ่น 5555+
     
  2. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    ขอบคุณครับเดียวแวะมาอ่านครับ
     
  3. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    จะมีแปลลงมาเรื่อยๆครับ แผ่นที่ 3 The Key of Wisdom คงใกล้แล้วล่ะ
    ช่วงนี้ระหว่างรอ จึงขอนำประโยคที่น่าสนใจจากแผ่นที่แล้วมาลงเป็นน้ำจิ้มซักหน่อย :)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 ตุลาคม 2012
  4. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    [​IMG]

    ที่นั่น ณ ปลายยอด ข้าตั้งวางคริสตัล
    และปล่อยลำแสงจากคริสตัลไปสู่อวกาศ
    ใช้อิทธิฤทธิ์สร้างเป็นภาพขึ้นมาในอากาศธาตุ
    รวบรวมกำลังสมาธิ แล้วจดจ้องไปยังประตูทางผ่านที่สร้างขึ้นนั้น
    เพื่อไปสู่วิหารแห่งอมันทิ

    There in the apex, set I the crystal,
    sending the ray into the "Time-Space,"
    drawing the force from out of the ether,
    concentrating upon the gateway to Amenti.


    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 1
    The History of Thoth, The Atlantean - The Emerald Tablets


    #- https://www.facebook.com/TheEmeraldTablets

    .................................

    + Pyramid Energy Beam Motif. http://www.utaot.com/2012/09/23/pyramid-energy-beam-motif/


    ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤศจิกายน 2012
  5. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    โอว้ ชีวประวัติผู้สร้างปิระมิดสินะครับ วิชาอาคมงี้่เพียบ อิๆ
     
  6. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    วิชาอาคม น่าจะมีบ้างนะครับ .. น่าสนใจชวนให้ติดตามกันต่อไป
    เพราะโธทได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งศาสตร์มนตรา อาจมีในบทท้าย ๆ นะท่านนะ

    มนตรา บางคำบางวลี..เวลาที่เราเปล่งกระแสเสียงออกมา ก็จะมีคลื่นความถี่(Hz.)บางระดับ
    ที่เหนี่ยวนำปรับคลื่นสั่นสะเทือนภายในจิตใจให้ดำดิ่งลงสู่ภาวะสงบต่าง ๆ ได้เหมือนกัน

    บทที่ผ่านมา จะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับ ประวัติของโธท อาณาจักรแอตแลนติส
    การสร้างปิรมิด จักระ-พลังจักรวาล และสิ่งสูงสุดที่อยู่ภายในตนเอง
     
  7. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    เป็นบันทึก(ไดอารี)ที่ชวนให้ติดตามเสียจริงๆ อ่านแล้วเหมือนกำลังดูภาพยนตร์ที่อลังการงานสร้าง
    ท่านคงเฝ้าดูคนแล้วคนเล่าผ่านไปหลายชั่วคน เฝ้ามองศาสนาเอกของโลกคนแล้วคนเล่าที่มาประกาศสัจธรรมสินะครับ
     
  8. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ท่านกุญแจไขปริศนา กล่าวได้น่าสนใจครับ ทำให้นึกถึงนักดาราศาสตร์ท่านนึงขึ้นมา ชื่อ คาร์ล เซแกน ที่ได้บรรยายโลกไว้เป็นบทกวี จากภาพถ่ายจากยานวอยเอเจอร์ 1 เมื่อปี 1990 ยานดังกล่าวเดินทางไปปฏิบัติภารกิจห่างจากโลก 4 พันล้านไมล์
    ขอหยิบมาฝาก ...

    [​IMG]

    จุดสีฟ้าจาง (Pale Blue Dot) โดย Carl Sagan

    มองจากระยะไกลโพ้น โลกอาจดูไม่น่าสนใจเลย
    แต่สำหรับเรา ไม่ใช่เช่นนั้น
    ลองมองจุดนั้นอีกครั้งสิ
    นั่นแหละ คือบ้าน คือเรา
    บนจุดนี้ ทุกคนที่เรารัก ทุกคนที่เรารู้จัก ทุกคนที่เราเคยได้ยินชื่อ
    มนุษย์ทุกคนที่เคยมีชีวิตอยู่ ล้วนใช้ชีวิตที่นี่
    เป็นศูนย์รวมของความสุขและทุกข์
    นับพันศาสนา อุดมการณ์ที่เราเชื่อถือ
    ทุกปรัชญาเศรษฐกิจ
    ทุกนักล่าและโจรร้าย ทุกวีรชนและคนขลาด
    ทุกผู้สร้างและผู้ทำลายล้างอารยธรรม
    ทุกราชาและชาวนาชาวไร่
    ทุกคู่รักหนุ่มสาว ทุกคนที่เป็นแม่ เป็นพ่อ และเด็กน้อยที่มีความหวัง
    นักประดิษฐ์และนักสำรวจ
    ทุกครูอาจารย์ผู้สอนศีลธรรม
    ทุกนักการเมืองผู้ฉ้อฉล ทุกๆ‘ดารายอดนิยม’
    ทุกผู้นำสูงสุด ทุกนักบุญและคนบาป
    ในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ ทุกคนล้วนอาศัยอยู่ที่นี่
    บนผงธุลีที่ล่องลอยอยู่ในลำแสงตะวัน

    โลกของเรา เป็นฉากเล็กจ้อยในเวทีแห่งเอกภพอันไพศาล
    ลองนึกถึงแม่น้ำสายเลือด
    ที่เกิดจากน้ำมือของเหล่าแม่ทัพนายกอง และจักรพรรดิ
    ในนามของความรุ่งโรจน์และชัยชนะ
    พวกเขาได้ครอบครองเศษเสี้ยวกระจิดริดของจุดเล็กๆ จุดนี้ เพียงชั่วคราว
    ลองคิดถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตไม่จบสิ้น
    ของผู้ที่อาศัย ณ มุมหนึ่งของจุดเล็กๆ นี้
    ที่กระทำต่อผู้อยู่อาศัย ณ อีกมุมหนึ่ง ผู้ที่แทบไม่มีอะไรต่างกันเลย
    บ่อยครั้งแค่ไหนที่พวกเขาไม่เข้าใจกัน
    กระเหี้ยนกระหือรือเพียงใดที่จะเข่นฆ่ากันเอง
    แรงกล้าเท่าไรความเกลียดชัง

    ท่าทีของเรา ความทะนงตนของเรา
    ความหลงผิดคิดว่าเราอยู่ในตำแหน่งที่มีอภิสิทธิ์ในเอกภพ
    ถูกท้าทายด้วยจุดแสงอ่อนจางนี้
    ดวงดาวของเราเป็นผงธุลีเดียวดาย
    ในความมืดอันกว้างใหญ่ของเอกภพ
    ในความพร่ามัวของเรา ในความไพศาลนี้
    ไม่มีวี่แววว่าจะมีความช่วยเหลือจากที่อื่น
    มาช่วยให้เรารอดพ้นจากตัวเราเอง

    เท่าที่เรารู้ โลกเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียว
    ที่เป็นที่อยู่อาศัยของชีวิต
    ไม่มีที่อื่น อย่างน้อยก็ในอนาคตอันใกล้
    ให้สายพันธุ์ของเราอพยพไปอยู่ได้
    ไปเยือน-ได้ ไปตั้งถิ่นฐาน-ยัง
    จะชอบใจหรือไม่ก็ตาม
    โลกคือที่ที่เรายืนหยัดอยู่ขณะนี้

    กล่าวกันว่าความรู้ทางดาราศาสตร์
    ช่วยให้อ่อนน้อมและสร้างอุปนิสัย
    คงไม่มีภาพใดที่แสดงให้เห็นการกระทำที่โง่เขลาด้วยความโอหังของมนุษย์
    ได้ดีไปกว่าภาพโลกใบเล็กที่อยู่ไกลแสนไกล
    สำหรับผม มันตอกย้ำถึงความรับผิดชอบของเรา
    ที่จะต้องปฏิบัติต่อกันให้นุ่มนวลกว่านี้
    และช่วยกันทนุถนอมจุดเล็กๆ สีฟ้า
    บ้านหลังเดียวที่เรารู้จัก
    ……..

    เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมปี 1994 คาร์ล เซแกน นักดาราศาสตร์คนสำคัญของโลกได้บรรยายที่มหาวิทยาลัยคอร์เนล ในระหว่างการบรรยาย เขาได้นำเสนอภาพภาพหนึ่ง เป็นภาพจุดเล็กๆ สีฟ้าจางในห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ถ่ายจากยานวอยเอเจอร์ 1 เมื่อปี 1990 ยานดังกล่าวเดินทางไปปฏิบัติภารกิจห่างจากโลก 4 พันล้านไมล์ เซแกนได้รับแรงบันดาลใจจากภาพถ่ายนี้จนเป็นที่มาของคำบรรยายที่ไพเราะราวบทกวีข้างต้น
    ที่มา เฟสบุ๊คอ่านเอาเพื่อน http://www.facebook.com/readerships

    ภาษาอังกฤษต้นฉบับ

    Pale Blue Dot
    “From this distant vantage point, the Earth might not seem of particular interest. But for us, it’s different. Consider again that dot. That’s here, that’s home, that’s us. On it everyone you love, everyone you know, everyone you ever heard of, every human being who ever was, lived out their lives. The aggregate of our joy and suffering, thousands of confident religions, ideologies, and economic doctrines, every hunter and forager, every hero and coward, every creator and destroyer of civilization, every king and peasant, every young couple in love, every mother and father, hopeful child, inventor and explorer, every teacher of morals, every corrupt politician, every “superstar,” every “supreme leader,” every saint and sinner in the history of our species lived there – on a mote of dust suspended in a sunbeam.

    The Earth is a very small stage in a vast cosmic arena. Think of the rivers of blood spilled by all those generals and emperors so that, in glory and triumph, they could become the momentary masters of a fraction of a dot. Think of the endless cruelties visited by the inhabitants of one corner of this pixel on the scarcely distinguishable inhabitants of some other corner, how frequent their misunderstandings, how eager they are to kill one another, how fervent their hatreds.

    Our posturings, our imagined self-importance, the delusion that we have some privileged position in the Universe, are challenged by this point of pale light. Our planet is a lonely speck in the great enveloping cosmic dark. In our obscurity, in all this vastness, there is no hint that help will come from elsewhere to save us from ourselves.

    The Earth is the only world known so far to harbor life. There is nowhere else, at least in the near future, to which our species could migrate. Visit, yes. Settle, not yet. Like it or not, for the moment the Earth is where we make our stand.

    It has been said that astronomy is a humbling and character-building experience. There is perhaps no better demonstration of the folly of human conceits than this distant image of our tiny world. To me, it underscores our responsibility to deal more kindly with one another, and to preserve and cherish the pale blue dot, the only home we’ve ever known.”

    - Carl Sagan

    Source: crooked indifference: the musings of a curious rocket scientist - “From this distant vantage point, the Earth might...


    .......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤศจิกายน 2012
  9. กางเกงลิง

    กางเกงลิง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +13
    เจ๋งดีครับ
     
  10. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    [​IMG]

    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 3

    The Key of Wisdom
    กุญแจแห่งปัญญา


    แปลโดย : ต๊อดติให้โชค


    I, Thoth, the Atlantean,
    give of my wisdom,
    give of my knowledge,
    give of my power.
    Freely I give to the children of men.
    Give that they, too, might have wisdom
    to shine through the world from the veil of the night.


    ข้า, ท๊อท, ผู้เป็นชาวแอ๊ทแลนด์ทิส,
    ข้าจะมอบปัญญาปราดเปรื่อง ของข้า,
    มอบความรู้ของข้า,
    มอบพลังอำนาจของข้า.
    ข้าจะมอบให้โดยไม่มีจำกัด แก่พวกเจ้าเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย.
    มอบให้เพื่อที่ว่าพวกเจ้าอาจบรรลุซึ่งปัญญาแตกฉาน ดุจอาทิตย์ส่องแสงสว่างไสวไปทั่วหล้าปลดปล่อยโลกแห่งความมืดมิดที่เคยปกคลุมพวกเจ้าเอาไว้ ให้ออกไปเสีย.

    [​IMG]


    Wisdom is power and power is wisdom,
    one with each other, perfecting the whole.


    ปัญญาปราดเปรื่อง คือ พลังอำนาจ และ พลังอำนาจ ก็คือ ความปราดเปรื่องเรืองปัญญา
    แค่มีเพียงสิ่งเดียวสิ่งนี้เท่านั้นในบุคคลแต่ละคน ก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งมวล สมบูรณ์เลิศ

    Be thou not proud, O man, in thy wisdom.
    Discourse with the as well as the wise.
    If one comes to thee full of knowledge,
    listen and heed, for wisdom is all.


    เจ้าจงอย่าได้ภูมิใจ, มนุษย์ทั้งหลาย, ในความรู้ของเจ้า
    แต่จงหมั่นสนทนากับ ปราชญ์ ผู้มากปัญญา
    หากปรากฏมีผู้รู้แจ้ง มีปัญญาแตกฉาน มาพบเจอเจ้า,
    เจ้าจงฟังและใส่ใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งปัญญาเหล่านั้น

    Keep thou not silent when evil is spoken for Truth
    like the sunlight shines above all.
    He who over-steppeth the Law shall be punished,
    for only through Law comes the freedom of men.
    Cause thou not fear for fear is a bondage,
    a fetter that binds the darkness to men.


    เจ้าอย่าเอาแต่นิ่งเงียบ เมื่อความชั่วร้ายทั้งหลายล้วนสะท้อนออกมาซึ่งความเป็นจริง
    ดั่งเช่นแสงอาทิตย์ ให้ความสว่างกระจ่างไปทั่วหล้า
    มนุษย์ผู้ใดก็ตามที่ข้ามล้ำกฎ ล้วนต้องถูกลงทัณฑ์,
    มีเพียงผู้ที่ตื่นรู้ทะลุออกจากกรอบแห่งกฎเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ได้รับอิสระ
    เจ้าจงอย่าได้กลัว เพราะความกลัว คือกรอบที่คอยพันธนาการ,
    ผูกมัด ล่ามเจ้าเอาไว้ ให้เป็นเพียงมนุษย์ที่ตาบอด หลงทางอยู่ในความมืด

    Follow thine heart during thy lifetime.
    Do thou more than is commanded of thee.
    When thou hast gained riches,
    follow thou thine heart,
    for all these are of no avail if
    thine heart be weary.
    Diminish thou not the time of
    following thine heart.
    It is abhorred of the soul.


    จงทำตามใจภายในของเจ้า ขณะที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่
    ทำในสิ่งที่จิตภายในนั้นบัญชาการ.
    เมื่อใดก็ตามที่เจ้าประสพกับความร่ำรวยทั้งหลาย
    ให้เจ้าทำตามใจภายในของเจ้า, (เป็นช่วงเวลาที่ใจแข็งแรง เปี่ยมด้วยพลัง)
    เพราะทั้งหมดจะสูญเปล่าไม่มีประโยชน์อันใด
    หาก ใจภายในของเจ้าอิดโรย อ่อนล้า.

    ช่วงเวลาของความอ่อนแรง บาดเจ็บทางใจของเจ้านั้น เป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม
    ต่อการรับฟังเสียงภายในใจตัวเอง.
    เพราะมันเป็นจิตวิญญาณภายในที่น่ารังเกียจชิงชังยิ่งนัก.

    They that are guided go not astray,
    but they that are lost cannot find a straight path.
    If thou go among men, make for thyself,
    Love, the beginning and end of the heart.


    จิตใจภายในของเจ้า ที่ทำหน้าที่นำทางให้ในขณะนั้น จะนำมาแต่ความหลงผิด,
    และพวกเจ้าที่กำลังหลงทางอยู่ ก็จะไม่สามารถพบเจอกับเส้นทางที่ถูกต้องได้เลย.
    และหากเจ้า เลือกหนทางที่จะให้ตัวเจ้าเอง ได้อยู่ท่ามกลางมนุษย์ด้วยกัน (ต้องการที่พึ่ง คำปลอบโยนต่างๆ ในเวลาที่อ่อนล้า หมดแรงจากคนอื่นๆ)
    ความรักที่เจ้าจะได้รับมาจากมนุษย์ด้วยกันนั้น จะเป็นทั้ง การเริ่มต้น และจุดจบแห่งจิตวิญญาณภายในเช่นกัน

    If one cometh unto thee for council,
    let him speak freely,
    that the thing for which he hath
    come to thee may be done.
    If he hesitates to open his heart to thee,
    it is because thou, the judge, doeth the wrong.


    เมื่อมีผู้มาให้คำปรึกษาแก่เจ้า,
    จงปล่อยให้เขาพูด,
    เพราะสิ่งที่เขาจะพูด เมื่อได้พูดกับเจ้าไปแล้ว
    ก็อาจถือเป็นการเสร็จสิ้นสิ่งที่เขาต้องการ.
    แต่หากเขารีบร้อน เปิดใจ (เพื่อแสดงความเห็นใจ ความจริงใจ) เป็นห่วงเป็นใยเจ้า,
    ยิ่งเพราะเห็นว่าเป็นเจ้าด้วยแล้ว, ผู้ตัดสินผู้นั้น (ผู้ให้คำแนะนำ), ไม่อาจรู้เลยว่า เขาได้กระทำในสิ่งที่ผิดมหันต์

    Repeat thou not extravagant speech,
    neither listen thou to it,
    for it is the utterance of one
    not in equilibrium.
    Speak thou not of it,
    so that he before thee may know wisdom.


    เจ้าจะถูกตอกย้ำกับคำพูดที่ไม่มีวันสาบสูญเหล่านั้น,
    ไม่ว่าเจ้าจะฟังมันหรือไม่ ก็ตาม,
    และคำพูดเหล่านั้น ล้วนเป็นเพียงวาจา (คารม) ในแบบมนุษย์เท่านั้น
    หาใช่ สมดุลยภาพ ที่แท้จริง,
    ไม่ควรพูดในสิ่งเหล่านั้นกับเจ้า,
    นอกไปเสียจาก จากเขาผู้นั้น จะมีปัญญารู้แจ้ง เท่านั้น

    [​IMG]

    Silence is of great profit.
    An abundance of speech profiteth nothing.
    Exalt not thine heart above the children of men,
    lest it be brought lower than the dust.


    ความเงียบจึงเป็นดั่ง ประโยชน์สูงสุด.
    คำพูดฟุ่มเฟือยมากมายเหล่านั้น หาได้มีประโยชน์อันใดไม่.
    ไม่สามารถยกระดับจิตใจภายในของเจ้า ให้อยู่เหนือมนุษย์ทั่วไปได้,
    เกรงว่ามันจะยิ่งไร้ค่ากว่าผงฝุ่น

    If thou be great among men,
    be honoured for knowledge and gentleness.
    If thou seeketh to know the nature of a friend,
    ask not his companion,
    but pass a time alone with him.
    Debate with him,
    testing his heart by his words and his bearing.


    หากเจ้า เป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ,
    จงเคารพ และให้เกียรติแก่ ความรู้และความอ่อนโยนนั่น (ประสบการณ์ ความรู้ที่มาพร้อมกับช่วงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณที่อ่อนล้าและบาดเจ็บ)
    หากเจ้าแสวงหาที่จะได้รู้จัก กับมิตรแท้ในธรรมชาติ (ธรรมะ) นั้น,
    จงอย่าได้ขอเข้ามาเป็นเพื่อนเขา,
    แต่จงให้เวลาเขาได้อยู่ตามลำพัง.
    ให้เขาได้โต้เถียงกับตัวเอง,
    ได้ทดสอบจิตใจภายในของเขา ด้วยสิ่งที่เขานึกคิด คำพูดและความอดทนของเขาเอง.

    That which goeth into the store-house must come forth,
    and the things that are thine must be shared with a friend.


    สิ่งใดก็ตามที่เริ่มต้นจากการถูกกักเก็บไว้ภายใน สิ่งนั้นจำต้องถูกปลดปล่อยออกมา,
    และสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ภายใจของเจ้า เมื่อรู้ได้ด้วยตัวเองแล้วว่ามันคืออะไร (ค้นพบถึงต้นเหตุแห่งความอ่อนล้าทางจิตวิญญาณ), จึงค่อยบอกกล่าวให้เพื่อนฟัง.

    Knowledge is regarded by the fool as ignorance,
    and the things that are profitable are to him hurtful.
    He liveth in death.
    It is therefore his food.


    ความรู้ทั้งมวล ก็ล้วนได้มาจากความโง่เขลาความไม่รู้,
    และสิ่งที่เป็นประโยชน์ นั่นคือ การที่เขาต้องประสบกับความบาดเจ็บทางใจของเขาเอง.
    แม้ว่าเขาจะต้องกับอยู่กับความทุกข์ระทม.
    แต่นั่น คืออาหารชั้นดีของเขา

    The wise man lets his heart overflow
    but keeps silent his mouth.
    O man, list to the voice of wisdom;
    list to the voice of light.


    ผู้มีปัญญา ยอมปล่อยให้จิตใจภายในได้เอ่อล้น ท่วมท้นออกมา
    แต่จะนิ่งเงียบ สงบปากสงบคำไว้.
    มนุษย์เอย, จงบันทึกเสียงแห่งปัญญา;
    บันทึกเสียงแห่งแสงสว่างนี้

    Mysteries there are in the Cosmos
    that unveiled fill the world with their light.
    Let he who would be free from the bonds of darkness
    first divine the material from the immaterial,
    the fire from the earth;
    for know ye that as earth descends to earth,
    so also fire ascends unto
    fire and becomes one with fire.
    He who knows the fire that is within
    himself shall ascend unto the eternal fire
    and dwell in it eternally.


    ความลี้ลับทั้งมวลล้วนอยู่ในจักรวาล
    แสงสว่างแห่งปัญญาเท่านั้นที่จะเปิดเผย ความไม่รู้ในโลกใบนี้.
    จงให้ผู้ที่ต้องการเป็นอิสระจากการถูกพันธนาการด้วยความมืดมน (ความไม่รู้)
    ในขั้นแรก ได้แยกแยะเอาความเป็น รูป ออกจากความไม่มีรูป(อรูป),
    แยกธาตุไฟ ออกจากดิน;
    เจ้ารู้ว่า ธาตุดิน นั้นสืบทอดกันลงไปเป็น ดิน, (ร่างกายคนก็สืบเชื้อสายลงมาจาก ร่างกายคนเช่นกัน)
    ดังนั้น เช่นกัน ธาตุไฟ มีพัฒนาการเชื่อมกันขึ้นมาจากธาตุไฟ และ ถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยไฟ. (ไฟ คือความรู้ปัญญา ซึ่งมีแต่จะต่อยอดพัฒนาขึ้นไปจนแตกฉาน เป็นปัญญารู้แจ้ง)
    ผู้ใดที่รู้ได้ ถึงไฟ (ปัญญา) ที่อยู่ภายในตัวของเขาเอง จะมีอำนาจ ในการเลื่อนลำดับขั้น ไปสู่การมีไฟนิรันดร(ปัญญารู้แจ้ง) และ มันจะมีแต่เพิ่มพูน พัฒนาไปตลอดกาล.

    Fire, the inner fire,
    is the most potent of all force,
    for it overcometh all things and
    penetrates to all things of the Earth.
    Man supports himself only on that which resists.
    So Earth must resist man else he existeth not.


    และโลกต้องหยุดยั้งมนุษย์เอาไว้ (ไม่ให้มนุษย์ได้รู้) (สิ่งที่หยุดยั้งมนุษย์เอาไว้ก็คือโลก) เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะไม่มีมนุษย์อยู่อีกต่อไป. (ไม่มีมนุษย์อยู่อีกต่อไป เพราะได้รู้แจ้งกันไปหมด)

    All eyes do not see with the same vision,
    for to one an object appears of
    one form and color
    and to a different eye of another.
    So also the infinite fire,
    changing from color to color,
    is never the same from day to day.


    สายตาที่เหล่ามนุษย์มองกันนั้น ไม่อาจที่จะมองเห็นในทรรศนะเดียวกันได้,
    วัตถุหนึ่งชิ้นที่ได้ปรากฏขึ้นมา
    เป็นรูปลักษณ์ สีสันหนึ่ง
    และแต่ละทรรศนะที่มองเห็น ก็ล้วนเห็นต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง.
    ดังนั้น ไฟอันไม่มีที่สิ้นสุด (ความรู้อันไม่มีที่สิ้นสุด) นั่นก็เช่นกัน,
    เมื่อสามารถเปลี่ยนจากสีหนึ่ง ไปเป็นอีกสีหนึ่งได้,
    ก็ไม่มีวันที่มันจะเป็นเหมือนๆ กันได้ ในแต่ละวัน.

    Thus, speak I, THOTH, of my wisdom,
    for a man is a fire burning bright
    through the night;
    never is quenched in the veil of the darkness,
    never is quenched by the veil of the night.


    ด้วยประการฉะนี้, ข้า, ท๊อท, จะพูดถึง ความรู้ของข้า,
    ว่ามนุษย์เปรียบเหมือนดัง ไฟที่เผาไหม้ ส่องสว่าง ในยามค่ำคืน ;
    ไม่เคยดับ ในเวลาที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด,
    ไม่เคยดับ เมื่อถูกปกคลุมไว้ ด้วยยามค่ำคืน.

    Into men's hearts, I looked by my wisdom,
    found them not free from the bondage of strife.
    Free from the toils, thy fire, O my brother,
    lest it be buried in the shadow of night!


    ภายในจิตใจของมนุษย์, ข้าได้เห็นด้วยปัญญาของข้า,
    ว่ามนุษย์นั้นไม่สามารถเป็นอิสระจากการขัดแย้ง ต่อสู้ ดิ้นรน กันได้เลย.
    การเป็นอิสระจากความเหน็ดเหนื่อยเหล่านั้น, ต้องใช้ปัญญาของเจ้าเองเท่านั้น, พี่น้องของข้า,
    เพื่อให้ตัวเอง ได้หลุดพ้นจากการถูกฝังอยู่ในเงามืดแห่งรัตติกาลนั่น!

    Hark ye, O man, and list to this wisdom:
    where do name and form cease?
    Only in consciousness, invisible,
    an infinite force of radiance bright.
    The forms that ye create by brightening
    they vision are truly effects that follow thy cause.


    เจ้าจงฟัง, เหล่ามนุษย์, และบันทึกเอาความรู้นี้ไว้:
    ที่ใดที่ นาม และ รูป สิ้นสุดลง
    มีเพียง ภายใน จิต, ความไร้ซึ่งตัวตน,
    และพละกำลังอันไม่มีสิ้นสุดของรังสีแห่งแสงสว่าง (ความรู้แจ้ง ปัญญา).
    รูปลักษณ์ทั้งหลายพวกเจ้าสร้างขึ้นจากแสงสว่าง
    ทรรศนะความคิดอ่านของพวกเจ้านั้น แท้จริงแล้ว เป็นต้นเหตุ มีอำนาจ ส่งผลให้เกิดสิ่งต่างๆ ตามมา.


    Man is a star bound to a body,
    until in the end,
    he is freed through his strife.
    Only by struggle and toiling thy
    utmost shall the star within thee
    bloom out in new life.
    He who knows the commencement of all things,
    free is his star from the realm of night.


    มนุษย์คือ ดวงดารา ที่ถูกพันธนาการ ผูกติดกับร่างกาย,
    ไปจนกระทั่งวันตาย,
    ซึ่งเป็นวันที่มนุษย์จะได้เป็นอิสระจากความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งชีวิต.
    แค่เพียงเจ้า พยายามฟันฝ่า และกระเสือกกระสน
    จนสุดกำลัง ดวงดาราที่อยู่ภายในตัวเจ้า
    ก็จะเบ่งบานสะพรั่งออกมาสู่ชีวิตใหม่.
    เจ้าจะเป็นผู้รอบรู้ ในจุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่ง,
    ดวงดาราของเจ้าจะเป็นอิสระ หลุดพ้นจาก อาณาจักรแห่งความมืดยามรัตติกาล.

    [​IMG]

    Remember, O man, that all which exists
    is only another form of that which exists not.
    Everything that has being is passing into yet other
    being and thou thyself are not an exception.


    จงจำไว้, มนุษย์เอ๋ย, ว่าสิ่งที่ยังดำรง และมีตัวตนอยู่
    เป็นเพียงแค่ รูปแบบหนึ่งเท่านั้น ของสิ่งที่ไม่มีตัวตน.
    ทุกสิ่งอย่างที่ยังดำรงอยู่ จะส่งผ่าน (พลังงาน) ต่อไปยังสิ่งที่ยังไม่มีตัวตนอื่น
    ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่ตัวเจ้าเอง

    Consider the Law, for all is Law.
    Seek not that which is not of the Law,
    for such exists only in the illusions of the senses.
    Wisdom cometh to all her children
    even as they cometh unto wisdom.


    เมื่อพิเคราะห์ถึงกฎแล้ว, ทั้งมวลนี้แหละคือกฎเกณฑ์.
    ไม่มีอะไร ที่ไม่อยู่ภายใต้กฎนี้,
    สิ่งที่มีตัวตน เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา ของความรู้สึกต่างๆ.
    ปัญญารู้แจ้งนั้น จะเข้ามาหามนุษย์ด้วยเช่นกัน
    เหมือนกันกับที่มนุษย์เอง พยายามที่จะเข้าถึงมัน.

    All through the ages,
    the light has been hidden.
    Awake, O man, and be wise.


    ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนเป็นเช่นที่ว่ามานี้ มาช้านานแล้ว,
    แสงสว่าง (ความรู้) ได้ถูกซ่อนเอาไว้แล้ว.
    จงตื่นเถิด, มนุษย์, และจงรู้แจ้ง.

    Deep in the mysteries of life have I traveled,
    seeking and searching for that which is hidden.


    ภายใต้ความลี้ลับของชีวิต ข้าเองก็เคยเดินทาง,
    ข้าเคยมองหา และทำการสำรวจในสิ่งต่างๆ ที่ถูกซ่อนไว้.

    List ye, O man, and be wise.
    Far 'neath the earth crust,
    in the Halls of Amenti,
    mysteries I saw that are hidden from men.


    เจ้าจงบันทึกลงไป, มนุษย์, และจงรู้แจ้ง.
    ไกลแสนไกล ภายใต้เปลือกโลก,
    ภายในวิหารแห่งอมันทิ,
    ความลี้ลับต่างๆ ที่ข้าเคยได้เห็นนั้น ได้ถูกซ่อน ปิดบังมนุษย์เอาไว้ไม่ให้ได้รู้.

    Oft have I journeyed the deep hidden passage,
    looked on the Light that is Life among men.
    There 'neath the flowers of Life ever living,
    searched I the hearts and the secrets of men.
    Found I that man is but living in darkness,
    light of the great fire is hidden within.


    หลายครานัก ที่การเดินทางของข้า ต้องพบเจอกับข้อความที่เป็นปริศนาซ่อนเร้น, เช่น
    จงค้นหาแสงสว่าง ที่ดำรงอยู่ท่ามกลางมนุษย์.
    และตรงนั้น ภายใต้ดอกไม้แห่งชีวิตอันเป็นนิรันดร์,
    ข้าได้พยายามค้นหา ใจกลาง และความลับของมนุษย์.
    ในที่สุด ข้าก็ได้ค้นพบว่ามนุษย์คืออะไร และมนุษย์นั้นอยู่ภายใต้ความมืดมิด (ความไม่รู้),
    โดยหารู้ไม่ ว่ามีแสงแห่งไฟที่ยิ่งใหญ่ (ปัญญารู้แจ้ง) ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในจิตวิญญาณของพวกเขานั่นเอง.

    [​IMG]

    Before the Lords of hidden Amenti
    learned I the wisdom I give unto men.


    เบื้องหน้าเทพเจ้าทั้งหลาย เจ้าแห่งวิหารอมันทิ ที่ถูกซ่อนไว้ (ใต้มหาสมุทรแอ๊ทแลนด์ทิส)
    ข้าขอมอบ สิ่งที่ข้าได้เรียนรู้มา ปัญญารู้แจ้งทั้งหมด ข้าขอมอบมันให้แก่มนุษย์

    Masters are they of the great Secret Wisdom,
    brought from the future of infinity's end.
    Seven are they, the Lords of Amenti,
    overlords they of the Children of Morning,
    Suns of the Cycles, Masters of Wisdom.


    อาจารย์ทั้งหลาย ผู้รู้ถึงความลับแห่งปัญญาอันยิ่งใหญ่,
    ผู้มาจากอนาคตกาลอันหาสิ้นสุดมิได้.
    ทั้งเจ็ดท่านนั้น ล้วนเป็นเทพเจ้าแห่งวิหารอมันทิ,
    เป็นนายเหนือเหล่าผู้ทีความรู้อื่นๆ,
    เสมือน ดวงอาทิตย์ที่เป็นศูนย์กลาง ของวัฏจักร, เป็นเจ้าแห่งความรู้ทั้งมวล.

    Formed are not they as the children of men?
    THREE, FOUR, FIVE AND SIX, SEVEN,
    EIGHT, NINE are the titles of the Masters of men.


    พวกเขามีรูปร่างเหมือนดังเช่นมนุษย์หรือไม่?
    สาม สี่ ห้า และ หก เจ็ด
    แปด เก้า เป็นเพียงชื่อเรียก อาจารย์ผู้รู้เหล่านั้น

    Far from the future, formless yet forming,
    came they as teachers for the children of men.
    Live they forever, yet not of the living,
    bound not to life and yet free from death.


    ไกลจากอนาคตกาล, ไร้ซึ่งรูปร่างและยังมิได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นแต่ประการใด,
    เวลานั้นก็มีพวกเขาแล้ว มาเป็นอาจารย์ให้แก่มวลมนุษย์.
    พวกเขาต่างมีชีวิตที่เป็นนิรันดร์, แต่ไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิต,
    ไม่ได้ถูกพันธนาการไว้กับชีวิตแบบมนุษย์ (เกิดจนตาย) และ ล้วนเป็นอิสระจากความตาย.

    Rule they forever with infinite wisdom,
    bound yet not bound to the dark Halls of Death.
    Life they have in them, yet life that is not life,
    free from all are the Lords of the ALL.


    พวกเขาต่างปกครองอยู่อย่างนั้นไปตลอด ด้วยปัญญาอันไม่มีที่สิ้น,
    แต่ไม่ถูกพันธนาการกับอะไร และไม่ถูกผูกมัดกับความมืดมิดจากวิหารแห่งความตาย.
    ชีวิตที่มีในพวกเขา, เป็นชีวิตที่มิใช่ชีวิตของสิ่งมีชีวิต,
    เป็นชีวิตที่เป็นอิสระจากทุกสิ่งอย่าง นั่นแหละคือเหล่าเจ้าแห่งสรรพสิ่ง.

    Forth from them came forth the Logos,
    instruments they of the power o'er all.
    Vast is their countenance,
    yet hidden in smallness,
    formed by a forming, known yet unknown.


    พวกเขาทั้งหมดมาจาก The Logos ที่ๆ ไร้ซึ่งจุดเริ่มต้นและจุดจบ),
    เครื่องมือทั้งหมดของพวกเขาต่างมีพลังอำนาจเหนือทุกสิ่งอย่าง.
    ความกว้างใหญ่ไพศาล คือโฉมหน้าของพวกเขา,
    แต่กระนั้นกลับถูกซ่อนเอาไว้ในสิ่งเล็กจ้อย,
    พวกเขาเกิดขึ้นจากการก่อตัว, ซึ่งแม้จะรู้ว่าเคยก่อตัวขึ้นในอดีตแต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

    { ขออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LOGOS ดังนี้; ประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาล ได้มีการกล่าวถึง LOGOS โดยนักปรัชญาทางจิตวิญญาณ ที่มีนามว่า Heraclitus
    โดยเชื่อว่า “The logos is without beginning or end” โลกอส คือ สิ่งที่ปราศจาก จุดเริ่มต้นหรือจุดจบ.
    Heraclitus นั้นมีแรงบันดาลใจและความเชื่อว่า มีสิ่งๆ สิ่งหนึ่ง ที่มีคลื่นบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายในธรรมชาติ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อน และควบคุมสรรพสิ่งทั้งมวล และสิ่งที่กล่าวมานั้นคือโลกอส (LOGOS) และนักปรัชญาผู้นี้ยอมรับเพียงสิ่งๆ เดียวเท่านั้น ที่เป็นแหล่งกำเนิดของสรรพสิ่งทั้งมวล นั่นคือ “ไฟ”
    และไฟ คือการปรากฏที่เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการมีอยู่ของ โลกอส (LOGOS) ซึ่งเป็นสิ่ง ที่ได้สร้างสรรค์โลก ที่ไม่มีวันล่มสลายไปตลอดกาล ใบนี้.
    สรุปแล้ว โลกอส (LOGOS) นั้นคือ สิ่งที่ปราศจาก จุดเริ่มต้นหรือจุดจบ และมีไฟ เป็น เครื่องบ่งชี้ที่แสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ของ โลกอส นั่นเอง).

    #พลังแห่งชีวิต คือพลังแห่งพระเจ้า(ภูมิปัญญาโบราณ) = โลกอส(Logos), ปราณ(ภาษาอินเดีย).}

    THREE holds the key of all hidden magic,
    creator he of the halls of the Dead;
    sending forth power, shrouding with darkness,
    binding the souls of the children of men;
    sending the darkness, binding the soul force;
    director of negative to the children of men.


    ผู้ยิ่งใหญ่สามท่าน (ท่านที่หนึ่ง สอง และสาม) ถือกุญแจแห่งเวทย์มนต์ลี้ลับทั้งมวล,
    พวกเขาต่างเป็นผู้สร้างวิหารแห่งความตาย;
    เป็นผู้ส่งพลังเหล่านั้นออกมา, แต่ปกปิดมันไว้ด้วยความมืดมน, (ความไม่รู้)
    ทำให้จิตวิญญาณของมนุษย์บอดมืด;
    ส่งความมืดมน, และทำให้จิตวิญญาณบอดมืดด้วยพลังอำนาจที่มี;
    บัญชาการให้เกิดด้านลบ (ด้านมืด) ในจิตใจมนุษย์.

    FOUR is he who looses the power.
    Lord, he, of Life to the children of men.
    Light is his body, flame is his countenance;
    freer of souls to the children of men.


    ท่านที่สี่ เขาคือผู้ที่มีอำนาจแห่งความปลดปล่อย.
    ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ เขาคือผู้มอบชีวิตให้แก่มนุษย์.
    แสงสว่างคือร่างกายของเขา (ปัญญา), และเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงคือโฉมหน้าของเขาผู้นี้.
    ผู้ปลดปล่อยให้จิตวิญญาณของมนุษย์ได้เป็นอิสระ.

    FIVE is the master, the Lord of all magic -
    Key to The Word that resounds among men.


    ท่านที่ห้าคืออาจารย์ ผู้เป็นเจ้าแห่งเวทย์มนต์ -
    ผู้เป็นดั่งกุญแจ แห่งคำพูดที่เป็นดั่งเสียงสะท้อน อยู่ท่ามกลางหมู่มนุษย์.

    SIX is the Lord of Light, the hidden pathway,
    path of the souls of the children of men.


    ท่านที่หก เป็นเจ้าแห่งแสงสว่าง (ปัญญา), เป็นดั่งทางเดินที่ถูกซ่อนเอาไว้,
    ทางเดินของจิตวิญญาณของเหล่ามนุษย์ทั้งมวล.

    SEVEN is he who is Lord of the vastness,
    master of Space and the key of the Times.


    ท่านที่เจ็ด คือผู้เป็นเจ้าแห่งความกว้างใหญ่ไพศาล,
    เป็นเจ้าแห่งห้วงอวกาศและเป็นกุญแจแห่งกาลเวลา.

    EIGHT is he who orders the progress;
    weighs and balances the journey of men.


    ท่านที่แปดเป็นผู้บัญชาการ ความคืบหน้า การพัฒนาการ ;
    ชั่งน้ำหนักและสร้างสมดุลให้เกิดแก่ วิถีชีวิต การเดินทางอันแสนไกลของเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย.

    NINE is the father, vast he of countenance,
    forming and changing from out of the formless.


    ท่านที่เก้า นั้นเป็นเช่นบิดา, , มีโฉมหน้าที่เวิ้งว้าง กว้างใหญ่,
    ได้ก่อร่างสร้างรูปแบบเอาไว้ แล้วเปลี่ยนมันไป จากมี รูป กลายเป็น ไร้รูป เสีย.

    Meditate on the symbols I give thee.
    Keys are they, though hidden from men.


    จงตรึกตรองอย่างมีสมาธิ ในสัญลักษณ์ทั้งหมดที่ข้ามอบให้เจ้า.
    พวกเขาเหล่านั้นคือกุญแจสำคัญ, ที่ถูกซ่อนไม่ให้มนุษย์ได้รู้

    Reach ever upward, O Soul of the morning.
    Turn thy thoughts upward to Light and to Life.
    Find in the keys of the numbers I bring thee,
    light on the pathway from life unto life.


    จงไปให้ถึง ยิ่งกว่าที่เคย, เหล่าจิตวิญญาณแห่งรุ่งอรุณ.
    เจ้าจงพินิจ ไตร่ตรอง ไขทุกข้อที่เกี่ยวกับแสงสว่างและชีวิต ให้สุดกำลังยิ่งๆ ขึ้นไป.
    จงหาคำตอบเหล่านั้น จากตัวเลขที่ข้านำมาให้เจ้า,
    และพบเจอกับทางเดิน จากชีวิตไปสู่ชีวิต.

    [​IMG]

    Seek ye with wisdom.
    Turn thy thoughts inward.
    Close not thy mind to the flower of Light.


    เจ้าจงแสวงหาปัญญา.
    เปิดใจของเจ้าเสีย.
    อย่าได้ปิดใจของเจ้าต่อดอกไม้แห่งไฟ (ปัญญารู้แจ้ง)

    Place in thy body a thought-formed picture.
    Think of the numbers that lead thee to Life.


    จงเอามันไปไว้ในร่างกายของเจ้า ในรูปแบบของภาพทางความคิด.
    และนึกถึงตัวเลขต่างๆ ที่จะนำพวกเจ้า ไปสู่ชีวิต

    Clear is the pathway to he who has wisdom.
    Open the door to the Kingdom of Light.


    ความกระจ่างแจ่มแจ้ง คือเส้นทางสำหรับผู้มีปัญญา.
    จงเปิดประตู สู่อาณาจักรแห่งแสงสว่าง (ปัญญา) เถิด.

    Pour forth thy flame as a Sun of the morning.
    Shut out the darkness and live in the day.


    จงพรั่งพรูเอาไฟของเจ้าออกมา, ดังเช่นอาทิตย์ ที่ส่องแสงสว่างออกมาในยามเช้า.
    ปิดความมืดมิดลงเสีย และมีชีวิตอยู่กับกลางวัน.

    Take thee, O man! As part of thy being,
    the Seven who are but are not as they seem.
    Opened, O man! Have I my wisdom.
    Follow the path in the way I have led.
    Masters of Wisdom,
    SUN of the MORNING LIGHT and LIFE
    to the children of men.


    จงใช้ตัวของเจ้าเอง, มนุษย์ทั้งหลาย, เป็นดั่งส่วนหนึ่งของสิ่งที่เจ้าเป็น,
    เป็นเหมือนอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ดท่านนั้น แต่ไม่ใช่เป็นแบบท่าน.
    เปิดใจเจ้าเสีย, เหล่ามนุษย์! และรับเอาปัญญาที่ข้าให้ ไป.
    เดินตามทางเดินที่ข้านำ.
    ข้าผู้เป็นเจ้าแห่งปัญญา,
    เป็นแสงสว่างของอาทิตย์ในยามเช้า และเป็นศูนย์กลางแห่งชีวิต ของเหล่ามนุษย์ทั้งมวล.

    จบคัมภีร์มรกต แผ่นที่ 3
    Credit:
    ผู้แปล ต๊อดติให้โชค( DearTK @ธรรมศาลา)

    © All right reserved สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาติให้นำบทความที่แปลนี้ไปจัดจำหน่าย

    ต้นฉบับภาษาอังกฤษ นำมาจาก The Emerald Tablets of Thoth Tablet
    ถอดความ เรียบเรียงวลี แปลภาษาไทย โดย ต๊อดติให้โชค( DearTK @ธรรมศาลา)
    - 18 ม.ค. 2556 -

    http://www.facebook.com/TheEmeraldTablets

    ==================

    ที่มา : 卍 ธรรมศาลา • คัมภีร์มรกต (The Emerald Tablets of Thoth)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กรกฎาคม 2015
  11. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    ขอบคุณครับ รออย่างใจจดใจจ่อ ในที่สุดก็ได้อ่้านต่อ
    ตื่นตะลึงสุดๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของท่านและแง่คิดของท่าน
     
  12. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    เท่าที่ สัมผัสได้จาก รูป รูกุญแจ ดูเหมือน ประตูมิติ เหมือนม่านสีฟ้า

    แต่กุญแจ ที่ใช้เปืดนั้น ไม่ไช่กุญแจ ใดใด แต่คือใจ ที่ อิสระแล้ว หลุดพ้นจากทุกสิ่งแล้ว
    จึงจะผ่านเข้าใปได้ แบบนี้หรือเปล่าขอรับ

    เพราะ เท่าที่ สัมผัสได้นั้น เข้าใจว่าน่าจะเป็นแบบนี้ เท่านั้นขอรับ กระผม
     
  13. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ถูกต้องแล้วครับ ท่านใจดีๆ

    ใจที่อิสระแล้วคือกุญแจแห่งปัญญา ที่จะไขสู่ความรู้แจ้งทั้งมวล

    ______________________

    ขอเสริมความเห็นนิดนึงจากบางโศลกช่วงเบื้องต้น ที่โธทได้กล่าวไว้ในคัมภีร์มรกต
    เพื่อเพื่อนหลายๆท่านที่ได้พบอ่านอาจจะร่วมแชร์ความรู้นี้ คือ

    เมื่ออยู่ในห้วงสมหวัง ประสบความสำเร็จกับสิ่งใดๆก็ตาม หรืองานที่ทำ
    ให้ฟังเสียงโต้ตอบกับจิตใจภายในตัวเรา เพราะเป็นช่วงที่จิตใจเบิกบาน ปีติ มีพลัง มีทัศนวิสัยที่แจ่มชัด
    คือเสียงหัวใจตัวเอง เดินตามทางนั้นที่มันจะชี้นำทิศทางชีวิตไปข้างหน้า .

    แต่หากเมื่อใดอยู่ในห้วงผิดหวัง อิดโรย ระทมทุกข์ ช่วงเวลานั้นไม่ควรอย่างยิ่งที่จะฟังเสียงหัวใจตัวเราเอง
    เพราะมันคอยแต่จะบิดเบือน ให้ข้อคำแก้ตัวที่ผิดพลาด มันคือกลไกปกป้องตัวตนและปลอบประโลมใจเมื่ออยู่ในห้วงเวลาผิดหวัง ซึ่งมันเป็นเสียงที่ออกมาจากทัศนวิสัยที่ขุ่นมัว

    ณ ช่วงเวลานั้นไม่ควรฟังมันเป็นอย่างยิ่ง แต่ควรเคลียร์ใจ จากความสงบ มีสมาธิ จดจ่อภาวนา
    เมื่อเสถียรดีแล้ว เหตุและผล วิธีแก้ไขที่ดีจะเผยออกมาจากทัศนวิสัยที่แจ่มชัด

    คือ เมื่อล้มลง ประสบห้วงทุกข์ผิดหวัง ควรลุกขึ้นหยัดยืนด้วยตัวเอง
    มันจะสร้างกระบวนการให้จิตใจปัญญาเข้มแข็งขึ้น
    สิ่งสูงสุดให้โอกาสมนุษย์ทุกคนได้เรียนรู้ในการคืนกลับสู่เส้นทางแห่งแสงสว่างด้วยตัวเอง
    ไม่ควรหวังคำปลอบโยนจากผู้อื่นที่มีประสบการณ์และยืนอยู่คนละด้านของปัญหาเข้ามาชี้นำ

    เปรียบได้เหมือนกับว่า.. ไม่ควรมีใครเข้าไปช่วยพยุงร่างที่ล้มลง ที่ยังไม่พร้อมจะก้าวเดินด้วยสองขาของตัวเอง ให้ลุกก้าวเดินไปข้างหน้า ถ้าหากเขาเองยังไม่พร้อม และหากเมื่อใดเขาพร้อม เขาก็จะลุกขึ้นหยัดยืนเอง, ซึ่งทั้งนี้ จิตวิญญาณก็เช่นเดียวกัน

    ดังกล่าวนี้ เป็นกุญแจของกระบวนการวิธีเคลียร์จิตใจ ที่โธทกล่าวไว้ในเบื้องต้นก่อนที่จะลงลึกทีละลำดับสู่ปัญญาความรู้แจ้งของ The Key of Wisdom
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มกราคม 2013
  14. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    the key of wisdom

    แหม ฟังแล้ว ดีมากมากเลยขอรับ

    ยากนัก ที่คนธรรมดา จะได้ยิน แล้ว สัมผัสได้ ไปพร้อมๆ กัน ฟังแล้วอ่านแล้ว เหมือนเติมพละกำลัง ให้มีชีวิตชีวา ก้าวเดิน ต่อไปเพื่อ สิ่งที่ดีงามแก่ มวลมนุษยชาติ เลยทีเดียวครับ

    ขอบคุณ เดอะะ คีย์ ออฟ อิสระ ครับ fiee man
     
  15. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ผมฝันเมื่อคืนก่อนว่า นั่งบนแท่น แล้วแผ่นดินเลื่อน จากข้างหน้ามาข้างหลัง เหมือนแท่นที่นั่งวิ่งเหมือนรถ ไปสู่หอคอย ที่ข้างบนยอดมีประตูสีฟ้า ประตูมิติ แล้ว ทะลุ ไปยังประเทศ สหรัฐ ครับ กลับแบบ ถอยหลังครับ ไม่กลับแบบเดินหน้า เพราะ เสียเวลามากกว่า การถอยหลังกลับครับ นี่คงเป็นประสบการณ์ ใหม่ๆ เท่านั้นเองครับ
     
  16. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    แล้วก็ฝันต่อไปว่า ลอยออกนอกโลก ไปตามทางแห่งแสง จนออกไปถึงที่สุดขอบจักรวาล นานแสนนานมากมาก แล้วก็ค่อยถอยหลังกลับ มายังโลกอีกที กลับมา ถึงโลก ปี 3555
    โห นานมาก เลย ใช้เวลา ไป เกือบพันปี เกือบศตวรรต ไม่ไช่เล่นเลย
    ตื่นเต้นมากมาก ฤาจะเป็นเพียง ฝัน เท่านั้น
    ฝันแป๊บเดียว ใช้เวลานาน เกือบ ศตวรรต แน่ะ
     
  17. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ก่อนจะลอยออกนอกโลก ฝันว่ามีคน เอาชุดผ้าคลุมกายให้เราไส่กันหนาวน่ะ
    ต่อมา มีคนเปลือยหลายคน มาขอ มาแย่งจะเอาไปไส่ หลายคนเลย
    ผมก็เลยลอยหนีคนพวกนั้น จนลอยออกนอกโลก ไปเลย แหยงก็แหยง
    แต่ก็ ไปก็ไปวะ จะได้เห็นอะไรมั่ง ดูก็ดู อยากให้ดู ก็จะดู ว่างั้น
    ในดีสู้ความกลัว ที่ต้องลอยออกนอกโลก อิอิ
    นึกว่าจะไม่ได้กลับมาซะแล้วเรา
     
  18. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ช่างเป็นความฝันที่ เหมือนจริงที่สุดเลยครับ
    แต่ก็ นะ กะว่า รีบๆ ไป แล้วรีบกลับเถอะ กลัวความเวิ้งว้างว้างเปล่า
    น่าจะไปกันหลายคนหน่อย เหมือน ทะลุประตูมิติก็ไม่ได้

    แต่ก่อนหน้าคืนนั้น ฝันว่า ไปกับเพื่อนคนหนึ่ง เด็ดกินผลไม้ เหมือนองุ่น
    พระบอกว่าเป็นผลไม้มีพิษ ต้องล้างพิษ ให้ ล้างโดย นอนที่ว่างๆโล่ง รอให้โลกมืด ตะวันตกดินก่อน พอโพล้เพล้ หมาป่าตัวเบ้อเร้อ มากัดที่ หน้าอกขวา ผีผู้หญิงมาควักหัวใจที่หน้าอกซ้าย ตัวอะไรไม่รุ่ มากัดกินเท้าทั้งสองข้าง โอ้โห อารมณ์ความรู้สึก ชัดเจนเลย
    เจ็บปวด หนัก จุก ตายเป้นตายวะ กลัวทำไม กินเลย ผีผู้หญิงกินหัวใจแล้วก็ ควั้กท้องกินไส้ต่อ พอจะดึงไส้ออกมา โห สุดยอดเลย เราได้แต่ เอาวะ กินให้หมดเลย แผ่เมตตา จบ

    ตื่นขึ้นมานี่ สุดแสนจะ เป็นประสบการณ์ อันสุดยอดจริง ได้อารมณ์จริง มากมากเลย

    ชอบครับ มันส์ดี ให้พวกมันเอาซะให้พอ
    ดีใจที่เราไม่กลัวตาย กล้าซะงั้น
     
  19. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ผมเป็นคนชอบนอนสมาธิมากกว่าครับ นอนนิ่งๆ ดูกายตนเอง ไปเรื่อยๆ ฟังเสียงหัวใจบ้าง
    บางคืน อะไรวะ ทำไมเราได้ยินเสียงต่างๆ ที่ไกลๆ เราได้ยินหมด รำคาญมาก
    เสียงแมลง เสียงรถ เสียงสัตว์ร้อง แมลงร้อง
    เราก็ได้แต่นอนฟังเสียง พวกนี้ครับ แผ่จิตออก ทั่วจักรวาล สัมผัส เสียงแห่งจักรวาล
    เพื่อ แผ่ความสุขออกไปให้ทั่วครับ
     
  20. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ผมเป็นแค่เพียง บุรุษช่างฝันครับ

    ฝันได้หลายเรื่อง ในคืนเดียว จำไม่หมดครับ
    ท่องเที่ยวจักรวาลด้วยความฝัน เฮ้อ ได้อะไรก็ไม่รู้ ก็แค่ ฝันที่เสมือนจริง แค่นั้นเอง
    แต่ความมันส์นี่ เหมือนได้เจอจริงๆ เลยครับ
    ใครว่าฝันไม่มีสีสรร โห สีสรรแพรวพราว ระยิบระยับ
    ตั้งใจเอาไว้ว่า ไปท่องจักรวาลอีกที จะ ตั้งใจ มีสติดู ให้ ชัดๆ กว่าที่เคย

    อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...