เทวดาประจําตัว

ภพภูมิของเทพ-เทวดามีทั้งหมด ๖ ชั้นนับจากโลกมนุษย์ขึ้น
ไป จะอยู่ในสภาวะหรือมีสภาพร่างกายและทุกอย่างเป็นทิพย์ทั้ง
หมด(อากาศธาตุ) จะไม่มีรูปร่างที่จับต้องได้ด้วยกายหรือมอง
เห็นได้ด้วยตาเนื้อของมนุษย์ได้ เราจะรู้เห็นและสัมผัสได้โดย
ทางจิตเท่านั้นและจะต้องเป็นจิตที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้วเป็นอย่าง
ดีถึงขั้นที่เรียกว่าได้ " อภิญญาจิต " ภพภูมิของเทพเทวดานั้นมี
แต่เสวยและรับแต่ความสุข ความเกษมสำราญแต่เพียงอย่าง
เดียวไม่มีความทุกข์ยากลำบากอะไร เพราะอยากจะได้หรืออยาก
จะมีอะไรแค่ทำการนึกคิดเอาก็ได้สมประสงค์สมปรารถนา
ทุกอย่าง เทพเทวดาก็มีอารมณ์มีความรู้สึกรัก โลภ โกรธ
หลง มีครอบครัว มีพ่อแม่ มีลูกมีหลานเหมือนกับมนุษย์
ทุกอย่าง เทพเทวดาก็มีทุกข์เหมือนกัน มีตอนที่รู้ว่าบุญใกล้จะ
หมดแล้วจะต้องลงมาเกิดยังโลกมนุษย์และทุกข์มากๆ ถ้ามาเกิด
ยังโลกมนุษย์แล้วไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะการที่ได้มาเกิดเป็น
มนุษย์นั้นสมารถทำตัวเอง ศึกษาหลักธรรมแล้วปฏิบัติฝึกจิตของ
ตนเองให้หลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ เทพเทวดาเหล่านี้มาจาก
ไหน? ก็เป็นดวงจิตดวงวิญญาณที่มาจากมนุษย์ที่ตายแล้วและ
เป็นมนุษย์ที่มีทาน มีศีล มีภาวนา(ยังไม่สำเร็จฌาน)และมีธรรม
เพราะผลของบุญกุศลที่ได้ทำมานี้ จะส่งผลให้จิตของเขาไปเกิด
เป็นเทพเทวดา จะไปเกิดที่ชั้นไหนสูงหรือไม่ จะไปเกิดกับ
ครอบครัวกับพ่อแม่คู่ไหนบนสวรรค์นั้น ก็ขึ้นอยู่กับผลของบุญ
กุศลที่ได้กระทำไว้ตอนเป็นมนุษย์นั้นไปสมพงษ์หรือพอดีกับพ่อ
แม่ที่เป็นเทพเทวดาคู่ไหนและบนสวรรค์ชั้นไหนอีกที ......
การลงมาเกิดยังโลกมนุษย์ของเทวดานั้นมีด้วยกันหลาย
สาเหตุ เท่าที่รู้และจากประสบการณ์ที่ทำงานนี้มาก็มี ......
๑. หมดบุญหรือหมดอายุขัย
๒. ทำผิดกฎของสวรรค์
๓. ถูกส่งให้ลงมาทำหน้าที่ยังโลกมนุษย์
สวรรค์มีทั้งหมด ๖ ชั้น(ชั้นของเทพเทวดา)โดยมีดังนี้ ......
๑. ชั้นที่ ๑ เรียกชั้น จาตุมหาราชิกา
มีอายุ ๙ ล้านปีมนุษย์
๒. ชั้นที่ ๒ เรียกชั้น ตาวติงสา หรือ ดาวดึงส์
มีอายุ ๓๖ ล้านปีมนุษย์
๓. ชั้นที่ ๓ เรียกชั้น ยามา
มีอายุ ๑๔๔ ล้านปีมนุษย์
๔. ชั้นที่ ๔ เรียกชั้น ตุสิตา หรือ ดุสิต
มีอายุ ๕๗๖ ล้านปีมนุษย์
๕. ชั้นที่ ๕ เรียกชั้น นิมมานรตี
มีอายุ ๒,๓๐๔ ล้านปีมนุษย์
๖. ชั้นที่ ๖ เรียกชั้น ปรนิมมิตวสวัตตี
มีอายุ ๙,๒๑๖ ล้านปีมนุษย์
เมื่อหญิงชาย(พ่อ-แม่)ยังโลกมนุษย์ได้ร่วมหลับนอนกัน
เชื้ออสุจิของชาย(พ่อ)เข้าผสมไข่ของหญิงแล้ว มีดวงจิตของ
เทพเทวดาองค์หนึ่งองค์ใดได้หมดบุญจากสวรรค์ลงมาผสม
(ปฏิสนธิวิญญาณ) มาร(เทพบุตรมาร)ก็ตามลงมาผสมด้วยอีก
เพื่อขัดขวางการสร้างบุญบารมีของเทพเทวดาตนนี้ พ่อแม่ พี่
น้องหรือเพื่อนๆที่อยู่บนสวรรค์ด้วยกันอย่างใดอย่างหนึ่งก็ลงตาม
มาผสมด้วยหนึ่งดวงจิต เพื่อดูแลให้ความช่วยเหลือปกป้องเรา
ทุกเรื่องจากการกลั่นแกล้งของพวกมาร ตามมาด้วยความรักและ
ความเป็นห่วงตลอดช่วงอายุของการเกิดมาเป็นมนุษย์ของเรา
เรียกเทพเทวดาเหล่านี้ว่า " เทวดาประจำตัว " แต่พอถึงเวลาเข้า
จริงๆแล้วเทพเทวดาเหล่านี้กลับช่วยเหลืออะไรเราไม่ได้ เพราะมี
พลังน้อยกว่าพวกมาร ก็ได้แต่ยืนดูเราห่างๆช่วยเหลืออะไรเราไม่
ได้เวลาเราตกทุกข์ได้ยากเกิดความลำบาก ถ้าหากเทพเทวดา
ประจำตัวของใครเป็นผู้หญิงจิตใจและลักษณะอาการของมนุษย์
คนๆนั้นก็จะออกไปลักษณะทางผู้หญิง ถ้าเป็นร่างของมนุษย์
ผู้ชายก็จะเป็น กะเทย และถ้าหากเทพเทวดาประจำตัวของใคร
เป็นผู้ชายจิตใจและลักษณะอาการของมนุษย์คนๆนั้นก็จะออกไป
ลักษณะทางผู้ชายเหมือนกัน ถ้าเป็นร่างของมนุษย์ผู้หญิงก็จะ
เป็น ทอม การที่มนุษย์คนไหนเป็นทอมหรือกระเทยนั้น ก็มี
สาเหตุมาจากผลของกรรมในอดีตชาติและมาจากเหล่าเทพเทวดา
ที่ทำผิดกฎสวรรค์ด้วยเช่นกัน ท่านทราบหรือไม่ว่าเทวดาประจำตัว
ของท่านเป็นใคร? ชื่ออะไร? มาจากชั้นไหน? เกี่ยวข้องกับ
ท่านอย่างไร? มีผลและมีอิทธิพลต่อตัวของท่านอย่างไร? ท่าน
ควรที่จะปฏิบัติตนและแก้ไขอย่างไรบ้าง? .........

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>เทวดามาสร้างบารมี

เทวดาสร้างบารมีคืออะไร? เป็นมาอย่างไร? มีผลและ
อิทธิพลกับเราอย่างไร? เทวดาสร้างบารมีก็จะเป็นหรือก็คล้ายๆ
กับเทวดาประจำตัวของเรา แต่จะมีพลังและอิทธิพลกับตัวเรา
มากกว่าเทวดาประจำตัว เทพเทวดาประจำตัวนั้นจะมีความเกี่ยว
ข้องผูกพันธ์กันกับเราในชาติที่เราเกิดเป็นเทพเทวดาเท่านั้น แต่
เทพเทวดาสร้างบารมีนั้นนอกจากจะมีความเกี่ยวข้องกับเราในชาติ
ที่เราเป็นเทพเทวดาแล้ว ยังมีความเกี่ยวข้องกับเราในอดีตชาติ
สมัยยังเป็นมนุษย์ที่ผ่านมาหลายๆชาติอีกด้วย เช่น เคยเป็นพ่อ
แม่ญาติพี่น้องกันมา เคยเป็นข้าทาสบริวาร เคยเป็นศิษย์
อาจารย์ ด้วยความผูกพันธ์ ความรัก ความเป็นห่วงกันมาก่อน
นี้เลยต้องทำให้มามีผลกับเราในปัจจุบัน สาเหตุที่เหล่าเทพ
เทวดาต้องมาสร้างบารมีกันก็เพราะมีเหตุดังนี้ .........
มีอยู่ครั้งหนึ่งสมัยพระพุทธองค์ยังชนม์พระชนชีพอยู่ พระ
อานนท์ได้ทูลถามพระพุทธองค์ว่า " อีกนานเท่าไรคำสอนทาง
พระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์จะหมดไปจากโลกนี้ " พระ
พุทธองค์ตอบพระอานนท์ไปว่า " อีก ๕,๐๐๐ ปี นับจากเรา
ตถาคตเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานไปแล้ว " เมื่อทราบเช่น
นั้นก็เกิดการแย่งกันที่จะดูแลทำนุบำรุงคำสอนให้สืบทอดต่อไป
ได้มีการแบ่งและขอกันดังนี้ ในช่วงเวลา ๒,๕๐๐ ปีแรกเหล่า
ภิกษุ ภิษุณี สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เป็นผู้จะทำนุบำรุง
ดูแล ๒,๕๐๐ ปีนับจากพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระ
ปรินิพพาน หลังจากนั้นที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งคือ ๒,๕๐๐ ปีหลังก็
เป็นของเหล่าเทพเทวดา ๑,๒๕๐ ปีนับต่อจากเหล่าภิกษุ ภิษุณี
สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ช่วงสุดท้ายของเวลาที่เหลือ
๑,๒๕๐ ปีก็เป็นของพวกยักษ์พวกมารทั้งหลายที่จะต้องดูแล
รักษา ขอให้ทุกท่านคิดดูว่าพวกยักษ์พวกมาร จะทำให้คำสอน
ทางพระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์ให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปได้
อย่างไร เพราะโดยปกติทั่วไปเขาก็ขัดขวาง ไม่ส่งเสริมให้เจริญ
รุ่งเรืองอยู่แล้ว ปัจจุบันนี้การเวลาได้ผ่านเลยมาเป็นเวลา ๒,๕๔๘
ปีแล้ว เกินเวลา ๒,๕๐๐ ปีมาแล้วเป็นเวลา ๔๘ ปี ก็แสดงว่า
หมดยุคและหมดเวลาของภิกษุ ภิกษุณี สามเเณร อุบาสก
และอุบาสิกาที่จะทำนุบำรุงคำสอนทางพระพุทธศาสนาของพระ
พุทธเจ้าองค์นี้แล้ว เริ่มเข้าสู่ยุคของเหล่าเทพเทวดาที่จะมาทำนุ
บำรุงคำสอนทางพระพุทธศาสนา จะเห็นได้ว่าช่วงนี้จะเกิดอะไร
ขึ้นมากมายในวงการพระพุทธศาสนาในทางที่เสื่อมเสีย ทำลาย
ฐานของความเชื่อความศรัทธา มีการเรียนการสอนที่บิดเบือนทำ
ให้หลงทางเสียเวลา ปฏิบัติธรรมก็ไม่บรรลุธรรม ไม่สำเร็จญาณ
สำเร็จฌานทั้งๆที่ตามหลักการและคำสอนของการปฏิบัติในทาง
พระพุทธศาสนาแล้วนั้นจะต้องได้ญาณได้ฌานสำเร็จมรรคผล
กัน .........
เวลาผ่านมาแล้ว ๔๘ ปีเป็นช่วงของเหล่าเทพเทวดาลง
มาสร้างบารมี การมาในช่วงแรกๆของเหล่าเทพเทวดาจะลงมา
กันเลยทันที มาตามหาสายเลือดของตนเองหรือที่มีความผูก
พันธ์กันมาในอดีต จะมาในลักษณะของ การประทับร่าง ลง
ทรงหรือประทับทรง เมื่อมาแล้วเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลังจากที่เหล่าเทพเทวดาได้ลงมาประทับร่างมนุษย์แล้ว ผู้ที่
เป็นร่างหรือม้าทรงท่านจะประทานให้ความช่วยเหลือทางด้านเงิน
ทอง ชื่อเสียง โชคลาภ ความสุขความเจริญ ให้ความ
สามารถพิเศษที่มีหรือเป็นมากกว่าหรือเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาให้
กับผู้ที่เป็นร่างทั้งหลาย หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเหล่าผู้ที่เป็น
ร่างเหล่านี้ เกิดความโลภ เกิดความหลงตัวเองคิดว่าตัวเองเป็น
หรือตัวเองมีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่นๆ พอเวลาที่ท่านไม่อยู่ผู้ที่
เป็นร่าง(เหล่าเทพเทวดาก็มีภาระกิจหน้าที่ที่จะต้องทำเช่นกัน)ก็
ถวิลเรียกหา ก็เลยเกิดช่องว่างตรงนี้ขึ้น ทำให้มารที่รอและคอย
จังหวะที่จะแทรกผ่านเข้าร่างแทนเทพเทวดาองค์จริงได้ พอเข้า
ร่างได้แล้วมารก็จะเรียนรู้และปลอมแปลงแสดงเป็นเทพเทวดาองค์
นั้นๆเลยทันที เพราะมนุษย์มองไม่เห็นตัวของเขา จากนั้นก็
หลอกล่อให้คนที่เป็นร่างและคนอื่นๆให้หลงทางงมงายตามต่อ
ไป ส่วนเทวดาองค์จริงๆก็ได้แต่ยืนมองช่วยเหลืออะไรไม่ได้
เพราะมีพลังน้อยกว่าพวกมาร มารก็จะทำให้เหล่าเทพเทวดาเสีย
ชื่อเหมือนกัน เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยมาก ล่าสุดก็ร่าง
ทรงพระอินนทร์ฆ่าลูกหลานที่เป็นข่าวผ่านมาไม่นาน จึงทำให้
เกิดปัญหาในเรื่องของการผ่านร่างมนุษย์ของเหล่าเทพเทวดา
เพื่อที่จะได้มาทำการทำนุบำรุงคำสอนในทางพระพุทธศาสนาของ
พระพุทธองค์ พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นหลังจากนั้นสวรรค์ก็ได้มีการ
ระงับไม่ให้เหล่าเทพเทวดาผ่านร่างมนุษย์อีก อาจารย์เลยต้องทำ
หน้าที่ตรงนี้ส่วนหนึ่ง(การตรวจกรรม) ส่วนการที่จะให้ตัวของเรา
สื่อกับเทพเทวดาที่จะมาสร้างบารมีหรืออื่นๆนั้นจะเป็นหน้าที่ของ
อาจารย์ นฤชา แจ่มใส(สามี)คือ การฝึกจิตให้ได้อภิญญา
เช่น หูทิพย์ ตาทิพย์เป็นต้น จึงจะสื่อถึงกันได้ .........
การมาของเหล่าเทพเทวดาสร้างบารมีนั้นทำให้เรามีปัญหา
เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การงาน สุขภาพ ฯลฯ ที่ทำ
ให้เรามีปัญหาก็เพราะว่า ต้องการให้เรารับรู้อะไรที่เกี่ยวกับท่าน
พอเรามีปัญหาเราก็จะหาทางให้คนที่มีความรู้ความสามารถทาง
ด้านนี้ช่วยเหลือชี้แนะให้เรา ทีนี้การที่เราไปหาเราจะรู้ได้อย่างไร
ว่าจริงหรือหลอก ท่านก็ต้องไปทดลองเอาเองนะ อาจารย์ไม่
สามารถบอกให้ได้ว่าที่ไหนจริงที่ไหนปลอมแล้วแต่เวรและกรรม
ของคนนั้นๆก็แล้วกัน เทวดาสร้างบารมีของท่านเป็นใคร? ท่าน
จะต้องทำและปฏิบัติตนอย่างไร? จึงจะทำให้ตัวของเรามีความสุข
มี ความสำเร็จ ความเจริญ ฯลฯ กลับคืนมาหาตัวของท่านอีก
ครั้งให้เหมือนเดิมหรือดียิ่งๆขึ้นไป เทวดามาสร้างบารมีไม่ใช่
" องค์ " หรือ "องค์ใน" นะจะบอกให้ ในความหมายของอาจารย์
องค์หรือองค์ในจะหมายถึงพวก " มาร " หรือ " ซาตาน " ทันที
เพราะในตอนนี้เทพเทวดาเขาไม่ลงผ่านร่างของมนุษย์กันแล้ว
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ร่างพระอินทร์ที่ฆ่าลูกฆ่าหลานที่เป็นข่าว
ที่ผ่านมา เรื่องของมารหรือซาตานกับเรื่องของเทวดามาสร้าง
บารมีนั้น จะมีอะไรที่คล้ายกันและใกล้เคียงกันมากแทบแยกกัน
ไม่ออกเลยว่าคืออะไร ถูกหรือผิดใช่หรือไม่ใช่ ไม่ว่าจะเป็น
เรื่องของการปฏิบัติธรรมและพิธีกรรมต่างๆ อยากรู้ว่าจริงหรือไม่
จริง ก็ลองมาเรียนฝึกปฏิบัติธรรมกันดูเพราะว่ามันเรื่องจริง เป็น
เรื่องที่พิสูจน์ได้ แต่ต้องมีความเชื่อ ความศรัทธาในพระ
พุทธองค์และพระธรรมคำสอนด้วยส่วนลึกของจิตใจ ไม่ใช่เส
แสร้งแกล้งทำแล้วท่านจะเข้าไม่ถึง หลังจากนั้นก็ต้องมีความ
เพียร ความพยายาม ความอดทนที่จะฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ
และตลอดเวลาด้วย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็น .........
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ = เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน
เอหิปัสสิโก = ขอท่านจงมาดูเถิด
อะกาลิโก = ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล .........

</TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา http://www.kontatip.com/ (คนตาทิพย์.คอม)

 

สมัยเด็กๆเคยเจอบ่อยครับ หลายเหตุการณ์ ที่อธิบายไม่ได้ แต่ว่าเทวดาประจำผมก็เป็นผู้หญิง ไม่เห็นผมจะเป็นกระเทยเลย

สมัยเด็กๆ วันไหน สวดมนต์ทำสมาธิก่อนนอน เป็นต้องมีอะไรมาดูแลเราตลอด มาคอยพัดวีให้ จนตื่น แรกๆกลัวก็กลัว เพราะเมื่อก่อนไม่รู้ว่าระหว่างผีกับเทวดามันต่างกันยังไง แต่ตอนนอนหลับสบายจริงๆ หลังๆมาไม่กลัวล่ะ มาตอนนี้ไม่เห็นจะสัมผัสได้เลย เออ หรือว่าท่านไปแล้ว

ไงก็อนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

แผ่เมตตาให้เขาสิ หรืออุทิศส่วนกุศลผลบุญให้เขาสิ เขาจะได้มีพละพลังช่วยเราได้

 

แผ่เมตตาให้เขาสิ หรืออุทิศส่วนกุศลผลบุญให้เขาสิ เขาจะได้มีพละพลังช่วยเราได้
^
^
^
^
ถูกต้องนะคร๊าบบบบ

 

นี้ก็เป็นโอกาสช่องว่างดี ๆ แล้วครับ ที่จะตนมีศีลธรรม

 

เหตุการณ์ร่างทรงในปัจจุบันมีมากจริง ๆ ครับ ระวังนะครับเราท่านทั้งหลายไปขอความช่วยเหลือเขามาแล้ว ระวังในขณะที่มีชีวิตจะต้องทดแทน ตายไปก็ยังต้องชอใช้อีกนะตรับอาจต้องตกไปเป็นทาสเขาก็ได้
ใครจะไปรู้เพราะเราไปติดหนี้บุญคุณเขา ทำอะไรก็ให้มีสติ อยูในความพอดี ๆ
ดังคำท่านบัญฑิตได้ล่าวไว้ว่า เทียวไปขอบารมีคนอื่นเขา ถึงเวลาใช้คืนจะเอาอะไรไปคืนเขา ในเมื่อตนเองไม่เคยสร้างเคยเก็บ (สุดท้ายต้องเอาตัวเองไปเป็นทาสเขา ) ให้อ่านคำสอน ท่านสมเด็โต นะครับ

 

.... เทพมากันอีกแล้วเหรอ ....

อนุโมทนา

เทวดา รักษาตัวเราก็เป็น เทวดาประจำ
แต่ให้เราบำเพ็ญเพียร
สวดมนต์ ทำสมาธิ ถือศีล กินเจ ทำบุญ กุศล ทำทาน แล้วแต่

จนถึงขั้น เทพ เทวดา ชั้นไหน องค์ไหน ก็มาให้บารมีได้
เรียกว่า เทพ ไป - กลับ
แต่ ถ้าเทวดาประจำก็ไม่มีบารมี ตัวเองก็ไม่ทำ เวลานั้นก็ใครก็ช่วยไม่ได้

ให้หมั่นทำบุญ สวดมนต์ นี่ อย่าให้ขาด
ให้สวดเหมือนเรากินข้าว กินข้าวยังกิน ๓ มื้อ กินทุกวัน ดึกยังกินอีก
นั่งสมาธิ ทีนั่งทำอะไรที่อื่น หลายชั่วโมง ยังนั่งได้
แล้วเราเป็นโพธิสัตว์ เป็นที่พึ่งแก่สัตว์
แต่เรายังกินสัตว์อยู่ เราจะโปรดเขาได้อย่างไร ให้กินเจ

เทวดาประจำตัว ของใครก็ของใคร สายญาณใคร สายญาณมัน
ถามว่าเอาคืนได้ไหม ไม่เอาได้ไหม
เราจะไม่เอาก็ไม่ได้ เอาคืนก็ไม่ได้
สวรรค์ เลือกแล้ว แสดงว่าเรานั้นมีบุญ - มีกรรม กับท่าน
ใครมี ก็รีบปฏิบัติเสียเถิด จะได้ไม่เสียเวลา
เทพท่านก็รออยู่
เราไม่สร้างบารมี ท่านจะช่วย ท่านก็ช่วยไม่ได้

ไม่ต้องคิดถึงทางโลก เรื่องที่ผ่านมา กรรมเก่าเราไม่รู้
แต่ปัจจุบันเรารู้ เราก็ระงับเสีย ปัจจุบันเราเลือกได้
ที่ผ่านมาลำบากถือว่า เป็นวิบากกรรม
บางครั้ง สวรรค์ท่านลองใจ ให้เห็นทุกข์

ชาตก่อนที่เราจะเกิดมานี้ เราก็เป็นมาแล้วเสียมากมาย
ทำมาแล้วตั้งมากมาย ไม่ต้องคิดจะเป็นอะไรอีก
ปฏิบัติให้หลุดพ้น ให้เป็นที่พึ่ง แก่มนุษย์ และโลกวิญญาณ

-----------------

เหล่านี้ รวบรวม มาจากการได้สนทนา ส่วนหนึ่ง กับ
พระแม่โพธิสัตว์กวนอิม อวโลกิเตศวร
ร่างผ่าน คุณวนิดา ชุติมา
ตำหนักพระแม่ ข้างวัดศรีโขง จ.เชียงใหม่

​

 

คนเรามีเทวดาประจำตัวด้วยกันทุกคน สิ่งที่เทวดาต้องการจากเราคือการบำเพ็ญเพียรในการสร้างบุญบารมี เมื่อเราอุทิศให้ท่าน ท่านก็จะมีพลังในการช่วยเหลือเรา

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การช่วยเหลือในแต่ละครั้งของท่าน ก็ต้องขึ้นอยู่กับกรรมของเราเป็นหลัก ถึงแม้จะเป็นเทวดาแต่ก็ไม่สามารถมีอำนาจเหนือกฎแห่งกรรมได้...

บางครั้งการที่เทวดาแสดงองค์ให้เรารู้ ก็เพื่อให้เราเชื่อมั่นในการปฏิบัติธรรมว่า การปฏิบัตินั้นมีผลอยู่จริง ไม่ได้สูญหาย และท่านก็รับรู้ แต่บางคนกลับไปหลงตัวเอง คิดว่า ตัวเองเป็นเทพเป็นเทวดาองค์นั้น ๆ ไปเลย ซึ่งผิดอย่างมหันต์...

พึงระลึกไว้เสมอว่า เทพ กับ มนุษย์ นั้น ถึงจะเกี่ยวพันกันอย่างเหนียวแน่น แต่ก็ไม่ใช่ร่างเดียวกัน...

 

ยกประโยคคำถามมา?
"หากเทพเทวดาประจำตัวของใครเป็นผู้หญิงจิตใจและลักษณะอาการของมนุษย์คนๆนั้นก็จะออกไปลักษณะทางผู้หญิง ถ้าเป็นร่างของมนุษย์ผู้ชายก็จะเป็น กะเทย และถ้าหากเทพเทวดาประจำตัวของใครเป็นผู้ชายจิตใจและลักษณะอาการของมนุษย์คนๆนั้นก็จะออกไป
ลักษณะทางผู้ชายเหมือนกัน ถ้าเป็นร่างของมนุษย์ผู้หญิงก็จะเป็น ทอม การที่มนุษย์คนไหนเป็นทอมหรือกระเทยนั้น ก็มีสาเหตุมาจากผลของกรรมในอดีตชาติและมาจากเหล่าเทพเทวดาที่ทำผิดกฎสวรรค์ด้วยเช่นกัน ท่านทราบหรือไม่ว่าเทวดาประจำตัวของท่านเป็นใคร? ชื่ออะไร? มาจากชั้นไหน? เกี่ยวข้องกับท่านอย่างไร? มีผลและมีอิทธิพลต่อตัวของท่านอย่างไร?

ตอบคำถามสุดท้ายพอ "ท่านควรที่จะปฏิบัติตนและแก้ไขอย่างไรบ้าง? .........


[/quote]

ตอบ.แก้เป็น กระเทย เป็นทอม อยากหายในชาตินี้ รักษาศีล 5 ให้เป็นประจุบันให้ได้ให้ถูกต้อง (ระยะเวลาตามความเข้มข้นของ"กรรม") เพราะศีลแปลว่า ปรกติ หายมีตัวอย่างในพุทธกาล ชายผู้หนึ่งหลงรักพระมหากัจจายนะพอใจในรูปกายท่าน เพศกลับเป็นหญิง ต่อมา มีสามี มีลูก ภายหลังกลับมาขอขมาพระมหากัจจายนะร่างกลับเป็นชายและบวชปฏิบัติสำเร็จอรหันต์ หากลูกๆที่อ่านเรื่องกระเทย ทอม ถ้าเพื่อนลูกเป็นอยากหายก็ให้รักษาศีล 5 หากตามทำแล้วสอนไม่หาย พระ 12 ตกนรกแทนเอง หายแน่มีคนปฏิบัติตามหายมาหลายรายแล้ว

เจริญพร
พระ12

 

ทั้งหมดที่ว่ามานี้เป็นเรื่องจริง ครับ แต่ก็เป็นปัจจัตตัง ใครปฏิบัติ คนนั้นเห็นเอง

หากตัวเราปฏิบัติธรรมสม่ำเสมอ สร้างพลังจิตให้เข้มแข็งและหมั่นบำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา อยู่เป็นประจำ

องค์เทพของท่านก็แข็งแรงไปด้วยครับ อีกทั้งท่านยังอาจจะไปตามเทพองค์อื่นที่มีฤทธิ์มากกว่า มาช่วยกิจการงานของท่าน โดยเฉพาะงานเกี่ยวกับพระศาสนาและการกุศล เพราะเทวดาเองก็อยากได้บุญเหมือนกัน

หากท่านปฏิบัติได้จริง ก็จะเห็นจริงด้วยตนเอง

 

ได้เปิดโลกกว้างอีกหนึ่งเรื่องราว

 

อนุโมทนาสาธุ...นะคะ

เคยได้ฟังเหมือนกัน หากเราอุทิศกุศลให้ท่าน ท่านก็แข็งแรงและช่วยเราได้ในยามคับขันค่ะ

 

ความจริงก้อไม่อยากจะพูดดูหมิ่นใครหรือไม่เชื่อไครแต่จะพยายามพูดไม่ให้กระทบใครก้อแล้วกัน
เริ่มต้นคือ ตอนนี้เราไปให้ความสำคัญกับเทวดามากไป เราลืมไปแล้วหรือ ว่าเรามีพระพรหมประจำตัวอยู่ เป็นพระพรหมที่มีลมหายใจ พ่อกับแม่ของเราไง พ่อกับแม่ของเรานั้นมีค่ามากกว่าเทวดาเสียอีก แต่เราไยดติดกับความวิเศษของเทวดามากไปจนลืม คิดไปว่าพรหมคือผู้ที่อยู่สถานะต่ำกว่าเทวดา เลยกลายเป็นว่าเป็นมิจฉาทิฎฐิเข้าครอบงำเรียบร้อยเลย เรามีพระพรหมอยู่แล้ว เรายังต้องแสวงหาอะไรอีกเล่า พระพรหมนั้นให้เรามามากกว่าเทวดาเสียอีก บางทีเทวดาไม่ได้ช่วยอะไรเราเลยก็มี แต่เวลาเราขอพระพรหมอะไรเราก็ได้ทั้งนั้น แล้วเราจะทำกับพระพรหมของเราอย่างนี้เหรอ ถามจริงครับว่า เทวดาให้อะไรเราบ้าง ให้ได้มากกว่าที่พระพรหมจะให้ได้ไหม คิดดูเองละกันนะครับ ว่าเราจะเลิกนับถือเทวดาแล้วมานับถือพรหม หรือเราจะโง่ไปนับถืออะไรที่ลมๆแล้งๆ ไม่รู้ว่าที่ขอไปจะได้จริงหรือเปล่า แต่เราขอกับพระพรหมเราได้ทุกอย่าง หากเราขอกับพระพรหมแล้วยังไม่ได้ก็ขอให้ทราบนะครับว่า เราผิดหวังเท่าไหร่พระพรหมของเราก็เสียใจไปไม่น้อยไปกว่ากัน ที่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างดีที่สุด วันหนึ่งๆแทนที่เราจะกราบพ่อแม่บ้าง แค่ยกมือไหว้แค่นี้เขาก้อชื่นใจแล้วครับ ไม่ต้องถึงกับกราบ แต่กราบได้ยิ่งดีเลยครับ ยิ่งกราบทุกวัน ใครกราบพ่อแม่ทุกวันคนนั้นจะเจริญ ใครที่ดูถูกพ่อแม่แล้วไปให้ความสำคัญกับเทวาดาหรือผีสางมากไป คนนั้นไม่เจริญครับ .....

 

เวลากรวดน้ำรับพรก็อุทิศผลบุญไปให้เค้าซิ เค้าจะได้มีความสุขมีพลัง

 

คุณ wellrider ที่คุณเขียนมา ตามประสบการณ์ของผมขอใช้คำว่ามั่วครับ คนเราทุกคนไม่ใช่ว่าจะมีเทวดาประจำตัวกันทุกคน เพราะบางคนก็จุติจากสวรรค์ บางคนเป็นผีมาเกิด คนที่มีเทวดาคุ้มครองจะเป็นเทวบุตร เทพธิดามาเกิดเท่านั้น ส่วนการเป็นกระเทย หรือทอมนั้นเป็นเวรกรรมของบุคคลนั้นครับ ซึ่งตัวข้าพเจ้าเองในอดีตชาติก็เป็นผู้หญิงแต่ภพภูมิปัจจุบันเป็นผู้ชายล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่เห็นจะต้องเป็นกระเทยเลยนี่ครับ และชั้นภูมิของสวรรค์นั้นการเลื่อนชั้นนั้นขึ้นอยู่กับการบำเพ็ญเพียรและคุณงามความดี เทพผู้ชายมีหน้าที่ปกป้องดูแลและปราบสิ่งชั่วร้าย เทพผู้หญิงมีหน้าที่บำเพ็ญเพียรไม่สามารถปราบมารได้เพราะผิดกฎสวรรค์ บุคคลธรรมดาจะพบเทพที่คุ้มครองตนเองได้นั้นขึ้นอยู่กับบุญวาสนาของตนเอง ถ้าอยากพบแต่สิ่งดีงามให้หมั่นทำบุญกุศล ยึดถือหลักธรรม เชื่อมั่นในเทพทุก ๆ พระองค์ สวดมนต์ เจริญสมาธิ และข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเทพและวิญญาณมีจริง ดังนั้นไปที่หนใดให้ระวังคำพูด ความคิด ให้ระรึกแต่สิ่งที่ดีงามและไม่ลบลู่สิ่งที่มองไม่เห็น

 

สวัสดีครับคุณหน่อนเรศวร

บทความนี้ผมไม่ได้เขียนเองครับ ผมให้ที่มาไว้แล้วว่าเอามาจากเวปคนตาทิพย์ ถ้ากระทู้ไหนผมให้ที่มาไว้ก็หมายความว่าผมไม่ได้เขียนเองนะครับ และเรื่องที่โพสมานั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นยังงั้นทุกๆคนนี่ครับ เขาหมายถึงบางคนบางท่านเท่านั้นเอง พอเป็นความรู้ ถ้าไม่เห็นด้วยก็แล้วแต่ท่าน อันไหนดีก็เก็บใส่ใจไว้ ถ้าอันไหนเห็นว่าไม่ดีก็ไม่ต้องไปใส่ใจเท่านั้นเองครับ

 

อนุโมทนากับคุณพิสวัสต์ ครับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง และอีกอย่างพระพุทธศาสนาก็ไม่ได้ให้เราไปสนใจเรื่องพวกนี้ มันแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ กลับจะทำให้เราลุ่มหลงมัวเมาเสียมากกว่า เทวดานั้นแม้เจอมนุษย์ผู้ปฏิบัติดีเขาก็ต้องมาไหว้เราบูชาเรานะ ดังบันทึกของพระเจ้าอโศก ขออภัยด้วยหากความคิดเห็นอาจไปกระทบความคิดของท่านอื่น

 

333ท่านกัลยาณมิตร ท่านใดที่รู้ช่วยตอบด้วยนะครับ คือ เรื่องมีอยู่ว่า
333 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2550 ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรม ที่แดนมหามงคล จ.กาญจนบุรี ได้มีโอกาส เวียนเทียนรอบหน่อพระศรีมหาโพธิ์ ที่อัญเชิญมาจาก ศรีลังกา ซึ่งโดยปกติแล้ว การปฏิบัติธรรม จะต้องปิดอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด
333 วันที่ 30 กรกฎาคม 2550 ข้าพเจ้าเปิดเครื่อโทรศัพท์มือถือ ก็มีข้อความจากน้องชายของข้าพเจ้า และแม่ของข้าพเจ้าโทรเข้ามาบอกว่า หลานชายของข้าพเจ้า อายุ 2 ขวบ ตายแล้ว ให้รีบกลับบ้านด่วน
333 ในระหว่างที่ข้าพเจ้าเดินทางกลับ ข้าพเจ้าก็อธิษฐาน ในใจว่า บุญกุศลที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญมาทั้งในอดีตชาติ และปัจจุบันวันนี้ รวมถึงบุญบารมี ในการปฏิบัติธรรม ที่ผ่านมานั้น ขออุทิศ และยกให้กับหลานชายของข้าพเจ้าทั้งหมด และในระหว่งที่อธิษฐานอยู่นั้น ก็รู้สึกเย็นวาบสันหลัง ขนลุกทั้งตัว ข้าพเจ้าไม่เคยฝันเห็นหลานชายคนนี้เลย
333 มีอยู่คืนหนึ่ง พ่อของข้าพเจ้า ( ปู่ของหลาน ) บอกว่า หลังจากสวดศพ ไน่ใจว่า 3 หรือ 7 วัน พ่อบอกว่า ประมาณตี 2 หมาที่บ้านที่เลี้ยงไว้ ซึ่งไอ้เจ้าหลานชายของข้าพเจ้า ชอบเล่นกับมันมาก มันชื่อ โบกี้ พอหลานชายข้าพเจ้าเล่นกับมัน ก็มักจะชอบเรียกชื่อมัน " กี้...ทำราย " วันนั้น ประมาณตี 2 ไอ้โบกี้มันหอน ( ที่บ้านเลี้ยงหมาไว้ในบ้าน ) พ่อบอกว่าได้ยินมันหอน นึกในใจว่า สงสัยหลานชายจะมาลา ( ขณะนั้นข้าพเจ้าพักอยู่ที่บ้านพักของที่ทำงาน )
333 หลังจากเผาศพเสร็จแล้ว แม่ของข้าพเจ้า ( ย่า ) ก็ชวนน้องชายของข้าพเจ้า ( พ่อของเด็ก ) และข้าพเจ้า ไปวัดแห่งหนึ่ง แถวๆหนองมน หลวงพ่อท่านเก่งในเรื่องการนั่งทางใน ท่านบอกให้น้องชายของข้าพเจ้า ทำสังฆทาน โดยที่มี พระประจำวันเกิดหลาน ขนาด 9 นิ้ว 1 องค์ อาหารคาวหวานที่หลานชอบ 1 ชุด ผ้าไตร 1 ชุด หนังสือมนต์พิธี 1 เล่ม ทำบุญถวายเป็นสังฆทาน
ข้าพเจ้าก้เลยถามหลวงพ่อว่า ที่ข้าพเจ้าอุทิศบุญตอนที่อยู่เมืองกาญจน์นั้น หลานเขาได้รับหรือเปล่า หลวงพ่อบอกว่า " วิญญาณเขารู้ เขารับแล้ว แต่เราไม่ต้องไปอยากรู้ อยากเห็นว่า เขาตายอย่างไร "
333 หลังจากวันนั้น ประมาณ 1 สัปดาห์ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ เมื่อแผ่เมตตา ก็จะเรียก หลานให้มารับไปด้วยนะ แล้วก็ภาวนาว่า ไปสวรรค์นะลูกนะ ไปสบายนะลูก
333 คืนหนึ่ง ข้าพเจ้าฝันเห็นหลานคนนี้ ได้เล่นกันสนุกมาก เท่าที่จำได้ เห็นหลานใส่ เสื้อคอกลมสีขาว กางเกงขาสั้นสีขาว บรรยากาศรอบข้างมีแต่สีขาว คล้ายก้อนเมฆ ข้าพเจ้าอุ้มหลานแล้วยกขึ้นสูงๆ เหนือศรีษะ เหมือนตอนที่เขายังมีชีวิติอยู่ สักพัก เขาก็เอามือมาจับที่แขนของข้าพเจ้า แล้วพยายามผลักตัวเองออกจากแขนของข้าพเจ้า แล้วพูดว่า " คุณลุง คุณลุง ปล่อยหนูเหอะ หนูจะไปแล้ว อย่ารั้งหนูเลย ให้หนูไปเหอะ " แล้วเข้าก็หลุดจากมือ หลังจากนั้น หลานก็พูดว่า " เห็นมั้ยคุณลุง หนูได้นอนเล่นสบายๆ เตียงหนูทั้งนุ่มทั้งกว้าง หนูสบายแล้ว คุณลุง " ไอ้ภาพที่ข้าพเจ้าเห็น เห็นหลาน นุ่งขาวห่มขาว นอนกลิ้งไปกลิ้งมา หัวเราะร่า ยิ้มแย้ม ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ใสนวล น่ารัก ขาว เหมือนตอนมีชีวิตอยู่ สักพัก ข้าพเจ้าก็สะดุ้งตื่น ดูนาฬิกา ตี 4 กว่าๆ เกือบจะตี 5 แล้ว
333 ไม่รู้ว่าความฝันนั้น หมายความว่าอย่างไร หลานของข้าพเจ้าได้ไปสวรรค์จริงๆ หรือไม่ ท่านกัลยาณมิตร ท่านใดพอรู้ ช่วยแนะนำ หรือบอกข้าพเจ้าด้วยครับว่า ที่หลานชายพูดนั้น หมายความว่าอย่างไร เพราะทุกวันนี้ ไม่เคยฝันเห็นอีกเลย แต่ก็ทำบุญให้หลานเขาอยู่นะครับ ล่าสุดก็เพิ่งใส่ชื่อหลานที่ตายร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างหนังสือธรรมแจกเป็นธรรมทานครับ

 

ท่านกัลยาณมิตร ครับ เคยดูหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งไหมครับ ที่พระเอกเป็นนักบิน ขับเครื่องบินไปดับไฟป่า แล้วเกิดเครื่องตกตาย แต่ยังไม่รู้ตัวว่าตาย เจอเทวดาท่านหนึ่งมาคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ และมีประโยคหนึ่งในหนังที่ว่า
เทวดาพี่เลี้ยง " คุณจำได้ไหม ตอนที่คุณขับเครื่องบิน คุณคิดว่าคุณอยู่คนเดียวหรือเปล่า ล่ะ "
เทวดาพระเอก " คนเดียวสิครับ ผมขับเครื่องบินคนเดียว "
เทวาดาพี่เลี้ยง " คุณแน่ใจเหรอ คุณเคยเฉียดตายมาแล้วหลายครั้งไม่ใช่เหรอ "
เทวดาพระเอก " ใช่ครับ ผมใช้ความสามารถของผม จึงรอดมาได้ "
เทวดาพี่เลี้ยง " คุณลองนึกให้ดี แล้วภาพก็เห็นว่า พระเอกกำลังขับเครื่องบิน มีเทวดาพี่เลี้ยงมานั่งอยู่ข้างหลัง คอยกระซิบข้างหูบอกให้ทำการเลี้ยวอย่างโน้น อย่างนี้ จึงรอดมาได้ "
เทวดาพระเอก " อ๋อ นี่คุณคือ เทวดาประจำตัวผมเหรอ "
อันนี้ ข้าพเจ้าลองมาคิดเล่นๆ คนเดียวนะครับ ( ท่านใดไม่เชื่อ อย่าว่ากันนะครับ ) ทุกครั้งที่เราคิดอะไรไม่ออก หรืออยู่ในช่วงสถานการณ์ที่คับขัน ทำไมเราจึงคิดได้ว่าเราต้องเอาตัวรอดอย่างไร หรือทำอย่างไรเราจึงจะปลอดภัย ไอ้ความคิดที่แว๊บมาเนี่ยะ ใช่เทวดาประจำตัวเรา ท่านช่วยเราหรือเปล่านะ ( เพราะฝรั่งที่ไม่เชื่อเรื่องผี ปีศาจ ยังเชื่อเรื่อง เทวดาประจำกายเลย และศาสนาพุทธ กับแทบจะทุกศาสนา ก็มีความเชื่ออย่างหนึ่งที่ตรงกันว่า คนเราทุกคนเกิดมา จะต้องมีเทวดาคุ้มครองประจำตนเอง )
คิดเล่นๆนะครับ อย่าเอาเป็นจริง เป็นจัง คิดเล่นๆ เวลาว่างๆ ให้สมองทำงาน เพราะเราไม่รู้ว่าวันไหน เราจะได้ไปเป็นเทวดาผู้คุ้มครอง...555 อย่าคิดมาก