ปรอทสำเร็จ ของดีจากตำนาน

ปรอทชีปะขาว เป็นปรอทหุงที่ยังกินทองคำเปลว และแปรสีตัวเองบางครั้งเป็นสีทอง หรือทองอมเขียวได้ นับเป็นธาตุกายสิทธิ์หายากอีกชนิดหนึ่งครับ

 

สีสรรณวรรณงดงามยิ่งครับ

 

ขอบคุณครับ

ปรอทกายสิทธิ์มีหลายประเภทมากมาย มีชื่อแปลก เช่นปรอทลูกเจี๊ยบ ปรอทประเภทนี้ส่งเสียงร้องเจี๊ยบๆได้ กินทองจุ

ปรอทเพชร
ปรอทธาตุ
ปรอทอ้ายงั่ง
ปรอทตายพราย เป็นต้นแต่ละชนิดมีความวิเศษพิสดารในตัวแตกต่างออกไปตามสายวิชา ปรอทแต่ละชนิดน่าศึกษามากแต่หาดูได้ยากความรู้ทางด้านนี้จึงมีน้อยเหลือเกินครับ

 

แจกแจงให้ทราบเป็นวิทยาทานหน่อยสิครับว่า แตกต่างกันอย่างไร ผมสนใจเป็นอย่างยิ่งครับ

 

น้องใหม่นะครับ ปรอทนี้ ใช่ชนิดเดียวกับที่อยู่ตามธรรมชาติไหมครับ ที่ฝรั่งเรียก Hg หรือ mercury ลักษณะของมันจะสีเงินใสๆ เป็นของเหลว จะเหมือนกับน้ำที่กลิ้งบนใบบัว หากใช่ เพราะที่เคยเรียนมา มันมีความอันตรายสูงมาก แล้วนำมาสกัด สารพิษออก ถือว่าสุดยอดแล้วครับ

 

คุณทิพย์จักรมีรูปถ่ายไหมครับ

 

คุณทิพย์จักร การหุงปรอทไม่ทราบว่าอยู่ในหมวดธาตุตัชชารีวิชชา หรือไม่ครับเพราะดูแล้ว

น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการเล่นแร่แปรธาตุ ประมาณว่าทำตะกั๋วเป็นทอง แต่การหุงปรอทน่า

จะเป็นการทำธาตุเดิมให้บริสุทธิขึ้นมีฤทธิมากขึ้นมากกว่า และจากการทีได้อ่านเรื่องราวที่

คุณนำมาลงทำให้คิดได้ว่าปรอทชอบเสพแต่สิ่งสกปรกแต่ผ่านการเคี่ยวกรำจนได้กลายเป็น

ของกายสิทธิก็เหมือนตนเราดี ๆ นี่เอง เอาเรื่องราวมาลงอีกนะครับ

 

ถูกต้องทุกประการครับ ปรอทที่นำมาหุงคือปรอทเหลวๆนี่แหละ แต่อาศัยภูมิปัญญาของคนโบราณที่เรียนรู้แร่ธาตุอย่างถ่องแท้และว่านยาที่มีผลต่อโมเลกุลของแร่ธาตุ อย่างไรก็ตามเพียงวิชาทางว่านยาอย่างเดียวไม่เพียงพอให้ปรอทคายพิษหรือสำเร็จปรอทได้ กุญแจสำคัญที่สุดคือ ใจ เราเองครับ

วิชาธรรมที่สุดจะย้อนเข้ามาที่ธรรมะ คนที่ทำปรอทไม่สำเร็จ เพราะเข้าใจแต่เพียงว่าปรอทเป็นวิชาภายนอก หากย้อนเข้ามาทำความเข้าใจภายในใจเราเอง ว่ามีปัจจัยให้ปรอทสำเร็จอย่างไร เริ่มจากศีล สมาธิ ปัญญา และแรงครูบาอาจารย์ อำนาจจากสัจจะ หากมีองค์ประกอบจากคุณธรรมเหล่านี้ก็ถือว่ามีปัจจัยเพียงพอที่จะสำเร็จปรอทขึ้นมาได้ อาจารย์โยธินพบว่าการใช้สูตรยาเดียวกันนี้ เคี่ยวปรอทแบบเดียวกัน แต่หลายปีที่ผ่านมาไม่สำเร็จ ก็เพราะขาดแรงครูมาช่วยและระดับจิตไม่ถึงขั้น ต่อมาเริ่มใหม่ด้วยการตั้งสัจจะกับการรักษษศีล การน้อมของแรงครูมาช่วยหนุนนำ การอาศัยสมาธิความวิเวกกาย วิเวกวาจา วิเวกใจ เมื่อปัจจัยภายในพร้อมแล้วลองเคี่ยวปรอทใหม่คราวนี้ปรอทกลับจับกันเป็นก้อนและเริ่มเกิดผลึกจนกลายเป็นปรอทเพชรตามลำดับ เล่ามาเสียยืดยาวก็เพียงเพิ่อย้ำว่าปรอทเป็นวิชาภายใน ปัจจัยสำเร็จปรอทต้องมาจากใจที่ดีลำดับแรก ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ทางวัตถุอย่างเดียวเท่านั้น ที่ตัวยาครบ อุณหภูมิถูกต้อง สัดส่วนพอเหมาะก็จะสำเร็จเหมือนหนึ่งบวกหนึ่งได้สองทุกครั้ง แต่วิชาปรอทมันไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไปครับ วันนี้ศีลดีก็ทำสำเร็จ วันนี้ศีลด่างพร้อมก็อาจทำปรอทไม่ได้ มันก็แปลกอย่างนี้แหละครับ

 

ขอบคุณที่ติดตามกระทู้ครับ ต้องขอบอกตามตรงว่าปรอทบางประเภทในตำรายังไม่เคยพบเห็นเลย อาจารย์โยธินกล่าวว่าบางอย่างอ่านเจอแต่ชื่อแต่ยังนึกไม่ออกไม่เคยเห็นของเลยว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร อย่างปรอทอ้ายงั่ง ปรอทตายพราย ประเภทนี้ไม่เคยเห็นเลยครับ ด้วยเพราะของเหล่านี้เป็นของเร้นลับมีจำนวนน้อยถึงน้อยที่สุด ทั้งแง่ของตำรายิ่งของยิ่งหายากมาก เลยไม่มีตัวอย่างมาให้ชม แต่ถ้าวันไหนอาจารย์ท่านทำปรอทอะไรสำเร็จขึ้นมาก็จะแจ้งข่าวดีพร้อมกับนำภาพมาลงให้ชมกันครับ

 

การทำอิทธิฤทธิ์ มีสองประเภทคือ
๑ มณิกาวิชาคือการทำฌาน
๓ คือตัชชารีวิชา ซึ่งมี ๔ แขนง และวิชา ๔ แขนงนี้หากสำเร็จแขนงใดแขนงหนึ่งก็ทำฤทธิ์ได้ ส่วนมากแล้วมักมีการนำวิชาตัชชารีทั้ง ๔ แขนงมาประยุกต์เข้าด้วยกัน อันว่าตัชชารีทั้ง ๔ คือ
๑ อักกะตัชชารี คือ การท่องคาถาอาคม
๒ ยันตราตัชชารี คือ การเขียนยันต์ อักขระ การสักยันต์ การทำผ้ายันต์ผ้าประเจียด การเขียนคำมงคล หรือคำแช่ง
๓ มูลตัชชารี คือ การกินว่านยา อาบว่านยา หรือมีว่านหรือพฤษาเทพธิคุณ ติดตัว
๔ ธาตุตัชชารี คือ วิชาว่าด้วยแร่วิทยาการเล่นแร่แปรธาตุ ขยายความเข้าคือ การเรียนรู้เรื่องเหล็กไหล ปรอท ทองแดงเถื่อน ตะกั่วเถื่อน ทองคำบริสุทธิ์ เงินบริสุทธิ์ เหล็กน้ำพี้ หยกวิเศษ อัญญมณีมีฤทธิ์ และลึกลงไปถึงการผสมธาตุเข้าธาตุเพื่อทำเป็นสัมฤทธิ์ เมฆสิทธิ์ เมฆพัตร ปัญจะโลหะ สัตตะโลหะ และนวะโลหะ การซัดตะกั่วเป็นเงินเป็นทอง การซัดปรอทให้ตายจนกลายสภาพจากปรอทเหลวกลายเป็นก้อนแข็ง

 

ปรอทมีนิสัยชอบเสพของเน่าเหม็นยิ่งศพคนคืออาหารชั้นยอด รวมไปถึงสารพิษต่างๆ ตามธรรมชาติปรอทชอบพิษว่านยา โดยเฉพาะพิษลำโพงปรอทจะชอบเป็นพิเศษ แต่นอกจากนี้ปรอทยังชื่นชอบการกินทองและเงินเป็นพิเศษอีกด้วย

ปรอทเสพของเน่าเปรียบได้กับจิตปุถุชนชอบคลุกคลีกับกิเลสตัณหา ปรอทเสพทองเหมือนจิตเข้าซ้องเสพธรรมะ

ปรอทสำเร็จสำรอกทองสำรอกพิษออกหมดแล้ว เปรียบเหมือนจิตสำรอกกิเลสไม่ติดบุญและบาปเป็นความประภัสสรสมบูรณ์ เกิดความเป็นกายสิทธิ์ขึ้นโดยตัวมันเอง

นี่แหละครับคนโบราณทำวิชาอันใดแล้วท่านก็จะย้อนให้เข้ามาหาใจตนเองในที่สุด เพราะสมบัติอื่นใดในโลกก็ไม่มีค่าไปกว่าใจดวงนี้ครับ

 

ด้านหลัง 3 ก้อนไม่ทราบว่าเป็นปรอทตายพรายหรือปล่าวครับ...แต่ว่าได้จากสุสานหอยที่พวกปรอทเข้าไปกิน...คล้ายๆกับสุสานหอยภูเก้า...ที่หลวงปู่สาวกโลกอุดรนำมาทำตุ้มปรอทดำกายสิทธิ์ สามารถกันและแก้ได้ทุกอย่างครับ....เป็นวิชาที่หายสาบสูญไปหลายพันปีที่ท่านค้นพบครับ...........

ส่วนปรอทไอ้งั่งนี่ไม่ทราบจริงๆว่าเป็นอย่างไรครับ...อยากเห็นมากครับ...เพราะส่วนตัวชอบงั่งอยู่แล้วแต่ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรช่วยหาข้อมูลด้วยนะครับ.......

 

ด้านหลัง ๓ ก้อนเป็นซากฟอสซิลครับ มีแร่ไพไรท์แทรกตัวเข้าไปมีลักษณะเป็นหินกึ่งโลหะ นับเข้าเป็นของทนสิทธิ์ เด่นทางด้านคงกระพันและเมตตามหาอำนาจครับ ถือเป็นของดีตามธรรมชาติที่หาได้ยากและขลังในตัว ถ้าได้รับการอธิษฐานจิตเชิญญาณทิพย์เทวดาอีกครั้งจะเพิ่มพูนพลังบารมีให้สูงส่งยิ่งขึ้น ให้คุณทางลาภผลได้อีกด้วย ใช้ให้ได้ผลต้องหมั่นเรียกหมั่นบูชาอธิษฐานและใช้ประกอบการทำสมาธิกรรมฐานครับ

ส่วนปรอทไอ้งั่งนั้น สันนิฐานว่าคือไอ้งั่งเข้าปรอทตาแดง ตอนกลางคืนส่องแสงวูบวาบ มีฤทธิ์เยอะเด่นทางหนังเหนียวและเสน่ห์ ชอบเสพน้ำเลือดโโยเฉพาะประจำเดือนของผู้หญิง ถ้าเอาหัวไอ้งั่งปักลงไปเลือดที่มีจะแห้งไปเลยเพราะปรอทไอ้งั่งเสพกินจนหมด แต่ถ้าผู้เลี้ยงมีวิชาไม่พอมักโดนปรอทไอ้งั่งกินทำให้กลายเป็นปอปได้ เรื่องนี้สอบถามมาจากรุ่นพี่บางท่านที่เล่นไอ้งั่งมาครับ

ไอ้งั่งปรอทหรือปรอทไอ้งั่ง คือไอ้งั่งตาแดงที่เกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุตามสูตรขอมโบราณ ตาแดงๆของไอ้งั่งประเภทนี้จะแดงแบบโลหะไม่ได้เอาพลอยมาใส่แต่อย่างใด ตาแดงๆของไอ้งั่งก็คือปรอทวิเศษที่ใส่ผสมลงไปนั่นเอง ถ้ามันอดเลือดนานๆสีแดงที่ตาจะจางไปเรื่อยๆ แต่ถ้าได้รับเลือดประจำเดือนแล้วจะแดงสดใส ตอนกลางคืนก็ส่องแสงวูบวาบออกมาได้ด้วย

 

โทษของปรอทมีมากมายเหลือเกินครับทางไสยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ปัจจุบันพบข้อนี้ตรงกัน ในตำรับยาไทยโบราณและไสยศาสตร์กล่าวถึงโทษปรอทไว้ว่าทำให้โลหิตเป็นพิษ

เหงือบวม ฟันโยกโคลงไปทั้งปาก

ทำให้เกิดโรคผิวหนัง ผิ่นคัน สะเก็ดเงิน

ทำให้เป็นโรคเรื้อน

และนอกจากนี้อาถรรพณ์จากปรอทยังทำลายทรัพย์สินเงินทองทั้งปวงอีกด้วยครับ

การเข้ายาด้วยปรอทคือวิธีการสุดท้ายของแพทย์แผนไทย ปกติจะหลีกเลี่ยงการใช้ปรอท เพราะเสียมากกว่าโทษ

สำหรับปรอทสำเร็จนั้นหรือปรอททนสิทธิ์ เกิดจากภูมิปัญญาของครูบาอาจารย์โบราณที่ค้นพบตัวยาที่ฆ่าพิษปรอทได้เรียกว่าไล่พิษหรือชำระโทษปรอท

ปรอทหุงของอาจารย์โยธินก็อาศัยการชำระโทษปรอทออกจนเกิดความบริสุทธิ์ภายในตัวเอง มีฤทธิ์เดช ตบะบารมีขึ้นมา แต่ทั้งนี้ต้องมีศีล สัจจะ เคารพครูบาอาจารย์คือพระฤๅษีทั้ง ๖ พระองค์จึงทำให้สำเร็จปรอทขึ้นมาได้

การหุงปรอทเป็นเรื่องอันตรายมาก แต่สำหรับปรอทที่หุงสำเร็จมาแล้วมีคุณไม่มีโทษ ไม่มีพิษ เพราะพิษปรอทจะออกมาตอนไล่โทษนี่แหละครับ ในช่วงนั้นปรอทอาจซึมเข้าสู่ร่างกายผู้หุง จากการสัมผัสปรอทโดยตรงหรือจากไอปรอทที่ระเหยออกมา โดยเฉพาะไอปรอทนี่อันตรายมากที่สุดเพราะสูดดมเข้าไปทำให้เกิดอาการทางประสาทและทำลายปอดและระบบเลือด

ส่วนวัตถุมงคลปรอทนั้น เมื่อปรอทผ่านการหุงมาเป็นอย่่างดี ปรอทนั้นแม้เอามาถูที่มือก็ไม่ดำ เพราะผ่านการไล่โทษและขี้ปรอทออกหมดแล้วนั่นเอง

ดังนั้นที่เห็นปรอทสำเร็จออกมาดังภาพจึงเป็นการยืนยันว่ากว่าจะได้ออกมาแต่ละองค์นั้นแสนลำบากจริงๆครับ กว่าจะได้ตำรามา กว่าจะแปลตำราได้ กว่าจะหาว่านยาตามที่ระบุ และกว่าจะหุงปรอทจนสำเร็จออกมาดังที่เห็นทุกขั้นตอนยากและอันตรายอย่างยิ่งครับ

 

มีท่านมีสอบถามมาทาง pm ดังนี้ครับว่า
ปรอทเพชร กลับสีได้หรือไม่ตอบว่าได้ครับ ปรอทเพชร สามารถกลับสีจากสีขาวเป็นสีเทาและเขียวอมทองได้ครับ มีอิทธิอำนาจทางค้ำคูณดวงชะตา คงกระพัน กันคุณไสยและกันไข้ป่าครับ

ปรอทเมฆสิทธิ์ มีอำนาจทางค้ำคูณเกื้อหนุนดวงชะตา มีอำนาจทางคุ้มครอง และกันคุณไสย มีเมตตาเป็นเลิศครับ

ปรอทชีปะขาว เด่นเรื่องกันไข้ป่า กันภูติผีปีศาจและคุ้มครองแคล้วคลาดครับ

ปรอทไอ้งั่ง เป็นวิชาที่ร้อนฤทธิ์ อาศัยอำนาจทางเมตตาดับข่มและถือศีลบริสุทธิ์ครับ ส่วนคาถายังไม่มีระบุครับ

พระฤาษีทั้ง ๖ ผู้มีฤทธิ์มีดังนี้ครับ
๑ พระฤๅษีอิสิตุงคะมุนี
๒ พระฤๅษีนารอด
๓ พระฤๅษีตาไฟ
๔ พระฤๅษีตาโค
๕ พระฤๅษีตาไว
๖ พระฤๅษีกัสสปะ
และมีพระฤๅษีสัจจพันธ์ อีกหนึ่งตนครับ

 

ไม่ทราบพี่ทิพยจักรพอจะรู้เรื่องปรอทกรอบ้างไหมครับ

 

พี่ทิพยจักร ผมอยากทราบว่า
- ปรอทเฆมสิทธิ์นี่ เหมือนหรือแตกต่างกับ เมฆสิทธิ์ฤาษี ที่พระเกจิบางรูปนำไปทำพระเครื่อง อย่างไรคับ
- ปรอทสำเร็จนี่เราต้องเลี้ยงด้วยทองคำเปลวอย่างเดียวหรอคับ แล้วถ้าเราไม่เลี้ยงด้วยทองคำเปลว จะมีผลกับปรอทอย่างไรคับ
- ปรอทสำเร็จสามารถนำใส่ตลับแล้วห้อยคอรืใส่กระเ๋ป๋ากางเกงได้ไหมคับ

 

สวัสดีครับ พี่ทิพยจักร

สอบถามขอความรู้ว่า ปรอทหุง หรือ ปรอทสำเร็จ ที่ขึ้นเป็นรูปลักษณ์ต่างๆ
มีโทษต่อร่างกายหรือเปล่าครับ (นำมาทาถู อมไว้ในปาก หรือแช่น้ำอาบ และดื่ม)

ขอบคุณครับ

 

ตอบคำถาม ปรอทมีพิษจากไอปรอทที่ระเหยและสูดดมเข้าไปเป็นหลัก ซึ่งมาจากการทำอุตสาหกรรม นอกจากนี้พิษปรอทยังเกิดขึ้นได้จากการสัมผัส เช่น เครื่องสำอางค์ที่มีปรอทผสมทาไปนานๆปรอทจะกัดผิวหน้าจนเป็นด่าง

ส่วนปรอทสำเร็จนั้น แนะนำดังนี้ครับว่า ปรอทสำเร็จของอาจารย์โยธินนั้น ชำระโทษในระดับที่สามารถนำมาแช่น้ำทำน้ำมนต์ได้ แต่ไม่ถึงระดับที่จะอมไว้ในปากครับ ปรอทเพชรและปรอทเมฆสิทธิ์นำมาถูร่างกายได้ เพราะหมดขี้ดำของปรอทที่อาจกัดผิวหนังได้ ส่วนปรอทชีปะขาวควรพกเป็นเครื่องรางเท่านั้นไม่สามารถนำมาถูร่างกายหรืออมไว้ในปากได้ครับ

อาจารย์โยธินหุงปรอทฆ่าพิษในระดับอมไว้ในปากเหมือนกันแต่มีจำนวนน้อยมากเพราะต้องใช้ว่านยาฆ่าพิษเป็นเวลานานพอสมควร ปรอทที่ฆ่าพิษจะเริ่มขาวและใสมากขึ้นไปเรื่อยๆ ปรอทเพชรที่หุงด้วยว่านยาจนเกิดการตกผลึกของปรอททำให้เกิดเป็นประกายเพชรแสดงให้เห็นว่าปรอทมีความบริสุทธิ์ขึ้นตามส่วน พิษปรอทลดลงไปจนปรอทแปรตัวเองเป็นธาตุอื่นที่ไม่เหมือนธาตุดั่งเดิมของตน

 

ปรอทเมฆสิทธิ์ต่างจากเมฆสิทธิ์ฤๅษีครับ ปรอทเมฆสิทธิ์เป็นวิชาสายปรอทโดยตรงได้จากการหุงปรอท ส่วนเมฆสิทธิ์ฤๅษีเป็นโลหะวิเศษอย่างหนึ่งที่อาจมีการเข้าปรอทเหมือนกัน แต่ก็น่าจะมีโลหะวิเศษอย่างอื่นผสมอยู่ด้วย

ปรอทสำเร็จมีหลายประเภท บางประเภทอย่างปรอทเพชรไม่กินทอง ปรอทเมฆสิทธิ์กินทองอยู่แต่กินทองน้อย ปรอทชีปะขาวกินทองมากที่สุด ถ้าไม่นำทองคำเปลวมาเลี้ยงก็ไม่เป็นอะไรครับ ปรอทก็จะมีอานุภาพเหมือนเดิม แต่หากเอาทองคำเปลวมาเลี้ยงทองคำจะเพิ่มพลังให้ปรอทมีตบะสูงขึ้น

ปรอทหุงสำเร็จ เป็นของสูงครับ เพราะมีเจตสิกอยู่ภายในและมีเทวดาตามรักษา ใส่กระเป๋ากางเกงไม่ได้ครับ ปรอทอาจเสด็จหนีไปได้ทุกเมื่อ