กระทู้นี้...เฉพาะผู้ัไม่เชื่อว่าภัยพิบัติใหญ่จนไทยจมน้ำ เกิดภายในธ.ค. 2555 นี้

ทุกสิ่งทุกเรื่องราว มันเป็นสัจจะธรรม ( ความจริงของธรรมชาติ ที่ดำเนินไปโดยไม่มีใครมากำหนด และ ไม่มีใครล่วงรู้ว่าจะเกิดภัยใหญ่ ที่ไหน เมื่อไร )

.

 

แล้วมันก็จะผ่านไป:love:

 

ไม่มีเหตุผลต้อง รู้ล่วงหน้า ตายกันทุกคน ไม่ว่าเป็น มหาจักรพรรดิ์ หรือยาจก ไม่ว่าจะเป็นคนดี หรือคนชั่ว ไม่ว่าจะห้อยพระองค์ละสิบแปดล้าน หรือตัวเปล่า ได้ตายกันทุกคนเป็นของแน่นอน ไม่มีเหตุผลต้องกลัวไปล่วงหน้า ความตายเป็นของแน่นอน จะตายก็ด้วยเหตุที่ต่าง ๆ กันออกไป บ้างก็ป่วยตาย บ้างก็อุบัติเหตุ บ้างก็ถูกฆ่า

มีอันนึงที่รู้สึกว่า เขาหลงทางมาก คือเขาคิดว่าทำดีไม่ตาย คนดีไม่ตาย นั่งสมาธิแล้วไม่ตาย ภาวนาแล้วไม่ตาย หรือทำบุญเป็นคนดีจะไม่ตาย หรือสร้างพระจะไม่ตายรอดไปตลอด (สร้างพระเพราะศรัทธานี่ไม่โง่ แต่สร้างเพราะไม่อยากตายนี่ต้องโง่มาก)​ ซึ่งไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมา ไม่เคยมีคนที่ปฏิบัติธรรมแล้วไม่ตาย ก็ตายกันทุกคนเป็นของธรรมดา

 

เจ็บใจบางกระทู้ เข้าไปอ่านจนจะคล้อยตามแล้ว สุดท้ายขายของซะงั้น ทำไมถึงทำกับฉันได้

 

ท่านทำให้ผมหัวเราะแล้วรู้มั้ยเนี่ย....

 

ฟันธง ผมว่าไม่เกิดหรอก ปีนี้ เฃื่อผมเถอะ

 

ผมจะโพสว่า เพ้อเจ้อ ตัวใหญ่ๆ เอาเวลาไปทำมาหากินเถอะครับคุณๆ

 

วันที่ 21 ธค 2555 แล้วครับ:boo:

 

ตอนนี้เกิดปรากฏการณ์ฟ้ามืดแล้วครับ เป็นปรากฏการณ์พิเศษที่เรียกกันว่า "กลางคืน"

 

:boo::boo::boo::boo::boo:

 

ทำไมต้องมาวิตกจริตกันครับ
ถ้ามันจะเกิดขึ้นมาใช่ว่าจะเป็นคุณเพียง 1 เดียวที่สุญสลายหายไปจากโลกนี้
-มุมมองของผมมนุษย์อย่างเรา ๆ ที่หายใจกันอยู่นี่แหละคือภัยที่อันตรายอย่างยิ่งยวด มัวมากลัวอย่างั้นอย่างงี้ถามว่าภัยรอบ ๆ ตัวเรามันมีเยอะไปหมด ในการใช้ชีวิตประจำวันก็เหนื่อยพอดูแล้วทำไมหมู่คนที่กลัวเค้าต้องมานั่งแบกทุกข์แทนโลก เพราะว่า"กลัวตายหรือ" คุณดูภัยจากมนุษย์ทางภาคใต้สิฆ่ากันไม่เว้นเด็ก คนแก่ คนทางนั้นเค้าใช้ชีวิตยิ่งกว่าเรา ๆ อีกผมว่านะเค้าไม่กลัวภัยโลกแตกหรอก ที่เค้ากลัวกันผมว่าเค้าจะโดนวันไหนแค่นั้นแหละเค้าเครียดกว่าเราเยอะแต่เค้าก็สู้และใช้ชีวิตต่อไป
-ช่องทางของคนทำมาหากินในการเอาเรื่องราวที่จะอุบัติขึ้นมานั้นขายสินค้า ไม่ว่าหนังสือ อุปกรณ์ยังชีพนานาชนิด หนังสือเกี่ยวกับเรื่องโลกแตกภัยต่าง ๆ ขายดิบขายดีตามแต่จินตนาการของผู้เขียนหรือแปลมาก็ตามแห่กันไปซื้อมาอ่านมาศึกษาผลเป็นไงครับ มานั่งวิตกจริตกันอยุ่นี่ไง ดูหนังเกี่ยวกับพวกนี้มากแล้วอินไปกับมัน ผมไม่อยากว่านะบางคนเรียนจบมาซะสูงแต่เรื่องแค่นี้คิดไม่ออกเรียนไปทำไมครับเสียเงินเปล่า ๆ ประเภทเค้าบอกว่า เค้าเล่าว่า เจ้าคนที่เรียกว่าเค้านั้นน่ะเป็นใคร สรุปง่าย ๆ พวกคุณเชื่อคนง่ายไปไหมครับ
-มุมมองตลก ๆปฏิทินของชนกลุ่มมายาอะไรนั่นน่ะ แบบว่า พอดีหินที่จะนำมาทำปฏิทินมันหมดหรือหามาไม่ทันเค้าก็เลยไม่ทำกันเพราะขี้เกียจเราก็เลยเพ้อเจ้อกันนี่ไงโดนฝรั่งปั่นหัวกันเข้าไปฉลาดล้ำลึก อย่าลืมนะครับว่าเราโดนกลืนโดยต่างชาติมานานแล้ว สังเกตุสิ ไม่ว่าหนังที่เราดูเค้าสอดแทรกอะไรลงไปอย่าดูแค่เอามัน หนังสือแปลที่เราอ่าน จิปาถะ ทำไม? ? ? เราไม่มองว่าเรา ๆ กันนี่แหละก็เก่งไม่แพ้ใครในโลกใบนี้ เพราะว่า "เราชื่นชมจนลืมคนประเทศเดียวกัน" มากเกินไปไหม
-อันนี้ผมไม่ได้ดูถูกใคร ๆ นะครับแต่สะกิดต่อมสมองนิดนึงให้ต่อมสมองทำงานมั่ง อย่าก้มหน้าก้มตา ขีด ๆ เขี่ย ๆ หน้าจอโทรศัพท์ หน้าจอแท๊บเล๊ตทั้งหลายนั้นมากนักเงยหน้าขึ้นมามองบ้างว่ารอบข้างเค้าไปถึงไหนกันแล้วคุยกับโลกเป็นจริงบ้าง สบตามองหน้าคนที่เราสนทนากันบ้างคุณจะเห็นแววตาและสีหน้าผู้ที่สนทนาด้วยแล้วคุณจะรุ้ว่าความสุขเป็นยังไง มัวแต่มานั่งอ่านเจ้าเครื่องที่เรา ขีด ๆ เขี่ย ๆ หน้าจอจนสมองไม่ทำงานคิดไม่เป็นผลมันก็คือ "ฉันอ่านมาจากบอร์ดนั้นบอร์ดนี้เค้าว่าโลกจะแตกเราจะทำยังไงกันดีเธอ" ผมว่าไม่ต้องทำอะไรหรอกครับให้เจ้าเครื่องที่คุณขีด ๆ เขี่ย ๆ นั่นช่วยคุณก็ได้นี่ครับง่ายจะตาย หรือไม่ก็พบจิตแพทย์ครับ ถ้าเป็นจริงผมว่า ก็ตาย ๆ กันเถอะครับเพราะว่าคุณช่วยอะไรตัวเองไม่ได้เลยนั่นเอง
-อาจจะนอกเรื่องไปบ้าง ทน ๆ อ่านกันนะครับ คิดได้เท่านี้เองที่จริงมันมีมากกว่านี้ บอกตรง ๆ ว่าผมไม่กล้าพิมพ์มากกว่านี้ผมกลัวคนที่เค้าเชื่อเรื่องเหล่านี้มากระทืบผมทางตัวหนังสือ อิ อิ

 

แนวโน้มเรื่องน้ำท่วม ดูข้อมูลจากนักวิทย์ไทยหลายคน ไว้ประกอบการคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ

นักวิชาการย้ำปัญหาแผ่นน้ำทะเลสูง หวั่นอีก 10 ปี แผ่นดินหายกว่า 1 กม.

15 ธค. ดร.อาจอง "ย้ำ" 20 ปีน้ำท่วมกรุงเทพฯ เสนอย้ายเมืองหลวงไปอีสาน :: มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=669650

โลกดวงนี้มันไม่เที่ยง คล้ายๆ กับดาวอื่นอีกเยอะแยะนั่นแหละ มีการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติเรื่อยๆ เพราะงั้น บรรพบุรุาคนเราตั้งกะโบร่ำโบราณ ก็เลยต้องปรับตัวตามสภาพการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ

ถ้าว่ากันอย่างเก๋ากึ๊กหน่อยก็ ตำนานน้ำท่วมโลก รึตำนานการพบเจอเทพเจ้าที่มาโดยยานจากท้องฟ้า เป็นที่น่าสังเกตว่า เรื่องทำนองนี้ มีอยู่ทั่วโลก

มันก็เป็นไปได้ว่า โลกเคยเจอภัยธรรมชาติครั้งใหญ่มา รึชาวโลกสมัยก่อน เคยเจอชาวดาวอื่น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติ มันเป็นไปได้ แต่มันเป็นอดีตล่วงมาแล้ว ควรจะเอาบทเรียนจากอดีต มาทำให้เกิดประโยชน์กับปัจจุบันมากกว่า

เช่น ถอดบทเรียนว่า ทำอย่างไร น้ำจึงจะไม่ท่วมถิ่นที่อยู่อาศัยของผู้คนอีก จะใช้วิธีสร้างฟลัดเวย์ รึจะใช้วิธีไม่ไปปลูกสร้างที่อยู่ขวางทางน้ำ รึจะรักษาสภาพแวดล้อมให้ดี ก็ว่ากันไป

ส่วนวิธีปรับใจให้อยู่ได้กับภัยพิบัตินั้น พระสงฆ์สุปฏิปันโณหลายต่อหลายรูป ท่านสอนให้วางเรื่องที่ล่วงมาแล้ว ไม่ยึดติดกับปัจจุบัน ไม่พะวงกับเรื่องที่ยังไม่เกิด ยังมีลมหายใจอยู่ก็ทำให้ใจมันชิลๆ

แต่ควรเร่งสร้างบุญกุศลคุณงามความดีให้มาก หาโอกาสทำ เท่าที่จะทำได้ในแต่ละวัน ไม่ต้องใช้สตางค์ซักบาทก็ทำได้ เช่น เดินเข้าไปในวัด จับไม้กวาด มากวาดลานวัด ขัดห้องน้ำ รึเห็นคนถือของหนักๆ บนรถเมล์ เขาไม่ได้นั่ง ก็ลุกให้เขานั่ง

ดีกว่าเอาเวลาไปนั่งนึกนอนนึก ว่าเมื่อไร จะเกิดภัยพิบัติอะไรสักอย่าง มาถล่มโลกสักที แต่ละคนมาคนเดียว ไปคนเดียว เร่งทำความดีเข้า เกิดเป็นคนแต่ละครั้งมันยากหนักหนา

ไหนๆ ก็มีคะแนนบุญจำนวนหนึ่ง เป็นต้นทุนที่จะอัพเลเวลแล้วชาตินี้ ก็รีบอัพเพิ่มเข้า นาฬิกาชีวิตแต่ละคน มันเหลือเวลาไม่เท่ากัน อย่ามัวใช้เวลาที่เหลืออยู่ ด้วยความพะวงหวาดกลัว กริ่งเกรงอยู่แต่กับภัยพิบัติอะไรต่อมิอะไรเลย

ที่ว่ามาทั้งหมมด ไม่ใช่บอกปัดปฏิเสธว่า ภัยพิบัติไม่มี จริงอยู่มันมี ทุกวันแหละ เดี๋ยวที่นั่น ที่นี่

มันเป็นธรรมดาที่จะมีอยู่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งยุคนี้ เป็นมานานตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะดาวโลกมันมีการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติอยู่เรื่อยๆ มันตั้งอยู่บนฐานของคำว่า ไม่เที่ยง

เอาง่ายๆ ถึงแต่ละคน จะไม่จากภพภูมินี้ไปด้วยภัยพิบัติ ก็ต้องจากไปด้วยโรค รึด้วยสาเหตุอื่นๆ อยู่ดี ในวันใดวันหนึ่ง เดือนใดเดือนหนึ่ง ปีใดปีหนึ่ง โมงยามใดโมงยามหนึ่ง มีใครหนีพ้นยังงั้นรึ ต่อให้พยายามแสนพยายามแค่ไหนก็เหอะ

สมมติกรณีมีความตระหนกมากกว่าความตระหนัก เช่น ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่แห่งใหม่ โดยขาดการหาข้อมูล หรือไตร่ตรองอย่างรอบด้าน ก็อาจไปซื้อที่ดินในจังหวัดที่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนแผ่นดินไหว เช่น บางจังหวัด ทางภาคเหนือตอนบน รึภาคอีสานตอนบน

แต่ก็ไม่เป็นไร พออยู่ได้ เพราะคาบอุบัติการเกิดแผ่นดินไหวซ้ำ มักกินเวลาเป็นร้อยปี ส่วนที่จะเป็นอยู่ในปัจจุบัน คือการเขย่า รึไม่ก็สั่น ให้รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนอยู่เรื่อยๆ
__________________

 

ไหนละวันฟ้าดับ ไหนคนจะคลาน ยังไม่เห็นมี หรือว่าเลื่อนไปอีกแล้ว คราวนี้เลื่อนไปเมื่อไหร่อีกหละ
ต่อไปจะเอาเรื่องอะไรมาเป็นจุดขายอีกหนอ แต่ไม่ต้องห่วงไป การตลาดเขาดีอยู่แล้ว คิดไรได้แปลกแหวกแนวดี นับถือไอเดียเขาจริงๆ

ถ้าให้ทาย คราวหน้า อาจจะเป็น คนจากยืนจะกลายเป็นบินได้ กระพือแขนแล้วบินขึ้นไปเลย อะไรทำนองนี้มั่ง

 

มันก็เกินไปท่าน ระยะทางยังอีกยาว คอยดูกันไป ถึงตอนนั้นอาจจะสายเกิน..ว่าแต่ว่า ปิรามิดสักอันไหม..

 

เอามาทำไมปิรามิด ไม่เอาอะครับ ที่บ้านที่ทับกระดาษมีพอแล้วครับ

 

เหตุผลที่คนสนใจเรื่องโลกแตก ภัยพิบัติ ที่ผมคิดไว้ก็คือ
อันดับ 1 น่าจะเกิดจากยังไม่พร้อมจะตาย
อันดับ 2 ความไม่รู้
อันดับ 3 อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่
รวมๆ เรียกว่ากิเลส
ภัยพิบัติเกิดอยู่เสมอๆ สงครามก็เกิดเสมอๆ ทุกวันมีคนตายทุกๆวินาที ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัว การเกิดต่างหากเล่าน่ากลัวกว่า หากไม่อยากประสบกัยภัยพิบัติต่างๆ ก็หาวิธีทำให้ไม่ต้องมาเกิดอีกไงเล่า พระพุทธองค์ทรงสอนทางที่ไม่ต้องกลับมาเกิดไว้ดีแล้ว ประเสริฐแล้ว ใยไม่เดินมนุษย์เอ๋ย พลุ่งพล่านหาทางรอดจากภัยพิบัติ ก็เหมือนการหาเช้ากินค่ำ เมื่อไหร่จะพอ เมื่อไหร่จะหยุด พระพุทธองค์หยุดแล้ว ใยเราไม่หยุด

 

ตอนนี้แถไปถึงต้นปีหน้าแล้วนะคะ (ทำไปได้) ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นอีก จะลองดูซิว่าจะแถว่าอะไรกันต่อไป dannce_dannce_

 

๕๕๕
ตบท้ายด้วยการหยอดมุกเด็ด ช่างมากอารมณ์ขันนะคะ


มีพีระมิดนับร้อยอยู่ที่ห้องเรียนค่ะ^^
พอดีว่าสอนเรื่องรูปทรงเรขาคณิต เด็กๆชั้น ม.๑ ทำค่ะ
ว่าแต่ว่า...ถ้าจะมาตั้งกระทู้แจก
ที่ห้องแจกฟรีแต่ไม่มีค่าส่ง จะได้หรือเปล่านะ
มีตั้งแต่ฐานสามเหลี่ยมขึ้นไปค่ะ
มีทั้งแบบกระดาษ พลาสติก เหล็ก
แฮ่ม! แต่ขอบอกไว้ก่อนนะคะ ว่าไม่รับประกันคุณภาพ:boo: