ปรอทสำเร็จ ของดีจากตำนาน

ไหลเพชรดำ เกิดจากการวิชาน้ำประสานเพชร ตามตำรากล่าวว่าให้หาว่านยาจำนวน ๕ ชนิดนำมาเคี่ยวเข้ากับแร่ธาตุบางอย่างเบื้องต้นได้ขี้เถ้าก้อนดำๆ จากนั้นให้เพียรเคี่ยวไปเรื่อยๆ จากขี้ธาตุก้อนดำๆจะเริ่มใสขึ้น จนกลายเป็นเพชรน้ำหนึ่ง เพชรน้ำหนึ่งที่ได้มีอานุภาพเป็นแก้วกายสิทธิ์ สิทธิการิยะกล่าวไว้ว่าอมไว้ในปากเดินตากฝนไม่เปียก เดินหนย่นระยะทางได้เป็นอัศจรรย์ แก้วน้ำประสานเพชรมีอานุภาพดุจเดียวกันกับปรอทสำเร็จ แต่อานุภาพน้อยกว่าที่ไม่สามารถพาไปฟ้าป่าหิมพานต์ได้ และมีอายุไม่ถึงกัปล์ แต่อย่างไรก็ตามก็มีอานุภาพสูงส่ง แม้ตัวแก้วดำที่ยังไม่บรรลุถึงจุดสูงสุดในวิชาก็มีอานุภาพคล้ายเหล็กไหล คือเด่นเรื่องคงกระพันกันเขี้ยวงาอสรพิษกันคุณไสยได้

 

มีหลายท่านเข้ามาสอบถามว่า ปรอทของอาจารย์โยธินที่หุงแล้วนั้นเมื่อนำมาถูมือจะดำหรือไม่ ตอบว่าไม่ดำครับ ถ้าหุงขั้นตอนแรกจากปรอทน้ำกลายเป็นก้อนแข็งระดับต้น ระดับนี้จะกินทองอยู่ เมื่อนำมาถูมือจะดำเพียงเล็กน้อย เมื่อคี่ยวต่อไปอีกจนแข็งดีแล้วคราวนี้นำมาถูมือไม่ดำ แต่ปรอทขั้นนี้จะยังไม่เกิดประกายเพชร แต่สามารถเกลือกสีผิวเองได้ ต่อเมื่อนำมาหุงต่อปรอทจะเริ่มตกผลึกเกิดประกายเพชรขึ้นมา ปรอทเกลือกสีผิว และปรอทเพชรจะถูมือไม่ดำ มีอานุภาพด้านคงกระพันและค้ำคูณดวงชะตา ส่วนอาจารย์ของปรอทสูตรนี้ท่านว่าคือพระฤๅษีนารอดครับ

 

อาจารย์โยธิน คล้ายดี ได้รับความรู้เบื้องต้นทางเวทย์วิทยาคมจากคุณตา โดยคุณตาของท่านนั้นเป็นศิษย์ของหลวงปู่ทอง อายะนะ วัดราชโยธา อาจารย์โยธินเล่าถึงคุณตาของท่านไว้ว่า ครั้งแรกที่คุณตาท่านไปหาหลวงปู่ทอง พอไปถึงวัดราชโยธาก็ถามหากุฏิหลวงปู่ทอง คนในวันก็ชี้ให้ พอไปถึงหน้ากุฏิก็ขานเรียกท่าน หลวงปู่ก็เรียกเข้าไป คุณตากราบเรียนท่านว่าอยากได้ของดี หลวงปู่ทองท่านก็อธิบายเรื่องศีลเรื่องภาวนา จนคุณตาของท่านคิอว่าคงไม่ได้อะไรเสียแล้ว ต่อมาหลวงปู่บอกว่าให้ช่วยจัดผ้าที่กองๆอยู่ทำเป็นตั้งตั้งละ ๑๐๐ แผ่นทำได้ทั้งหมด ๑๐ ตั้ง พอครบหลวงปู่ทองท่านก็เขียนยันต์ลงบนแผ่นแรกของแต่ละตั้งแล้วใช้มือตบสามที ปรากฏว่าตั้งแต่แผ่นแรกถึงแผ่นสุดท้ายของทุกตั้งมียันต์ที่ท่านเขียนทุกแผ่นน่าอัศจรรย์มาก หลวงปู่ทองหันกลับมาถามว่าอยากมีของดีแบบนี้ไหม คุณตาของท่านตอบว่าอยากขอรับ ท่านก็เมตตาเขียนยันต์ลงฝ่ามือแล้วเป่าไปที่ใบหน้าของคุณตา จากนั้นให้ไปส่องกระจกปรากฏว่าที่ใบหน้ามีรูปยันต์ของหลวงปู่ทองชัดเจน หลวงปู่ทองยังกำชับว่าตอนตายให้ลูกหลานเก็บกระดูกหน้าผากไว้นะจะมีรูปยันต์ติดอยู่ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆแต่น่าเสียดายว่ากระดูกชิ้นนี้ได้ตกทอดไปสู่ลูกหลานท่านอื่นๆเสียแล้ว

 

ปรอทเป็นโลหะธาตุที่มีความประหลาดเนื่องจากมีลักษณะเป็นของเหลว สามารถอยู่ได้ในหลายๆลักษณะ คือ อยู่ในรูปของไอหมอก อยู่ในรูปของของเหลว และอยู่ในรูปของ "ของแข็ง" ปรอทยังแบ่งออกในอีกหลายลักษณะ เช่นปรอทหมอก ปรอทน้ำครำ ปรอทป่าช้า ปรอททะเล ปรอทจากถ้ำลอดปรอทขาว และปรอทจากชั้นใต้ดิน

ปรอทจากชั้นใต้ดิน เป็นปรอทที่พบจากการขุดแร่และสูบน้ำมัน เราสามารถพบปรอทจากการขุดแร่ทองแดง รวมทั้งการสูบน้ำมันปรอทจะอยู่รวมกันเป็นชั้นก่อนที่จะถึงน้ำมันดิบ น้ำมันเกิดจากการหมักหมมของซากพืชซากสัตว์ จึงสัณนิฐานได้ว่าปรอทคงลงมากินซากพืชซากสัตว์ในชั้นนี้จนกลายเป็นชั้นปรอทไป และปรอทกลุ่มนี้เองที่ถูกนำมาใช้ทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม หากจะกล่าวถึงคุณสมบัติทางไสยศาสตร์แล้วมันก็มีเหมือนปรอททั่วๆไป เพียงแต่ว่าพิษของปรอทพวกนี้จะมากหน่อยเท่านั้นเอง

ปรอทจากน้ำครำ เป็นปรอทสกปรกเช่นกัน แต่อาศัยการดักจับ อาจารย์โยธินกล่าวถึงประสบการณ์ว่าสมัยก่อนหากันได้ง่าย เพียงแค่เราล้างจานเอาเศษข้าวเททิ้งหน้าบ้านตกกลางคืนคุณตาจะชี้ให้ดูว่ามันเกิดพรายปรอทเป็นแสงเรืองๆตรงกองข้าวที่เราเททิ้งไว้ นั่นหละปรอทมันลงมากิน ถ้ามีเวลาก็เอาไข่ดิบเจาะรูวางไว้บริเวณดินเลนปรอทก็จะลงมากินเช่นกัน

ปรอทจากสินแร่ ปรอทพวกนี้พบจากการขุดแร่อย่างทองแดง นอกจากนี้ยังพบจากการขุดแร่เหล็ก หรืออย่างแร่เขาอึมครึมบางก้อนจะมีแร่ปรอทไหลผสมอยู่ภายใน มีลักษระเงางามแปลบปลาบมากกว่าพวกที่ไม่มีปรอทสีจะออกเทาดำ มากกว่าดำเป็นนิล ถ้าเหล็กไหลเขาอึมครึมก้อนไหนมีปรอทในตัวมากเป็นพิเศษจะมีอานุภาพทางล่องหนหายตัว และกันไข้ป่าเขี้ยวงาอสรพิษมากกว่าก้อนธรรมดาทั่วไปซึ่งไม่มีปรอทเข้าแทรก

ปรอทจากแร่ยังพบในแร่บางไผ่ ซึ่งเป็นแร่เหล็กไหลน้ำอย่างหนึ่ง มันเป็นแร่เหล็กตามธรรมชาติที่เนื้อในของแร่ชนิดนี้มีปรอทซึมอยู่ตามธรรมชาติ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมแร่ชนิดนี้จึงต้องกินน้ำคาวปลา ก็เพราะปรอทที่อยู่ภายในก้อนแร่มันต้องการจะกิน พบว่าแร่ก้อนไหนที่แตกหักจะมีพรายปรอทเกาะเป็นเลื่อมพรายสีขาวๆเรืองๆเห็นได้ชัดเจน เมื่อเอาก้อนที่แตกหักพ้นน้ำขึ้นมาปรอทภายในเนื้อแร่จะระเหิดหายไปในอากาศแต่นั้นไปก้อนแร่จะเริ่มผุจนกลายเป็นขี้ดิน

ปรอทจากว่าน เพราะว่านหลายชนิดดูดหรือดึงปรอทเข้าไว้ในตัวตามธรรมชาติรวมถึงต้นไม้บางชนิดอย่างต้นหนาดก็มีพรายปรอทอยู่ตามหลังใบและรากรวมถึงแก่น ต้นหนาดจึงเป็นที่หวาดกลัวของผียิ่งนัก หรืออย่างว่านพะตะบะก็เช่นกัน

ในบรรดาแร่และว่านที่มีปรอทแทรกอยู่ภายในจะมีฤทธิ์เป็นพิเศษคือยามคืนเดือนเพ็ญจะสามารถเรืองแสงสว่าง ถ้ามีฤทธิ์มากปรอทภายในจะถอดตัวออกมาหากินได้ อย่างแร่บางไผ่ก็สามารถแสดงฤทธิ์เป็นดวงไฟลอยไปหากินหรือลอยมาเล่นแสงจันทร์เช่นเดียวกันกับว่านโพงซึ่งมีปรอทอยู่ภายในสามารถถอดเจตสิกเป็นดวงลอยไปหากินได้

ปรอทจากหมอก เป็นปรอทบริสุทธิ์ มีฤทธิ์ร้าย ปรอทพวกนี้ชอบกินเกสรดอกไม้ โดยเฉพาะจากดอกไม้ที่มีพิษอย่างต้นลำโพง เราสามารถสัณนิฐานได้อย่างหนึ่งว่าปรอทเป็นภูติ เป็นชีวภูติที่ต้องการสร้างตบะสร้างฤทธิ์ให้ตนเอง จึงชอบแสวงหาว่านยาอาหารและพิษมาสะสมไว้ ทั้งหมดก็เพื่อให้ตัวมันมีอำนาจ และคงเป็นธรรมชาติที่ปรอทมีอำนาจสามารถดูดกลืนและกัดกินสารพัดสิ่งได้ อย่างไม่ต้องกลัวใคร

ดอกลำโพงเป็นดอกไม้ที่ปรอทชื่นชอบ อาจารย์โยธินกล่าวว่าหากใครมีวาสนาได้ดอกลำโพง ๕ ชั้น จะมีอำนาจฆ่าพิษปรอทได้และยามที่มันออกดอกบานขึ้นมาก็สามารถดักปรอทหมอกจากดอกลำโพง กลีบซ้อน ๕ ชั้นได้เช่นเดียวกัน

ปรอทจากป่าช้า มันเป็นปรอทพวกเดียวกันกับปรอทน้ำครำ แต่มีฤทธิ์สูงกว่าเยอะเนื่องจากมันผ่านการกินศพคน ไอปราณจากศพมนุษย์ที่ซึมอยู่ภายในตัวมัน น้ำเลือดน้ำเลืองเนื้อมนุษย์ที่ถูกมันย่อยจนกลายเป็นพลังชีวิตในตัวมันเมื่อถูกสะสมนานวันเข้าทำให้มันมีตบะเดชะ ภูติผีปีศาจจะกลัวปรอทประเภทนี้มาก เพราะรู้ดีว่ามันกินศพถือว่าแพ้ทางกันโดยธรรมชาติปรอทประเภทนี้จะพัฒนากลายเป็นภูติร้ายที่มีฤทธิ์ต่อไป

ปรอททะเล เป็นประเภทเดียวกันกับปรอทน้ำครำ แต่มีฤทธิ์มากกว่า เพราะผ่านการเสพแร่ธาตุในทะเลซึ่งทำให้เกิดตบะเดชะมากกว่าปรอทน้ำครำที่เสพแต่ของเน่าเหม็น ไม่เกิดตบะเดชะขึ้นมาได้ ปรอททะเลเมื่อเกิดตบะมาขึ้นก็พัฒนาเป็นภูติร้าย เป็นพรายทะเลที่ดูดเลือดคนสัตว์กินได้

ปรอทลงโป่ง เป็นปรอทที่พบตามโป่งดิน โป่งคือดินที่มีแร่เกลืออยู่ภายในสัตว์มักลงมากินยามค่ำคืนถือว่าเป็นยาอย่างหนึ่งของสัตว์ป่า นายพรานมักมาจังหวะมาดักยิงสัตว์ป่าบริเวณโป่งเมื่อสัตว์โดนยิต้องมีเลือดบ้างก็ล้มตายแถวนั้น พวกปรอทป่าจึงมักมาลงที่โป่งเพื่อเสพเลือดสัตว์ป่าที่หยดลงมานานวันเข้าพัฒนาตัวเองเป็นผีโป่ง ซึ่งบางคนเข้าใจว่าผีโป่งคือวิญญาณสัตว์ป่าที่ถูกยิง แต่ความจริงไม่ใข่ มันคือปรอทป่าที่มาลงโป่งเมื่อมันได้เสพเลือดเนื้อของสัตว์มากเข้าก็พัฒนาเป็นผีโป่งลอยไปหากินหรือแปลงร่างเป็นคนเป็นสัตว์ได้

ปรอท นอกจากมีชีวิตพื้นฐานของมัน ปรอทป่า ปรอทธรรมชาติจำนวนมากยังมีวิญญาณของเจ้าป่า เจ้าที่ เข้าควบคุมเป็นเจ้าของ เนื่องจากวิญญาณที่มีฤทธิ์ระดับเจ้าพ่อเจ้าแม่เมื่อได้ปรอทมาเป็นบริวารก็จะยิ่งมีอานุภาพมาขึ้น ดังนั้นดวงปรอท ดวงพรายที่ลอยหากินบางครั้งไม่ได้เกิดจากอำนาจปรอทเพียงอย่างเดียใ แต่หมายถึงมีวิญญาณของเจ้าพ่อเจ้าแม่เจ้าที่เจ้าป่าคอยกำกับอยู่เสมอ

ปรอท ถือว่าเป็นญาติใกล้เคียงกับเหล็กไหล มันคือสิ่งมีชีวิตในเครือเดียวกัน เมื่อพัฒนาให้ปรอทกลายเป็นปรอทบริสุทธิ์สูงสุดก็จะมีอำนาจประดุจเดียวกันกับเหล็กไหลชั้นยอดทุกประการ ดีไม่ดีจะมีอำนาจสูงกว่าด้วยซ้ำไป

 

สวัสดีครับ
ผมขอถามว่า
ปรอทสำเร็จของท่านอาจารย์โยธิน คล้ายดี สามารถนำมาฝังไว้ตามส่วนต่างๆของร่างกายได้ไหมครับ และ ถ้าหากฝังตามส่วนต่างๆของร่างกายได้ จะสามารถแก้คุณไสยมนต์ดำได้ไหมครับ
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ

 

ปรอทสำเร็จของอาจารย์โยธินมีหลายชั้น ขึ้นอยู่กับส่วนผสมด้วย อย่างปรอทที่แปรสีได้เองตามธรรมชาติ อาจารย์โยธินท่านกล่าวว่าก็ยังไม่เหมาะในการฝังลงร่างกาย ที่ดีที่เหมาะคือปรอทที่ทำด้วยทองคำจึงจะดีที่สุดครับ ปรอทนั้นนิยมอมไว้ในปากมากกว่าฝังลงในร่างกายครับ ส่วนอำนาจปรอทสำเร็จนั้นสามารถอาราธณาทำน้ำมนตืถอดถอนคุณไสยได้เป็นอย่างดี โดยอาราธณาคุณพระรัตนตรัย คุณบิดามารดา หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา (เป็นครูบาอาจารย์ที่อาจารย์โยธินนับถือ) พระฤๅษีทั้ง ๖ พระยายมราช(เป็นผู้อนุญาติให้ปรอทมาเที่ยวหากินบนโลกมนุษย์ได้) เป็นที่สุด แล้วเอาปรอทลงแช่น้ำ ท่องคาถาอวิชชาปัจจยาสังขาราและอนิจจังวะตะสังขารา แล้วท่องคาถามงกุฏพระพุทธเจ้าเอาเทียนจุ่มน้ำดับ เอาน้ำมาทานและอาบทั้งสระหัวจะดีขึ้นทันตาเห็น

ปรอทเป็นของที่แก้ทางคุณไสยคุณผีคุณคนได้เป็นอย่างดีเนื่องจากอำนาจทางธรรมชาติของปรอทแก้ทางนี้อยู่แล้ว แม้ขนาดเป็นปรอทเหลวๆก็ยังกันเสนียดจัญไรภูติผีปีศาจคุณไสยได้ ทั้งนี้คุณไสยโดยทั่วไปย่อมอาศัยแรงผีเป็นปัจจัยนำส่ง หรือให้ร้ายศัตรู ดังนั้นปรอทจึงมีอำนาจแก้และกันทางนี้โดยตรง อย่างเบี้ยแก้เองก็อาศัยพลังจากปรอทภายในทำให้เกิดความขลังความศักดิ์สิทธิ์ในทางแก้และคุณคุณไสยเช่นกัน

อนึ่งการแก้คุณไสยต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้นการแก้คุณไสยไม่ว่าจะใช้ของดีชนิดใดก็ตามจึงต้องหมั่นอาราธณามาทำน้ำมนต์ถอน ต้องทำทุกๆวัน ในขณะเดียวกันต้องมีของกันไว้ในตัวด้วย เช่นมีสายสิญจ์ผูกกันหรือเครื่องรางอย่างหนึ่งอย่างใดติดไว้กับตัวเสมอ และที่ดีที่สุดคือการสมาทานไตรสรณคมน์และศีล ๕ ถือว่าเป็นเกราะเพชรปราการแก้วในการคุณไสยได้ดีที่สุด การทำกรรมฐานยิ่งเป็นยาขนานแรงที่ทำให้ของทนอยู่ในตัวไม่ได้ และการแผ่เมตตาเป็นยาที่คุณไสยแพ้ทางสุดๆ เพราะอำนาจเมตตาทำให้ทุกสิ่งที่ร้ายแรงอ่อนปวกเปียกไม่มีกำลัง ล่าถอยออกไป คุณงามความดีนี่แหละครับที่ชนะทุกสิ่ง อย่าลืมว่าคุณไสยมาจากแรงกรรมด้วย ดังนั้นคุณงามความดี จะมีอำนาจต่อรองและเหนือแรงกรรม

 

ศาสตร์แห่งปรอทธาตุนับว่าเป็นหนึ่งในศาสตร์ที่น่าอัศจรรย์มาก อย่างปรอทลูกนี้ผใถ่ายภาพไว้ตลอดเพราะแปรสีได้เรื่อยๆ แปรสีทีนึงผมก็จะเอามาไปขัดให้เงาวาวขาววับเหมือนเดิม จากนั้นรอให้แปรสีใหม่แล้วค่อยถ่ายภาพเก็บไปเรื่อย คราวนี้ปรอทแปรเป็นสีทองแบบนี้เลยครับน่าอัศจรรย์มาก บางครั้งแปรเป็นเขียวอมทองดูแล้วแปลกตาดี ปรอทมีความคล้ายกับเหล็กไหล คือสามารถเปลี่ยนสีกลับสีตัวเองได้ เหล็กไหลน้ำหนึ่งผมเคยเห็นมาแล้วสามารถเกลือกสีจากเขียวเป็นน้ำเงิน และเขียวอมทองได้ เหมือนสีปีกแมลงทับ และแก้ววิเศษบางชนิดบางดวงก็สามารถแปรสีตัวเองได้เช่นกัน เช่นเดียวกับปรอทวิเศษ ของทั้งหมดเหล่านี้ถือว่าเป็นธาตุที่มีชีวิตมีเจตสิกซ่อนอยู่ภายใน มีอานุภาพคุ้มครองมากมาย แต่เหนืออื่นใดคือ การมีไว้เพื่อได้ศึกษาถึงธรรมชาติบางมุมที่เราไม่เคยรู้มาก่อนหรือมีโอกาสสัมผัสพบเห็นได้ยาก ตอนนี้กำลังศึกษาว่าพลังปิรามิดมีผลต่อการแปรสีของปรอทอย่างไรหรือไม่ รวมทั้งการเพ่งจิตใส่ลูกปรอทและการนำปรอทมาทำสมาธิภาวนา ผลเป็นอย่างไรจะนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

 

เข้ามาอ่านได้รับความรู้เกี่ยวกับปรอทมากมายครับ ผมก็ชอบปรอทมากครับ พยายามหามาบูชา เสียดายที่ของท่านอาจารย์โยธินไม่มีให้บูชานะครับ ติดตามอ่านต่อครับ

 

ถ้าอยากได้จริงๆต้องโทรแจ้งล่วงหน้าครับ อยากได้ต้องรอครับ อย่างผมอยากได้ยังต้องรอเลย เพราะเข้าใจการหุงปรอทว่ามันยากและต้องใช้เวลา ที่สำคัญต้องใจเย็นๆครับ ตอนนี้ผมขอท่านไว้ ๒ องค์จะนำไปบรรจุลงพระเจดีย์ขนาดเล็กที่ใส่พระบรมสารีริกธาตุ ตั้งใจว่าชั้นบนเป็นพระบรมสารีริกธาตุส่วนด้านล่างจะบรรจุปรอททนสิทธิ์ลงไป เป็นการบูชาพระธาตุครับ

ปรอท เป็นโลหะธาตุที่แตกต่างจากโลหะชนิดอื่นๆ โดนไฟ ๑๐๐ องศาก็จุดระเบิดหายวับไปหมดไม่ได้เรื่องอะไร อยู่แช่แข็งยังไงก็ไม่เป็นก้อน เอามาคลุกกับตะกั่วที่ไหนๆก็มีขาย การจะเอามาซัดด้วยว่านยาจนปรอทแข็งตัวมันเป็นเรื่องยาก หาคนทำก็ยาก และต้องอาศัยระยะเวลาด้วย

ปรอทไม่รวมกับธาตุอื่นๆเว้นแต่จะสามารถซัดปรอทให้เป็นก้อนด้วยว่านยาหรือสตุปรอทได้ การทำเนื้อนวะโลหะซึ่งต้องผสมปรอทหรือเนื้อเมฆสิทธิ์ เมฆพัตรซึ่งอาศัยการเข้าปรอทก็ต้องหาปรอทซัดหรือไม่ก็ต้องสามารถสะกดปรอทไม่ให้ระเบิดได้ จึงสามารถเข้าธาตุได้ ในปัจจุบันมีผู้รู้ไม่กี่ท่านที่สามารถทำได้ครับ

 

ปรอทกรอทำอย่างไรครับ
ประโยชน์มีอะไรบ้าง

 

ปรอทกรอ เป็นวิชาปรอทที่ซัดปรอทขึ้นรูปเป็นเม็ดกลมๆแล้วบรรจุเข้าสู่ลูกโลหะ เมื่อเอาปรอทกรอมากลิ้งดูจะได้ยินเสียงกริ๊งๆ ครืดๆ ตามแต่ปรอทที่ซัดไว้จะเป็นชั้นใด หากเป็นปรอทซัดชั้นยอดเสียงที่กังวานออกมาจากปรอทกรอจะกังวานไพเราะเป็นอย่างยิ่ง ความสำคัญของปรอทกรอก็อยู่ที่การหาปรอทซัดขึ้นรูปนี่เองและจะซัดปรอทได้ระดับใด ยิ่งเป็นปรอทชั้นสูงก็ยิ่งทำให้ปรอทกรอมีอานุภาพมากขึ้นตามลำดับ

ส่วนอานุภาพของปรอทกรอ มีตั้งแต่ส่งสัญญาณเตือนภัยได้ เป็นทั้งแคล้วคลาดคงกระพันหนังเหนียว กันไข้ป่า กันคุณไสยภูติผีปีศาจ ค้ำชูดวงชะตา เป็นเมตตามหานิยมในตัวด้วย เรียกว่ามีอานุภาพครอบจักรวาลคือดีในทุกๆด้านนั่นเอง แม้กระทั่งการนำปรอทกรอมานั่งสมาธิกรรมฐานกำหนดจิตตามลูกปรอทที่สั่นไปมาในเบ้าก็ทำให้เกิดสมาธิได้ดียิ่ง

ปัจจุบันปรอทกรอหายากมากครับ สมัยก่อนโด่งดังจากการพบปรอทกรอที่กรุศรีเทพ เมืองปราจีน และการพบปรอทกรอตามกรุวัดร้างแถบอยุธยาและสุโขทัย เดี๋ยวนี้หาผู้ทำปรอทกรอ ยากเพราะขาดความรู้ทางเล่นแร่แปรธาตุครับ

 

ปรอทธาตุกายสิทธิ์ เมื่อหุงขึ้นรูประดับแรกเรียกว่า ทนสิทธิ์ หมายถึงอำนาจแห่งความคงกระพันหนังเหนียว ไม่เสื่อม ของคงกระพัน ชั้นทนสิทธิ์ ตามตำราไสยศาสตร์กล่าวไว้ว่ามีอยู่หลายชนิด เช่นเหล็กน้ำพี้ก็เป็นของทนสิทธิ์ เด่นเรื่องคงกระพันล้างอาถรรพณ์ ตะกั่วเถื่อน ทองแดงเถื่อนก็เป็นธาตุทนสิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์ทางคงกระพันเช่นกัน รวมไปถึงโคตรเหล็กไหลประเภทต่างๆก็เป็นทนสิทธิ์และของดีหายากอย่าง กะลาตาเดียว ไม้ตะเคียนหิน คตวิเศษต่างๆ ก็เป็นของทนสิทธิ์ตามธรรมชาติเช่นกันมีไว้กับตัวย่อมเป็นคงกระพันชั้นเลิศและไม่มีวันเสื่อมฤทธิ์ ผิดที่ว่าทนสิทธิ์จากปรอทนั้น ผู้ที่หุงหากได้รับธาตุรับยาและรังสีจากปรอทวิเศษชั้นทนสิทธิ์ จะทำให้เส้นผผม หนวดเครา และกระดูกเป็นทองแดง เนื้อหนังคงกระพันยิ่งนัก แถมยังมีเรี่ยวแรงมหาศาลอีกด้วย ปรอทชั้นที่สองเหนือกว่าทนสิทธิ์ขึ้นไปเรียกว่า กายสิทธิ์ ชั้นนี้ตัวเบาไม่ร้อนไม่หนาว อยู่ที่เย็นร่างกายก็อุ่นพอดี อยู่ที่ร้อนก็กลับเย็นสบาย ร่างเบาตัวเบา ถึงขนาดตกน้ำไม่จม ตกจากยอดตาลหรือยอดตึกก็ไม่เป็นอะไร แม้โดนถ่วงน้ำด้วยหินก็ไม่ตายเพราะอำนาจกายสิทธิ์จะสามารถทำให้อยู่ในน้ำได้อย่างสบาย หรือโดนไฟก็ไม่ไหม้เพราะอำนาจกายสิทธิ์คุ้มครองโดนไฟก็รู้สึกเพียงอุ่นๆเท่านั้น อำนาจชั้นกายสิทธิ์นี้แร่ตามธรรมชาติที่มีอำนาจทางด้านนี้ก็มีเหล็กไหลชั้นยอด ส่วนแร่ชนิดอื่นๆที่มีอำนาจใกล้เคียงแบบนี้ยังไม่ปรากฏพบ ปรอทชั้นยอดขึ้นไปเรียกว่า อะโลมะประสิทธิ์ มีอานุภาพถึงกับเหาะเหิรเดินฟ้าไปป่าหิมพานต์ได้ หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าไว้ว่าสมัยก่อนแถวบ้านท่านเคยมีโยคีอินเดียลอยลิ่วตกลงมาจากฟ้า สมภารข้างบ้านรับตัวไว้รักษา โยคีท่านเล่าไว้ว่าท่านเหาะมากับเพื่อนตัวท่านเหาะมาด้วยฤทธิ์ปรอทสำเร็จ ส่วนเพื่อนใช้ฌานสมาบัติ ขณะเหาะมาเกิดการโต้เถียงกัน ปรอทหลุดออกจากปากท่านทำให้ท่านตกลงมาเช่นนี้ดีที่ไม่ตายแค่ขาหักเท่านั้น ก่อนจะจากกันโยคีท่านนี้ให้ตำราการหุงปรอทไว้ ส่วนโยคีก็หุงปรอทจนสำเร็จแล้วลาไปเมืองฟ้าป่าหิมพานต์ เรื่องนี้มีรายละเอียดพิสดารกว่านี้มาก ผู้นำมาเผยแพร่คือท่านอาจารย์สิทธา เชตวัน ตีพิมพ์ในโลกทิพย์เมื่อปี ๒๕๒๕ แสดงไว้ว่าการหุงปรอทนั้นมีจริงมีคนทำได้จริงแต่ต้องมีพลังจิตสูงมากจึงทำได้สำเร็จ นำมาลงไว้เป็นหลักฐานและวิทยาเพื่อการค้นคว้าเรื่องปรอทต่อไปครับ

 

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกระทู้นะครับ อาจารย์โยธินกล่าวว่ารู้สึกดีใจเหมือนกันที่มีคนสนใจ เพราะคิดมานานว่าเราบ้าอยู่คนเดียวรึเปล่า เดี๋ยวนี้คนไม่รู้จักปรอทสำเร็จกันแล้ว ไม่มีคนสนใจกันเหมือนเมื่อก่อนซะแล้ว

อาจารย์ท่านอยากเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปให้มากที่สุด เพราะอาจารย์ท่านคิดว่าวันหนึ่งก็ต้องตาย หากไม่มีใครเรียนรู้วิชานี้คงสาบสูญเป็นแน่ ปัจจุบันวิทยาการทั้งแพทย์แผนไทย สมุนไพร รวมไปถึงไสยศาสตร์ต่างๆ เริ่มถดถอยสูญหายไปทีละวิชาเพราะขาดการสืบทอด อีกหน่อยภูมิความรู้ของบรรพบุรุษคงสาบสูญไปหมด ดังนั้นท่านจึงไม่คิดปิดบังวิชาใดๆทั้งสิ้นครับ

เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุ จัดเป็นศาสตร์เร้นลับที่ไม่เหมือนวิทยาศาสตร์ทั่วไป เพราะต้องอาศัยแรงใจหรือพลังจิตเป็นปัจจัยสำคัญในการแปรธาตุ มันเป็นการผสมผสานระหว่างความรู้เชิงวัตถุธาตุและพลังจิต สันนิฐานได้ว่าวิชานี้น่าจะสืบทอดมาจากอาณาจักร
แอตแลนติสโบราณ เราจึงพบการเล่นแร่แปรธาตุในช่วงสมัยต่างๆ ไม่ว่าอียิปต์ อารยะธรรมลุ่มแม่น้ำไทกรีสยูเฟติส อารยะธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ หรือแม้แต่ในจีนก็ยังมี ไทยเรารับเอาวิชาสายนี้มาจากพราหมณ์ของอินเดีย รับมาทั้งโดยตรงและส่งทอดมาจากขอมอีกทางหนึ่ง

วิชาการเล่นแร่แปรธาตุปรอทสำเร็จนั้น มีตั้งแต่การแปรตะกั่วเป็นทองคำ และแปรปรอทเป็นแก้วจักรพรรดิ์ ผู้ที่ศึกษาปรอท มีสองจำพวกคืออยากรวยด้วยการศึกษาแปรธาตุเป็นทอง กับอีกพวกคืออยากเป็นอมตะ อย่างไรก็ตามการจะสำเร็จปรอทชั้นสูงสุดเป็นแก้วกายสิทธิ์นั้นต้องเป็นผู้มีบุญญาธิการถึงพร้อมจริงๆจึงสำเร็จได้ ส่วนที่เหลือก็ได้ปรอทชั้นทนสิทธิ์และกายสิทธิ์ซึ่งมีอำนาจทางคงกระพันไปถึงตัวเบาเป็นชาตรีเพียงเท่านี้ก็นับว่าสุดยอดแล้ว

ปรอทชั้นสูงสุดเมื่อแปรเป็นแก้วได้แล้วยังมีเหนือไปกว่านั้นคือตีแก้วให้กลายเป็นพระขรรค์แก้ว ตามตำรากล่าวว่าผู้ใดทำได้ถึงขั้นนี้มีอำนาจดั่งพระอนิทร์เลยเชียว

เมื่อพิจารณาวิชาปรอทจึงเห็นได้ว่า ปรอท ชั้นสูงก็คือแก้วกายสิทธิ์ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านเรียกว่าแก้วจักรพรรดิ์ ชั้นรองเรียกว่า แก้วราหู จัดเป็นแก้ววิเศษที่มีอำนาจทางเรียกทรัพย์สินเงินทอง คุ้มครองป้องกัน ประทานความสำเร็จให้แก่ผู้ครอบครองได้

ปรอท มีความผูกพันกับแก้วกายสิทธิ์ แก้วจักรพรรดิ์ อย่างลึกซึ้งละเอียดละออ เพียงแค่ลูกปรอทชั้นทนสิทธิ์ขึ้นไปก็มีอำนาจด้านคุ้มครองดวงชะตาผู้ครอบครองเป็นเจ้าของได้แล้ว มีอำนาจเรื่องหนังเหนียวคงกระพันกันเขี้ยวงาอสรพิษได้เป็นอย่างดี รวมถึงกันไข้ป่าโรคระบาดและคุณผีคุณคนได้ด้วย

และเคล็ดลับสำคัญคือหากนำมาอธิษฐานด้วยบทจักรพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่ อธิษฐานลูกปรอทเป็นดวงแก้วจักรพรรดิ์ ด้วยบารมีพระรัตนตรัยและบารมีพระจักรพรรดิ์ พระโพธิสัตว์ อันมีหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่เป็นที่สุด ลูกปรอททนสิทธิ์ก็จะมีพุทธคุณเป็นแก้วจักรพรรดิ์ชั้นยอด มีคุณวิเศษเหนือชั้นขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ซึ่งวิธีนี้เรียกว่าการสร้างกฤติยาคมแฝด คือ ที่มาของธาตุเป็นปรอทก็นับว่ายอดดีแล้ว ต่อยอดดีเข้าไปด้วยบารมีพระรัตนตรัยพระจักรพรรดิ์ก็ยิ่งยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก นี่แหละครับวิธีของผมเองที่ใช้ลูกปรอทมาอธิษฐานและทำสมาธิอยู่เสมอ

 

แจ้งข่าวดีทุกท่านตอนนี้ท่านอาจารย์โยธิน ได้หุงปรอทเพชรทนสิทธิ์ ขึ้นมา ๑๒ องค์ แต่ละองค์สวยงามมาก เวลาโดนแสงแดดหรือแสงนีออนจะเกิดประกายเพชรงดงามมาก ปรอทเพชร ตามตำรากล่าวว่าเป็นปรอทวิเศษของปู่ฤๅษีนารอด ท่านเป็นเจ้าของตำรา วันนี้ผมไปอัญเชิญมาสององค์ครับ แล้วว่างๆจะนำภาพมาลงให้ทุกท่านชมครับ นอกจากนี้ท่านอาจารย์ยังทำผงขุนแผนชมตลาด มีอำนาจทางเมตตามหานิยม ขนาดผีเสื้อยังมารุมตอมผงวิเศษชนิดนี้ และยังเชื่องไม่หนีมือคนด้วย ซึ่งผงวิเศษชนิดนี้ไม่มีการนำเอาน้ำผึ้ง น้ำตาลหรือเกสรดอกไม้มาผสมแต่อย่างใด เป็นผงปูนผสมว่านดินโป่งดินจอมปลวก แล้วเสกสำทับด้วยคาถาขุนแผนชมตลาด มีอำนาจทางเมตตามหาลาภอย่างยิ่ง ผงชุดนี้ท่านอาจารย์ยังผสมผงปรอทจากการซัดว่านยาลงไปด้วย เดี๋ยวจะหาโอกาสนำภาพมาลงให้ทุกท่านชมครับ

 

อยากได้ ทั้งสองอย่างเลยครับ ต้องทำยังไงครับ

 

สนใจ อยากได้เหมือนกันครับ

 

หลวงปู่รอดวัดนายโรง

http://palungjit.org/threads/หลวงปู่รอดวัดนายโรง.372058/

 

ปรอท หลวงปู่ละมัย นี่เป้นแบบเดียวกับ อ.โยธินไหมครับ

 

ปรอท เป็นโลหะธาตุที่มีชีวิต ตามตำราของท่านอาจารย์ชลอ อุทกภาชน์ ได้กล่าวถึงปรอทว่าเป็นภูติชนิดหนึ่ง ท่านอาจารย์สิทธา เชตวัน เรียกปรอทและเหล็กไหลว่าเป็นชีวภูติ จัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด คล้ายสัตว์เซลล์เดียว ออกหากินได้ รู้จักรักตัวกลัวตาย สืบเผ่าพันธุ์จากการแบ่งตัวได้ อย่างไรก็ตามทั้งเหล็กไหลและปรอท ไม่สามารถจัดอยู่ในหมวดใดๆของสัตว์โลกตามหลักวิทยาศาสตร์ได้ เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ก้ำกึ่งระหว่าง แร่กับสิ่งมีชีวิต ทั้งก้ำกึ่งระหว่างวัตถุที่มีอยู่ในโลกและวิญญาณที่อยู่กันคนละภพ เหล็กไหลและปรอทก็คล้ายๆกับการมีอยู่จริงของพญานาคและกายทิพย์อื่นๆ ที่มีอยู่จริงแต่ยังไม่สามารถพิศูจน์ได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์

สำหรับปรอทแล้วแม้จะจับต้องได้ แต่การรู้ตามหลักวิทยาศาสตร์ผิวเผินมาก ถ้าเทียบกับความรู้ในเชิงไสยศาสตร์

ปรอทแม้เพียงปรอทน้ำก็กันเหา กันแมลง กันไข้ป่าได้ แต่ถ้าปรอทซัดว่านยาขึ้นรูปจะมีอานุภาพทางคงกระพันเป็นเบื้องต้นเรื่องกันผีกันคุณไสยและเขี้ยวงารับรองได้ แต่จะดีด้านค้ำคูณดวงชะตาอย่างยิ่ง หากเมื่อใดดวงตกแบบหนักๆ ปรอทจะสีหม่นลงไปทันที ในขณะเดียวกันถ้าปรอททนสิทธิ์อยู่กับผู้สวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน ปรอทจะแปรสีสันสวยงามหรือแวววาวให้เห็นเป็นอัศจรรย์ และเนื่องจากปรอทมีชีวิตมันจึงเปลี่ยนสีสันได้อยู่เสมอ ผมเองขอปรอททั้งแบบปรอทเพชรที่ไม่กินทองและปรอททนสิทธิ์ชนิดที่ยังกินทองอยู่ อย่างปรอททนสิทธิ์ที่กินทอง ปรอทประเภทนี้จะสามารถเกลือกสีผิวตัวเองได้ดี เวลาแปรสีก็จะอมเขียวอมทองอย่างที่เห็น ส่วนปรอทเพชรถ้าอยู่กับผู้ปฏิบัติจะเกิดประกายแวววาวมากขึ้นตามลำดับ ส่วนสีของปรอทเพชรสูตรของอาจารย์โยธินจะเป็นปรอทสีออกเขียวอมทอง อาจารย์โยธินบอกว่าถ้าทิ้งเวลาในการหุงปรอทนานขึ้นเรื่อยๆมันก็แปรสีออกขาวใสมากขึ้นตามลำดับ นับว่าเป็นความลึกลับมหัศจรรย์ของปรอทและนับเป็นภูมิปัญญาอันชายฉลาดของบูรพาจารย์แต่ก่อนเก่าที่สามารถศึกษาเรื่องปรอทและการเล่นแร่แปรธาตุได้อย่างลึกซึ้ง

 

เป็นคนละแบบครับ จากการศึกษาพบว่ามีสูตรในการฆ่าพิษปรอทและหุงปรอทขึ้นรูปนับร้อยๆสูตรเลยทีเดียว อย่างวิชาหุงปรอทของหลวงพ่อศรีอ่องก็เป็นแบบนึงเป็นวิชาสายพม่า วิชาการหุงปรอทของหลวงปู่วาส วัดสะพานสูงก็เป็นอีกสูตรนึงไม่เหมือนกันอีก สูตรของอาจารย์โยธินเป็นสูตรของพระฤๅษี ๕ พระองค์ ครับ ส่วนของหลวงปู่ละมัยผมไม่ทราบเนื่องจากไม่มีโอกาสไปกราบท่านเลย ที่นำภาพปรอทกายสิทธิ์ของอาจารย์โยธินมาลงจัดเป็นวิชาปรอทเพชรตามสายวิชาของพระฤๅษีนารอดครับ ปรอทเพชรสมัยก่อนที่ทำขึ้นมาได้ก็คืออาจารย์หล่อ ขันสวนแก้ว อดีตนายกสมาคมว่านแห่งประเทศไทยครับ สมัยก่อนท่านให้บูชาตกองค์ละแสนเชียวนะครับ น่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาสศึกษาตำรับของอาจารย์หล่อท่าน ส่วนทุกวันนี้ปรอทของอาจารย์หล่อได้หายไปจากวงการนานแล้ว เพราะใครที่มีต่างก็หวงแหนยิ่งนักและถ้าปล่อยก็คงต้องเป็นหลักหมื่นขึ้นไปอย่างแน่นอน