ปรึกษาปัญหาชีวิต

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย palingjit, 4 พฤศจิกายน 2012.

  1. palingjit

    palingjit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2009
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +19
    ชีวิตผมเกิดมาในครอบครัวที่ดีมีความสุข แต่ก็มีญาติคนนึงชอบมาเหน็บมากระแนะกระแหนทุกครั้งที่เจอตอนนี้เริ่มรำคาญมากแล้วชอบอวดลูกตัวเองดูถูกคนอื่นคิดว่าตัวเองวิเศษทั้งๆที่ดูจริงๆแล้วไม่ได้มีอะไรดีเลย อยากถามทุกคนว่าควรทำไงดีเวลาเค้ามาเหน็บ ผมว่าเค้ากลับแรงๆไม่ได้เพราะเค้าผู้ใหญ่กว่าถึงแม้จะทำตัวไม่น่าเคารพก็ตาม
     
  2. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    คำพูดมันแค่ลม ถ้าไม่เอาจิตไปจับกับลมมันก็ไม่ทุกข์
     
  3. 9TRONG

    9TRONG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +514
    ยิ้มรับไปเลยครับ...

    แล้วปล่อยไปตามลม...เลย
     
  4. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    เพราะเหตุคือ อกุศลกรรมในอดีต เราจึง เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิมรสและสัมผัสสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ายินดี...

    เพราะเราเองก็เคยกระแนะกระแหนใครๆมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนในอดีต ..จะชาตินี้หรือเมื่อแสนชาติที่แล้วมา..จึงต้องได้ยินคำกระแนะกระแหนในปัจจุบัน..อย่าว่าแต่เราๆทั้งหลายเลย แม้พระพุทธเจ้่ายังถูกคนพาลกระแนะกระแหนมาหลายครั้ง ด้วยกรรมในอดีตของพระองค์...แต่ด้วยอานุภาพแห่งบุญอันเต็มเปี่ยมของพระองค์ ไม่นานพาลชนก็ยุติมิจฉาวาจาของตนไปได้..

    สิ่งที่ท่านจขกท จะทำได้คือ หลีกหลบไปที่อื่น เมื่อญาติรายนี้มาหรือปรากฏตัว..หรือก็ฟังแบบเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา ไม่เก็บเอามาเป็นสาระให้เกิดความคับแค้นใจในเวลาต่อมา...หรือเมื่อได้ยินเขาเริ่มมิจฉาวาจา ก็พึงลุกขึ้นในที่ประชุมนั้น กล่าวว่า.."ขออภัยท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอตัวไปฟังพระธรรมของพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นมงคลแก่โสตประสาทของข้าพเจ้าก่อน.."..

    แล้วรีบพาอายัตนะภายใน คือโสตประสาทออกจากที่ประชุมนั้น ไปเข้าเว็ปพลังจิต อ่านคำตอบของเหล่ากัลยาณชน ให้เกิดกุศลจิตในความรู้ถูกเห็นถูก..จิตย่อมละจากโทสะคือความคับแค้นใจจากเสียงของญาติผู้นั้น..

    นี่เป็นการแก้ปัญหาแบบชั่วคราวเฉพาะหน้า..ต่อไปเมื่อใจมีกำลังแล้ว แม้นั่งฟังเขาคุยอวดสัก 3วันก็ไม่เดือดร้อนอะไร เพราะทราบชัดว่า ปุถุชนย่อมบันเทิงในบาปอันเป็นของทำได้ง่ายเช่นนี้ เเม้เราก็เคยทำมาแล้วด้วยความไม่รู้ จึงต้องมาฟังเสียงเช่นนี้หนอ น่าสงสารเขาแท้ๆเทียว ..จิตกลับเห็นใจในทุกข์ที่เขาจะได้รับในภายหน้า ทำนองไปที่ใหน ก็ถูกกระแนะกระแหน ..ไม่สนุกเหมือนตอนทำเลย....
     
  5. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ปัญหา ถ้าเกิดความอาฆาตขึ้นในจิตใจเรา ทำให้เราคิดมุ่งร้ายหมายแก้แค้นต่อบุคคลบางคน ซึ่งได้ล่วงเกินเราก่อน ควรจะแก้ไขอย่างไร ?

    พุทธดำรัสตอบ “......ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    ความอาฆาตพึงเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงเจริญเมตตาในบุคคลนั้น ๑
    ความอาฆาตพึงเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงเจริญกรุณาในบุคคลนั้น ๑
    ความอาฆาตพึงเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงเจริญอุเบกขาในบุคคลนั้น ๑
    ความอาฆาตพึงเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงถึงการไม่นึกไม่ใฝ่ใจในบุคคลนั้น ๑
    ความอาฆาตพึงเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงนึกถึงความเป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน ให้มั่นในบุคคลนั้นว่าท่านผู้นี้เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใดไว้ดีก็ตามชั่วก็ตาม จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้นดังนี้ ๑.... พึงระงับความอาฆาตในบุคคลนั้นด้วยประการฉะนี้”
     
  6. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เครื่องนำความอาฆาตออก ๑๐ อย่างเหล่านี้ คือ
    ๑. บุคคลย่อมนำความอาฆาตออก ด้วยคิดอย่างนี้ว่า เขาได้ประพฤติสิ่งที่เป็นความพินาศแก่เรา
    จะไม่ให้เป็นอย่างนั้น จะได้แต่ที่ไหน?
    ๒. บุคคลย่อมนำความอาฆาตออก ด้วยคิดอย่างนี้ว่า เขากำลังประพฤติสิ่งที่เป็นความพินาศแก่เรา
    จะไม่ให้เป็นอย่างนั้น จะได้แต่ที่ไหน?
    ๓. บุคคลย่อมนำความอาฆาตออก ด้วยคิดอย่างนี้ว่า เขาจักประพฤติสิ่งที่เป็นความพินาศแก่เรา
    จะไม่ให้เป็นอย่างนั้น จะได้แต่ที่ไหน?
    ๔. บุคคลย่อมนำความอาฆาตออก ด้วยคิดอย่างนี้ว่า เขาได้ประพฤติสิ่งที่เป็นความพินาศแก่คนที่รัก ที่พอใจของเรา
    จะไม่ให้เป็นอย่างนั้น จะได้แต่ที่ไหน?
    ๕. บุคคลย่อมนำความอาฆาตออก ด้วยคิดอย่างนี้ว่า เขากำลังประพฤติสิ่งที่เป็นความพินาศแก่คนที่รัก ที่พอใจของเรา
    จะไม่ให้เป็นอย่างนั้น จะได้แต่ที่ไหน?
    ๖. บุคคลย่อมนำความอาฆาตออก ด้วยคิดอย่างนี้ว่า เขาจักประพฤติสิ่งที่เป็นความพินาศแก่คนที่รัก ที่พอใจของเรา
    จะไม่ให้เป็นอย่างนั้น จะได้แต่ที่ไหน?
    ๗. บุคคลย่อมนำความอาฆาตออก ด้วยคิดอย่างนี้ว่า เขาได้บำเพ็ญประโยชน์แก่คนที่ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่พอใจของเรา
    จะไม่ให้เป็นอย่างนั้น จะได้แต่ที่ไหน?
    ๘. บุคคลย่อมนำความอาฆาตออก ด้วยคิดอย่างนี้ว่า เขากำลังบำเพ็ญประโยชน์แก่คนที่ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่พอใจของเรา
    จะไม่ให้เป็นอย่างนั้น จะได้แต่ที่ไหน?
    ๙. บุคคลย่อมนำความอาฆาตออก ด้วคิดอย่างนี้ว่า เขาจักบำเพ็ญประโยชน์แก่คนที่ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่พอใจของเรา
    จะไม่ให้เป็นอย่างนั้น จะได้แต่ที่ไหน?
    ๑๐. บุคคลย่อมไม่โกรธ ในฐานะอันไม่สมควร
    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เครื่องนำความอาฆาตออก ๑๐ อย่างนี้เหล่านี้แล."
     
  7. vorakan666

    vorakan666 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +64
    ปล่อยวาง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ควรรักษากรรมดี(กุศลกรรมของตนเองไว้ก็พอ ไม่ผูกโกรธผู้อื่น ถ้าไม่อยากเจอกันอีกในภพต่อๆๆไป) แล้วจะรู้ว่าความรู้สึกคับที่อยู่ยากที่มีอยู่ในใจนั้น จะค่อยๆๆคลายหายไปในที่สุด สู้ๆๆๆครับ
     
  8. ตะวัน58

    ตะวัน58 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +78
    ยิ้มแล้วก็ปล่อยให้เค้าพูดไปครับ

    ก็แค่ลมปาก ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ก็ำพอครับ อย่าเก็บมาคิดเลยทุกข์ใจเปล่าๆ
     
  9. rin52222828

    rin52222828 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +7
    ผมว่าผมป่วยเป็นโรคจิต 100 %

    พอจะมีใครให้คำปรึกษาได้บ้างครับ ผมจะได้รู้ว่าผมเป็นโรคจิตรึป่าว อาการของผมคือ ผมรู้สึกว่าไม่มีกำลังใจ หรือเป้าหมายอะไรเลยในชีวิต ท้อแท้ มักอยู่ในห้องคนเดียวเงียบๆเพราะผมรู้สึกไม่อยากยุ่งกับใครมากนักเนื่องจากคิดว่าไม่มีใครจริงใจหรือพอจะเป็นเพื่อนสำหรับปรึกษาปัญหาได้เลย ผมมักคิดว่าทุกคนรอบตัวผมกำลังหลอกผม เกลียดผม และผมคิดว่าผมเป็นคนที่ไวต่อคำพูดประชดประชัน หาเรื่อง หรือเยาะเย้ยมาก ทำให้เก็บคำพูดเหล่านั้นมาคิดมาก พอคิดไปมากๆก็เลยบอกกับตัวเองว่าอยู่คนเดียวดีกว่า แต่เวลาท้อแท้ เหงา เสียใจ ขึ้นมามันก็อยากมีคนคุยและเข้าใจในตัวเราบ้าง พอคิดได้แบบนั้นผมก็ลองเลิกคิดที่จะอยู่คนเดียว หันมาคบเพื่อนบ้าง แต่มันก็วนไปที่จุดเดิมอีกคือเจอคนที่ไม่จริงใจ หลอกหลวงอีก มันทำให้ผมยิ่งระแวงคนรอบข้างมากขึ้นกว่าอีกหลายเท่า ผมเครียดกับปัญหานี้มาก บางครั้งเวลาโดนหลอก เยาะเย้ย ประชดประชัน ผมโกรธมากจนคิดอยากจะฆ่าคนๆนั้นให้ตายไปซะ ผมจะคิดแบบนี้กลับไปกลับมาตลอดโดยคิดว่าถ้าฆ่าเขาก็ติดคุก ไม่ดีกับตัวเรา แต่ถ้าไม่ทำมันก็จะทำให้เราโกรธเราเครียดกับมันเหมือนเดิม แต่ผมแค่คิดนะยังไม่ได้ทำ ผมกลัวว่าสักวันหนึ่งผมจะทนไม่ได้และฆ่าเขา ทำไมเขาไม่รู้จักคิดกันว่าการกดดันคนที่เครียดมากๆ มันจะทำให้เขาตายได้นะ ผมก็ไม่ได้อยากทำอะไรแบบนั้น และไม่ได้อยากจะบ้าด้วย ใครพอจะมีวิธีรักษาอาการป่วยแบบนี้บ้างครับ
     
  10. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    คนที่คิดว่าตนเองเป็นโรคจิต ส่วนมากเป็นคนปกติ ..ส่วนที่เป็นโรคจิตจริงๆจะไม่ยอมรับว่าตนเป็น .ไม่สงสัยในสภาวะของตน เชื่อมั่นว่าตนปกติที่สุด..

    ท่าน rin52ฯ เป็นคนปกติ ที่ถูกบีบคั้นด้วยเหตุการณ์ที่ไม่น่าปรารถนา ..ไม่ว่าใครๆ หากประสบเหตุการณ์ทำนองเดียวกันก็ย่อมมีโอกาสที่จะมีความรู้สึกนึกคิดเฉกเช่นเดียวกับที่ท่าน rin52ฯ กำลังเป็นและรู้สึกอยู่..

    ท่าน rin52ฯ พึงทราบว่า ไม่ใช่ท่าน เพียงคนเดียวหรอกที่ถูกบีบคั้นเช่นนี้ มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนในโลกที่ ถูกบีบคั้นเช่นนี้ และมากยิ่งกว่านี้อย่างไม่น่าเชื่อมากมาย...ดังปรากฏในข่าวต่างๆทั้งในและนอกประเทศ..

    ท่าน rin52ฯ พึงทราบว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับท่านนั้น หาได้เกิดเพราะซวยหรือฟลุคหรือเกิดเองลอยๆโดยปราศจากเหตุไม่..ในหลักความจริงขั้นปรมัตถ์มีว่า สิ่งทั้งปวงย่อมไหลมาแต่เหตุ...ดังนั้น สิ่งที่ท่านกำลังประสบอยู่ในเวลานี้ก็มีเหตุมาจาก"เจตนาเก่า"ที่ท่านrin 52ฯเคยมี เคยทำ เคยพูดมาแล้วในปางก่อน แม้จะทำไว้เมื่อพันอสงไขยที่แล้วมา และท่านลืมไปแล้วก็ตาม แต่ผลของเจตนาเก่านั้น ยังจำท่านได้เสมอไม่ลืมเลือนเลย..

    ถามว่า"เจตนา"อะไร ก็อนุมานได้จากสิ่งที่ท่านพบประสบอยู่ในเวลานี้ว่า เจตนาในการล่วงศีลข้อ 2 อันมีการหลอกลวงใครๆมาเช่นเดียวกับที่ท่านถูกใครๆหลอกลวงในบัดนี้..และเจตนาล่วงอกุศลกรรมบถว่าด้วยมิจฉาวาจาต่างๆมีโกหก ดูถูก หยาบคายฯลฯกับใครๆมาก่อน..ในเวลาโน้นนั้น ท่านก็หาได้ใส่ใจในความอึดอัดคับแค้นของคนที่ถูกท่านกล่าวมิจฉาวาจาด้วยไม่..มิหนำซ้ำกลับรื่นเริงบันเทิงยิ่งในการกระทำของตนอย่างยิ่ง เพราะตนเป็นผู้กระทำ ซึ่งผิดแผกแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับความรู้สึกของผู้ที่ถูกกระทำ..

    บัดนี้ผลอันเผ็ดร้อนจากเจตนาเก่านั้นกำลังมาส่งวิบากให้ได้เสวย...เป็นธรรมดาว่า เมื่อตนถูกทุกข์บีบคั้น ก็ย่อมดิ้นรนขวนขวายเพื่อแก้ทุกข์ ท่านจึงคิดแล้วๆเล่าๆที่จะทำลายชีวิตของบุคคลที่ทำให้ท่านทุกข์ อันเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะคิดให้อภัยอโหสิกรรมให้เขาด้วยทราบว่าแท้ที่จริง ทั้งหลายทั้งปวงนี้มาเพราะเหตุเสียที่ตนเคยทำไว้ ..ในทางโลก หากใครนำอะไรๆมาให้เรา และเราไม่ชอบใจ ก็สามารถเลือกเอาได้ว่า "อันนี้ ข้าพเจ้าขอปฏิเสธไม่รับเอานะ"..แต่กฏแห่งกรรมนั้น ใครที่ใหนจะเลือกรับหรือไม่รับผลของสิ่งที่ตนทำไว้แล้วนั้นไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้...

    เมื่อท่านริน52ฯเข้าใจถึงกฏแห่งกรรมได้ ท่านจะทราบว่า การที่ท่านจะใช้วิบากหรือผลกรรมเก่ามาเพื่อเป็นเหตุในการทำบาปใหม่นั้น ย่อมยังแต่จะพาตนไปรับผลกรรมที่ไม่น่าปรารถนาอีกแล้วๆเล่าๆ ท่านจะพ้นจากการถูกบีบคั้นและทำร้ายทำลายไปอีกนับภพไม่ถ้วน จะมีความสุขหรือ?..

    คนเรานั้น เมื่อคิดวิตกถึงสิ่งใด ไม่นานก็จะทำในสิ่งนั้น ท่านริน52ฯอย่าได้ไว้ใจตนเอง ให้ระวังใจตนในเรื่องที่คิดจะฆ่าใครๆให้จงหนัก เพราะไม่มีใครหรืออะไรจะทำร้ายทำลายตนลากจูงตนไปสู่ความทุกข์สาหัสเท่ากับ"เจตนาในใจของตน"เลย...

    ท่าน ริน52ฯ พึงเร่งเจริญบุญกุศลทั้งทานศีลและภาวนาให้มากทันที เพราะจิตของท่านกำลังอ่อนแอด้วยกำลังของโทสะ อันเป็นบาปมีโทษมากมาย ..ท่านริน52 ฯ พึงพยายามหลีกเลี่ยงคนพาลที่บีบคั้นท่านอยู่ หากเี่ลี่ยงไม่ได้ก็พึงทราบว่า ในอนาคต แม้เขาก็ย่อมเข้าถึงสภาพเช่นที่ท่านกำลังเข้าถึงอยู่ในบัดนี้.....ท่านพึงสงสารเห็นใจคนเขลาที่ไม่รู้จักบาปกรรมจึงบันเทิงอยู่กับการขวนขวายทำร้ายตนไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ ส่วนผลของบาปเก่าที่ท่านริน52ฯชดใช้เเล้ว ย่อมลดหรือหมดอำนาจลงในที่สุด..

    สิ่งทั้งปวงไม่เที่ยง แปรผันไปตลอดทุกสิ่ง ..ในสังสารวัฏอันหาที่สุดมิได้นี้ ท่านริน52ฯเองก็ได้ทำความดีมาแล้วเกือบทุกอย่างเช่นกัน ดังนั้น แม้โอกาสที่สิ่งร้ายจะหมดไป สิ่งดีจะปรากฏก็ย่อมมีอยู่...ท่านริน52ฯ อย่าได้หมดกำลังใจง่ายๆเลย.. .

    ท่านริน52ฯ พึงทราบว่า กรณีของท่านนั้นอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเหลือเกิน..หากเปรียบเทียบกับคนอีกนับไม่ถ้วนบนโลกนี้..ขอให้รักตัวให้มาก ไม่คิดทำร้ายตนด้วยการล่วงบาปกรรมใหม่อีก..สิ่งใดที่คิดแล้วไม่เป็นประโยชน์ แก่ตนหรือใครๆ พึงรีบละเลิกความคิดนั้นเสีย ..หาความสงบใจให้ตนด้วยการอ่าน/ฟังพระธรรมบ้าง ..เมื่อสงสัยก็สอบถามกัลยาณมิตร ท่านมีโอกาสดีแล้วที่เข้ามาในชุมชนนี้ ขออย่าได้กลัวที่จะถามหรือระบายความอึดอัดขัดข้อง ที่นี่มีผู้ที่มีความเมตตาปรารถนาดี แนะนำสิ่งดีๆให้ท่านมากรายนะครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2012
  11. water2525

    water2525 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +315
    ใช้คำพูดเขา สอนใจเราเองก็น่าจะเป็นประโยชน์นะคะ อาจจะทำให้เราทราบจุดยืนของเราชัดเจนยิ่งขึ้น

    ส่วนการแสดงออกภายนอกก็คงอย่างที่หลาย ๆ ท่านได้แนะนำค่ะ ^___^ เป็นแต่ข้อแนะนำดี ๆ
     
  12. water2525

    water2525 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +315
    คุณ rin52222828 ลองกลับไปหาครอบครัวสิคะ เป็นที่ ๆ อบอุ่นที่สุดในโลกนี้นะคะ หรือถ้ายังไม่สะดวก็โทรกลับบ้านก่อนก็ได้ ถ้ากลับห้องพักแล้วรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว ก็ให้คิดว่าเวลานี้แหละคือเวลาของครอบครัว เวลาที่จะได้โทรหาแม่ หาคนที่รักเรา โทรติดปุ๊ปก็ถ่ายทอดความรักได้ในทันทีเลย เช่น "แม่กินข้าวหรือยัง กินกับอะไรครับ แม่อาบน้ำหรือยัง กำลังดูทีวีหรือครับ ดูรายการอะไรอยู่ เริ่มหนาวหรือยังครับ พ่อทำอะไรอยู่ ไม่ได้โทรหาแม่ตั้งนานคิดถึงแม่นะครับ ฯลฯ
     
  13. rin52222828

    rin52222828 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +7
    จะทันเหรอครับ

    ตอนนี้มันกลายเป็นปัญหาใกล้ตัวมากแล้วคือคนที่ไม่พอใจผมเขาไปพูดยุให้อีกหลายๆคนเกลียดผมซึ่งก็เพื่อนเขานั่นแหละ ณ ตอนนี้ผมคิดว่าตอนกลับห้องผมต้องโดนดักทำร้ายจากกลุ่มนั้นแน่ๆครับ เพราะเขาขู่มาแล้ว แล้วจะให้ผมทำไงดีล่ะเนี่ย
     
  14. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    คุณrin52 ฯลองทบทวนดูโดยเที่ยงตรงว่า ที่พวกเขาไม่พอใจคุณนั้น เป็นเพราะคุณได้ก่อปัญหาหรือเบียดเบียนเขาประการใด ถ้าคุณผิดจริง การขอโทษน่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้และน่าจะดี แต่หากพวกเขาไม่พอใจเพราะคุณ...เป็นคนดีทำแต่สิ่งดี .. คุณควรพิจารณาหาความปลอดภัยให้ตนด้วยการโยกย้ายออกไปให้ห่างพาลชนเหล่านั้นโดยไม่ต้องบอกกล่าวอะไรๆให้เขารู้ ...เพราะการอยู่กับคนพาลย่อมอันตรายกว่าอยู่กับอสรพิษที่เป็นเดรัจฉานเสียอีก ด้วยว่าเดรัจฉานจะทำร้ายสัตว์อื่นด้วยอาการซื่อตรงซึ่งหน้า ไม่มีแผนการซับซ้อนแยบคายอย่างคน..

    ขอให้ปลอดภัยครับ
     
  15. rin52222828

    rin52222828 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +7
    ขอบคุณทุกท่านครับ

    สรุปวันนี้ผมรอดมาได้ตามคำแนะนำของคุณ ddman ครับ ฮ่ะๆ ผมก็เลยลองคิดตามว่าสาเหตุของปัญหาคืออะไร ปกติผมเป็นคนเรียบร้อยครับ แต่ใจร้อนนิดหน่อย ก่อนนอนผมก็สวดพระคาถาชินบัญชรด้วยนะครับ ( แต่บางคืนก็ลืมบ้าง ) ส่วนปัญหาที่เกิดนั้นผมพอเดาได้ว่ามาจากกรรมเก่าของตัวผมเองทำให้มาเจอคนพาล เนื่องจากตัวเองเคยทำเขามาก่อน และไม่รู้วิธีจะรับมือกับอกุศลกรรมบถอย่างที่กล่าวไป จึงตอบโต้บุคคลเหล่านั้นกลับไป เลยพลอยทำให้เกิดปัญหามากยิ่งขึ้น นี่ถ้าผมมาเจอกับทุกท่านก่อน ปัญหาแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่ นึกแล้วยิ่งต้องขอบคุณทุกท่านจริงๆ เมื่อก่อนผมมีพระอาจารย์คอยให้คำปรึกษาแต่ต่อมาท่านมรณะภาพไปแล้ว ผมเลยไม่ค่อยกล้าปรึกษาใคร พอมีปัญหาก็เลยเคว้งเลยครับ ตอนนี้ได้สติกลับมาแล้ว และก็ยังหวังว่าความดีที่ผมได้เคยทำมาดังที่คุณ ddman เคยบอกไว้จะกลับมารักษาตัวผมให้พ้นวันที่ 28 ธันวา ไปได้นะครับ เพราะผมตัดสินใจจะเดินทางกลับบ้านตามคำแนะนำแล้วครับ ขอบคุณมากครับถ้ามีปัญหาอีกผมขออนุญาติปรึกษาใหม่นะครับ
     
  16. นางพญา20

    นางพญา20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +1,163
    อโหสิค่ะ และอภัยทานแผ่จิตที่อภัยไปใป้ค่ะรับรองอ่อนแน่
     
  17. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ดีใจด้วยอย่างยิ่งครับ ...

    ขออนุโมทนาในปัญญาที่เกิดแล้วโดยชอบในการทราบเหตุแห่งทุกข์ที่เกิดขึ้นด้วยครับ..
    ตั้งแต่นี้ไป ปัญญาเช่นนี้ จะเป็นเหตุใกล้ให้ท่านrin52ฯเกิดความคิดที่แยบคาย หรือความฉลาดคิด(โยนิโสมนัสสิการ)เพื่อรับมือกับปัญหาในคราวต่อๆไป


    ระหว่างนี้ท่าน rin52ฯพึงประพฤติอ่อนน้อม แต่ไม่ละความระมัดระวังสังเกตุสภาพการณ์รอบตัวด้วย เมื่อใดหูถูกกระทบด้วยเสียงที่ไม่น่ายินดี ก็พึงนิ่งเเละทำไว้ในใจว่า เสียงนี้เกิดจากเหตุคือความไม่รู้หรือโง่(เพราะไม่รู้จักบาปบุญอะไร) เขาผู้นั้นจะได้รับผลแห่งบาปนั้นด้วยตนเองส่วนเรา มิได้ทำเหตุเสีย ย่อมไม่มีส่วนใดๆกับบาปนั้นเลย แล้ววางใจไว้ด้วยความเฉยเป็นอุเบกขาไม่โกรธให้ใจตนเศร้าหมองต่อไป..ทำบ่อยเข้า จะชำนาญ ในที่สุดก็ละความถือสาในวจีทุจริตของใครๆได้โดยไม่ยาก เพราะตนมีขันติและปัญญา ที่อบรมมาดี และนี่คือบุญที่เกิดขึ้นเป็นปรกติในชีวิตจริง..


    ขอให้โชคดีและปลอดภัยด้วยอานิสงค์แห่งศีลครับ..
     
  18. thuntaro

    thuntaro สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +24
    *******************************************
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...