หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (66)อายุยืนรุ่นพิเศษ


หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (66)
มวลสารที่ใช้ผสมพระผง อายุยืนรุ่นพิเศษ

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ท่านเป็นศิษย์ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ส่วนหนึ่งท่านจึงเรียนการทำผงวิเศษ ดินสอมหาชัย ซึ่งใช้เขียนลบทำผงวิเศษ ๕ ประการ
๑.ผงมหาพุทธคุณ
๒.ผงปถมัง
๓.ผงตรีนิสิงเห
๔.ผงมหาราช
๕.ผงอิทธิเจ

ก่อนอื่น ผม (จักรภพ เจริญรัตน์) ขอขยายความ”ดินสอมหาชัย” เป็นดินสอที่มีส่วนผสมของมวลสารอาถรรพณ์คุลีการ คือ ผงดินขาว น้ำคั้นใบตำลึง ยอดสวาท ยอดกาหลง ยอดรักซ้อน ดินโปร่ง ไคลเสมา ยอดชัยพฤกษ์ ดอกมะลิ ข้าวในบาตร นำทั้งหมดมาสร้างเป็นดินสอมหาชัย ตามตำหรับไสยเวท เพทางคศาสตร์

กล้วยน้ำไทย ยางจากผลมะตูม เกสรบัวสัตตบงกช เกสรดอกไม้ จากเมืองเชียงแสน สุโขทัย กำแพงเพชรกาญจนบุรี ลำพูน เปลือกหอยป่น จนกลายเป็นปูน เปลือกหอย ว่านวิเศษ ๑๐๘ ชนิด ผงทองจากองค์พระนอนวัดโพธิ์ และตะไคร่องค์พระนับร้อย ๆ องค์รอบวัดโพธิ์ ผงธูป จากที่บูชาสมเด็จวัดระฆัง วัดอินทร์ วัดเกศไชโย วัดสะตือ วัดโพธิ์ วัดแจ้ง (วัดอรุณ) วัดบวรนิเวศน์ วัดสระเกศ วัดชนะสงคราม พวงมาลัยดอกมะลิจากที่บูชาพระแก้วมรกต จากวัดระฆังแท่นบูชาของสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) ดอกมะลิจากที่บูชาขององค์สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น) วัดพระเชตุพนฯ พวงมาลัยที่ประชาชนถวายแด่องค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เส้นเกศาหลวงปู่ปี จีวรผืนเก่าของหลวงปู่สี น้ำหมาก ชานหมาก หลวงปู่สี

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ท่านเป็นพระที่สมถะ ถือสันโดษ เคร่งครัด ในพระวินัย แม้ท่านอายุจะมาก ท่านก็คงปฏิบัติวัตรกิจสวดมนต์ค่ำเช้ามดได้ขาด ท่านปฏิบัติจนได้ อภิญญา ๖ ข้อ คือ
๑.อิทธิวิธิ (วิชาที่สามารถแสดงฤทธิ์ได้ )
๒.ทิพโสต (วิชาหูทิพย์)
๓.เจโตปริยญาณ (วิชาสามารถผู้จิตใจผู้อื่น)
๔.ปุพเพนิวาสานุสติญาณ(วิชาระลึกชาติแต่หนหลัง)
๕.ทิพยจักขุ (วิชาตาทิพย์)
๖.อาสวักขยญาณ (วิชาทำอาสวะให้สิ้นไป)

ด้วยอานุภาพของอภิญญานี้การสร้างปลุกเสกเรื่องมงคลของหลวงปู่สี ฉันทสิริ จนเกิดคุณวิเศษนานัปการ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่สี ค่ะ








ติดตามอ่าน...ตลอด ตลอด ค่ะ

 

กราบโมทนา สาธุ แทนหลวงปู่สี ฉันทสิริ

 

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (67) "อสุภะ" ตอนจบ

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (67)
"อสุภะ" ตอนจบ
หลวงปู่สี ฉันทสิริ ท่านเป็นพระที่เคร่งในการปฏิบัติกรรมฐาน อันเป็นเครื่องชำระจิตให้หมดจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง อยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดก็ตามในขบวนการใช้อุบายแยบคาย อบรมบ่มจิตได้ให้รับความสงบจนบังเกิดเป็น สมาธิและฌาน กับอาการอบรมจนให้ดวงจิตบังเกิดปัญญาที่เรียกว่า”วิปัสสนากรรมฐาน” ก็ดี หลวงปู่สี พอใจ ชอบใช้ฝึกจิตในแนวทางเรียกว่า “อสุภะมากกว่าวิธีอี่น “

อสุภะ ตามความหมายก็คือ สิ่งอันเป็นซากของวัตถุ หรือซากร่างปราศจากชีวิตอันไร้ความน่าดู ปราศจากความสวยงาม ตรงข้ามน่าพึงรังเกียจ น่าพึงเบื่อหน่าย ขยะ แขยง สะอิด สะเอียน หลวงปู่สี พอใจใช้การเพ่งอสุภะ เป็นแนวทางการอบรมบ่มจิต ก็เพราะได้คิดว่าเป็นการช่วยให้ตนสามารถมองเห็นชัดด้วยตาและบังเกิดความรู้สึกในใจ ให้คิดสังเวชอย่างซาบซึ้งถึงความจริงในข้อที่ว่า ตนและสรรพสัตว์ เมื่อต้องมีอันเป็นไปบังเกิดเป็นความตาย แล้วก็ต้องมีสภาพน่าอเนจอนาถ ไม่น่าดู ไม่น่ารัก แต่น่าชัง น่ารังเกียจ ทุเรศ อุจาดตา ดังนี้ด้วยกันทั้งนั้น และเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนี้พ้น ซึ่งจากข้อคิดนี้ จะทำให้ดวงจิตแห้งแล้ง หดหู่ ปราศจากความงมงายคิดว่าร่างกายเป็นสิ่งสวยงาม จะได้เป็นเครื่องบรรเทา อัสมิมานะ คือความสำคัญผิด เพ้อเห็นไปว่าร่างกายนั้นหนอ มันเป็นตัวตนของเขาของเราจริงแท้ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่

 

สมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (68) อสุภะ ตอนจบ

สมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (68)
อสุภะ ตอนจบ

ความจริงอันเป็นเพียงอัตตะปราศจากตัวตน เป็นที่รวมอยู่ของธาตุทั้ง ๕ ชั่วครั้ง ชั่วคราว โดยสภาวะปรุงแต่งแวดล้อม ครั้นถึงกาลเวลาก็แตกดับล่วงลับสลายไป ไม่เป็นเขา ไม่เป็นเรา

ดังนั้นจึงไม่บังควรไปหลวงคิดรัก หลงหวงแหน หลวงป้อ ยอ หลวงรับใช้หาของกินรสโอชะ หรือหลวงไหล กดขี่ ขูดรีด คด โกงแย่งชิงสรรพสิ่งจากที่อื่น สิ่งอื่น ไปบำรุงบำเรอมัน เพราะอย่างไร ในที่สุดก็ไม่พ้นเสียเปล่า และสูญสิ้นเปล่า เหมือนชีวิตไม่เคยมีใครรักษามันไว้ได้

หลวงปู่สี ชอบเพ่งมอง อสุภะ คือ รูปเน่าเปื่อย ของศพที่เวลาท่าน ผ่านพบหลวงปู่ท่าน จะเข้าไปนั่งเฝ้าเพ่งมองดูศพคนตาย ไมเลือกว่าจะเป็นศพขึ้นอืดจนเป็นน้ำเหลืองหยด จะมีกลิ่นเหม็น หรือซากศพแห้งเหี่ยวย่น หน้าตา น่าเกลียดเพียงใด

ท่านก็จะเฝ้าจ้องมองเพ่งดูอย่างจริงจัง เพ่งมองให้เป็นภาพติดตาจนจำขึ้นใจว่าศพนั้นท่าทางรูปร่างเป็นอย่างนี้ แห้งเหี่ยวเป็นรอยย่นผิดหน้าตามนุษย์ธรรมดา ยังงั้น ยังงี้ หรือมีน้ำเหลืองหยด เพราะอาการเน่าเปื่อยตรงนั้น ตรงนี้

พร้อมกันนั้น ก็กระทำจิตให้ บังเกิดอารมณ์สังเวช ว่ารูปกายเกิดมาแล้วก็ต้องถึงวาระมีอันเป็นเบียดเบียนให้เจ็บป่วย ถูกทำร้ายหรือยังเกิดอุบัติเหตุเป็นภัยอันตรายถึงตาย ตายแล้วก็มีอาการน่าอเนจอนาถ ต่าง ๆ นานา เป็นเช่นนี้ เสมอไป ร่างกายหนอ ชีวิตหนอ ต่างล้วนเป็นภาพน่าอนาถ น่าสังเวช น่าชิงชัง น่าเบื่อด้วยกันทั้งนั้น เช่นนี้แล

เกี่ยวกับการพิจารณาซากอสุภะของหลวงปู่สี เคยมีผู้สงสัยถามว่า “เมื่อทำดังนี้ และปลงอารมณ์ได้ดังนี้แล้ว จะบังเกิดประโยชน์อะไร “ หลวงปู่สี ให้คำตอบว่า

“ได้ประโยชน์คือ ทำให้ไม่หลง ไหลรักตัวตน ว่าตัวตนของเขา ของเรา มันเป็นแค่ชีวิตกายที่ก่อสร้างรูปขึ้น ได้ด้วยสภาวะแวดล้อม ของธาตุทั้ง ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ เข้ารวมตัวกัน ความคิดเห็นแก่ตนเอง เอาเปรียบเบียดเบียนผู้อื่น จะหย่อนหายไปจากสันดาน โลภ โม โท สัน เป็นเครื่องเหนี่ยวรั้ง ขัดเกลาสันดานจิตใจ ให้ผ่องใสสะอาด “

 

***กราบๆๆหลวงปู่ สี
มารับน้ำมนต์ของหลวงปู่ ครับ ***

 

กราบ หลวงปู่สี ฉันทสิริ พระอริยเจ้า ๗ แผ่นดิน กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม

 

***ขอเวลากระผม ศึกษา ทุกสิ่งทุกอย่าง ของหลวงปู่ สี ก่อนนะครับ ป้าอี้ด***

 

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (69) อสุภะ ตอนจบ



หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (69)
อสุภะ ตอนจบ

หากมนุษย์อันเป็นตัวสมมุตติ ของกายเกิด ไม่หลง นึกแยกประเภท ของกายเกิด ว่านั่น เป็นเขาที่เป็นเรา ดังนี้แล้ว การอยู่ร่วมกันในสังคม บ้านเมือง ตลอดทั่วโลกก็จะมีแต่ความสงบสุข

ไม่ต้องมีการดิ้นรน จองล้างจองผลาญ ย่ำยี ต่อกัน นั่นคือ คำตอบ อันเป็นการไขข้อสงสัย ในกรรมฐานที่ท่านพิจารณาอยู่ทุกเมื่อ

ผู้มีปัญหาได้สร้างทาน บารมี ศีลบารมี สมาธิบารมี จนเป็นผู้มีปัญญา มีจิตเป็นกุศล ย่อมเห็นทุกขเวทนา ในการเกิด การแก่ การเจ็บ การตายเวียนว่าย ตายเกิด ซ้ำซาก ย่อมเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด แสวงหาความพ้นทุกข์ หวังมรรคผล นิพพาน

ส่วนผู้ที่มีอวิชชา ครอบงำ อยู่ย่อมไม่รู้สึก ต่อการละวางกิเลส ตัณหา ยังติดอยู่ในรูป รส กลิ่น เสียง ซึ่งเป็นธรรมดาของโลก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลกรรมของตน ใครทำกรรมใดไว้ จะดี จะชั่วย่อมเป็นไปตามกรรมนั้น
ครับทุกครั้งที่ผม(จักรภพ เจริญรัตน์)ฝันถึงหลวงปู่ ก็จะฝันว่าท่านมาสอนธรรม และเน้นถึงเรื่องบุญกรรม อย่างเช่น หลวงปู่สิม หลวงปู่เย็น ที่ผมเคยไปปฏิบัติธรรมอยู่กับท่าน ท่านจะสอนให้พยายามระลึกนึกถึงความตาย ซึ่งการสอนชองหลวงปู่ทั้งสอง ก็เหมือนกันกับอุบายธรรม ของหลวงปู่สี
วันหนึ่งผมมีเรื่องวุ่นวาย มาก ๆ ผมจึงไปนั่งทำสมาธิอยู่ที่หน้ารูป ของหลวงปู่สีที่ผมขยายใบใหญ่ แขวนไว้ในห้องพระ ในจิตขณะนั้นผมถามหลวงปู่ว่า ทำอย่างไร หลวงปู่ จิตของลูกจึงจะสงบและปฏิบัติอย่างไร จึงจะเป็นทางแห่งความสำเร็จ ในจิตของผมตอนนั้น มีความรู้สึกว่า ให้ผมเพียรพยายาม พิจารณา “อสุภะ” จะเป็นหนทาง แห่งความสำเร็จ.

ขอบพระคุณ จักรภพ เจริญรัตน์ ผู้เขียนประวัติหลวงปู่สี ฉันทสิริ

 

:cool:***กระผมจะรับ อสุภะ เอาไว้เป็นธงชัย หนทาง แห่งความสำเร็จครับ***

 

ประวัติหลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ จบสมบูรณ์



หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านสอนเอาไว้ว่า “ทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมไป เป็นของธรรมดา เช่นเดียวกันกับขันธ์ ๕ และสังขารของหลวงปู่สี ฉันทสิริ ย่อมมีวันสิ้นไป เสื่อมไป เป็นของธรรมดา ไม่ว่า วันนั้น จะมาเร็ว หรือมาช้า เช่นเดียวกันกับชีวประวัติของหลวงปู่สี ฉันทสิริ ลูกศิษย์ ลูกหา อยากเขียนต่อไปนาน ๆ ไม่อยากให้จบ แต่ทุกอย่างก็ไม่พ้นกฎของกรรม

ชีวประวัติ และการนำธรรมะของหลวงปู่สี ฉันทสิริ ซึ่งรวบรวมได้โดยท่าน จักรภพ เจริญรัตน์ ผู้เขียนประวัติ และหนังสือเล่มนี้คงผ่านวิกฤติกาล อุทกภัย น้ำท่วม สภาพ เน่า เปลื่อยเหม็นกลิ่นอับ จากเชื้อรา แต่ด้วยความศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่สี ฉันทสิริ จึงได้พยายามรวบรวมเนื้อหานำกลับมาเผยแพร่ ต่อผู้มีจิต เป็นกุศล จิตที่คิดดี ปรารถนาดี

หากการกระทำของข้าพเจ้าในครั้งนี้ เป็นโทษ ก็ขอรับโทษทั้งหมด แต่หาก เป็นคุณ เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะการให้ธรรมะเป็น ทาน ชนะ การให้ทั้งปวง จะยังบังเกิดเป็นบุญ เป็นกุศล ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลทั้งหลายเหล่านั้น ที่ได้สร้างสมมาดีแล้ว แต่ อดีตตะชาติจนถึงปัจจุบันที่ได้สร้างวิหารทาน สร้างสมเด็จองค์ปฐม ๔ ศอก และปิดทองคำทั้งองค์ บุญกุศลที่ได้กระทำในครั้งนี้ และที่จะได้กระทำต่อไป ในอนาคต ขออุทิศเจาะจงให้กับ

ท่าน จักรภพ เจริญรัตน์ ผู้เขียนประวัติหลวงปู่สี ฉันทสิริ และท่านทั้งหลาย ที่ได้มีโอกาสได้เข้ามาอ่านชีวะประวัติทุกท่าน ขอจง ได้ร่วมโมทนา ร่วมเป็นเจ้าภาพ ร่วมได้รับประโยชน์ ได้รับความสุข เช่นเดียวกันกับที่ข้าพเจ้าจะพึงได้รับ และขออาราธนาดวงจิต ดวงวิญญาณของหลวงปู่สี ฉันทสิริ ได้โปรดประทานพร อันประเสริฐให้กับท่านทั้งหลายด้วย เทอญ สาธุ

 

หน้าสุดท้ายนี่ ทำเอาน้ำตามัน เอ่อท้น และไหลริน ด้วยความอาลัย กราบหลวงปู่สี กราบหนึ่ง กราบ สอง กราบสาม

 

เหรียญเกลียวเชือก (ช่อชัยพฤกษ์) พ.ศ.2519

ทางวัดเขาถ้ำบุญนาคจัดสร้างเนื่องในโอกาสผูกพัทธสีมาโดยให้ท่านพระครูวิศิษฏ์สมโพชฏ์ วัดพระเชตุพนฯ วัดโพธิ์ ท่าเตียน กรุงเทพฯ เป็นผู้จัดสร้าง มีด้วยกัน 2 เนื้อ คือเงิน และเนื้อทองแดง เนื้อเงินมีจำนวน 127 เหรียญ เนื้อทองแดง 5,000 เหรียญ มีทั้งตอกโค้ต ตัว "สุ" และไม่มีโค้ต หลวงปู่สีท่านได้ปลุกเสก และทางวัดก็ยังนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกในพระอุโบสถของวัด มีพระอาจารย์ดัง ๆ อีกหลายรูป

หลวงปู่สี ฉันทสิริ อริยสงฆ์ผู้เป็นเพื่อนสหธรรมิกของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มหาเถระผู้มีอายุยืนนานถึง 128 ปี จนได้ฉายา "อรหันต์ 7 แผ่นดิน" พระอภิญญาจารย์ผู้มีสังขารเป็นอมตะ

เมื่อครั้งที่มีชีวิตอยู่ หลวงปู่ท่านก็ได้แสดงปาฏิหาริย์ให้เป็นที่ประจักษ์แก่มหาชนหลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปโดยวิสัยของพระอภิญญาจารย์ ท่านไม่ได้ตั้งใจจะแสดงให้ใครชม จนกระทั่งถึงกาลมรณะภาพ สังขารของท่านยังได้สร้างปาฏิหาริย์ให้เป็นที่ฮือฮากันอีกครั้ง เมื่อปรากฏว่าสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย และที่น่าประหลาดไปกว่านั้นก็คือสังขารของท่านแทนที่จะมีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนมนุษย์ทั่วไป กลับมีกลิ่นหอมอย่างน่ามหัศจรรย์

กราบหลวงปู่สี ฉันทสิริ พระอริยเจ้า ๗ แผ่นดิน

 

กราบหลวงปู่สี พระอริยเจ้า ๗ แผ่นดิน

 

สาธุ

 

พระปิดตานะมิ หลวงปู่สี

ในปี 2517 พระครูวิศิษฏ์ สมโพธิ์ ได้ขออนุญาติจัดสร้างพระอีก 1 รุ่น คือพระปิดตามนะมิ หรือปิดตามหาลาภ พิมพ์ขัดสมาธิเพชร และพระรอดหลังยันต์ และพระพิมพ์กลีบบัว(เล็บมือ) สูตรการจัดสร้างเหมือนปิดตามัดข้ามต้มปี 2516 พร้อมนำไปให้หลวงปู่สีเมตตาอธิษฐานจิตให้ พระชุดนี้มีขนาดเล็กเหมาะกับเด็กและสตรี หนักไปทางเมตตา มหานิยม มหาลาภ ประสบการณ์มากมายเรียกว่า จิ๋วแต่แจ๋ว

ราคาหลักร้อยแต่พุทธคุณเท่ากับพระหลักหมื่นหลักแสน ปิดตานะมิจิ๋วนี้สร้างเมื่อปี2517 พร้อมกับผงอายุยืนและเหรียญอายุยืน

 

เหรียญรุ่นนี้ หากเล่นหากัน ต้องมีโค๊ตเท่านั้นนะครับ ไม่มีโค๊ต เสริมครับ

 

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ:d:d:d:

 

แจกเรียบ เหลือองค์เดียว แต่สองชิ้นครับอ้ายกูน

 

อนุโมทนาในจิตเมตตาครับท่านมหาพล:d:d:d:d:d:d:d:d