พระเจ้า เป็นสิ่งสมมุติ เกิดจาก อวิชา ความไม่รู้ ตรรกะปราบพระเจ้า และ คำถาม ของ Atheist

1.พระเจ้าเกิดจากความไม่รู้ หลักการมีอยู่ของพระเจ้านอกจาก ไม่มีเหตุผลแล้ว ยังมีเหตุผล ในทางเท็จอีกด้วย เช่น หลักการผู้สร้าง ที่พวกคุณบอกว่า คิดแบบวิทยาศาสตร์ เป็นเพียงการคิดไม่จบ เหมือนคนเดินหาคำตอบ แต่ไม่ถึงจุดหมาย แล้วสรุบเอาเสียก่อน เช่นที่ว่า สิ่งซับซ้อนต้องมีผู้สร้าง ระบบต้องมีผู้วาง แต่พวกคุณเพียงลืมคิดว่า ตัวผู้สร้างเอง ก็มีสติปัญญา มีเจตุจำนง มีความรู้ เท่ากับว่าตัวผู้สร้างเอง ก็เป็นสิ่งซับซ้อน เช่นเดียวกัน หลักการคิด ที่ว่า สิ่งซับซ้อนต้องมีผู้สร้าง จึงเป็นเท็จในตัวเอง

2.ทฤษฏี ทุกอย่างต้องมีผุ้สร้าง ที่พวกคุณ คริสต์ อิสลาม ยิว ปฏิเศษการถือกำเนิดตามกฏธรรมชาติ พิจารณาพระเจ้า ว่ามีชีวิต มีจิตใจ มีสติปัญญาฉลาด มีความซับซ้อน แต่กลับบอกว่าสิ่งที่ซับซ้อนแถมมีจิตใจ จิตวิญญาน เป็นสิ่งที่มีมาแต่เดิมเป็นเวลานานแล้ว อธิบายความซับซ้อนของมนุษย์ต้องมีผู้สร้าง แล้วสิ่งซับซ้อนอย่างพระเจ้าละ ใครสร้าง

3.คนที่เชื่อพระเจ้า เค้าจะบอกว่าธรรมชาติช่างซับซ้อน และไม่น่าจะเกิดขึ้นเองได้ แต่กลับเชื่อว่าพระเจ้าที่ซับซ้อน เป็นสิ่งที่มีมาแต่เดิมมั้ง เกิดขึ้นเองมั้ง มันไม่ผิดหลักการที่ว่า สิ่งซับซ้อนต้องมีผู้สร้าง หรือ

4.สร้างจักรวาล พึ่งพิจารณา ว่าจักรวาล มีลักษณะเป็นพื้นที่ การสร้างจักรวาลเท่ากับ สร้างพื้นที่
นั้นหมายความก่อนสร้าง ต้องมีสภาวะ ไร้พื้นที่ หรือ สภาวะพื้นที่จำกัด แต่ สภาวะเช่นนี้ กลับไม่มีจริง ความว่างเปล่าก็คือพื้นที่ สะสารเพียงน้อยนิด เช่น ขี้มดก็ถือเป็นพื้นที่ คำว่าสร้างจักรวาลจึงมีเหตุผล เป็นเท็จ

5..จักวาล คือ อณาเขตกว้างใหญ่ ไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อไร้ขอบเขตย่อมมีธรรมชาติในตัวมันเอง ถ้ามีพระเจ้าจะต้องอยู่ในจักวาลเท่านั้นและ เป็นไปตามธรรมชาติของจักวาล พระเจ้าจะอยู่นอกจักรวาล และสร้างจักรวาลย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะมันไร้ขอบเขต ดังนั้นธรรมชาติแห่งจักรวาล คือ ผู้สร้างทุกอย่าง ซึ่งหมายความว่าพระเจ้าไม่มีจริง ถ้ามีจริงตอนสร้างจักรวาล พระเจ้า อยุ่ไหน

6.ไม่ว่า จักรวาล ที่มนุษย์ จะสามารถกำหนด ขอบเขต ไว้กว้างแค่ไหนก็ตาม
แต่ในความเป็นจริงของ ธรรมชาติ บอกเราไว้ถึงสภาวะ ไม่สิ้นสุดแห่งขอบเขต
ความว่างเปล่า ก็เป็นพื้นที่ สะสาร ก็ คือพื้นที่ สภาวะ พื้นที่จำกัด หรือสภาวะไร้พื้นที่ จึง เป็นสิ่งที่ไม่มี

7.ลักษณะของสิ่งที่เป็นอนันต์ ในการสร้าง จะเป็นสิ่งที่มีจิตใจไม่ได้
สิ่งที่เป็นอนันต์เช่น อวกาศ ไม่มีที่สิ้นสุด และ เวลาไม่มีจุดเริ่ม ไม่มีจุดจบ สิ่งที่เป็นอนันต์ จะไม่มีจิตใจ สิ่งที่มีจิตใจ ไม่เป็นอนันต์

8.พระเจ้าอยู่เหนือกฏ ธรรมชาติ เป็นการสร้างภาพพจน์ของพระเจ้า ให้อยู่เหนือเหตุผลทั้งปวง
แต่ในทางเดียวกัน เหนือเหตุผล ไม่ต้องการเหตุผล = ไร้เหตุผล ซึ่ง เป็นสิ่งหน้าแปลก สิ่งไร้เหตุผล กลับมาสร้าง สิ่งมีเหตุผล และสิ่งที่มีเหตุผล กลับต้องเชื่อสิ่งไร้เหตุผล ถ้าตามหลักเหตุผลแล้ว สิ่งไร้เหตุผล ถื่อเป็นสิ่งไม่มีจริง

9.ธรรมชาติ คืออะไร ธรรมชาติ คือ กฏ มีลักษณะ ที่เรียนรู้ได้ คือเหตุ และผล คือความเป็นจริง
วิทยาศาสตร์จึงเกิดขึ้นเพื่อเรียนรู้ สิ่งนี้ ที่ว่าสรรพสิ่ง เกิดขึ้นตามธรรมชาิ คือเกิด จากกฏเหตุผลและความเป็นจริง
พระเจ้าคือ อะไร คือสิ่ง ที่ไม่มีเหตุผล ไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีกฏ สิ่งนี้ ไม่สามารถเป็นจริงได้ในโลกแห่งความเป็นจริง แต่ในจินตนาการเป็นได้ มีเหตุผลตรงไหนที่ ไปจบที่พระเจ้า

10.พระเจ้าเป็นจริงได้เพียงในจินตนาการเท่านั้น หลักของความเป็นจริง ในโลกแห่งความเป็นจริง คือ1.เหตุผล เป็นสิ่งที่ทำให้เรารับรู้และรู้จักมัน ในลักษณะของความเป็นไป 2.กฏ ทำให้เรารับรู้ได้ว่าอะไรเป็นไร แสดงถึงการมีอยู่ แม้เวลา ไม่มีตัวตนแต่เราก็มีกฏที่รับรู้มันได้ แต่ลักษณะของพระเจ้า ไร้กฏ ไร้เหตุผล เป็นเพียงการสร้างภาพให้ยิ่งใหญ่ว่าจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งในโลกความเป็นจริงธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นหลักฐาน ของการมีอยู่ สภาว่ะความเป็นจริง คือการมีกฏเกณท์

11.ธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นหลักฐาน ของการมีอยู่ สภาว่ะความเป็นจริง คือการมี กฏเกณท์
ถึงเราจะไม่ได้รู้ ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ไม่ได้หมายความว่าธรรมชาติไม่มี หลักฐาน เพราะ ธรรมชาติ คือหลักฐาน และ เหตุผล คือ กฏ และความเป็นไป วิทยาศาสตร์ จึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อศึกษามัน
ซึ่งในธรรมชาติและ ความเป็นจริง บอกเราว่าทุกอย่าต้อง มีเหตุผล และกฏเกณท์ ซึ่งพระเจ้า ไม่มีเหตุผล ไม่มีกฏเกณท์ เป็นการสร้างสภาว่ะให้ดูยิ่งใหญ่ แต่ขณะเดียวกันกลับ ขัดแย้ง ที่จะอยู่ในสภาวะ ความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง

12.ถ้าพระเจ้ามีจริง และทรงเมตตากรุณาปราณี ทำไมถึงสร้าง ระบบนิเวศ ระบบชีวิตที่โหดร้าย ฆ่ากัน กินกันสดๆ ให้ดำรงการมีชีวิตอยุ่ ด้วย ความเห็นแก่ตัว นี้ละมันแสดงการเกิดขึ้นตามกฏธรรมชาติ ที่ไม่มีจิตใจ และเมตตา แค่เป็นไปตามกฏเท่านั้น จิงเป็นเช่นนี้ และแสดงถึงการไม่มีพระเจ้าอีกด้วย

13.หากพระผู้สร้างมีจริง และมีความเมตตา เหตุใดจึงมีความพิการเกิดขึ้นในโลก

14.หากพระผู้สร้างมีจริงและมีเมตตา เหตุใด จึงสร้างให้ชีวิต ดำรงค์อยุ่ได้ด้วยการต่อชีวิต ในธรรมชาติมีการฆ่ากันที่โหดร้าย

15.หากพระผู้สร้างมีจริง เหตุใดจึงมีคนผิดเพศ และบรรยัท ให้การผิดเพศเป็นบาป (การผิดเพศทางใจ เกิดจากความผิดปรกติทางสมอง)

16.หากพระผู้สร้างมีจริง เหตุ ใดยามที่ลูกๆของท่านทะเลาะกัน ในสงครามครูเสต ท่านจึงไม่ลงมาห้าม

17.หลักความบังเอิญ ไม่มีจริง แต่แท้จริง แล้วความบังเอิญ เป็นเรื่องธรรมดา ที่มีอยุ่จริง เป็นเปอเช็น เช่น คุณขว้างไข่ไปท่ามกลาง ผู้คน เปอเช็นที่จะโดน ชาย โดนหญิง มันก็เกิดขึ้นแล้ว
การมีอยู่ของเรา เป็นเพียงแค่ เปอเช็นความบังเอิญ ในนับล้าน หรือสิบล้าน ตามหลักกลศาสตร์ ควอตัม หลังจากการเกิดบิ๊กแบง นี้เป็นคำตอบว่า ทำไม ถึงไม่มี มนุษย์ หรือดาวเพื่อนบ้าน

18.เรื่องแปลก อีกประการ หนึ่งของ อดัมกับอีฟ คือการที่มนุษย์ มีหลายเผ่าพันธุ์บนโลกนี้
เป็นไปได้หรือ ที่ คนแอฟริกา กับ คนญี่ปุ่น มีบรรพบุรุษ มาจาก ชายหญิงคู่เดียวกัน ?

19.ไซฎอน และ ญิน เป็นเพียง สิ่งที่สร้างไว้ เพื่อกันคน ออกจากศาสนา เช่น เจอหมอดูแม่น ก็บอกว่า ไซฎอน กัน ไม่ให้คนเชื่อเรื่องโชคชะตา เรื่องกรรม คนระลึกชาติ ก็บอกว่า ไซฏอน ผีเข้าก็บอกว่า ญิน แต่ถามว่า หากพระเจ้ามีจริง และการเวียนว่าย ตายเกิด ไม่มีจริง เวรกรรมไม่มีจริง จะมีความยุติธรรมต่อ โลก และสรรพสัตว์ได้อย่างไร ?
หากผึ้งตัว หนึ่งถามพระเจ้าว่า เหตุใด พระเจ้าถึงสร้าง ให้สรรพสัตว์ ไม่เท่าเทียมกัน ทำไมมนุษย์สุขสบาย ทำไมสัตว์อื่นเกิดมาเพื่อทำงานหนัก เกิดมาเพื่อเป็นอาหารบ้าง เกิดมาแล้ว ถูกมนุษย์เบียดเบียนบ้าง ลำบากบ้าง ความเป็นธรรมอยู่ที่ไหนละ ท่านพระเจ้าผู้เมตตา ?

----ลงท้าย---- จักรวาลและธรรมชาติ มีอยุ่แต่เดิมแล้ว กฎของธรรมชาติ สามารถอธิบายเรื่องต่างๆได้ เพียงแต่เรา เคยถามตัวเองบ้างไหมว่ารู้จัก กฏธรรมชาติหมดหรือยัง?
คำว่าถูก สร้าง ตรรกะข้อนี้ เริมจากการเปรียบเทียบ เพื่อหาเหตุผล พาลไปจับเอาว่า สิ่งรอบข้างถูกเราสร้างหมด เลยพาลไปว่า ตัวเราถูกสร้างไปด้วย
แล้วพระเจ้าตอบคำถามเหล่านี้ได้หรือไม่?

หลายอย่างเกิดจาก ความผิดปรกติ ของธรรมชาติ ความผิดปรกติ ของธรรมชาติจะมีได้อย่างไร หากเรามีผู้สร้างที่มีความคิด

บางอย่างเกิดจากความละเลย พระเจ้าผู้เมตาตาเหตุใดละเลย ให้คนโต้แยง เข้าใจผิด และทะเลาะกัน ฆ่ากัน

หลักฐานการมีอยู่ ของพระเจ้าเป็นเพราะเราไปทึกทักเอาเอง ว่า ธรรมชาติ และ ความเป็นระเบียบ ถูกสร้างโดยพระเจ้า เพียงเพื่อสนับสนุนแนวคิด
เพียงเพื่อหาเหตุผล สนองการขยายศาสนา หลายสิ่งหลายอย่าง เราสามารถ เปรียบเทียบ ได้เพื่อหาเหตุผล เพียงแต่เรา ลืมดู(ความเหมาะสม)
จริงอยู่ที่ธรรมชาติ มีหลายชนิด และ หลายรูปแบบ แต่เพียงในตัวมันเอง 1อย่างนั้นไม่ได้ซับซ้อนเลย

ถ้าจะถามว่า อภิมหาซุปเปอร์ คอมพิวเตอร์ อย่างพระเจ้า กับ ก้อนหินที่ ล่องลอยในจักรวาล อะไร น่าจะเป็นสิ่งที่ มีมาแต่เดิมมากกว่ากัน
ธรรมชาติมีหลายอย่าง แต่ถึงอย่างไร ก็ยังไร้ระเบียบ กว่า ตัวพระเจ้า
มนุษย์สร้างพระเจ้า ให้เป็นพระเจ้าของมนุษย์ กลัวการเวียนว่ายตายเกิด กลัวกรรม ก็สร้างความคิดนิยม ว่าอยู่ศาสนานี้แล้วขึ้นสวรรค์ อยู่ศาสนานั้นแล้วขึ้นสวรรค์ คนนอกศาสนา ตกนรกหมด หลงลืมไปหรือไม่ ว่าเราไม่ได้เป็นสัตว์ ชนิดเดียวในโลก ถ้าไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด จะเอาอะไร มาเรียกว่าความยุติธรรม

 

อันนี้ผมเห็นด้วยเรื่องสิ่งทั้งหลายทั้งปวงมันเกี่ยวเนื่องกันครับ นั้นคือธรรมชาติของๆมันมันเกี่ยวเนื่องกันไปเองของมันจะมีมนุษย์อยู่หรือไม่ก็ตามมันก็จะดำเนินไปตามเรื่องตามราวของมัน
ผมว่าเรื่องที่เราเริ่มเปรียบเทียบกับผู้อื่นอยู่มันอาจทำให้ผิดใจกันก็เป็นได้นะครับ
ตอนที่ภิกษุที่บวชโดยพระพุทธเจ้าเองประมาณ 50 รูปไปเผยแผ่พระศาสนา ท่านก็กำชับว่ามิให้ไปว่ากล่าวผู้ใด มิให้ว่าของเราดีกว่าใคร เพราะมันไม่ดี พุทธศาสนามิได้เผยแผ่ปรัชญาแข่งเอามหาชนกับใคร เราสอนให้ละสิ่งต่างๆ การเอามหาชนจึงไม่ใช่เป้าหมาย เป้าหมายคือการละการวางให้ได้

ผมเกรงว่าถ้าคนที่เขาอคติมาเจอเขาอาจนำไปพูดได้ว่าชาวพุทธมองว่าเขางมงาย หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ มันจะผิดใจกันในเบื้องหน้าต่อไปครับ การเผยแผ่ศาสนาที่ว่าเอาข้อเสียของคนอื่นมาอ้าง แล้วเอาข้อดีของตนถม(ยกตนข่มท่าน)มันไม่ประเสริฐเลยนะ

แต่ว่าผมยังเห็นด้วยกับเรื่องที่ธรรมชาติมันเกิดของมัน มันมีลักษณะเกี่ยวเนื่องกันไปกันมาเหมือนต้นข้าวกับเมล็ดข้าว ต้นข้าวย่อมเกิดมาจากเมล็ด เช่นกันเมล็ดย่อมเกิดมาจากต้นข้าว มาเป็นอย่างนี้มานานจนไม่มีใครทราบได้ ท่านเรียกว่ามันเกี่ยวเนื่องกัน เพราะสิ่งหนึ่งย่อมอาศัยสิ่งหนึ่งจึงมีอยู่ได้ และสิ่งนั้นย่อมอาศัยสิ่งที่ว่ามาก็จึงจะมีอยู่ได้ เหมือนวัฏจักรวงกลม เกี่ยวเนื่องวนเวียนกันไปมาไม่มีสิ้นสุด

 

เ่อ่อ...เ่อ่อ ท่านครับ ท่านลืมไปแล้วครับว่า ศาสนาเอาวิทยาศาสตร์มาวัดไม่ได้
อย่างนี้ตั้งแต่ อนุบาลยันมหาลัย เรียนวิชาวิทยาศาตร์อย่างดีเลยดีไหม
คณิตศาสตร์ ภาษา สังคม ประวัติ พละ สุข ดนตรี ศิลปะ บัญชี ฯลฯ ไม่ต้องเรียนเรียนวิทยาศาสตร์อย่างเดียวดีไหม เพราะวิทยาศาสตร์อธิบายได้ทุกอย่างว่าไหม

ผมพุทธ นะ แต่ผมจะไม่คิดเฟ้อเจ้อกับศาสนาอื่น คือศาสนาอื่นใครจะว่าไงช่าง แ ม่ ง ไม่ถือเอามาคิดจนเกิดทุกข์ เราเดินตามทางอริยมรรค จบ

 

ก็เป็นตรรกะที่น่าสนใจทีเดียวครับ แต่ก็ชวนคนมาโต้แย้งยิ่งนัก ถกกันก็ได้ประโยชน์ดีนะ

 

"โลกนี้มีแต่สมมุติทุกสิ่งทุกอย่างล้วนว่างเปล่า , เกิดอีกก็ทุกข์อีก , จะออกจากโลกสมมุตินี้ได้อย่างไร...ออกจากมันได้ถ้าจิตของเธอต้องการ..., จงเบื่อหน่ายการเรียนรู้รีบกลับสู่แดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรกันเถอะลูก" พระดำรัสจากสมเด็จพ่อองค์ปฐม ผ่านท่าน ช. จากหนังสือนิพพานชาตินี้กันเถอะ. และเวปแดนทิพย์.คอม

 

สงสัยจะไม่มีศาสนา เหมือนเพื่อนชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งมันบอกว่าเกิดมาก็เจอแต่เทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์รอบตัวมันเลยไม่ได้นับถืออะไร รู้แต่ว่าเทคโนโลยีอันไหนดีมันก็แคร์เทคโนโลยีนั้น แต่ก็ดีไปอย่างเพราะมันรู้ลึกรู้จริง เงินเดือนมันก็สูงดี....ดีในแง่การดำรงค์ชีวิต แบบไม่ต้องดิ้นรนมากก็มีกินมีใช้ แต่มันไม่เคยก้าวก่ายศาสนาใด เพราะมันบอกว่า ก่อนจะวิจารณ์สิ่งใดต้องเรียนรู้สิ่งที่จะวิจารณ์นั้นๆ ให้ถ่องแท้เสียก่อน เพราะหลังจากที่วิจารณ์ไปแล้ว...ถูกหรือผิดไม่สามารถแก้ไขหรือย้อนกาลเวลาได้

 

ผมก็ไม่เชื่อพระเจ้า มีจริง แต่ผมเชื่อพระพุทธเจ้า สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนไม่มีอันไหนทําให้แตกแยก มีแต่ บําบัดทุกข์บํารุงสุข จริงๆ (ศีล5 ง่ายๆ)

เพราะคิดว่าพระเจ้า นั้นถ้าสร้างทุกอย่าง แล้วใครสร้างพระเจ้า