เกจิอาจารย์จังหวัดอุบลฯ และบูรพาจารย์สายสมเด็จลุน+สายกรรมฐาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คนชอบพระ, 24 ตุลาคม 2012.

  1. บ่หัวซา

    บ่หัวซา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +58
    เคยเรียนถามหลวงปู่แล้วครับ เเต่ผมทำบันทึกหายไปยังไงถ้าเจอจะนำมาเผยแพร่ให้ได้รู้กันครับ ลป คล้าย เป็นศิษย์เอกของหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ ที่ได้รับการประสิทธิ์ประสาทวิชาเเขนงต่างๆจากหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์มากที่สุดครับ

    มาชมวัตถุมงคลของหลวงปู่ฤทธิกันบ้างครับ

    วัตถุมงคลของหลวงปู่นั้นที่เป็นเหรียญมีด้วยกัน ๓ รุ่น ดังนี้ครับ
    ๑.เหรียญรุ่นแรก
    เหรียญรุ่นแรกนั้นเป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก สามารถแยกออกเป็นบล็อกได้ด้วยกัน ๓ บล็อก ดังนี้
    ๑.๑ เหรียญรุ่นแรกบล็อกธรรมดา กล่าวคือ จะไม่มีขีดตรง ย กับ ตัว ค
    ๑.๒ เหรียญรุ่นแรกบล็อก ย.มีขีด กล่าวคือ ตรงคำว่า "พิริยคุณ?.ให้สังเกตจะมีเส้นขีดเป็นนูนเฉียง ๔๕ องศา ขึ้น ระหว่าง ย. ไปหา ค. ครับ บล็อกนี้ก็หายากครับไม่ค่อยมีออกมาให้เห็นกันเป็นส่วนใหญ่ ถ้าออกมาก็เปิดกันในราคาสูงครับ
    ๑.๓ เหรียญรุ่นแรกบล็อก ย.มีขีด มีโค๊ตจักร กล่าวคือ บล็อกนี้จะหายากที่สุดครับ มีขีดเชื่อมระหว่าง ย และ ค ตรงคำว่า พิริยคุณ ย/ค เหมือนกันกับบล็อก ย.มีขีด แต่มีความพิเศษ คือ บล็อกนี้จะตอกโค๊ตกงจักร บนบ่าขวา และมีเพียง 500 เหรียญครับ?เพิ่มเติมโค๊ตกงจักรจะคล้ายกันกับเหรียญรุ่นสองของหลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ครับ?
    จำนวนการสร้างเหรียญรุ่นนี้ประมาณ ๓,๐๐๐ ถึง ๔,๐๐๐ เหรียญครับ และเหรียญรุ่นแรกนี้มีเพียงเนื้อเดียวคือ เนื้อทองแดง ครับ ราคาการเช่าหากันอยู่ที่สภาพของเหรียญและบล็อกด้วยครับ กล่าวได้ดังนี้
    ๑. บล็อกธรรม สภาพสวย ๆ ราคาประมาณ หลักร้อยปลาย ๆ ถึงพันกว่าบาท
    ๒. บล็อก ย ขีด สภาพสวย ๆ ราคาประมาณ หลักพันกว่าบาทถึงสองพันกว่าบาท
    ๓. บล็อก ย ขีด ตอกโค๊ต นิยมสุด เหรียญโค๊ตไม่เต็ม สภาพพอสวยถึงสวย ราคาประมาณ สองพันกว่าถึงสามพันกว่าบาท
    เหรียญโค๊ตเต็ม สภาพสวยหลักพันกลางๆขึ้นไป ราคาที่กล่าวมานี้ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาพระเครื่องของท่านครับ
    ๒. เหรียญรุ่นสอง กล่าวคือ เป็นเหรียญที่หายากเช่นกันครับ เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญที่สร้างแจกทหารครับ จำนวนการสร้างประมาณ ๑๐,๐๐๐ เหรียญ แต่ผู้ที่สร้างนั้นได้มาขออนุญาตหลวงปู่ไปสร้างแล้วนำเหรียญรุ่นนี้มาให้หลวงปู่ปลุกเสกครับ เมื่อหลวงปู่ปลุกเสกเรียบร้อยแล้ว ก็ถวายหลวงปู่แค่ ๑,๐๐๐ เหรียญน่าจะได้ครับและหลวงปู่ฤทธิ์ได้ให้หลวงปู่บู่ผู้เป็นหลานตอกโค๊ตไว้ทุกเหรียญ ดังนี้เหรียญรุ่นนี้ที่ตอกโค๊ตคือเหรียญที่ได้รับจากหลวงปู่ฤทธิ์ทั้งหมด เหรียญรุ่นนี้ราคาเล่นหาอยู่กันแยกออกได้ ๒ แบบ ดังนี้ ตอกโค๊ต ราคาประมาณ หลักร้อยปลาย ๆ ถึง พันต้น ๆ ส่วน ไม่ตอกโค๊ต ราคาประมาณ หลักร้อยกลาง ๆ ครับ ราคาที่กล่าวมานี้ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาพระเครื่องของท่านครับ

    ๓. เหรียญรุ่นสาม กล่าวคือ เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญที่หายากที่สุดของบรรดาเหรียญของหลวงปู่ครับ เหรียญรุ่นนี้จำนวนการสร้างน้อยมากครับประมาณ ๒,๐๐๐ เหรียญหาจะได้ครับ โยมบ้านเป้าเป็นผู้สร้างเหรียญรุ่นนี้ เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วถวายหลวงปู่ประมาณ ๒๐๐ เหรียญ ราคาเช่าหาเหรียญรุ่นนี้อยู่ประมาณ หลักพันกว่าบาท ครับ
    ### สุดท้าย ท้ายสุดนี้ เหรียญรุ่นแรกที่ไม่ทันหลวงปู่ ?เรียกง่าย ๆ ก็คือ บล็อกเสริมหรือบล็อกขี้กรากครับ? กล่าวคือ ให้สังเกตจะมีกรากตรงบ่าทางด้านขวาของเหรียญ ด้านหลังเหรียญจะมีรอยราวจากขอบเหรียญไปหากึ่งกางเหรียญครับ จุดสังเกตง่าย ๆ อีกย่างหนึ่งคือเหรียญจะบางกว่าเหรียญรุ่นแรกที่ทันท่านครับ
    ## ถึงแม้ว่าเหรียญรุ่นแรกบล็อกนี้ไม่ทันหลวงปู่ปลุกเสกก็ตามแต่ก็มีครูบาอาจารย์ปลุกเสกด้วยนะครับ เหรียญรุ่นแรกนี้จะทันท่านหรือไม่ทันท่านปลุกเสกก็ตาม พุทธคุณเท่ากันครับ ##


    มาชมเหรียญรุ่นแรกบล็อคนิยมสุดกันบ้างครับ จำนวนเหรียญที่ตอกโค๊ตมีเพียง 500 เหรียญ และเหรียญส่วนใหญ่โค๊ตก็จะตอกไม่ได้เต็มแบบนี้ครับ ดังนั้นเหรียญแบบนีจึงหายากที่สุดครับ นับว่าเป็นเหรียญประสบการณ์ที่ล่ำลือกันมานาน ส่วนบล็อคธรรมดา ยังพอพบเห็นได้ง่ายกว่าครับ
    [​IMG]
    [​IMG]

    เหรียญรุ่น2 ตอกโค๊ต
    [​IMG]
    [​IMG]

    เหรียญรุ่น3 หายาก
    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2012
  2. โบโน

    โบโน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +73



    เหรียญอาจารย์ตู๋กะหลั่ยทอง

    ปัจจุบัน ยังไม่พบเห็นเหรียญปลอมครับ

    อาจเพราะยังไม่มีเหรียญแชมป์ๆให้ได้ถอดพิมพ์

    สภาพพอใช้ หมื่นต้น

    สภาพสวย หมื่นกลางถึงปลาย

    ส่วนสภาพแชมป์ๆ ไม่ปรากฏการซื้อขายในทำเนียบครับ

    หากมีข้อมูลจะนำมาแจ้งให้ทราบอีกที่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2012
  3. ขัมภรัตน์

    ขัมภรัตน์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +14
    สวัดดีครับทุกท่าน มาปูเสื่อรอความรู้ครับ:cool:
     
  4. เจียมbody

    เจียมbody เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +188
    :cool::cool:........................
     
  5. คนชอบพระ

    คนชอบพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,017
    ค่าพลัง:
    +924
    ท่านบ่หัวซา ยกเว้นเบญจภาคีเหรียญ ตอนนี้สายอุบลฯที่กำลังแรง คือ หลวงปู่มั่น ทัตโต กับ หลวงพ่อใหญ่ วัดพิช ใช่ไหม?
     
  6. คนชอบพระ

    คนชอบพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,017
    ค่าพลัง:
    +924
    หลวงปู่เพ็ง วัดปทุมมาลัย วัดท่านอยู่หน้าโรงเรียนอุบลวิทยาคม
    เป็นอีกหนึ่งลูกศิษย์ของหลวงปู่กัมมัฏฐานแพง ที่แม้แต่คนอุบลฯ ยังไม่รู้จัก
    จึงเอามาลงไว้ เพื่อไม่ให้ลืมกัน
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Scan350.jpg
      Scan350.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.4 KB
      เปิดดู:
      2,613
    • Scan351.jpg
      Scan351.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.1 KB
      เปิดดู:
      2,586
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2012
  7. พยัคฆ์ดำ

    พยัคฆ์ดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2012
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +104

    สุดยอดเลยครับท่าน:cool:
     
  8. คนชอบพระ

    คนชอบพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,017
    ค่าพลัง:
    +924
    ไปอ่านข้อมูลเล็กๆน้อยๆ ได้เว็บอุบลพระครับ ประวัติเต็มของท่านยังไม่มี ข้อมูลที่ได้ ได้มาจากหลวงปู่อ่อง วัดสิงหาญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2012
  9. บ่หัวซา

    บ่หัวซา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +58
    ท่านเป็นพระดีศรีอุบล ที่คนอุบลแท้ๆกลับไม่ค่อยรู้จักท่านครับ
     
  10. บ่หัวซา

    บ่หัวซา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +58
    มาต่อกันกับศิษย์เอกชั้นแถวหน้ารุ่นที่สองครับ
    หลวงปู่ญาท่านภูมภิบาล วัดสว่างอารมณ์ บ้านกองโพน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี ครับ

    [​IMG]
     
  11. บ่หัวซา

    บ่หัวซา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +58
    หลวงพ่อพระครูภูมาภิบาล วัดสว่างอารมณ์ บ้านกองโพน อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ชาตะ-มรณะ(2444-2527)ศิษย์รุ่นสุดท้ายที่ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาจากพระอาจารย์ใหญ่สำเร็จลุน โดยการดูแลของศิษย์รุ่นพี่คือหลวงปู่ญาท่านตู๋ และหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง ท่านเป็นศิษย์แห่งสำเร็จลุนรุ่นสุดท้ายรุ่นเดียวกับ หลวงปู่ญาท่านโทน หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ หลวงปู่ญาท่านทอง วัดหัวเรือ หลวงปู่ญาท่านบุตร วัดสำราญวราราม และองค์อื่นๆอีกมากมายครับ ซึ่งถึงเวลาแล้วที่จะประกาศกิตติคุณของหลวงพ่อพระครูภูมาภิบาล หรือหลวงปู่ญาท่านภู ให้พุทธศาสนิกชนได้รับรู้กัน

    ประวัติของท่านพระครูภูมาภิบาล ไม่มีผู้ใดบันทึกไว้เลย เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์รูปปัจจุบัน ท่านก็ทราบเพียงเล็กน้อย อันนี้เป็นคำบอกเล่าจากท่านผู้เฒ่าท่านหนึ่งซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐากท่านเมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ พอสังเขปดังนี้
    นามเดิมของท่าน ชื่อว่า ภู นามสกุล ทาทอง เกิดที่บ้านกระเดียน ตำบลกระเดียน อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลฯ
    เกิด พ.ศ.2444 (ข้อมูลยืนยันจากผู้เฒ่าท่านหนึ่งที่เกิดพร้อมกับท่าน) ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่ยังเล็ก ที่วัดบ้านกระเดียน ผู้ที่บรรพชาให้ยังไม่ทราบแน่ชัด สันนิษฐานว่าเป็นพระอาจารย์ตู๋ แล้วศึกษาเล่าเรียนเช่นผู้ชายสมัยก่อน ที่จะต้องบวชเรียน ชีวิตของท่านไม่เคยสึกจากเพศบรรพชิตเลย คือบวชตลอดอายุขัย ครอบครัวของท่านได้อพยพจากบ้านกระเดียนมากตั้งหลักปักฐานที่บ้านกองโพน อำเภอเขมราฐ ท่านจึงตามมาอยู่ที่วัดบ้านกองโพน(ในสมัยนั้นยังไม่ได้วิสุงคามสีมา) ผู้เฒ่าเล่าให้ฟังว่า ครั้นเมื่อปี พ.ศ. 2464 ท่านก็ได้เดินทางไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่อำเภอตระการพืชผล พระอุปัชฌาย์และพระกรรมวาจาจารย์ยังไม่ทราบแน่ชัด สันนิษฐานว่าไปบวชกับครูบาอาจารย์ที่เลื่องชื่อในตำบลกระเดียนนั่นเอง จากนั้นก็กลับมาจำพรรษาที่วัดสว่างอารมณ์เรื่อยมา
    ท่านศึกษาที่ไหน กับอาจารย์ท่านใด ยังไม่ทราบข้อมูล ทราบเพียงคร่าวๆ ว่าท่านได้เดินทางไปศึกษาวิชากับพระอาจารย์ใหญ่สำเร็จลุน แห่งนครจำปาสัก ประเทศลาว อยู่นานพอสมควร ท่านจึงได้เดินทางกลับมาจำพรรษาที่บ้านกองโพน อ.เขมราฐ และท่านยังพัฒนาวัดบ้านกองโพนจนได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเป็นวัดสว่างอารมณ์ เมื่อพ.ศ.2474 และอยู่ที่นั่นจวบจนวาระสุดท้ายของท่าน
    ท่านมรณะภาพ เมื่อ พ.ศ.2527 สิริรวมอายุได้ 83 ปี 63 พรรษา
    ชื่อเสียงของท่านไม่มีบันทึกไว้ให้อ่าน มีแต่ตำนานที่ผู้เฒ่ารุ่นเดียวกับท่านได้เล่าขานให้ฟังว่า สมัยนั้นดอนตาล ชานุมาน เขมราฐ ของประเทศไทย เป็นพื้นที่สีชมพู คือพื้นที่ของกลุ่มผู้มีอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ อีกทั้งฝั่งประเทศลาวก็เกิดการต่อสู้แย่งชิงอำนาจภายในประเทศระหว่างลาวขาวกับลาวแดง เหรียญรุ่นแรกของท่านจึงเป็นที่ต้องการและท่านก็เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ลักษณะเป็นรูปพัดยศ หรือ กงจักร หรือ ดอกทานตะวัน แล้วแต่จะเรียกกันครับ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2516ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นยันต์ห้า ระบุ พ.ศ2516 และ วัดสว่างอารมณ์ เท่าที่พบเห็น มี 2 เนื้อ คือเนื้อฝาบาตรกะหลั่ยทอง และเนื้อทองแดงรมมันปูครับ เป็นเหรียญที่ทรงไว้ด้วยพุทธคุณอย่างเปี่ยมล้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านคงกระพันเป็นที่ประจักษ์

    [​IMG]
     
  12. บ่หัวซา

    บ่หัวซา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +58
    เหรียญรุ่นแรกเนื้อฝาบาตรกะหลั่ยทอง พบเจอได้ยากมาก
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  13. บ่หัวซา

    บ่หัวซา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +58
    มาต่อด้วยเหรียญรุ่นที่2ครับ เหรียญลงยาหลวงปู่ภูมาภิบาล รุ่นพิเศษ ปี 2521 สร้างน้อย หายากมาก เนื้อทองเหลือง ขนาดประมาณเท่าเหรียญ2บาท สร้างก่อนเหรียญเสมา ปี2521
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  14. บ่หัวซา

    บ่หัวซา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +58
    มาต่อด้วยเหรียญรุ่นสุดท้าย หรือรุ่นที่3 ครับ
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  15. บ่หัวซา

    บ่หัวซา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +58
    มาต่อด้วยอีกหนึ่งสุดยอดของขลังของหลวงปู่ครับ
    พระปิดตาหลวงปู่ภูมาภิบาล วัดสว่างอารมณ์ บ้านกองโพน อ.เขมราฐ(ปัจจุบันเป็น อ.นาตาล) จ.อุบลราชธานี

    หายากสุดๆ สร้างน้อยมาก เนื้อตะกั่วหล่อโบราณ หลังยันต์ห้า ด้านล่างมีคำว่า "ภูมาภิบาล"
    มีรอยจารของหลวงปู่ ตัวธรรมสายสำเร็จลุน สุดclassic ขนาดองค์พระเท่าปลายนิ้วชี้ ต้องขอขอบคุณท่านเจ้าของพระ อ.ปราโมทย์ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    ยังมีอีกหนึ่งสุดยอดของขลังที่พื้นที่ตามหากันนักนั่นคือ ตะกรุดของหลวงปู่ ครับ หากใครมีช่วยเเจ้งด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2012
  16. vasan

    vasan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +1,637
    พระปิดตาสวยมาก ครับ ท่านประธาน
     
  17. คนชอบพระ

    คนชอบพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,017
    ค่าพลัง:
    +924
    ปิดตาองค์นี้สุดยอด จี๊ดโดนใจเลยครับ
     
  18. พยัคฆ์ดำ

    พยัคฆ์ดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2012
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +104
    พระปิดตาหลวงปู่ภูมาภิบาล สวยงามมากครับ:cool:
     
  19. โบโน

    โบโน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +73
    ประวัติญาถ่านแสง


    [​IMG]

    ญาท่านแสง อานันโท พระอรหันต์แห่งบ้านหนองผือผู้ย่อแผ่นดินได้ ญาท่านแสงท่านเกิดเมื่อ พ.ศ.2430 ที่บ้านหนองไหล จังหวัดอุบลราชธานี (บ้านเดียวกันกับท่าน สิริจันโท จันท์) ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเรียนหนังสือมูลเดิม มูลกระจากในสำนักบ้านหนองไหล จนครบอายุอุปสมบท ซึ่งอุปสมบท ณ พัธสีมา วัดบ้านหนองไหลใน ในพ.ศ 2450 เมื่อเรียนมูลเดิม มูลกระจายย์สูตรจบ แล้วท่านได้ออกธุดงค์ ได้ยินชื่อเสียงเกิตรติศักดิ์สำเร็จลุน ญาท่านแสง ท่านได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ท่านสำเร็จลุน ที่ภูเขาควาย ซึ่งขณะนั้น มีพระที่เข้าไปร่ำเรียนวิชาจากท่านสำเร็จลุนอยู่หลายรูป เช่น สำเร็จตัน ญาท่านตู๋ ญาท่านแพง ญาท่านโทน ญาท่านฤทธฺ์ ญาท่านพันธ์ ญาท่านผุย เป็นต้น วิชาที่ท่านได้ศึกษาจากสำเร็จลุน คือ วิชาย่อแผ่นดิน เข้าคำ เข้าเหล็กไหล วิชาทำตะกรุดต่างๆ วิชาจอดดูก รักษาคนเป็นบ้า และอีกหลายวิชารวมทั้งด้านช่าง ด้านก็สร้าง จากนั้นท่านได้กลับมาวัดบ้านเกิดคือวัดบ้านหนองไหล และได้ขึ้นเป็เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองไหล พาชาวบ้านสร้างเสนาสนะ เช่น กุฏิ 3 ชั้น ในปี พ.ศ. 2480 สิ้นเงิน 864 บาท เสร็จภายในปีเดียวกันนั้น ชาวบ้านหนองไหลยังยกยองท่านเป็นพระช่าง พระหมอมนต์ ในโขงเขตนั้นล้วนเข้ามาหาท่าน ให้ท่านเมตตา ท่านยังได้ออกธุดงค์อยู่เรื่อยๆไปหาอาจารย์จนท่านสำเร็จลุนมรณะภาพ ท่านได้ร่วมออกธูดงค์ต่อกับคณะยาท่านตู๋ ญาท่านแพง ญาท่านตัน ญาท่านพัน ไปในสถานที่ต่าง เช่น พม่า ลาว ญาน เป็นต้น ต่อมาในราว พ.ศ.2486 ท่านได้พาพี่พาน้อง คนที่ศรัธาในตัวท่านย้ายบ้านใหม่ไปอยู่บ้านหนองผือ และสร้างวัดขึ้น ชื่อว่าวัดสระบัว โดยได้รับบริจาคจากคนในอำเภอเขมราฐด้วยศรัทธาในจริยวัตร และคุณในตัวท่านเพื่อให้ท่านช่วยเหลือ จำนวน20 ไร่ แต่ตัวท่านขอรับไว้เพียง 6 ไร่ โดยท่านอ้างว่า (บ่อทนปัดทนกวาดดอกที่มันหลายเกินไป เอาเพื่อปฏิบัติบ่อเอาหลายดอก) ท่านได้สร้าง กุฏิ ศาสาใหญ่ขึ้นหลังใหญ่ 2 ขึ้น ดวยความร่วมมือของชาวบ้าน มีเรื่องเล่าจากปากดผุ้เฒ่าผู้แก่ชาวบ้านว่า ตอนสร้างศาลาใหญ่นั้นเกิดมี ช่างคนหนึ่งขึค้นตีอกไก่ ศาลาไม่ทันระวังตกจากศาลา ลงมา ถึงกับขาหัก 2 ท่อน ด้วยเมตตาญาท่านแสงท่านได้ใช้วิชาจอดดูก ในการรังษาอยู่ ประมาณ 7 วัน ช่างคนนั้นก็สามารถกลับมาทำงานได้ต่อ ซึ่งเป็นประจักแก่สายตาคนบ้านหนองผือมาแล้ว ในช่วง ปี 2496 มี ท่านได้พาพี่น้อง บ้านหนองผือไปทำบุญสังฆทานที่บ้านเกิด ที่บ้านหนองไหล เมื่อถึงตอนกลับท่านได้ให้คนกลับก่อน ญาท่านแสงท่านมีธุระที่จะทำต่อก็เป็นเวลาบ่ายแก่แล้ว เดี๋ยวท่านจะนำกลับเอง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านจะกับแบบไหน ทั้งรถราในขณะนั้นก็หายาก แต่ชาวบ้านที่ร่วมขบวนก็บ่อได้เอะใจ เมื่อชาวบ้านกลับมาถึงบ้านหนองผือจะเอาของไปเก็บที่วัด ก็พบญาท่านแสงใส่อังสะนั่งอยู่ในกุฏิ ชาวบ้านจึงได้เข้าไปถามว่าหลวงปู่มาได้จังได๋ ยาท่านแสงบ่อตอบ ได้แต่ยิ้มเฉยๆแล้วเดอนเข้ากุฏิไป นี้ก็เป็นที่ลำ่ำเรืองอีกเรื่องหนึ่งที่ว่า ญาท่านแสงย่อแผ่นดินได้ตามใจนึก กระทั่งยังเป็นเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาให้ลูกให้หลานฟังเท่าทุกวันนี้ เกียวกับปราฏิหารย์ของญาท่านแสง บางครั้งเมื่อถึงวันดีมื้อดีท่านก็จะทำพิธีเข้าทองให้ จากทำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ ในบ้านหนองผือ ท่านจะทำการเป้าทอง เข้าทองเข้าตัว แต่ไม่ได้ตอก หรือเจาะเขา ทานจะมีทองเป็นเม็ดในมือ้มื่อเป่าเล่วท่านกจะลูบไปที่ท้องแขน ท่องนั้นก็จะหายเข้าในตัวได้เอง เมื่อจับดุจึ่งเห็นอยู่ในเนื้อใต้ท้องแขนแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก แตกต่างกลับการฝังโดยตอกเข้าแบบในปัจจุบัน ซึ่งคนที่ได้รับการเข้าทองคนสุดท้ายของบ้านหนองผือได้ตายไปแล้ว ซึ่งท่านอายุถึง 86 ปี ข้อหามของท่านในการเข้าคำ คือไฝ่ผู้ไปกับนำ้ ข้วมน้ำ ข้วมทะเล อันตราย เพราะว่าคนเขาคำตัวจะหนักลอยน้ำอยาก ปราฏิหารย์อภินิหารของญาท่านแสง มีอีกมากมาจนสุดที่จะนำมาบอกกล่าวได้ ท่านมีเหรียญอยู่รุ่นหนึ่งที่ท่านท่านได้เสก คือเหรียญปี 2486 ซึ่งเป็นเหรียญที่ลูกศิษย์จากจังหวัดนครสวรรค์สร้างถวายท่าน จำนวน 120 เหรียญ ซึ่งเป็นเหรียญรูปญาท่านแสงห่มดองนั่งสมาธิเต็มองค์คล้ายเหรียญหลวงพ่อเดิม ด้านบนเป็นอักขระตัวขอม หัวใจธาตุ ด้านล่างองค์ท่านเป็นอักขระขอม อ่านว่า พระแสง อานันโท ด้านหลังเหรียญจะเรียบ ซึ่งเป็นเหรียญที่หายากมาก ในพื้นที่ไม่มีให้เช่าต่างหวงแหน ทุกวันแทบจะไม่มีให้เห็นแล้วครับ ญาท่านแสง อานันโท ท่านได้ถึงแก่มรณะภาพอย่างสงบด้วยโรคชราในปี พ.ศ. 2508(อายุ 78 ปี 66 พรรษา) ด้วยท่านั่งสมาธิในกุฏิของตัวท่านเอง ยังความโศกเศร้าแก่ลูศิษย์ทั้งหลายที่เคารพในองค์ท่าน
    ขอบคุณข้อมูลดีๆจากพี่ คนขวาน หรือพี่โอ๊ะผู้ใจดีครับ

    ที่มา: เว็บอุบลพระดอทคอม

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 5et19.jpg
      5et19.jpg
      ขนาดไฟล์:
      400.3 KB
      เปิดดู:
      448
    • 534468.jpg
      534468.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.7 KB
      เปิดดู:
      2,676
    • ima1ges.jpg
      ima1ges.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.8 KB
      เปิดดู:
      2,425
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2012
  20. คนชอบพระ

    คนชอบพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,017
    ค่าพลัง:
    +924
    อ.แดน ตอนนี้ทางเว็บเข้มงวดมาก ทำลิงค์ออกไปภายนอกก็ไม่ได้ เดี๋ยวโดนลบ อ.แดน เปลี่ยนที่มา เป็น อย่างนี้ได้ไหม ที่มา: เว็บอุบลพระดอทคอม
     

แชร์หน้านี้

Loading...